“ไม่นึกเลยว่าเราจะได้พบคุณชายหลันตัวเป็น ๆ” “ไม่นึกว่าคุณชายหลันจะอายุน้อยขนาดนี้ แต่กลับสร้างสรรค์ผลงานที่ยิ่งใหญ่ได้ เก่งมากจริง ๆ!” “มาเร็ว ทุกคนมาขอบคุณคุณชายหลันพร้อมกัน!” ชายหนุ่มร่างกายบึกบึนหลายสิบคนล้อมหนิงเฉินไว้ พวกเขาพร้อมใจกันประสานมือคำนับ แล้วพูดขึ้นพร้อมกันว่า “ขอบคุณคุณชายหลัน!” หนิงเฉินรู้สึกกระอักกระอ่วนจนเท้าจิกพื้น วิธีการขอบคุณนี้ช่างพิเศษเกินไปแล้ว “ทุกคนไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้...ข้าเพียงแค่เคารพนับถือแม่ทัพผู้เฒ่าเฉิน เลยแต่งบทกวีนั้นขึ้นมา” หนิงเฉินพึ่งพูดจบ ก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้น “พวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน? เขาปฏิบัติต่อแขกกันเช่นนี้หรือ?” หนิงเฉินหันไปมองก็พบว่าเป็นแม่ทัพผู้เฒ่าเฉิน ชายวัยกลางคนคนก่อนหน้านี้พูดขึ้นว่า “ท่านแม่ทัพผู้เฒ่า คุณชายหลันได้ใช้บทกวีช่วยคลายปมในใจของท่านแล้ว พวกเราจึงขอบคุณเขาอยู่” “พวกเจ้ากลับไปฝึกเสีย...วิธีขอบคุณแบบนี้ อย่าได้ทำให้เขาตกใจอีก” กลุ่มคนต่างกระจายตัวออกไป ส่วนหนิงเฉินก็รีบเดินเข้าไปคารวะ “หลันซิงขอคารวะแม่ทัพผู้เฒ่าเฉิน!” “ไม่ต้องเกรงใจ!” แม่ทัพผู้เฒ่าเฉินพูดพลางหัวเราะ “บาดแผลหายดีแล้วหรือ?” “ข
“คุณชายหลัน ตอนเที่ยงอย่าเพิ่งกลับนะ...ข้าจัดงานเลี้ยงไว้แล้ว อยู่ดื่มเป็นเพื่อนข้าสักสองสามจอก!” หนิงเฉินประสานมือ “หลันซิงน้อมรับคำสั่ง!” จวนแม่ทัพครอบครองพื้นที่กว้างขวาง มีสนามฝึกซ้อมโดยเฉพาะ ที่กล้าเลี้ยงทหารส่วนตัวในเมืองหลวงนอกจากฮ่องเต้เสวียนแล้ว ก็มีเพียงแม่ทัพผู้เฒ่าเฉินเท่านั้น เพียงแต่เหล่าทหารพวกนี้ล้วนมีรายชื่อจดทะเบียน เป็นอดีตทหารของแม่ทัพผู้เฒ่าเฉิน จำนวนก็ไม่มากนัก หนิงเฉินเดินตามฉีหยวนจงมายังสนามฝึก เมื่อครู่เขาถามแล้วว่าเขาแซ่ฉี ชื่อเต็มว่าฉีหยวนจง ในสนามฝึก มีชายหนุ่มร่างกายกำยำหลายคนที่มีรูปร่างบึกบึน เปลือยท่อนบน จนเห็นกล้ามเนื้อปูดโปน แบกท่อนไม้ไว้และวิ่งวนรอบสนามฝึก มีเหงื่อไหลโซมกาย หนิงเฉินรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปมีชีวิตเหมือนอยู่ในค่ายทหารสมัยก่อน “คุณชายหลัน ท่านวิ่งตามพวกเขาไปก่อน เพื่ออบอุ่นร่างกาย” “ได้!” หนิงเฉินไม่พูดมาก เขาถอดเสื้อคลุมขนสัตว์พับเก็บไว้อย่างดี แล้วถอดเสื้อตัวบางด้านในออก เผยให้เห็นร่างหารท่อนบนที่ผอมบาง หนิงเฉินมองรูปร่างของตัวเอง ซึ่งผอมซูบเหมือนโครงกระดูก จึงมีท่าทีตะขิตตะขวงใจเล็กน้อย ฉีหยวนจงหัวเราะ “คุณชายห
