ตอนที่ 2 คู่หมั้น
เช้าวันรุ่งขึ้น
เช้านี้มัทนาตื่นสายเธอจึงรีบสุดตัว รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วรีบออกจากห้อง กึ่งเดินกึ่งวิ่งท่าทางรีบร้อน เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าลิฟต์
ซึ่งตอนนี้มีผู้คนจำนวนมากกำลังยืนรอเข้าลิฟต์ตัวเดียวกัน หนึ่งในนั้นมีผู้ชายคนเดิมเมื่อวานยืนอยู่ด้วย วันนี้เขายังคงแต่งตัวดีเหมือนเดิม มัทนาแอบมองเขาด้วยหางตานิดหน่อย แล้วถอยหลังสองก้าว ไม่อยากอยู่ใกล้
รอไม่นานประตูลิฟต์ก็ได้เปิดออก ทุกคนที่ยืนรออยู่เดินเข้าไปด้านในลิฟต์ มัทนาพยายามยืนก้มหน้านิ่ง เนื่องจากเธอเป็นคนขี้กลัวอยู่แล้ว ด้านในก็ค่อนข้างแออัดผู้คนเบียดเสียด ลิฟต์ตัวที่เธอขึ้นมาก็ยังต้องจอดรับชั้นระหว่างทางผ่านอีกด้วย
“ขอไปด้วยคนนะคะ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งร้องขอ คนด้านในจึงช่วยขยับให้ จังหวะนี้ทำให้เธอโดนเบียดจนเซไปทางด้านหลัง เผลอไปพิงอยู่กับหน้าอกของผู้ชายคนหนึ่งเข้า แต่ที่มากกว่านั้นคือฝ่ามือของเขาดันมาประคองอยู่ที่เอวของเธอซะอย่างนั้น
'เขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจ!'
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” หันไปมองหน้าเขา แล้วรีบก้มหน้าหลบตาทันที เพราะเขาคือผู้ชายคนเมื่อวาน เธอกำลังจะขยับออกห่างแต่ด้วยความแออัดเธอจึงทำได้แค่ยืนนิ่งๆอยู่ที่เดิม
ความสูงของเขาทำให้สายตาของเธอมองอยู่ได้แค่ในระดับหน้าอกของเขาเท่านั้น เธอมองอยู่แค่ตรงนั้น ไม่กล้าขยับสายตาขึ้นไปมองใบหน้าของเขา โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าสายตาคู่นี้แอบมองเธออยู่ตลอดเวลา
ลิฟต์ตัวเดิมจอดสนิทที่ชั้นล่าง ทุกคนทยอยออกจากลิฟต์ แล้วแยกย้ายกันออกไป อิทธิพลกับมัทนาก็เช่นกัน
“ไอ้แว่น...เป็นอะไร ทำหน้าแปลกๆ” เสียงน้ำเพื่อนของเธอเอ่ยถามขึ้น
“กูเจอไอ้โรคจิตว่ะ”
“หล่อมั้ย” เบะปากให้เพื่อนหนึ่งทีก่อนที่จะตอบความจริงกลับไป
“หล่อ...แต่น่ากลัว” คำว่าน่ากลัวของมัทนาเป็นเรื่องรอง เพื่อนๆทั้งสามคนของเธอสนใจที่สุดก็ตรงที่มัทนาบอกว่าหล่อนี่แหละ เพราะปกติแล้วมัทนาไม่ค่อยชมผู้ชายคนไหนบ่อยนัก
“งั้นเล่ามา เจอที่ไหน เมื่อไหร่ แล้วอะไรทำให้มึงคิดว่าเขาเป็นโรคจิตวะ” มดรีบถามขึ้น ทุกคนเห็นด้วยและกำลังรอฟังสิ่งที่มัทนากำลังจะเล่าอย่างตั้งอกตั้งใจ
“เมื่อวานกับเมื่อเช้า” มัทนาเริ่มเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานและเช้าวันนี้...
