และคงเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานมีหลายคนเห็นเหตุการณ์พอดิบพอดี เช้านี้หัวข้อสนทนาในตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์และนิเทศศาสตร์จึงเป็นเรื่องของเดือนสิบและดลญา มีข่าวลือออกไปหลากหลายประเด็นตามแต่คนจะจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็นดาวคณะสวยเด่นอย่างดลญากู่ก้องร้องตะโกนว่ามีใจให้รุ่นพี่วิศวะฯ สาว หรือจะเป็นเดือนสิบปฏิเสธรักไม่แยแสดลญาแม้แต่น้อย และก็มีหลายคนที่ตั้งข้อสงสัยว่าทั้งคู่อาจเป็นแฟนกันแล้ว เพียงแต่ง้องอนกันตามประสาคนรัก ข่าวต่าง ๆ ดังให้ได้ยินแค่เพียงช่วงเช้าก่อนจะซาลงไปเพราะมีเรื่องอื่นน่าสนใจกว่า แต่คงไม่ใช่กับเบญจา หล่อนยืนหน้าเครียดกอดอกมองดลญาไม่วางตา
“นังนั่นมีอะไรดีกว่าฉัน?” เบญจาเปรยขึ้นขณะเดินเข้ามายังโรงอาหารของคณะ เพื่อนในกลุ่มไม่ได้ตอบเพียงยักไหล่เล็กน้อยด้วยเข้าใจว่าเบญจาไม่ได้ถามแต่พูดกับตนเอง ถึงเบญจาจะเป็นน้องปีหนึ่งสดใหม่ แต่ความสวยยังห่างชั้นกับดลญาอยู่มาก รายนั้นสวยตั้งแต่โคนผมยันเล็บเท้า ผิวขาวนวลลออ ผมยาวสลวยถึงกลางหลัง ทรวดทรงองค์เอวราวนาฬิกาทราย ชวนเสน่หา
ฟากดลญารับรู้ถึงกระแสแปร่งแปลกที่ทอดมองมายังตน หันขวับเห็นเบญจากำลังยืนกอดอกมองตนเองอยู่ กระหยิ่มยิ้มย่องในใจเมื่อเห็นอาการร้อนรนของอีกฝ่าย อีกไม่ถึงห้านาทีเบญจาคงได้แสดงอาการราวถูกไฟแผดเผาออกมาแน่ ๆ ต่อมริษยาของหล่อนฉายชัดขนาดนั้น
เป็นจริงอย่างที่ดลญาคาดคิดไว้ ทันทีที่ปรากฏร่างสูงเบญจาก็ชักสีหน้า ผุดลุกขึ้นมองไปยังเดือนสิบที่กำลังเดินปรี่เข้าไปหาหล่อน
“พี่เท็น…” ดลญาฉีกยิ้มกว้างส่งเสียงหวานไปยังผู้มาใหม่ ใบหน้าของเดือนสิบเรียบเฉย ทว่าในดวงตากลับลุกโชนไปด้วยไฟแห่งความโกรธา เนื่องจากสาววิศวะฯ ได้รับข้อความจากดลญาว่าจะปล่อยรูปที่ทั้งสองจูบกันให้ว่อนหากเธอไม่มาหาที่คณะ
“เรานัดกันตอนบ่ายสามไม่ใช่เหรอคะ?” คนที่เดือนสิบมองว่าเป็นยัยตัวร้ายสอดมือเข้ามาคล้องแขนของเธอ ในใจอยากสะบัดและสลัดหล่อนให้ถอยห่าง ทว่าเวลาเพียงเสี้ยววินาทีดลญากลับจรดปลายจมูกลงมายังแก้มของตน ทำเอาสาววิศวะฯ ถึงกับนิ่งงันไปชั่วขณะ เพื่อนในกลุ่มดลญาหวีดร้องลั่น คาดไม่ถึงว่าดลญาผู้วางตัวสูงส่งกว่าคนอื่นจะกล้าหอมแก้มคนที่ตนเองสนใจต่อหน้าคนหมู่มากเช่นนี้
