Share

บทที่ 4  

Author: ลิ่วเยว่
หลงจ่านเหยียนคว่ำคันฉ่องลงกับหน้าโต๊ะ ความทรงจำส่วนหนึ่งของเจ้าของร่างเดิมปรากฏขึ้นในความคิด ก่อนเจ้าของร่างเดิมจะจากไป ความเคียดแค้นอาฆาตพุ่งทะยานขึ้นถึงฟ้า

นางเอ่ยขึ้นนิ่ง ๆ “ข้ายังมิได้รับปากเข้าวัง!”

ไฉ่หลีเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ฮูหยินกล่าวว่า เรื่องนี้เจ้ามิได้เป็นผู้ตัดสิน มีราชโองการลงมาแล้ว หากเจ้าขัดขืนราชโองการ ชีวิตคงดับอนาถยิ่งกว่าถูกฝังทั้งเป็น ไม่เพียงเท่านี้ แม้แต่ครอบครัวของมารดาต่ำต้อยผู้นั้นของเจ้า ก็จะต้องถูกฝังศพสังเวยชีวิตไปพร้อมกับเจ้าเช่นกัน!”

หลงจ่านเหยียนเอ่ยอย่างใช้ความคิด “พูดอีกอย่าง ข้าจำเป็นต้องตอบรับใช่หรือไม่?”

ไฉ่หลีเอ่ยอย่างดูแคลน “คุณหนูใหญ่รู้จักว่าง่ายเร็วแบบนี้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องทนทุกข์มากมายเพียงนั้นอีก!” พูดจบ ก็หมุนตัวกลับอย่างเย็นชา เตรียมจะเดินออกไป

ทว่าหลงจ่านเหยียนตะโกนเรียกนางไว้ก่อน “แล้วท่านแม่ทัพเล่า?”

“เวลานี้ท่านแม่ทัพอยู่ที่โถงหลัก กำลังหารือกับฮูหยินถึงกิจธุระต่าง ๆ ที่จะต้องเตรียมให้เจ้าเข้าวัง ในเมื่อเจ้าต้องแต่งเข้าวังหลวง ฉะนั้นจะให้สินติดตัวของเจ้ามีน้อยนิดย่อมไม่ได้เด็ดขาด คุณหนูใหญ่มีวาสนาแล้ว!” พูดจบ ก็แสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายและเดินอ้อยอิ่งจากไป

มีวาสนา? หลงจ่านเหยียนผุดยิ้มอย่างเย็นชา แม้ว่าจะเพิ่งเข้ามาอยู่ในร่างนี้เป็นครั้งแรก แต่ความทรงจำภายในร่างนี้ยังคงดำรงอยู่ เข้าวังสังเวยชีวิต คนที่กำลังจะตาย จะไปหาวาสนามาจากที่ใดกันเล่า?

นางถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา คิดไม่ถึงว่า ตนเองจะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด นางคือเผ่ามังกรขับไล่ปีศาจผู้ควบคุมกฎของสามโลก แต่เพราะท่านผู้เฒ่าแห่งสุสานผานกู่ตำหนิว่านางประพฤติตนผิดแผกไม่ถูกทำนองคลองธรรม ไม่จงรักภักดีต่อหน้าที่ ลุ่มหลงมัวเมาในความสำราญ แสวงหาเพียงความสุขสบาย จึงต้องการให้นางจุติมาในอีกร่างหนึ่งเพื่อฝึกฝนจิตขัดเกลาตนเอง และยังให้นางศึกษาพุทธธรรมคำสอนอะไรนั่นด้วย พอข้ามภพมาสู่ร่างนี้ได้หมาด ๆ กลับต้องเผชิญเรื่องฝังศพสังเวยชีวิตร้ายแรงถึงเป็นถึงตายเช่นนี้ จะให้ฝึกจิตขัดเกลานิสัยได้อย่างไรกันเล่า?

แบบนี้เท่ากับบีบบังคับให้นางต้องฆ่าล้างบางมิใช่หรอกหรือ?

ไม่ ไม่ ยามนี้นางเป็นคนอ่อนโยนจิตใจดี เรื่องฆ่าล้างบางอะไรนี่จะพูดไม่ได้เด็ดขาดพูดไม่ได้เด็ดขาด บาปกรรม บาปกรรม!

นางเปิดตู้ออก คิดจะหาอาภรณ์ที่พอดูได้สักชุดมาสวม แต่หลังจากที่นางเปิดออกก็ค้นพบว่า ชุดที่นางสวมอยู่ในตอนนี้ เป็นชุดที่ดูดีที่สุดในตู้เสื้อผ้าแล้ว แม้กระทั่งชุดของสาวใช้คนเมื่อครู่ยังดูงดงามกว่านางเสียอีก

ที่เรียกว่าคุณหนูใหญ่ มันก็แค่เรื่องตลกขบขันภายในจวนเท่านั้น

หลงจ่านเหยียนสืบเท้าเดินออกไปอย่างเชื่องช้า ออกมาจากเรือนคนใช้อันรกร้างที่ตนเองอาศัยอยู่ ตลอดทางที่เห็น แม้ไม่ถึงขั้นฟุ้งเฟ้อหรูหรา แต่ศาลาที่เห็นนั้นก็ดูงดงามประณีต ระเบียงทางเดินมีความลึก แมกไม้บุปผาจัดแต่งเป็นพุ่มงดงาม ให้กลิ่นอายสบายใจเหมือนสวนแบบซูโจว แตกต่างจากเรือนคนใช้ของนางราวฟ้ากับเหว

โถงส่วนหน้าของจวนแม่ทัพ บรรดาเจ้านายก็กำลังหารือกันถึงเรื่องการเข้าวังของหลงจ่านเหยียน

“ข้ามองว่า สินติดตัวนี้จะสะเพร่ามิได้เด็ดขาด ถึงแม้ราชวงศ์จะมิได้ให้ความสำคัญกับสิ่งนี้ แต่พวกเราจะยอมให้เสียเกียรติมิได้เด็ดขาด!” คนที่เอ่ยวาจานี้คือหลงฉางอี้ น้องชายของหลงฉางเทียนแม่ทัพหลง เพราะได้รับการสนับสนุนจากหลงฉางเทียน บัดนี้จึงได้ดำรงตำแหน่งว่างงานในกรมคลัง

หลงฉางเทียนขมวดคิ้วพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “สินติดตัวก็แค่เป็นพิธีการ จัดให้สักนิดสักหน่อยก็พอแล้ว บัดนี้จวนเราก็ใช่จะมั่งคั่งอะไร ให้มากไป ก็เกรงจะทำให้คนอื่นมองว่าพวกข้าร่ำรวยในทางมิชอบ จะกลายเป็นถูกใส่ร้ายว่าทุจริตเสียเปล่า!”

