“พี่เท็นเลี้ยงค็อกเทลเดียร์สักแก้วสิคะ”
“เป็นขอทานเหรอ?” เดือนสิบตอบเสียงเรียบ พยายามแกะมือปลาหมึกของหล่อนออก
“ว่าอะไรนะคะ?” เมื่อครู่หล่อนฟังไม่ผิดแน่ หล่อนถูกรุ่นพี่สาวด่า!
“นอกจากเป็นขอทานแล้วยังหูไม่ดีอีกนะ เหอะ!”
“เอ๊ะ!” คราวนี้คุณหนูคนสวยไม่อาจทนยิ้มหวานได้อีกแล้ว หล่อนเป็นผู้ปล่อยแขนเอง ตากลมโตจ้องเขม็งแสดงถึงความโกรธเกรี้ยวอย่างที่สุด แต่เดือนสิบผู้ที่ไม่สนใจโลกทำเพียงไหวไหล่ไม่ยี่หระต่อสิ่งที่พูด
ธนินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ยกมุมปาก มองทั้งสองยิ้ม ๆ เพราะไม่คาดคิดว่าดาวคณะนิเทศศาสตร์จะเป็นฝ่ายเข้าหาเพื่อนสนิทของตนก่อน ทั้งยังโดนตอกหน้าแทบหงายอีก น่าเสียดายที่ยามนี้ไฟทั้งผับถูกดับให้มืดลงกว่าเดิม คนอื่นจึงไม่มีทางรู้เลยว่าเพื่อนสนิทของเขาและแม่สาวทรงโตกำลังทำอะไรกันอยู่ แม้ภาพจะดูเกาะก่ายกัน ทว่าความจริงไม่ใช่อย่างนั้นสักนิด ชายหนุ่มยักไหล่คว้าแก้วเครื่องดื่มของตนแล้วปลีกไปอีกทาง ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องสนใจจึงปล่อยให้เดือนสิบรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าเพียงผู้เดียว
ดลญายกแขนกอดอก เชิดหน้าสูง มองเดือนสิบเคือง ๆ
“นี่จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ?”
“พูดอะไร?” ใบหน้าสวยคมเริ่มยับ เนื่องจากรำคาญยัยดาวคณะทรงโตเต็มแก่
“พี่เท็นบอกว่าเดียร์เป็นขอทานนะ”
“แล้วยังไง เธอเป็นจริงอย่างที่พูดไหมล่ะ?”
“นี่!” คนที่ไม่เคยมีใครปฏิบัติเช่นนี้ถึงกับตัวสั่นด้วยความโกรธ จ้องเดือนสิบราวจะกินเลือดกินเนื้อ รู้สึกเหมือนโดนอีกฝ่ายหยามเกียรติและศักดิ์ศรีที่ตนเองมี
‘พี่เท็นน่ะยาก แกไม่มีทางได้เกียร์เขาหรอก’ เสียงของจิราวรรณดังขึ้นในหัว ดลญาเปลี่ยนสีหน้าทันทีจนเดือนสิบหรี่ตาลงกับท่าทางของเจ้าหล่อน จากที่ดูโกรธเกรี้ยวหน้านิ่วคิ้วผูกโบ กลายเป็นยิ้มกว้างอวดฟันขาวที่เรียงตัวสวย ทั้งดวงตายังประกายวิบวับยากเกินคาดเดา เดือนสิบเห็นลางไม่ดีกำลังจะขยับตัวหนี ทว่ากลับถูกดลญาใช้แขนทั้งสองล็อกกับพนักเก้าอี้ไว้ ก่อนโน้มตัวลงมาประกบจูบแผ่วเบา สาววิศวะนิ่งไปชั่วขณะ เมื่อรู้สึกตัวคนใจกล้าได้ผละห่างเสียแล้ว
“คิดจะทำอะไรของเธอ” เดือนสิบคำรามลอดไรฟัน ยิ่งเห็นว่ายัยทรงโตเอาแต่ส่งยิ้มหวานมาให้ยิ่งหงุดหงิด
