หลังจากได้เบอร์โทรและไลน์ของเดือนสิบดลญาจึงรีบส่งไปอวดเพื่อน ๆ ในกลุ่ม ทั้งยังแนบรูปยามรุ่นพี่สาวขับรถและรอหล่อนขณะพบแพทย์อีกด้วย เรียกเสียงฮือฮาในกลุ่มได้เป็นอย่างมาก
DEAR : ฉันบอกพวกแกแล้วว่าอย่าเอาฉันไปเทียบกับนังจิ๊บ คนละชั้นกันย่ะ!”
JEEJEE : ย่ะ แม่คนเก่ง ฉันจะรอดูว่าแกจะได้เกียร์พี่เท็นตอนไหน อีกสักปีหรือสองปีน้า? หรือจะไม่ได้เลย คริคริ
นั่นถือเป็นประโยคสบประมาทสำหรับดลญาผู้ไม่ชอบเป็นฝ่ายแพ้ หล่อนเชิดหน้ากดแป้นพิมพ์รัว
DEAR : อย่ามาดูถูกกันนะ เอาอย่างนี้ไหมล่ะ ถ้าภายในสามเดือนฉันไม่ได้เกียร์พี่เท็นมาคล้องคอ ฉันจะให้เงินสดโอนเข้าบัญชีพวกแกคนละห้าหมื่นไปเลย
สิ้นประโยคนั้นในแชตกลุ่มก็เงียบลงก่อนที่จะมีสติกเกอร์หลากหลายรูปแบบแสดงขึ้นที่หน้าจอ ดูเหมือนเพื่อนในกลุ่มจะชอบข้อเสนอที่ดลญายื่นให้
DEAR : แต่ถ้าฉันได้เกียร์พี่เท็นมาภายในสามเดือน พวกแกต้องรวมเงินให้ฉันหนึ่งแสน ตกลงไหม?
ALL : DEAL!
ดลญาทิ้งกายลงยังเตียงนุ่มทันทีหลังจากทำข้อตกลงกับเพื่อนในกลุ่มเสร็จสรรพ ตากลมสวยมองภาพของเดือนสิบที่แอบถ่ายไว้ หญิงสาวแสดงสีหน้าร้ายกาจอย่างไม่ปิดบัง ดาวคณะคนสวยมีแผนการในหัวอยู่แล้ว จริง ๆ เดือนสิบก็ถือว่าเป็นของเล่นแก้เบื่อได้เป็นอย่างดี ในความจริงแล้วดลญาไม่ได้ถูกชายฉกรรจ์ร่างยักษ์ลวนลามแต่อย่างใด หล่อนเป็นผู้เดินอาด ๆ เข้าไปหาสองคนนั้นเอง โดยยื่นเงินให้พวกเขา บอกแผนการลวงให้เดือนสิบเข้ามาติดกับ และทุกอย่างก็ดำเนินตามแผนการที่วางไว้ เดือนสิบไม่เคลือบแคลงใจเลยแม้แต่น้อย ดลญายิ้มกับตนเองขณะพิมพ์ข้อความส่งไปหาเดือนสิบ มันขึ้นว่าอ่านแล้วแต่ไม่มีการตอบกลับ ทว่าแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
“ไว้เจอกันนะคะพี่เท็น…” คนอย่างคุณหนูเดียร์ไม่มีคำว่าไม่ได้ในพจนานุกรมชีวิต หล่อนต้องการอะไร สิ่งไหน บิดาและมารดารวมถึงคุณปู่คุณย่าต่างประเคนหามาให้ ซูเปอร์คาร์คันละสี่สิบล้านที่ขับอยู่ทุกวันนั่นก็ด้วย แค่เพียงเปรยว่าอยากได้ รุ่งเช้ามันก็จอดอยู่หน้าบ้านแล้ว และเพราะทุกอย่างได้มาง่าย ๆ ชีวิตดลญาจึงดูไม่มีเรื่องน่าตื่นเต้นสักเท่าไร พอมาพบกับเดือนสิบ รุ่นพี่สาวที่ทั้งยิ้มยากและแสนเย็นชา มันยิ่งปลุกไฟในกายให้ลุกโชน งานนี้อาจมี ‘ได้เสีย’ ทว่าดลญาไม่ใส่ใจหากมันจะทำให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ หล่อนนั้นพร้อมแลก
มือเรียวเก็บสัมภาระลงกระเป๋ากำลังมุ่งหน้าไปยังลิฟต์โดยสาร แต่ถูกเพื่อนสนิทขวางไว้ก่อน
“เมื่อคืนกูได้ข่าวว่ามึงไปส่งน้องเดียร์เหรอวะ?” ใครสักคนคงเห็นและปากสว่างกระจายข่าวไปทั่ว
“แล้วบอกไม่สนใจ” เดือนสิบถอนหายใจคิดถึงใบหน้าสวยหวานชวนให้โมโห
“เป็นไง เด็ดปะ?”
