คุณดนัยและเดือนสิบเลือกใช้สวนหย่อมแทนการพูดคุยในห้อง ผู้มากอายุกว่ากระชับกรอบแว่นมองบุตรสาวนิ่ง ๆ เดือนสิบเองเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำผิดจึงเอาแต่ก้มหน้าประสานมืออยู่กลางลำตัว
“กลับมาคบกันเหรอ?” คำถามของผู้เป็นพ่อยิงตรงเข้าประเด็น ไม่อ้อมค้อม
“เปล่าค่ะ” คำตอบของบุตรสาวทำให้คิ้วเข้มต้นฉบับขมวด
“ไม่คบแล้วหนูคนนั้นมาอยู่ในห้องแกได้ไง?”
“เอ่อ…” เดือนสิบเล่าเหตุการณ์คร่าว ๆ ถึงสาเหตุที่ดลญาต้องมาอยู่กับเธอ ท่านนั่งเงียบฟังไม่ปริปากเอ่ยขัดจังหวะจนจบ
“เรื่องบนเตียงไม่เกี่ยวกับว่าคบกันหรือไม่คบสินะ”
“ไม่
เรื่องซุบซิบความสัมพันธ์ของคนในโรงงานมีมากมายนับไม่ถ้วน คบคนนี้ เลิกคนนั้น เป็นชู้ ลักลอบได้เสียกัน ดลญาอยู่นานจนเริ่มชินชากับเรื่องพวกนี้ หล่อนปรับตัวเข้ากับสังคมได้แล้วแม้จะไม่ได้มีเพื่อนสนิทเลยสักคนก็เถอะ การอยู่ลำพังนั้นไม่ได้แย่อย่างที่คิด เพียงแต่ไม่มีคนไว้คอยพูดคุยปรึกษาก็เท่านั้น ดลญาไม่ใคร่สนใจผู้ใด หล่อนทำงานของตนเองให้เสร็จลุล่วงไปวัน ๆ ทว่าก็ต้องมีเรื่องราวให้ปวดเศียรเวียนเกล้าอีกครั้ง คู่อริเก่าอย่างนวลตาเริ่มเข้ามาหาเรื่องอีกครั้ง เนื่องมาจากแฟนเก่านวลตามาจีบดลญา หล่อนบอกปฏิเสธฝ่ายนั้นไปแล้วแต่ชายหนุ่มยังดื้อด้านตามรังควานไม่เลิก“แรด!” ดลญากลอกตา ก้นหย่อนลงเก้าอี้ทำงานไม่ถึงสามวินาทีก็ถูกด่ากระทบกระเทียบ หล่อนทำเฉยเหมือนไม่ได้ยิน หากอีกฝ่ายกลับเดินมาชนไหล่จนเกือบตกเก้าอี้ ดลญาถอนหายใจแรง ๆ ถึงชินกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อิจฉาริษยา แต่หล่อนก็เบื่อ ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ไปยุ่งกับใครกลับโดนเกลียดเสียอย่างนั้น&n
บทที่ 19 ในใจมีเพียงเธอไหล่กว้างไหวสั่นแรงขึ้นขณะปิดหน้าร้องไห้หน้าห้องฉุกเฉิน เป็นเวลาเกือบชั่วโมงแล้วที่ร่างไร้สติของดลญาอยู่หลังประตูบานนั้น เดือนสิบโทรหาบิดาและธนินด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พูดไม่ได้ศัพท์จนบิดาต้องบอกให้ใจเย็นจะรีบไปหาส่วนธนินติดธุระอยู่ต่างจังหวัดแต่จะรีบมาทันทีที่เสร็จงาน ดวงตาคมแดงก่ำน้ำตาไหลพรากมองสิ่งที่อยู่ในมือ ‘สร้อยเกียร์วิศวะ’ ดลญายอมทิ้งชีวิตเพื่อเจ้าสิ่งนี้ทั้ง ๆ ที่มันแสนไร้ค่า เดือนสิบลูบหน้าแรง ๆ เสยผมขึ้น ส่ายศีรษะไปมา ในหัวมันขาวโพลนตอนที่ลากร่างไร้สติขึ้นมาบนฝั่ง ตะโกนเรียกหล่อน ไม่มีเสียงตอบกลับยิ่งทำให้ลนลาน แทบคลั่งเมื่อเห็นว่าในมือหล่อนกำอะไรอยู่ มือเล็กกำมันแน่นไม่ปล่อยจนเธอต้องใช้แรงง้างนิ้วทั้งห้าให้ปล่อยไม่นานคุณดนัยก็ถึงโรงพยาบาล เดือนสิบโผเข้ากอดท่านทันที ร่ำไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเมื่อครั้งที่รู้ความจริงเกี่ยวกับดลญา ช่วงนั้นบุตรสาวท่านเป็นบ้าไปเลย ไม่กินและไม่นอนเอาแต่ร้องไห้ กว่าจะกลับมาเป็นปกติ
“ยังไง บอกฉันมาสิ” หากคนที่บอกจะชดใช้กลับส่ายศีรษะไปมา หล่อนเองก็ไม่รู้เช่นกัน“ระ…หรือพี่เท็น” ก้อนบางอย่างจุกอยู่กลางอกไปจนถึงลำคอ ดลญาพูดต่อไม่ออก แต่พยายามเอื้อนเอ่ยทั้งที่เจ็บไปทั้งใจกับข้อเสนอที่ตนเองได้เอ่ยออกไป“อยากให้เดียร์ไปให้พ้น ๆ” ประโยคนั้นเบาเสียจนต้องเงี่ยหูฟัง ร่างสูงมองมือเล็ก เมื่อมีอาการประหม่าดลญามักจะจิกเล็บลงบนอุ้งมือ“แล้วเธออยากไปให้พ้น ๆ ฉันไหมล่ะ?” คำตอบคือการส่ายหน้ารัว ๆ“งั้นก็อยู่”“คะ?!” ใจดลญาเต้นแรง แหงนหน้ามองคนพี่ที่ส่งสายตาทอประกายมาให้“ฉันเพิ่งรู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยลืมยัยตัวแสบเจ้าแผนการจอมหลอกลวงได้เลย” คราวนี้เป็นดวงตากลมโ
บทจบ ได้ทั้งเกียร์ได้ทั้งเธอดลญายิ้มแห้งเมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วคุณนุ่นคือลูกพี่ลูกน้องของธนิน หญิงสาวตีไหล่คนรักเนื่องจากถูกปล่อยให้คิดไปเองอยู่พักใหญ่ ถ้าไม่เกิดเรื่องงอนตุ๊บป่องเมื่อสัปดาห์ก่อนหล่อนก็ยังไม่รู้ว่านุ่นคือใคร แล้วที่เคยสังสรรค์จนกลับบ้านดึกดื่นนั่นก็เพราะธนินขอร้องให้อยู่ต่อ “พี่เท็นก็ไม่บอกเดียร์” “ถ้าบอกก็ไม่รู้สิว่าแฟนหึง” คนพี่ยิ้มกริ่ม เดี๋ยวนี้เดือนสิบชักร้าย เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม เจ้าเล่ห์ขึ้น พูดเก่งขึ้น และทำรักมากขึ้น ความต้องการมีไม่สิ้นสุด หล่อนระทดร
บทที่ 1 ดลญาเดือนสิบภาพสะท้อนในกระจกเงาแสดงให้เห็นถึงผู้หญิงร่างผอมเพรียวทว่ามีหน้าอกหน้าใจใหญ่คัพซี เอวคอดและสะโพกผาย หล่อนกำลังหยิบลิปสติกสีใหม่ขึ้นมาปาดริมฝีปาก ปลายนิ้วไล้เกลี่ยไปตามขอบปากให้ฟุ้งตามสมัยนิยม “สีสวยว่ะแก” ใครสักคนที่ยืนอยู่ด้วยกันเอ่ยชม หล่อนคนนั้นยักคิ้ว ยื่นมันไปให้“ลองไหม?”