“ไว้เจอกันนะคะพี่เท็น” ว่าจบดลญาก็ส่งจูบผ่านมือนิ่มของตน เพียงสัมผัสแก้มของรุ่นพี่สาวฝ่ายนั้นก็เบือนหน้าหนี ช่างประจวบเหมาะที่ไฟในผับดับลงพอดีจึงไม่มีใครเห็นการกระทำนั้น เสียงโวยวายของทุกคนดังขึ้นพร้อม ๆ กับเสียงเพลงที่เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แสงไฟหลากสีฉายชัดไปทั่วบริเวณ นักเต้นเริ่มออกลีลากลางฟลอร์พร้อม ๆ กับที่เจ้าของสะโพกผายเดินกลับไปยังโต๊ะของตนเองท่ามกลางเสียงโห่ร้องตบมือด้วยความปรีดาที่ดลญาสามารถจูบรุ่นพี่สาวได้
‘อะไรยาก ๆ นี่สิถึงเร้าใจ’ ดลญาคิด หล่อนกระหยิ่มยิ้มย่องขณะมองร่างสูงที่ยังนั่งไม่ไหวติง
ส่วนเดือนสิบหัวเสียเป็นอย่างมากที่เสียรู้ให้กับผู้หญิงคนนั้น ยิ่งเห็นสายตาของทุกคนที่กำลังมองเป็นตาเดียวยิ่งทำให้อารมณ์เดือดดาล เธอไม่ชอบเป็นจุดสนใจและมักทำอะไรคนเดียว ไม่คบหาเพื่อนเยอะด้วยเกลียดความวุ่นวายจึงมีเพียงธนินที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่รับน้องที่สนิทแค่คนเดียว คืนนี้คงมีข่าวและรูปที่ดลญาจูบเธอว่อนไปทั่วคณะแน่ ไม่รู้ว่ายัยดาวคณะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร แต่หากให้เดา หล่อนคงอยากใช้เธอเป็นเครื่องการันตีความฮอตและความเด่นดังของตัวเอง
สาววิศวะฯ พ่นลมหายใจ ชำเลืองไปยังเจ้าหล่อนที่อยู่มุมหนึ่งของผับ พอเห็นว่าหล่อนกำลังยกมือเสมอไหล่โบกมาให้ยิ่งหงุดหงิด
“ยัยบ้า!” คว้ามือถือรีบเดินไปทันที แต่ถูกธนินรั้งไว้และขอให้อยู่ต่ออีกหน่อย
“น้องเดียร์แม่งจะเอามึงแน่” ทั้งสองจึงมายืนสูบบุหรี่ด้วยกันโดยธนินเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน
“จัดให้สักดอกดิ”
“ไม่ กูไม่อยากยุ่ง” พูดพลางพ่นควันบุหรี่ลอยเคว้งไปในอากาศ ตาคมหรี่ลงเมื่อเห็นร่างของดลญากำลังเดินออกมา ร่างสูงไม่สนใจแต่ก็คอยลอบมองหล่อนอยู่ เพราะเกรงว่าจะถูกประชิดเหมือนครั้งอยู่ด้านใดผับอีก ธนินพูดอะไรต่ออีกหลายประโยคแต่เดือนสิบไม่ได้ฟังด้วยใจและตายังจดจ่ออยู่กับร่างเพรียวทว่ามีหน้าอกใหญ่อยู่
“แล้วบอกไม่สนใจ จ้องไม่หยุดเลยนะมึง” ธนินเอ่ยแซวเมื่อเห็นสายตาของเพื่อนที่ไม่ได้สนใจตนเอง
“กูกลัวแม่งเดินมาทางนี้ต่างหาก” ประจวบเหมาะกับมีใครสักคนเดินมาพอดี ธนินเข้าไปทักทายผู้หญิงคนนั้น ก่อนหันกลับมาขยิบตาให้เดือนสิบ เป็นอันรู้กันว่าคืนนี้เธอคงกลับบ้านได้เพราะไอ้ธนินมีเพื่อนสำหรับค่ำคืนนี้แล้ว