“โรคจิตตรงไหนวะ มึงคิดไปเองหรือเปล่า” ฟ้าเริ่มออกความคิดเห็น
"แต่เขากอดเอวกูเลยนะมึง"
“กูว่ามึงคิดเยอะไปแล้วเพื่อน เมื่อกี้มึงเป็นคนพูดเอง ว่ามึงเป็นคนเซไปหาเขาเอง” น้ำขอแสดงความคิดเห็นบ้าง
“มีแฟนหรือยังวะ” มด
“กูจะไปรู้ได้ยังไง มึงก็ถามบ้าๆ”
“ก็ถ้าเขาอยู่คนเดียวก็แสดงว่ายังไม่มีไง” มด
“ไอ้แว่น...จีบมั้ย” ฟ้าถามด้วยใบหน้าอมยิ้ม
“ไม่เอา! กูกลัว แล้วกูก็ไม่ชอบแก่ๆ แบบนั้นด้วย” ประโยคนี้ถ้าเจ้าตัวมาได้ยินเข้าคงนึกเคียงเธออยู่ไม่น้อย
“มึงจะขี้กลัวอะไรนักหนา ระวังเถอะ คนโบราณเขาว่าเกลียดอะไรมักจะได้อย่างนั้น” น้ำพูดยิ้มๆ แกล้งเพื่อน!
“อายุประมาณเท่าไหร่วะ กูอยากเห็นหน้าว่ะ” สีหน้าของทุกคนดูมีความสุขมาก ที่ได้เอ่ยถึงผู้ชายหล่อ ยกเว้นมัทนา
“น่าจะมากกว่าพวกเราหลายปีแหละ ก็เขาทำงานแล้วนี่”
“ไปๆ ได้เวลาเรียนแล้ว” ยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดูแล้วรีบลุกเดินตามกันไป
ทางด้านอิทธิพล
"ฮัดเช้ย!" เขายังคงทำงานอย่างตั้งอกตั้งใจ อยู่ๆก็จามขึ้นมาเหมือนมีคนกำลังคิดถึง
"ใครคิดถึงวะ" ถามตัวเองแล้วนั่งทำงานตรงหน้าต่อ สักครู่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
“เข้ามา...”
“คุณอิทครับ คุณแม่มาครับ” คิ้วเข้มขยับเข้าหากันเล็กน้อย
“ตอนนี้ท่านอยู่ไหน” ว่าแล้วต้องมีใครสักคนคิดถึง คุณแม่นี่เอง!
“ที่ห้องรับแขกครับ”
“อือ...ขอบใจมาก” พูดกับลูกน้องเสร็จจึงรีบลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินไปยังห้องรับแขกที่คุณแม่ของเขานั่งรออยู่
“คุณแม่สวัสดีครับ”
“นั่งลงก่อนสิ”
“คุณแม่แค่ผ่านมา ก็เลยแวะมาหาผมใช่มั้ยครับ” ถามไปอย่างนั้นแหละ แต่ในใจก็รู้ว่าไม่ใช่
“ตั้งใจมา แล้วก็ไม่ใช่ทางผ่านด้วย แกมีปัญหาอะไรมั้ย” ถามด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ เพราะลูกชายของท่านไม่ยอมกลับบ้านเลย ถ้าไม่โทรตามหรือมาหาแบบนี้ก็คงไม่ได้เจอหน้า
“คุณแม่มีธุระอะไรครับ”
“เรื่องหนูรัน” หนูรันที่คุณแม่พูดถึงก็คือคู่หมั้นในวัยเด็กของเขานั้นเอง
“เฮ้ย...ผมขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะครับ” ไม่อยากคุยเรื่องนี้เล๊ย!
