หลังจากได้เบอร์โทรและไลน์ของเดือนสิบดลญาจึงรีบส่งไปอวดเพื่อน ๆ ในกลุ่ม ทั้งยังแนบรูปยามรุ่นพี่สาวขับรถและรอหล่อนขณะพบแพทย์อีกด้วย เรียกเสียงฮือฮาในกลุ่มได้เป็นอย่างมาก
DEAR : ฉันบอกพวกแกแล้วว่าอย่าเอาฉันไปเทียบกับนังจิ๊บ คนละชั้นกันย่ะ!”
JEEJEE : ย่ะ แม่คนเก่ง ฉันจะรอดูว่าแกจะได้เกียร์พี่เท็นตอนไหน อีกสักปีหรือสองปีน้า? หรือจะไม่ได้เลย คริคริ
นั่นถือเป็นประโยคสบประมาทสำหรับดลญาผู้ไม่ชอบเป็นฝ่ายแพ้ หล่อนเชิดหน้ากดแป้นพิมพ์รัว
DEAR : อย่ามาดูถูกกันนะ เอาอย่างนี้ไหมล่ะ ถ้าภายในสามเดือนฉันไม่ได้เกียร์พี่เท็นมาคล้องคอ ฉันจะให้เงินสดโอนเข้าบัญชีพวกแกคนละห้าหมื่นไปเลย
สิ้นประโยคนั้นในแชตกลุ่มก็เงียบลงก่อนที่จะมีสติกเกอร์หลากหลายรูปแบบแสดงขึ้นที่หน้าจอ ดูเหมือนเพื่อนในกลุ่มจะชอบข้อเสนอที่ดลญายื่นให้
DEAR : แต่ถ้าฉันได้เกียร์พี่เท็นมาภายในสามเดือน พวกแกต้องรวมเงินให้ฉันหนึ่งแสน ตกลงไหม?
ALL : DEAL!
ดลญาทิ้งกายลงยังเตียงนุ่มทันทีหลังจากทำข้อตกลงกับเพื่อนในกลุ่มเสร็จสรรพ ตากลมสวยมองภาพของเดือนสิบที่แอบถ่ายไว้ หญิงสาวแสดงสีหน้าร้ายกาจอย่างไม่ปิดบัง ดาวคณะคนสวยมีแผนการในหัวอยู่แล้ว จริง ๆ เดือนสิบก็ถือว่าเป็นของเล่นแก้เบื่อได้เป็นอย่างดี ในความจริงแล้วดลญาไม่ได้ถูกชายฉกรรจ์ร่างยักษ์ลวนลามแต่อย่างใด หล่อนเป็นผู้เดินอาด ๆ เข้าไปหาสองคนนั้นเอง โดยยื่นเงินให้พวกเขา บอกแผนการลวงให้เดือนสิบเข้ามาติดกับ และทุกอย่างก็ดำเนินตามแผนการที่วางไว้ เดือนสิบไม่เคลือบแคลงใจเลยแม้แต่น้อย ดลญายิ้มกับตนเองขณะพิมพ์ข้อความส่งไปหาเดือนสิบ มันขึ้นว่าอ่านแล้วแต่ไม่มีการตอบกลับ ทว่าแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
“ไว้เจอกันนะคะพี่เท็น…” คนอย่างคุณหนูเดียร์ไม่มีคำว่าไม่ได้ในพจนานุกรมชีวิต หล่อนต้องการอะไร สิ่งไหน บิดาและมารดารวมถึงคุณปู่คุณย่าต่างประเคนหามาให้ ซูเปอร์คาร์คันละสี่สิบล้านที่ขับอยู่ทุกวันนั่นก็ด้วย แค่เพียงเปรยว่าอยากได้ รุ่งเช้ามันก็จอดอยู่หน้าบ้านแล้ว และเพราะทุกอย่างได้มาง่าย ๆ ชีวิตดลญาจึงดูไม่มีเรื่องน่าตื่นเต้นสักเท่าไร พอมาพบกับเดือนสิบ รุ่นพี่สาวที่ทั้งยิ้มยากและแสนเย็นชา มันยิ่งปลุกไฟในกายให้ลุกโชน งานนี้อาจมี ‘ได้เสีย’ ทว่าดลญาไม่ใส่ใจหากมันจะทำให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ หล่อนนั้นพร้อมแลก
มือเรียวเก็บสัมภาระลงกระเป๋ากำลังมุ่งหน้าไปยังลิฟต์โดยสาร แต่ถูกเพื่อนสนิทขวางไว้ก่อน
“เมื่อคืนกูได้ข่าวว่ามึงไปส่งน้องเดียร์เหรอวะ?” ใครสักคนคงเห็นและปากสว่างกระจายข่าวไปทั่ว
“แล้วบอกไม่สนใจ” เดือนสิบถอนหายใจคิดถึงใบหน้าสวยหวานชวนให้โมโห
“เป็นไง เด็ดปะ?”