มวนบุหรี่ถูกขยี้ลงที่ของมันพร้อมกับร่างของธนินและผู้หญิงของมันหลีกพ้นสายตาไป เดือนสิบตบกระเป๋ากางเกงหารีโมตรถ หูกลับได้ยินเสียงโต้เถียงแว่ว ๆ ใจจริงไม่อยากสนใจ ทว่ากลับมีเสียงหวีดร้องดังขึ้น ร่างสูงจึงวิ่งไปยังต้นเสียง ภาพที่เห็นคือดลญากำลังอยู่บนพื้นโดยมีผู้ชายสองคนจับที่แขนทั้งสองข้างและพยายามฉุดกระชากหล่อนให้ลุกขึ้นนั่ง เดือนสิบขมวดคิ้วเฝ้าสังเกตอยู่อีกประมาณสองสามนาทีก่อนจะร้องเรียกให้บอดีการ์ดของผับเข้ามาช่วย ชายสองคนถูกกันออกไปอยู่อีกฟาก จึงเป็นเดือนสิบที่ต้องเข้าไปประคองดลญาให้ยืนขึ้น ทว่าแข้งขาหล่อนอ่อนแรงซวนเซจวนล้มจนร่างสูงต้องโอบเอวไว้
บทที่ 3 ฉันรู้ทันคงเพราะคนร่างสูงที่เอาแต่ยืนกอดอกถอนหายใจกระมังจึงทำให้ดลญารู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางทั้ง ๆ ที่เนื้อตัวมีแต่รอยฟกช้ำ เพราะถูกคนเมาเข้าใกล้หวังทำมิดีมิร้ายขณะเดินมาเข้าห้องน้ำ“ยืนไหวไหม?” น้ำเสียงราบเรียบถามขึ้น ไม่ได้แสดงถึงความเป็นห่วงใยหรือหงุดหงิด “วะ…ไหวค่ะ” เดือนสิบปล่อยให้ดลญายืนด้วยตนเอง แต่เพียงเสี้ยววินาทีหล่อนก็ทำท่าจะล้มหงายหลัง ผลสุดท้ายคนที่บอกตนเองว่าไม่อยากสนใจก็ต้องคอยดูแลหล่อน “ไปโรงพยาบาลไหม?” ดูเหมือนข้อเท้าอีกฝ่ายจะแพลง “พี่เท็นจะไปส่งเหรอคะ?” ยื่นคำถามหยั่งเชิง เห็นแววตาลังเลของเดือนสิบจึงลอบยิ้ม “หรือจะเรียกแท็กซี่ให้เดียร์ก็ได้ค่ะ แต่ว่า…” ใบหน้าสวยหวานเจื่อนลง คิ้วเรียวขมวด ทั้งน้ำเสียงยังฟังดูคล้ายหล่อนมีความกังวลระคนกลัว “เพิ่งมีข่าวแท็กซี่ข่มขืนและฆ่านักศึกษาไปเมื่อวันก่อน” ข่าวนั้นเดือนสิบเองก็ได้ยิน เนื่องจากเป็นข่าวดังที่คนร้ายยังลอยนวลอยู่ และมีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก สาววิศวะฯ นิ่งไปชั่วขณะ ชำเลืองมองคนที่ยังนั่งคลึงขาตนเอง ลอบถอนหายใจก่อนเอ่ย“เดี๋ยวพาไป ลุก
หลังจากได้เบอร์โทรและไลน์ของเดือนสิบดลญาจึงรีบส่งไปอวดเพื่อน ๆ ในกลุ่ม ทั้งยังแนบรูปยามรุ่นพี่สาวขับรถและรอหล่อนขณะพบแพทย์อีกด้วย เรียกเสียงฮือฮาในกลุ่มได้เป็นอย่างมาก DEAR : ฉันบอกพวกแกแล้วว่าอย่าเอาฉันไปเทียบกับนังจิ๊บ คนละชั้นกันย่ะ!” JEEJEE : ย่ะ แม่คนเก่ง ฉันจะรอดูว่าแกจะได้เกียร์พี่เท็นตอนไหน อีกสักปีหรือสองปีน้า? หรือจะไม่ได้เลย คริคริ นั่นถือเป็นประโยคสบประมาทสำหรับดลญาผู้ไม่ชอบเป็นฝ่ายแพ้ หล่อนเชิดหน้ากดแป้นพิมพ์รัวDEAR : อย่ามาดูถูกกันนะ เอาอย่างนี้ไหมล่ะ ถ้าภายในสามเดือนฉันไม่ได้เกียร์พี่เท็นมาคล้องคอ ฉันจะให้เงินสดโอนเข้าบัญชีพวกแกคนละห้าหมื่นไปเลย สิ้นประโยคนั้นในแชตกลุ่มก็เงียบลงก่อนที่จะมีสติกเกอร์หลากหลายรูปแบบแสดงขึ้นที่หน้าจอ ดูเหมือนเพื่อนในกลุ่มจะชอบข้อเสนอที่ดลญายื่นให้ DEAR : แต่ถ้าฉันได้เกียร์พี่เท็นมาภายในสามเดือน พวกแกต้องรวมเงินให้ฉันหนึ่งแสน ตกลงไหม?ALL : DEAL! ดลญาทิ้งกายลงยังเตียงนุ่มทันทีหลังจากทำข้อตกลงกับเพื่อนในกลุ่มเสร็จสรรพ ตากลมสวยมองภาพของเดือนสิบที่แอบถ่ายไว้ หญิงสาวแสดงสีหน้าร้ายกาจอย่างไม่ปิดบัง ดาวคณะคนสวยมีแผนการในหัวอยู่แล้ว จริง ๆ เด
บทที่ 4 เดียร์จะจีบพี่เท็นคงไม่ใช่แค่เจ้าของชื่อที่ยืนอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน แม้แต่ธนินและนักศึกษาที่เดินอยู่รอบ ๆ ก็มีอาการไม่ต่างกัน ก่อนพวกนั้นจะยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปแล้วเดินซุบซิบหนีไปทันที ธนินยืนมองตาปริบ ๆ หันมองเดือนสิบทีดลญาที ไม่คาดคิดว่าตนเองจะต้องมาเป็นสักขีพยานแห่งรักของเพื่อนสนิท“พูดบ้าอะไรของเธอ?” ร่างสูงโปร่งปรี่เข้าใส่ดลญา ดีที่ธนินขวางไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นหล่อนคงถูกเดือนสิบบีบคอเป็นแน่“เป็นแฟนกับเดียร์นะคะพี่เท็น”“นี่เธอ! หยุดเลยนะ” ไอ้ท่าทางกระมิดกระเมี้ยนเจียมตัว ทำหน้าทำตาให้เธอสงสาร นั่นมันคือการแสดงทั้งนั้น จะว่าเดือนสิบดูออกก็ไม่เชิง เพียงแต่เธอแค่รู้ทันพวกคุณหนูบ้านรวยแสนเอาแต่ใจ ในอดีตเดือนสิบเคยเป็นน้องปีหนึ่งที่ไม่คิดจะสุงสิงยุ่งเกี่ยวกับใคร ทว่ากลับมีรุ่นพี่คนสวยมาหยอดมาอ้อนและมาใกล้ชิดสนิทสนมจนเธอตกหลุมพรางและเริ่มก่อความสัมพันธ์ แต่ในเวลาไม่นานเดือนสิบก็ได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว รุ่นพี่คนนั้นไม่ได้คิดจริงจังและจริงใจอะไรต่อเธอเลย หล่อนก็แค่พนันกับเพื่อนว่าหากได้คนที่เงียบที่สุดในรุ่นมาเป็นแฟนจะได้มือถือรุ่นใหม่ล่าสุด เรื่องราวในครั้งนั้นมีเพียงธนินเพื่อนสน
“เออน่า…มึงก็น่าจะให้โอกาสน้องเขาหน่อย ตอนน้องจิ๊บกูก็นึกว่าจะคบกันยาว ๆ ที่ไหนได้ ตดยังไม่ทันจะหายเหม็นก็เลิกกันซะละ มึงเลิกปิดตัวปิดใจได้แล้ว หรือว่ามึงยังคิดถึงเรื่องพี่กัญอยู่วะ?” ชื่อนั้นเดือนสิบไม่ได้ยินมานานหลายปี พอได้ยินอีกครั้งข้างในอกเริ่มบีบรัด สีหน้าเปลี่ยนไปจนธนินที่เพิ่งรู้ตัวว่าพูดไม่คิดก็ได้แต่ก่นด่าตนเองในใจ เขาน่าจะรู้ดีว่ารุ่นพี่คนนั้นสร้างบาดแผลร้ายแรงไว้ในใจเพื่อนสนิทแค่ไหน“กู…ขอโทษว่ะ” คนที่มีอดีตทำเพียงไหวไหล่ หยิบบุหรี่แล้วคล้องไหล่ธนินเดินไปพื้นที่สูบบุหรี่ควันเทา ๆ กับใจหม่น ๆ คงเข้ากันดีหากมีฝนตกลงมา ทว่ายามนี้แดดเปรี้ยงจนต้องหยีตามองฟ้า เดือนสิบทอดถอนใจ พ่นควันออกปากเฉกเช่นเดียวกับธนิน“ผู้หญิงคนนั้นก็คงไม่ต่างจากคนอื่น” ถึงหัวใจไม่ได้มีกำแพงหนาหลายชั้นจนยากจะเข้าไป ทว่ามันก็ไม่ได้เปิดรับทุกคนที่ผ่านเข้ามา เนื่องจากความชอกช้
บทที่ 5 แรงกระเพื่อมที่แผ่วเบาและคงเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานมีหลายคนเห็นเหตุการณ์พอดิบพอดี เช้านี้หัวข้อสนทนาในตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์และนิเทศศาสตร์จึงเป็นเรื่องของเดือนสิบและดลญา มีข่าวลือออกไปหลากหลายประเด็นตามแต่คนจะจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็นดาวคณะสวยเด่นอย่างดลญากู่ก้องร้องตะโกนว่ามีใจให้รุ่นพี่วิศวะฯ สาว หรือจะเป็นเดือนสิบปฏิเสธรักไม่แยแสดลญาแม้แต่น้อย และก็มีหลายคนที่ตั้งข้อสงสัยว่าทั้งคู่อาจเป็นแฟนกันแล้ว เพียงแต่ง้องอนกันตามประสาคนรัก ข่าวต่าง ๆ ดังให้ได้ยินแค่เพียงช่วงเช้าก่อนจะซาลงไปเพราะมีเรื่องอื่นน่าสนใจกว่า แต่คงไม่ใช่กับเบญจา หล่อนยืนหน้าเครียดกอดอกมองดลญาไม่วางตา“นังนั่นมีอะไรดีกว่าฉัน?” เบญจาเปรยขึ้นขณะเดินเข้ามายังโรงอาหารของคณะ เพื่อนในกลุ่มไม่ได้ตอบเพียงยักไหล่เล็กน้อยด้วยเข้าใจว่าเบญจาไม่ได้ถามแต่พูดกับตนเอง ถึงเบญจาจะเป็นน้องปีหนึ่งสดใหม่ แต่ความสวยยังห่างชั้นกับดลญาอยู่มาก รายนั้
“นะคะพี่เท็น…” อีกครั้งที่สาวนิเทศใช้ทักษะการแสดงที่ร่ำเรียนมา“เฮ้อ…” เดือนสิบพ่นลมหายใจหนัก ๆ“อืม ก็ได้” ลงท้ายก็ยอม คงเพราะน้ำเสียงและท่าทางอ้อน ๆ นั้นกระมังถึงพาเอาใจสั่นไหว“จริงนะคะ” ดวงตากลมโตทอประกาย ซ่อนความดีใจไม่มิด“แต่บอกไว้เลยนะว่า คนอย่างฉันไม่มีทางเชื่อผู้หญิงรวย ๆ อย่างเธอหรอก” ดูเหมือนเดือนสิบต้องเตือนตัวเองว่าอย่าหลงกลสายตาและท่าทางราวลูกแมวน้อยของอีกฝ่ายด้วยการทำเสียงห้วน ๆ ซึ่งมันอาจใช้ไม่ได้ผลสักเท่าไร“แหม…แล้วนักศึกษาที่มหา’ลัยนี้ใครไม่รวยบ้างคะ พี่เท็นก็รวย” ถึงจะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแต่คณะวิศวกรรมศาสตร์ของเดือนสิบนั้นต้องสอบเข้าถึงจะได้ศึกษา มีเงินแล้วได้เรียนคงใช้ไม่ได้สำหรับที่นี่ ส่วนดลญา