“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะตาอิท! แกจะผลัดไปจนถึงเมื่อไหร่” การหมั้นหมายเป็นแค่เพียงคำหมั้นสัญญาของผู้ใหญ่เมื่อนานมาแล้วเท่านั้น แต่คุณฉัตร คุณแม่ของอิทธิพลท่านเพียงแต่เห็นว่าทั้งสองยังไม่มีใคร แล้วท่านเองก็เหงา อยากได้หลานไว้เลี้ยง ก็เลยอยากให้ทั้งสองคนลงเอยกัน ส่วนผู้ใหญ่ทางฝ่ายโน้นก็ยังคงติดต่อไปมาหาสู้กันตลอด
“คุณแม่ไปถามเธอก่อนมั้ยครับว่าอยากแต่งงานกับผมหรือเปล่า”
“อยากหรือไม่อยากก็ต้องแต่ง เราสองคนหมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่เด็ก” คุณฉัตรกลัวว่าตัวเองจะเสียผู้ใหญ่ด้วย รับปากไว้กลัวเพื่อนจะว่าเอาได้
“ใครหมั้นก็ไปแต่งกันเอาเองเถอะครับ ผมไม่แต่ง” ทุกครั้งที่ได้พูดคุยถึงเรื่องนี้ อิทธิพลก็มักจะพูดแบบนี้เสมอ โดยที่เรื่องราวจริงๆมันมีมากกว่านี้ แต่เขารอให้อีกฝ่ายพูดเอง อีกอย่างคือทางผู้หญิงได้ขอร้องไว้ สาเหตุก็ไม่ได้มีอะไรมาก แค่รอพร้อมเท่านั้น
“แกต้องแต่ง แม่ได้ข่าวว่าอีกเดือนกว่าๆหนูรันก็จะกลับมาจากต่างประเทศแล้ว แกเตรียมตัวให้พร้อมด้วยล่ะ”
“คุณแม่ไปถามเธอก่อนดีกว่ามั้ยครับ ว่าอยากจะแต่งกับผมมั้ย” ถามย้ำเป็นครั้งที่สอง!
“แกก็หัดทำอะไรหน่อยสิ โทรไปหาน้องบ้างหรือเปล่า” เฮ่อ...คุณแม่ยังไม่ยอมหยุด
“ผมไม่ว่าง...แก้ผ้าเล่นน้ำมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก จะให้ผมแต่งงานกับเธอ ผมไม่เอาด้วยหรอก” สีหน้าคุณแม่เริ่มไม่พอใจลูกชายอย่างเห็นได้ชัด
“คุณแม่กลับไปก่อนเถอะนะครับ เอาไว้ว่างๆผมจะไปหาที่บ้าน”
“รอแกว่าง...ฮึ! ชาตินี้หรือชาติหน้าล่ะ”
“ชาตินี้แหละคร๊าบ...”
“กลับก็ได้” ท่านลุกยืนขึ้น แล้วเดินออกไป โดยมีอิทธิพลเดินตามไปส่งคุณแม่ที่หน้าบริษัทด้วย
“ขับรถกลับบ้านดีๆนะครับ ผมเป็นห่วง” เมื่อรถยนต์ที่คุณแม่ขับมาจอด ค่อยๆเคลื่อนออกไป อิทธิพลก็รีบหยิบมือถือขึ้นมาแล้วต่อสายหาโจทย์ทันที
“ไอ้รัน!” น้ำเสียงค่อนข้างเข้มกรอกลงไปในสาย
“โทรมาก็เสียงดังเลยนะพี่อิท มีอะไรคะ” อิทธิพลกับรันมีความรู้สึกต่อกันแค่พี่น้องเท่านั้น ระหว่างเขากับเธอไม่เคยมีความรู้สึกอื่น
“แม่พี่มาเร่งเรื่องแต่งงานอีกแล้ว เมื่อไหร่จะเคลียร์ตัวเองเสร็จสักที”
“เสร็จแล้ว...เดือนหน้ารันกลับไปจะไปบอกกับทุกคนเอง พี่อิทสบายใจได้”
