“เฉินเอ๋อร์ พ่อเข้าใจเจ้าผิดไป... ตั๋วเงินร้อยตำลึงนี้เป็นของเจ้าจริงๆ” “และเสื้อคลุมขนสัตว์ตัวนี้ด้วย พี่สามของเจ้าแค่ล้อเล่นกับเจ้าเล่น ไม่มีทางจะเอาของเจ้าไปจริง ๆ หรอก” หนิงจื้อหมิงยื่นเสื้อคลุมให้ พร้อมกับวางตั๋วเงินใบหนึ่งไว้ ซึ่งก็คือใบที่หนิงกานเคยแย่งไป หนิงเฉินไม่ได้รับไว้ แต่กลับมองพวกเขาด้วยสายตาแปลก ๆ... คนพวกนี้หัวกระแทกประตูมาหรืออย่างไร? ของที่แย่งไป กลับเอามาคืนให้เขาเฉย ๆ “พวกเจ้าตัวดีทั้งสาม ยังไม่รีบขอโทษน้องสี่อีก?” หนิงจื้อหมิงหันไปตะคอก พวกหนิงกานทั้งสามคนแสดงสีหน้าไม่พอใจ โดยเฉพาะหนิงซิ่งและหนิงเม่า ที่เกลียดจนอยากจะบีบคอหนิงเฉินให้ตายได้...เพราะไอ้ลูกนอกสมรสคนนี้ทำให้พวกเขาสองคนต้องโดนตีไปสองรอบในวันนี้ แต่เพราะคำพูดของหนิงจื้อหมิง พวกเขาจึงไม่กล้าขัด หนิงกานพูดด้วยสีหน้ามืดมนว่า “น้องสี่ วันนั้นพี่ใหญ่แค่ล้อเจ้าเล่นเอง ถ้าเจ้าได้รับบาดเจ็บ พี่ใหญ่ต้องขอโทษเจ้าด้วย หวังว่าเจ้าจะไม่ถือสา” ฟนิงเฉินมองเขาด้วยความเย้ยหยันในใจ เล่นหรือ? ข้าเจ็บจนต้องนอนเตียงเป็นเดือน แล้วเจ้ามาบอกว่าแค่เล่นหรือกัน? แต่เขายังไม่เข้าใจว่าเจ้าพวกนี้คิดจะทำ
ที่จริงนี่คือวิธีการยืดเวลาออกไปของเขา เพื่อทำให้หนิงเฉินสงบลงก่อน “ท่านเสนาบดีหนิง หากไม่มีธุระอะไรแล้ว ก็เชิญกลับเถอะ!” หนิงจื้อหมิง ข่มความโกรธไว้แล้วพา พวกหนิงกานทั้งคนจากไป “ให้ตายสิ...โรคจิตชัด ๆ!” หนิงเฉินสบถออกมาคำหนึ่ง ทันใดนั้น เขาเก็บตั๋วเงินและเสื้อคลุมขนสัตว์ แล้วนั่งลงที่โต๊ะหนังสือ พรุ่งนี้เขาตั้งใจจะไปเยี่ยมแม่ทัพผู้เฒ่าเฉิน จะไปมือเปล่าก็คงไม่ได้ แต่เขาก็ไม่มีของมีค่าอะไรจะให้ จึงตั้งใจจะเขียนบทกวีให้แม่ทัพผู้เฒ่าเฉินสักบทหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะเขียนกี่บทก็รู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะสม สุดท้ายเลยต้องล้มเลิกไป ช่างเถอะ พรุ่งนี้ตอนไปค่อยไปซื้อของขวัญน่าจะดีกว่า ...... วันต่อมา หนิงเฉินออกจากไปบ้านหลังกินอาหารเช้าเสร็จ เมื่อมาถึงจวนแม่ทัพ เขาจัดแจงเสื้อผ้าที่แต่งให้เรียบร้อย แล้วเดินไปเคาะประตู เสียงดังเอี๊ยดเสียงหนึ่ง! ประตูสีแดงสดถูกเปิดออก มีชายคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ กลิ่นอายทั้งตัวเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งดุดัน คนนี้น่าจะเคยออกรบมาแล้ว หนิงเฉินประสานมือคารวะแล้วพูดว่า “ข้าคือหลันซิง ขอเข้าพบแม่ทัพผู้เฒ่าเฉิน รบกวนไปรายงานสักหน่อย!” “เจ้าคือหลั
