หากเขาถูกเจ้าสิ่งนี้กัดเข้าจริง เกรงว่าจะมีอันตรายถึงชีวิตหนิงเฉินหน้าถอดสี แววตาเย็นเยียบต้องเป็นฝีมือหนิงกานกับหนิงเม่าแน่นอนสารเลว ช่างร้ายลึกเสียนี่กระไรหนิงเฉินไม่ได้รีบร้อนไปหาหนิงกานกับหนิงเม่าแต่อย่างใดไม่มีหลักฐาน ไปหาก็เปล่าประโยชน์ พวกเขาไม่มีทางยอมรับแน่แต่แค้นนี้หนิงเฉินจดจำไว้แล้ว มีโอกาสค่อยคิดบัญชีพวกเขาหนิงเฉินถือไม้ยันประตู เขี่ยผ้าห่มออกอย่างระมัดระวัง แล้วก็พลิกเบาะรองนอน ตรวจดูอย่างละเอียดหนึ่งรอบแม้จะไม่พบสิ่งมีพิษอย่างอื่น แต่หนิงเฉินก็ไม่กล้านอนบนเตียงแล้วเขานั่งลงบนเก้าอี้ ห่มเสื้อคลุมขนสัตว์ ฝืนนอนไปทั้งคืนเมื่อตื่นมาตอนเช้า ก็ปวดเอวปวดหลัง ทรมานยิ่งกว่าฝึกทั้งวันแม้แต่อาหารเช้าเขาก็ไม่กิน ตรงไปที่จวนแม่ทัพเลยตอนนี้เช้าเกินไปที่จะไปหอจ้วงหยวน จึงไปฝึกกำลังที่จวนแม่ทัพก่อน จะได้ถามแม่ทัพผู้เฒ่าเฉินบางอย่างพอดีมาถึงจวนแม่ทัพแล้วแม่ทัพผู้เฒ่าเฉินกำลังกินอาหารเช้าอยู่เมื่อเห็นหนิงเฉิน ใบหน้าแม่ทัพผู้เฒ่าเฉินก็เต็มไปด้วยความปลื้มใจ…ความมุมานะของหนิงเฉิน ได้รับการยอมรับจากเขาแล้วบรรดาคุณชายในเมืองหลวง มีใครกันที่ตื่นเช้าขนาดนี้ได้? ใ
หลังจากตื่นตกใจ แม่ทัพผู้เฒ่าเฉินก็คุมสีหน้า ทำหน้าตาขึงขัง!“หลันซิง งูพญายมสีนิลนี่ ข้าเคยเห็นในเมืองหลวงอยู่ไม่กี่ตัว งูนี่กลับไปโผล่บนเตียงเจ้าได้ เกรงว่ามีคนจงใจเอาไปปล่อยไว้”“เอาอย่างนี้ เจ้าเล่าเหตุการณ์ให้ข้าฟังอย่างละเอียดซิ”หนิงเฉินไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า: “ก็ตอนที่ข้าน้อยกำลังจัดเตียงอยู่ พอเปิดผ้าห่มออก งูพญายมสีนิลตัวนี้ก็พุ่งเข้ามาทางข้าน้อย โชคดีที่ข้าน้อยโต้ตอบไว…มันเลยตายแล้ว ส่วนข้าน้อยยังอยู่”แม้หนิงเฉินจะพูดอย่างสบาย ๆ แต่ทุกคนกลับฟังจนใจสั่นตัวสั่น“คุณชายหลัน เกรงว่ามีคนเจตนาปองร้ายท่าน”“บ้านคุณชายหลันอยู่ที่ใด? ครอบครัวมีกี่คน มีศัตรูที่ไหนหรือไม่? ท่านคิดดูดี ๆ ซิ”ฉีหยวนจงย้ำเตือนประเด็นนี้หนิงเฉินรู้ดีกว่าใคร และยังรู้ด้วยว่าใครคือตัวการเขาไม่พูด เพราะไม่อยากให้แม่ทัพผู้เฒ่าเฉินเดือดร้อนอันที่จริงต่อให้พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะว่าเขาไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือหนิงกานกับหนิงเม่าหนิงเฉินหัวเราะ กล่าวว่า: “งูพญายมสีนิลไม่ได้เจอง่าย ๆ ในเมืองหลวง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มี อาจจะเลื้อยมาขึ้นเตียงข้าโดยไม่ตั้งใจก็ได้”“คุ