“เด็ดพ่อมึงดิ!” เดือนสิบชูนิ้วกลาง อารมณ์เดือดดาลขึ้นมาอีกครั้ง ขี้เกียจต่อคิวลิฟต์จึงเดินลงบันไดแทนโดยมีธนินคว้าคอไปคล้อง ขยับตัวออกแต่มันเกาะหนึบยิ่งกว่าปลิง
“อะไรวะ? ทำไมหงุดหงิดแบบนั้น กูนึกว่ามึงกล่อมน้องเขานอนทั้งคืน”
“เลิกพูดถึงยัยนั่นได้แล้ว ไม่อยากฟัง”
“มีอะไรที่กูต้องรู้ปะวะเนี่ย?” ธนินเกาหัวแกรก ๆ เดินลงมาถึงชั้นล่างหน้าอาคารเรียนพอดี เดือนสิบไม่ตอบเช่นเคย ส่วนเขาก็ไม่อยากตอแยเพื่อนเพราะอาจจะโดนมันถีบเข้าให้ถ้ายังเซ้าซี้ไม่เลิกรา ทว่า…
“พี่เท็น!” เสียงหวานแหลมที่เรียกเพื่อนของเขาทำให้หันไปมอง
“ไม่อยากพูดถึง แต่แม่งมาหาถึงที่เลยว่ะ มึงต้องเล่าแล้วไหม?” ธนินขมวดคิ้วกระแทกไหล่ใส่เพื่อน เดือนสิบพ่นลมหายใจหนัก หันหลังกลับเดินไปอีกทาง ดลญารีบวิ่งตามแต่หล่อนสะดุดล้มถลาไปชนเข้ากับเสาอาคารจนเกิดเสียงดัง
“โอ๊ย!” นั่นเสียงของดลญาที่เดือนสิบไม่อยากสนใจ
“พี่เท็น…” ถึงอย่างนั้นพอหล่อนเรียกคนที่พยายามทำใจแข็งก็ต้องหันกลับไปดูอย่างเสียมิได้ ทุกสายตากำลังจับจ้องมายังร่างสูงเป็นตาเดียว นักศึกษาเริ่มเกาะกลุ่มกระซิบกระซาบกัน เดือนสิบหายใจแรง ๆ เดินปรี่เข้าไปหาร่างเพรียวที่นั่งพับเพียบอยู่บนพื้น ถึงอยากจะทำใจดำก็เถอะ แต่สุดท้ายก็ต้องอุ้มหล่อนขึ้นอกแล้วรีบเดินออกมาทันที ท่ามกลางเสียงฮือฮาของนักศึกษา ข่าวที่ว่าทั้งสองคบหากันคงเป็นเรื่องจริง
“โอ๊ย!” ทันทีที่พ้นสายตาของทุกคน เดือนสิบก็เหวี่ยงยัยทรงโตไปยังพื้นสนามหญ้า
“เฮ้ย! ใจเย็น ๆ ไอ้เท็น” ธนินร้องห้ามไม่ทัน รีบวิ่งเข้าไปดูดลญา
“เธอจะเอายังไงกับฉัน เลิกตอแหล!” คงเหลืออดจริง ๆ นั่นแหละคนที่เคยเย็นชาเป็นมนุษย์น้ำแข็งถึงได้ผรุสวาทออกมาเช่นนั้น ใบหน้าสวยคมมีรอยของความไม่พอใจ คิ้วขมวดมุ่น ทั้งยังเท้าเอวจ้องเขม็งไปทางดลญาที่นั่งน้ำตารื้น
“จะเอายังไง ตอบสิ?!”
