ตอนที่ 4 ดักรอหน้าห้อง
ประตูหน้าห้องที่เปิดค้างเอาไว้ ทำให้อิทธิพลได้ยินเสียงคนคุยกัน เขาจึงเดินออกมาดู เห็นยัยแว่นข้างห้องเดินกลับเข้ามาพร้อมกับน้องสาวของเพื่อนสนิทที่มองแค่ใบหูเขาก็จำมันได้
มดเป็นผู้หญิงอวบขั้นสุดท้าย ย้อนแย้งกับชื่อเล็กๆของเธออย่างสิ้นเชิง เพราะเหตุนี้เวลาที่อิทธิพลเจอกับมดจึงมีการแหย่และแซวกันอยู่บ่อยๆ แต่ก็ในฐานะพี่ชายกับน้องสาวเท่านั้น
“พี่อิท!” มดไม่คิดว่าจะได้เจอคนรู้จักที่นี่ อย่าบอกนะว่า...พี่อิทคือไอ้โรคจิตที่ไอ้แว่นเล่าให้ฟัง
“ไอ้มด มึงรู้จักพี่เขาด้วยเหรอ” มัทนาสะกิดเพื่อน พร้อมกับกระซิบกระซาบถาม
“อือ...พี่อิทเป็นเพื่อนพี่กูเอง อย่าบอกนะว่าพี่อิทคือผู้ชายข้างห้อง คนที่เอาแว่นมึงไป” มัทนาพยักหน้าให้เพื่อน มดหันไปมองใบหน้าพี่อิทอีกครั้ง เห็นแว่นตาของเพื่อนเสียบอยู่ที่คอเสื้อของเขา...คนนิสัยไม่ดี!
“พี่อิทแกล้งเพื่อนหนูทำไม” มดรีบต่อว่าอิทธิพลทันที มดรู้จักอิทธิพลมานานทำให้เธอรู้ว่าเขานั้นขี้แกล้งขนาดไหน
“ไม่ได้แกล้ง แค่อยากคุยด้วยเฉยๆ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงกวนประสาท มองไปที่หญิงสาวทั้งสองคน ที่กำลังยืนอยู่คู่กันแล้วก็อดที่จะนึกขำขึ้นมาไม่ได้
“ขำอะไร...พี่อิท! เอาแว่นของเพื่อนหนูคืนมานะ” ตามประสาคนรู้จักกัน มดรู้ว่าพี่อิทคงขำหุ่นอวบๆของเธอเพราะดูจากสายตาแล้วไม่น่าจะเป็นอย่างอื่นไปได้...ใช่ซี๊! ก็เพื่อนของเธอมันสวยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเลยนี่
“เอาไปดิ” น้ำเสียงห้วนๆเอ่ยขึ้นพร้อมกับหยิบแว่นที่เสียบอยู่ที่คอเสื้อของตัวเอง ทำท่าส่งคืนให้เจ้าของ แต่ไม่วายที่จะยึกยัก
"เอามานะ!" มัทนาโวยวาย แต่แล้วเขาก็ยอมคืนให้ ได้แว่นไปปุ๊บ มัทนาก็สวมปั๊บ
“ทำตัวเป็นโรคจิตจริงๆด้วย” มดบ่น พลางจับมือเพื่อนของเธอเอาไว้
“นี่อย่าบอกนะ ว่ายัยแว่นนี่ไปเล่าให้เราฟังว่าพี่เป็นโรคจิต”
“พี่พักอยู่ที่นี่เหรอ” มดไม่ได้ตอบคำถามที่อิทธิพลถาม แต่เลือกที่จะถามกลับ เพราะเธอเองก็ไม่รู้มาก่อนเหมือนกันว่าพี่อิทที่เธอรู้จักพักอยู่ที่นี่ด้วย
"อือ...ทำไม"
"เปล่า...ถามดูเฉยๆ พี่อิทแกล้งเพื่อนหนูทำไม ชอบเพื่อนหนูเหรอ" มดถามตรงๆ ตามนิสัยแสบๆของเธอ
“ไอ้มด!” มัทนาสะกิดเพื่อนเสียงดัง ถามอะไรของมันเนี่ย!
