ตอนที่ 30 ตอนพิเศษ3ปีผ่านไปโมนาวัยสามขวบกว่าๆ นั่งเฝ้าน้องชายวัยห้าเดือนที่กำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่ในเปลไฟฟ้าลายการ์ตูนสีฟ้าอ่อน“คุณย่าขา น้องมันเดย์นอนเปลสวยจังเลยค่ะ” เปลใหม่เพิ่งลองซื้อมาใช้ แถมลายตัวการ์ตูนยังสวยสะดุดตาคนพี่เอามากๆ“เมื่อก่อนโมนาก็นอนเปลสวยแบบนี้แหละลูก” คุณย่าตอบหลานสาวตัวเล็กที่นั่งเฝ้าน้องหรือเฝ้าเปลก็ไม่รู้ตั้งแต่เช้าแล้ว“เปลของโมนาสีอะไรคะคุณย่า”“โมนาเป็นผู้หญิง สีชมพูลูก”“แล้วเปลของโมนาไปไหนแล้วคะ”“โมนาตัวหนักนอนพังไปแล้ว...” เป็นเสียงของคุณพ่ออิทที่เดินเข้ามาพร้อมกับคุณแม่มาย ช่วยคุณย่าตอบคำถามของเด็กขี้สงสัย“คุณพ่อขา...โมนาอยากนอนเปลสวยๆเหมือนที่น้องมันเดย์นอนค่ะ”“โมนาตัวยาว นอนไม่ได้แล้วลูก”“ไม่มีของเด็กโตเหรอคะ”“โมนาจะนอนตอนไหน พ่อไม่เคยเห็นโมนานอนกลางวันมานานมากแล้วนะ”“เอาไว้นอนตอนกลางคืนไงคะ” ด้วยความอยากได้บ้าง นอนกลางคืนก็ได้ ส่วนกลางวันบังคับเท่าไหร่โมนาก็ไม่ยอมนอน พอตกเย็นมา หลับเร็วทุกวัน“อ้าว...ถ้าโมนานอนในเปล แล้วพ่อจะนอนกอดใครล่ะทีนี้”“อื้อ...ถ้างั้นโมนาไม่เอาแล้วก็ได้ค่ะ โมนานอนกอดคุณพ่อกับคุณแม่ดีกว่า” เสียงโมนาวัยสามขวบพูดจ๋อยๆไม่ไ
เรื่อง...คลั่งรักยัยแว่นข้างห้องคำโปรยความสัมพันธ์(รัก)ระหว่างเขากับเธอ เกิดสะดุด เมื่อเขามีตัวจริงที่ไม่ใช่เธอแนะนำตัวละครอิทธิพล (คุณอิท) อายุ 28 ปี สถาปนิกหนุ่มชื่อดังเขาหล่อ สายเปย์ ขี้แกล้ง อารมณ์ดี ถึงเขาจะเจ้าเล่ห์ แต่เขาก็จริงใจมัทนา (มาย) อายุ 21 ปี นักศึกษาปี 4 เธอสวย ขี้กลัว หัวใจที่ไม่เคยมอบให้ใครมาก่อน ต้องจำยอมต่อความดีที่เขามีให้@@@@@@นิยายเรื่องนี้ : โรมานซ์ ฟีลกู๊ด เหมือนเดิมนะคะตอนที่ 1 พบเจออิทธิพล สถาปนิกหนุ่มชื่อดัง เพิ่งสร้างเนื้อสร้างตัว มีบริษัทเล็กๆเป็นของตัวเอง รับออกแบบตกแต่งทั่วไป ตั้งแต่งานเล็กไปจนถึงงานขนาดกลาง ค่อนข้างมีชื่อเสียงอยู่ในขณะนี้“ไปคิดมาใหม่ ผมว่าแบบที่คุณทำมามันยังไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร ผมคิดว่าคุณน่าจะทำได้ดีกว่านี้นะ” มาตรฐานเรื่องงานสำหรับเขาแล้วค่อนข้างสูง งานทุกชิ้นต้องออกมาดีที่สุด รายละเอียดผิดพลาดเล็กๆน้อยๆก็แทบไม่มีให้เห็น ลูกน้องที่นี่อาจจะทำงานลำบากหน่อย แต่เงินดีมาก“ครับ พรุ่งนี้ผมจะเอาแบบมาเสนอใหม่ครับ”“อือ...ได้เวลาเลิกงานแล้ว แยกย้ายกลับไปพักผ่อนกันเถอะ”“ครับ/ค่ะ” อิทธิพลเดินออกจากบริษัทฝ่ารถติดบนท้องถนน กว่าจะมาถ