ฮูหยินหลงยิ้มบาง ๆ พลางเอ่ยว่า “ท่านพี่พูดมีเหตุผลเจ้าค่ะ อีกอย่าง การเข้าวังครั้งนี้เกิดขึ้นด้วยเหตุผลใด ทุกล้วนรู้ดีแก่ใจ ไม่สู้เก็บเงินสักหน่อย คอยให้ถึงคราวจ่านซินออกเรือนแล้วค่อยจัดเตรียมสินติดตัวให้มากกว่านี้ดีกว่าเจ้าค่ะ!”

หลงจ่านซินคุณหนูรองแห่งจวนแม่ทัพ บัดนี้ได้กำหนดหมั้นหมาย อีกไม่นานจะได้แต่งเข้าเป็นชายารองแห่งจวนฉีอ๋อง

ถึงแม้หลงจ่านเหยียนจะได้เป็นฮองเฮา แต่ก็มิอาจคาดหวังความรุ่งเรืองมั่งคั่งในวันข้างหน้าได้ ไม่สู้เอาทรัพย์สินเงินทองและความใส่ใจทุ่มเทให้ตำแหน่งชายารองดีกว่า จะให้ใครมาดูหมิ่นดูแคลนหลงจ่านซินไม่ได้เป็นขาด

และสิ่งสำคัญที่สุดนั่นก็คือ หลงจ่านซินเป็นบุตรีที่เกิดจากฮูหยินหลง เป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่เกิดจากภรรยาหลวงอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

หลงฉางเทียนตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว “เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้เถิด วันนี้มีคำสั่งจากในวัง ให้เลื่อนพิธีอภิเษกสมรสให้เร็วขึ้น วันมะรืนจะต้องเข้าวังแล้ว ฮูหยิน เรื่องสินติดตัวต้องรบกวนให้เจ้าไปจัดการแล้ว!”

หลงฉางอี้ผงะไป “มิใช่ว่าเข้าวังในอีกห้าวันจากนี้หรือ? เหตุใดจึงเลื่อนให้เร็วขึ้นเล่า?”

หลงฮูหยินจ้องมองหลงฉางอี้อย่างไม่สบอารมณ์ เอ่ยว่า “คำถามนี้ของน้องรองไม่เกินความจำเป็นไปหรือ?”

หลงฉางอี้เข้าใจในที่สุด เกรงว่าสถานการณ์ของฝ่าบาทคงไม่ดีแล้ว ดังนั้นจึงต้องเร่งให้เข้าวังเร็วขึ้น ต่อให้เป็นฮองเฮาที่ต้องถูกฝังตามไปด้วยนั้น ก็ยังต้องดำเนินทุกสิ่งไปตามพิธีการ มิอาจลดทอนสิ่งใดลงได้ จึงจำเป็นต้องเร่งให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 5  

    ทุกคนในที่แห่งนั้นล้วนเข้าใจ ทุกคนต่างนิ่งเงียบไม่ส่งเสียง ที่เงียบไป ย่อมมิใช่กำลังรู้สึกโศกเศร้าสงสารหลงจ่านเหยียน แต่แค่กำลังคิดถึงการเปลี่ยนแปลงรัชสมัยเปลี่ยนแปลงขุนนาง ไม่รู้ว่าหลังฝ่าบาทสวรรคตและฮ่องเต้พระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์แล้วจะเกิดผลกระทบอะไรขึ้นกับตระกูลหลงบ้าง นางเฉินฮูหยินของหลงฉางอี้ถามขึ้นด้วยความวิตกกังวล “ตอนนี้นางเด็กคนนั้นยอมเห็นด้วยแล้วหรือยังเจ้าคะ? ถึงยามนั้นเกิดร้องไห้โวยวายขึ้นมาจะทำอย่างไร?” หลงฉางเทียนเอ่ยอย่างเย็นชา “นางจะตอบว่าไม่ยอมได้อย่างนั้นหรือ? ถึงยามนั้นแค่กรอกยานอนหลับแล้วส่งตัวเข้าวังไปก็สิ้นเรื่อง พอเข้าวังแล้ว ก็มีคนมาจัดการนางเอง!” “พูดมาก็จริงเจ้าค่ะ!” นางเฉินผุดยิ้ม “คนในวังหลวง ฝีมือร้ายกาจ ถึงยามนั้นหากนางกล้าอาละวาดโวยวาย คงถูกทรมานสาหัสไม่ใช่เล่น!” ทุกคนต่างยิ้มออกมา อนุภรรยาของหลงฉางอี้เอ่ยขึ้นพลางกลัวหัวเราะ “เพราะนางหาเรื่องเจ็บตัวเอง ใครใช้ให้นางดื้อรั้นเล่า?” หลงจ่านเหยียนยืนฟังอยู่หน้าประตูได้ครู่หนึ่งแล้ว จากนั้นก็มีสาวใช้ที่สายตาเฉียบแหลมคนหนึ่งมองเห็นนาง จึงตะโกนว่า “คุณหนูใหญ่มาแล้วหรือเจ้าคะ?” หลงจ่านเหยียนเดินเข้าไป

