เสียงลูกบาสเกตบอลกระทบพื้นดังไปทั่วพื้นที่ มีผู้หญิงร่างสูงกำลังเลี้ยงลูกบอลไปยังฝั่งตรงข้ามโดยมีผู้เล่นอีกฝ่ายคอยสกัดกั้นไม่ให้ร่างสูงส่งบอลให้กับเพื่อนร่วมทีม ทว่าคนที่ชำนาญกลับหลบเลี่ยงและสามารถชูตบอลลงแป้นคว้าสองคะแนนให้เพื่อนร่วมทีมได้อย่างง่ายดาย เรียกเสียงโห่ร้องดีใจจากผู้ชมบนอัฒจันทร์ได้มากมาย ผู้หญิงร่างสูงยังคงทำคะแนนให้กับทีมได้อีกหลายแต้มติดกันจนจบเกมการแข่งขัน
ทีมที่ชนะก็คือทีมของหญิงสาวนั่นเอง ร่างสูงโปร่งเดินมาทิ้งกายลงข้างสนาม คว้าขวดน้ำขึ้นมาดื่มจนหมด การแข่งขันไม่ได้จริงจังอะไรและเป็นการเล่นแบบผสมชายหญิงด้วยซ้ำ แต่ผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มกลับไม่ออมแรงให้ชายชาตรีสักนิด กระทบไหล่ กระแทกตัวใส่จนล้มหน้าคว่ำไปหมด
“เฮ้ย! ไอ้เท็น” เพื่อนร่วมทีมตบไหล่
“กูจะชวนมึงไปอเล็กซ์หน่อย” อเล็กซ์คือชื่อสถานบันเทิงอันเลื่องชื่อและเป็นที่รู้จักของนักศึกษาเกือบทุกคน
“ห้ามปฏิเสธ คราวที่แล้วมึงก็ไม่ไปทีละนะ”
“อยากอ่านหนังสือ” เจ้าตัวบอกง่าย ๆ พลางปรายตามองกลุ่มหญิงสาวที่กำลังโบกมือให้ตนเองอยู่บนอัฒจันทร์ ‘เท็น หรือ เดือนสิบ’ เป็นที่รู้จักกันในฐานะนักกีฬาของมหาวิทยาลัยและยังเป็นที่หมายปองของสาว ๆ หลายคน ด้วยเพราะรูปร่างอันสูงโปร่ง ใบหน้าสวยคม คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ผิวขาวเหลือง ทว่าตลอดสี่ปีกลับยังไม่มีใครได้รับเกียร์จากเดือนสิบไปคล้องที่คอเลยสักคน ส่วนมากหญิงสาวจะมีความสัมพันธ์แบบชั่วข้ามคืนและไม่นิยมสานสัมพันธ์กับคนในมหาวิทยาลัยเดียวกัน
“ยังไงมึงก็ได้เกียรตินิยมอยู่แล้ว จะขยันห่าอะไรนักหนา” เดือนสิบคว้าผ้าขนหนูผืนเล็กมาเช็ดหน้าและแขน ลุกขึ้นเต็มความสูงพร้อมคว้ากระเป๋าเป้มาคล้องไหล่ด้านหนึ่ง
“ไปเหอะ น้องสกายเขาอยากเจอมึง” ธนินทำเป็นหว่านล้อม แต่จริง ๆ มีแผนอยู่ในใจ
“ทำตัวเป็นพ่อสื่อไม่เลิก” เดือนสิบส่ายหน้าสาวเท้าหนีทันที แต่เพื่อนสนิทกลับวิ่งตามจนทัน
“พี่เท็นคะ น้ำส้มค่ะ” เสียงเล็กเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นขวดน้ำมาตรงหน้า เดือนสิบมองนิ่ง ๆ ไม่มีท่าทีสนใจอะไรจนเพื่อนสนิทอย่างธนินต้องรับมาแทน
“ขอบคุณครับน้อง” คนให้หน้าม่อย น้ำตาคลอ ทว่าเจ้าของร่างสูงโปร่งไม่สนใจ
“แดกเองแล้วกัน” แต่ก็ยังมีน้ำใจไม่พูดต่อหน้ารุ่นน้องสาวคนนั้น ธนินเลียปากแล้วเปิดขวดน้ำส้มกระดกดื่มจนหมด
“ตกลงไป?”