“ไอ้เท็น มึง…”
“มึงไม่ต้องเสือกเรื่องของกู ยืนอยู่เฉย ๆ เลย” ยังไม่ทันที่ธนินจะเอ่ยจบเดือนสิบชี้หน้าเพื่อนให้เงียบ ธนินไม่รู้เรื่องราวอะไรจึงทำตามที่เพื่อนบอก เขาถอยห่างออกไปเพียงเล็กน้อย
“จะมาปั่นหัวอะไรฉัน ฉันไม่หลงกลหรอกนะ” คิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ถูกหลอกให้เชื่อว่าหล่อนเท้าแพลงแล้วเจ็บใจ
“ทำไมพี่เท็นคิดอย่างนั้นล่ะคะ” ดลญาปาดน้ำตาออก ช้อนหน้ามองร่างสูงตาละห้อย แสงแดดที่แยงลงมาทำให้ต้องหรี่ตาและมันยิ่งทำให้น้ำตาของหล่อนร่วงลงอีกรอบ
“ฉันรู้ว่าคนอย่างเธอไม่มีทางมาสนใจอะไรฉันหรอก คงพนันขันต่อเพื่อนไว้สิท่า บอกไว้เลยว่าฉันรู้ทัน” ถึงใจของดลญาสั่นระรัวและไม่คาดคิดว่าเดือนสิบจะล่วงรู้ทันความคิด หล่อนก็ยังคงตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จต่อไป ทำใจดีสู้เสือพร้อมทั้งท่องบางประโยคสะกดจิตตนเองไปด้วย ‘ฉันต้องชนะ!’
“เดียร์ไม่ได้คิดจะทำอะไรแบบนั้นเลยนะคะ” หล่อนว่าเสียงอ่อย บีบน้ำตาให้ร่วงอีกครั้ง คราวนี้อาการของเดือนสิบเปลี่ยนไป รุ่นพี่สาวเบี่ยงหน้าหนีคล้ายกับทนเห็นน้ำตาของหล่อนไม่ได้ สบโอกาสจึงก้มหน้าลงเพื่อซ่อนรอยยิ้ม
“เดียร์ก็แค่อยากทำความรู้จักกับพี่เท่านั้นเอง”
“เหอะ! เธอเรียนที่นี่มาตั้งสามปี เพิ่งจะมาอยากรู้จักฉันตอนนี้เนี่ยนะ” เดือนสิบตั้งข้อกังขา หมัดหนักคล้ายตีเข้าหน้าของดลญา อาจซวนเซสักนิดแต่ยังสู้ต่อ หล่อนชอบที่คู่ต่อสู้มีสมอง เพราะยิ่งยากมันยิ่งเร้าใจ
“ถ้าพนันอะไรเพื่อนไว้ก็ไปบอกยกเลิกพวกนั้นซะ แล้วเลิกยุ่งกับฉัน” เดือนสิบกวาดตามองคนที่ยังนั่งอยู่บนสนามหญ้าศีรษะจดปลายเท้า ถอนหายใจหนักๆ อีกหลายครั้ง
“หวังว่าที่พูดออกไปสมองของเธอจะเข้าใจนะ” ย้ำชัดอีกครั้ง ในช่วงหันหลังกลับและกำลังจะก้าวเดินจากไปทุกอย่างก็คล้ายโลกหยุดหมุน เมื่อดลญารีบลุกขึ้นยืนแล้วโพล่งสิ่งที่เหมือนไม้เด็ดไว้ใช้ยามคับขัน
“เดียร์ชอบพี่เท็นนะคะ!”
บทที่ 4 เดียร์จะจีบพี่เท็นคงไม่ใช่แค่เจ้าของชื่อที่ยืนอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน แม้แต่ธนินและนักศึกษาที่เดินอยู่รอบ ๆ ก็มีอาการไม่ต่างกัน ก่อนพวกนั้นจะยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปแล้วเดินซุบซิบหนีไปทันที ธนินยืนมองตาปริบ ๆ หันมองเดือนสิบทีดลญาที ไม่คาดคิดว่าตนเองจะต้องมาเป็นสักขีพยานแห่งรักของเพื่อนสนิท“พูดบ้าอะไรของเธอ?” ร่างสูงโปร่งปรี่เข้าใส่ดลญา ดีที่ธนินขวางไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นหล่อนคงถูกเดือนสิบบีบคอเป็นแน่“เป็นแฟนกับเดียร์นะคะพี่เท็น”“นี่เธอ! หยุดเลยนะ” ไอ้ท่าทางกระมิดกระเมี้ยนเจียมตัว ทำหน้าทำตาให้เธอสงสาร นั่นมันคือการแสดงทั้งนั้น จะว่าเดือนสิบดูออกก็ไม่เชิง เพียงแต่เธอแค่รู้ทันพวกคุณหนูบ้านรวยแสนเอาแต่ใจ ในอดีตเดือนสิบเคยเป็นน้องปีหนึ่งที่ไม่คิดจะสุงสิงยุ่งเกี่ยวกับใคร ทว่ากลับมีรุ่นพี่คนสวยมาหยอดมาอ้อนและมาใกล้ชิดสนิทสนมจนเธอตกหลุมพรางและเริ่มก่อความสัมพันธ์ แต่ในเวลาไม่นานเดือนสิบก็ได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว รุ่นพี่คนนั้นไม่ได้คิดจริงจังและจริงใจอะไรต่อเธอเลย หล่อนก็แค่พนันกับเพื่อนว่าหากได้คนที่เงียบที่สุดในรุ่นมาเป็นแฟนจะได้มือถือรุ่นใหม่ล่าสุด เรื่องราวในครั้งนั้นมีเพียงธนินเพื่อนสน
“เออน่า…มึงก็น่าจะให้โอกาสน้องเขาหน่อย ตอนน้องจิ๊บกูก็นึกว่าจะคบกันยาว ๆ ที่ไหนได้ ตดยังไม่ทันจะหายเหม็นก็เลิกกันซะละ มึงเลิกปิดตัวปิดใจได้แล้ว หรือว่ามึงยังคิดถึงเรื่องพี่กัญอยู่วะ?” ชื่อนั้นเดือนสิบไม่ได้ยินมานานหลายปี พอได้ยินอีกครั้งข้างในอกเริ่มบีบรัด สีหน้าเปลี่ยนไปจนธนินที่เพิ่งรู้ตัวว่าพูดไม่คิดก็ได้แต่ก่นด่าตนเองในใจ เขาน่าจะรู้ดีว่ารุ่นพี่คนนั้นสร้างบาดแผลร้ายแรงไว้ในใจเพื่อนสนิทแค่ไหน“กู…ขอโทษว่ะ” คนที่มีอดีตทำเพียงไหวไหล่ หยิบบุหรี่แล้วคล้องไหล่ธนินเดินไปพื้นที่สูบบุหรี่ควันเทา ๆ กับใจหม่น ๆ คงเข้ากันดีหากมีฝนตกลงมา ทว่ายามนี้แดดเปรี้ยงจนต้องหยีตามองฟ้า เดือนสิบทอดถอนใจ พ่นควันออกปากเฉกเช่นเดียวกับธนิน“ผู้หญิงคนนั้นก็คงไม่ต่างจากคนอื่น” ถึงหัวใจไม่ได้มีกำแพงหนาหลายชั้นจนยากจะเข้าไป ทว่ามันก็ไม่ได้เปิดรับทุกคนที่ผ่านเข้ามา เนื่องจากความชอกช้
บทที่ 5 แรงกระเพื่อมที่แผ่วเบาและคงเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานมีหลายคนเห็นเหตุการณ์พอดิบพอดี เช้านี้หัวข้อสนทนาในตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์และนิเทศศาสตร์จึงเป็นเรื่องของเดือนสิบและดลญา มีข่าวลือออกไปหลากหลายประเด็นตามแต่คนจะจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็นดาวคณะสวยเด่นอย่างดลญากู่ก้องร้องตะโกนว่ามีใจให้รุ่นพี่วิศวะฯ สาว หรือจะเป็นเดือนสิบปฏิเสธรักไม่แยแสดลญาแม้แต่น้อย และก็มีหลายคนที่ตั้งข้อสงสัยว่าทั้งคู่อาจเป็นแฟนกันแล้ว เพียงแต่ง้องอนกันตามประสาคนรัก ข่าวต่าง ๆ ดังให้ได้ยินแค่เพียงช่วงเช้าก่อนจะซาลงไปเพราะมีเรื่องอื่นน่าสนใจกว่า แต่คงไม่ใช่กับเบญจา หล่อนยืนหน้าเครียดกอดอกมองดลญาไม่วางตา“นังนั่นมีอะไรดีกว่าฉัน?” เบญจาเปรยขึ้นขณะเดินเข้ามายังโรงอาหารของคณะ เพื่อนในกลุ่มไม่ได้ตอบเพียงยักไหล่เล็กน้อยด้วยเข้าใจว่าเบญจาไม่ได้ถามแต่พูดกับตนเอง ถึงเบญจาจะเป็นน้องปีหนึ่งสดใหม่ แต่ความสวยยังห่างชั้นกับดลญาอยู่มาก รายนั้