“ไม่ละ ฉันทาสีแดงไม่เคยรอดสักที” เจ้าของลิปสติกยักไหล่แล้วเก็บมันลงกระเป๋าแบรนด์Cคอลเลกชันใหม่ หญิงสาวสำรวจใบหน้าและทรงผมของตนเองอีกครั้ง ก่อนเดินออกจากห้องน้ำ ตลอดทางมีสายตานับสิบคอยมองตลอด ด้วยความที่หล่อนเป็นผู้หญิงสวยและยังเป็นถึงดาวคณะอีกด้วย ใคร ๆ ก็ต่างรู้จักและต้องการตีสนิทด้วย แต่ความหยิ่งยโสของคนสวยก็เลื่องชื่อไม่น้อย ‘ดลญา หรือ เดียร์’ หลานสาวอดีตผู้นำการเมืองฝ่ายรัฐบาล ฐานะทางสังคมและการเงินเข้าขั้นเศรษฐี แบรนด์เนมทั้งตัว ขับซูเปอร์คาร์คันละสี่สิบล้านมาเรียนทุกวัน และคบค้าสมาคมเฉพาะเพื่อนระดับเดียวกันเท่านั้น ดลญาเดินพูดคุยหยอกล้อกับเพื่อนในกลุ่มไปจนถึงหน้าอาคารเรียน “ขอโทษครับ” เสียงทุ้มเรียกความสนใจ หล่อนปรายตามองเล็กน้อย“เอ่อ…พี่ชื่อแม๊กนะ อยู่บริหาร” “ค่ะ” ใบหน้าของหญิงส
เสียงลูกบาสเกตบอลกระทบพื้นดังไปทั่วพื้นที่ มีผู้หญิงร่างสูงกำลังเลี้ยงลูกบอลไปยังฝั่งตรงข้ามโดยมีผู้เล่นอีกฝ่ายคอยสกัดกั้นไม่ให้ร่างสูงส่งบอลให้กับเพื่อนร่วมทีม ทว่าคนที่ชำนาญกลับหลบเลี่ยงและสามารถชูตบอลลงแป้นคว้าสองคะแนนให้เพื่อนร่วมทีมได้อย่างง่ายดาย เรียกเสียงโห่ร้องดีใจจากผู้ชมบนอัฒจันทร์ได้มากมาย ผู้หญิงร่างสูงยังคงทำคะแนนให้กับทีมได้อีกหลายแต้มติดกันจนจบเกมการแข่งขัน ทีมที่ชนะก็คือทีมของหญิงสาวนั่นเอง ร่างสูงโปร่งเดินมาทิ้งกายลงข้างสนาม คว้าขวดน้ำขึ้นมาดื่มจนหมด การแข่งขันไม่ได้จริงจังอะไรและเป็นการเล่นแบบผสมชายหญิงด้วยซ้ำ แต่ผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มกลับไม่ออมแรงให้ชายชาตรีสักนิด กระทบไหล่ กระแทกตัวใส่จนล้มหน้าคว่ำไปหมด “เฮ้ย! ไอ้เท็น” เพื่อนร่วมทีมตบไหล่ “กูจะชวนมึงไปอเล็กซ์หน่อย” อเล็กซ์คือชื่อสถานบันเทิงอันเลื่องชื่อและเป็นที่รู้จักของนักศึกษาเกือบทุกคน “ห้ามปฏิเสธ คราวที่แล้วมึงก็ไม่ไปทีละนะ” “อยากอ่านหนังสือ” เจ้าตัวบอกง่าย ๆ พลางปรายตามองกลุ่มหญิงสาวที่กำลังโบกมือให้ตนเองอยู่บนอัฒจันทร์ ‘เท็น หรือ เดือนสิบ’
