และคงเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานมีหลายคนเห็นเหตุการณ์พอดิบพอดี เช้านี้หัวข้อสนทนาในตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์และนิเทศศาสตร์จึงเป็นเรื่องของเดือนสิบและดลญา มีข่าวลือออกไปหลากหลายประเด็นตามแต่คนจะจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็นดาวคณะสวยเด่นอย่างดลญากู่ก้องร้องตะโกนว่ามีใจให้รุ่นพี่วิศวะฯ สาว หรือจะเป็นเดือนสิบปฏิเสธรักไม่แยแสดลญาแม้แต่น้อย และก็มีหลายคนที่ตั้งข้อสงสัยว่าทั้งคู่อาจเป็นแฟนกันแล้ว เพียงแต่ง้องอนกันตามประสาคนรัก ข่าวต่าง ๆ ดังให้ได้ยินแค่เพียงช่วงเช้าก่อนจะซาลงไปเพราะมีเรื่องอื่นน่าสนใจกว่า แต่คงไม่ใช่กับเบญจา หล่อนยืนหน้าเครียดกอดอกมองดลญาไม่วางตา
“นังนั่นมีอะไรดีกว่าฉัน?” เบญจาเปรยขึ้นขณะเดินเข้ามายังโรงอาหารของคณะ เพื่อนในกลุ่มไม่ได้ตอบเพียงยักไหล่เล็กน้อยด้วยเข้าใจว่าเบญจาไม่ได้ถามแต่พูดกับตนเอง ถึงเบญจาจะเป็นน้องปีหนึ่งสดใหม่ แต่ความสวยยังห่างชั้นกับดลญาอยู่มาก รายนั้นสวยตั้งแต่โคนผมยันเล็บเท้า ผิวขาวนวลลออ ผมยาวสลวยถึงกลางหลัง ทรวดทรงองค์เอวราวนาฬิกาทราย ชวนเสน่หา
ฟากดลญารับรู้ถึงกระแสแปร่งแปลกที่ทอดมองมายังตน หันขวับเห็นเบญจากำลังยืนกอดอกมองตนเองอยู่ กระหยิ่มยิ้มย่องในใจเมื่อเห็นอาการร้อนรนของอีกฝ่าย อีกไม่ถึงห้านาทีเบญจาคงได้แสดงอาการราวถูกไฟแผดเผาออกมาแน่ ๆ ต่อมริษยาของหล่อนฉายชัดขนาดนั้น
เป็นจริงอย่างที่ดลญาคาดคิดไว้ ทันทีที่ปรากฏร่างสูงเบญจาก็ชักสีหน้า ผุดลุกขึ้นมองไปยังเดือนสิบที่กำลังเดินปรี่เข้าไปหาหล่อน
“พี่เท็น…” ดลญาฉีกยิ้มกว้างส่งเสียงหวานไปยังผู้มาใหม่ ใบหน้าของเดือนสิบเรียบเฉย ทว่าในดวงตากลับลุกโชนไปด้วยไฟแห่งความโกรธา เนื่องจากสาววิศวะฯ ได้รับข้อความจากดลญาว่าจะปล่อยรูปที่ทั้งสองจูบกันให้ว่อนหากเธอไม่มาหาที่คณะ
“เรานัดกันตอนบ่ายสามไม่ใช่เหรอคะ?” คนที่เดือนสิบมองว่าเป็นยัยตัวร้ายสอดมือเข้ามาคล้องแขนของเธอ ในใจอยากสะบัดและสลัดหล่อนให้ถอยห่าง ทว่าเวลาเพียงเสี้ยววินาทีดลญากลับจรดปลายจมูกลงมายังแก้มของตน ทำเอาสาววิศวะฯ ถึงกับนิ่งงันไปชั่วขณะ เพื่อนในกลุ่มดลญาหวีดร้องลั่น คาดไม่ถึงว่าดลญาผู้วางตัวสูงส่งกว่าคนอื่นจะกล้าหอมแก้มคนที่ตนเองสนใจต่อหน้าคนหมู่มากเช่นนี้