“เพื่อนเราผิดปกติ พี่แค่สงสัยก็เลยอยากถามดูว่าเป็นอะไร”
“เพื่อนหนูปกติดี มันแค่เป็นคนขี้กลัวไปหน่อยก็แค่นั้น”
“ว่ายังไงมาย...กลัวพี่ถึงขนาดต้องไปตามเพื่อนมาอยู่ด้วยเลยเหรอ” คุยกับมดนานแล้ว ขอหันไปคุยกับอีกคนบ้าง
“คือหนู...”
“คืออย่างนี้พี่อิท ไอ้แว่นมันเป็นคนขี้กลัวจริงๆนะ พี่อย่าไปถือสามันเลย”
“ขี้กลัว...กลัวอะไร กลัวพี่อย่างนั้นเหรอ กลัวทำไม พี่ไปทำอะไรให้” ยิงคำถามรัวๆพร้อมกับมองหน้าเจ้าตัวไปด้วย นั่นจึงทำให้คนขี้กลัวไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี
“...........”
“พี่อิท...หนูว่าต่างคนต่างอยู่เถอะ ยกเว้นซะแต่ว่า...” มดทำตาเล็กตาน้อย มองไปที่อิทธิพลอย่างจับผิด
“แต่ว่าอะไร!”
“เว้นแต่ว่าพี่ชอบเพื่อนหนู” เบื่อคนรู้ทัน!
“ไร้สาระ!”
“แหม...เพื่อนหนูมันก็ไม่ชอบแก่ๆอย่างพี่หรอก จริงมั้ยไอ้แว่น” มัทนาพยักหน้าเร็วๆให้เพื่อน แต่คำว่าแก่ของมดทำให้สีหน้าของอิทธิพลเริ่มตึงขึ้น เป็นจังหวะที่มัทนาหันไปเห็นพอดี เธอจึงรีบหลบสายตาแล้วก้มหน้าลงทันที
“เมื่อไหร่จะผอม!”
“อ้าว...พูดแบบนี้ก็สวยดิ” มดเองก็ไม่ยอมเช่นกัน!
“มดๆ พอเถอะเข้าห้องกันดีกว่า” มัทนาชวนเพื่อนเข้าห้อง ได้แว่นคืนแล้วเลิกแล้วต่อกันเถอะ แต่ในขณะที่ทั้งสองสาวกำลังเดินจากไป...
“ไอ้มด...พี่ขอคุยด้วยหน่อย”
“ไม่คุย!” มดปฏิเสธ โทษฐานที่ชอบแซวเธอว่าอ้วนทุกครั้งที่ได้เจอหน้ากัน ซึ่งเธอไม่ได้อ้วนแค่อวบ!
“ว่าจะให้ตังกินขนมสักหน่อย ไม่เอาก็แล้วแต่” พูดถึงเรื่องเงินใครจะไม่เอา
“เอาๆ ไอ้แว่นมึงเข้าไปรอกูในห้องก่อน เดี๋ยวกูขอไปคุยกับพี่เขาแป๊บนึง” มดผลักหลังเพื่อนให้เดินกลับเข้าห้องไปก่อน จากนั้นมดก็เดินตามอิทธิพลเข้าไปคุยธุระกันในห้องสองคน เข้ามาถึงด้านในอิทธิพลก็เริ่มเปิดประเด็นถามทันที
“ยัยนั่นมีแฟนหรือยัง” คำถามแรกทำเอามดหัวเราะขึ้นมาอย่างผู้ชนะ
“แหมๆ...เมื่อกี้ทำเป็นปากแข็ง” น้ำเสียงขบขันของมดเงียบกริบลงทันทีเมื่อเห็นแบงค์พันถูกหยิบขึ้นมาจากกระเป๋าสตางค์
“ยังไม่มี โสดสนิท ยังไม่เคยมีแฟนด้วย พอใจมั้ยคะ” ตอบคำถามนี้เสร็จ แบงค์พันใบแรกก็ได้มาอยู่ในมือของมดทันที
“พี่ชอบ...” สารภาพตามตรง จะให้จีบด้วยตัวเองสงสัยจะยาก ก็เลยคิดว่าต้องใช้ตัวช่วย
“ถ้าจะให้หนูช่วยเอามาอีกสองพัน” แบมือขอด้วยรอยยิ้ม แบงค์พันสองใบถูกวางลงบนมือของมดทันทีตามที่ขอ
"ห้ามเบี้ยวล่ะ"
“คำไหนคำนั้นค่ะ แต่หนูขอบอกไว้ก่อนเลยนะ เพื่อนหนูคนนี้จีบยากมาก มันไม่เคยมองผู้ชายคนไหนมาก่อน ถ้าพี่ชอบจริงๆต้องอาศัยความหน้าด้านเข้าสู้”
“ยังไง...”
“..........” มดทำท่าคิดๆ ไม่ยอมตอบคำถาม แต่กลับแบมือรอแบงค์พันอีกใบในกระเป๋าสตางค์ของพี่อิท และแล้วมันก็ลอยออกมาจริงๆซะด้วย สี่พันแล้ว!
“ไอ้แว่นมันเป็นคนขี้กลัว พี่ต้องทำให้มันรู้สึกว่าอยู่กับพี่แล้วปลอดภัย ไม่ใช่เป็นเหมือนโรคจิตแบบนี้” หลอกด่านิดๆหน่อยๆก็เอา! มีหรือเขาจะไม่รู้ แต่ครั้งนี้เขายอมปล่อยผ่านไปก่อน
“โรคจิตตรงไหน ยัยแว่นนั่นคิดไปเอง”
“ไม่รู้แหละ ขออีกพันได้มั้ยคะ พันนี้จะไปช่วยพูดให้มันหายกลัวพี่” พูดเสร็จก็ยักคิ้วให้พี่อิทอย่างขี้เล่น
“แน่นะ” สายตาคมจับจ้องไปที่ยัยมดตัวแสบอย่างไม่ค่อยไว้ใจ
“แน่ค่ะ...” สุดท้ายก็ยอมให้ไปอีกหนึ่งพัน คิดซะว่าเลี้ยงขนมน้อง นานๆจะถูกใจผู้หญิงขึ้นมาสักคน สำหรับเขาไม่ใช่เรื่องง่าย ก็เลยคิดว่าจะลองจีบดูสักตั้ง
“ขอบคุณค่ะ...ไปนะ” อิทธิพลพยักหน้าให้ มดหยิบเงินห้าพันในมือขึ้นมาจูบท่าทางมีความสุขสุดๆ อยู่ดีๆก็ได้เงินกินขนม! แล้วรีบเก็บเงินใส่กระเป๋าทันที ก่อนที่จะย่องเดินออกจากห้องไป
“ก๊อกๆๆ” เมื่อประตูเปิดออก...
“ไอ้แว่น...” น้ำเสียงดีใจเอ่ยเรียกมัทนาเสียงดัง พร้อมกับกระโดดกอดเพื่อนแน่น
“ดีใจอะไรของมึง ปล่อย...กูหายใจไม่ออก” กอดซะแน่น! มดยอมคลายวงแขนออกให้
“พี่อิทให้ตังกินขนม” น้ำเสียงดีใจสุดๆ ใบหน้าไม่ต้องพูดถึง ยิ้มแป้นไม่ยอมหุบ เนื่องจากไม่คิดว่าจะได้เยอะขนาดนี้
“กี่ร้อย” มัทนาถาม...
“ห้าพันเว้ยมึง มึงอยากกินอะไรเดี๋ยวกูเลี้ยงเอง”
“กูไม่หิว กูกินข้าวแล้ว ว่าแต่ห้าพันนี่ เขาไม่ได้ให้เปล่าใช่มั้ย” มัทนาถาม
“ใช่! รู้มั้ย...อะไรเอ่ยที่มากกว่าห้าพัน” ไอ้ที่ดีใจอยู่นี่ได้ห้าพันก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่ดีใจมากกว่า ก็เพราะพี่อิทจะจีบเพื่อนของเธอนั่นเอง
“คำถามอะไรของมึง...กูไม่รู้”
“พี่อิทเขาชอบมึงเว้ย! เป็นไงอึ้งล่ะสิ”
“เรื่องของเขาไม่เกี่ยวกับกู” มัทนายอมรับว่าอึ้งจริงๆ
“จะไม่เกี่ยวกับมึงได้ยังไง เพราะผู้หญิงที่เขาชอบคือมึงเว้ยเพื่อน"
“กูไม่ได้ชอบเขา”
“ถ้ามึงไม่รีบคว้าโอกาสนี้ไว้ กูบอกเลยว่ามึงพลาดมาก” รับเงินพี่เขามาแล้ว ยังไงก็ต้องทำงานหน่อย อีกอย่างมดรู้จักพี่อิทมานาน ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา ฐานะ หน้าที่การงาน จัดว่าเป็นผู้ชายโปรไฟล์ดีมากๆ เสียอย่างเดียวปากไม่ค่อยดี ชอบว่าเธออ้วนทุกครั้งที่ได้เจอหน้ากันเลยก็ว่าได้
“เขาใช้ให้มึงมาพูดเหรอ”
“แหมเพื่อน...ก็ใช่แหละ แต่กูรู้จักเขามานาน ถ้าไม่ดีจริงกูไม่สนับสนุนหรอก ดูสิคุยแป๊บเดียวได้มาห้าพัน สายเปย์สุดๆ เชื่อกู! คนนี้ดี!”