“ไม่ กูไม่ว่าง”
“ไม่ว่างเ-หี้ยอะไร มึงเป็นฤๅษีหรือไง จำศีลอยู่แต่ในคอนโดฯ ออกไปทำอะไรสนุก ๆ บ้างเถอะ”
“สนุกของมึงคือการได้แอ้มหญิง?” ธนินไหวไหล่ไม่ปฏิเสธ
“เห็นว่าน้องจิ๊บเด็กมึงก็ไปด้วยนะ”
“ไม่ใช่เด็กกู” จริงอยู่ที่เธอเคยคบหาดูใจกับเบญจา ทว่ามันเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เมื่อความรู้สึกบอกไม่ใช่ก็แยกทาง
“เอ้อ! เหมือนพวกน้องเดียร์ก็ไปด้วยนะ”
“เดียร์ไหนวะ?” เดือนสิบไม่ค่อยรู้จักใครสักเท่าไร อาจเพราะเป็นคนเก็บตัวไม่สุงสิงกับคนแปลกหน้า เพื่อนสนิทก็มีเพียงธนินคนเดียว ส่วนคนอื่นคบหาผ่าน ๆ ไม่ได้สนิทชิดเชื้อ
“น้องเดียร์ดาวคณะนิเทศฯ ไงมึง คนที่สวยฉิบหาย แต่หยิ่งโคตร ๆ มึงเคยพูดว่าเขาสวยตอนงานละครเวทีคณะนิเทศฯ ไง” เดือนสิบครางในใจ คลับคล้ายคลับคลา
“ตกลงไปนะ กูจะได้บอกพวก” คนที่ถูกเพื่อนเดินตอแยมาตั้งแต่อาคารกีฬาในร่มมาจนถึงลานจอดรถหรี่ตา
“แปลก ๆ นะมึง”
“แปลกอะไรวะ?” ธนินพยายามทำตัวเป็นปกติที่สุด แต่ในใจกลับร้อนรน เนื่องจากชายหนุ่มได้มีข้อตกลงกับเพื่อนในแก๊งของดลญาไว้ หากพาตัวเดือนสิบมนุษย์ถ้ำออกมาเจอได้ หล่อนจะเลี้ยงเครื่องดื่มตลอดคืน
“นั่นไง ๆ น้องเดียร์” และโชคดีที่กลุ่มของดลญาเดินผ่านมาพอดี เดือนสิบจึงละความสนใจจากธนิน มองตามปลายนิ้วเพื่อนสนิท หล่อนสวยเด่นกว่าใคร ผมยาวสีน้ำตาลดัดลอนเกือบถึงกลางหลัง ร่างเพรียวทว่าหน้าอกใหญ่สะโพกผาย กระโปรงนักศึกษาทรงเอสั้นไม่กี่คืบทั้งยังแหวกสูงอวดน่องเล็กและขาอ่อน นักศึกษาชายบริเวณนั้นมองเป็นตาเดียว แต่เจ้าหล่อนไม่ยักสนใจ ยังคงพูดคุยหยอกล้อกับเพื่อนไปจนพ้นสายตา
“น้องเขายังไม่มีแฟนนะเว้ย”
“แล้ว?” เดือนสิบเปิดประตูรถโยนกระเป๋าเข้าไป
“มึงก็ไม่มีแฟนนิ ไปเจองานนี้อาจมีสปาร์ก”
“สปาร์กพ่อง!” มือเรียวหมายฟาดลงยังศีรษะเพื่อนสนิท ทว่าธนินหลบทัน
“คืนนี้เจอกันสามทุ่ม”
“กูยังไม่ได้บอกว่าจะไป”
“โธ่…ไปเจอเพื่อนเจอฝูงบ้างไอ้เ-หี้ย อย่าทำตัวเป็นคนอกหักไปหน่อยเลย” พอพูดมาถึงตรงนี้ธนินกลับชะงักงันไป เขาเผลอเอ่ยสิ่งที่ไม่ควรออกไป ไม่มีใครรู้ว่าช่วงปีการศึกษาที่หนึ่ง เดือนสิบคบหาดูใจกับรุ่นพี่สาวคนหนึ่ง ตั้งมั่นในใจว่าหากดูใจกันไปสักระยะจะมอบเกียร์ให้พี่สาวคนนั้น ทว่าเดือนสิบนั้นต้องผิดหวังเพราะแฟนสาวรุ่นพี่นอกใจและคล้องเกียร์ของคนอื่นแทนของตนเองไปแล้ว และหลังจากนั้นเดือนสิบก็แทบไม่เปิดใจคบใครอีกเลย เห็นจะมีแค่พียงเบญจาเท่านั้นที่เข้ามา หากแต่ระยะเวลาที่คบหากันก็ช่างสั้นจนน่าตกใจ หลังจากรู้ว่าคบกัน ผ่านไปไม่กี่วันทั้งสองได้ยุติความสัมพันธ์กันเสียแล้ว
“เอ่อ…คือ”
“เออ สามทุ่มเจอกัน กูกลับบ้านไปอาบน้ำก่อน” ได้ยินเช่นนั้นธนินยิ้มกว้างแทบกระโดดกอดเพื่อนสนิท แต่ถูกบาทาขนาดสามสิบเก้ายันขาไว้เสียก่อน
เมื่อเดือนสิบขับรถออกไปธนินจึงรีบโทรหาจิราวรรณหรือจีจี้เพื่อนในกลุ่มดลญาทันที บอกความคืบหน้าทั้งยังทวงสัญญาที่อีกฝ่ายบอกไว้ เขาไม่ได้คิดขายเพื่อนเพียงแต่หวังดีอยากให้เดือนสิบได้เจอรักครั้งใหม่บ้าง บางทีการเจอดลญาอาจนำพาสิ่งดี ๆ เข้ามาก็ได้ ส่วนพวกเครื่องดื่มมึนเมาก็ถือว่าเป็นของแถมเท่านั้นเอง