“นี่เธอทำบ้าอะไร?” กระซิบถามด้วยน้ำเสียงเหี้ยม ยัยตัวแสบไม่ตอบกลับหันไปโบกมือร่ำลาเพื่อนแล้วลากเดือนสิบออกจากโรงอาหารโดยมีสายตาของนักศึกษาหลายคู่มองอยู่ รวมถึงเบญจาที่ดวงตาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา ดาวคณะยกมุมปากพอใจก่อนเอี้ยวหน้าไปมองรุ่นน้องสาวพร้อมยักคิ้วบอกเป็นนัยว่าตนเองนั้นเหนือกว่า
“ลบทุกรูปที่เธอถ่ายฉันออก” สาววิศวะฯ คำรามสั่งเสียงดุ เข้าประเด็นที่ตนเองต้องเดินลิ้นห้อยจากคณะวิศวกรรมศาสตร์มาจนถึงคณะของเจ้าหล่อนทั้ง ๆ ที่อยู่คนละฟากฝั่ง
“พี่เท็นรีบมาก่อน เดียร์เลยยังไม่ทันได้กินข้าวเลย ไปกินข้าวกับเดียร์สักมื้อก่อนสิคะ” ดลญาเล่นแง่ไม่ตอบรับสิ่งที่ได้ยิน ยกมือไม้ขึ้นดูเล็บที่เพิ่งทำมาใหม่ เดือนสิบหายใจแรงขึ้นกระชากร่างเพรียวเข้ามาใกล้ บีบเค้นข้อมือเล็กจนดลญาหน้าเสีย
“เจ็บนะ”
“ฉันขอสั่งให้เธอลบรูปของฉันทุกรูป”
“พี่เท็นไปกินข้าวกับเดียร์ก่อนสิคะ แล้วจะลบรูปให้” มือเรียวคลายลง ดลญาบิดออก หล่อนยิ้มหวานส่งสายตาพราวระยับ มือไม้เริ่มเกาะเกะไปตามเนื้อตัวคนร่างสูง
“เดียร์พูดคำไหนคำนั้นนะ”
“ถ้าเธอไม่ลบฉันลบเอง มือถืออยู่ไหน?” เดือนสิบพยายามดึงกระเป๋าอีกฝ่ายมาดู รู้ตัวดีว่าการกระทำนั่นเสียมารยาท แต่เธอไม่อยากเกี่ยวข้องกับยัยตัวแสบตรงหน้าอีก
“พี่เท็นเอากระเป๋าเดียร์มานะ!” ทั้งสองยื้อยุดกระเป๋าอยู่นานสองนาน และเป็นเดือนสิบที่ได้กระเป๋ามาถือไว้ โดยร่างเจ้าของถูกเหวี่ยงไปกระแทกกับกำแพงอาคารอย่างจัง
“โอ๊ย!” ดลญานิ่วหน้าร้องลั่น ทั้งเจ็บและจุก หล่อนทรุดกายกับพื้นทันที
“เดียร์!” เดือนสิบเองก็ตกใจไม่น้อย รู้สึกผิดจนหน้าซีด ไม่คิดว่าจะทำให้หล่อนเจ็บตัว ดวงหน้าสวยหวานม่อยลง ดวงตากลมปริ่มด้วยน้ำใส สาววิศวะฯ รีบเข้าไปประคองหล่อน กวาดสายตาไปทั่วร่างเพรียว ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่พบบาดแผล
เดือนสิบประคองดลญาไปยังม้านั่งในสวนข้างตึกคณะนิเทศศาสตร์ โชคดีที่หล่อนไม่มีวิชาเรียนต่อ และยามนี้นักศึกษาบางตาลงมาเพราะเริ่มเรียนคาบบ่ายกันแล้ว แดดเปลี่ยนทิศไม่แยงตา อีกทั้งยังมีต้นไม้ใหญ่คอยเป็นร่มกำบังให้ ลมพัดเอื่อยพอให้เย็นสบาย ทั้งสองเงียบไปนานและเป็นดลญาที่เอ่ยขึ้นก่อน
“ให้โอกาสเดียร์ได้รู้จักพี่เท็นหน่อยได้ไหมคะ?” เดือนสิบหันมอง พบดวงตากลมโตที่มองมาอย่างเปิดเผยความรู้สึก สาววิศวะฯ กะพริบตาแล้วหันหน้ากลับ แต่ก็ยังแอบเหล่มองคนข้าง ๆ ดลญาประสานมือที่หน้าตัก นิ้วเรียวขยับขยุกขยิกมีอาการประหม่าอย่างเห็นได้ชัด