“กูยังเรียนไม่จบเลยนะมึง”
“อีกไม่ถึงปีก็จะจบแล้ว คิดซะว่าศึกษาดูใจกันไปก่อน...นะนะ” ความตั้งใจของเพื่อนในเรื่องนี้ต้องยอมมัน เชื่อแม่สุดๆ
“จะดีเหรอ กูว่าเขาน่ากลัว”
“เขาไม่ได้เป็นโรคจิตอย่างที่มึงเข้าใจ เขาแค่ขี้แกล้ง อาจจะถูกใจมึงด้วยแหละมั้ง ช่วยไม่ได้มึงอยากเกิดมาสวยเองนี่นา”
“เขายังไม่มีแฟนอีกเหรอ อายุป่านนี้แล้ว”
“เมื่อกี้กูเข้าไปในห้องเขา ก็ไม่เห็นมีใครนะ” เพื่อนพี่ ไม่ใช่เพื่อนตัวเอง ในหลายๆเรื่องมดเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
“เขารวยมากเหรอ ให้เงินมึงกินขนมตั้งห้าพัน” หว่านพืชหวังผล! เรื่องนี้ยิ่งทำให้มัทนากลัว เพราะเธอคือตัวแปรสำคัญในเรื่องนี้
“เขาเป็นเจ้าของบริษัทออกแบบ แต่เพิ่งเริ่มเป็นมั้ง กูรู้แค่นี้ เรื่องอื่นกูไม่รู้ นั่นแน่!…มึงสนใจพี่เขาแล้วใช่มั้ย” คำตอบก็คือไม่!
“กูเปล่า...”
“เอาไปคิดก่อนก็ได้ เดี๋ยวจะหาว่ากูบังคับ เอาเป็นว่าเขาไม่ได้เป็นโรคจิต เขาแค่ชอบมึง เรื่องโรคจิตมึงสบายใจได้ กูคงต้องกลับแล้ว มีอะไรก็ไปเคาะประตูเรียกพี่เขาได้ เขาน่าจะเต็มใจให้มึงเรียกทั้งคืนนั่นแหละ”
“ไอ้บ้า...”
“มีอะไรโทรไปได้ กูจะกลับไปใช้เงินพี่อิทสักหน่อย”
“ให้กูลงไปส่งมั้ย”
“ไม่ต้องๆ กูไปเองได้”
“ขับรถดีๆ” มดเปิดประตูแล้วเดินออกจากห้องของมัทนาไป แต่เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของอิทธิพลแทน
“ก๊อกๆๆ”
“นึกว่าใคร” คนด้านในเปิดประตูออกมาเห็นเป็นหน้ามดถึงกลับเซ็ง
“กลับก่อนนะคะ จะไปใช้เงิน” แค่แวะทักทายเฉยๆ แต่บอกเลยว่าท่าทางไม่ธรรมดา
“เชิญ...” แต่ก่อนที่มดจะเดินออกไปจากหน้าห้องของอิทธิพล เธอได้ส่งสายตาไปที่ประตูห้องข้างๆที่เธอเพิ่งเดินออกมา ประมาณว่า...ไปดิ! จากนั้นเธอก็เดินสวยๆออกไปจากตรงนี้ทันที
ตอนที่ 5 แผนสูง“ก๊อกๆๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น มัทนาคิดว่าเป็นเพื่อนของเธอที่ย้อนกลับมา เธอจึงรีบเดินไปเปิดประตูให้“ไอ้มด ไหนบอกว่า...พี่อิท!” มัทนาเปิดประตูเห็นว่าไม่ใช่เพื่อนของเธอ เธอจึงทำท่าจะปิดประตูลง แต่ถูกมือใหญ่ผลักเอาไว้ไม่ยอมให้เธอปิดลงได้ง่ายๆ“เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งปิด” เขาใช้แรงแค่เพียงนิดเดียว แต่เธอใช้แรงทั้งหมดที่ตัวเองมี ก็ไม่สามารถสู้แรงของเขาได้“ปล่อยค่ะ เราไม่รู้จักกัน” เธอร้องบอกเขาเสียงดังอีกครั้ง นึกโมโหตัวเองทำไมไม่ดูให้ดีก่อนเปิด“เรารู้จักกันแล้ว” เขาเถียงกลับมา