บทที่ 2 ยาก ๆ สิเร้าใจ รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าสถานบันเทิง พนักงานดูแลความปลอดภัยต่างกรูเข้ามาใกล้ด้วยเหตุจากสภาพรถยนต์และคนขับดูไม่ใช่ลูกค้ามีระดับอย่างที่เคยเข้าใช้บริการ ร่างสูงในชุดเสื้อยืดขาวสวมทับด้วยเชิ้ตสีดำแขนยาว กางเกงยีนและรองเท้ากีฬาสภาพเขรอะไปด้วยฝุ่นกำลังเลิกคิ้วมองเหล่าชายฉกรรจ์สองสามคนตรงหน้า “น้องมาผิดที่หรือเปล่า?” หนึ่งในนั้นถามขึ้น มองอีกฝ่ายศีรษะจดปลายเท้า “ทำไม?” น้ำเสียงติดห้วนทำให้คนถามขมวดคิ้ว เจ้าของรถกระบะสะบัดปลายเสื้อเชิ้ตไหวไหล่เล็กน้อย ก่อนเบี่ยงตัวเดินเลี่ยงไปยังทางเข้า แต่กลับถูกพนักงานกลุ่มนั้นตามมารั้งแขนไว้ “เฮ้ย!” นั่นคือเสียงของเดือนสิบ หญิงสาวมองมือคล้ำของอีกฝ่าย สีหน้าแสดงความไม่พอใจชัดเจน “จะออกไปดี ๆ หรือ…” “ทำอะไรวะ?” ใครสักคนร้องทักเสียงดัง กลุ่มชายฉกรรจ์ถอยห่างเพราะนั่นคือปวินเจ้าของร้าน “น้องผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ลูกค้าของเราครับคุณวิน” หัวคิ้วปวินขมวดปม “นี่น้องกูเอง บ้านมันรวยกว่ากูอีก แต่ชอบทำตัวยาจก” ปวินหัว
“ทำอะไรของเธอ” เสียงเข้มกดต่ำ หรี่ตามองผู้หญิงตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง ทว่าดลญากลับฉีกยิ้มหวาน ส่งสายตาทอประกาย หล่อนไม่มีทางยอมเสียหน้าเพื่อนในกลุ่มและตกเป็นรองเบญจาเด็ดขาด “พี่เท็นเลี้ยงค็อกเทลเดียร์สักแก้วสิคะ” “เป็นขอทานเหรอ?” เดือนสิบตอบเสียงเรียบ พยายามแกะมือปลาหมึกของหล่อนออก “ว่าอะไรนะคะ?” เมื่อครู่หล่อนฟังไม่ผิดแน่ หล่อนถูกรุ่นพี่สาวด่า!“นอกจากเป็นขอทานแล้วยังหูไม่ดีอีกนะ เหอะ!” “เอ๊ะ!” คราวนี้คุณหนูคนสวยไม่อาจทนยิ้มหวานได้อีกแล้ว หล่อนเป็นผู้ปล่อยแขนเอง ตากลมโตจ้องเขม็งแสดงถึงความโกรธเกรี้ยวอย่างที่สุด แต่เดือนสิบผู้ที่ไม่สนใจโลกทำเพียงไหวไหล่ไม่ยี่หระต่อสิ่งที่พูดธนินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ยกมุมปาก มองทั้งสองยิ้ม ๆ เพราะไม่คาดคิดว่าดาวคณะนิเทศศาสตร์จะเป็นฝ่ายเข้าหาเพื่อนสนิทของตนก่อน ทั้งยังโดนตอกหน้าแทบหงายอีก น่าเสียดายที่ยามนี้ไฟทั้งผับถูกดับให้มืดลงกว่าเดิม คนอื่นจึงไม่มีทางรู้เลยว่าเพื่อนสนิทของเขาและแม่สาวทรงโตกำลังทำอะไรกันอยู่ แม้ภาพจะดูเกาะก่ายกัน ทว่าความจริงไม่ใช่อย่างนั้นสักนิด ชายหนุ่มยักไหล่คว้าแก้วเครื่องดื่มของตนแล้วปลีกไปอีกทาง ไม่ใช่