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 6  

    ใบหน้าของหลงฮูหยินพลันเปลี่ยนไป ทันใดนั้นก็เงยหน้าจ้องนางตาเขม็ง นางยังมิทันเอ่ยวาจา หลงฉางเทียนก็เอ่ยด้วยเสียงเหี้ยมโหด “มารดาเจ้ามีอะไรต้องไปขอขมา? นางลำบากตรากตรำเลี้ยงดูเจ้าจนเติบใหญ่ แต่เจ้ากลับทำเช่นนี้กับนาง? คนเนรคุณไม่รู้ผิดชอบชั่วดี!” “พวกท่านคืองูพิษ เหตุใดข้าจะเป็นคนเนรคุณไม่ได้?” หลงจ่านเหยียนยิ้มอย่างเยือกเย็น ยิ้มมุมปากขึ้นอย่างเสียดสี สายตากวาดมองผู้คนโดยรอบ ทุกคนในที่แห่งนี้ล้วนแต่รังเกียจนางไปจนถึงเหยียดหยามดูถูกนางอย่างถึงที่สุด แม้กระทั่งอนุภรรยาของหลงฉางอี้ก็ยังมองนางด้วยสายตาดูแคลนอย่างถึงที่สุดเช่นกัน หลงจ่านเหยียนถอนหายใจในใจ ร้ายดีอย่างไรก็เป็นคุณหนูใหญ่ของจวนแม่ทัพ ผู้อาวุโสรายล้อม ก็ควรจะได้รับความรักความเอ็นดูอย่างถึงที่สุด เมื่อก่อนเจ้ามีชีวิตอย่างไรกันแน่เนี่ย? เกรงว่าคงไม่อาจเทียบได้แม้แต่บ่าวรับใช้สักคนเลยกระมัง? นางเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ “ทว่า แม้ไทเฮาจะมีราชเสาวนีย์ แต่ข้าไม่รับราชเสาวนีย์ ข้าไม่…แต่ง!” ทุกคนในห้องโถงผงะไปเพราะประโยคนี้ของนาง สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปในทันที หลงฉางอี้เดินขึ้นมาด้วยความโมโหก่อนจะชี้หน้าพลางตะคอกใส่หลงจ่านเหยียน “

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 7  

    หลงฉางเทียนยังไม่ตอบคำถาม ทว่านางหานอนุภรรยาของหลงฉางอี้ชิงตอบไปก่อน “เรียกฮูหยินผู้เฒ่า มีราชโองการลงมาแล้วเจ้าค่ะ เพียงแต่ คุณหนูใหญ่ของพวกเราเป็นตายอย่างไรก็ไม่ยินยอมเจ้าค่ะ!” ฮูหยินผู้เฒ่าเหลือบตาขึ้นเล็กน้อย “อ้อ? อย่างนั้นหรือ?” นางมองไปทางหลงจ่านเหยียน สายตาอันคมกริบเลื่อนไปบนใบหน้าของหลงฉางเทียนช้า ๆ “เช่นนั้นก็เป็นที่เจ้าจัดการไม่เรียบร้อยแล้ว แม้แต่ลูกสาวของเจ้าเองยังเกลี้ยกล่อมให้ทำตามไม่ได้ ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าเจ้าควบคุมสามเหล่าทัพในสนามรบได้อย่างไร” ต้องเผชิญคำตำหนิของมารดาเช่นนี้แล้ว หลงฉางเทียนเอ่ยด้วยความหวาดกลัว “ความจริง มิใช่ว่าไม่ยินยอมขอรับ เมื่อครู่นางตอบรับยินยอมแล้วขอรับ!” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยอย่างราบเรียบ “ในเมื่อยินยอมแล้ว เช่นนั้นก็รีบย้ายที่พักให้นางเสีย อย่าให้คนในวังรู้สึกว่าจวนตระกูลหลงของเราใจดำอำมหิตไร้ความเมตตา!” “ขอรับ!” หลงฉางเทียนเงยหน้ามองหลงจ่านเหยียนปราดหนึ่ง “ยังไม่รีบไสหัวกลับไปเก็บข้าวของอีกหรือ? ฮูหยินผู้เฒ่ามีบุญคุณ ให้เจ้าได้ย้ายไปที่พำนักใหม่ ถือว่าให้เกียรติเจ้าแล้ว!” หลงจ่านเหยียนยืนขึ้นด้วยท่าทางหยิ่งยโส พลางเอ่ยอย่างเยือกเย็น “ขอ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 8  

    หลงจ่านเหยียนสบสายตาอันคมกริบของนาง “ฮูหยินผู้เฒ่าไหว้พระสวดมนต์มานานหลายปี ไม่ทราบว่าได้เรียนรู้อะไรมาจากพระพุทธองค์บ้าง? ความใจดำอำมหิตไร้ซึ่งความเมตตา? ความไร้น้ำใจไร้ความชอบธรรม? หรือความโหดเหี้ยมทารุณ? หรือว่า จะเป็นการส่งหลานสาวแท้ ๆ ของตนเองไปตายเพื่อแลกกับเกียรติยศและความมั่งคั่งมาสู่ตระกูล?” “หือ?” ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงยิ้ม “เจ้าคิดจะพูดอะไร? พูดออกมาให้หมดเถิด!” อ้อ? แบบนี้ก็ไม่โมโหหรือ ดูเหมือนที่ศึกษาคำสอนพระพุทธองค์มาจะมีประโยชน์อยู่หน่อย ๆ หลงฮูหยินตะโกนห้ามหลงจ่านเหยียนทันที “ไร้มารยาท รีบขอขมาท่านย่าซะ!” หลงจ่านเหยียนไม่สนใจหลงฮูหยิน เอ่ย “ข้ายอมตกปากรับคำว่าเข้าวังก็ได้ เพียงแต่ ฮูหยินผู้เฒ่าท่านต้องยอมรับเงื่อนไขหนึ่งข้อของข้าเสียก่อน!” ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะออกมาเบา ๆ ขนคิ้วที่ยาวและมีสีขาวเลิกขึ้นเล็กน้อย แฝงความโกรธกรุ่นไว้อย่างเลือนราง “เจ้ามีสิทธิ์จะมาตั้งเงื่อนไขต่อรองกับข้าอย่างนั้นหรือ?” “เช่นนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าก็สวดภาวนาอ้อนต่อเบื้องหน้าองค์พระพุทธไปเสียเถิด อธิษฐานให้ฝ่าบาทสวรรคตทันทีหลังข้าเข้าวังไปแล้วกัน มิเช่นนั้น ต่อให้ข้าได้เป็นฮองเฮาแม้เพียงวันเ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 9

    หมัวมัวถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ใช่เจ้าค่ะ” ทันใดนั้นก็ชะงักไป ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เพียงแต่ ท่าทางการแสดงออกของแม่หนูเหยียนวันนี้ชวนให้รู้สึกแปลกใจยิ่งนักเจ้าค่ะ เมื่อก่อนเห็นนางขี้ขลาดอ่อนแอนัก ยังคิดว่านางไม่มีอารมณ์โกรธเสียอีกเจ้าค่ะ!”“ต่อให้เป็นสุนัขสักตัว ถูกต้อนให้จนมุมแล้วยังรู้จักแว้งกัด!” ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มอย่างเย็นชา “ปล่อยให้นางทำตัววุ่นวายไปเถิด ถึงอย่างไรท้ายที่สุดก็มีเพียงจุดจบเดียวนั่นแหละ!” “เกรงก็แต่ ฮูหยินคงจะไม่ยอมปล่อยนางไปง่าย ๆ สิเจ้าคะ!” “เต๋อโหรวเป็นคนอย่างไร เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จริงหรือ? ให้คนไปเตือนนางไว้สักหน่อย อย่าทำให้เรื่องดูแย่ไปมากกว่านี้!” ฮูหยินผู้เฒ่ายืดเอวตรง ออกคำสั่งอย่างเยือกเย็น “เจ้าค่ะ!” หมัวมัวรับคำ ก็ประคองนางกลับไป ทว่าด้านหลัง กลับมีเสียงร้องเรียกของบ่าวรับใช้แว่วดังขึ้นมา “นางข้าหลวงขั้นสอง กูกูสอนมารยาทจากในวังมาถึงแล้วเจ้าค่ะ!”ฮูหยินผู้เฒ่าผุดยิ้มออกมาอย่างเย็นชา นางมิได้หันหลังกลับ ทว่ายืดเอวตรงก็สืบเท้าไปด้านหน้า ก่อนที่กูกูสอนมารยาทจะเข้ามาถึง หลงจ่านเหยียนก็กลับไปนอนเอกเขนกที่ห้องก่อนแล้ว ไม่ปล่อยให้หลงฮูหยินได้โอกาสกลั่น

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 10

    “เอี๊ยด” เสียงผลักประตูดังขึ้น หรูอี้นำทางทั้งสองเข้าไปนั่งในห้องโถงเล็ก ส่วนจี๋เสียงก็รีบสาวเท้าไปที่ห้องนอนปลุกหลงจ่านเหยียนด้วยความรวดเร็วครั้นหลงฮูหยินและกูกูสอนมารยาทนั่งลงแล้ว หรูอี้ก็ยกน้ำชามาให้ทันที สองคนทักทายกันตามมารยาทแล้วสามสี่ประโยค ก็เห็นจี๋เสียงเดินเข้ามาท่าทางกระอักกระอ่วน ก่อนจะกล่าวกับหลงฮูหยิน “ฮูหยินเจ้าคะ คุณหนูใหญ่หลับเป็นตายเลยเจ้าค่ะ ปลุกเท่าใดก็ไม่ยอมตื่น!”หลงฮูหยินหน้านิ่งอึ้ง “หลับเป็นตาย?”นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว? นางควรจะกลัวสุดขีดมิใช่หรือ? เหตุใดถึงยังหลับสนิทได้แบบนี้? หรือจะแกล้งหลับ? ด้วยนิสัยของนางเด็กชั้นต่ำคนนี้บางครั้งก็ดื้อรั้น ไม่ยอมให้ผู้ใดเห็นความอ่อนแอของนางได้ง่าย ๆนางอมยิ้มพลางหยัดกายขึ้นยืน “ข้าจะไปปลุกนางเอง!”หลงฮูหยินเยื้องกรายอย่างสง่าผ่าเผยเดินเข้าไป บนเตียง หลงจ่านเหยียนนอนคลุมโปงในผ้าห่ม เสียงหายใจแว่วดังออกมาจากด้านในผ้าห่มเป็นระยะ ผ้านวมขยับขึ้นลงเล็กน้อย คล้ายว่ากำลังนอนหลับอยู่จริง ๆนางนั่งลงข้างเตียงช้า ๆ ก่อนจะยื่นมือไปดึงผ้านวมออก ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเอ็นดู ขณะที่กำลังจะอ้าปาก ถ้อยคำที่เตรียมไว้พลันเปลี่ยนเป็นเสียงร้