บทที่ 1 ดลญาเดือนสิบภาพสะท้อนในกระจกเงาแสดงให้เห็นถึงผู้หญิงร่างผอมเพรียวทว่ามีหน้าอกหน้าใจใหญ่คัพซี เอวคอดและสะโพกผาย หล่อนกำลังหยิบลิปสติกสีใหม่ขึ้นมาปาดริมฝีปาก ปลายนิ้วไล้เกลี่ยไปตามขอบปากให้ฟุ้งตามสมัยนิยม “สีสวยว่ะแก” ใครสักคนที่ยืนอยู่ด้วยกันเอ่ยชม หล่อนคนนั้นยักคิ้ว ยื่นมันไปให้“ลองไหม?”“ไม่ละ ฉันทาสีแดงไม่เคยรอดสักที” เจ้าของลิปสติกยักไหล่แล้วเก็บมันลงกระเป๋าแบรนด์Cคอลเลกชันใหม่ หญิงสาวสำรวจใบหน้าและทรงผมของตนเองอีกครั้ง ก่อนเดินออกจากห้องน้ำ ตลอดทางมีสายตานับสิบคอยมองตลอด ด้วยความที่หล่อนเป็นผู้หญิงสวยและยังเป็นถึงดาวคณะอีกด้วย ใคร ๆ ก็ต่างรู้จักและต้องการตีสนิทด้วย แต่ความหยิ่งยโสของคนสวยก็เลื่องชื่อไม่น้อย ‘ดลญา หรือ เดียร์’ หลานสาวอดีตผู้นำการเมืองฝ่ายรัฐบาล ฐานะทางสังคมและการเงินเข้าขั้นเศรษฐี แบรนด์เนมทั้งตัว ขับซูเปอร์คาร์คันละสี่สิบล้านมาเรียนทุกวัน และคบค้าสมาคมเฉพาะเพื่อนระดับเดียวกันเท่านั้น ดลญาเดินพูดคุยหยอกล้อกับเพื่อนในกลุ่มไปจนถึงหน้าอาคารเรียน “ขอโทษครับ” เสียงทุ้มเรียกความสนใจ หล่อนปรายตามองเล็กน้อย“เอ่อ…พี่ชื่อแม๊กนะ อยู่บริหาร” “ค่ะ” ใบหน้าของหญิงส
เสียงลูกบาสเกตบอลกระทบพื้นดังไปทั่วพื้นที่ มีผู้หญิงร่างสูงกำลังเลี้ยงลูกบอลไปยังฝั่งตรงข้ามโดยมีผู้เล่นอีกฝ่ายคอยสกัดกั้นไม่ให้ร่างสูงส่งบอลให้กับเพื่อนร่วมทีม ทว่าคนที่ชำนาญกลับหลบเลี่ยงและสามารถชูตบอลลงแป้นคว้าสองคะแนนให้เพื่อนร่วมทีมได้อย่างง่ายดาย เรียกเสียงโห่ร้องดีใจจากผู้ชมบนอัฒจันทร์ได้มากมาย ผู้หญิงร่างสูงยังคงทำคะแนนให้กับทีมได้อีกหลายแต้มติดกันจนจบเกมการแข่งขัน ทีมที่ชนะก็คือทีมของหญิงสาวนั่นเอง ร่างสูงโปร่งเดินมาทิ้งกายลงข้างสนาม คว้าขวดน้ำขึ้นมาดื่มจนหมด การแข่งขันไม่ได้จริงจังอะไรและเป็นการเล่นแบบผสมชายหญิงด้วยซ้ำ แต่ผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มกลับไม่ออมแรงให้ชายชาตรีสักนิด กระทบไหล่ กระแทกตัวใส่จนล้มหน้าคว่ำไปหมด “เฮ้ย! ไอ้เท็น” เพื่อนร่วมทีมตบไหล่ “กูจะชวนมึงไปอเล็กซ์หน่อย” อเล็กซ์คือชื่อสถานบันเทิงอันเลื่องชื่อและเป็นที่รู้จักของนักศึกษาเกือบทุกคน “ห้ามปฏิเสธ คราวที่แล้วมึงก็ไม่ไปทีละนะ” “อยากอ่านหนังสือ” เจ้าตัวบอกง่าย ๆ พลางปรายตามองกลุ่มหญิงสาวที่กำลังโบกมือให้ตนเองอยู่บนอัฒจันทร์ ‘เท็น หรือ เดือนสิบ’