“คุณหนูอย่างเธอจะมาชอบอะไรฉัน ไปหลอกเด็กเถอะ” เดือนสิบยังเตือนตัวเองเสมอและไม่มีทางเชื่อในท่าทางที่ดลญาแสดง แม้ครั้งนี้การได้สบสายตาหล่อนเพียงชั่วครู่จะทำให้ใจเริ่มสั่นไหวก็ตาม
“มหา’ลัยนี้มีคนที่ดีกว่าฉันเยอะแยะ”
“แต่เดียร์ชอบพี่เท็นคนเดียว” อีกครั้งที่ต้องได้ยินคำนี้ เดือนสิบขยับตัวยุกยิก ไม่ได้ชอบแต่ก็ไม่ได้รู้สึกดี ด้วยตลอดหลายปีสาววิศวะฯ ไม่เคยเอาใจลงไปเล่นกับใครและตกลงขอบเขตกับคู่นอนเสมอ มีเพียงความสุขทางกายเท่านั้น หัวใจไม่เกี่ยว อาจมีรุ่นน้องหลาย ๆ คนรู้สึกดีกับเธอบ้าง แต่เดือนสิบเลือกไม่สนใจและตัดไฟแต่ต้นลม ไม่ข้องแวะ มันจึงทำให้เธอไม่ได้ยินคำว่ารักหรือชอบมาเนิ่นนาน จวบจนดลญาเอ่ยปาก ร่างสูงถอนหายใจอ้าปาก
“ไม่ต้องเชื่อเดียร์ตอนนี้ก็ได้ค่ะ แค่ให้โอกาสเดียร์ก็พอ” คนฟังยังคงเงียบ ดลญาชักใจเสียพยายามตะล่อมใช้เสียงที่คิดว่าเสนาะหูที่สุด หล่อนต้องใจเย็นเฝ้าคอยปลาตัวใหญ่งับเหยื่อ
“นะคะพี่เท็น…” อีกครั้งที่สาวนิเทศใช้ทักษะการแสดงที่ร่ำเรียนมา“เฮ้อ…” เดือนสิบพ่นลมหายใจหนัก ๆ“อืม ก็ได้” ลงท้ายก็ยอม คงเพราะน้ำเสียงและท่าทางอ้อน ๆ นั้นกระมังถึงพาเอาใจสั่นไหว“จริงนะคะ” ดวงตากลมโตทอประกาย ซ่อนความดีใจไม่มิด“แต่บอกไว้เลยนะว่า คนอย่างฉันไม่มีทางเชื่อผู้หญิงรวย ๆ อย่างเธอหรอก” ดูเหมือนเดือนสิบต้องเตือนตัวเองว่าอย่าหลงกลสายตาและท่าทางราวลูกแมวน้อยของอีกฝ่ายด้วยการทำเสียงห้วน ๆ ซึ่งมันอาจใช้ไม่ได้ผลสักเท่าไร“แหม…แล้วนักศึกษาที่มหา’ลัยนี้ใครไม่รวยบ้างคะ พี่เท็นก็รวย” ถึงจะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแต่คณะวิศวกรรมศาสตร์ของเดือนสิบนั้นต้องสอบเข้าถึงจะได้ศึกษา มีเงินแล้วได้เรียนคงใช้ไม่ได้สำหรับที่นี่ ส่วนดลญา
ข่าวฉาวซาลงพร้อมกับแอ็กเคานต์นิรนามได้ลบไปแล้ว เบญจาไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับดลญาและเดือนสิบอีก หล่อนเห็นรุ่นพี่วิศวะสาวมานั่งรอดลญาบ้างเป็นบางครั้ง เผลอสบตากันแต่หล่อนเลือกเชิดหน้าใส่ เดือนสิบเองก็เลือกจะนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนเวลาผ่านไปกว่าสองอาทิตย์ วันนี้มีนัดกับธนินหลังเลิกงาน เธอส่งแชตบอกคนน้องซึ่งฝ่ายนั้นตอบกลับเป็นสติกเกอร์ผู้หญิงทำสัญลักษณ์โอเค“ไงมึง ตกลงเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม?” ธนินพูดพร้อมจิบเบียร์ไปด้วย“ยัง”&n