บทจบ ได้ทั้งเกียร์ได้ทั้งเธอดลญายิ้มแห้งเมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วคุณนุ่นคือลูกพี่ลูกน้องของธนิน หญิงสาวตีไหล่คนรักเนื่องจากถูกปล่อยให้คิดไปเองอยู่พักใหญ่ ถ้าไม่เกิดเรื่องงอนตุ๊บป่องเมื่อสัปดาห์ก่อนหล่อนก็ยังไม่รู้ว่านุ่นคือใคร แล้วที่เคยสังสรรค์จนกลับบ้านดึกดื่นนั่นก็เพราะธนินขอร้องให้อยู่ต่อ “พี่เท็นก็ไม่บอกเดียร์” “ถ้าบอกก็ไม่รู้สิว่าแฟนหึง” คนพี่ยิ้มกริ่ม เดี๋ยวนี้เดือนสิบชักร้าย เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม เจ้าเล่ห์ขึ้น พูดเก่งขึ้น และทำรักมากขึ้น ความต้องการมีไม่สิ้นสุด หล่อนระทดร
“ยังไง บอกฉันมาสิ” หากคนที่บอกจะชดใช้กลับส่ายศีรษะไปมา หล่อนเองก็ไม่รู้เช่นกัน“ระ…หรือพี่เท็น” ก้อนบางอย่างจุกอยู่กลางอกไปจนถึงลำคอ ดลญาพูดต่อไม่ออก แต่พยายามเอื้อนเอ่ยทั้งที่เจ็บไปทั้งใจกับข้อเสนอที่ตนเองได้เอ่ยออกไป“อยากให้เดียร์ไปให้พ้น ๆ” ประโยคนั้นเบาเสียจนต้องเงี่ยหูฟัง ร่างสูงมองมือเล็ก เมื่อมีอาการประหม่าดลญามักจะจิกเล็บลงบนอุ้งมือ“แล้วเธออยากไปให้พ้น ๆ ฉันไหมล่ะ?” คำตอบคือการส่ายหน้ารัว ๆ“งั้นก็อยู่”“คะ?!” ใจดลญาเต้นแรง แหงนหน้ามองคนพี่ที่ส่งสายตาทอประกายมาให้“ฉันเพิ่งรู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยลืมยัยตัวแสบเจ้าแผนการจอมหลอกลวงได้เลย” คราวนี้เป็นดวงตากลมโ
บทที่ 19 ในใจมีเพียงเธอไหล่กว้างไหวสั่นแรงขึ้นขณะปิดหน้าร้องไห้หน้าห้องฉุกเฉิน เป็นเวลาเกือบชั่วโมงแล้วที่ร่างไร้สติของดลญาอยู่หลังประตูบานนั้น เดือนสิบโทรหาบิดาและธนินด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พูดไม่ได้ศัพท์จนบิดาต้องบอกให้ใจเย็นจะรีบไปหาส่วนธนินติดธุระอยู่ต่างจังหวัดแต่จะรีบมาทันทีที่เสร็จงาน ดวงตาคมแดงก่ำน้ำตาไหลพรากมองสิ่งที่อยู่ในมือ ‘สร้อยเกียร์วิศวะ’ ดลญายอมทิ้งชีวิตเพื่อเจ้าสิ่งนี้ทั้ง ๆ ที่มันแสนไร้ค่า เดือนสิบลูบหน้าแรง ๆ เสยผมขึ้น ส่ายศีรษะไปมา ในหัวมันขาวโพลนตอนที่ลากร่างไร้สติขึ้นมาบนฝั่ง ตะโกนเรียกหล่อน ไม่มีเสียงตอบกลับยิ่งทำให้ลนลาน แทบคลั่งเมื่อเห็นว่าในมือหล่อนกำอะไรอยู่ มือเล็กกำมันแน่นไม่ปล่อยจนเธอต้องใช้แรงง้างนิ้วทั้งห้าให้ปล่อยไม่นานคุณดนัยก็ถึงโรงพยาบาล เดือนสิบโผเข้ากอดท่านทันที ร่ำไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเมื่อครั้งที่รู้ความจริงเกี่ยวกับดลญา ช่วงนั้นบุตรสาวท่านเป็นบ้าไปเลย ไม่กินและไม่นอนเอาแต่ร้องไห้ กว่าจะกลับมาเป็นปกติ
