แชร์

บทที่ 3 ฉันรู้ทัน 100%

หลังจากได้เบอร์โทรและไลน์ของเดือนสิบดลญาจึงรีบส่งไปอวดเพื่อน ๆ ในกลุ่ม ทั้งยังแนบรูปยามรุ่นพี่สาวขับรถและรอหล่อนขณะพบแพทย์อีกด้วย เรียกเสียงฮือฮาในกลุ่มได้เป็นอย่างมาก 

DEAR : ฉันบอกพวกแกแล้วว่าอย่าเอาฉันไปเทียบกับนังจิ๊บ คนละชั้นกันย่ะ!” 

JEEJEE : ย่ะ แม่คนเก่ง ฉันจะรอดูว่าแกจะได้เกียร์พี่เท็นตอนไหน อีกสักปีหรือสองปีน้า? หรือจะไม่ได้เลย คริคริ 

นั่นถือเป็นประโยคสบประมาทสำหรับดลญาผู้ไม่ชอบเป็นฝ่ายแพ้ หล่อนเชิดหน้ากดแป้นพิมพ์รัว

DEAR : อย่ามาดูถูกกันนะ เอาอย่างนี้ไหมล่ะ ถ้าภายในสามเดือนฉันไม่ได้เกียร์พี่เท็นมาคล้องคอ ฉันจะให้เงินสดโอนเข้าบัญชีพวกแกคนละห้าหมื่นไปเลย 

สิ้นประโยคนั้นในแชตกลุ่มก็เงียบลงก่อนที่จะมีสติกเกอร์หลากหลายรูปแบบแสดงขึ้นที่หน้าจอ ดูเหมือนเพื่อนในกลุ่มจะชอบข้อเสนอที่ดลญายื่นให้ 

DEAR : แต่ถ้าฉันได้เกียร์พี่เท็นมาภายในสามเดือน พวกแกต้องรวมเงินให้ฉันหนึ่งแสน ตกลงไหม?

ALL : DEAL! 

ดลญาทิ้งกายลงยังเตียงนุ่มทันทีหลังจากทำข้อตกลงกับเพื่อนในกลุ่มเสร็จสรรพ ตากลมสวยมองภาพของเดือนสิบที่แอบถ่ายไว้ หญิงสาวแสดงสีหน้าร้ายกาจอย่างไม่ปิดบัง ดาวคณะคนสวยมีแผนการในหัวอยู่แล้ว จริง ๆ เดือนสิบก็ถือว่าเป็นของเล่นแก้เบื่อได้เป็นอย่างดี ในความจริงแล้วดลญาไม่ได้ถูกชายฉกรรจ์ร่างยักษ์ลวนลามแต่อย่างใด หล่อนเป็นผู้เดินอาด ๆ เข้าไปหาสองคนนั้นเอง โดยยื่นเงินให้พวกเขา บอกแผนการลวงให้เดือนสิบเข้ามาติดกับ และทุกอย่างก็ดำเนินตามแผนการที่วางไว้ เดือนสิบไม่เคลือบแคลงใจเลยแม้แต่น้อย ดลญายิ้มกับตนเองขณะพิมพ์ข้อความส่งไปหาเดือนสิบ มันขึ้นว่าอ่านแล้วแต่ไม่มีการตอบกลับ ทว่าแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

“ไว้เจอกันนะคะพี่เท็น…” คนอย่างคุณหนูเดียร์ไม่มีคำว่าไม่ได้ในพจนานุกรมชีวิต หล่อนต้องการอะไร สิ่งไหน บิดาและมารดารวมถึงคุณปู่คุณย่าต่างประเคนหามาให้ ซูเปอร์คาร์คันละสี่สิบล้านที่ขับอยู่ทุกวันนั่นก็ด้วย แค่เพียงเปรยว่าอยากได้ รุ่งเช้ามันก็จอดอยู่หน้าบ้านแล้ว และเพราะทุกอย่างได้มาง่าย ๆ ชีวิตดลญาจึงดูไม่มีเรื่องน่าตื่นเต้นสักเท่าไร พอมาพบกับเดือนสิบ รุ่นพี่สาวที่ทั้งยิ้มยากและแสนเย็นชา มันยิ่งปลุกไฟในกายให้ลุกโชน งานนี้อาจมี ‘ได้เสีย’ ทว่าดลญาไม่ใส่ใจหากมันจะทำให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ หล่อนนั้นพร้อมแลก

มือเรียวเก็บสัมภาระลงกระเป๋ากำลังมุ่งหน้าไปยังลิฟต์โดยสาร แต่ถูกเพื่อนสนิทขวางไว้ก่อน

“เมื่อคืนกูได้ข่าวว่ามึงไปส่งน้องเดียร์เหรอวะ?” ใครสักคนคงเห็นและปากสว่างกระจายข่าวไปทั่ว

“แล้วบอกไม่สนใจ” เดือนสิบถอนหายใจคิดถึงใบหน้าสวยหวานชวนให้โมโห

“เป็นไง เด็ดปะ?”

“เด็ดพ่อมึงดิ!” เดือนสิบชูนิ้วกลาง อารมณ์เดือดดาลขึ้นมาอีกครั้ง ขี้เกียจต่อคิวลิฟต์จึงเดินลงบันไดแทนโดยมีธนินคว้าคอไปคล้อง ขยับตัวออกแต่มันเกาะหนึบยิ่งกว่าปลิง

“อะไรวะ? ทำไมหงุดหงิดแบบนั้น กูนึกว่ามึงกล่อมน้องเขานอนทั้งคืน”

“เลิกพูดถึงยัยนั่นได้แล้ว ไม่อยากฟัง”

“มีอะไรที่กูต้องรู้ปะวะเนี่ย?” ธนินเกาหัวแกรก ๆ เดินลงมาถึงชั้นล่างหน้าอาคารเรียนพอดี เดือนสิบไม่ตอบเช่นเคย ส่วนเขาก็ไม่อยากตอแยเพื่อนเพราะอาจจะโดนมันถีบเข้าให้ถ้ายังเซ้าซี้ไม่เลิกรา ทว่า…

“พี่เท็น!” เสียงหวานแหลมที่เรียกเพื่อนของเขาทำให้หันไปมอง 

“ไม่อยากพูดถึง แต่แม่งมาหาถึงที่เลยว่ะ มึงต้องเล่าแล้วไหม?” ธนินขมวดคิ้วกระแทกไหล่ใส่เพื่อน เดือนสิบพ่นลมหายใจหนัก หันหลังกลับเดินไปอีกทาง ดลญารีบวิ่งตามแต่หล่อนสะดุดล้มถลาไปชนเข้ากับเสาอาคารจนเกิดเสียงดัง 

“โอ๊ย!” นั่นเสียงของดลญาที่เดือนสิบไม่อยากสนใจ 

“พี่เท็น…” ถึงอย่างนั้นพอหล่อนเรียกคนที่พยายามทำใจแข็งก็ต้องหันกลับไปดูอย่างเสียมิได้ ทุกสายตากำลังจับจ้องมายังร่างสูงเป็นตาเดียว นักศึกษาเริ่มเกาะกลุ่มกระซิบกระซาบกัน เดือนสิบหายใจแรง ๆ เดินปรี่เข้าไปหาร่างเพรียวที่นั่งพับเพียบอยู่บนพื้น ถึงอยากจะทำใจดำก็เถอะ แต่สุดท้ายก็ต้องอุ้มหล่อนขึ้นอกแล้วรีบเดินออกมาทันที ท่ามกลางเสียงฮือฮาของนักศึกษา ข่าวที่ว่าทั้งสองคบหากันคงเป็นเรื่องจริง 

“โอ๊ย!” ทันทีที่พ้นสายตาของทุกคน เดือนสิบก็เหวี่ยงยัยทรงโตไปยังพื้นสนามหญ้า

“เฮ้ย! ใจเย็น ๆ ไอ้เท็น” ธนินร้องห้ามไม่ทัน รีบวิ่งเข้าไปดูดลญา

“เธอจะเอายังไงกับฉัน เลิกตอแหล!” คงเหลืออดจริง ๆ นั่นแหละคนที่เคยเย็นชาเป็นมนุษย์น้ำแข็งถึงได้ผรุสวาทออกมาเช่นนั้น ใบหน้าสวยคมมีรอยของความไม่พอใจ คิ้วขมวดมุ่น ทั้งยังเท้าเอวจ้องเขม็งไปทางดลญาที่นั่งน้ำตารื้น

“จะเอายังไง ตอบสิ?!” 