“พูดแบบนี้มานานแล้วนะ แล้วไอ้รุจเพื่อนพี่ล่ะ มันสบายดีมั้ย” รุจก็คือเพื่อนรักของเขานั่นเอง และยังเป็นคนรักของรันอีกด้วย
“สบายดีค่ะ” พูดยังไม่ทันจบดี มือถือที่รันกำลังคุยอยู่ก็ได้ถูกคนข้างๆแย่งมาคุยแทน
“โทรมาหาเมียชาวบ้าน ต้องขออนุญาตผัวเขาก่อนเข้าใจมั้ย” เสียงนี้ดังขึ้น อิทธิพลเริ่มยิ้มขึ้นมาได้หน่อย
“ทำเป็นปากดีไปเถอะมึง แม่กูมาเร่งให้กูรีบแต่งงานกับเมียมึงอีกแล้วเนี่ย พวกมึงรีบๆพากันกลับมาได้แล้ว มาถึงแล้วก็ช่วยประกาศให้โลกรู้ด้วยว่ากูไม่เกี่ยว” ตอนนี้ทั้งสองคนถูกบริษัทที่กำลังทำงานอยู่ ส่งตัวไปเรียนงานที่ต่างประเทศ พอกลับมาตำแหน่งขึ้นเงินเดือนก็ขึ้นตามไปด้วย
“คร๊าบเพื่อน ว่าแต่อยู่ทางโน้น เจอสาวถูกใจหรือยังล่ะ” รุจถามขึ้นด้วยน้ำเสียงขบขันเป็นกันเอง
“ยัง” ตอบคำถามเพื่อนเสร็จ แต่ในใจกลับมีภาพหญิงสาวสวมชุดนักศึกษารัดรูปใส่แว่น หน้าตาจิ้มลิ้มเข้ามาในหัว
“มึงไม่ทันกูแล้ว ตอนนี้รันท้องแล้วเว้ย” น้ำเสียงตื่นเต้นของคนที่กำลังจะได้เป็นพ่อคนเอ่ยบอก นั่นจึงทำให้อิทธิพลนึกหมั่นไส้
“ปี้กันทุกวัน ไม่ท้องก็คงแปลก กูดีใจกับพวกมึงสองคนด้วย”
“ขอบใจเว้ย...ถามจริงๆเถอะ ไม่มีสาวคนไหนถูกใจมึงเลยเหรอ”
“ก็มีบ้าง แต่กูยังไม่แน่ใจ”
“แม่มึงก็แค่เหงา ท่านคงอยากเลี้ยงหลาน รีบๆหาเข้าล่ะเมียน่ะ”
“เออๆ แค่นี้ก่อนนะ กูต้องไปทำงานแล้ว” คุยกันเสร็จก็วางสายไป
ตอนที่ 3 สงสัยก็ต้องถามหลายวันต่อมาช่วงเย็นของวันนี้ ทั้งสองก็ได้ใช้ลิฟต์ตัวเดียวกันอีกครั้ง แต่คนในลิฟต์หมดตั้งแต่ชั้นสามแล้ว เหลืออีกหกชั้น ถึงมันจะใช้เวลาแค่สักครู่เดียว แต่สำหรับคนขี้กลัวอย่างมัทนา เธอรู้สึกนานมากเธอยืนก้มหน้าหันหลังให้เขา มือกำสายกระเป๋าที่เธอกำลังสะพายเอาไว้แน่น ท่าทางแปลกๆ จนอิทธิพลอดที่จะคิดในใจไม่ได้ว่า...สงสัยเธอคงจะปวดท้องเข้าห้องน้ำ...ทนเอาหน่อยแล้วกัน!เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก มัทนาก็รีบก้าวขาออกไป ขาเรียวสวยก้าวฉับๆด้วยความรวดเร็ว นั่นจึงทำให้อิทธิพลแอบนึกสงสาร...สงสัยจะอั้นมานานแล้วส่วนเขาก็เดินตามไปปกติ เขาใช้คีย์การ์ดเปิดประตู แล้วจึงเดินเข้าไปด้านในห้องเขาเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่ตากเอาไว้หลังห้อง บังเอิญเห็นคนที่รีบร้อนเดินเหมือนคนปวดท้องเมื่อสักครู่ ยืนบิดขี้เกียจท่าทางสบายใจอยู่หลังห้อง ซึ่งพื้นที่ตรงนั้นมันไม่มีพนังกั้นสามารถมองเห็นกันได้สบายอิทธิพลยืนมองเธออยู่อย่างนั้นอย่างนึกแปลกใจ...เธอไม่ได้ปวดท้อง! แต่แล้วก็เป็นจังหวะที่มัทนาบิดขี้เกียจเสร็จหันมาเจอเขาพอดี สายตาผสานกัน อิทธิพลมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตารู้สึกสงสัย...ที่เดินเร็วๆขนาดนั้นอย่า