แล้วรีบแทรกตัวเข้ามายืนอยู่ด้านในห้องของเธอจนได้สำเร็จ“ออกไปนะคะ!” การกระทำของเขาทำให้เธอกลัว กลัวว่าเขาจะทำอะไรเธอเข้า อยู่กันในห้องสองต่อสองแบบนี้ด้วย มัทนาไม่ใช่คนโลกสวย สถานการณ์แบบนี้อันตรายจริงๆ“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น พี่ยังไม่ได้คิดจะทำอะไรเราตอนนี้หรอกน่า” คำพูดของเขามันไม่น่าไว้ใจ เพราะฟังดูดีๆคิดแน่นอนพันเปอร์เซ็นต์“ขอร้อง ออกไปก่อนเถอะนะคะ”“ก็บอกว่าไม่ต้องกลัวไง ไม่ได้คิดจะทำอะไร แค่อยากคุยด้วยเฉยๆ”“ออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่ามั้ยคะ” มัทนาเริ่มหาทางออกให้ตัวเอง“ก็ดีนะ กินข้าวหรือยัง” เขาถาม
ตอนที่ 6 เจ้าเล่ห์ที่หนึ่งเมื่อขับรถมาถึงคอนโดและจอดสนิทที่ลานจอดรถ มัทนาปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยได้ เธอกำลังจะเปิดประตูรถลงจากรถ แต่อิทธิพลกลับเอื้อมมือมาจับข้อมือของเธอเอาไว้ ยังไม่ยอมให้เธอลงไปง่ายๆ“พี่อิท...ปล่อยมือมายนะคะ” เผลอเป็นไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ เห็นเธอไม่ว่าอะไร ชักจะเอาใหญ่“ไม่ปล่อย...” เขาไม่ได้พูดเปล่า แต่แกล้งใช้นิ้วหัวแม่มือลูบเบาๆที่มือของเธอด้วย เด็กอะไรทำไมมือนุ่มจัง“ปล่อยนะคะ!” เธอสะบัดมือออกจากการจับของเขา เขาจึงยอมปล่อยให้ จีบยากจริงๆแฮะ!“เดี๋ยว...พี่แค่จะขอเบอร์” ท่ายากเยอะจริงๆ ทำเอาคนขี้กลัวทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนกันแน่ ตกลงไม่รู้ว่าอันไหนแกล้ง อันไหนจริง“ไม่ให้ค่ะ”“ไลน์ก็ได้”“ไม่ให้ค่ะ”“เฟซบุ๊กก็ได้”“ไม่ให้ค่ะ!”“ถ้าไม่ให้ก็อยู่มันในรถนี่แหละ” สายตาของเขาเริ่มสำรวจเรือนร่างสวยๆของเธออย่างไม่คิดที่จะปกปิด นั่นจึงทำให้มัทนายอม...“เอามือถือของพี่มาสิค่ะ” เขาหยิบมือถือขึ้นมาปลดล็อคหน้าจอให้ จากนั้นจึงส่งให้เธอ มัทนาให้เบอร์ไป บันทึกชื่อปุ๊บ ไลน์เด้งปั๊บ สีหน้าของคนที่นั่งอยู่ข้างๆท่าทางพอใจอย่างเห็นได้ชัด“จะปล่อยมายลงไปได้หรือยังคะ” เขา
ตอนที่ 7 ของฝากแทนใจ@มหาวิทยาลัย“ไอ้มด...มึงรู้มั้ยว่าพี่ข้างห้องกูเขาหายไปไหน”“ใคร...พี่อิทน่ะเหรอ”“อือ”“เขาไม่ใช่พี่ชายกู บ้านก็ไม่ได้อยู่ติดกัน กูจะไปรู้ได้ยังไง” มดตอบแบบขอไปที แต่ก็แอบอมยิ้มเมื่อคิดว่าเพื่อนของเธอน่าจะมีใจให้พี่เขาบ้างแล้ว ไม่มากก็น้อยแหละน่า“ตั้งแต่วันที่พี่เขาเอาคีย์การ์ดมาคืนให้ กูไม่เจอหน้าพี่เขาเลย เหมือนไม่ได้อยู่ที่ห้องด้วย”“ทำไม...มึงคิดถึงเขาหรือไง” มดถามทีเล่นทีจริง“บ้า...