ทันทีที่ดลญารู้ว่ามีชื่อของเดือนสิบไปยังสถานบันเทิงด้วยอีกคน ใจของหญิงสาวเต้นรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หล่อนสืบประวัติคร่าว ๆ ของรุ่นพี่วิศวะฯ คนนี้มาแล้ว เป็นพวกอินโทรเวิร์ตไม่ชอบสุงสิงกับใคร ทว่าฮอตปรอทแตกไม่ต่างจากหล่อน มีสาว ๆ เรียงแถวดาหน้าเข้ามาให้เลือกมากมาย ทว่ากลับไม่มีใครได้ใจและเกียร์ของอีกฝ่าย ส่วนคู่แข่งอย่างเบญจาหรือจิ๊บเห็นว่าคบหาดูใจกันเพียงระยะสั้น ๆ แค่ไม่กี่อาทิตย์ สถานะคนรักเจ้าหล่อนยังไม่ได้เลยกระมัง ดลญายิ้มกริ่มไม่มองว่าเบญจาเป็นคู่แข่งด้วยซ้ำ คนอย่างหล่อนอยากได้อะไรก็ต้องได้ และเดือนสิบต้องให้เกียร์หล่อนในเวลาไม่ถึงเจ็ดวันแน่ ๆ
“แกอย่ามั่นหน้าไปหน่อยเลยยัยเดียร์” เสียงของจิราวรรณทำเอาอารมณ์ดลญาเดือดปุด
“บอกเลยว่าพี่เท็นน่ะโคตรยาก บางทีแกอาจจะเสียตัวแต่ไม่ได้เกียร์มาคล้องคอก็ได้ ใครจะไปรู้”
“เหอะ! ยากกว่านี้ฉันก็กินมาแล้วย่ะ แค่นี้จิ๊บ ๆ” ดลญายิ้มอวดดี ตาเป็นประกายขณะมองบัญชีโซเชียลมีเดียของเดือนสิบที่มีเพียงรูปถ่ายบาสเกตบอลเพียงรูปเดียว เพื่อนในกลุ่มหันมองหน้ากันทันที ยักไหล่ส่งสายตาให้กันทำนองว่าเดี๋ยวก็ได้รู้ว่างานนี้จะออกหัวหรือก้อย เพราะพวกหล่อนก็ต่างได้ยินกิตติศัพท์ความไม่สนใจใครของเดือนสิบมาไม่ต่างกัน บางทีงานนี้ดลญาอาจจะโดนตอกความมั่นใจฝังลงดินก็ได้ ใครเล่าจะรู้
บทที่ 2 ยาก ๆ สิเร้าใจ รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าสถานบันเทิง พนักงานดูแลความปลอดภัยต่างกรูเข้ามาใกล้ด้วยเหตุจากสภาพรถยนต์และคนขับดูไม่ใช่ลูกค้ามีระดับอย่างที่เคยเข้าใช้บริการ ร่างสูงในชุดเสื้อยืดขาวสวมทับด้วยเชิ้ตสีดำแขนยาว กางเกงยีนและรองเท้ากีฬาสภาพเขรอะไปด้วยฝุ่นกำลังเลิกคิ้วมองเหล่าชายฉกรรจ์สองสามคนตรงหน้า “น้องมาผิดที่หรือเปล่า?” หนึ่งในนั้นถามขึ้น มองอีกฝ่ายศีรษะจดปลายเท้า “ทำไม?” น้ำเสียงติดห้วนทำให้คนถามขมวดคิ้ว เจ้าของรถกระบะสะบัดปลายเสื้อเชิ้ตไหวไหล่เล็กน้อย ก่อนเบี่ยงตัวเดินเลี่ยงไปยังทางเข้า แต่กลับถูกพนักงานกลุ่มนั้นตามมารั้งแขนไว้ “เฮ้ย!” นั่นคือเสียงของเดือนสิบ หญิงสาวมองมือคล้ำของอีกฝ่าย สีหน้าแสดงความไม่พอใจชัดเจน “จะออกไปดี ๆ หรือ…” “ทำอะไรวะ?” ใครสักคนร้องทักเสียงดัง กลุ่มชายฉกรรจ์ถอยห่างเพราะนั่นคือปวินเจ้าของร้าน “น้องผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ลูกค้าของเราครับคุณวิน” หัวคิ้วปวินขมวดปม “นี่น้องกูเอง บ้านมันรวยกว่ากูอีก แต่ชอบทำตัวยาจก” ปวินหัว