ตอนที่ 2 คู่หมั้นเช้าวันรุ่งขึ้นเช้านี้มัทนาตื่นสายเธอจึงรีบสุดตัว รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วรีบออกจากห้อง กึ่งเดินกึ่งวิ่งท่าทางรีบร้อน เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าลิฟต์ซึ่งตอนนี้มีผู้คนจำนวนมากกำลังยืนรอเข้าลิฟต์ตัวเดียวกัน หนึ่งในนั้นมีผู้ชายคนเดิมเมื่อวานยืนอยู่ด้วย วันนี้เขายังคงแต่งตัวดีเหมือนเดิม มัทนาแอบมองเขาด้วยหางตานิดหน่อย แล้วถอยหลังสองก้าว ไม่อยากอยู่ใกล้รอไม่นานประตูลิฟต์ก็ได้เปิดออก ทุกคนที่ยืนรออยู่เดินเข้าไปด้านในลิฟต์ มัทนาพยายามยืนก้มหน้านิ่ง เนื่องจากเธอเป็นคนขี้กลัวอยู่แล้ว ด้านในก็ค่อนข้างแออัดผู้คนเบียดเสียด ลิฟต์ตัวที่เธอขึ้นมาก็ยังต้องจอดรับชั้นระหว่างทางผ่านอีกด้วย“ขอไปด้วยคนนะคะ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งร้องขอ คนด้านในจึงช่วยขยับให้ จังหวะนี้ทำให้เธอโดนเบียดจนเซไปทางด้านหลัง เผลอไปพิงอยู่กับหน้าอกของผู้ชายคนหนึ่งเข้า แต่ที่มากกว่านั้นคือฝ่ามือของเขาดันมาประคองอยู่ที่เอวของเธอซะอย่างนั้น'เขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจ!'“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” หันไปมองหน้าเขา แล้วรีบก้มหน้าหลบตาทันที เพราะเขาคือผู้ชายคนเมื่อวาน เธอกำลังจะขยับออกห่างแต่ด้วยความแออัดเธอจึงทำได้แค่ยืนนิ่งๆอยู่ที่เดิมความส
ตอนที่ 3 สงสัยก็ต้องถามหลายวันต่อมาช่วงเย็นของวันนี้ ทั้งสองก็ได้ใช้ลิฟต์ตัวเดียวกันอีกครั้ง แต่คนในลิฟต์หมดตั้งแต่ชั้นสามแล้ว เหลืออีกหกชั้น ถึงมันจะใช้เวลาแค่สักครู่เดียว แต่สำหรับคนขี้กลัวอย่างมัทนา เธอรู้สึกนานมากเธอยืนก้มหน้าหันหลังให้เขา มือกำสายกระเป๋าที่เธอกำลังสะพายเอาไว้แน่น ท่าทางแปลกๆ จนอิทธิพลอดที่จะคิดในใจไม่ได้ว่า...สงสัยเธอคงจะปวดท้องเข้าห้องน้ำ...ทนเอาหน่อยแล้วกัน!เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก มัทนาก็รีบก้าวขาออกไป ขาเรียวสวยก้าวฉับๆด้วยความรวดเร็ว นั่นจึงทำให้อิทธิพลแอบนึกสงสาร...สงสัยจะอั้นมานานแล้วส่วนเขาก็เดินตามไปปกติ เขาใช้คีย์การ์ดเปิดประตู แล้วจึงเดินเข้าไปด้านในห้องเขาเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่ตากเอาไว้หลังห้อง บังเอิญเห็นคนที่รีบร้อนเดินเหมือนคนปวดท้องเมื่อสักครู่ ยืนบิดขี้เกียจท่าทางสบายใจอยู่หลังห้อง ซึ่งพื้นที่ตรงนั้นมันไม่มีพนังกั้นสามารถมองเห็นกันได้สบายอิทธิพลยืนมองเธออยู่อย่างนั้นอย่างนึกแปลกใจ...เธอไม่ได้ปวดท้อง! แต่แล้วก็เป็นจังหวะที่มัทนาบิดขี้เกียจเสร็จหันมาเจอเขาพอดี สายตาผสานกัน อิทธิพลมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตารู้สึกสงสัย...ที่เดินเร็วๆขนาดนั้นอย่า