บทที่ 6 ได้แค่ตัวยามนี้ทั้งโต๊ะไม่มีใครเอื้อนเอ่ยคำใดออกมา นอกจากลอบมองกันเองด้วยสายตาเลิ่กลั่กนับตั้งแต่ร่างเพรียวของดลญาเดินเข้ามาภายในร้านและนั่งลงข้างกายรุ่นน้องร่างสูง เดือนสิบยังทำหน้านิ่งยกแก้วจิบเบียร์ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วเธอเพิ่งโดนแจงจู่โจมขโมยจูบ“สวัสดีค่ะ” แล้วก็เป็นดลญาที่ต้องเอ่ยเป็นคนแรก เนื่องจากเดือนสิบไม่คิดจะแนะนำหล่อนให้ใครได้รู้จัก หญิงสาวกระพุ่มมือไหว้นอบน้อม พนักงานรุ่นพี่รับไหว้เงอะงะ“แฟนเท็นเหรอ?” พี่นัดคันปากยุบยิบ อดรนทนไม่ไหวเอ่ยปากถาม“สวยเชียว” คำชมนั้นเรียกให้ดลญายิ้มปากแทบฉีก ถึงแม้คนที่ถูกถามจะยังเงียบปากอยู่ก็เถอะ หล่อนส่งยิ้มหวานเกี่ยวแขนเดือนสิบมากอดไว้ หน้าอกหน้าใจถูไถไปตามแขนยาว ความสนิทชิดเชื้อนั้นทำเอาแจงชักสีหน้า ทุกคนยังคงมองดล
“กลับไปได้แล้ว” ออกปากไล่อีกครั้ง“ยังพูดไม่รู้เรื่องเลย เดียร์จีบพี่เท็นอยู่นะคะ ห้ามไปจูบกับใครทั้งนั้น”“แล้วจะให้ฉันจูบเธอหรือไง”“ใช่ค่ะ” สิ้นเสียงเล็กแหลม คนตัวสูงหันกลับรวดเร็ว คว้าเอวกิ่วเข้ามากอด ก่อนกดจูบริมฝีปากลงตามที่หล่อนเอ่ย ดลญาตั้งตัวไม่ทัน นิ่งงันชั่ววินาที ก่อนหลับตาพริ้มเกาะไหล่กว้างไว้แน่นรับสัมผัสดุดันเร่าร้อนนั้น คงเพราะฤทธิ์เดชของน้ำเมาที่ผสมอยู่ในเลือดถึงทำให้เดือนสิบขาดสติคว้าดลญามาบดจูบ ร่างเพรียวลอยขึ้นขณะที่ปากทั้งสองยังไม่ละห่าง แผ่นหลังเล็กทาบลงยังเตียงนุ่ม เดือนสิบยังคงมัวเมากับรสสัมผัสหวานหอมในโพรงปากหวาน คล้ายว่าริมฝีปากอวบอิ่มนั้นเคลือบไปด้วยรสเชอร์รี“แม่งเอ๊ย! นมโคตรใหญ่เลย” เดือนสิบสบถมือคลำคลึงทรวงเต้าที่ใหญ่เกินฝ่ามือตนเอง
บทที่ 7 รับของหวานไหมคะวันนี้คือวันหยุด เดือนสิบอัดบุหรี่เข้าปอดไปหลายมวน ตาคมปรายไปยังคนที่ยังนอนสลบไสลอยู่บนเตียง ผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่บ่งบอกถึงเพลิงสวาทที่สาดใส่กันไม่ยั้งเมื่อคืนนี้ อาจเพราะเดือนสิบร้างราสังเวียนรักมาสักพักเธอถึงได้อดอยากปากแห้งกระทำต่อดลญาจนหมดแรงข้าวต้ม หรืออาจเพราะในกระแสเลือดมีแอลกอฮอล์เจือจางอยู่ถึงได้เกิดอารมณ์ฟัดหล่อนไม่ยั้ง หรืออาจเป็นข้อสุดท้าย ร่างเพรียวที่มีทรวดทรงองค์เอวชวนเสน่หานั้นพาเธอดำดิ่งยากจะต้านทาน แต่อะไรก็ช่าง สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ใช่เรื่องที่เดือนสิบคาดคิดไว้ด้วยซ้ำ หญิงสาวถอนหายใจหนัก ๆ แม้จะบอกอีกฝ่ายว่าหล่อนได้เพียงตัวของเธอเท่านั้น แต่บางอย่างกลางอกซ้ายกลับบอกว่ามันจะไม่จบแค่เรื่องเมื่อคืนสักพักดลญาตื่นขึ้น หล่อนคว้าเสื้อผ้ามาสวม ไม่ได้อิดออดหรือร้องไห้โวยวาย กลับนิ่งสงบราวมหาสมุทรที่กำลังก่อคลื่นทะเลลูกใหญ่ เดือนสิบเองก็ไม่ได้ปริปากถึงเรื่องเมื่อคืน ทำเพียงนั่งไขว่ห้างจิบกาแฟสูบบุหรี่ไปพลาง