“ทำอะไรของเธอ” เสียงเข้มกดต่ำ หรี่ตามองผู้หญิงตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง ทว่าดลญากลับฉีกยิ้มหวาน ส่งสายตาทอประกาย หล่อนไม่มีทางยอมเสียหน้าเพื่อนในกลุ่มและตกเป็นรองเบญจาเด็ดขาด “พี่เท็นเลี้ยงค็อกเทลเดียร์สักแก้วสิคะ” “เป็นขอทานเหรอ?” เดือนสิบตอบเสียงเรียบ พยายามแกะมือปลาหมึกของหล่อนออก “ว่าอะไรนะคะ?” เมื่อครู่หล่อนฟังไม่ผิดแน่ หล่อนถูกรุ่นพี่สาวด่า!“นอกจากเป็นขอทานแล้วยังหูไม่ดีอีกนะ เหอะ!” “เอ๊ะ!” คราวนี้คุณหนูคนสวยไม่อาจทนยิ้มหวานได้อีกแล้ว หล่อนเป็นผู้ปล่อยแขนเอง ตากลมโตจ้องเขม็งแสดงถึงความโกรธเกรี้ยวอย่างที่สุด แต่เดือนสิบผู้ที่ไม่สนใจโลกทำเพียงไหวไหล่ไม่ยี่หระต่อสิ่งที่พูดธนินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ยกมุมปาก มองทั้งสองยิ้ม ๆ เพราะไม่คาดคิดว่าดาวคณะนิเทศศาสตร์จะเป็นฝ่ายเข้าหาเพื่อนสนิทของตนก่อน ทั้งยังโดนตอกหน้าแทบหงายอีก น่าเสียดายที่ยามนี้ไฟทั้งผับถูกดับให้มืดลงกว่าเดิม คนอื่นจึงไม่มีทางรู้เลยว่าเพื่อนสนิทของเขาและแม่สาวทรงโตกำลังทำอะไรกันอยู่ แม้ภาพจะดูเกาะก่ายกัน ทว่าความจริงไม่ใช่อย่างนั้นสักนิด ชายหนุ่มยักไหล่คว้าแก้วเครื่องดื่มของตนแล้วปลีกไปอีกทาง ไม่ใช่
บทที่ 3 ฉันรู้ทันคงเพราะคนร่างสูงที่เอาแต่ยืนกอดอกถอนหายใจกระมังจึงทำให้ดลญารู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางทั้ง ๆ ที่เนื้อตัวมีแต่รอยฟกช้ำ เพราะถูกคนเมาเข้าใกล้หวังทำมิดีมิร้ายขณะเดินมาเข้าห้องน้ำ“ยืนไหวไหม?” น้ำเสียงราบเรียบถามขึ้น ไม่ได้แสดงถึงความเป็นห่วงใยหรือหงุดหงิด “วะ…ไหวค่ะ” เดือนสิบปล่อยให้ดลญายืนด้วยตนเอง แต่เพียงเสี้ยววินาทีหล่อนก็ทำท่าจะล้มหงายหลัง ผลสุดท้ายคนที่บอกตนเองว่าไม่อยากสนใจก็ต้องคอยดูแลหล่อน “ไปโรงพยาบาลไหม?” ดูเหมือนข้อเท้าอีกฝ่ายจะแพลง “พี่เท็นจะไปส่งเหรอคะ?” ยื่นคำถามหยั่งเชิง เห็นแววตาลังเลของเดือนสิบจึงลอบยิ้ม “หรือจะเรียกแท็กซี่ให้เดียร์ก็ได้ค่ะ แต่ว่า…” ใบหน้าสวยหวานเจื่อนลง คิ้วเรียวขมวด ทั้งน้ำเสียงยังฟังดูคล้ายหล่อนมีความกังวลระคนกลัว “เพิ่งมีข่าวแท็กซี่ข่มขืนและฆ่านักศึกษาไปเมื่อวันก่อน” ข่าวนั้นเดือนสิบเองก็ได้ยิน เนื่องจากเป็นข่าวดังที่คนร้ายยังลอยนวลอยู่ และมีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก สาววิศวะฯ นิ่งไปชั่วขณะ ชำเลืองมองคนที่ยังนั่งคลึงขาตนเอง ลอบถอนหายใจก่อนเอ่ย“เดี๋ยวพาไป ลุก
หลังจากได้เบอร์โทรและไลน์ของเดือนสิบดลญาจึงรีบส่งไปอวดเพื่อน ๆ ในกลุ่ม ทั้งยังแนบรูปยามรุ่นพี่สาวขับรถและรอหล่อนขณะพบแพทย์อีกด้วย เรียกเสียงฮือฮาในกลุ่มได้เป็นอย่างมาก DEAR : ฉันบอกพวกแกแล้วว่าอย่าเอาฉันไปเทียบกับนังจิ๊บ คนละชั้นกันย่ะ!” JEEJEE : ย่ะ แม่คนเก่ง ฉันจะรอดูว่าแกจะได้เกียร์พี่เท็นตอนไหน อีกสักปีหรือสองปีน้า? หรือจะไม่ได้เลย คริคริ นั่นถือเป็นประโยคสบประมาทสำหรับดลญาผู้ไม่ชอบเป็นฝ่ายแพ้ หล่อนเชิดหน้ากดแป้นพิมพ์รัวDEAR : อย่ามาดูถูกกันนะ เอาอย่างนี้ไหมล่ะ ถ้าภายในสามเดือนฉันไม่ได้เกียร์พี่เท็นมาคล้องคอ ฉันจะให้เงินสดโอนเข้าบัญชีพวกแกคนละห้าหมื่นไปเลย สิ้นประโยคนั้นในแชตกลุ่มก็เงียบลงก่อนที่จะมีสติกเกอร์หลากหลายรูปแบบแสดงขึ้นที่หน้าจอ ดูเหมือนเพื่อนในกลุ่มจะชอบข้อเสนอที่ดลญายื่นให้ DEAR : แต่ถ้าฉันได้เกียร์พี่เท็นมาภายในสามเดือน พวกแกต้องรวมเงินให้ฉันหนึ่งแสน ตกลงไหม?ALL : DEAL! ดลญาทิ้งกายลงยังเตียงนุ่มทันทีหลังจากทำข้อตกลงกับเพื่อนในกลุ่มเสร็จสรรพ ตากลมสวยมองภาพของเดือนสิบที่แอบถ่ายไว้ หญิงสาวแสดงสีหน้าร้ายกาจอย่างไม่ปิดบัง ดาวคณะคนสวยมีแผนการในหัวอยู่แล้ว จริง ๆ เด
บทที่ 4 เดียร์จะจีบพี่เท็นคงไม่ใช่แค่เจ้าของชื่อที่ยืนอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน แม้แต่ธนินและนักศึกษาที่เดินอยู่รอบ ๆ ก็มีอาการไม่ต่างกัน ก่อนพวกนั้นจะยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปแล้วเดินซุบซิบหนีไปทันที ธนินยืนมองตาปริบ ๆ หันมองเดือนสิบทีดลญาที ไม่คาดคิดว่าตนเองจะต้องมาเป็นสักขีพยานแห่งรักของเพื่อนสนิท“พูดบ้าอะไรของเธอ?” ร่างสูงโปร่งปรี่เข้าใส่ดลญา ดีที่ธนินขวางไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นหล่อนคงถูกเดือนสิบบีบคอเป็นแน่“เป็นแฟนกับเดียร์นะคะพี่เท็น”“นี่เธอ! หยุดเลยนะ” ไอ้ท่าทางกระมิดกระเมี้ยนเจียมตัว ทำหน้าทำตาให้เธอสงสาร นั่นมันคือการแสดงทั้งนั้น จะว่าเดือนสิบดูออกก็ไม่เชิง เพียงแต่เธอแค่รู้ทันพวกคุณหนูบ้านรวยแสนเอาแต่ใจ ในอดีตเดือนสิบเคยเป็นน้องปีหนึ่งที่ไม่คิดจะสุงสิงยุ่งเกี่ยวกับใคร ทว่ากลับมีรุ่นพี่คนสวยมาหยอดมาอ้อนและมาใกล้ชิดสนิทสนมจนเธอตกหลุมพรางและเริ่มก่อความสัมพันธ์ แต่ในเวลาไม่นานเดือนสิบก็ได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว รุ่นพี่คนนั้นไม่ได้คิดจริงจังและจริงใจอะไรต่อเธอเลย หล่อนก็แค่พนันกับเพื่อนว่าหากได้คนที่เงียบที่สุดในรุ่นมาเป็นแฟนจะได้มือถือรุ่นใหม่ล่าสุด เรื่องราวในครั้งนั้นมีเพียงธนินเพื่อนสน
“เออน่า…มึงก็น่าจะให้โอกาสน้องเขาหน่อย ตอนน้องจิ๊บกูก็นึกว่าจะคบกันยาว ๆ ที่ไหนได้ ตดยังไม่ทันจะหายเหม็นก็เลิกกันซะละ มึงเลิกปิดตัวปิดใจได้แล้ว หรือว่ามึงยังคิดถึงเรื่องพี่กัญอยู่วะ?” ชื่อนั้นเดือนสิบไม่ได้ยินมานานหลายปี พอได้ยินอีกครั้งข้างในอกเริ่มบีบรัด สีหน้าเปลี่ยนไปจนธนินที่เพิ่งรู้ตัวว่าพูดไม่คิดก็ได้แต่ก่นด่าตนเองในใจ เขาน่าจะรู้ดีว่ารุ่นพี่คนนั้นสร้างบาดแผลร้ายแรงไว้ในใจเพื่อนสนิทแค่ไหน“กู…ขอโทษว่ะ” คนที่มีอดีตทำเพียงไหวไหล่ หยิบบุหรี่แล้วคล้องไหล่ธนินเดินไปพื้นที่สูบบุหรี่ควันเทา ๆ กับใจหม่น ๆ คงเข้ากันดีหากมีฝนตกลงมา ทว่ายามนี้แดดเปรี้ยงจนต้องหยีตามองฟ้า เดือนสิบทอดถอนใจ พ่นควันออกปากเฉกเช่นเดียวกับธนิน“ผู้หญิงคนนั้นก็คงไม่ต่างจากคนอื่น” ถึงหัวใจไม่ได้มีกำแพงหนาหลายชั้นจนยากจะเข้าไป ทว่ามันก็ไม่ได้เปิดรับทุกคนที่ผ่านเข้ามา เนื่องจากความชอกช้