ตอนที่ 4 ดักรอหน้าห้องประตูหน้าห้องที่เปิดค้างเอาไว้ ทำให้อิทธิพลได้ยินเสียงคนคุยกัน เขาจึงเดินออกมาดู เห็นยัยแว่นข้างห้องเดินกลับเข้ามาพร้อมกับน้องสาวของเพื่อนสนิทที่มองแค่ใบหูเขาก็จำมันได้มดเป็นผู้หญิงอวบขั้นสุดท้าย ย้อนแย้งกับชื่อเล็กๆของเธออย่างสิ้นเชิง เพราะเหตุนี้เวลาที่อิทธิพลเจอกับมดจึงมีการแหย่และแซวกันอยู่บ่อยๆ แต่ก็ในฐานะพี่ชายกับน้องสาวเท่านั้น“พี่อิท!” มดไม่คิดว่าจะได้เจอคนรู้จักที่นี่ อย่าบอกนะว่า...พี่อิทคือไอ้โรคจิตที่ไอ้แว่นเล่าให้ฟัง“ไอ้มด มึงรู้จักพี่เขาด้วยเหรอ” มัทนาสะกิดเพื่อน พร้อมกับกระซิบกระซาบถาม“อือ...พี่อิทเป็นเพื่อนพี่กูเอง อย่าบอกนะว่าพี่อิทคือผู้ชายข้างห้อง คนที่เอาแว่นมึงไป” มัทนาพยักหน้าให้เพื่อน มดหันไปมองใบหน้าพี่อิทอีกครั้ง เห็นแว่นตาของเพื่อนเสียบอยู่ที่คอเสื้อของเขา...คนนิสัยไม่ดี!“พี่อิทแกล้งเพื่อนหนูทำไม” มดรีบต่อว่าอิทธิพลทันที มดรู้จักอิทธิพลมานานทำให้เธอรู้ว่าเขานั้นขี้แกล้งขนาดไหน“ไม่ได้แกล้ง แค่อยากคุยด้วยเฉยๆ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงกวนประสาท มองไปที่หญิงสาวทั้งสองคน ที่กำลังยืนอยู่คู่กันแล้วก็อดที่จะนึกขำขึ้นมาไม่ได้“ขำอะไร...พี่อิท! เ
ตอนที่ 5 แผนสูง“ก๊อกๆๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น มัทนาคิดว่าเป็นเพื่อนของเธอที่ย้อนกลับมา เธอจึงรีบเดินไปเปิดประตูให้“ไอ้มด ไหนบอกว่า...พี่อิท!” มัทนาเปิดประตูเห็นว่าไม่ใช่เพื่อนของเธอ เธอจึงทำท่าจะปิดประตูลง แต่ถูกมือใหญ่ผลักเอาไว้ไม่ยอมให้เธอปิดลงได้ง่ายๆ“เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งปิด” เขาใช้แรงแค่เพียงนิดเดียว แต่เธอใช้แรงทั้งหมดที่ตัวเองมี ก็ไม่สามารถสู้แรงของเขาได้“ปล่อยค่ะ เราไม่รู้จักกัน” เธอร้องบอกเขาเสียงดังอีกครั้ง นึกโมโหตัวเองทำไมไม่ดูให้ดีก่อนเปิด“เรารู้จักกันแล้ว” เขาเถียงกลับมา แล้วรีบแทรกตัวเข้ามายืนอยู่ด้านในห้องของเธอจนได้สำเร็จ“ออกไปนะคะ!” การกระทำของเขาทำให้เธอกลัว