Share

บทที่ 9

Author: ลิ่วเยว่
หมัวมัวถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ใช่เจ้าค่ะ” ทันใดนั้นก็ชะงักไป ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เพียงแต่ ท่าทางการแสดงออกของแม่หนูเหยียนวันนี้ชวนให้รู้สึกแปลกใจยิ่งนักเจ้าค่ะ เมื่อก่อนเห็นนางขี้ขลาดอ่อนแอนัก ยังคิดว่านางไม่มีอารมณ์โกรธเสียอีกเจ้าค่ะ!”

“ต่อให้เป็นสุนัขสักตัว ถูกต้อนให้จนมุมแล้วยังรู้จักแว้งกัด!” ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มอย่างเย็นชา “ปล่อยให้นางทำตัววุ่นวายไปเถิด ถึงอย่างไรท้ายที่สุดก็มีเพียงจุดจบเดียวนั่นแหละ!”

“เกรงก็แต่ ฮูหยินคงจะไม่ยอมปล่อยนางไปง่าย ๆ สิเจ้าคะ!”

“เต๋อโหรวเป็นคนอย่างไร เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จริงหรือ? ให้คนไปเตือนนางไว้สักหน่อย อย่าทำให้เรื่องดูแย่ไปมากกว่านี้!” ฮูหยินผู้เฒ่ายืดเอวตรง ออกคำสั่งอย่างเยือกเย็น

“เจ้าค่ะ!” หมัวมัวรับคำ ก็ประคองนางกลับไป

ทว่าด้านหลัง กลับมีเสียงร้องเรียกของบ่าวรับใช้แว่วดังขึ้นมา “นางข้าหลวงขั้นสอง กูกูสอนมารยาทจากในวังมาถึงแล้วเจ้าค่ะ!”

ฮูหยินผู้เฒ่าผุดยิ้มออกมาอย่างเย็นชา นางมิได้หันหลังกลับ ทว่ายืดเอวตรงก็สืบเท้าไปด้านหน้า

ก่อนที่กูกูสอนมารยาทจะเข้ามาถึง หลงจ่านเหยียนก็กลับไปนอนเอกเขนกที่ห้องก่อนแล้ว ไม่ปล่อยให้หลงฮูหยินได้โอกาสกลั่นแกล้งรังแกอะไรนาง

ลุ่มหลงมัวเมาในห้วงความสุขสำราญมีอะไรเลวร้าย? บ้านเมืองสงบสุขรุ่งเรืองแล้วมีอะไรเลวร้าย?

ตราบใดที่นางเข้าวังเป็นไทเฮา นางก็จะสามารถดื่มด่ำกับความสุขสำราญได้อย่างถูกต้องตามหลักทำนองคลองธรรมแล้ว

นางย่อมเข้าวังด้วยความยินดี แม้เป็นหม้ายก็มิใช่เรื่องใหญ่ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือนับจากนี้จะได้รับการปรนนิบัติอย่างฟุ้งเฟ้อทุกวันมีอาภรณ์หรูหราและอาหารชั้นเลิศโอชารส ใช้ชีวิตสุขสบายเสมือนอยู่ในถังข้าวสารอย่างที่หัวใจใฝ่ฝันมานานเพียงข้าวมาก็อ้าปากเพียงอาภรณ์มาก็ยื่นแขน

เพื่อให้มีวันนี้ นางอดทนตรากตรำมานานถึงสามร้อยปีเชียวนะ? ส่วนเรื่องศึกษาหลักธรรมขัดเกลานิสัยอะไรนั่น หาใช่เรื่องสำคัญอันใด ในเมื่อไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับการเข่นฆ่าโรมรันของสามโลกอีกแล้ว ตราบใดที่ครบวาระห้าร้อยปี นางจะอ่อนโยนเพียงใดก็ย่อมได้ จะใจดีมีเมตตาเพียงใดก็ย่อมได้

ขณะที่กำลังครุ่นคิดเพลิน ๆ สาวใช้ซึ่งสวมอาภรณ์สีเขียวสองคนก็เดินเข้ามา

“คุณหนูใหญ่ บ่าวถูกฮูหยินส่งตัวมารับใช้ท่านเจ้าค่ะ!” สาวใช้คนหนึ่งหน้าตาน่ารักอ้วนกลมเอ่ยขึ้น “บ่าวมีนามว่าจี๋เสียงเจ้าค่ะ!”

“บ่าวมีนามว่าหรูอี้เจ้าค่ะ!” สาวใช้อีกคนเอ่ย

หลงจ่านเหยียนพลิกตัวบนเตียง ซ่อนศีรษะไว้ใต้หมอน ก่อนจะเอ่ยเสียงอู้อี้ออกมา “นวดหลังเป็นหรือไม่?”