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 11

    กูกูสอนมารยาทมองนางด้วยสายตาแปลกประหลาด “ฮองเฮาจะบรรทมช่วงกลางวัน เป็นบ่าวจะถืออะไรได้?”หลงฮูหยินไม่คิดว่ากูกูสอนมารยาทจะพูดจาเช่นนี้ จึงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ทำได้เพียงกล่าวว่า “เช่นนั้น เชิญกูกูออกไปดื่มน้ำชาข้างนอกก่อนเถิด!”กูกูสอนมารยาทเอ่ยขึ้น “ไม่จำเป็น ฮูหยินกลับไปเถิด บ่าวได้รับบัญชาจากไทเฮามาที่จวน ก็ต้องปรนนิบัติรับใช้ฮองเฮาจนกว่าฮองเฮาจะเสด็จเข้าวัง สองวันนี้ คงต้องรบกวนที่จวนเสียแล้ว!”“อย่าได้กล่าวว่ารบกวนเลย การมาของกูกู ทำให้จวนแม่ทัพรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ข้าเกรงว่าจะดูแลกูกูได้ไม่ดีพอ!” หลงฮูหยินรู้สึกโมโหจนกัดฟันกรอด คาดไม่ถึงว่ากูกูสอนมารยาทผู้นี้จะไม่ไว้หน้านางเลยแม้แต่น้อย“เชิญฮูหยิน!” กูกูสอนมารยาททำท่าผายมือเชิญนางออกไป ราวกับไม่ได้ยินคำพูดถ่อมตัวเหล่านั้นที่นางกล่าวมาสีหน้าของหลงฮูหยินพลันเปลี่ยนเป็นเขียวสลับขาวไปมา นางหัวเราะแห้ง ๆ เสียงหนึ่ง “เช่นนั้น ข้าขอตัวลาก่อน!” พูดจบ นางก็จ้องมองหลงจ่านเหยียนที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพาหญิงรับใช้ออกไปหลงจ่านเหยียนนอนหลับคราวนี้ ยาวจนถึงยามซวีจึงจะตื่นขึ้นมา นางนั่งกอดผ้าห่มอยู่บนเตียง หร

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 12

    หลงจ่านเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ มือหนึ่งถือชามข้าว อีกมือหนึ่งถือตะเกียบ มองไปยังหญิงสาวดุร้ายตรงหน้าด้วยความงุนงง สิ่งเดียวที่นางสามารถรักษาไว้ได้ก็มีเพียงชามข้าวใบนี้เท่านั้นหลงจ่านเหยียนจ้องมองไปที่หลงจ่านซิน เห็นเพียงรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นของหลงจ่านซินในชุดกระโปรงสีเขียวปักลายดอกทับทิม ใบหน้าขาวผ่องดุจไขมันแพะเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ก็ไม่อาจปกปิดความงามอันล้ำเลิศที่ติดตัวมาแต่กำเนิดได้ ในทางกลับกัน หลงจ่านเหยียนเองกลับมีใบหน้าซีดเซียว รูปร่างผอมบาง หากไม่รู้จักมาก่อนคงคิดว่านางเป็นผู้ลี้ภัยมาจากที่ไหนสักแห่งยิ่งไปกว่านั้น เสื้อผ้าที่นางสวมใส่กับเสื้อผ้าที่ตนเองสวมใส่ เนื้อผ้าช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว?หลงจ่านซินเห็นหลงจ่านเหยียนจ้องมองตนเองอย่างตกตะลึง แต่ไม่กล้าพูดอะไร ก็คิดว่านางคงกลัวแล้ว จึงรีบสาวเท้าเข้าไปหา ยกมือขึ้นหมายจะตบหน้าหลงจ่านเหยียนหรูอี้ที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้น ก็รีบเข้ามาขวางหน้าหลงจ่านเหยียนทันที ฝ่ามือที่หมายจะตบนั้นจึงลงมาที่ใบหน้าของหรูอี้ ใบหน้าของนางบวมขึ้นทันที รอยนิ้วมือทั้งห้าปรากฏชัดเจน แสดงให้เห็นว่าหลงจ่านซินออกแรงมากเพียงใด“ไสหัวไป นางบ่าว

Latest chapter

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 176

    กาสุราสำริดตกลงพื้นดัง ‘เคล้ง’ แล้วหมุนเป็นวงบนพื้นเย็นเฉียบสองรอบ ก่อนจะหยุดอยู่ข้างเท้าของฮองเฮาเหลียงกุ้ยเหรินมองนางอย่างสงบ ทันใดนั้นหว่างคิ้วกระตุกขึ้นมาอย่างรุนแรง องคาพยพย่นยู่เข้าด้วยกันด้วยความทรมาน นางเอามือไปกดท้องตามจิตใต้สำนึก จากนั้นก็ค่อย ๆ ย่อตัวต่ำลง ก่อนจะล้มลงกับพื้นดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ บนใบหน้ามีความทรมานและความตื่นตระหนกหวาดกลัว น้อยคนนักที่จะเผชิญหน้ากับความตายที่กำลังจะมาถึงซึ่งหน้านางใช้มือหนึ่งดึงข้อเท้าของฮองเฮา และเอ่ยอย่างเจ็บปวด “ฮองเฮา ทรงตรัสแล้วว่า จะไม่ทำให้ครอบครัวหม่อมฉันลำบากใจ...”เลือกสดทะลักออกมาจากปากของนางที่ยังกล่าวไม่จบทีละคำ ๆ นางตัวกระตุก ยังไม่ทันกล่าวจบก็กรีดร้องด้วยความทุกข์ทนแสนสาหัสฮองเฮามองนางด้วยสีหน้าเย็นชา นางขยับเท้าออกเบา ๆ ไม่ได้พูด ทว่ามีความสาแก่ใจปราดผ่านเข้ามาในดวงตาไม่ว่าผู้ใดนางก็เสียสละได้ เป้าหมายคือเพื่อปกป้องตำแหน่งฮองเฮาของนางสกุลถงเป็นฮองเฮาสามชั่วอายุคน นางจะให้ตำแหน่งของตัวเองสั่นคลอนไม่ได้แม้แต่น้อยนางจ้องมองเหลียงกุ้ยเหรินอยู่อย่างนี้ กระทั่งอีกฝ่ายเปลี่ยนจากตัวกระตุกเป็นเกร็งทื่อทีละน้อ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 175