“ไม่นึกเลยว่าเราจะได้พบคุณชายหลันตัวเป็น ๆ” “ไม่นึกว่าคุณชายหลันจะอายุน้อยขนาดนี้ แต่กลับสร้างสรรค์ผลงานที่ยิ่งใหญ่ได้ เก่งมากจริง ๆ!” “มาเร็ว ทุกคนมาขอบคุณคุณชายหลันพร้อมกัน!” ชายหนุ่มร่างกายบึกบึนหลายสิบคนล้อมหนิงเฉินไว้ พวกเขาพร้อมใจกันประสานมือคำนับ แล้วพูดขึ้นพร้อมกันว่า “ขอบคุณคุณชายหลัน!” หนิงเฉินรู้สึกกระอักกระอ่วนจนเท้าจิกพื้น วิธีการขอบคุณนี้ช่างพิเศษเกินไปแล้ว “ทุกคนไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้...ข้าเพียงแค่เคารพนับถือแม่ทัพผู้เฒ่าเฉิน เลยแต่งบทกวีนั้นขึ้นมา” หนิงเฉินพึ่งพูดจบ ก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้น “พวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน? เขาปฏิบัติต่อแขกกันเช่นนี้หรือ?” หนิงเฉินหันไปมองก็พบว่าเป็นแม่ทัพผู้เฒ่าเฉิน ชายวัยกลางคนคนก่อนหน้านี้พูดขึ้นว่า “ท่านแม่ทัพผู้เฒ่า คุณชายหลันได้ใช้บทกวีช่วยคลายปมในใจของท่านแล้ว พวกเราจึงขอบคุณเขาอยู่” “พวกเจ้ากลับไปฝึกเสีย...วิธีขอบคุณแบบนี้ อย่าได้ทำให้เขาตกใจอีก” กลุ่มคนต่างกระจายตัวออกไป ส่วนหนิงเฉินก็รีบเดินเข้าไปคารวะ “หลันซิงขอคารวะแม่ทัพผู้เฒ่าเฉิน!” “ไม่ต้องเกรงใจ!” แม่ทัพผู้เฒ่าเฉินพูดพลางหัวเราะ “บาดแผลหายดีแล้วหรือ?” “ข
“คุณชายหลัน ตอนเที่ยงอย่าเพิ่งกลับนะ...ข้าจัดงานเลี้ยงไว้แล้ว อยู่ดื่มเป็นเพื่อนข้าสักสองสามจอก!” หนิงเฉินประสานมือ “หลันซิงน้อมรับคำสั่ง!” จวนแม่ทัพครอบครองพื้นที่กว้างขวาง มีสนามฝึกซ้อมโดยเฉพาะ ที่กล้าเลี้ยงทหารส่วนตัวในเมืองหลวงนอกจากฮ่องเต้เสวียนแล้ว ก็มีเพียงแม่ทัพผู้เฒ่าเฉินเท่านั้น เพียงแต่เหล่าทหารพวกนี้ล้วนมีรายชื่อจดทะเบียน เป็นอดีตทหารของแม่ทัพผู้เฒ่าเฉิน จำนวนก็ไม่มากนัก หนิงเฉินเดินตามฉีหยวนจงมายังสนามฝึก เมื่อครู่เขาถามแล้วว่าเขาแซ่ฉี ชื่อเต็มว่าฉีหยวนจง ในสนามฝึก มีชายหนุ่มร่างกายกำยำหลายคนที่มีรูปร่างบึกบึน เปลือยท่อนบน จนเห็นกล้ามเนื้อปูดโปน แบกท่อนไม้ไว้และวิ่งวนรอบสนามฝึก มีเหงื่อไหลโซมกาย หนิงเฉินรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปมีชีวิตเหมือนอยู่ในค่ายทหารสมัยก่อน “คุณชายหลัน ท่านวิ่งตามพวกเขาไปก่อน เพื่ออบอุ่นร่างกาย” “ได้!” หนิงเฉินไม่พูดมาก เขาถอดเสื้อคลุมขนสัตว์พับเก็บไว้อย่างดี แล้วถอดเสื้อตัวบางด้านในออก เผยให้เห็นร่างหารท่อนบนที่ผอมบาง หนิงเฉินมองรูปร่างของตัวเอง ซึ่งผอมซูบเหมือนโครงกระดูก จึงมีท่าทีตะขิตตะขวงใจเล็กน้อย ฉีหยวนจงหัวเราะ “คุณชายห