“นี่เธอทำบ้าอะไร?” กระซิบถามด้วยน้ำเสียงเหี้ยม ยัยตัวแสบไม่ตอบกลับหันไปโบกมือร่ำลาเพื่อนแล้วลากเดือนสิบออกจากโรงอาหารโดยมีสายตาของนักศึกษาหลายคู่มองอยู่ รวมถึงเบญจาที่ดวงตาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา ดาวคณะยกมุมปากพอใจก่อนเอี้ยวหน้าไปมองรุ่นน้องสาวพร้อมยักคิ้วบอกเป็นนัยว่าตนเองนั้นเหนือกว่า
“ลบทุกรูปที่เธอถ่ายฉันออก” สาววิศวะฯ คำรามสั่งเสียงดุ เข้าประเด็นที่ตนเองต้องเดินลิ้นห้อยจากคณะวิศวกรรมศาสตร์มาจนถึงคณะของเจ้าหล่อนทั้ง ๆ ที่อยู่คนละฟากฝั่ง
“พี่เท็นรีบมาก่อน เดียร์เลยยังไม่ทันได้กินข้าวเลย ไปกินข้าวกับเดียร์สักมื้อก่อนสิคะ” ดลญาเล่นแง่ไม่ตอบรับสิ่งที่ได้ยิน ยกมือไม้ขึ้นดูเล็บที่เพิ่งทำมาใหม่ เดือนสิบหายใจแรงขึ้นกระชากร่างเพรียวเข้ามาใกล้ บีบเค้นข้อมือเล็กจนดลญาหน้าเสีย
“เจ็บนะ”
“ฉันขอสั่งให้เธอลบรูปของฉันทุกรูป”
“พี่เท็นไปกินข้าวกับเดียร์ก่อนสิคะ แล้วจะลบรูปให้” มือเรียวคลายลง ดลญาบิดออก หล่อนยิ้มหวานส่งสายตาพราวระยับ มือไม้เริ่มเกาะเกะไปตามเนื้อตัวคนร่างสูง
“เดียร์พูดคำไหนคำนั้นนะ”
“ถ้าเธอไม่ลบฉันลบเอง มือถืออยู่ไหน?” เดือนสิบพยายามดึงกระเป๋าอีกฝ่ายมาดู รู้ตัวดีว่าการกระทำนั่นเสียมารยาท แต่เธอไม่อยากเกี่ยวข้องกับยัยตัวแสบตรงหน้าอีก
“พี่เท็นเอากระเป๋าเดียร์มานะ!” ทั้งสองยื้อยุดกระเป๋าอยู่นานสองนาน และเป็นเดือนสิบที่ได้กระเป๋ามาถือไว้ โดยร่างเจ้าของถูกเหวี่ยงไปกระแทกกับกำแพงอาคารอย่างจัง
“โอ๊ย!” ดลญานิ่วหน้าร้องลั่น ทั้งเจ็บและจุก หล่อนทรุดกายกับพื้นทันที
“เดียร์!” เดือนสิบเองก็ตกใจไม่น้อย รู้สึกผิดจนหน้าซีด ไม่คิดว่าจะทำให้หล่อนเจ็บตัว ดวงหน้าสวยหวานม่อยลง ดวงตากลมปริ่มด้วยน้ำใส สาววิศวะฯ รีบเข้าไปประคองหล่อน กวาดสายตาไปทั่วร่างเพรียว ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่พบบาดแผล