“นั่นไง ๆ กูว่าแล้ว โซ้ยกันมันชัวร์” คนไม่ค่อยพูดไม่ปริปาก ได้แต่ปล่อยให้เพื่อนเดาทางไปเรื่อย“เลียจนแตกแล้วบอกพี่น้อง ไอ้หน้าส้นตีนเอ๊ย!” ธนินผรุสวาทกลอกตาบน ทั้งยังถีบขาเดือนสิบเบา ๆ หากเป็นเวลาปกติสาววิศวะฯ คงตอกกลับไปบ้าง หากพอมันเป็นความจริงเธอจึงเลือกจะเงียบผินหน้าไปด้านอื่นแทน เวลาผ่านไปอีกหลายชั่วโมง เบียร์กระป๋องแล้วกระป๋องเล่าลอยเคว้งลงถังขยะข้างกาย น้ำเสียงธนินเปลี่ยนไปมากจนเดือนสิบต้องตัดสินใจเรียกบริการรถจากแอปพลิเคชันให้ไปส่งชายหนุ่ม ก่อนตนเองจะเรียกแท็กซี่กลับมายังคอนโดฯ คิ้วเข้มขมวดมุ่นมองคนตรงหน้าที่ส่งยิ้มมาให้
บทที่ 8 เริ่มหวั่นไหวถึงเดือนสิบไม่ได้แสดงท่าทีมากไปกว่าเก่า แต่ดลญานั้นรับรู้ได้ว่าหล่อนสามารถทำให้รุ่นพี่วิศวะฯ แสนเย็นชาสนใจตนเองมากขึ้น หญิงสาวยืนยิ้มกว้างขณะมองร่างสูงอันโดดเด่นกว่าใครเพื่อนแม้จะรั้งอยู่ปลายแถว ยามนี้เป็นเวลาพักพวกรุ่นพี่และเดือนสิบกำลังออกไปหาอะไรกินเหมือนอย่างเคย ทว่าวันนี้อาจพิเศษหน่อยก็ตรงที่เดือนสิบไม่ต้องเดินตากแดดตากลมฝ่าไอร้อนแล้ว“เฮ้ย! มีคนมาหาน่ะเท็น” พี่นัดสะกิด เดือนสิบแหงนหน้าขึ้น“วันนี้ไม่ได้ไปกินข้าวกับพวกพี่สินะ อยากได้อะไรก็ไลน์บอกแล้วกัน” พี่นัดตบไหล่ส่งสายตาล้อเลียนก่อนทั้งกลุ่มจะปลีกไปอีกทาง ดลญาโค้งให้รุ่นพี่ที่เคยพบหน้าค่าตากันเมื่อไม่กี่วันก่อน“มาทำอะไร?” เสียงเรียบไม่ได้บอกว่าคนพูดรู้สึกเช่นไร เหมือนแค่ถามออกไปตามที่สงสัย
“ซื้อทำไมเหรอคะ?” ดลญามองถุงพลาสติกในมือคนร่างสูงพลางสาวเท้าเข้ามาในลิฟต์“กิน” ตอบแค่นั้น สั้น ๆ แบบกำปั้นทุบดิน ดลญายิ้มกว้างเกี่ยวแขนเดือนสิบใช้แก้มถูไถไปมา“แหม…จะเอาไว้กินตอนดูหนังกับเดียร์ล่ะสิไม่ว่า ใช่ไหมล่ะ?” เช่นเคย เดือนสิบไม่ตอบและเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูลิฟต์เปิดออก เมื่อเข้ามายังห้องพักดลญานั้นจัดการเทขนมรวมกันใส่ถ้วยใบใหญ่ รินน้ำอัดลมใส่น้ำแข็งให้ตนเองและหยิบเบียร์หนึ่งกระป๋องยื่นให้คนที่กำลังจุดบุหรี่นั่งไขว่ห้างอยู่หน้าทีวี“ดูเรื่องอะไรดีน้า?” โทรทัศน์สมัยนี้รีโมตมีปุ่มเข้าแอปพลิเคชันชมภาพยนตร์โดยไม่ต้องกดปุ่มค้นหายุ่งยาก แม่สาวทรงโตทิ้งกายนั่งเลื่อนปุ่มหาภาพยนตร์ที่ต้องการดู“หนังผีดีไหมคะ? พี่เท็นกลัวผีไหมคะ?”“ไร้สาระ”