หอมหรสพ สำนักเริงรมย์ ย่านโคมแดงแบบนี้ ในฐานะคนยุคปัจจุบัน หนิงเฉินก็สนใจมากแต่หนิงเฉินปฏิเสธคำเชิญจากใจที่เปี่ยมด้วยมิตรภาพ โดยอ้างว่าตนเองอายุยังน้อยประการแรก แพงเกินไป แม้คนอื่นจะเลี้ยง แต่ต่อไปเขาจำเป็นต้องเลี้ยงคืนเป็นการตอบแทนแน่นอนประการที่สอง เล็กเกินไป…เขาหมายถึงอายุเขาถือว่ายังเด็กยังเล็กคุยสัพเพเหระกับพวกเขาครู่หนึ่งแล้ว หนิงเฉิงก็แบกท่อนซุงขึ้น ออกวิ่งอีกครั้งเวลาเที่ยง แม่ทัพผู้เฒ่าเฉินตระเตรียมงานเลี้ยงร่ำสุราหนิงเฉินดื่มเป็นเพื่อนแม่ทัพผู้เฒ่าเฉินอยู่หลายจอกเทคโนโลยีการหมักเหล้าในยุคนี้ยังไม่พัฒนาพอ ดีกรีเหล้าจึงไม่สูงนักตกบ่าย หนิงเฉินฝึกกำลังต่อเขาต้องทำให้ตัวเองแข็งแรงขึ้นมาให้เร็วที่สุดความมุมานะของหนิงเฉินนั้น ทำให้บรรดาทหารพากันสรรเสริญไม่หยุดก่อนกลับ แม่ทัพผู้เฒ่าเฉินยังมอบยาหลายห่อให้หนิงเฉินด้วย บอกว่ากลับไปแล้ว ให้ใส่ในถังอาบน้ำตอนจะอาบน้ำ สามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดอาการเลือดคั่ง บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหนิงเฉินกล่าวขอบคุณแล้ว ถือห่อยาเหล่านั้นกลับจวนสกุลหนิงขณะนี้เขาก็ปวดเมื่อยทั้งตัวจริง ๆ เหมือนถูกคนกระทืบมายกใหญ่
แต่ว่า หนิงกานดวงดีนักในราชสำนักมีอยู่คำหนึ่ง เข้าฮั่นหลินก่อน ค่อยเข้าทำเนียบเสนาบดีมีมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายกับหนิงจื้อหมิงปูทางให้ ต่อไปหนิงกานต้องขึ้นสู่ตำแหน่งใหญ่ได้สบาย ๆ แน่หนิงเฉินส่ายหัว ทิ้งเรื่องนี้ไป ไม่คิดถึงมันอีก…อาหารหอจ้วงหยวน เขาก็เคยกินแล้วครั้งสองครั้งเมื่อกลับถึงห้อง พักผ่อนครู่หนึ่งแล้ว หนิงเฉินก็ให้คนเตรียมน้ำร้อนเขานำยาที่แม่ทัพผู้เฒ่าเฉินให้ใส่ลงไปในน้ำ แช่น้ำอาบอย่างสบายอารมณ์จนถึงกลางดึก หนิงเฉินหลับแล้ว กลับต้องตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโหวกเหวกจากด้านนอกหนิงจื้อหมิงและคนอื่น ๆ กลับมาแล้วได้ยินพวกเขาพูดอ้อแอ้ ก็รู้ว่าดื่มหนักมา!หนิงเฉินพลิกตัว นอนต่อ…พรุ่งนี้ยังต้องไปจวนแม่ทัพอีกแต่นอนได้ไม่นาน ประตูห้องก็ถูกเคาะดังอย่างกับฟ้าผ่าหนิงเฉินตกใจตื่น“หนิงเฉิน เปิดประตู รีบเปิดประตูเร็ว!”ฟังเสียงก็รู้ว่าเป็นหนิงกานจากนั้นก็เป็นเสียงหนิงเม่า: “หนิงเฉิน ข้ารู้นะว่าเจ้าอยู่ข้างใน เปิดประตูเร็ว…ไม่งั้นข้าถีบประตูละนะ?”เดิมทีหนิงเฉินไม่อยากสนใจ แต่ว่ารำคาญจริง ๆ จึงลงจากเตียงไปเปิดประตู“พวกท่านบ้าหรือไง? ดึก ๆ ดื่น ๆ ไม่หลับไม่นอน”หนิงเม่าดื่มจน