ตอนที่ 4 ดักรอหน้าห้องประตูหน้าห้องที่เปิดค้างเอาไว้ ทำให้อิทธิพลได้ยินเสียงคนคุยกัน เขาจึงเดินออกมาดู เห็นยัยแว่นข้างห้องเดินกลับเข้ามาพร้อมกับน้องสาวของเพื่อนสนิทที่มองแค่ใบหูเขาก็จำมันได้มดเป็นผู้หญิงอวบขั้นสุดท้าย ย้อนแย้งกับชื่อเล็กๆของเธออย่างสิ้นเชิง เพราะเหตุนี้เวลาที่อิทธิพลเจอกับมดจึงมีการแหย่และแซวกันอยู่บ่อยๆ แต่ก็ในฐานะพี่ชายกับน้องสาวเท่านั้น“พี่อิท!” มดไม่คิดว่าจะได้เจอคนรู้จักที่นี่ อย่าบอกนะว่า...พี่อิทคือไอ้โรคจิตที่ไอ้แว่นเล่าให้ฟัง“ไอ้มด มึงรู้จักพี่เขาด้วยเหรอ” มัทนาสะกิดเพื่อน พร้อมกับกระซิบกระซาบถาม“อือ...พี่อิทเป็นเพื่อนพี่กูเอง อย่าบอกนะว่าพี่อิทคือผู้ชายข้างห้อง คนที่เอาแว่นมึงไป” มัทนาพยักหน้าให้เพื่อน มดหันไปมองใบหน้าพี่อิทอีกครั้ง เห็นแว่นตาของเพื่อนเสียบอยู่ที่คอเสื้อของเขา...คนนิสัยไม่ดี!“พี่อิทแกล้งเพื่อนหนูทำไม” มดรีบต่อว่าอิทธิพลทันที มดรู้จักอิทธิพลมานานทำให้เธอรู้ว่าเขานั้นขี้แกล้งขนาดไหน“ไม่ได้แกล้ง แค่อยากคุยด้วยเฉยๆ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงกวนประสาท มองไปที่หญิงสาวทั้งสองคน ที่กำลังยืนอยู่คู่กันแล้วก็อดที่จะนึกขำขึ้นมาไม่ได้“ขำอะไร...พี่อิท! เ
ตอนที่ 5 แผนสูง“ก๊อกๆๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น มัทนาคิดว่าเป็นเพื่อนของเธอที่ย้อนกลับมา เธอจึงรีบเดินไปเปิดประตูให้“ไอ้มด ไหนบอกว่า...พี่อิท!” มัทนาเปิดประตูเห็นว่าไม่ใช่เพื่อนของเธอ เธอจึงทำท่าจะปิดประตูลง แต่ถูกมือใหญ่ผลักเอาไว้ไม่ยอมให้เธอปิดลงได้ง่ายๆ“เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งปิด” เขาใช้แรงแค่เพียงนิดเดียว แต่เธอใช้แรงทั้งหมดที่ตัวเองมี ก็ไม่สามารถสู้แรงของเขาได้“ปล่อยค่ะ เราไม่รู้จักกัน” เธอร้องบอกเขาเสียงดังอีกครั้ง นึกโมโหตัวเองทำไมไม่ดูให้ดีก่อนเปิด“เรารู้จักกันแล้ว” เขาเถียงกลับมา แล้วรีบแทรกตัวเข้ามายืนอยู่ด้านในห้องของเธอจนได้สำเร็จ“ออกไปนะคะ!” การกระทำของเขาทำให้เธอกลัว กลัวว่าเขาจะทำอะไรเธอเข้า อยู่กันในห้องสองต่อสองแบบนี้ด้วย มัทนาไม่ใช่คนโลกสวย สถานการณ์แบบนี้อันตรายจริงๆ“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น พี่ยังไม่ได้คิดจะทำอะไรเราตอนนี้หรอกน่า” คำพูดของเขามันไม่น่าไว้ใจ เพราะฟังดูดีๆคิดแน่นอนพันเปอร์เซ็นต์“ขอร้อง ออกไปก่อนเถอะนะคะ”“ก็บอกว่าไม่ต้องกลัวไง ไม่ได้คิดจะทำอะไร แค่อยากคุยด้วยเฉยๆ”“ออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่ามั้ยคะ” มัทนาเริ่มหาทางออกให้ตัวเอง“ก็ดีนะ กินข้าวหรือยัง” เขาถาม