บทจบ ได้ทั้งเกียร์ได้ทั้งเธอดลญายิ้มแห้งเมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วคุณนุ่นคือลูกพี่ลูกน้องของธนิน หญิงสาวตีไหล่คนรักเนื่องจากถูกปล่อยให้คิดไปเองอยู่พักใหญ่ ถ้าไม่เกิดเรื่องงอนตุ๊บป่องเมื่อสัปดาห์ก่อนหล่อนก็ยังไม่รู้ว่านุ่นคือใคร แล้วที่เคยสังสรรค์จนกลับบ้านดึกดื่นนั่นก็เพราะธนินขอร้องให้อยู่ต่อ “พี่เท็นก็ไม่บอกเดียร์” “ถ้าบอกก็ไม่รู้สิว่าแฟนหึง” คนพี่ยิ้มกริ่ม เดี๋ยวนี้เดือนสิบชักร้าย เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม เจ้าเล่ห์ขึ้น พูดเก่งขึ้น และทำรักมากขึ้น ความต้องการมีไม่สิ้นสุด หล่อนระทดร
“ยังไง บอกฉันมาสิ” หากคนที่บอกจะชดใช้กลับส่ายศีรษะไปมา หล่อนเองก็ไม่รู้เช่นกัน“ระ…หรือพี่เท็น” ก้อนบางอย่างจุกอยู่กลางอกไปจนถึงลำคอ ดลญาพูดต่อไม่ออก แต่พยายามเอื้อนเอ่ยทั้งที่เจ็บไปทั้งใจกับข้อเสนอที่ตนเองได้เอ่ยออกไป“อยากให้เดียร์ไปให้พ้น ๆ” ประโยคนั้นเบาเสียจนต้องเงี่ยหูฟัง ร่างสูงมองมือเล็ก เมื่อมีอาการประหม่าดลญามักจะจิกเล็บลงบนอุ้งมือ“แล้วเธออยากไปให้พ้น ๆ ฉันไหมล่ะ?” คำตอบคือการส่ายหน้ารัว ๆ“งั้นก็อยู่”“คะ?!” ใจดลญาเต้นแรง แหงนหน้ามองคนพี่ที่ส่งสายตาทอประกายมาให้“ฉันเพิ่งรู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยลืมยัยตัวแสบเจ้าแผนการจอมหลอกลวงได้เลย” คราวนี้เป็นดวงตากลมโ
บทที่ 19 ในใจมีเพียงเธอไหล่กว้างไหวสั่นแรงขึ้นขณะปิดหน้าร้องไห้หน้าห้องฉุกเฉิน เป็นเวลาเกือบชั่วโมงแล้วที่ร่างไร้สติของดลญาอยู่หลังประตูบานนั้น เดือนสิบโทรหาบิดาและธนินด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พูดไม่ได้ศัพท์จนบิดาต้องบอกให้ใจเย็นจะรีบไปหาส่วนธนินติดธุระอยู่ต่างจังหวัดแต่จะรีบมาทันทีที่เสร็จงาน ดวงตาคมแดงก่ำน้ำตาไหลพรากมองสิ่งที่อยู่ในมือ ‘สร้อยเกียร์วิศวะ’ ดลญายอมทิ้งชีวิตเพื่อเจ้าสิ่งนี้ทั้ง ๆ ที่มันแสนไร้ค่า เดือนสิบลูบหน้าแรง ๆ เสยผมขึ้น ส่ายศีรษะไปมา ในหัวมันขาวโพลนตอนที่ลากร่างไร้สติขึ้นมาบนฝั่ง ตะโกนเรียกหล่อน ไม่มีเสียงตอบกลับยิ่งทำให้ลนลาน แทบคลั่งเมื่อเห็นว่าในมือหล่อนกำอะไรอยู่ มือเล็กกำมันแน่นไม่ปล่อยจนเธอต้องใช้แรงง้างนิ้วทั้งห้าให้ปล่อยไม่นานคุณดนัยก็ถึงโรงพยาบาล เดือนสิบโผเข้ากอดท่านทันที ร่ำไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเมื่อครั้งที่รู้ความจริงเกี่ยวกับดลญา ช่วงนั้นบุตรสาวท่านเป็นบ้าไปเลย ไม่กินและไม่นอนเอาแต่ร้องไห้ กว่าจะกลับมาเป็นปกติ