“นะคะพี่เท็น…” อีกครั้งที่สาวนิเทศใช้ทักษะการแสดงที่ร่ำเรียนมา“เฮ้อ…” เดือนสิบพ่นลมหายใจหนัก ๆ“อืม ก็ได้” ลงท้ายก็ยอม คงเพราะน้ำเสียงและท่าทางอ้อน ๆ นั้นกระมังถึงพาเอาใจสั่นไหว“จริงนะคะ” ดวงตากลมโตทอประกาย ซ่อนความดีใจไม่มิด“แต่บอกไว้เลยนะว่า คนอย่างฉันไม่มีทางเชื่อผู้หญิงรวย ๆ อย่างเธอหรอก” ดูเหมือนเดือนสิบต้องเตือนตัวเองว่าอย่าหลงกลสายตาและท่าทางราวลูกแมวน้อยของอีกฝ่ายด้วยการทำเสียงห้วน ๆ ซึ่งมันอาจใช้ไม่ได้ผลสักเท่าไร“แหม…แล้วนักศึกษาที่มหา’ลัยนี้ใครไม่รวยบ้างคะ พี่เท็นก็รวย” ถึงจะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแต่คณะวิศวกรรมศาสตร์ของเดือนสิบนั้นต้องสอบเข้าถึงจะได้ศึกษา มีเงินแล้วได้เรียนคงใช้ไม่ได้สำหรับที่นี่ ส่วนดลญา
ข่าวฉาวซาลงพร้อมกับแอ็กเคานต์นิรนามได้ลบไปแล้ว เบญจาไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับดลญาและเดือนสิบอีก หล่อนเห็นรุ่นพี่วิศวะสาวมานั่งรอดลญาบ้างเป็นบางครั้ง เผลอสบตากันแต่หล่อนเลือกเชิดหน้าใส่ เดือนสิบเองก็เลือกจะนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนเวลาผ่านไปกว่าสองอาทิตย์ วันนี้มีนัดกับธนินหลังเลิกงาน เธอส่งแชตบอกคนน้องซึ่งฝ่ายนั้นตอบกลับเป็นสติกเกอร์ผู้หญิงทำสัญลักษณ์โอเค“ไงมึง ตกลงเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม?” ธนินพูดพร้อมจิบเบียร์ไปด้วย“ยัง”&n
บทที่ 6 ได้แค่ตัวยามนี้ทั้งโต๊ะไม่มีใครเอื้อนเอ่ยคำใดออกมา นอกจากลอบมองกันเองด้วยสายตาเลิ่กลั่กนับตั้งแต่ร่างเพรียวของดลญาเดินเข้ามาภายในร้านและนั่งลงข้างกายรุ่นน้องร่างสูง เดือนสิบยังทำหน้านิ่งยกแก้วจิบเบียร์ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วเธอเพิ่งโดนแจงจู่โจมขโมยจูบ“สวัสดีค่ะ” แล้วก็เป็นดลญาที่ต้องเอ่ยเป็นคนแรก เนื่องจากเดือนสิบไม่คิดจะแนะนำหล่อนให้ใครได้รู้จัก หญิงสาวกระพุ่มมือไหว้นอบน้อม พนักงานรุ่นพี่รับไหว้เงอะงะ“แฟนเท็นเหรอ?” พี่นัดคันปากยุบยิบ อดรนทนไม่ไหวเอ่ยปากถาม“สวยเชียว” คำชมนั้นเรียกให้ดลญายิ้มปากแทบฉีก ถึงแม้คนที่ถูกถามจะยังเงียบปากอยู่ก็เถอะ หล่อนส่งยิ้มหวานเกี่ยวแขนเดือนสิบมากอดไว้ หน้าอกหน้าใจถูไถไปตามแขนยาว ความสนิทชิดเชื้อนั้นทำเอาแจงชักสีหน้า ทุกคนยังคงมองดล
“กลับไปได้แล้ว” ออกปากไล่อีกครั้ง“ยังพูดไม่รู้เรื่องเลย เดียร์จีบพี่เท็นอยู่นะคะ ห้ามไปจูบกับใครทั้งนั้น”“แล้วจะให้ฉันจูบเธอหรือไง”“ใช่ค่ะ” สิ้นเสียงเล็กแหลม คนตัวสูงหันกลับรวดเร็ว คว้าเอวกิ่วเข้ามากอด ก่อนกดจูบริมฝีปากลงตามที่หล่อนเอ่ย ดลญาตั้งตัวไม่ทัน นิ่งงันชั่ววินาที ก่อนหลับตาพริ้มเกาะไหล่กว้างไว้แน่นรับสัมผัสดุดันเร่าร้อนนั้น คงเพราะฤทธิ์เดชของน้ำเมาที่ผสมอยู่ในเลือดถึงทำให้เดือนสิบขาดสติคว้าดลญามาบดจูบ ร่างเพรียวลอยขึ้นขณะที่ปากทั้งสองยังไม่ละห่าง แผ่นหลังเล็กทาบลงยังเตียงนุ่ม เดือนสิบยังคงมัวเมากับรสสัมผัสหวานหอมในโพรงปากหวาน คล้ายว่าริมฝีปากอวบอิ่มนั้นเคลือบไปด้วยรสเชอร์รี“แม่งเอ๊ย! นมโคตรใหญ่เลย” เดือนสิบสบถมือคลำคลึงทรวงเต้าที่ใหญ่เกินฝ่ามือตนเอง
บทที่ 7 รับของหวานไหมคะวันนี้คือวันหยุด เดือนสิบอัดบุหรี่เข้าปอดไปหลายมวน ตาคมปรายไปยังคนที่ยังนอนสลบไสลอยู่บนเตียง ผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่บ่งบอกถึงเพลิงสวาทที่สาดใส่กันไม่ยั้งเมื่อคืนนี้ อาจเพราะเดือนสิบร้างราสังเวียนรักมาสักพักเธอถึงได้อดอยากปากแห้งกระทำต่อดลญาจนหมดแรงข้าวต้ม หรืออาจเพราะในกระแสเลือดมีแอลกอฮอล์เจือจางอยู่ถึงได้เกิดอารมณ์ฟัดหล่อนไม่ยั้ง หรืออาจเป็นข้อสุดท้าย ร่างเพรียวที่มีทรวดทรงองค์เอวชวนเสน่หานั้นพาเธอดำดิ่งยากจะต้านทาน แต่อะไรก็ช่าง สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ใช่เรื่องที่เดือนสิบคาดคิดไว้ด้วยซ้ำ หญิงสาวถอนหายใจหนัก ๆ แม้จะบอกอีกฝ่ายว่าหล่อนได้เพียงตัวของเธอเท่านั้น แต่บางอย่างกลางอกซ้ายกลับบอกว่ามันจะไม่จบแค่เรื่องเมื่อคืนสักพักดลญาตื่นขึ้น หล่อนคว้าเสื้อผ้ามาสวม ไม่ได้อิดออดหรือร้องไห้โวยวาย กลับนิ่งสงบราวมหาสมุทรที่กำลังก่อคลื่นทะเลลูกใหญ่ เดือนสิบเองก็ไม่ได้ปริปากถึงเรื่องเมื่อคืน ทำเพียงนั่งไขว่ห้างจิบกาแฟสูบบุหรี่ไปพลาง
บทจบ ได้ทั้งเกียร์ได้ทั้งเธอดลญายิ้มแห้งเมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วคุณนุ่นคือลูกพี่ลูกน้องของธนิน หญิงสาวตีไหล่คนรักเนื่องจากถูกปล่อยให้คิดไปเองอยู่พักใหญ่ ถ้าไม่เกิดเรื่องงอนตุ๊บป่องเมื่อสัปดาห์ก่อนหล่อนก็ยังไม่รู้ว่านุ่นคือใคร แล้วที่เคยสังสรรค์จนกลับบ้านดึกดื่นนั่นก็เพราะธนินขอร้องให้อยู่ต่อ “พี่เท็นก็ไม่บอกเดียร์” “ถ้าบอกก็ไม่รู้สิว่าแฟนหึง” คนพี่ยิ้มกริ่ม เดี๋ยวนี้เดือนสิบชักร้าย เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม เจ้าเล่ห์ขึ้น พูดเก่งขึ้น และทำรักมากขึ้น ความต้องการมีไม่สิ้นสุด หล่อนระทดร
“ยังไง บอกฉันมาสิ” หากคนที่บอกจะชดใช้กลับส่ายศีรษะไปมา หล่อนเองก็ไม่รู้เช่นกัน“ระ…หรือพี่เท็น” ก้อนบางอย่างจุกอยู่กลางอกไปจนถึงลำคอ ดลญาพูดต่อไม่ออก แต่พยายามเอื้อนเอ่ยทั้งที่เจ็บไปทั้งใจกับข้อเสนอที่ตนเองได้เอ่ยออกไป“อยากให้เดียร์ไปให้พ้น ๆ” ประโยคนั้นเบาเสียจนต้องเงี่ยหูฟัง ร่างสูงมองมือเล็ก เมื่อมีอาการประหม่าดลญามักจะจิกเล็บลงบนอุ้งมือ“แล้วเธออยากไปให้พ้น ๆ ฉันไหมล่ะ?” คำตอบคือการส่ายหน้ารัว ๆ“งั้นก็อยู่”“คะ?!” ใจดลญาเต้นแรง แหงนหน้ามองคนพี่ที่ส่งสายตาทอประกายมาให้“ฉันเพิ่งรู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยลืมยัยตัวแสบเจ้าแผนการจอมหลอกลวงได้เลย” คราวนี้เป็นดวงตากลมโ