    “ถูกต้องแล้วเพคะ ใต้เท้าเหลียงทำงานเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของถงจื่อหยา” จิ้นหรูเอ่ยจ่านเหยียนหัวเราะ “อื่ม ดีมาก!”“ได้ยินว่าพอครอบครัวใต้เท้าเหลียงทราบว่าเหลียงกุ้ยเหรินจะถูกประหารชีวิตก็เสียใจมาก เคยถวายหนังสือขอร้องต่อไทฮองไทเฮา แต่ทางไทฮองไทเฮาไม่ตอบกลับสักคำ” จิ้นหรูเพิ่งกลับถึงวันก็รู้ข่าวพวกนี้แล้ว เห็นได้ว่านางมีเส้นสายในวังมากเพียงใด“รู้แล้ว!” จ่านเหยียนยิ้ม หากคนสกุลเหลียงได้เจอกับเหลียงกุ้ยเหรินอีกครั้งจะเป็นเรื่องดีมากเพิ่งเลยยามเที่ยง ฮองเฮาก็พาคนสนิทเข้าตำหนักเย็นเหลียงกุ้ยเหรินถูกขังอยู่ในตำหนักเย็นหลายวัน ป้ำ ๆ เป๋อ ๆ ไปแล้ว ครั้นเห็นฮองเฮามาถึงก็ไม่ทำความเคารพ เพียงฉีกยิ้มหัวเราะเหอะ ๆ ๆ กับฮองเฮาฮองเฮาปรายตามองนางด้วยความรังเกียจทีหนึ่ง หากมิใช่เพราะไม่วางใจ นางจะไม่มาด้วยตัวเองหรอก“นางเหลียง เจ้ารู้ความผิดหรือไม่?” ฮองเฮาเอ่ยถามด้วยโทสะเสียงกร้าวเหลียงกุ้ยเหรินกระชากเส้นผมอยู่ในมือ ฝ่ามือของนางมีเส้นผมเพิ่มขึ้นมาหลายเส้น จากนั้นจึงหัวเราะฮี่ ๆ เอ่ย “ฮองเฮา ทรงทราบหรือไม่เพคะ? ฝ่าบาทตรัสแล้ว พระองค์โปรดผมสลวยของหม่อมฉันที่สุด”ฮองเฮาหน้าบึ้ง “เจ้าบ้าไปแล

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 174

    จ่านเหยียนประกาศกับภายนอก เนื่องจากได้รับความตกใจจากจวนจึงป่วยหนัก ช่วงพักฟื้นนี้จะไม่พบผู้ใดทั้งสิ้นนางปิดประตูตำหนักแล้วกล่าวกับจิ้นหรู “ข้าจะออกนอกวัง เจ้ารับผิดชอบเฝ้าอยู่ในตำหนัก แต่อย่าพูดเรื่องนี้กับใครเป็นอันขาด เจ้าทำเหมือนเมื่อก่อนนะ ส่งข้าวเข้ามาทุกวัน นอกจากเจ้า จี๋เสียงกับหรูอี้ ก็ห้ามไม่ให้ใครเข้ามาปรนนิบัติในตำหนัก”จิ้นหรูรีบพูด “พระองค์จะเสด็จออกไปอีกแล้วหรือ? ครั้งนี้จะไปนานเท่าใดเพคะ?”จ่านเหยียนคิดครู่หนึ่ง “นับจากวันนี้ ถ้าไม่มีเรื่องพิเศษอะไร ข้าจะไม่กลับวัง”“อะไรนะ?!” จิ้นหรูเบิกตาโพลง “พระองค์ออกไปทำอะไรกันแน่เพคะ? หากในวังมีเรื่องเร่งด่วน บ่าวจะไปตามพระองค์ได้ที่ไหน?!”จ่านเหยียนดึงให้นางนั่งลง แล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “จิ้นหรู เจ้าฟังข้านะ เวลานี้เสนาบดีกรมคลังคือถงจื่อหยา เป็นคนของสกุลถง อำนาจท้องพระคลังอยู่ในมือของคนสกุลถง เช่นนี้จะไม่เป็นผลดีต่อเซ่อเจิ้งอ๋อง แม้หลาย ๆ ครั้งจะไม่จำเป็นต้องใช้เงิน แต่เงินก็ยังต้องใช้กับหลาย ๆ เรื่อง สามทัพมิเคลื่อนเสบียงหญ้าเคลื่อนก่อน เมื่อไม่มีเงิน ก็ทำงานใหญ่ไม่ได้ ช่วงก่อนข้าออกไปตีซี้กับคุณชายสกุลใหญ่ในเมืองหลวงได้เยอ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 173

    “อื่ม!” มู่หรงฉิงเทียนนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะขานรับฮุ่ยอวิ่นตะลึงงัน แล้วจึงกล่าวอย่างทุกข์ใจเล็กน้อย “เมื่อก่อนทรมานอย่างนั้นยังผ่านมาได้ ตอนนี้...”“ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนกัน พวกเราจะผิดพลาดไม่ได้” มู่หรงฉิงเทียนเอ่ยเรียบ“ถ้าเพื่อระงับความเจ็บปวด ข้าสามารถไปหาให้ท่านได้ แต่... ถ้าเพื่อให้สติแจ่มชัดอยู่เสมอ นั่นไม่จำเป็น ข้าเคยบอกแล้ว ตอนนี้เราจะยังไม่เคลื่อนไหว”มู่หรงฉิงเทียนมองเขา นัยน์ตาดำขลับดุจม่านราตรีเจือความร้อนรนเล็กน้อย “ฮุ่ยอวิ่น เจ้าไม่เข้าใจ ตอนนี้ข้าถอยไม่ได้แล้ว หากมิใช่เขาตาย ก็คือแคว้นต้าโจวเปลี่ยนผู้ปกครอง ทางออกเดียวของเราก็คือการทุ่มสุดตัว”ฮุ่ยอวิ่นนิ่งงันครู่หนึ่ง “เอาไว้ข้าหาหลงอู่เจอแล้วค่อยว่ากัน”มู่หรงฉิงเทียนมองเขาด้วยความผิดหวัง “ฮุ่ยอวิ่น เมื่อก่อนเจ้าไม่ลังเลเช่นนี้นี่”ฮุ่ยอวิ่นช้อนตาขึ้นพรึบมองเขา มองเขานิ่ง ๆ แล้วเอ่ยด้วยอารมณ์รุนแรงเล็กน้อย “ข้าเคยบอกแล้ว นอกจากท่านกับอาหญิง ไม่ว่าเรื่องใดก็ไม่สำคัญ ท่านไม่เข้าใจหรือ? ข้าเหลือพวกท่านเป็นญาติเพียงสองคนแล้ว!”ท้ายน้ำเสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อย สะอื้นปนความเจ็บปวดใจการที่คนคนหนึ่งมีชีวิตอย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 172