เรื่องซุบซิบความสัมพันธ์ของคนในโรงงานมีมากมายนับไม่ถ้วน คบคนนี้ เลิกคนนั้น เป็นชู้ ลักลอบได้เสียกัน ดลญาอยู่นานจนเริ่มชินชากับเรื่องพวกนี้ หล่อนปรับตัวเข้ากับสังคมได้แล้วแม้จะไม่ได้มีเพื่อนสนิทเลยสักคนก็เถอะ การอยู่ลำพังนั้นไม่ได้แย่อย่างที่คิด เพียงแต่ไม่มีคนไว้คอยพูดคุยปรึกษาก็เท่านั้น ดลญาไม่ใคร่สนใจผู้ใด หล่อนทำงานของตนเองให้เสร็จลุล่วงไปวัน ๆ ทว่าก็ต้องมีเรื่องราวให้ปวดเศียรเวียนเกล้าอีกครั้ง คู่อริเก่าอย่างนวลตาเริ่มเข้ามาหาเรื่องอีกครั้ง เนื่องมาจากแฟนเก่านวลตามาจีบดลญา หล่อนบอกปฏิเสธฝ่ายนั้นไปแล้วแต่ชายหนุ่มยังดื้อด้านตามรังควานไม่เลิก“แรด!” ดลญากลอกตา ก้นหย่อนลงเก้าอี้ทำงานไม่ถึงสามวินาทีก็ถูกด่ากระทบกระเทียบ หล่อนทำเฉยเหมือนไม่ได้ยิน หากอีกฝ่ายกลับเดินมาชนไหล่จนเกือบตกเก้าอี้ ดลญาถอนหายใจแรง ๆ ถึงชินกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อิจฉาริษยา แต่หล่อนก็เบื่อ ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ไปยุ่งกับใครกลับโดนเกลียดเสียอย่างนั้น&n
บทที่ 18 สถานะที่ไม่ชัดเจนคุณดนัยและเดือนสิบเลือกใช้สวนหย่อมแทนการพูดคุยในห้อง ผู้มากอายุกว่ากระชับกรอบแว่นมองบุตรสาวนิ่ง ๆ เดือนสิบเองเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำผิดจึงเอาแต่ก้มหน้าประสานมืออยู่กลางลำตัว“กลับมาคบกันเหรอ?” คำถามของผู้เป็นพ่อยิงตรงเข้าประเด็น ไม่อ้อมค้อม“เปล่าค่ะ” คำตอบของบุตรสาวทำให้คิ้วเข้มต้นฉบับขมวด“ไม่คบแล้วหนูคนนั้นมาอยู่ในห้องแกได้ไง?”“เอ่อ…” เดือนสิบเล่าเหตุการณ์คร่าว ๆ ถึงสาเหตุที่ดลญาต้องมาอยู่กับเธอ ท่านนั่งเงียบฟังไม่ปริปากเอ่ยขัดจังหวะจนจบ“เรื่องบนเตียงไม่เกี่ยวกับว่าคบกันหรือไม่คบสินะ”“ไม่
วันหยุดสุดสัปดาห์เดือนสิบมีนัดกับธนินเนื่องจากไม่ได้เจอกันนานแล้วด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องทำ“มึงว่าอะไรนะ?! ตอนนี้น้องเดียร์อยู่คอนโดฯ มึงเหรอ?” สีหน้าและท่าทาของธนินดูตกใจกับสารใหม่ที่เพิ่งได้รู้ ชายหนุ่มหรี่ตามองเพื่อนที่ยังคงหน้านิ่งจิบเบียร์และหยิบถั่วเข้าปาก“น้องเดียร์ก็แปลก เป็นคุณหนูดี ๆ ไม่ชอบ อยากตกระกำลำบากมาเป็นสาวโรงงาน กูล่ะงงจริง” ธนินเกาหัวแกรก ๆ เมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากเพื่อนสนิท 