“เด็ดพ่อมึงดิ!” เดือนสิบชูนิ้วกลาง อารมณ์เดือดดาลขึ้นมาอีกครั้ง ขี้เกียจต่อคิวลิฟต์จึงเดินลงบันไดแทนโดยมีธนินคว้าคอไปคล้อง ขยับตัวออกแต่มันเกาะหนึบยิ่งกว่าปลิง
“อะไรวะ? ทำไมหงุดหงิดแบบนั้น กูนึกว่ามึงกล่อมน้องเขานอนทั้งคืน”
“เลิกพูดถึงยัยนั่นได้แล้ว ไม่อยากฟัง”
“มีอะไรที่กูต้องรู้ปะวะเนี่ย?” ธนินเกาหัวแกรก ๆ เดินลงมาถึงชั้นล่างหน้าอาคารเรียนพอดี เดือนสิบไม่ตอบเช่นเคย ส่วนเขาก็ไม่อยากตอแยเพื่อนเพราะอาจจะโดนมันถีบเข้าให้ถ้ายังเซ้าซี้ไม่เลิกรา ทว่า…
“พี่เท็น!” เสียงหวานแหลมที่เรียกเพื่อนของเขาทำให้หันไปมอง
“ไม่อยากพูดถึง แต่แม่งมาหาถึงที่เลยว่ะ มึงต้องเล่าแล้วไหม?” ธนินขมวดคิ้วกระแทกไหล่ใส่เพื่อน เดือนสิบพ่นลมหายใจหนัก หันหลังกลับเดินไปอีกทาง ดลญารีบวิ่งตามแต่หล่อนสะดุดล้มถลาไปชนเข้ากับเสาอาคารจนเกิดเสียงดัง
“โอ๊ย!” นั่นเสียงของดลญาที่เดือนสิบไม่อยากสนใจ
“พี่เท็น…” ถึงอย่างนั้นพอหล่อนเรียกคนที่พยายามทำใจแข็งก็ต้องหันกลับไปดูอย่างเสียมิได้ ทุกสายตากำลังจับจ้องมายังร่างสูงเป็นตาเดียว นักศึกษาเริ่มเกาะกลุ่มกระซิบกระซาบกัน เดือนสิบหายใจแรง ๆ เดินปรี่เข้าไปหาร่างเพรียวที่นั่งพับเพียบอยู่บนพื้น ถึงอยากจะทำใจดำก็เถอะ แต่สุดท้ายก็ต้องอุ้มหล่อนขึ้นอกแล้วรีบเดินออกมาทันที ท่ามกลางเสียงฮือฮาของนักศึกษา ข่าวที่ว่าทั้งสองคบหากันคงเป็นเรื่องจริง
“โอ๊ย!” ทันทีที่พ้นสายตาของทุกคน เดือนสิบก็เหวี่ยงยัยทรงโตไปยังพื้นสนามหญ้า
“เฮ้ย! ใจเย็น ๆ ไอ้เท็น” ธนินร้องห้ามไม่ทัน รีบวิ่งเข้าไปดูดลญา
“เธอจะเอายังไงกับฉัน เลิกตอแหล!” คงเหลืออดจริง ๆ นั่นแหละคนที่เคยเย็นชาเป็นมนุษย์น้ำแข็งถึงได้ผรุสวาทออกมาเช่นนั้น ใบหน้าสวยคมมีรอยของความไม่พอใจ คิ้วขมวดมุ่น ทั้งยังเท้าเอวจ้องเขม็งไปทางดลญาที่นั่งน้ำตารื้น
“จะเอายังไง ตอบสิ?!”