บทที่ 5 แรงกระเพื่อมที่แผ่วเบาและคงเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานมีหลายคนเห็นเหตุการณ์พอดิบพอดี เช้านี้หัวข้อสนทนาในตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์และนิเทศศาสตร์จึงเป็นเรื่องของเดือนสิบและดลญา มีข่าวลือออกไปหลากหลายประเด็นตามแต่คนจะจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็นดาวคณะสวยเด่นอย่างดลญากู่ก้องร้องตะโกนว่ามีใจให้รุ่นพี่วิศวะฯ สาว หรือจะเป็นเดือนสิบปฏิเสธรักไม่แยแสดลญาแม้แต่น้อย และก็มีหลายคนที่ตั้งข้อสงสัยว่าทั้งคู่อาจเป็นแฟนกันแล้ว เพียงแต่ง้องอนกันตามประสาคนรัก ข่าวต่าง ๆ ดังให้ได้ยินแค่เพียงช่วงเช้าก่อนจะซาลงไปเพราะมีเรื่องอื่นน่าสนใจกว่า แต่คงไม่ใช่กับเบญจา หล่อนยืนหน้าเครียดกอดอกมองดลญาไม่วางตา“นังนั่นมีอะไรดีกว่าฉัน?” เบญจาเปรยขึ้นขณะเดินเข้ามายังโรงอาหารของคณะ เพื่อนในกลุ่มไม่ได้ตอบเพียงยักไหล่เล็กน้อยด้วยเข้าใจว่าเบญจาไม่ได้ถามแต่พูดกับตนเอง ถึงเบญจาจะเป็นน้องปีหนึ่งสดใหม่ แต่ความสวยยังห่างชั้นกับดลญาอยู่มาก รายนั้
“นะคะพี่เท็น…” อีกครั้งที่สาวนิเทศใช้ทักษะการแสดงที่ร่ำเรียนมา“เฮ้อ…” เดือนสิบพ่นลมหายใจหนัก ๆ“อืม ก็ได้” ลงท้ายก็ยอม คงเพราะน้ำเสียงและท่าทางอ้อน ๆ นั้นกระมังถึงพาเอาใจสั่นไหว“จริงนะคะ” ดวงตากลมโตทอประกาย ซ่อนความดีใจไม่มิด“แต่บอกไว้เลยนะว่า คนอย่างฉันไม่มีทางเชื่อผู้หญิงรวย ๆ อย่างเธอหรอก” ดูเหมือนเดือนสิบต้องเตือนตัวเองว่าอย่าหลงกลสายตาและท่าทางราวลูกแมวน้อยของอีกฝ่ายด้วยการทำเสียงห้วน ๆ ซึ่งมันอาจใช้ไม่ได้ผลสักเท่าไร“แหม…แล้วนักศึกษาที่มหา’ลัยนี้ใครไม่รวยบ้างคะ พี่เท็นก็รวย” ถึงจะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแต่คณะวิศวกรรมศาสตร์ของเดือนสิบนั้นต้องสอบเข้าถึงจะได้ศึกษา มีเงินแล้วได้เรียนคงใช้ไม่ได้สำหรับที่นี่ ส่วนดลญา
บทจบ ได้ทั้งเกียร์ได้ทั้งเธอดลญายิ้มแห้งเมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วคุณนุ่นคือลูกพี่ลูกน้องของธนิน หญิงสาวตีไหล่คนรักเนื่องจากถูกปล่อยให้คิดไปเองอยู่พักใหญ่ ถ้าไม่เกิดเรื่องงอนตุ๊บป่องเมื่อสัปดาห์ก่อนหล่อนก็ยังไม่รู้ว่านุ่นคือใคร แล้วที่เคยสังสรรค์จนกลับบ้านดึกดื่นนั่นก็เพราะธนินขอร้องให้อยู่ต่อ “พี่เท็นก็ไม่บอกเดียร์” “ถ้าบอกก็ไม่รู้สิว่าแฟนหึง” คนพี่ยิ้มกริ่ม เดี๋ยวนี้เดือนสิบชักร้าย เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม เจ้าเล่ห์ขึ้น พูดเก่งขึ้น และทำรักมากขึ้น ความต้องการมีไม่สิ้นสุด หล่อนระทดร
“ยังไง บอกฉันมาสิ” หากคนที่บอกจะชดใช้กลับส่ายศีรษะไปมา หล่อนเองก็ไม่รู้เช่นกัน“ระ…หรือพี่เท็น” ก้อนบางอย่างจุกอยู่กลางอกไปจนถึงลำคอ ดลญาพูดต่อไม่ออก แต่พยายามเอื้อนเอ่ยทั้งที่เจ็บไปทั้งใจกับข้อเสนอที่ตนเองได้เอ่ยออกไป“อยากให้เดียร์ไปให้พ้น ๆ” ประโยคนั้นเบาเสียจนต้องเงี่ยหูฟัง ร่างสูงมองมือเล็ก เมื่อมีอาการประหม่าดลญามักจะจิกเล็บลงบนอุ้งมือ“แล้วเธออยากไปให้พ้น ๆ ฉันไหมล่ะ?” คำตอบคือการส่ายหน้ารัว ๆ“งั้นก็อยู่”“คะ?!” ใจดลญาเต้นแรง แหงนหน้ามองคนพี่ที่ส่งสายตาทอประกายมาให้“ฉันเพิ่งรู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยลืมยัยตัวแสบเจ้าแผนการจอมหลอกลวงได้เลย” คราวนี้เป็นดวงตากลมโ