กูแค่สงสัย”“กูโทรไปถามให้เอามั้ยล่ะ กูจะบอกเขาว่า...เพื่อนฝากมาถาม” มดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขบขัน ในแบบขี้เล่นตามนิสัยของเธอ“อย่านะ! มึงไม่รู้ก็ช่างเถอะ ไม่อยู่ก็ดีกูรู้สึกปลอดภัยขึ้นตั้งเยอะ”“เขาไม่ทำอะไรมึงหรอกน่า...ถ้ามึงไม่ยอมซะอย่าง” จากที่มดรู้จักกับพี่อิทมา เขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรขนาดนั้น“กูไม่ไว้ใจ”“ระวังใจตัวเองให้ดีแล้วกัน อยู่ห้องใกล้กันซะด้วย”“เออๆ เลิกพูดถึงเขาเถอะ ไปเรียนดีกว่าถึงเวลาแล้ว” เป็นจังหวะที่น้ำกับฟ้าเดินเข้ามาสมทบด้วยพอดี ทั้งสี่คนเดินเข้าห้องเรียนพร้อมกันช่วงเย็น มัทนาชวนน้ำเพื่อนของเธออีกคนมานอนที่ห้องด้วย ซึ่งปกติเพื่อนๆก็มักจะแวะมานอนด้วยแบบนี้เ
ตอนที่ 8 เข้าห้องผิดเช้าวันรุ่งขึ้น อิทธิพลตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอหน้ามัทนาแล้ว ไม่รู้ว่าเธอหนีออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ไปเคาะประตูเรียกที่ห้องก็เงียบไม่เห็นเธอเปิด เขาก็เลยเดาว่าเธอน่าจะออกจากห้องไปแล้วทางด้านมัทนา หลังจากที่เธอตื่นขึ้นมาบนเตียง แล้วเห็นว่าอิทธิพลย้ายตัวเองลงไปนอนอยู่ที่โซฟา ความคิดเมื่อก่อนที่เคยกลัวเขา ตอนนี้เธอไม่กลัวแล้วแต่กลับมีความรู้สึกดีๆให้แทน“ยิ้มอะไรไอ้แว่น” ในห้องเรียน น้ำสังเกตเห็นเพื่อนนั่งอมยิ้มมองสร้อยข้อมืออยู่ จึงเอ่ยแซวขึ้น“เปล่า...”“สร้อยข้อมืออะไรสวยจัง ไปซื้อมาจากที่ไหนเหรอ” น้ำลองจับๆดู ไม่เคยเห็นเพื่อนใส่มาก่อน ดูสวยเก๋แปลกตาดี“มีคนให้มา”“พี่อิทกลับมาแล้วเหรอ” น้ำถามอย่างรู้ทัน“รู้ได้ยังไงว่าเป็นเขา”“กูเดา พูดแบบนี้แสดงว่าใช่จริงๆด้วย” คนรอบๆตัวของมัทนามีอยู่แค่ไม่กี่คนหรอก ไม่ว่าเป็นใครก็เดาถูกทั้งนั้นนั่นแหละ“พวกมึง...เย็นนี้ไปสังสรรค์กันหน่อยดีมั้ย ไม่ได้ไปมาตั้งนานแล้ว กูอยากผ่อนคลาย” อยู่ๆฟ้าก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ช่วงนี้เรียนหนักรู้สึกเบื่อจังเลย“ไปมั้ยไอ้แว่น” น้ำ“แล้วแต่ ไปก็ไป” มาย“ไอ้แว่นไปกูไป” มดสรุปทั้งสี่คนคืนนี