“ไอ้เท็น มึง…”
“มึงไม่ต้องเสือกเรื่องของกู ยืนอยู่เฉย ๆ เลย” ยังไม่ทันที่ธนินจะเอ่ยจบเดือนสิบชี้หน้าเพื่อนให้เงียบ ธนินไม่รู้เรื่องราวอะไรจึงทำตามที่เพื่อนบอก เขาถอยห่างออกไปเพียงเล็กน้อย
“จะมาปั่นหัวอะไรฉัน ฉันไม่หลงกลหรอกนะ” คิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ถูกหลอกให้เชื่อว่าหล่อนเท้าแพลงแล้วเจ็บใจ
“ทำไมพี่เท็นคิดอย่างนั้นล่ะคะ” ดลญาปาดน้ำตาออก ช้อนหน้ามองร่างสูงตาละห้อย แสงแดดที่แยงลงมาทำให้ต้องหรี่ตาและมันยิ่งทำให้น้ำตาของหล่อนร่วงลงอีกรอบ
“ฉันรู้ว่าคนอย่างเธอไม่มีทางมาสนใจอะไรฉันหรอก คงพนันขันต่อเพื่อนไว้สิท่า บอกไว้เลยว่าฉันรู้ทัน” ถึงใจของดลญาสั่นระรัวและไม่คาดคิดว่าเดือนสิบจะล่วงรู้ทันความคิด หล่อนก็ยังคงตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จต่อไป ทำใจดีสู้เสือพร้อมทั้งท่องบางประโยคสะกดจิตตนเองไปด้วย ‘ฉันต้องชนะ!’
“เดียร์ไม่ได้คิดจะทำอะไรแบบนั้นเลยนะคะ” หล่อนว่าเสียงอ่อย บีบน้ำตาให้ร่วงอีกครั้ง คราวนี้อาการของเดือนสิบเปลี่ยนไป รุ่นพี่สาวเบี่ยงหน้าหนีคล้ายกับทนเห็นน้ำตาของหล่อนไม่ได้ สบโอกาสจึงก้มหน้าลงเพื่อซ่อนรอยยิ้ม
“เดียร์ก็แค่อยากทำความรู้จักกับพี่เท่านั้นเอง”
“เหอะ! เธอเรียนที่นี่มาตั้งสามปี เพิ่งจะมาอยากรู้จักฉันตอนนี้เนี่ยนะ” เดือนสิบตั้งข้อกังขา หมัดหนักคล้ายตีเข้าหน้าของดลญา อาจซวนเซสักนิดแต่ยังสู้ต่อ หล่อนชอบที่คู่ต่อสู้มีสมอง เพราะยิ่งยากมันยิ่งเร้าใจ
“ถ้าพนันอะไรเพื่อนไว้ก็ไปบอกยกเลิกพวกนั้นซะ แล้วเลิกยุ่งกับฉัน” เดือนสิบกวาดตามองคนที่ยังนั่งอยู่บนสนามหญ้าศีรษะจดปลายเท้า ถอนหายใจหนักๆ อีกหลายครั้ง
“หวังว่าที่พูดออกไปสมองของเธอจะเข้าใจนะ” ย้ำชัดอีกครั้ง ในช่วงหันหลังกลับและกำลังจะก้าวเดินจากไปทุกอย่างก็คล้ายโลกหยุดหมุน เมื่อดลญารีบลุกขึ้นยืนแล้วโพล่งสิ่งที่เหมือนไม้เด็ดไว้ใช้ยามคับขัน
“เดียร์ชอบพี่เท็นนะคะ!”