แต่คนตรงหน้าค่อนข้างตัวเล็กและผอมแห้ง สูงกว่านางไม่เท่าไหร่ ท่าทางดูขาดสารอาหารเสวียนเทียนยิ้มพลางเอ่ยว่า “พ่อหนุ่มน้อย เจ้าขาดแคลนเงินเพียงนี้เลยหรือ?”หนิงเฉินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คนงานผู้ไร้สิทธิ์ ไร้อำนาจและไร้คนสนับสนุนเช่นข้า แน่นอนว่าต้องหาเงินให้ได้เยอะๆ”ฮ่องเต้เฉวียนชำเลืองมองคุณชายเก้าแวบหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยกับหนิงเฉินว่า “เหลวไหล เจ้ามีความสามารถและมีสติปัญญาปราดเปรื่อง สอบจอหงวนได้ บางทีฝ่าบาทอาจจะทรงอนุญาตให้องค์หญิงเก้าหมั้นหมายกับเจ้า”หนิงเฉินโบกมืออย่างเอือมระอา “ท่านลุง เรื่องนี้จะพูดมั่วซั่วมิได้ หากแพร่สะพัดเข้าหูฝ่าบาท หัวจะหลุดออกจากบ่าเอา”พ่อหนุ่มเอ๋ย แม้ว่าเจ้าคือฝูอ๋อง ก็มิควรพูดเหลวไหล วิพากวิจารณ์ราชวงศ์โดยพลกาล เป็นความผิดขั้นร้ายแรง เจ้าเป็นถึงทายาทเชื้อพระวงศ์ ข้าเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง เจ้าอย่าได้ทำร้ายข้าเลย...หนิงเฉินพูดแขวะอย่างบ้าคลั่งในใจเทียนเสวียนยิ้มพลางพูดว่า “ที่นี่คนกันเองทั้งนั้น พูดสนุก ๆ ไม่เป็นไรหรอก!”“ข้าจำได้ว่าเจ้าเคยบอกว่าปีนี้เจ้าอายุสิบห้าปีแล้ว ในสามปีจะมีการสอบคัดเลือกขุนนางหนึ่งครั้ง ถึงตอนนั้นเจ้าก็คงจะสิบแปดปี
ฮ่องเต้เฉวียนโบกมือก่อนเอ่ย “เรื่องกวีเดี๋ยวเราค่อยคุยกัน ที่ข้ามาหาเจ้าวันนี้ก็เพราะมีเรื่องอยากถามเจ้า”“ขอแนะนำสักหน่อย สองคนนี้คือบุตรชายและบุตรีของข้า พวกเขาชื่นชมในความสามารถของเจ้า จึงคะยั้นคะยอจะตามข้ามา หวังว่าเจ้าคงไม่ถือสานะ?”“ไม่หรอก ๆ ขอรับ....”ยอดเยี่ยม นี่คือฝูอ๋องน้อยและองค์หญิงน้อย หนิงเฉินเอ่ยไปพลาง มององค์รัชทายาทและองค์หญิงเก้าไปพลาง ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบท่าน! ข้าน้อยชื่อหลันซิง”องค์รัชทายาทคลี่ยิ้มและเอ่ยว่า “ส่วนข้าเสวียนหง ข้าได้ยินชื่อเสียงของเจ้ามานานแล้ว!”ท่านอาชื่อเทียนเสวียน บุตรชายชื่อเสวียนหง ช่างน่าแปลกใจยิ่งนักแต่หนิงเฉินไม่ได้คิดมากองค์หญิงเก้าส่งเสียง หึ และเชิดหน้าเมินชายหนิงเฉินเกิดคำถามในหัว เกิดอะไรขึ้น? บุตรีของท่านลุงดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากต้อนรับเขานัก?สีหน้าของเทียนเสวียนอึมครึมเล็กน้อย “ไม่ต้องมากพิธี!”หนิงเฉินคลี่ยิ้มและเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร ๆ.....นางยังเด็ก จะเอาแต่ใจบ้างก็เป็นเรื่องปกติ”องค์หญิงเก้ายิ่งฉุนโกรธ ได้แต่พึมพำในใจ เจ้าโตกว่าข้าแค่หนึ่งปี จะวางมาดถือดีไปทำไม?ฮ่องเต้เฉวียนส่ายห