ตอนที่ 9 เข้าห้องผิด Nc+“พี่อิท จะทำอะไรมายคะ” เขาพาเธอนอนลงบนเตียงแล้วขึ้นมาอยู่ด้านบนตัวเธอ มองใบหน้าสวยด้วยสายตาอ่อนโยน แต่ยังไม่ได้ทาบทับลงไปโดนตัวของเธอ ห้องสว่างไปด้วยแสงไฟ ทำให้มัทนาเห็นใบหน้าของพี่อิทได้ชัดเจน เนื่องจากใบหน้าของเขาอยู่ตรงหน้าของเธอ ปลายจมูกโด่งของทั้งสองชนกันพอดิบพอดี“พี่อิทอย่านะ” สายตาของหญิงสาวใต้ล่าง บ่งบอกว่าเธอกลัวเขาอย่างชัดเจน อิทธิพลจึงทิ้งตัวนอนลงข้างเธอเพื่อปลอบประโลมเธอก่อน“ไม่ต้องกลัวพี่” น้ำเสียงแผ่วเบากับสายตาอ่อนโยนของเขาสบตากับเธอ พร้อมกับนิ้วมือเขี่ยหยอกเย้าอยู่ที่ริมฝีปากของเธอไปด้วย“...........” สายตาของเธอยังคงสั่นระริกเมื่อคิดว่าตัวเองไม่น่าจะรอด มัทนาไม่ใช่คนโลกสวย เธอรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น สถานการณ์ตอนนี้ทำให้เธอใจสั่นระรัวขึ้นมาอีกแล้ว“ปล่อยตัวตามสบาย ทำใจดีๆ มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่มายคิด เชื่อพี่นะ” เขาพยายามปลอบประโลมให้เธอใจเย็นลง และให้เธอยอมตกเป็นของเขาแต่โดยดี“...........” นิ้วมือที่กำลังเขี่ยอยู่ที่ริมฝีปากบางอย่างอ่อนโยน ทำให้เธอเผลอเผยอปากให้เขาเล็กน้อย อิทธิพลเห็นว่าเธอเริ่มนิ่งเขาจึงค่อยๆโน้มริมฝีปากลงไปจูบที่ริมฝี
ตอนที่ 10 เข้าห้องผิด Nc+สายตาขี้เล่นของเขามองใบหน้าของเธอด้วยรอยยิ้ม เขาหยอกเย้ายอดดอกบัวของเธอด้วยลิ้นอุ่นๆของเขาอีกนิด พรมจูบเต้าสวยด้วยริมฝีปากอุ่นจนเกิดเสียงอีกหน่อยอิทธิพลขยับตัวขึ้น แขนข้างหนึ่งของเขากลายเป็นหมอนให้เธอหนุน ใบหน้าแนบชิดสบตากับเธอ ฝ่ามือใหญ่ข้างที่ยังว่างเคล้นคลึงเต้าสวยไม่ให้เหงา ริมฝีปากอุ่นจูบลงไปที่ริมฝีปากบางของเธอ เขาขบเม้มเบาๆพอให้เธอได้ผ่อนคลายสายตาของเขายังคงจับจ้องมองใบหน้าของเธออยู่อย่างนั้น นิ้วหัวแม่มือวนเวียนหยอกเย้าอยู่ที่ยอดดอกบัวสีหวานอยู่สักครู่ พอเธอเผลอไผลเขาจึงรีบเลื่อนฝ่ามือลงต่ำทันทีมัทนารีบรั้งฝ่ามือข้างนั้นของเขาเอาไว้ ริมฝีปากอุ่นรีบกดจูบลงบนริมฝีปากบางทันที เพื่อเป็นการหลอกล่อให้เธอยอม“อื้อๆ” มัทนาทำท่าเหมือนจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา“มายต้องเชื่อใจพี่ มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่มายคิด” เขาจับมือของเธอข้างที่รั้งแขนของเขาเอาไว้ออก“อื้อๆ...” กระโปรงยีนสั้นถูกเขาถลกขึ้นมากองอยู่เหนือสะโพก แล้วรีบสอดมือเข้าไปในแพนตี้สีหวานของเธอทันที“อื้อๆ ไม่เอาค่ะ อย่านะพี่อิท” เธอร้องขอด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พยายามรั้งข้อมือของเขาเอาไว้ ไม่ให้สอดต่ำลงไป