บทที่ 4 เดียร์จะจีบพี่เท็นคงไม่ใช่แค่เจ้าของชื่อที่ยืนอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน แม้แต่ธนินและนักศึกษาที่เดินอยู่รอบ ๆ ก็มีอาการไม่ต่างกัน ก่อนพวกนั้นจะยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปแล้วเดินซุบซิบหนีไปทันที ธนินยืนมองตาปริบ ๆ หันมองเดือนสิบทีดลญาที ไม่คาดคิดว่าตนเองจะต้องมาเป็นสักขีพยานแห่งรักของเพื่อนสนิท“พูดบ้าอะไรของเธอ?” ร่างสูงโปร่งปรี่เข้าใส่ดลญา ดีที่ธนินขวางไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นหล่อนคงถูกเดือนสิบบีบคอเป็นแน่“เป็นแฟนกับเดียร์นะคะพี่เท็น”“นี่เธอ! หยุดเลยนะ” ไอ้ท่าทางกระมิดกระเมี้ยนเจียมตัว ทำหน้าทำตาให้เธอสงสาร นั่นมันคือการแสดงทั้งนั้น จะว่าเดือนสิบดูออกก็ไม่เชิง เพียงแต่เธอแค่รู้ทันพวกคุณหนูบ้านรวยแสนเอาแต่ใจ ในอดีตเดือนสิบเคยเป็นน้องปีหนึ่งที่ไม่คิดจะสุงสิงยุ่งเกี่ยวกับใคร ทว่ากลับมีรุ่นพี่คนสวยมาหยอดมาอ้อนและมาใกล้ชิดสนิทสนมจนเธอตกหลุมพรางและเริ่มก่อความสัมพันธ์ แต่ในเวลาไม่นานเดือนสิบก็ได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว รุ่นพี่คนนั้นไม่ได้คิดจริงจังและจริงใจอะไรต่อเธอเลย หล่อนก็แค่พนันกับเพื่อนว่าหากได้คนที่เงียบที่สุดในรุ่นมาเป็นแฟนจะได้มือถือรุ่นใหม่ล่าสุด เรื่องราวในครั้งนั้นมีเพียงธนินเพื่อนสน
“เออน่า…มึงก็น่าจะให้โอกาสน้องเขาหน่อย ตอนน้องจิ๊บกูก็นึกว่าจะคบกันยาว ๆ ที่ไหนได้ ตดยังไม่ทันจะหายเหม็นก็เลิกกันซะละ มึงเลิกปิดตัวปิดใจได้แล้ว หรือว่ามึงยังคิดถึงเรื่องพี่กัญอยู่วะ?” ชื่อนั้นเดือนสิบไม่ได้ยินมานานหลายปี พอได้ยินอีกครั้งข้างในอกเริ่มบีบรัด สีหน้าเปลี่ยนไปจนธนินที่เพิ่งรู้ตัวว่าพูดไม่คิดก็ได้แต่ก่นด่าตนเองในใจ เขาน่าจะรู้ดีว่ารุ่นพี่คนนั้นสร้างบาดแผลร้ายแรงไว้ในใจเพื่อนสนิทแค่ไหน“กู…ขอโทษว่ะ” คนที่มีอดีตทำเพียงไหวไหล่ หยิบบุหรี่แล้วคล้องไหล่ธนินเดินไปพื้นที่สูบบุหรี่ควันเทา ๆ กับใจหม่น ๆ คงเข้ากันดีหากมีฝนตกลงมา ทว่ายามนี้แดดเปรี้ยงจนต้องหยีตามองฟ้า เดือนสิบทอดถอนใจ พ่นควันออกปากเฉกเช่นเดียวกับธนิน“ผู้หญิงคนนั้นก็คงไม่ต่างจากคนอื่น” ถึงหัวใจไม่ได้มีกำแพงหนาหลายชั้นจนยากจะเข้าไป ทว่ามันก็ไม่ได้เปิดรับทุกคนที่ผ่านเข้ามา เนื่องจากความชอกช้