หอมหรสพ สำนักเริงรมย์ ย่านโคมแดงแบบนี้ ในฐานะคนยุคปัจจุบัน หนิงเฉินก็สนใจมากแต่หนิงเฉินปฏิเสธคำเชิญจากใจที่เปี่ยมด้วยมิตรภาพ โดยอ้างว่าตนเองอายุยังน้อยประการแรก แพงเกินไป แม้คนอื่นจะเลี้ยง แต่ต่อไปเขาจำเป็นต้องเลี้ยงคืนเป็นการตอบแทนแน่นอนประการที่สอง เล็กเกินไป…เขาหมายถึงอายุเขาถือว่ายังเด็กยังเล็กคุยสัพเพเหระกับพวกเขาครู่หนึ่งแล้ว หนิงเฉิงก็แบกท่อนซุงขึ้น ออกวิ่งอีกครั้งเวลาเที่ยง แม่ทัพผู้เฒ่าเฉินตระเตรียมงานเลี้ยงร่ำสุราหนิงเฉินดื่มเป็นเพื่อนแม่ทัพผู้เฒ่าเฉินอยู่หลายจอกเทคโนโลยีการหมักเหล้าในยุคนี้ยังไม่พัฒนาพอ ดีกรีเหล้าจึงไม่สูงนักตกบ่าย หนิงเฉินฝึกกำลังต่อเขาต้องทำให้ตัวเองแข็งแรงขึ้นมาให้เร็วที่สุดความมุมานะของหนิงเฉินนั้น ทำให้บรรดาทหารพากันสรรเสริญไม่หยุดก่อนกลับ แม่ทัพผู้เฒ่าเฉินยังมอบยาหลายห่อให้หนิงเฉินด้วย บอกว่ากลับไปแล้ว ให้ใส่ในถังอาบน้ำตอนจะอาบน้ำ สามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดอาการเลือดคั่ง บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหนิงเฉินกล่าวขอบคุณแล้ว ถือห่อยาเหล่านั้นกลับจวนสกุลหนิงขณะนี้เขาก็ปวดเมื่อยทั้งตัวจริง ๆ เหมือนถูกคนกระทืบมายกใหญ่
แต่ว่า หนิงกานดวงดีนักในราชสำนักมีอยู่คำหนึ่ง เข้าฮั่นหลินก่อน ค่อยเข้าทำเนียบเสนาบดีมีมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายกับหนิงจื้อหมิงปูทางให้ ต่อไปหนิงกานต้องขึ้นสู่ตำแหน่งใหญ่ได้สบาย ๆ แน่หนิงเฉินส่ายหัว ทิ้งเรื่องนี้ไป ไม่คิดถึงมันอีก…อาหารหอจ้วงหยวน เขาก็เคยกินแล้วครั้งสองครั้งเมื่อกลับถึงห้อง พักผ่อนครู่หนึ่งแล้ว หนิงเฉินก็ให้คนเตรียมน้ำร้อนเขานำยาที่แม่ทัพผู้เฒ่าเฉินให้ใส่ลงไปในน้ำ แช่น้ำอาบอย่างสบายอารมณ์จนถึงกลางดึก หนิงเฉินหลับแล้ว กลับต้องตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโหวกเหวกจากด้านนอกหนิงจื้อหมิงและคนอื่น ๆ กลับมาแล้วได้ยินพวกเขาพูดอ้อแอ้ ก็รู้ว่าดื่มหนักมา!หนิงเฉินพลิกตัว นอนต่อ…พรุ่งนี้ยังต้องไปจวนแม่ทัพอีกแต่นอนได้ไม่นาน ประตูห้องก็ถูกเคาะดังอย่างกับฟ้าผ่าหนิงเฉินตกใจตื่น“หนิงเฉิน เปิดประตู รีบเปิดประตูเร็ว!”ฟังเสียงก็รู้ว่าเป็นหนิงกานจากนั้นก็เป็นเสียงหนิงเม่า: “หนิงเฉิน ข้ารู้นะว่าเจ้าอยู่ข้างใน เปิดประตูเร็ว…ไม่งั้นข้าถีบประตูละนะ?”เดิมทีหนิงเฉินไม่อยากสนใจ แต่ว่ารำคาญจริง ๆ จึงลงจากเตียงไปเปิดประตู“พวกท่านบ้าหรือไง? ดึก ๆ ดื่น ๆ ไม่หลับไม่นอน”หนิงเม่าดื่มจน