บทที่ 19 ในใจมีเพียงเธอไหล่กว้างไหวสั่นแรงขึ้นขณะปิดหน้าร้องไห้หน้าห้องฉุกเฉิน เป็นเวลาเกือบชั่วโมงแล้วที่ร่างไร้สติของดลญาอยู่หลังประตูบานนั้น เดือนสิบโทรหาบิดาและธนินด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พูดไม่ได้ศัพท์จนบิดาต้องบอกให้ใจเย็นจะรีบไปหาส่วนธนินติดธุระอยู่ต่างจังหวัดแต่จะรีบมาทันทีที่เสร็จงาน ดวงตาคมแดงก่ำน้ำตาไหลพรากมองสิ่งที่อยู่ในมือ ‘สร้อยเกียร์วิศวะ’ ดลญายอมทิ้งชีวิตเพื่อเจ้าสิ่งนี้ทั้ง ๆ ที่มันแสนไร้ค่า เดือนสิบลูบหน้าแรง ๆ เสยผมขึ้น ส่ายศีรษะไปมา ในหัวมันขาวโพลนตอนที่ลากร่างไร้สติขึ้นมาบนฝั่ง ตะโกนเรียกหล่อน ไม่มีเสียงตอบกลับยิ่งทำให้ลนลาน แทบคลั่งเมื่อเห็นว่าในมือหล่อนกำอะไรอยู่ มือเล็กกำมันแน่นไม่ปล่อยจนเธอต้องใช้แรงง้างนิ้วทั้งห้าให้ปล่อยไม่นานคุณดนัยก็ถึงโรงพยาบาล เดือนสิบโผเข้ากอดท่านทันที ร่ำไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเมื่อครั้งที่รู้ความจริงเกี่ยวกับดลญา ช่วงนั้นบุตรสาวท่านเป็นบ้าไปเลย ไม่กินและไม่นอนเอาแต่ร้องไห้ กว่าจะกลับมาเป็นปกติ
เรื่องซุบซิบความสัมพันธ์ของคนในโรงงานมีมากมายนับไม่ถ้วน คบคนนี้ เลิกคนนั้น เป็นชู้ ลักลอบได้เสียกัน ดลญาอยู่นานจนเริ่มชินชากับเรื่องพวกนี้ หล่อนปรับตัวเข้ากับสังคมได้แล้วแม้จะไม่ได้มีเพื่อนสนิทเลยสักคนก็เถอะ การอยู่ลำพังนั้นไม่ได้แย่อย่างที่คิด เพียงแต่ไม่มีคนไว้คอยพูดคุยปรึกษาก็เท่านั้น ดลญาไม่ใคร่สนใจผู้ใด หล่อนทำงานของตนเองให้เสร็จลุล่วงไปวัน ๆ ทว่าก็ต้องมีเรื่องราวให้ปวดเศียรเวียนเกล้าอีกครั้ง คู่อริเก่าอย่างนวลตาเริ่มเข้ามาหาเรื่องอีกครั้ง เนื่องมาจากแฟนเก่านวลตามาจีบดลญา หล่อนบอกปฏิเสธฝ่ายนั้นไปแล้วแต่ชายหนุ่มยังดื้อด้านตามรังควานไม่เลิก“แรด!” ดลญากลอกตา ก้นหย่อนลงเก้าอี้ทำงานไม่ถึงสามวินาทีก็ถูกด่ากระทบกระเทียบ หล่อนทำเฉยเหมือนไม่ได้ยิน หากอีกฝ่ายกลับเดินมาชนไหล่จนเกือบตกเก้าอี้ ดลญาถอนหายใจแรง ๆ ถึงชินกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อิจฉาริษยา แต่หล่อนก็เบื่อ ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ไปยุ่งกับใครกลับโดนเกลียดเสียอย่างนั้น&n
บทที่ 18 สถานะที่ไม่ชัดเจนคุณดนัยและเดือนสิบเลือกใช้สวนหย่อมแทนการพูดคุยในห้อง ผู้มากอายุกว่ากระชับกรอบแว่นมองบุตรสาวนิ่ง ๆ เดือนสิบเองเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำผิดจึงเอาแต่ก้มหน้าประสานมืออยู่กลางลำตัว“กลับมาคบกันเหรอ?” คำถามของผู้เป็นพ่อยิงตรงเข้าประเด็น ไม่อ้อมค้อม“เปล่าค่ะ” คำตอบของบุตรสาวทำให้คิ้วเข้มต้นฉบับขมวด“ไม่คบแล้วหนูคนนั้นมาอยู่ในห้องแกได้ไง?”“เอ่อ…” เดือนสิบเล่าเหตุการณ์คร่าว ๆ ถึงสาเหตุที่ดลญาต้องมาอยู่กับเธอ ท่านนั่งเงียบฟังไม่ปริปากเอ่ยขัดจังหวะจนจบ“เรื่องบนเตียงไม่เกี่ยวกับว่าคบกันหรือไม่คบสินะ”“ไม่