เดือนสิบประคองดลญาไปยังม้านั่งในสวนข้างตึกคณะนิเทศศาสตร์ โชคดีที่หล่อนไม่มีวิชาเรียนต่อ และยามนี้นักศึกษาบางตาลงมาเพราะเริ่มเรียนคาบบ่ายกันแล้ว แดดเปลี่ยนทิศไม่แยงตา อีกทั้งยังมีต้นไม้ใหญ่คอยเป็นร่มกำบังให้ ลมพัดเอื่อยพอให้เย็นสบาย ทั้งสองเงียบไปนานและเป็นดลญาที่เอ่ยขึ้นก่อน
“ให้โอกาสเดียร์ได้รู้จักพี่เท็นหน่อยได้ไหมคะ?” เดือนสิบหันมอง พบดวงตากลมโตที่มองมาอย่างเปิดเผยความรู้สึก สาววิศวะฯ กะพริบตาแล้วหันหน้ากลับ แต่ก็ยังแอบเหล่มองคนข้าง ๆ ดลญาประสานมือที่หน้าตัก นิ้วเรียวขยับขยุกขยิกมีอาการประหม่าอย่างเห็นได้ชัด
“คุณหนูอย่างเธอจะมาชอบอะไรฉัน ไปหลอกเด็กเถอะ” เดือนสิบยังเตือนตัวเองเสมอและไม่มีทางเชื่อในท่าทางที่ดลญาแสดง แม้ครั้งนี้การได้สบสายตาหล่อนเพียงชั่วครู่จะทำให้ใจเริ่มสั่นไหวก็ตาม
“มหา’ลัยนี้มีคนที่ดีกว่าฉันเยอะแยะ”
“แต่เดียร์ชอบพี่เท็นคนเดียว” อีกครั้งที่ต้องได้ยินคำนี้ เดือนสิบขยับตัวยุกยิก ไม่ได้ชอบแต่ก็ไม่ได้รู้สึกดี ด้วยตลอดหลายปีสาววิศวะฯ ไม่เคยเอาใจลงไปเล่นกับใครและตกลงขอบเขตกับคู่นอนเสมอ มีเพียงความสุขทางกายเท่านั้น หัวใจไม่เกี่ยว อาจมีรุ่นน้องหลาย ๆ คนรู้สึกดีกับเธอบ้าง แต่เดือนสิบเลือกไม่สนใจและตัดไฟแต่ต้นลม ไม่ข้องแวะ มันจึงทำให้เธอไม่ได้ยินคำว่ารักหรือชอบมาเนิ่นนาน จวบจนดลญาเอ่ยปาก ร่างสูงถอนหายใจอ้าปาก
“ไม่ต้องเชื่อเดียร์ตอนนี้ก็ได้ค่ะ แค่ให้โอกาสเดียร์ก็พอ” คนฟังยังคงเงียบ ดลญาชักใจเสียพยายามตะล่อมใช้เสียงที่คิดว่าเสนาะหูที่สุด หล่อนต้องใจเย็นเฝ้าคอยปลาตัวใหญ่งับเหยื่อ
“นะคะพี่เท็น…” อีกครั้งที่สาวนิเทศใช้ทักษะการแสดงที่ร่ำเรียนมา“เฮ้อ…” เดือนสิบพ่นลมหายใจหนัก ๆ“อืม ก็ได้” ลงท้ายก็ยอม คงเพราะน้ำเสียงและท่าทางอ้อน ๆ นั้นกระมังถึงพาเอาใจสั่นไหว“จริงนะคะ” ดวงตากลมโตทอประกาย ซ่อนความดีใจไม่มิด“แต่บอกไว้เลยนะว่า คนอย่างฉันไม่มีทางเชื่อผู้หญิงรวย ๆ อย่างเธอหรอก” ดูเหมือนเดือนสิบต้องเตือนตัวเองว่าอย่าหลงกลสายตาและท่าทางราวลูกแมวน้อยของอีกฝ่ายด้วยการทำเสียงห้วน ๆ ซึ่งมันอาจใช้ไม่ได้ผลสักเท่าไร“แหม…แล้วนักศึกษาที่มหา’ลัยนี้ใครไม่รวยบ้างคะ พี่เท็นก็รวย” ถึงจะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแต่คณะวิศวกรรมศาสตร์ของเดือนสิบนั้นต้องสอบเข้าถึงจะได้ศึกษา มีเงินแล้วได้เรียนคงใช้ไม่ได้สำหรับที่นี่ ส่วนดลญา