กลัวว่าเขาจะทำอะไรเธอเข้า อยู่กันในห้องสองต่อสองแบบนี้ด้วย มัทนาไม่ใช่คนโลกสวย สถานการณ์แบบนี้อันตรายจริงๆ“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น พี่ยังไม่ได้คิดจะทำอะไรเราตอนนี้หรอกน่า” คำพูดของเขามันไม่น่าไว้ใจ เพราะฟังดูดีๆคิดแน่นอนพันเปอร์เซ็นต์“ขอร้อง ออกไปก่อนเถอะนะคะ”“ก็บอกว่าไม่ต้องกลัวไง ไม่ได้คิดจะทำอะไร แค่อยากคุยด้วยเฉยๆ”“ออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่ามั้ยคะ” มัทนาเริ่มหาทางออกให้ตัวเอง“ก็ดีนะ กินข้าวหรือยัง” เขาถาม
ตอนที่ 6 เจ้าเล่ห์ที่หนึ่งเมื่อขับรถมาถึงคอนโดและจอดสนิทที่ลานจอดรถ มัทนาปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยได้ เธอกำลังจะเปิดประตูรถลงจากรถ แต่อิทธิพลกลับเอื้อมมือมาจับข้อมือของเธอเอาไว้ ยังไม่ยอมให้เธอลงไปง่ายๆ“พี่อิท...ปล่อยมือมายนะคะ” เผลอเป็นไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ เห็นเธอไม่ว่าอะไร ชักจะเอาใหญ่“ไม่ปล่อย...” เขาไม่ได้พูดเปล่า แต่แกล้งใช้นิ้วหัวแม่มือลูบเบาๆที่มือของเธอด้วย เด็กอะไรทำไมมือนุ่มจัง“ปล่อยนะคะ!” เธอสะบัดมือออกจากการจับของเขา เขาจึงยอมปล่อยให้ จีบยากจริงๆแฮะ!“เดี๋ยว...พี่แค่จะขอเบอร์” ท่ายากเยอะจริงๆ ทำเอาคนขี้กลัวทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนกันแน่ ตกลงไม่รู้ว่าอันไหนแกล้ง อันไหนจริง“ไม่ให้ค่ะ”“ไลน์ก็ได้”“ไม่ให้ค่ะ”“เฟซบุ๊กก็ได้”“ไม่ให้ค่ะ!”“ถ้าไม่ให้ก็อยู่มันในรถนี่แหละ” สายตาของเขาเริ่มสำรวจเรือนร่างสวยๆของเธออย่างไม่คิดที่จะปกปิด นั่นจึงทำให้มัทนายอม...“เอามือถือของพี่มาสิค่ะ” เขาหยิบมือถือขึ้นมาปลดล็อคหน้าจอให้ จากนั้นจึงส่งให้เธอ มัทนาให้เบอร์ไป บันทึกชื่อปุ๊บ ไลน์เด้งปั๊บ สีหน้าของคนที่นั่งอยู่ข้างๆท่าทางพอใจอย่างเห็นได้ชัด“จะปล่อยมายลงไปได้หรือยังคะ” เขา
ตอนที่ 7 ของฝากแทนใจ@มหาวิทยาลัย“ไอ้มด...มึงรู้มั้ยว่าพี่ข้างห้องกูเขาหายไปไหน”“ใคร...พี่อิทน่ะเหรอ”“อือ”“เขาไม่ใช่พี่ชายกู บ้านก็ไม่ได้อยู่ติดกัน กูจะไปรู้ได้ยังไง” มดตอบแบบขอไปที แต่ก็แอบอมยิ้มเมื่อคิดว่าเพื่อนของเธอน่าจะมีใจให้พี่เขาบ้างแล้ว ไม่มากก็น้อยแหละน่า“ตั้งแต่วันที่พี่เขาเอาคีย์การ์ดมาคืนให้ กูไม่เจอหน้าพี่เขาเลย เหมือนไม่ได้อยู่ที่ห้องด้วย”“ทำไม...มึงคิดถึงเขาหรือไง” มดถามทีเล่นทีจริง“บ้า...