บทที่ 5 แรงกระเพื่อมที่แผ่วเบาและคงเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานมีหลายคนเห็นเหตุการณ์พอดิบพอดี เช้านี้หัวข้อสนทนาในตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์และนิเทศศาสตร์จึงเป็นเรื่องของเดือนสิบและดลญา มีข่าวลือออกไปหลากหลายประเด็นตามแต่คนจะจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็นดาวคณะสวยเด่นอย่างดลญากู่ก้องร้องตะโกนว่ามีใจให้รุ่นพี่วิศวะฯ สาว หรือจะเป็นเดือนสิบปฏิเสธรักไม่แยแสดลญาแม้แต่น้อย และก็มีหลายคนที่ตั้งข้อสงสัยว่าทั้งคู่อาจเป็นแฟนกันแล้ว เพียงแต่ง้องอนกันตามประสาคนรัก ข่าวต่าง ๆ ดังให้ได้ยินแค่เพียงช่วงเช้าก่อนจะซาลงไปเพราะมีเรื่องอื่นน่าสนใจกว่า แต่คงไม่ใช่กับเบญจา หล่อนยืนหน้าเครียดกอดอกมองดลญาไม่วางตา“นังนั่นมีอะไรดีกว่าฉัน?” เบญจาเปรยขึ้นขณะเดินเข้ามายังโรงอาหารของคณะ เพื่อนในกลุ่มไม่ได้ตอบเพียงยักไหล่เล็กน้อยด้วยเข้าใจว่าเบญจาไม่ได้ถามแต่พูดกับตนเอง ถึงเบญจาจะเป็นน้องปีหนึ่งสดใหม่ แต่ความสวยยังห่างชั้นกับดลญาอยู่มาก รายนั้
“นะคะพี่เท็น…” อีกครั้งที่สาวนิเทศใช้ทักษะการแสดงที่ร่ำเรียนมา“เฮ้อ…” เดือนสิบพ่นลมหายใจหนัก ๆ“อืม ก็ได้” ลงท้ายก็ยอม คงเพราะน้ำเสียงและท่าทางอ้อน ๆ นั้นกระมังถึงพาเอาใจสั่นไหว“จริงนะคะ” ดวงตากลมโตทอประกาย ซ่อนความดีใจไม่มิด“แต่บอกไว้เลยนะว่า คนอย่างฉันไม่มีทางเชื่อผู้หญิงรวย ๆ อย่างเธอหรอก” ดูเหมือนเดือนสิบต้องเตือนตัวเองว่าอย่าหลงกลสายตาและท่าทางราวลูกแมวน้อยของอีกฝ่ายด้วยการทำเสียงห้วน ๆ ซึ่งมันอาจใช้ไม่ได้ผลสักเท่าไร“แหม…แล้วนักศึกษาที่มหา’ลัยนี้ใครไม่รวยบ้างคะ พี่เท็นก็รวย” ถึงจะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแต่คณะวิศวกรรมศาสตร์ของเดือนสิบนั้นต้องสอบเข้าถึงจะได้ศึกษา มีเงินแล้วได้เรียนคงใช้ไม่ได้สำหรับที่นี่ ส่วนดลญา