บทที่ 1 ดลญาเดือนสิบภาพสะท้อนในกระจกเงาแสดงให้เห็นถึงผู้หญิงร่างผอมเพรียวทว่ามีหน้าอกหน้าใจใหญ่คัพซี เอวคอดและสะโพกผาย หล่อนกำลังหยิบลิปสติกสีใหม่ขึ้นมาปาดริมฝีปาก ปลายนิ้วไล้เกลี่ยไปตามขอบปากให้ฟุ้งตามสมัยนิยม “สีสวยว่ะแก” ใครสักคนที่ยืนอยู่ด้วยกันเอ่ยชม หล่อนคนนั้นยักคิ้ว ยื่นมันไปให้“ลองไหม?”“ไม่ละ ฉันทาสีแดงไม่เคยรอดสักที” เจ้าของลิปสติกยักไหล่แล้วเก็บมันลงกระเป๋าแบรนด์Cคอลเลกชันใหม่ หญิงสาวสำรวจใบหน้าและทรงผมของตนเองอีกครั้ง ก่อนเดินออกจากห้องน้ำ ตลอดทางมีสายตานับสิบคอยมองตลอด ด้วยความที่หล่อนเป็นผู้หญิงสวยและยังเป็นถึงดาวคณะอีกด้วย ใคร ๆ ก็ต่างรู้จักและต้องการตีสนิทด้วย แต่ความหยิ่งยโสของคนสวยก็เลื่องชื่อไม่น้อย ‘ดลญา หรือ เดียร์’ หลานสาวอดีตผู้นำการเมืองฝ่ายรัฐบาล ฐานะทางสังคมและการเงินเข้าขั้นเศรษฐี แบรนด์เนมทั้งตัว ขับซูเปอร์คาร์คันละสี่สิบล้านมาเรียนทุกวัน และคบค้าสมาคมเฉพาะเพื่อนระดับเดียวกันเท่านั้น ดลญาเดินพูดคุยหยอกล้อกับเพื่อนในกลุ่มไปจนถึงหน้าอาคารเรียน “ขอโทษครับ” เสียงทุ้มเรียกความสนใจ หล่อนปรายตามองเล็กน้อย“เอ่อ…พี่ชื่อแม๊กนะ อยู่บริหาร” “ค่ะ” ใบหน้าของหญิงส
เสียงลูกบาสเกตบอลกระทบพื้นดังไปทั่วพื้นที่ มีผู้หญิงร่างสูงกำลังเลี้ยงลูกบอลไปยังฝั่งตรงข้ามโดยมีผู้เล่นอีกฝ่ายคอยสกัดกั้นไม่ให้ร่างสูงส่งบอลให้กับเพื่อนร่วมทีม ทว่าคนที่ชำนาญกลับหลบเลี่ยงและสามารถชูตบอลลงแป้นคว้าสองคะแนนให้เพื่อนร่วมทีมได้อย่างง่ายดาย เรียกเสียงโห่ร้องดีใจจากผู้ชมบนอัฒจันทร์ได้มากมาย ผู้หญิงร่างสูงยังคงทำคะแนนให้กับทีมได้อีกหลายแต้มติดกันจนจบเกมการแข่งขัน ทีมที่ชนะก็คือทีมของหญิงสาวนั่นเอง ร่างสูงโปร่งเดินมาทิ้งกายลงข้างสนาม คว้าขวดน้ำขึ้นมาดื่มจนหมด การแข่งขันไม่ได้จริงจังอะไรและเป็นการเล่นแบบผสมชายหญิงด้วยซ้ำ แต่ผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มกลับไม่ออมแรงให้ชายชาตรีสักนิด กระทบไหล่ กระแทกตัวใส่จนล้มหน้าคว่ำไปหมด “เฮ้ย! ไอ้เท็น” เพื่อนร่วมทีมตบไหล่ “กูจะชวนมึงไปอเล็กซ์หน่อย” อเล็กซ์คือชื่อสถานบันเทิงอันเลื่องชื่อและเป็นที่รู้จักของนักศึกษาเกือบทุกคน “ห้ามปฏิเสธ คราวที่แล้วมึงก็ไม่ไปทีละนะ” “อยากอ่านหนังสือ” เจ้าตัวบอกง่าย ๆ พลางปรายตามองกลุ่มหญิงสาวที่กำลังโบกมือให้ตนเองอยู่บนอัฒจันทร์ ‘เท็น หรือ เดือนสิบ’