    ฉีชินอ๋องเอ่ย “ได้ ประเดี๋ยวข้าจะเข้าวัง”“ฟางจี้จื่อเอาวิญญาณมังกรไปกำจัดปีศาจที่ไหนหรือ?” มู่หรงฉิงเทียนถามฮุ่ยอวิ่นฮุ่ยอวิ่นตอบ “จวนตระกูลหลง เขาบอกว่าปีศาจจิ้งจอกสิงร่างหลงจ่านเหยียน ปีศาจจิ้งจอกถูกกำจัดไปแล้ว แต่วิญญาณมังกรก็กลายเป็นผุยผงไปแล้วเหมือนกัน”ทันใดนั้นสายตาเย็นชาคมกริบของมู่หรงฉิงเทียนก็ตกอยู่บนใบหน้าของฮุ่ยอวิ่น “เช่นนั้น... หลงจ่านเหยียนตายแล้วหรือ?”ฉีชินอ๋องตอบแทน “ยัง แต่นิสัยคงกลับไปเป็นหลงจ่านเหยียนที่ขี้ขลาดคนก่อนแล้ว”มู่หรงฉิงเทียนเงียบงัน สายตากลับเย็นชามากขึ้น“เทียน พระอาจารย์เป่ากวงบอกว่าทุกคืนเจ้าจะถูกไอหยินแว้งกัด...”มู่หรงฉิงเทียนขัดคำพูดของเขา “ข้ารู้ ก็เหมือนกับตอนแรก ข้าทนได้” แต่นึกถึงความทรมานปอดฉีกหัวใจแหลกลาญแบบนั้นแล้ว เขายังสั่นขึ้นมาเล็กน้อย“พระอาจารย์เป่ากวงบอกว่าหลงอู่ช่วยท่านได้ ข้าต้องตามตัวหลงอู่มาได้แน่” ฮุ่ยอวิ่นพูดอย่างปวดใจเล็กน้อยมู่หรงฉิงเทียนหัวเราะเสียงเย็น “ช่างเถอะ อย่าฝืนเลย คุณชายอายุน้อยคนหนึ่ง ไม่เห็นจะมีความสามารถเช่นนี้”สมควรจบลงแล้ว แม้จะไม่ใช่เวลา แต่การอยู่ด้วยร่างที่ตายไปแล้วเช่นนี้ ช่างทำให้เขาผิดหวังจ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 171

    ฮุ่ยอวิ่นถามอย่างร้อนใจ “พระอาจารย์ เป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”พระอาจารย์เป่ากวงตอบเสียงเบา “อย่าเสียงดัง ท่านอ๋องเพิ่งฟื้น รอให้เขารวบรวมพลังสักหน่อยแล้วค่อยเข้าไป”“ได้ เช่นนี้ตอนนี้เขาปลอดภัยแล้วใช่หรือไม่” ฉีชินอ๋องถามพระอาจารย์เป่ากวงส่ายหน้า เอามือเช็ดเม็ดเหงื่อบนหน้าผาก “หากยังไม่มีใครช่วยเขาในหนึ่งเดือน อาตมาก็จนหนทางแล้ว”ฮุ่ยอวิ่นชายตามองเขา “พระอาจารย์ ข้าขอร้องท่านเรื่องหนึ่ง”“อาตมารู้ คุณชายวางใจเถอะ อาตมาจะไม่แพร่งพรายออกไปอย่างแน่นอน” พระอาจารย์เป่ากวงรับประกัน“เช่นนั้นก็ดี!” ฮุ่ยอวิ่นพยักหน้า สีหน้าเจ็บปวดหนักใจเล็กน้อยแม้เวลานี้จะไม่ใช่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ แต่ยามนี้ขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งราชสำนักมีหลาย ๆ คนที่เข้าร่วมกับท่านอ๋องแล้ว มีกำลังเพียงพอจะต้านทานสกุลถง ขาดอีกก้าวเดียว ต้องการแค่เงินทุนที่เพียงพอก็จะถอนรากถอนโคนราชครูถงได้แล้ว กลับมาเกิดข้อผิดพลาดในตอนนี้ หากภายนอกรู้ เกรงแต่คนที่ยังไม่มั่นคงกับจุดยืนจะหันไปเข้ากับอีกฝ่าย“แม้เวลานี้ท่านอ๋องจะปลอดภัย แต่ทุกคืนเมื่อถึงยามโฉ่ว ช่วงสองชั่วยามนี้ไอของจันทร์หยินจะรุนแรงที่สุด เขาจะทรมานมาก” พระอาจารย์เป่ากวงเอ่ย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 170