กูแค่สงสัย”“กูโทรไปถามให้เอามั้ยล่ะ กูจะบอกเขาว่า...เพื่อนฝากมาถาม” มดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขบขัน ในแบบขี้เล่นตามนิสัยของเธอ“อย่านะ! มึงไม่รู้ก็ช่างเถอะ ไม่อยู่ก็ดีกูรู้สึกปลอดภัยขึ้นตั้งเยอะ”“เขาไม่ทำอะไรมึงหรอกน่า...ถ้ามึงไม่ยอมซะอย่าง” จากที่มดรู้จักกับพี่อิทมา เขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรขนาดนั้น“กูไม่ไว้ใจ”“ระวังใจตัวเองให้ดีแล้วกัน อยู่ห้องใกล้กันซะด้วย”“เออๆ เลิกพูดถึงเขาเถอะ ไปเรียนดีกว่าถึงเวลาแล้ว” เป็นจังหวะที่น้ำกับฟ้าเดินเข้ามาสมทบด้วยพอดี ทั้งสี่คนเดินเข้าห้องเรียนพร้อมกันช่วงเย็น มัทนาชวนน้ำเพื่อนของเธออีกคนมานอนที่ห้องด้วย ซึ่งปกติเพื่อนๆก็มักจะแวะมานอนด้วยแบบนี้เ
ตอนที่ 8 เข้าห้องผิดเช้าวันรุ่งขึ้น อิทธิพลตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอหน้ามัทนาแล้ว ไม่รู้ว่าเธอหนีออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ไปเคาะประตูเรียกที่ห้องก็เงียบไม่เห็นเธอเปิด เขาก็เลยเดาว่าเธอน่าจะออกจากห้องไปแล้วทางด้านมัทนา หลังจากที่เธอตื่นขึ้นมาบนเตียง แล้วเห็นว่าอิทธิพลย้ายตัวเองลงไปนอนอยู่ที่โซฟา ความคิดเมื่อก่อนที่เคยกลัวเขา ตอนนี้เธอไม่กลัวแล้วแต่กลับมีความรู้สึกดีๆให้แทน“ยิ้มอะไรไอ้แว่น” ในห้องเรียน น้ำสังเกตเห็นเพื่อนนั่งอมยิ้มมองสร้อยข้อมืออยู่ จึงเอ่ยแซวขึ้น“เปล่า...”“สร้อยข้อมืออะไรสวยจัง ไปซื้อมาจากที่ไหนเหรอ” น้ำลองจับๆดู ไม่เคยเห็นเพื่อนใส่มาก่อน ดูสวยเก๋แปลกตาดี“มีคนให้มา”“พี่อิทกลับมาแล้วเหรอ” น้ำถามอย่างรู้ทัน“รู้ได้ยังไงว่าเป็นเขา”“กูเดา พูดแบบนี้แสดงว่าใช่จริงๆด้วย” คนรอบๆตัวของมัทนามีอยู่แค่ไม่กี่คนหรอก ไม่ว่าเป็นใครก็เดาถูกทั้งนั้นนั่นแหละ“พวกมึง...เย็นนี้ไปสังสรรค์กันหน่อยดีมั้ย ไม่ได้ไปมาตั้งนานแล้ว กูอยากผ่อนคลาย” อยู่ๆฟ้าก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ช่วงนี้เรียนหนักรู้สึกเบื่อจังเลย“ไปมั้ยไอ้แว่น” น้ำ“แล้วแต่ ไปก็ไป” มาย“ไอ้แว่นไปกูไป” มดสรุปทั้งสี่คนคืนนี
ตอนที่ 9 เข้าห้องผิด Nc+“พี่อิท จะทำอะไรมายคะ” เขาพาเธอนอนลงบนเตียงแล้วขึ้นมาอยู่ด้านบนตัวเธอ มองใบหน้าสวยด้วยสายตาอ่อนโยน แต่ยังไม่ได้ทาบทับลงไปโดนตัวของเธอ ห้องสว่างไปด้วยแสงไฟ ทำให้มัทนาเห็นใบหน้าของพี่อิทได้ชัดเจน เนื่องจากใบหน้าของเขาอยู่ตรงหน้าของเธอ ปลายจมูกโด่งของทั้งสองชนกันพอดิบพอดี“พี่อิทอย่านะ” สายตาของหญิงสาวใต้ล่าง บ่งบอกว่าเธอกลัวเขาอย่างชัดเจน อิทธิพลจึงทิ้งตัวนอนลงข้างเธอเพื่อปลอบประโลมเธอก่อน“ไม่ต้องกลัวพี่” น้ำเสียงแผ่วเบากับสายตาอ่อนโยนของเขาสบตากับเธอ พร้อมกับนิ้วมือเขี่ยหยอกเย้าอยู่ที่ริมฝีปากของเธอไปด้วย“...........” สายตาของเธอยังคงสั่นระริกเมื่อคิดว่าตัวเองไม่น่าจะรอด มัทนาไม่ใช่คนโลกสวย เธอรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น สถานการณ์ตอนนี้ทำให้เธอใจสั่นระรัวขึ้นมาอีกแล้ว“ปล่อยตัวตามสบาย ทำใจดีๆ มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่มายคิด เชื่อพี่นะ” เขาพยายามปลอบประโลมให้เธอใจเย็นลง และให้เธอยอมตกเป็นของเขาแต่โดยดี“...........” นิ้วมือที่กำลังเขี่ยอยู่ที่ริมฝีปากบางอย่างอ่อนโยน ทำให้เธอเผลอเผยอปากให้เขาเล็กน้อย อิทธิพลเห็นว่าเธอเริ่มนิ่งเขาจึงค่อยๆโน้มริมฝีปากลงไปจูบที่ริมฝี
ตอนที่ 10 เข้าห้องผิด Nc+สายตาขี้เล่นของเขามองใบหน้าของเธอด้วยรอยยิ้ม เขาหยอกเย้ายอดดอกบัวของเธอด้วยลิ้นอุ่นๆของเขาอีกนิด พรมจูบเต้าสวยด้วยริมฝีปากอุ่นจนเกิดเสียงอีกหน่อยอิทธิพลขยับตัวขึ้น แขนข้างหนึ่งของเขากลายเป็นหมอนให้เธอหนุน ใบหน้าแนบชิดสบตากับเธอ ฝ่ามือใหญ่ข้างที่ยังว่างเคล้นคลึงเต้าสวยไม่ให้เหงา ริมฝีปากอุ่นจูบลงไปที่ริมฝีปากบางของเธอ เขาขบเม้มเบาๆพอให้เธอได้ผ่อนคลายสายตาของเขายังคงจับจ้องมองใบหน้าของเธออยู่อย่างนั้น นิ้วหัวแม่มือวนเวียนหยอกเย้าอยู่ที่ยอดดอกบัวสีหวานอยู่สักครู่ พอเธอเผลอไผลเขาจึงรีบเลื่อนฝ่ามือลงต่ำทันทีมัทนารีบรั้งฝ่ามือข้างนั้นของเขาเอาไว้ ริมฝีปากอุ่นรีบกดจูบลงบนริมฝีปากบางทันที เพื่อเป็นการหลอกล่อให้เธอยอม“อื้อๆ” มัทนาทำท่าเหมือนจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา“มายต้องเชื่อใจพี่ มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่มายคิด” เขาจับมือของเธอข้างที่รั้งแขนของเขาเอาไว้ออก“อื้อๆ...” กระโปรงยีนสั้นถูกเขาถลกขึ้นมากองอยู่เหนือสะโพก แล้วรีบสอดมือเข้าไปในแพนตี้สีหวานของเธอทันที“อื้อๆ ไม่เอาค่ะ อย่านะพี่อิท” เธอร้องขอด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พยายามรั้งข้อมือของเขาเอาไว้ ไม่ให้สอดต่ำลงไป