ตอนที่ 11 ยอมรับ Nc+“พร้อมหรือยัง พี่ไม่ไหวแล้วนะ” เขากระซิบถามเธอด้วยน้ำเสียงแหบพร่าพร้อมกับกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคออึกใหญ่ มัทนาพยักหน้างึกงักใบหน้าเหยเก นั่นจึงทำให้อิทธิพลเริ่มขยับสะโพก...เขาค่อยๆขยับช้าๆ เนื่องจากความคับแน่นของเธอทำให้เขาปวดหนึบและทรมานอยู่ไม่น้อย ความเป็นหญิงของเธอกอดรัดความเป็นชายของเขาเอาไว้แน่น ภายในร่องรักตอดรัดความเป็นชายของเขาถี่ยิบ จนร่างกายของเขาร้อนฉ่า เนื้อตัวสั่นสะท้านด้วยความเสียวซ่านในขณะที่สะโพกสอบยังคงทำหน้าที่อย่างเชื่องช้า ริมฝีปากหยักบรรจงจูบอยู่ที่ริมฝีปากบางอยู่อย่างนั้น เขาขบเม้มเบาๆพอให้เธอหายเหงา“ดีขึ้นมั้ย...” เขาจะไม่ถามว่าหายเจ็บหรือยัง เพราะมันคงเป็นไปไม่ได้ ขนาดเขาที่เป็นผู้ชายยังรู้สึก แล้วเนื้ออ่อนๆของเธอจะไปเหลืออะไรแต่ความอ่อนโยนของเขาก็สามารถทำให้มัทนาเคลิบเคลิ้มได้ เธอยังคงเจ็บอยู่มาก อาจจะเป็นเพราะขนาดของเขาที่ไม่ธรรมดา ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกของเธอด้วย แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธว่าเริ่มมีความรู้สึกอื่นแทรกเข้ามา มันทำให้เธอมีความสุขและลืมความเจ็บลงไปได้ชั่วขณะอิทธิพลเห็นว่าเธอเริ่มมีอารมณ์ร่วม ดูได้จากเสียงหวานๆของเธอที่ครางออกมาไม
ตอนที่ 12 ยังเด็กอยู่ ช่วงเช้าของวันใหม่ มัทนาตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดอุ่นๆของอิทธิพล เธอขยับตัวแค่เพียงเล็กน้อย ก็ทำให้คนที่เธอนอนหนุนแขนของเขาอยู่รู้สึกตัว มัทนาลุกขึ้นมานั่ง“โอ๊ะ!” เขาร้องออกเสียงดัง ทำเอาเธอตกใจ“เป็นอะไรคะ!” ไม่ได้เป็นห่วงแต่ที่ถามเป็นเพราะสงสัย“แขนพี่...นวดให้หน่อย” เขามองไปที่แขนข้างที่เธอหนุนอยู่เมื่อสักครู่ สงสัยจะชาเนื่องจากเธอนอนทับทั้งคืน“สมน้ำหน้า” พูดไปอย่างนั้นแหละ แต่ก็ยอมนวดให้ ทำเอาคนขี้แกล้งนอนอมยิ้มท่าทางมีความสุข“หายหรือยังคะ” ที่จริงเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่เมื่อยนิดหน่อย แต่ที่ร้องเสียงดังเพราะอยากรู้ว่าเธอจะหันมาสนใจเขาบ้างหรือเปล่าก็เท่านั้นเขาชักแขนข้างนั้นตั้งฉากกับที่นอนยันศีรษะของตัวเองเอาไว้ นอนตะแคงหันหน้ามองเธอด้วยรอยยิ้ม“หายโกรธพี่หรือยัง”“............” มัทนาไม่ตอบ แต่สีหน้าของเธอดูเจื่อนไป“เคยคิดจะทำเลสิกตามั้ย” เขาเห็นสีหน้าของเธอไม่ค่อยสู้ดี จึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุย ในใจไม่อยากให้เธอใส่แว่นแล้ว“เคยค่ะ แต่อยากทำงานหาเงินเองให้ได้ก่อน” เธอใส่แว่นมาตั้งแต่อายุสิบกว่าๆ ใส่มานานมากจนไม่ได้รู้สึกว่ามันลำบากอะไร ส่วนค่าเลสิกมันค่อนข้างแพ