บทที่ 1 ดลญาเดือนสิบภาพสะท้อนในกระจกเงาแสดงให้เห็นถึงผู้หญิงร่างผอมเพรียวทว่ามีหน้าอกหน้าใจใหญ่คัพซี เอวคอดและสะโพกผาย หล่อนกำลังหยิบลิปสติกสีใหม่ขึ้นมาปาดริมฝีปาก ปลายนิ้วไล้เกลี่ยไปตามขอบปากให้ฟุ้งตามสมัยนิยม “สีสวยว่ะแก” ใครสักคนที่ยืนอยู่ด้วยกันเอ่ยชม หล่อนคนนั้นยักคิ้ว ยื่นมันไปให้“ลองไหม?”“ไม่ละ ฉันทาสีแดงไม่เคยรอดสักที” เจ้าของลิปสติกยักไหล่แล้วเก็บมันลงกระเป๋าแบรนด์Cคอลเลกชันใหม่ หญิงสาวสำรวจใบหน้าและทรงผมของตนเองอีกครั้ง ก่อนเดินออกจากห้องน้ำ ตลอดทางมีสายตานับสิบคอยมองตลอด ด้วยความที่หล่อนเป็นผู้หญิงสวยและยังเป็นถึงดาวคณะอีกด้วย ใคร ๆ ก็ต่างรู้จักและต้องการตีสนิทด้วย แต่ความหยิ่งยโสของคนสวยก็เลื่องชื่อไม่น้อย ‘ดลญา หรือ เดียร์’ หลานสาวอดีตผู้นำการเมืองฝ่ายรัฐบาล ฐานะทางสังคมและการเงินเข้าขั้นเศรษฐี แบรนด์เนมทั้งตัว ขับซูเปอร์คาร์คันละสี่สิบล้านมาเรียนทุกวัน และคบค้าสมาคมเฉพาะเพื่อนระดับเดียวกันเท่านั้น ดลญาเดินพูดคุยหยอกล้อกับเพื่อนในกลุ่มไปจนถึงหน้าอาคารเรียน “ขอโทษครับ” เสียงทุ้มเรียกความสนใจ หล่อนปรายตามองเล็กน้อย“เอ่อ…พี่ชื่อแม๊กนะ อยู่บริหาร” “ค่ะ” ใบหน้าของหญิงส
เสียงลูกบาสเกตบอลกระทบพื้นดังไปทั่วพื้นที่ มีผู้หญิงร่างสูงกำลังเลี้ยงลูกบอลไปยังฝั่งตรงข้ามโดยมีผู้เล่นอีกฝ่ายคอยสกัดกั้นไม่ให้ร่างสูงส่งบอลให้กับเพื่อนร่วมทีม ทว่าคนที่ชำนาญกลับหลบเลี่ยงและสามารถชูตบอลลงแป้นคว้าสองคะแนนให้เพื่อนร่วมทีมได้อย่างง่ายดาย เรียกเสียงโห่ร้องดีใจจากผู้ชมบนอัฒจันทร์ได้มากมาย ผู้หญิงร่างสูงยังคงทำคะแนนให้กับทีมได้อีกหลายแต้มติดกันจนจบเกมการแข่งขัน ทีมที่ชนะก็คือทีมของหญิงสาวนั่นเอง ร่างสูงโปร่งเดินมาทิ้งกายลงข้างสนาม คว้าขวดน้ำขึ้นมาดื่มจนหมด การแข่งขันไม่ได้จริงจังอะไรและเป็นการเล่นแบบผสมชายหญิงด้วยซ้ำ แต่ผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มกลับไม่ออมแรงให้ชายชาตรีสักนิด กระทบไหล่ กระแทกตัวใส่จนล้มหน้าคว่ำไปหมด “เฮ้ย! ไอ้เท็น” เพื่อนร่วมทีมตบไหล่ “กูจะชวนมึงไปอเล็กซ์หน่อย” อเล็กซ์คือชื่อสถานบันเทิงอันเลื่องชื่อและเป็นที่รู้จักของนักศึกษาเกือบทุกคน “ห้ามปฏิเสธ คราวที่แล้วมึงก็ไม่ไปทีละนะ” “อยากอ่านหนังสือ” เจ้าตัวบอกง่าย ๆ พลางปรายตามองกลุ่มหญิงสาวที่กำลังโบกมือให้ตนเองอยู่บนอัฒจันทร์ ‘เท็น หรือ เดือนสิบ’