“หนิงเฉิน เจ้า ไอ้ลูกนอกสมรสนี่ กล้าเอาฉี่มาสาดพวกข้าหรือ ข้า…แหวะ…”หนิงเม่ายังพูดไม่จบ ก็คลื่นเหียนขึ้นมาทันที“หนิงเฉิน ข้าเป็นขุนนางที่ราชสำนักแต่งตั้งนะ เจ้ากล้า…ถุย ถุย ถุย….แหวะ…”หนิงกานก็เช่นกัน ยังพูดไม่จบ ก็ทนกลิ่นเหม็นในปากไม่ไหวแล้วจริง ๆ คลื่นเหียนอยู่พักใหญ่หนิงเฉินหัวเราะเย้ยหยันพลางกล่าวว่า: “ข้าช่วยให้พวกท่านสร่างเมาอยู่นี่ไง ไม่ต้องเกรงใจนะ!”“ใช่แล้ว ฉี่เด็กรักษาโรคได้ ถือว่าพวกท่านได้ของดีนะเนี่ย…ก็แค่ช่วงนี้ร้อนใน กลิ่นก็เลยอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไร”หนิงเฉินพูดจบ ก็หันหลังเดินกลับเข้าห้อง เตะกระดูกบนพื้นออกไปหนึ่งที“ของเหล่านี้พวกท่านก็เก็บไว้ดื่มด่ำเองเถอะ” เพียงไม่นาน เสียงปิดประตูปังก็ดังขึ้น“หนิงเฉิน เจ้าออกมาเดี๋ยวนี้ เจ้ากล้าใช้ของโสโครกเช่นนี้สาดพวกข้าหรือ ข้า…แหวะ…”“ข้าฟ้องท่านพ่อแน่ ให้เจ้ารับผิดชอบผลที่ตามมา แหวะ…”ทั้งสองแหกปากตะโกนด่าอยู่ในลานบ้านกำลังก่นด่าอย่างเมามัน เสียงประตูเอี๊ยดอ๊าดก็ดังขึ้น หนิงเฉินถือโถปัสสาวะเดินออกมา“ด่ามานานแล้ว หิวน้ำแย่เลยสิ? นี่ข้าเตรียมมาให้พวกท่านอีกชุด ดื่มให้ชุ่มคอแล้วด่าต่อนะ”หนิงเฉินทำท่าจะสาดหน
หากเขาถูกเจ้าสิ่งนี้กัดเข้าจริง เกรงว่าจะมีอันตรายถึงชีวิตหนิงเฉินหน้าถอดสี แววตาเย็นเยียบต้องเป็นฝีมือหนิงกานกับหนิงเม่าแน่นอนสารเลว ช่างร้ายลึกเสียนี่กระไรหนิงเฉินไม่ได้รีบร้อนไปหาหนิงกานกับหนิงเม่าแต่อย่างใดไม่มีหลักฐาน ไปหาก็เปล่าประโยชน์ พวกเขาไม่มีทางยอมรับแน่แต่แค้นนี้หนิงเฉินจดจำไว้แล้ว มีโอกาสค่อยคิดบัญชีพวกเขาหนิงเฉินถือไม้ยันประตู เขี่ยผ้าห่มออกอย่างระมัดระวัง แล้วก็พลิกเบาะรองนอน ตรวจดูอย่างละเอียดหนึ่งรอบแม้จะไม่พบสิ่งมีพิษอย่างอื่น แต่หนิงเฉินก็ไม่กล้านอนบนเตียงแล้วเขานั่งลงบนเก้าอี้ ห่มเสื้อคลุมขนสัตว์ ฝืนนอนไปทั้งคืนเมื่อตื่นมาตอนเช้า ก็ปวดเอวปวดหลัง ทรมานยิ่งกว่าฝึกทั้งวันแม้แต่อาหารเช้าเขาก็ไม่กิน ตรงไปที่จวนแม่ทัพเลยตอนนี้เช้าเกินไปที่จะไปหอจ้วงหยวน จึงไปฝึกกำลังที่จวนแม่ทัพก่อน จะได้ถามแม่ทัพผู้เฒ่าเฉินบางอย่างพอดีมาถึงจวนแม่ทัพแล้วแม่ทัพผู้เฒ่าเฉินกำลังกินอาหารเช้าอยู่เมื่อเห็นหนิงเฉิน ใบหน้าแม่ทัพผู้เฒ่าเฉินก็เต็มไปด้วยความปลื้มใจ…ความมุมานะของหนิงเฉิน ได้รับการยอมรับจากเขาแล้วบรรดาคุณชายในเมืองหลวง มีใครกันที่ตื่นเช้าขนาดนี้ได้? ใ