บทที่ 2 ยาก ๆ สิเร้าใจ รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าสถานบันเทิง พนักงานดูแลความปลอดภัยต่างกรูเข้ามาใกล้ด้วยเหตุจากสภาพรถยนต์และคนขับดูไม่ใช่ลูกค้ามีระดับอย่างที่เคยเข้าใช้บริการ ร่างสูงในชุดเสื้อยืดขาวสวมทับด้วยเชิ้ตสีดำแขนยาว กางเกงยีนและรองเท้ากีฬาสภาพเขรอะไปด้วยฝุ่นกำลังเลิกคิ้วมองเหล่าชายฉกรรจ์สองสามคนตรงหน้า “น้องมาผิดที่หรือเปล่า?” หนึ่งในนั้นถามขึ้น มองอีกฝ่ายศีรษะจดปลายเท้า “ทำไม?” น้ำเสียงติดห้วนทำให้คนถามขมวดคิ้ว เจ้าของรถกระบะสะบัดปลายเสื้อเชิ้ตไหวไหล่เล็กน้อย ก่อนเบี่ยงตัวเดินเลี่ยงไปยังทางเข้า แต่กลับถูกพนักงานกลุ่มนั้นตามมารั้งแขนไว้ “เฮ้ย!” นั่นคือเสียงของเดือนสิบ หญิงสาวมองมือคล้ำของอีกฝ่าย สีหน้าแสดงความไม่พอใจชัดเจน “จะออกไปดี ๆ หรือ…” “ทำอะไรวะ?” ใครสักคนร้องทักเสียงดัง กลุ่มชายฉกรรจ์ถอยห่างเพราะนั่นคือปวินเจ้าของร้าน “น้องผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ลูกค้าของเราครับคุณวิน” หัวคิ้วปวินขมวดปม “นี่น้องกูเอง บ้านมันรวยกว่ากูอีก แต่ชอบทำตัวยาจก” ปวินหัว
“ทำอะไรของเธอ” เสียงเข้มกดต่ำ หรี่ตามองผู้หญิงตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง ทว่าดลญากลับฉีกยิ้มหวาน ส่งสายตาทอประกาย หล่อนไม่มีทางยอมเสียหน้าเพื่อนในกลุ่มและตกเป็นรองเบญจาเด็ดขาด “พี่เท็นเลี้ยงค็อกเทลเดียร์สักแก้วสิคะ” “เป็นขอทานเหรอ?” เดือนสิบตอบเสียงเรียบ พยายามแกะมือปลาหมึกของหล่อนออก “ว่าอะไรนะคะ?” เมื่อครู่หล่อนฟังไม่ผิดแน่ หล่อนถูกรุ่นพี่สาวด่า!