บทที่ 17 ไม่ชอบแต่ได้ชิดใกล้ ตาคมเลื่อนไปมองมุมล่างของแล็ปท็อปอยู่เสมอ สั่นขารอว่าเมื่อไรจะถึงเวลาเลิกงาน อาการนั้นทำให้เพื่อน ๆ ต่างมองเดือนสิบยิ้ม ๆ ด้วยรู้ถึงความสัมพันธ์ของเพื่อนกับหญิงสาวในไลน์ผลิต พอได้เวลาเลิกงานเดือนสิบก็ลุกพรวดปิดเครื่อง คว้ากระเป๋าพาดไหล่ บอกลาเพื่อนร่วมงานทันที หลังสแกนออกงานเรียบร้อย เดือนสิบแทบวิ่งไปยังลานจอดรถ สตาร์ตรถออกไปรอใครบางคนหน้าโรงงานทันที ร่างสูงชะเง้อจนคอยาว พอเห็นดลญาเดินถือกระเป๋าใกล้เข้ามาจึงขับรถตามหล่อน ‘ปี๊น!’ บีบแตรเรียกหล่อนเบา ๆ ดลญาสะดุ้งหันไปมอง
เดือนสิบอุ้มดลญามาจนถึงห้องพยาบาล ระยะไม่ไกลมากจึงไม่เหนื่อย หล่อนได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเรียบร้อย ตรวจดูอาการข้อเท้ายังพอเดินได้แต่อาจจะต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุง เดือนสิบถอนหายใจหลายสิบครั้ง ยังอารมณ์เสียไม่หาย ไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่ดลญาถูกรุมทำร้าย“เสร็จแล้วค่ะ ทำเรื่องขอลาหัวหน้าได้เลยนะคะ” เสียงของพยาบาลประจำโรงงานเอ่ยกับดลญา“ไม่เป็นไรค่ะ เดียร์จะไปทำงานต่อค่ะ”“จะไม่เป็นไรได้ไง ดูสภาพตัวเองหน่อย” เป็นเดือนสิบที่เดือดร้อนจนทนไม่ไหว พยาบาลมองทั้งสองเลิ่กลั่กก่อนปลีกตัวให้ทั้งคู่ได้คุยกัน“เดียร์ไม่อยากถูกไล่ออก” โทษสถานหนักของพนักงานที่ทะเลาะวิวาทคือไล่ออก“เธอมีเรื่องอะไรกับพวกนั้น” ดลญาเองก็ไม่รู้ หล่อนส่ายศีรษะช้
บทที่ 16 ห่วงแบบแอบ ๆ ดลญาลาป่วยครบกำหนดตามใบรับรองแพทย์แล้ว อาการเท้าแพลงยังมีอยู่บ้างแต่เดินคล่องขึ้นกว่าวันแรก หล่อนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องโดยเดือนสิบยืนสูบบุหรี่จิบกาแฟตรงระเบียง ร่างสูงสูดอากาศยามเช้าเข้าปอด รู้สึกสดชื่นจนเผลอผิวปากอย่างอารมณ์ดี สองวันที่ผ่านมาได้หลับเต็มตาไม่ตื่นขึ้นกลางดึกอย่างเคย เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับใบหน้าสวยหวานที่ไร้ซึ่งเครื่องสำอาง บุหรี่หมดมวนพอดี เดือนสิบทิ้งมันลงถังขยะ ขมวดคิ้วมองร่างเพรียวเล็กน้อย สาเหตุที่หลับสบายคงไม่ใช่เพราะหล่อนหรอกกระมัง “แต่งหน้าบ้างเถอะ ซีดอย่างกับศพ” วาจาร้าย ๆ รับอรุณ ดลญาทำปากยื่นบ่นอุบอิบ หยิบลิปสติกขึ้นมาเติม เ