เวรเอ๊ย...เป็นไปได้อย่างไร?เขานึกถึงความเป็นไปทั้งหมด แต่กลับนึกไม่ถึงว่ากวีบทนี้จะแต่งโดยหนิงกานฮ่องเต้เสวียนมองปฏิกิริยาตอบสนองของหนิงเฉินด้วยความสนใจ“หลันซิง เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าหนิงกานผู้นี้คือใคร?”ข้ารู้อยู่แล้ว คนหน้าเนื้อใจเสือจิตใจเหี้ยมโหด หนิงเฉินพึมพำในใจแต่ท่าทีของเขายังคงนิ่งสงบ และเอ่ยว่า “เมื่อครู่ท่านลุงพูดเองมิใช่หรือ? ว่าเขาคือทั่นฮวาผู้ลงสอบขุนนางในปีนี้”มุมปากของฮ่องเต้เสวียนกระตุกเล็กน้อย เด็กคนนี้เสแสร้งเก่งยิ่งนักทันใดนั้นนัยน์ตาของหนิงเฉินก็หดเล็กลงเขานึกขึ้นได้ คืนก่อนที่จะไปจวนแม่ทัพ เขาตั้งใจจะแต่งกวีให้ท่านแม่ทัพผู้เฒ่าเฉิน แต่หลังจากแต่งไปได้หลายวรรคก็รู้สึกถึงความไม่เหมาะสม....ดูเหมือนในนั้นจะมีกวีบทนี้อยู่ไม่ผิดแน่ เขามั่นใจว่ามี....ยามนั้นเขาเขียนได้แค่สองวรรคเขาเข้าใจแล้ว หลังจากที่แต่งกวีเสร็จ เขาไม่ได้ลบต้นฉบับทิ้ง...เช้าวันที่สองเขาไปจวนแม่ทัพ ยามนั้นหนิงกานน่าจะเข้าไปในห้องของเขาแล้วหลานชายคนนี้ขโมยกวีของเขา มาแก้ไขเป็นของตน ยามสอบหน้าพระที่นั่งเขาได้ถือมันเข้าไปตบตาฮ่องเต้หนิงกานนะหนิงกาน เจ้านำงูพญายมสีนิลมาไว้บนเตียงของข้า
องค์รัชทายาทพยักหน้า ในใจคิดว่าเข้าใจความหมายของบิดาหลันซิงคนนี้จะต้องเป็นบัณฑิตที่ใช้งานได้อย่างแน่นอนองค์รัชทายาทครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะชักกริชด้ามหนึ่งออกมา แล้วยื่นให้หนิงเฉินพลางเอ่ย“คุณชายหลัน ข้ารีบออกมา จึงไม่ได้พกสิ่งใดติดตัว กริชด้ามนี้ข้าให้เจ้า เป็นของขวัญที่ได้เจอกัน ได้โปรดอย่ารังเกียจกันเลย”หนิงเฉินมึนงงเล็กน้อย มองกริชที่อยู่ในมือของอีกฝ่ายกริชด้ามนี้ถูกหลอมออกมาอย่างประณีตงดงาม มีทับทิมประดับอยู่บนตัวกริช รูปร่างงดงาม ดู ๆ แล้วมูลค่าต้องไม่ธรรมดาจะไม่ให้ลำบากใจได้อย่างไร จะรับทันทีก็ไม่ได้ ต้องมีเกรงใจบ้างเขารีบส่ายหน้า “ไม่ได้ สิ่งนี้มีมูลค่ามาก ข้ารับไว้ไม่ได้”องค์รัชทายาทยิ้มและเอ่ยว่า”คุณชายหลัน ข้าอยากเป็นสหายกับเจ้าอย่างจริงจใจ .... ได้โปรดอย่าปฏิเสธข้าเลย”หนิงเฉินลำบากใจ ในเมื่ออีกฝ่ายพูดถึงขนาดนี้แล้ว จะไม่รับก็ดูจะไม่เข้าท่าฮ่องเต้เสวียนจึงเอ่ยว่า “หลันซิง มันก็แค่ของเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ รับไว้เถิด! ต่อไปความสัมพันธ์ของพวกเจ้าจะได้แน่นแฟ้นกันมากขึ้น”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ความเคารพคงเทียบเคียงกับการทำตามคำสั่งไม่ได้ ... ขอบคุณท่านลุง ขอบคุณคุณ