    ฮุ่ยอวิ่นมีกะจิตกะใจคิดเรื่องนี้ที่ไหนกัน แต่ในเมื่อฉีชินอ๋องหลงเอ่ยถึง เขาจึงคิดสักหน่อยแล้วตอบว่า “กล่าวตามตรง ไทเฮาต่างจากจ่านเหยียนที่พวกเรารู้มาเมื่อก่อนหน้านี้มาก บางทีนางอาจเป็นปีศาจจริง ๆ ก็ได้”“แต่... ปีศาจจิ้งจอกถูกกำจัดแล้ว” ฉีชินอ๋องต้องฮุ่ยอวิ่นตาเขม็ง“อื่ม!” ฮุ่ยอวิ่นพยักหน้า“แต่... แน่ใจหรือว่ามีปีศาจจิ้งจอก? เรื่องนี้จะเหลวไหลเกินไปแล้ว”ฮุ่ยอวิ่นนิ่งงันครู่หนึ่ง “โลกกว้างใหญ่ไพศาล มีเรื่องอัศจรรย์มากมาย สิ่งที่พวกเราไม่รู้ ไม่หมายถึงว่าไม่มีอยู่จริง”ฉีชินอ๋องหดหู่ใจ “หากยึดตามการพูดของเจ้า เช่นนั้นก็คือมีปีศาจจิ้งจอกอยู่จริง ๆ ยามนี้ปีศาจจิ้งจอกถูกกำจัดแล้ว เช่นนั้นหลงจ่านเหยียนจะกลับไปเป็นลูกอนุที่ขี้ขลาดเหมือนมุสิกเช่นเมื่อก่อนนี้หรือไม่?”“ก็เป็นไปได้!” ฮุ่ยอวิ่นตอบแบบใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว บางทีนี่อาจเป็นเรื่องดี อย่างน้อยก็ควบคุมง่ายไทเฮาที่เขารู้จักในเวลานี้ปราดเปรื่องเกินไป จิตใจล้ำลึกเกินไป แม้จะมีด้านดีอยู่ กลับไม่สามารถใช้ประโยชน์จากนางได้ง่ายแต่การพูดเรื่องพวกนี้ในเวลาเช่นนี้จะมีความหมายอันใด? หากพี่ชายเกิดเรื่อง แผนการทุกอย่างก็จบสิ้นลงแล้ว

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 169

    เขาไม่กล้าเปิดเผยตัวตนของจ่านเหยียน แต่เขารู้สึกว่าที่จ่านเหยียนปรากฏตัวในเมืองหลวงด้วยอีกตัวตนหนึ่ง จะต้องมีเหตุผลแน่ บางที... นางอาจยอมช่วยมู่หรงฉิงเทียนด้วยตัวตนหลงอู่ก็เป็นได้“แค่ ‘อาจจะ’? มิใช่ ‘แน่นอน’ หรือ? เช่นนั้นท่านนั้นที่ท่านบอกเมื่อครู่คือใคร?” ฮุ่ยอวิ่นถามต่อ“ไม่จำเป็นต้องพิจารณาท่านนั้นแล้ว” พระอาจารย์เป่ากวงเอ่ย“หัวใจคนทำจากเนื้อ เชื่อว่าไม่มีผู้ใดที่หนักแน่นดั่งหินผา” ฮุ่ยอวิ่นเอยพระอาจารย์เป่ากวงส่ายหน้า “คนผู้นี้หากอยู่บนโลกมนุษย์ก็มีอายุถึงสามร้อยปีแล้ว มีอายุมากกว่าอาตมา อาตมาได้ยินว่าบรรพบุรุษของคุณชายหลงอู่มีความเชื่อมโยงกับเขาอยู่บ้าง อีกทั้งคุณชายหลงอู่ยังเชี่ยวชาญศาสตร์นี้ ดังนั้นอาตมาขอเสนอให้คุณชายรีบตามหาเขาเถอะ”“อายุสามร้อยกว่าปี?” ฉีชินอ๋องสบตากับฮุ่ยอวิ่น ในดวงตามีความผิดหวังอยู่ลึก ๆ อายุสามร้อยกว่าปี นั่นยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ที่ไหน? กลัวแต่ไปเกิดใหม่นานแล้ว“ข้าเคยได้ยินคุณชายหลงอู่มาก่อน แต่เขามิใช่พวกเสเพลหรอกหรือ? พระอาจารย์แน่ใจหรือว่าเขาเชื่อถือได้?” ฮุ่ยอวิ่นถาม“อย่าได้ดูถูกคนที่ภายนอกสนุกสนานร่าเริง บางทีพวกเขาอาจจะคมในฝัก ใช้อีกโฉ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 168

    ฮุ่ยอวิ่นปรึกษาหารือการรับมือกับฉีชินอ๋องในจวน เวลานี้ไม่ว่าเรื่องใดก็ไม่สำคัญแล้ว ที่สำคัญคือต้องทำอย่างไรจึงจะรักษาชีวิตของมู่หรงฉิงเทียนได้“ไปเชิญพระอาจารย์เป่ากวงมา!” ฮุ่ยอวิ่นสั่งกับอาซิ่นอาซิ่นขานรับก็ออกจากเรือน พร้อมปิดล้อมเรือนหลิงอวิ๋นซึ่งเป็นที่พักของมู่หรงฉิงเทียนเอาไว้จะให้เรื่องที่ท่านอ๋องเกิดเรื่องแพร่งพรายออกไปไม่ได้เด็ดขาด“นี่จะทำอย่างไรดี?” ฉีชินอ๋องจนหนทางแล้วเหมือนกัน ครั้นเห็นคนนอนหมดสติอยู่บนเตียง หัวใจของเขาก็ราวกับมีมีดกรีด หลายปีก่อนเขาเคยสูญเสียเสด็จพี่ไปหนหนึ่งแล้ว ตอนนี้จะต้องเกิดเรื่องซ้ำสองอีกหรือ?ไม่ ลำบากนักกว่าเขาจะรอดต่อไปได้“ลองถามพระอาจารย์เป่ากวงก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ” ฮุ่ยอวิ่นเอ่ยด้วยความกังวล“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้?” ฉีชินอ๋องถามฮุ่ยอวิ่นฮุ่ยอวิ่นเล่าเรื่องรอบหนึ่ง ก่อนจะกัดฟันเอ่ยว่า “หากรู้ว่าฟางจี้จื่อนั่นจะเชื่อถือไม่ได้เช่นนี้ พูดอย่างไรข้าก็ไม่เห็นด้วยให้ยืนวิญญาณมังกรไปเด็ดขาด!”“เขาไปกำจัดปีศาจที่ไหน?” ฉีชินอ๋องเอ่ย“ตอนที่เขาไป ข้าสั่งให้คนสะกดรอยตามเขา เขาเข้าจวนตระกูลหลง ภายหลังได้ยินว่าปีศาจจิ้งจอกเข้าสิงร่างไทเฮา กำจั

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status