“นอกจากเป็นขอทานแล้วยังหูไม่ดีอีกนะ เหอะ!” “เอ๊ะ!” คราวนี้คุณหนูคนสวยไม่อาจทนยิ้มหวานได้อีกแล้ว หล่อนเป็นผู้ปล่อยแขนเอง ตากลมโตจ้องเขม็งแสดงถึงความโกรธเกรี้ยวอย่างที่สุด แต่เดือนสิบผู้ที่ไม่สนใจโลกทำเพียงไหวไหล่ไม่ยี่หระต่อสิ่งที่พูดธนินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ยกมุมปาก มองทั้งสองยิ้ม ๆ เพราะไม่คาดคิดว่าดาวคณะนิเทศศาสตร์จะเป็นฝ่ายเข้าหาเพื่อนสนิทของตนก่อน ทั้งยังโดนตอกหน้าแทบหงายอีก น่าเสียดายที่ยามนี้ไฟทั้งผับถูกดับให้มืดลงกว่าเดิม คนอื่นจึงไม่มีทางรู้เลยว่าเพื่อนสนิทของเขาและแม่สาวทรงโตกำลังทำอะไรกันอยู่ แม้ภาพจะดูเกาะก่ายกัน ทว่าความจริงไม่ใช่อย่างนั้นสักนิด ชายหนุ่มยักไหล่คว้าแก้วเครื่องดื่มของตนแล้วปลีกไปอีกทาง ไม่ใช่
บทที่ 3 ฉันรู้ทันคงเพราะคนร่างสูงที่เอาแต่ยืนกอดอกถอนหายใจกระมังจึงทำให้ดลญารู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางทั้ง ๆ ที่เนื้อตัวมีแต่รอยฟกช้ำ เพราะถูกคนเมาเข้าใกล้หวังทำมิดีมิร้ายขณะเดินมาเข้าห้องน้ำ“ยืนไหวไหม?” น้ำเสียงราบเรียบถามขึ้น ไม่ได้แสดงถึงความเป็นห่วงใยหรือหงุดหงิด “วะ…ไหวค่ะ” เดือนสิบปล่อยให้ดลญายืนด้วยตนเอง แต่เพียงเสี้ยววินาทีหล่อนก็ทำท่าจะล้มหงายหลัง ผลสุดท้ายคนที่บอกตนเองว่าไม่อยากสนใจก็ต้องคอยดูแลหล่อน “ไปโรงพยาบาลไหม?” ดูเหมือนข้อเท้าอีกฝ่ายจะแพลง “พี่เท็นจะไปส่งเหรอคะ?” ยื่นคำถามหยั่งเชิง เห็นแววตาลังเลของเดือนสิบจึงลอบยิ้ม “หรือจะเรียกแท็กซี่ให้เดียร์ก็ได้ค่ะ แต่ว่า…” ใบหน้าสวยหวานเจื่อนลง คิ้วเรียวขมวด ทั้งน้ำเสียงยังฟังดูคล้ายหล่อนมีความกังวลระคนกลัว “เพิ่งมีข่าวแท็กซี่ข่มขืนและฆ่านักศึกษาไปเมื่อวันก่อน” ข่าวนั้นเดือนสิบเองก็ได้ยิน เนื่องจากเป็นข่าวดังที่คนร้ายยังลอยนวลอยู่ และมีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก สาววิศวะฯ นิ่งไปชั่วขณะ ชำเลืองมองคนที่ยังนั่งคลึงขาตนเอง ลอบถอนหายใจก่อนเอ่ย“เดี๋ยวพาไป ลุก
หลังจากได้เบอร์โทรและไลน์ของเดือนสิบดลญาจึงรีบส่งไปอวดเพื่อน ๆ ในกลุ่ม ทั้งยังแนบรูปยามรุ่นพี่สาวขับรถและรอหล่อนขณะพบแพทย์อีกด้วย เรียกเสียงฮือฮาในกลุ่มได้เป็นอย่างมาก DEAR : ฉันบอกพวกแกแล้วว่าอย่าเอาฉันไปเทียบกับนังจิ๊บ คนละชั้นกันย่ะ!” JEEJEE : ย่ะ แม่คนเก่ง ฉันจะรอดูว่าแกจะได้เกียร์พี่เท็นตอนไหน อีกสักปีหรือสองปีน้า? หรือจะไม่ได้เลย คริคริ นั่นถือเป็นประโยคสบประมาทสำหรับดลญาผู้ไม่ชอบเป็นฝ่ายแพ้ หล่อนเชิดหน้ากดแป้นพิมพ์รัวDEAR : อย่ามาดูถูกกันนะ เอาอย่างนี้ไหมล่ะ ถ้าภายในสามเดือนฉันไม่ได้เกียร์พี่เท็นมาคล้องคอ ฉันจะให้เงินสดโอนเข้าบัญชีพวกแกคนละห้าหมื่นไปเลย สิ้นประโยคนั้นในแชตกลุ่มก็เงียบลงก่อนที่จะมีสติกเกอร์หลากหลายรูปแบบแสดงขึ้นที่หน้าจอ ดูเหมือนเพื่อนในกลุ่มจะชอบข้อเสนอที่ดลญายื่นให้ DEAR : แต่ถ้าฉันได้เกียร์พี่เท็นมาภายในสามเดือน พวกแกต้องรวมเงินให้ฉันหนึ่งแสน ตกลงไหม?ALL : DEAL! ดลญาทิ้งกายลงยังเตียงนุ่มทันทีหลังจากทำข้อตกลงกับเพื่อนในกลุ่มเสร็จสรรพ ตากลมสวยมองภาพของเดือนสิบที่แอบถ่ายไว้ หญิงสาวแสดงสีหน้าร้ายกาจอย่างไม่ปิดบัง ดาวคณะคนสวยมีแผนการในหัวอยู่แล้ว จริง ๆ เด
บทที่ 4 เดียร์จะจีบพี่เท็นคงไม่ใช่แค่เจ้าของชื่อที่ยืนอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน แม้แต่ธนินและนักศึกษาที่เดินอยู่รอบ ๆ ก็มีอาการไม่ต่างกัน ก่อนพวกนั้นจะยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปแล้วเดินซุบซิบหนีไปทันที ธนินยืนมองตาปริบ ๆ หันมองเดือนสิบทีดลญาที ไม่คาดคิดว่าตนเองจะต้องมาเป็นสักขีพยานแห่งรักของเพื่อนสนิท“พูดบ้าอะไรของเธอ?” ร่างสูงโปร่งปรี่เข้าใส่ดลญา ดีที่ธนินขวางไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นหล่อนคงถูกเดือนสิบบีบคอเป็นแน่“เป็นแฟนกับเดียร์นะคะพี่เท็น”“นี่เธอ! หยุดเลยนะ” ไอ้ท่าทางกระมิดกระเมี้ยนเจียมตัว ทำหน้าทำตาให้เธอสงสาร นั่นมันคือการแสดงทั้งนั้น จะว่าเดือนสิบดูออกก็ไม่เชิง เพียงแต่เธอแค่รู้ทันพวกคุณหนูบ้านรวยแสนเอาแต่ใจ ในอดีตเดือนสิบเคยเป็นน้องปีหนึ่งที่ไม่คิดจะสุงสิงยุ่งเกี่ยวกับใคร ทว่ากลับมีรุ่นพี่คนสวยมาหยอดมาอ้อนและมาใกล้ชิดสนิทสนมจนเธอตกหลุมพรางและเริ่มก่อความสัมพันธ์ แต่ในเวลาไม่นานเดือนสิบก็ได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว รุ่นพี่คนนั้นไม่ได้คิดจริงจังและจริงใจอะไรต่อเธอเลย หล่อนก็แค่พนันกับเพื่อนว่าหากได้คนที่เงียบที่สุดในรุ่นมาเป็นแฟนจะได้มือถือรุ่นใหม่ล่าสุด เรื่องราวในครั้งนั้นมีเพียงธนินเพื่อนสน