วันหยุดสุดสัปดาห์เดือนสิบมีนัดกับธนินเนื่องจากไม่ได้เจอกันนานแล้วด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องทำ“มึงว่าอะไรนะ?! ตอนนี้น้องเดียร์อยู่คอนโดฯ มึงเหรอ?” สีหน้าและท่าทาของธนินดูตกใจกับสารใหม่ที่เพิ่งได้รู้ ชายหนุ่มหรี่ตามองเพื่อนที่ยังคงหน้านิ่งจิบเบียร์และหยิบถั่วเข้าปาก“น้องเดียร์ก็แปลก เป็นคุณหนูดี ๆ ไม่ชอบ อยากตกระกำลำบากมาเป็นสาวโรงงาน กูล่ะงงจริง” ธนินเกาหัวแกรก ๆ เมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากเพื่อนสนิท 
บทที่ 17 ไม่ชอบแต่ได้ชิดใกล้ ตาคมเลื่อนไปมองมุมล่างของแล็ปท็อปอยู่เสมอ สั่นขารอว่าเมื่อไรจะถึงเวลาเลิกงาน อาการนั้นทำให้เพื่อน ๆ ต่างมองเดือนสิบยิ้ม ๆ ด้วยรู้ถึงความสัมพันธ์ของเพื่อนกับหญิงสาวในไลน์ผลิต พอได้เวลาเลิกงานเดือนสิบก็ลุกพรวดปิดเครื่อง คว้ากระเป๋าพาดไหล่ บอกลาเพื่อนร่วมงานทันที หลังสแกนออกงานเรียบร้อย เดือนสิบแทบวิ่งไปยังลานจอดรถ สตาร์ตรถออกไปรอใครบางคนหน้าโรงงานทันที ร่างสูงชะเง้อจนคอยาว พอเห็นดลญาเดินถือกระเป๋าใกล้เข้ามาจึงขับรถตามหล่อน ‘ปี๊น!’ บีบแตรเรียกหล่อนเบา ๆ ดลญาสะดุ้งหันไปมอง
เดือนสิบอุ้มดลญามาจนถึงห้องพยาบาล ระยะไม่ไกลมากจึงไม่เหนื่อย หล่อนได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเรียบร้อย ตรวจดูอาการข้อเท้ายังพอเดินได้แต่อาจจะต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุง เดือนสิบถอนหายใจหลายสิบครั้ง ยังอารมณ์เสียไม่หาย ไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่ดลญาถูกรุมทำร้าย“เสร็จแล้วค่ะ ทำเรื่องขอลาหัวหน้าได้เลยนะคะ” เสียงของพยาบาลประจำโรงงานเอ่ยกับดลญา“ไม่เป็นไรค่ะ เดียร์จะไปทำงานต่อค่ะ”“จะไม่เป็นไรได้ไง ดูสภาพตัวเองหน่อย” เป็นเดือนสิบที่เดือดร้อนจนทนไม่ไหว พยาบาลมองทั้งสองเลิ่กลั่กก่อนปลีกตัวให้ทั้งคู่ได้คุยกัน“เดียร์ไม่อยากถูกไล่ออก” โทษสถานหนักของพนักงานที่ทะเลาะวิวาทคือไล่ออก“เธอมีเรื่องอะไรกับพวกนั้น” ดลญาเองก็ไม่รู้ หล่อนส่ายศีรษะช้
บทที่ 16 ห่วงแบบแอบ ๆ ดลญาลาป่วยครบกำหนดตามใบรับรองแพทย์แล้ว อาการเท้าแพลงยังมีอยู่บ้างแต่เดินคล่องขึ้นกว่าวันแรก หล่อนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องโดยเดือนสิบยืนสูบบุหรี่จิบกาแฟตรงระเบียง ร่างสูงสูดอากาศยามเช้าเข้าปอด รู้สึกสดชื่นจนเผลอผิวปากอย่างอารมณ์ดี สองวันที่ผ่านมาได้หลับเต็มตาไม่ตื่นขึ้นกลางดึกอย่างเคย เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับใบหน้าสวยหวานที่ไร้ซึ่งเครื่องสำอาง บุหรี่หมดมวนพอดี เดือนสิบทิ้งมันลงถังขยะ ขมวดคิ้วมองร่างเพรียวเล็กน้อย สาเหตุที่หลับสบายคงไม่ใช่เพราะหล่อนหรอกกระมัง “แต่งหน้าบ้างเถอะ ซีดอย่างกับศพ” วาจาร้าย ๆ รับอรุณ ดลญาทำปากยื่นบ่นอุบอิบ หยิบลิปสติกขึ้นมาเติม เ