เพื่อนของดลญาเดินพ้นประตูห้องพักไปกันหมดแล้ว เดือนสิบยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่กลางห้อง เกาท้ายทอยเก้อเขินทำตัวไม่ถูก ดลญาลอบยิ้มมองการกระทำนั้นด้วยใจเต้นระรัว แผนการของหล่อนดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดี
“เอ่อ…” เงียบเกินไปจนคนร่างสูงต้องเอ่ยอะไรออกมาบ้าง แต่กลับไม่รู้จะพูดอะไรดี ได้แต่ยืนอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่นานสองนาน
“ทำไมผมพี่เท็นเป็นแบบนั้นคะ?” คำถามของคนบ
“จิ๊บ…” “มาทำอะไรที่ตึกนิเทศคะ?” เบญจารู้อยู่กับอกแต่ยังถามออกไป คนร่างสูงไม่ได้ตอบทั้งสายตายังไม่ได้จับจ้องอยู่ที่ตัวหล่อน เดือนสิบมองเลยไหล่หล่อนไป เมื่อหันกลับไปมองก็พบคำตอบ “พี่ขอตัวก่อนนะ” ร่างสูงปลีกไปทันที เดินตรงไปหารุ่นพี่ดาวคณะที่ยังคงความนิยมไม่ตก เบญจาได้แต่กำมือแน่นอิจฉาอยู่ในใจ
บทที่ 10 ชัยชนะหรือความรัก ยามนี้แดดร่มลมตก ดลญานั่งเล่นอยู่ตรงม้านั่งในสวนหน้าอาคารคณะ หญิงสาวฮัมเพลงพลางบิดข้อเท้าที่ยังมีผ้ายืดพันไว้ ทว่าต้องหยุดลงเมื่อมีเงาของใครสักคนทาบทับลงมา สาวนิเทศฯ แหงนหน้าขึ้น ขมวดคิ้วมองคนตรงหน้า “มารยา” เบญจาเอ่ยขณะกวาดสายตาทั่วร่างรุ่นพี่สาว “อะไรนะ?!” ดลญาเกลียดทั้งน้ำเสียงและท่าทางของอีกฝ่าย ตวัดมองตาขวาง
ข่าวฉาวซาลงพร้อมกับแอ็กเคานต์นิรนามได้ลบไปแล้ว เบญจาไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับดลญาและเดือนสิบอีก หล่อนเห็นรุ่นพี่วิศวะสาวมานั่งรอดลญาบ้างเป็นบางครั้ง เผลอสบตากันแต่หล่อนเลือกเชิดหน้าใส่ เดือนสิบเองก็เลือกจะนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนเวลาผ่านไปกว่าสองอาทิตย์ วันนี้มีนัดกับธนินหลังเลิกงาน เธอส่งแชตบอกคนน้องซึ่งฝ่ายนั้นตอบกลับเป็นสติกเกอร์ผู้หญิงทำสัญลักษณ์โอเค “ไงมึง ตกลงเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม?” ธนินพูดพร้อมจิบเบียร์ไปด้วย “ยัง” 
บทที่ 11 อยากสารภาพ ภาพถ่ายในแอ็กเคานต์เฟซบุ๊กนั้นเห็นเพียงลำคอระหงกับสร้อยคอสายเชือกที่พ่วงด้วยเกียร์วิศวะฯ ทำเอากลุ่มเพื่อนของดลญาตกใจมิใช่น้อย ด้วยใกล้ครบกำหนดระยะเวลาเดิมพันเข้ามาในไม่ช้า ทุกคนต่างชื่นชม เอ่ยยกยอปอปั้นในความสามารถที่เกี่ยวรุ่นพี่วิศวะสาวมาครอบครองได้ ไม่นานแอปพลิเคชันธนาคารของดลญาได้แจ้งเตือนถึงจำนวนเงิน ‘100,000 บาท’ เข้ามาในบัญชี มันควรเป็นเรื่องน่ายินดีที่หมากเกมนี้หล่อนคว้าชัยชนะมาได้ ทว่าความเป็นจริงดลญากลับมองเครื่องมือสื่อสารด้วยสายตาว่างเปล่า มันแทบไม่มีค่าเลยเมื่อเทียบกับคนตัวสูงที่กำลังส่งยิ้มมาให้ขณะทำอาหารเช้าให้หล่อน ดลญาเพิ่งสำนึกได้ว่าในเกมรักเกมนี้หล่อ