บทที่ 2 ยาก ๆ สิเร้าใจ รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าสถานบันเทิง พนักงานดูแลความปลอดภัยต่างกรูเข้ามาใกล้ด้วยเหตุจากสภาพรถยนต์และคนขับดูไม่ใช่ลูกค้ามีระดับอย่างที่เคยเข้าใช้บริการ ร่างสูงในชุดเสื้อยืดขาวสวมทับด้วยเชิ้ตสีดำแขนยาว กางเกงยีนและรองเท้ากีฬาสภาพเขรอะไปด้วยฝุ่นกำลังเลิกคิ้วมองเหล่าชายฉกรรจ์สองสามคนตรงหน้า “น้องมาผิดที่หรือเปล่า?” หนึ่งในนั้นถามขึ้น มองอีกฝ่ายศีรษะจดปลายเท้า “ทำไม?” น้ำเสียงติดห้วนทำให้คนถามขมวดคิ้ว เจ้าของรถกระบะสะบัดปลายเสื้อเชิ้ตไหวไหล่เล็กน้อย ก่อนเบี่ยงตัวเดินเลี่ยงไปยังทางเข้า แต่กลับถูกพนักงานกลุ่มนั้นตามมารั้งแขนไว้ “เฮ้ย!” นั่นคือเสียงของเดือนสิบ หญิงสาวมองมือคล้ำของอีกฝ่าย สีหน้าแสดงความไม่พอใจชัดเจน “จะออกไปดี ๆ หรือ…” “ทำอะไรวะ?” ใครสักคนร้องทักเสียงดัง กลุ่มชายฉกรรจ์ถอยห่างเพราะนั่นคือปวินเจ้าของร้าน “น้องผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ลูกค้าของเราครับคุณวิน” หัวคิ้วปวินขมวดปม “นี่น้องกูเอง บ้านมันรวยกว่ากูอีก แต่ชอบทำตัวยาจก” ปวินหัว
“ทำอะไรของเธอ” เสียงเข้มกดต่ำ หรี่ตามองผู้หญิงตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง ทว่าดลญากลับฉีกยิ้มหวาน ส่งสายตาทอประกาย หล่อนไม่มีทางยอมเสียหน้าเพื่อนในกลุ่มและตกเป็นรองเบญจาเด็ดขาด “พี่เท็นเลี้ยงค็อกเทลเดียร์สักแก้วสิคะ” “เป็นขอทานเหรอ?” เดือนสิบตอบเสียงเรียบ พยายามแกะมือปลาหมึกของหล่อนออก “ว่าอะไรนะคะ?” เมื่อครู่หล่อนฟังไม่ผิดแน่ หล่อนถูกรุ่นพี่สาวด่า!“นอกจากเป็นขอทานแล้วยังหูไม่ดีอีกนะ เหอะ!” “เอ๊ะ!” คราวนี้คุณหนูคนสวยไม่อาจทนยิ้มหวานได้อีกแล้ว หล่อนเป็นผู้ปล่อยแขนเอง ตากลมโตจ้องเขม็งแสดงถึงความโกรธเกรี้ยวอย่างที่สุด แต่เดือนสิบผู้ที่ไม่สนใจโลกทำเพียงไหวไหล่ไม่ยี่หระต่อสิ่งที่พูดธนินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ยกมุมปาก มองทั้งสองยิ้ม ๆ เพราะไม่คาดคิดว่าดาวคณะนิเทศศาสตร์จะเป็นฝ่ายเข้าหาเพื่อนสนิทของตนก่อน ทั้งยังโดนตอกหน้าแทบหงายอีก น่าเสียดายที่ยามนี้ไฟทั้งผับถูกดับให้มืดลงกว่าเดิม คนอื่นจึงไม่มีทางรู้เลยว่าเพื่อนสนิทของเขาและแม่สาวทรงโตกำลังทำอะไรกันอยู่ แม้ภาพจะดูเกาะก่ายกัน ทว่าความจริงไม่ใช่อย่างนั้นสักนิด ชายหนุ่มยักไหล่คว้าแก้วเครื่องดื่มของตนแล้วปลีกไปอีกทาง ไม่ใช่