บทที่ 19 ในใจมีเพียงเธอไหล่กว้างไหวสั่นแรงขึ้นขณะปิดหน้าร้องไห้หน้าห้องฉุกเฉิน เป็นเวลาเกือบชั่วโมงแล้วที่ร่างไร้สติของดลญาอยู่หลังประตูบานนั้น เดือนสิบโทรหาบิดาและธนินด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พูดไม่ได้ศัพท์จนบิดาต้องบอกให้ใจเย็นจะรีบไปหาส่วนธนินติดธุระอยู่ต่างจังหวัดแต่จะรีบมาทันทีที่เสร็จงาน ดวงตาคมแดงก่ำน้ำตาไหลพรากมองสิ่งที่อยู่ในมือ ‘สร้อยเกียร์วิศวะ’ ดลญายอมทิ้งชีวิตเพื่อเจ้าสิ่งนี้ทั้ง ๆ ที่มันแสนไร้ค่า เดือนสิบลูบหน้าแรง ๆ เสยผมขึ้น ส่ายศีรษะไปมา ในหัวมันขาวโพลนตอนที่ลากร่างไร้สติขึ้นมาบนฝั่ง ตะโกนเรียกหล่อน ไม่มีเสียงตอบกลับยิ่งทำให้ลนลาน แทบคลั่งเมื่อเห็นว่าในมือหล่อนกำอะไรอยู่ มือเล็กกำมันแน่นไม่ปล่อยจนเธอต้องใช้แรงง้างนิ้วทั้งห้าให้ปล่อยไม่นานคุณดนัยก็ถึงโรงพยาบาล เดือนสิบโผเข้ากอดท่านทันที ร่ำไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเมื่อครั้งที่รู้ความจริงเกี่ยวกับดลญา ช่วงนั้นบุตรสาวท่านเป็นบ้าไปเลย ไม่กินและไม่นอนเอาแต่ร้องไห้ กว่าจะกลับมาเป็นปกติ
เรื่องซุบซิบความสัมพันธ์ของคนในโรงงานมีมากมายนับไม่ถ้วน คบคนนี้ เลิกคนนั้น เป็นชู้ ลักลอบได้เสียกัน ดลญาอยู่นานจนเริ่มชินชากับเรื่องพวกนี้ หล่อนปรับตัวเข้ากับสังคมได้แล้วแม้จะไม่ได้มีเพื่อนสนิทเลยสักคนก็เถอะ การอยู่ลำพังนั้นไม่ได้แย่อย่างที่คิด เพียงแต่ไม่มีคนไว้คอยพูดคุยปรึกษาก็เท่านั้น ดลญาไม่ใคร่สนใจผู้ใด หล่อนทำงานของตนเองให้เสร็จลุล่วงไปวัน ๆ ทว่าก็ต้องมีเรื่องราวให้ปวดเศียรเวียนเกล้าอีกครั้ง คู่อริเก่าอย่างนวลตาเริ่มเข้ามาหาเรื่องอีกครั้ง เนื่องมาจากแฟนเก่านวลตามาจีบดลญา หล่อนบอกปฏิเสธฝ่ายนั้นไปแล้วแต่ชายหนุ่มยังดื้อด้านตามรังควานไม่เลิก“แรด!” ดลญากลอกตา ก้นหย่อนลงเก้าอี้ทำงานไม่ถึงสามวินาทีก็ถูกด่ากระทบกระเทียบ หล่อนทำเฉยเหมือนไม่ได้ยิน หากอีกฝ่ายกลับเดินมาชนไหล่จนเกือบตกเก้าอี้ ดลญาถอนหายใจแรง ๆ ถึงชินกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อิจฉาริษยา แต่หล่อนก็เบื่อ ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ไปยุ่งกับใครกลับโดนเกลียดเสียอย่างนั้น&n
บทที่ 18 สถานะที่ไม่ชัดเจนคุณดนัยและเดือนสิบเลือกใช้สวนหย่อมแทนการพูดคุยในห้อง ผู้มากอายุกว่ากระชับกรอบแว่นมองบุตรสาวนิ่ง ๆ เดือนสิบเองเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำผิดจึงเอาแต่ก้มหน้าประสานมืออยู่กลางลำตัว“กลับมาคบกันเหรอ?” คำถามของผู้เป็นพ่อยิงตรงเข้าประเด็น ไม่อ้อมค้อม“เปล่าค่ะ” คำตอบของบุตรสาวทำให้คิ้วเข้มต้นฉบับขมวด“ไม่คบแล้วหนูคนนั้นมาอยู่ในห้องแกได้ไง?”“เอ่อ…” เดือนสิบเล่าเหตุการณ์คร่าว ๆ ถึงสาเหตุที่ดลญาต้องมาอยู่กับเธอ ท่านนั่งเงียบฟังไม่ปริปากเอ่ยขัดจังหวะจนจบ“เรื่องบนเตียงไม่เกี่ยวกับว่าคบกันหรือไม่คบสินะ”“ไม่