เรื่องซุบซิบความสัมพันธ์ของคนในโรงงานมีมากมายนับไม่ถ้วน คบคนนี้ เลิกคนนั้น เป็นชู้ ลักลอบได้เสียกัน ดลญาอยู่นานจนเริ่มชินชากับเรื่องพวกนี้ หล่อนปรับตัวเข้ากับสังคมได้แล้วแม้จะไม่ได้มีเพื่อนสนิทเลยสักคนก็เถอะ การอยู่ลำพังนั้นไม่ได้แย่อย่างที่คิด เพียงแต่ไม่มีคนไว้คอยพูดคุยปรึกษาก็เท่านั้น ดลญาไม่ใคร่สนใจผู้ใด หล่อนทำงานของตนเองให้เสร็จลุล่วงไปวัน ๆ ทว่าก็ต้องมีเรื่องราวให้ปวดเศียรเวียนเกล้าอีกครั้ง คู่อริเก่าอย่างนวลตาเริ่มเข้ามาหาเรื่องอีกครั้ง เนื่องมาจากแฟนเก่านวลตามาจีบดลญา หล่อนบอกปฏิเสธฝ่ายนั้นไปแล้วแต่ชายหนุ่มยังดื้อด้านตามรังควานไม่เลิก“แรด!” ดลญากลอกตา ก้นหย่อนลงเก้าอี้ทำงานไม่ถึงสามวินาทีก็ถูกด่ากระทบกระเทียบ หล่อนทำเฉยเหมือนไม่ได้ยิน หากอีกฝ่ายกลับเดินมาชนไหล่จนเกือบตกเก้าอี้ ดลญาถอนหายใจแรง ๆ ถึงชินกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อิจฉาริษยา แต่หล่อนก็เบื่อ ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ไปยุ่งกับใครกลับโดนเกลียดเสียอย่างนั้น&n
บทที่ 18 สถานะที่ไม่ชัดเจนคุณดนัยและเดือนสิบเลือกใช้สวนหย่อมแทนการพูดคุยในห้อง ผู้มากอายุกว่ากระชับกรอบแว่นมองบุตรสาวนิ่ง ๆ เดือนสิบเองเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำผิดจึงเอาแต่ก้มหน้าประสานมืออยู่กลางลำตัว“กลับมาคบกันเหรอ?” คำถามของผู้เป็นพ่อยิงตรงเข้าประเด็น ไม่อ้อมค้อม“เปล่าค่ะ” คำตอบของบุตรสาวทำให้คิ้วเข้มต้นฉบับขมวด“ไม่คบแล้วหนูคนนั้นมาอยู่ในห้องแกได้ไง?”“เอ่อ…” เดือนสิบเล่าเหตุการณ์คร่าว ๆ ถึงสาเหตุที่ดลญาต้องมาอยู่กับเธอ ท่านนั่งเงียบฟังไม่ปริปากเอ่ยขัดจังหวะจนจบ“เรื่องบนเตียงไม่เกี่ยวกับว่าคบกันหรือไม่คบสินะ”“ไม่
วันหยุดสุดสัปดาห์เดือนสิบมีนัดกับธนินเนื่องจากไม่ได้เจอกันนานแล้วด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องทำ“มึงว่าอะไรนะ?! ตอนนี้น้องเดียร์อยู่คอนโดฯ มึงเหรอ?” สีหน้าและท่าทาของธนินดูตกใจกับสารใหม่ที่เพิ่งได้รู้ ชายหนุ่มหรี่ตามองเพื่อนที่ยังคงหน้านิ่งจิบเบียร์และหยิบถั่วเข้าปาก“น้องเดียร์ก็แปลก เป็นคุณหนูดี ๆ ไม่ชอบ อยากตกระกำลำบากมาเป็นสาวโรงงาน กูล่ะงงจริง” ธนินเกาหัวแกรก ๆ เมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากเพื่อนสนิท 