“แฟนเฟินอะไรวะ ยัยเดียร์มันได้เกียร์มาคล้องคอแล้ว อีกไม่นานก็เขี่ยพี่เท็นทิ้ง ใช่ไหม?” สาวนิเทศไม่ตอบ หากชักสีหน้าเมื่อโดนกระแทกไหล่แรง ๆ“ทำไมทำหน้าอย่างนั้น” จิราวรรณหรี่ตาจับผิดเพื่อนสาว“นี่อย่าบอกนะว่าแกตกหลุมรักพี่เท็นเข้าให้แล้วน่ะ”“เฮ้ย!” ทั้งกลุ่มร้องลั่นพร้อมกัน“เอาใจลงไปเล่นด้วยเหรอวะ ระวังเหอะจะตายทั้งเป็น” ดลญาไม่พูดไม่ตอบอะไรทั้งนั้น หญิงสาวเลือกที่จะเงียบ และเพราะการกระทำนี้กระมัง เพื่อนในกลุ่มจึงลงความเห็นว่าเป็นดลญาต่างหากที่เพลี่ยงพล้ำให้กับเกมรักเกมนี้ หาใช่เดือนสิบไม่เสียงสนทนาจางลงพร้อม ๆ กับร่างของเบญจาที่โผล่พ้นต้นไม้ออกมา หญิงสาวยิ้มร้ายมองมือถือในมือที่ได้บันทึกทุกคำพูด
บทที่ 12 ความจริงแสนเจ็บปวด ดลญานั่งสติหลุดอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน หล่อนโทรหาธนินน้ำเสียงสั่นเครือ พูดไม่ได้ศัพท์จนธนินต้องบอกให้ใจเย็น ๆ ทว่าพูดได้ไม่กี่คำก็ปล่อยโฮจนธนินต้องถามว่าอยู่ที่ไหน ดลญาถึงได้บอกอยู่โรงพยาบาล เดือนสิบถูกทำร้าย ตอนนี้อยู่ในห้องฉุกเฉิน ไม่นานธนินก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา “เดียร์!” ชายหนุ่มตกใจกวาดตามองรุ่นน้องสาวทั่วกาย “เกิดอะไรขึ้น ทำไม
“พ่อพูดเล่นปะเนี่ย เดียร์เป็นแฟนเท็นนะ จะทำแบบนั้นไปทำไม” เดือนสิบส่ายหน้ารัว ๆ ถึงปากจะยิ้มและหัวเราะ ทว่าดวงตาคมกลับน้ำตาคลอ“เฮ้ย! ไอ้ธนิน พ่อกูพูดเล่นอะไรก็ไม่รู้ว่ะ แม่งโคตรขำเลย” แล้วเดือนสิบก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ทว่ากลับดูเจ็บปวดมากกว่าตลกขบขัน ธนินหน้าม่อยได้แต่ถอนหายใจ“ไอ้เท็น…” มีแต่ลมที่ออกไปเพราะใจมันเจ็บหน่วงที่ต้องเห็นเพื่อนสนิททำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น“เล่นอะไรกันเนี่ย เท็นไม่ขำนะพ่อ เดียร์เป็นแฟนเท็นนะ”“ใช่ แฟนแกเป็นคนทำ…ทุกอย่าง” น้ำตาเดือนสิบร่วง กะพริบตาถี่ ๆ ไล่มันให้พ้นขอบตา น้ำลายเหนียวจนกลืนลงคอไม่ได้ สาววิศวะส่ายหน้ารัว ลุกออกจากเตียง ถอดสายน้ำเกลือทิ้งไม่ไยดี“ไม่จริง!” ร้องตะโกนอย่างสุดกลั้น
บทที่ 13 ชื่อนี้ไม่เคยลืมเดือนสิบกลับมาฝึกงานในช่วงสัปดาห์สุดท้ายหลังจากพักรักษาตัวไปช่วงหนึ่ง ทางบริษัทและอาจารย์เห็นว่าเป็นเหตุสุดวิสัยจึงเซ็นรับรองผ่านการฝึกงาน หญิงสาวกระพุ่มมือไหว้และเอ่ยขอบคุณรุ่นพี่ทุกคนในบริษัท พี่นัดเดินเข้ามาตบไหล่เอ่ยยินดีหากได้เดือนสิบเข้ามาเป็นหนึ่งในทีมเมื่อเรียนจบ เดือนสิบแบ่งรับแบ่งสู้ไม่ได้ตอบตกลงหากไม่ได้ปฏิเสธ หญิงสาวขับรถกลับมายังคอนโดมิเนียม กลิ่นไอบางอย่างลอยเตะจมูกทันทีที่เปิดประตู มันเป็นกลิ่นของดลญา ผู้หญิงสารเลวที่หลอกปั่นหัวเธออยู่หลายเดือนสาววิศวะทิ้งกายลงบนโซฟา จุดบุหรี่ขึ้นสูบ พ่นควันลอยเคว้งพลางทอดสายตาออกไปนอกระเบียง ท้องฟ้ามืดสนิทมีเพียงแสงไฟนีออนที่ยังส่องสว่าง พื้นที่ตรงนี้เธอเคยนอนกอดดลญามองดูหยาดฝนโปรยปราย หล่อนคนนั้นชอบนอนอิงไหล่ ลูบไล้เรียวนิ้วไปทั่วช่องท้องให้ได้ใจหวิว ยามสบเข้ากับดวงตากลมโตมักมีแสงทอประกายอยู่ในนั้น เดือนสิบหลงใหลดวงหน้าหวานและดวงตากลมแสนซุกซนขี้เล่นที่มักมีเงาของเธออยู่ใ
บทจบ ได้ทั้งเกียร์ได้ทั้งเธอดลญายิ้มแห้งเมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วคุณนุ่นคือลูกพี่ลูกน้องของธนิน หญิงสาวตีไหล่คนรักเนื่องจากถูกปล่อยให้คิดไปเองอยู่พักใหญ่ ถ้าไม่เกิดเรื่องงอนตุ๊บป่องเมื่อสัปดาห์ก่อนหล่อนก็ยังไม่รู้ว่านุ่นคือใคร แล้วที่เคยสังสรรค์จนกลับบ้านดึกดื่นนั่นก็เพราะธนินขอร้องให้อยู่ต่อ “พี่เท็นก็ไม่บอกเดียร์” “ถ้าบอกก็ไม่รู้สิว่าแฟนหึง” คนพี่ยิ้มกริ่ม เดี๋ยวนี้เดือนสิบชักร้าย เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม เจ้าเล่ห์ขึ้น พูดเก่งขึ้น และทำรักมากขึ้น ความต้องการมีไม่สิ้นสุด หล่อนระทดร
“ยังไง บอกฉันมาสิ” หากคนที่บอกจะชดใช้กลับส่ายศีรษะไปมา หล่อนเองก็ไม่รู้เช่นกัน“ระ…หรือพี่เท็น” ก้อนบางอย่างจุกอยู่กลางอกไปจนถึงลำคอ ดลญาพูดต่อไม่ออก แต่พยายามเอื้อนเอ่ยทั้งที่เจ็บไปทั้งใจกับข้อเสนอที่ตนเองได้เอ่ยออกไป“อยากให้เดียร์ไปให้พ้น ๆ” ประโยคนั้นเบาเสียจนต้องเงี่ยหูฟัง ร่างสูงมองมือเล็ก เมื่อมีอาการประหม่าดลญามักจะจิกเล็บลงบนอุ้งมือ“แล้วเธออยากไปให้พ้น ๆ ฉันไหมล่ะ?” คำตอบคือการส่ายหน้ารัว ๆ“งั้นก็อยู่”“คะ?!” ใจดลญาเต้นแรง แหงนหน้ามองคนพี่ที่ส่งสายตาทอประกายมาให้“ฉันเพิ่งรู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยลืมยัยตัวแสบเจ้าแผนการจอมหลอกลวงได้เลย” คราวนี้เป็นดวงตากลมโ
บทที่ 19 ในใจมีเพียงเธอไหล่กว้างไหวสั่นแรงขึ้นขณะปิดหน้าร้องไห้หน้าห้องฉุกเฉิน เป็นเวลาเกือบชั่วโมงแล้วที่ร่างไร้สติของดลญาอยู่หลังประตูบานนั้น เดือนสิบโทรหาบิดาและธนินด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พูดไม่ได้ศัพท์จนบิดาต้องบอกให้ใจเย็นจะรีบไปหาส่วนธนินติดธุระอยู่ต่างจังหวัดแต่จะรีบมาทันทีที่เสร็จงาน ดวงตาคมแดงก่ำน้ำตาไหลพรากมองสิ่งที่อยู่ในมือ ‘สร้อยเกียร์วิศวะ’ ดลญายอมทิ้งชีวิตเพื่อเจ้าสิ่งนี้ทั้ง ๆ ที่มันแสนไร้ค่า