ฮ่องเต้เสวียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หนิงกานเป็นพี่ชายคนโตของหนิงเฉิน”เฉวียนกงกงตื่นตระหนกในใจ ก่อนจะเอ่ย “ความหมายของฝ่าบาทคือ คุณชายหนิงเป็นคนขั้นเกลากวีบทนี้แทนพี่ชายของเขาอย่างนั้นหรือ?”ฮ่องเต้เสวียนส่งเสียงฮึดฮัดหนึ่งเสียง “หากหนิงเฉินอยากช่วยหนิงกาน กวีบทนี้คงไม่มีทางแต่งให้สองวรรคแรกเป็นวรรณกรรม สองวรรคหลังเพี้ยนเสียงเช่นนี้”สีหน้าของเฉวียนกงกงเปลี่ยนไป “หรือว่าหนิงกานขโมยกวีของคุณชายหนิงเฉิน?”ฮ่องเต้เสวียนยิ้มเยาะอย่างเยือกเย็น โดยไม่กล่าวสิ่งใดอีกเฉวียนกงกงชำเลืองมองสีหน้าของฮ่องเต้เสวียนแวบหนึ่ง แอบไว้ทุกข์ให้หนิงกานอย่างเงียบ ๆ ครู่หนึ่งอยู่ในใจฝ่าบาททรงเกลียดชังผู้ที่ก่อกรรมทำชั่ว แสวงหาชื่อเสียงโดยทางที่มิชอบเป็นที่สุดฮ่องเต้เสวียนพลันกล่าวถาม “เนี่ยเหลียง ที่ข้าให้เจ้าไปสืบเรื่องของคุณชายหนิงเฉินเป็นอย่างไรบ้าง?”เนี่ยเหลียงรีบทูลตอบ “กราบทูลฝ่าบาท ข้าน้อยได้ส่งคนมุ่งหน้าไปยังบ้านเกิดของคุณชายหนิงเฉินแล้ว เชื่อว่าอีกสองสามวันคงจะได้ข่าวคราว”ฮ่องเต้เสวียนตอบ อื้อ คำเดียว เมื่อเดินมาถึงหน้าตำหนักหย่างซินขันทีเล็กคนหนึ่งได้สาวเท้าก้าวเล็กเข้ามาต้อนรับ จา
หนิงเฉินมาถึงโถงหลัก พบว่านอกจากครอบครัวของหนิงจื้อหมิงแล้ว ยังมีขันทีน้อยอีกหนึ่งคน องครักษ์พกดาบอีกสองสามคนเขามีความกลัดกลุ้มใจเล็กน้อย ทันทีที่เห็นคนพวกนี้ก็รู้เลยว่าเป็นคนของวังหลวง หนิงจื้อหมิงเรียกเขามาทำไม?ขันทีน้อยคนนั้นมองสำรวจหนิงเฉิน “เจ้าก็คือหนิงเฉิน?”หนิงเฉินงุนงงเล็กน้อย สะอึกในใจ นี่เหมือนกับว่าจะพุ่งเป้ามาหาเขาน่าแปลก ตนเป็นเพียงพลทหารรับใช้ไร้ชื่อเสียงคนหนึ่ง ขันทีน้อยผู้นี้มาหาเขาทำไม?“ข้าน้อยก็คือหนิงเฉิน”ขันทีน้อยเอ่ยปากกล่าว “ถ่ายทอดคำสั่งขององค์หญิง หนิงเฉินฟังคำสั่ง”คำพูดของฮ่องเต้คือราชโองการ ของฮองเฮา กุ้ยเฟย คือการแจ้งให้ทราบ ขององค์หญิงคือคำสั่งในหัวสมองของหนิงเฉินเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามนี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?ขันทีน้อยกล่าวด้วยความโมโห “ยังไม่คุกเข่าลงอีก?”หนิงเฉินขมวดคิ้ว สิ่งที่เกลียดมากที่สุดก็คือที่โลกนี้เอะอะอะไรก็ต้องให้คุกเข่าแต่ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงคุกเข่าลงไปขันทีน้อยกล่าว “องค์หญิงมีคำสั่ง หนิงเฉินดูหมิ่นเบื้องสูง มีคำสั่ง ให้คุกเข่าสองชั่วยามถึงจะลุกขึ้นได้”หนิงเฉินมึนงงไปครู่หนึ่งให้เขาคุกเข่าสองชั่วยาม? องค์ห