ตอนที่ 6 เจ้าเล่ห์ที่หนึ่งเมื่อขับรถมาถึงคอนโดและจอดสนิทที่ลานจอดรถ มัทนาปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยได้ เธอกำลังจะเปิดประตูรถลงจากรถ แต่อิทธิพลกลับเอื้อมมือมาจับข้อมือของเธอเอาไว้ ยังไม่ยอมให้เธอลงไปง่ายๆ“พี่อิท...ปล่อยมือมายนะคะ” เผลอเป็นไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ เห็นเธอไม่ว่าอะไร ชักจะเอาใหญ่“ไม่ปล่อย...” เขาไม่ได้พูดเปล่า แต่แกล้งใช้นิ้วหัวแม่มือลูบเบาๆที่มือของเธอด้วย เด็กอะไรทำไมมือนุ่มจัง“ปล่อยนะคะ!” เธอสะบัดมือออกจากการจับของเขา เขาจึงยอมปล่อยให้ จีบยากจริงๆแฮะ!“เดี๋ยว...พี่แค่จะขอเบอร์” ท่ายากเยอะจริงๆ ทำเอาคนขี้กลัวทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนกันแน่ ตกลงไม่รู้ว่าอันไหนแกล้ง อันไหนจริง“ไม่ให้ค่ะ”“ไลน์ก็ได้”“ไม่ให้ค่ะ”“เฟซบุ๊กก็ได้”“ไม่ให้ค่ะ!”“ถ้าไม่ให้ก็อยู่มันในรถนี่แหละ” สายตาของเขาเริ่มสำรวจเรือนร่างสวยๆของเธออย่างไม่คิดที่จะปกปิด นั่นจึงทำให้มัทนายอม...“เอามือถือของพี่มาสิค่ะ” เขาหยิบมือถือขึ้นมาปลดล็อคหน้าจอให้ จากนั้นจึงส่งให้เธอ มัทนาให้เบอร์ไป บันทึกชื่อปุ๊บ ไลน์เด้งปั๊บ สีหน้าของคนที่นั่งอยู่ข้างๆท่าทางพอใจอย่างเห็นได้ชัด“จะปล่อยมายลงไปได้หรือยังคะ” เขา
ตอนที่ 7 ของฝากแทนใจ@มหาวิทยาลัย“ไอ้มด...มึงรู้มั้ยว่าพี่ข้างห้องกูเขาหายไปไหน”“ใคร...พี่อิทน่ะเหรอ”“อือ”“เขาไม่ใช่พี่ชายกู บ้านก็ไม่ได้อยู่ติดกัน กูจะไปรู้ได้ยังไง” มดตอบแบบขอไปที แต่ก็แอบอมยิ้มเมื่อคิดว่าเพื่อนของเธอน่าจะมีใจให้พี่เขาบ้างแล้ว ไม่มากก็น้อยแหละน่า“ตั้งแต่วันที่พี่เขาเอาคีย์การ์ดมาคืนให้ กูไม่เจอหน้าพี่เขาเลย เหมือนไม่ได้อยู่ที่ห้องด้วย”“ทำไม...มึงคิดถึงเขาหรือไง” มดถามทีเล่นทีจริง“บ้า...กูแค่สงสัย”“กูโทรไปถามให้เอามั้ยล่ะ กูจะบอกเขาว่า...เพื่อนฝากมาถาม” มดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขบขัน ในแบบขี้เล่นตามนิสัยของเธอ“อย่านะ! มึงไม่รู้ก็ช่างเถอะ ไม่อยู่ก็ดีกูรู้สึกปลอดภัยขึ้นตั้งเยอะ”“เขาไม่ทำอะไรมึงหรอกน่า...ถ้ามึงไม่ยอมซะอย่าง” จากที่มดรู้จักกับพี่อิทมา เขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรขนาดนั้น“กูไม่ไว้ใจ”“ระวังใจตัวเองให้ดีแล้วกัน อยู่ห้องใกล้กันซะด้วย”“เออๆ เลิกพูดถึงเขาเถอะ ไปเรียนดีกว่าถึงเวลาแล้ว” เป็นจังหวะที่น้ำกับฟ้าเดินเข้ามาสมทบด้วยพอดี ทั้งสี่คนเดินเข้าห้องเรียนพร้อมกันช่วงเย็น มัทนาชวนน้ำเพื่อนของเธออีกคนมานอนที่ห้องด้วย ซึ่งปกติเพื่อนๆก็มักจะแวะมานอนด้วยแบบนี้เ