บทที่ 17 ไม่ชอบแต่ได้ชิดใกล้ ตาคมเลื่อนไปมองมุมล่างของแล็ปท็อปอยู่เสมอ สั่นขารอว่าเมื่อไรจะถึงเวลาเลิกงาน อาการนั้นทำให้เพื่อน ๆ ต่างมองเดือนสิบยิ้ม ๆ ด้วยรู้ถึงความสัมพันธ์ของเพื่อนกับหญิงสาวในไลน์ผลิต พอได้เวลาเลิกงานเดือนสิบก็ลุกพรวดปิดเครื่อง คว้ากระเป๋าพาดไหล่ บอกลาเพื่อนร่วมงานทันที หลังสแกนออกงานเรียบร้อย เดือนสิบแทบวิ่งไปยังลานจอดรถ สตาร์ตรถออกไปรอใครบางคนหน้าโรงงานทันที ร่างสูงชะเง้อจนคอยาว พอเห็นดลญาเดินถือกระเป๋าใกล้เข้ามาจึงขับรถตามหล่อน ‘ปี๊น!’ บีบแตรเรียกหล่อนเบา ๆ ดลญาสะดุ้งหันไปมอง
เดือนสิบอุ้มดลญามาจนถึงห้องพยาบาล ระยะไม่ไกลมากจึงไม่เหนื่อย หล่อนได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเรียบร้อย ตรวจดูอาการข้อเท้ายังพอเดินได้แต่อาจจะต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุง เดือนสิบถอนหายใจหลายสิบครั้ง ยังอารมณ์เสียไม่หาย ไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่ดลญาถูกรุมทำร้าย“เสร็จแล้วค่ะ ทำเรื่องขอลาหัวหน้าได้เลยนะคะ” เสียงของพยาบาลประจำโรงงานเอ่ยกับดลญา“ไม่เป็นไรค่ะ เดียร์จะไปทำงานต่อค่ะ”“จะไม่เป็นไรได้ไง ดูสภาพตัวเองหน่อย” เป็นเดือนสิบที่เดือดร้อนจนทนไม่ไหว พยาบาลมองทั้งสองเลิ่กลั่กก่อนปลีกตัวให้ทั้งคู่ได้คุยกัน“เดียร์ไม่อยากถูกไล่ออก” โทษสถานหนักของพนักงานที่ทะเลาะวิวาทคือไล่ออก“เธอมีเรื่องอะไรกับพวกนั้น” ดลญาเองก็ไม่รู้ หล่อนส่ายศีรษะช้
บทที่ 16 ห่วงแบบแอบ ๆ ดลญาลาป่วยครบกำหนดตามใบรับรองแพทย์แล้ว อาการเท้าแพลงยังมีอยู่บ้างแต่เดินคล่องขึ้นกว่าวันแรก หล่อนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องโดยเดือนสิบยืนสูบบุหรี่จิบกาแฟตรงระเบียง ร่างสูงสูดอากาศยามเช้าเข้าปอด รู้สึกสดชื่นจนเผลอผิวปากอย่างอารมณ์ดี สองวันที่ผ่านมาได้หลับเต็มตาไม่ตื่นขึ้นกลางดึกอย่างเคย เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับใบหน้าสวยหวานที่ไร้ซึ่งเครื่องสำอาง บุหรี่หมดมวนพอดี เดือนสิบทิ้งมันลงถังขยะ ขมวดคิ้วมองร่างเพรียวเล็กน้อย สาเหตุที่หลับสบายคงไม่ใช่เพราะหล่อนหรอกกระมัง “แต่งหน้าบ้างเถอะ ซีดอย่างกับศพ” วาจาร้าย ๆ รับอรุณ ดลญาทำปากยื่นบ่นอุบอิบ หยิบลิปสติกขึ้นมาเติม เ