เดือนสิบลูบหน้าแรง ๆ เสยผมขึ้น ส่ายศีรษะไปมา ในหัวมันขาวโพลนตอนที่ลากร่างไร้สติขึ้นมาบนฝั่ง ตะโกนเรียกหล่อน ไม่มีเสียงตอบกลับยิ่งทำให้ลนลาน แทบคลั่งเมื่อเห็นว่าในมือหล่อนกำอะไรอยู่ มือเล็กกำมันแน่นไม่ปล่อยจนเธอต้องใช้แรงง้างนิ้วทั้งห้าให้ปล่อยไม่นานคุณดนัยก็ถึงโรงพยาบาล เดือนสิบโผเข้ากอดท่านทันที ร่ำไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเมื่อครั้งที่รู้ความจริงเกี่ยวกับดลญา ช่วงนั้นบุตรสาวท่านเป็นบ้าไปเลย ไม่กินและไม่นอนเอาแต่ร้องไห้ กว่าจะกลับมาเป็นปกติ
เรื่องซุบซิบความสัมพันธ์ของคนในโรงงานมีมากมายนับไม่ถ้วน คบคนนี้ เลิกคนนั้น เป็นชู้ ลักลอบได้เสียกัน ดลญาอยู่นานจนเริ่มชินชากับเรื่องพวกนี้ หล่อนปรับตัวเข้ากับสังคมได้แล้วแม้จะไม่ได้มีเพื่อนสนิทเลยสักคนก็เถอะ การอยู่ลำพังนั้นไม่ได้แย่อย่างที่คิด เพียงแต่ไม่มีคนไว้คอยพูดคุยปรึกษาก็เท่านั้น ดลญาไม่ใคร่สนใจผู้ใด หล่อนทำงานของตนเองให้เสร็จลุล่วงไปวัน ๆ ทว่าก็ต้องมีเรื่องราวให้ปวดเศียรเวียนเกล้าอีกครั้ง คู่อริเก่าอย่างนวลตาเริ่มเข้ามาหาเรื่องอีกครั้ง เนื่องมาจากแฟนเก่านวลตามาจีบดลญา หล่อนบอกปฏิเสธฝ่ายนั้นไปแล้วแต่ชายหนุ่มยังดื้อด้านตามรังควานไม่เลิก“แรด!” ดลญากลอกตา ก้นหย่อนลงเก้าอี้ทำงานไม่ถึงสามวินาทีก็ถูกด่ากระทบกระเทียบ หล่อนทำเฉยเหมือนไม่ได้ยิน หากอีกฝ่ายกลับเดินมาชนไหล่จนเกือบตกเก้าอี้ ดลญาถอนหายใจแรง ๆ ถึงชินกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อิจฉาริษยา แต่หล่อนก็เบื่อ ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ไปยุ่งกับใครกลับโดนเกลียดเสียอย่างนั้น&n
บทที่ 18 สถานะที่ไม่ชัดเจนคุณดนัยและเดือนสิบเลือกใช้สวนหย่อมแทนการพูดคุยในห้อง ผู้มากอายุกว่ากระชับกรอบแว่นมองบุตรสาวนิ่ง ๆ เดือนสิบเองเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำผิดจึงเอาแต่ก้มหน้าประสานมืออยู่กลางลำตัว“กลับมาคบกันเหรอ?” คำถามของผู้เป็นพ่อยิงตรงเข้าประเด็น ไม่อ้อมค้อม“เปล่าค่ะ” คำตอบของบุตรสาวทำให้คิ้วเข้มต้นฉบับขมวด“ไม่คบแล้วหนูคนนั้นมาอยู่ในห้องแกได้ไง?”“เอ่อ…” เดือนสิบเล่าเหตุการณ์คร่าว ๆ ถึงสาเหตุที่ดลญาต้องมาอยู่กับเธอ ท่านนั่งเงียบฟังไม่ปริปากเอ่ยขัดจังหวะจนจบ“เรื่องบนเตียงไม่เกี่ยวกับว่าคบกันหรือไม่คบสินะ”“ไม่