“หนิงเฉิน เจ้า ไอ้ลูกนอกสมรสนี่ กล้าเอาฉี่มาสาดพวกข้าหรือ ข้า…แหวะ…”หนิงเม่ายังพูดไม่จบ ก็คลื่นเหียนขึ้นมาทันที“หนิงเฉิน ข้าเป็นขุนนางที่ราชสำนักแต่งตั้งนะ เจ้ากล้า…ถุย ถุย ถุย….แหวะ…”หนิงกานก็เช่นกัน ยังพูดไม่จบ ก็ทนกลิ่นเหม็นในปากไม่ไหวแล้วจริง ๆ คลื่นเหียนอยู่พักใหญ่หนิงเฉินหัวเราะเย้ยหยันพลางกล่าวว่า: “ข้าช่วยให้พวกท่านสร่างเมาอยู่นี่ไง ไม่ต้องเกรงใจนะ!”“ใช่แล้ว ฉี่เด็กรักษาโรคได้ ถือว่าพวกท่านได้ของดีนะเนี่ย…ก็แค่ช่วงนี้ร้อนใน กลิ่นก็เลยอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไร”หนิงเฉินพูดจบ ก็หันหลังเดินกลับเข้าห้อง เตะกระดูกบนพื้นออกไปหนึ่งที“ของเหล่านี้พวกท่านก็เก็บไว้ดื่มด่ำเองเถอะ” เพียงไม่นาน เสียงปิดประตูปังก็ดังขึ้น“หนิงเฉิน เจ้าออกมาเดี๋ยวนี้ เจ้ากล้าใช้ของโสโครกเช่นนี้สาดพวกข้าหรือ ข้า…แหวะ…”“ข้าฟ้องท่านพ่อแน่ ให้เจ้ารับผิดชอบผลที่ตามมา แหวะ…”ทั้งสองแหกปากตะโกนด่าอยู่ในลานบ้านกำลังก่นด่าอย่างเมามัน เสียงประตูเอี๊ยดอ๊าดก็ดังขึ้น หนิงเฉินถือโถปัสสาวะเดินออกมา“ด่ามานานแล้ว หิวน้ำแย่เลยสิ? นี่ข้าเตรียมมาให้พวกท่านอีกชุด ดื่มให้ชุ่มคอแล้วด่าต่อนะ”หนิงเฉินทำท่าจะสาดหน
หากเขาถูกเจ้าสิ่งนี้กัดเข้าจริง เกรงว่าจะมีอันตรายถึงชีวิตหนิงเฉินหน้าถอดสี แววตาเย็นเยียบต้องเป็นฝีมือหนิงกานกับหนิงเม่าแน่นอนสารเลว ช่างร้ายลึกเสียนี่กระไรหนิงเฉินไม่ได้รีบร้อนไปหาหนิงกานกับหนิงเม่าแต่อย่างใดไม่มีหลักฐาน ไปหาก็เปล่าประโยชน์ พวกเขาไม่มีทางยอมรับแน่แต่แค้นนี้หนิงเฉินจดจำไว้แล้ว มีโอกาสค่อยคิดบัญชีพวกเขาหนิงเฉินถือไม้ยันประตู เขี่ยผ้าห่มออกอย่างระมัดระวัง แล้วก็พลิกเบาะรองนอน ตรวจดูอย่างละเอียดหนึ่งรอบแม้จะไม่พบสิ่งมีพิษอย่างอื่น แต่หนิงเฉินก็ไม่กล้านอนบนเตียงแล้วเขานั่งลงบนเก้าอี้ ห่มเสื้อคลุมขนสัตว์ ฝืนนอนไปทั้งคืนเมื่อตื่นมาตอนเช้า ก็ปวดเอวปวดหลัง ทรมานยิ่งกว่าฝึกทั้งวันแม้แต่อาหารเช้าเขาก็ไม่กิน ตรงไปที่จวนแม่ทัพเลยตอนนี้เช้าเกินไปที่จะไปหอจ้วงหยวน จึงไปฝึกกำลังที่จวนแม่ทัพก่อน จะได้ถามแม่ทัพผู้เฒ่าเฉินบางอย่างพอดีมาถึงจวนแม่ทัพแล้วแม่ทัพผู้เฒ่าเฉินกำลังกินอาหารเช้าอยู่เมื่อเห็นหนิงเฉิน ใบหน้าแม่ทัพผู้เฒ่าเฉินก็เต็มไปด้วยความปลื้มใจ…ความมุมานะของหนิงเฉิน ได้รับการยอมรับจากเขาแล้วบรรดาคุณชายในเมืองหลวง มีใครกันที่ตื่นเช้าขนาดนี้ได้? ใ