“ไอ้เท็น มึง…” 

“มึงไม่ต้องเสือกเรื่องของกู ยืนอยู่เฉย ๆ เลย” ยังไม่ทันที่ธนินจะเอ่ยจบเดือนสิบชี้หน้าเพื่อนให้เงียบ ธนินไม่รู้เรื่องราวอะไรจึงทำตามที่เพื่อนบอก เขาถอยห่างออกไปเพียงเล็กน้อย 

“จะมาปั่นหัวอะไรฉัน ฉันไม่หลงกลหรอกนะ” คิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ถูกหลอกให้เชื่อว่าหล่อนเท้าแพลงแล้วเจ็บใจ 

“ทำไมพี่เท็นคิดอย่างนั้นล่ะคะ” ดลญาปาดน้ำตาออก ช้อนหน้ามองร่างสูงตาละห้อย แสงแดดที่แยงลงมาทำให้ต้องหรี่ตาและมันยิ่งทำให้น้ำตาของหล่อนร่วงลงอีกรอบ

“ฉันรู้ว่าคนอย่างเธอไม่มีทางมาสนใจอะไรฉันหรอก คงพนันขันต่อเพื่อนไว้สิท่า บอกไว้เลยว่าฉันรู้ทัน” ถึงใจของดลญาสั่นระรัวและไม่คาดคิดว่าเดือนสิบจะล่วงรู้ทันความคิด หล่อนก็ยังคงตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จต่อไป ทำใจดีสู้เสือพร้อมทั้งท่องบางประโยคสะกดจิตตนเองไปด้วย ‘ฉันต้องชนะ!’

“เดียร์ไม่ได้คิดจะทำอะไรแบบนั้นเลยนะคะ” หล่อนว่าเสียงอ่อย บีบน้ำตาให้ร่วงอีกครั้ง คราวนี้อาการของเดือนสิบเปลี่ยนไป รุ่นพี่สาวเบี่ยงหน้าหนีคล้ายกับทนเห็นน้ำตาของหล่อนไม่ได้ สบโอกาสจึงก้มหน้าลงเพื่อซ่อนรอยยิ้ม

“เดียร์ก็แค่อยากทำความรู้จักกับพี่เท่านั้นเอง”

“เหอะ! เธอเรียนที่นี่มาตั้งสามปี เพิ่งจะมาอยากรู้จักฉันตอนนี้เนี่ยนะ” เดือนสิบตั้งข้อกังขา หมัดหนักคล้ายตีเข้าหน้าของดลญา อาจซวนเซสักนิดแต่ยังสู้ต่อ หล่อนชอบที่คู่ต่อสู้มีสมอง เพราะยิ่งยากมันยิ่งเร้าใจ

“ถ้าพนันอะไรเพื่อนไว้ก็ไปบอกยกเลิกพวกนั้นซะ แล้วเลิกยุ่งกับฉัน” เดือนสิบกวาดตามองคนที่ยังนั่งอยู่บนสนามหญ้าศีรษะจดปลายเท้า ถอนหายใจหนักๆ อีกหลายครั้ง 

“หวังว่าที่พูดออกไปสมองของเธอจะเข้าใจนะ” ย้ำชัดอีกครั้ง ในช่วงหันหลังกลับและกำลังจะก้าวเดินจากไปทุกอย่างก็คล้ายโลกหยุดหมุน เมื่อดลญารีบลุกขึ้นยืนแล้วโพล่งสิ่งที่เหมือนไม้เด็ดไว้ใช้ยามคับขัน

“เดียร์ชอบพี่เท็นนะคะ!”

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status