วันหยุดสุดสัปดาห์เดือนสิบมีนัดกับธนินเนื่องจากไม่ได้เจอกันนานแล้วด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องทำ“มึงว่าอะไรนะ?! ตอนนี้น้องเดียร์อยู่คอนโดฯ มึงเหรอ?” สีหน้าและท่าทาของธนินดูตกใจกับสารใหม่ที่เพิ่งได้รู้ ชายหนุ่มหรี่ตามองเพื่อนที่ยังคงหน้านิ่งจิบเบียร์และหยิบถั่วเข้าปาก“น้องเดียร์ก็แปลก เป็นคุณหนูดี ๆ ไม่ชอบ อยากตกระกำลำบากมาเป็นสาวโรงงาน กูล่ะงงจริง” ธนินเกาหัวแกรก ๆ เมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากเพื่อนสนิท 
บทที่ 17 ไม่ชอบแต่ได้ชิดใกล้ ตาคมเลื่อนไปมองมุมล่างของแล็ปท็อปอยู่เสมอ สั่นขารอว่าเมื่อไรจะถึงเวลาเลิกงาน อาการนั้นทำให้เพื่อน ๆ ต่างมองเดือนสิบยิ้ม ๆ ด้วยรู้ถึงความสัมพันธ์ของเพื่อนกับหญิงสาวในไลน์ผลิต พอได้เวลาเลิกงานเดือนสิบก็ลุกพรวดปิดเครื่อง คว้ากระเป๋าพาดไหล่ บอกลาเพื่อนร่วมงานทันที หลังสแกนออกงานเรียบร้อย เดือนสิบแทบวิ่งไปยังลานจอดรถ สตาร์ตรถออกไปรอใครบางคนหน้าโรงงานทันที ร่างสูงชะเง้อจนคอยาว พอเห็นดลญาเดินถือกระเป๋าใกล้เข้ามาจึงขับรถตามหล่อน ‘ปี๊น!’ บีบแตรเรียกหล่อนเบา ๆ ดลญาสะดุ้งหันไปมอง
เดือนสิบอุ้มดลญามาจนถึงห้องพยาบาล ระยะไม่ไกลมากจึงไม่เหนื่อย หล่อนได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเรียบร้อย ตรวจดูอาการข้อเท้ายังพอเดินได้แต่อาจจะต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุง เดือนสิบถอนหายใจหลายสิบครั้ง ยังอารมณ์เสียไม่หาย ไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่ดลญาถูกรุมทำร้าย“เสร็จแล้วค่ะ ทำเรื่องขอลาหัวหน้าได้เลยนะคะ” เสียงของพยาบาลประจำโรงงานเอ่ยกับดลญา“ไม่เป็นไรค่ะ เดียร์จะไปทำงานต่อค่ะ”“จะไม่เป็นไรได้ไง ดูสภาพตัวเองหน่อย” เป็นเดือนสิบที่เดือดร้อนจนทนไม่ไหว พยาบาลมองทั้งสองเลิ่กลั่กก่อนปลีกตัวให้ทั้งคู่ได้คุยกัน“เดียร์ไม่อยากถูกไล่ออก” โทษสถานหนักของพนักงานที่ทะเลาะวิวาทคือไล่ออก“เธอมีเรื่องอะไรกับพวกนั้น” ดลญาเองก็ไม่รู้ หล่อนส่ายศีรษะช้
บทที่ 16 ห่วงแบบแอบ ๆ ดลญาลาป่วยครบกำหนดตามใบรับรองแพทย์แล้ว อาการเท้าแพลงยังมีอยู่บ้างแต่เดินคล่องขึ้นกว่าวันแรก หล่อนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องโดยเดือนสิบยืนสูบบุหรี่จิบกาแฟตรงระเบียง ร่างสูงสูดอากาศยามเช้าเข้าปอด รู้สึกสดชื่นจนเผลอผิวปากอย่างอารมณ์ดี สองวันที่ผ่านมาได้หลับเต็มตาไม่ตื่นขึ้นกลางดึกอย่างเคย เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับใบหน้าสวยหวานที่ไร้ซึ่งเครื่องสำอาง บุหรี่หมดมวนพอดี เดือนสิบทิ้งมันลงถังขยะ ขมวดคิ้วมองร่างเพรียวเล็กน้อย สาเหตุที่หลับสบายคงไม่ใช่เพราะหล่อนหรอกกระมัง “แต่งหน้าบ้างเถอะ ซีดอย่างกับศพ” วาจาร้าย ๆ รับอรุณ ดลญาทำปากยื่นบ่นอุบอิบ หยิบลิปสติกขึ้นมาเติม เ