วันหยุดสุดสัปดาห์เดือนสิบมีนัดกับธนินเนื่องจากไม่ได้เจอกันนานแล้วด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องทำ“มึงว่าอะไรนะ?! ตอนนี้น้องเดียร์อยู่คอนโดฯ มึงเหรอ?” สีหน้าและท่าทาของธนินดูตกใจกับสารใหม่ที่เพิ่งได้รู้ ชายหนุ่มหรี่ตามองเพื่อนที่ยังคงหน้านิ่งจิบเบียร์และหยิบถั่วเข้าปาก“น้องเดียร์ก็แปลก เป็นคุณหนูดี ๆ ไม่ชอบ อยากตกระกำลำบากมาเป็นสาวโรงงาน กูล่ะงงจริง” ธนินเกาหัวแกรก ๆ เมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากเพื่อนสนิท 
บทที่ 17 ไม่ชอบแต่ได้ชิดใกล้ ตาคมเลื่อนไปมองมุมล่างของแล็ปท็อปอยู่เสมอ สั่นขารอว่าเมื่อไรจะถึงเวลาเลิกงาน อาการนั้นทำให้เพื่อน ๆ ต่างมองเดือนสิบยิ้ม ๆ ด้วยรู้ถึงความสัมพันธ์ของเพื่อนกับหญิงสาวในไลน์ผลิต พอได้เวลาเลิกงานเดือนสิบก็ลุกพรวดปิดเครื่อง คว้ากระเป๋าพาดไหล่ บอกลาเพื่อนร่วมงานทันที หลังสแกนออกงานเรียบร้อย เดือนสิบแทบวิ่งไปยังลานจอดรถ สตาร์ตรถออกไปรอใครบางคนหน้าโรงงานทันที ร่างสูงชะเง้อจนคอยาว พอเห็นดลญาเดินถือกระเป๋าใกล้เข้ามาจึงขับรถตามหล่อน ‘ปี๊น!’ บีบแตรเรียกหล่อนเบา ๆ ดลญาสะดุ้งหันไปมอง
เดือนสิบอุ้มดลญามาจนถึงห้องพยาบาล ระยะไม่ไกลมากจึงไม่เหนื่อย หล่อนได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเรียบร้อย ตรวจดูอาการข้อเท้ายังพอเดินได้แต่อาจจะต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุง เดือนสิบถอนหายใจหลายสิบครั้ง ยังอารมณ์เสียไม่หาย ไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่ดลญาถูกรุมทำร้าย“เสร็จแล้วค่ะ ทำเรื่องขอลาหัวหน้าได้เลยนะคะ” เสียงของพยาบาลประจำโรงงานเอ่ยกับดลญา“ไม่เป็นไรค่ะ เดียร์จะไปทำงานต่อค่ะ”“จะไม่เป็นไรได้ไง ดูสภาพตัวเองหน่อย” เป็นเดือนสิบที่เดือดร้อนจนทนไม่ไหว พยาบาลมองทั้งสองเลิ่กลั่กก่อนปลีกตัวให้ทั้งคู่ได้คุยกัน“เดียร์ไม่อยากถูกไล่ออก” โทษสถานหนักของพนักงานที่ทะเลาะวิวาทคือไล่ออก“เธอมีเรื่องอะไรกับพวกนั้น” ดลญาเองก็ไม่รู้ หล่อนส่ายศีรษะช้
บทที่ 16 ห่วงแบบแอบ ๆ ดลญาลาป่วยครบกำหนดตามใบรับรองแพทย์แล้ว อาการเท้าแพลงยังมีอยู่บ้างแต่เดินคล่องขึ้นกว่าวันแรก หล่อนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องโดยเดือนสิบยืนสูบบุหรี่จิบกาแฟตรงระเบียง ร่างสูงสูดอากาศยามเช้าเข้าปอด รู้สึกสดชื่นจนเผลอผิวปากอย่างอารมณ์ดี สองวันที่ผ่านมาได้หลับเต็มตาไม่ตื่นขึ้นกลางดึกอย่างเคย เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับใบหน้าสวยหวานที่ไร้ซึ่งเครื่องสำอาง บุหรี่หมดมวนพอดี เดือนสิบทิ้งมันลงถังขยะ ขมวดคิ้วมองร่างเพรียวเล็กน้อย สาเหตุที่หลับสบายคงไม่ใช่เพราะหล่อนหรอกกระมัง “แต่งหน้าบ้างเถอะ ซีดอย่างกับศพ” วาจาร้าย ๆ รับอรุณ ดลญาทำปากยื่นบ่นอุบอิบ หยิบลิปสติกขึ้นมาเติม เ