หลังจากตื่นตกใจ แม่ทัพผู้เฒ่าเฉินก็คุมสีหน้า ทำหน้าตาขึงขัง!“หลันซิง งูพญายมสีนิลนี่ ข้าเคยเห็นในเมืองหลวงอยู่ไม่กี่ตัว งูนี่กลับไปโผล่บนเตียงเจ้าได้ เกรงว่ามีคนจงใจเอาไปปล่อยไว้”“เอาอย่างนี้ เจ้าเล่าเหตุการณ์ให้ข้าฟังอย่างละเอียดซิ”หนิงเฉินไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า: “ก็ตอนที่ข้าน้อยกำลังจัดเตียงอยู่ พอเปิดผ้าห่มออก งูพญายมสีนิลตัวนี้ก็พุ่งเข้ามาทางข้าน้อย โชคดีที่ข้าน้อยโต้ตอบไว…มันเลยตายแล้ว ส่วนข้าน้อยยังอยู่”แม้หนิงเฉินจะพูดอย่างสบาย ๆ แต่ทุกคนกลับฟังจนใจสั่นตัวสั่น“คุณชายหลัน เกรงว่ามีคนเจตนาปองร้ายท่าน”“บ้านคุณชายหลันอยู่ที่ใด? ครอบครัวมีกี่คน มีศัตรูที่ไหนหรือไม่? ท่านคิดดูดี ๆ ซิ”ฉีหยวนจงย้ำเตือนประเด็นนี้หนิงเฉินรู้ดีกว่าใคร และยังรู้ด้วยว่าใครคือตัวการเขาไม่พูด เพราะไม่อยากให้แม่ทัพผู้เฒ่าเฉินเดือดร้อนอันที่จริงต่อให้พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะว่าเขาไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือหนิงกานกับหนิงเม่าหนิงเฉินหัวเราะ กล่าวว่า: “งูพญายมสีนิลไม่ได้เจอง่าย ๆ ในเมืองหลวง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มี อาจจะเลื้อยมาขึ้นเตียงข้าโดยไม่ตั้งใจก็ได้”“คุ
แต่คนตรงหน้าค่อนข้างตัวเล็กและผอมแห้ง สูงกว่านางไม่เท่าไหร่ ท่าทางดูขาดสารอาหารเสวียนเทียนยิ้มพลางเอ่ยว่า “พ่อหนุ่มน้อย เจ้าขาดแคลนเงินเพียงนี้เลยหรือ?”หนิงเฉินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คนงานผู้ไร้สิทธิ์ ไร้อำนาจและไร้คนสนับสนุนเช่นข้า แน่นอนว่าต้องหาเงินให้ได้เยอะๆ”ฮ่องเต้เฉวียนชำเลืองมองคุณชายเก้าแวบหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยกับหนิงเฉินว่า “เหลวไหล เจ้ามีความสามารถและมีสติปัญญาปราดเปรื่อง สอบจอหงวนได้ บางทีฝ่าบาทอาจจะทรงอนุญาตให้องค์หญิงเก้าหมั้นหมายกับเจ้า”หนิงเฉินโบกมืออย่างเอือมระอา “ท่านลุง เรื่องนี้จะพูดมั่วซั่วมิได้ หากแพร่สะพัดเข้าหูฝ่าบาท หัวจะหลุดออกจากบ่าเอา”พ่อหนุ่มเอ๋ย แม้ว่าเจ้าคือฝูอ๋อง ก็มิควรพูดเหลวไหล วิพากวิจารณ์ราชวงศ์โดยพลกาล เป็นความผิดขั้นร้ายแรง เจ้าเป็นถึงทายาทเชื้อพระวงศ์ ข้าเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง เจ้าอย่าได้ทำร้ายข้าเลย...หนิงเฉินพูดแขวะอย่างบ้าคลั่งในใจเทียนเสวียนยิ้มพลางพูดว่า “ที่นี่คนกันเองทั้งนั้น พูดสนุก ๆ ไม่เป็นไรหรอก!”“ข้าจำได้ว่าเจ้าเคยบอกว่าปีนี้เจ้าอายุสิบห้าปีแล้ว ในสามปีจะมีการสอบคัดเลือกขุนนางหนึ่งครั้ง ถึงตอนนั้นเจ้าก็คงจะสิบแปดปี