สาวใช้สองคนผงะไปครู่หนึ่ง หรูอี้เอ่ยขึ้น “เรื่องนี้ ฮูหยินสั่งให้พวกบ่าวเข้ามาเพื่อเก็บข้าวของให้คุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ ฮูหยินมีเมตตา ให้คุณหนูใหญ่ย้ายไปพำนักที่เรือนหน้าแล้ว!”

มีเมตตา? หลงจ่านเหยียนแค่นเสียงออกมาเงียบ ๆ ความเมตตาของตระกูลนี้มันช่างล้นเหลือเสียจริง นางมีศักดิ์ฐานะเป็นคุณหนูใหญ่ สิ่งของที่ควรจะได้รับตั้งแต่แรก กลับโยงไปเรื่องความเมตตาเสียทุกอย่าง

เพียงแต่ได้ย้ายที่อาศัยแล้วก็ดี ที่แห่งนี้เก่าคร่ำคร่าเกินไปแล้ว อยู่ไม่สบายเอาเสียเลย!

กูกูสอนมารยาทในวังมาถึงจวนหลงแล้ว ความจริงก็ทำไปตามพิธีเท่านั้น หมอหลวงแจ้งว่าอาการของฝ่าบาททรุดลงจนยื้อต่อไปไม่ไหวแล้ว บัดนี้อาศัยเพียงโอสถอันล้ำค่าประคับประคองให้พอมีลมหายใจอยู่ได้ก็เท่านั้น ฉะนั้นแล้ว กูกูสอนมารยาทแค่เข้ามาตามพิธี สอนระเบียบมารยาทในการเข้าวัง และเลือกวันมงคลอภิเษกสมรสฮองเฮาพระองค์ใหม่เข้าวัง

หลงฮูหยินนำทางกูกูสอนมารยาทเข้ามา หรูอี้และจี๋เสียงเห็นมาแต่ไกล ก็สาวเท้าออกไปต้อนรับทันที “คารวะฮูหยิน!”

หลงฮูหยินผุดยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวว่า “รีบทักทายกูกูจากในวังสิ!”

หรูอี้จี๋เสียงเพิ่งถูกซื้อตัวเข้ามาในจวน ยังไม่เคยพบเจอพิธีการยิ่งใหญ่อะไร ครั้นได้ยินว่าเป็นกูกูจากในวัง ก็รีบรุดไปด้านหน้าทำความเคารพด้วยความนอบน้อมยำเกรง คุกเข่าลงโขกศีรษะตามระเบียบอย่างเคร่งครัด “พวกบ่าวน้อมคารวะท่านนางข้าหลวงเจ้าค่ะ!”

กูกูสอนมารยาทผุดยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวกับหลงฮูหยิน “ได้ยินมานานว่าจวนแม่ทัพมีกฎระเบียบเข้มงวดกวดขัน การอบรมสั่งสอนยอดเยี่ยม บัดนี้มองจากบ่าวรับใช้ที่อบรมสั่งสอนมาก็รู้แล้ว!”

ฮูหยินยิ้มอย่างสำรวม “กูกูชื่นชมเกินไปแล้ว!” นางเหลือบตามองหรูอี้ ก็ถามว่า “คุณหนูใหญ่อยู่ในห้องใช่หรือไม่?”

หรูอี้ลังเลครู่หนึ่ง ก็ตอบกลับ “เรียนฮูหยิน บัดนี้คุณหนูใหญ่กำลังนอนกลางวันเจ้าค่ะ!”

“ไปปลุกนาง บอกว่าคนจากในวังมาถึงแล้ว!” หลงฮูหยินเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ

“เจ้าค่ะ!” หรูอี้จี๋เสียงแลกสายตามองกัน จากนั้นก็พาสองคนเดินเข้าไปในห้อง
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 10

    “เอี๊ยด” เสียงผลักประตูดังขึ้น หรูอี้นำทางทั้งสองเข้าไปนั่งในห้องโถงเล็ก ส่วนจี๋เสียงก็รีบสาวเท้าไปที่ห้องนอนปลุกหลงจ่านเหยียนด้วยความรวดเร็วครั้นหลงฮูหยินและกูกูสอนมารยาทนั่งลงแล้ว หรูอี้ก็ยกน้ำชามาให้ทันที สองคนทักทายกันตามมารยาทแล้วสามสี่ประโยค ก็เห็นจี๋เสียงเดินเข้ามาท่าทางกระอักกระอ่วน ก่อนจะกล่าวกับหลงฮูหยิน “ฮูหยินเจ้าคะ คุณหนูใหญ่หลับเป็นตายเลยเจ้าค่ะ ปลุกเท่าใดก็ไม่ยอมตื่น!”หลงฮูหยินหน้านิ่งอึ้ง “หลับเป็นตาย?”นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว? นางควรจะกลัวสุดขีดมิใช่หรือ? เหตุใดถึงยังหลับสนิทได้แบบนี้? หรือจะแกล้งหลับ? ด้วยนิสัยของนางเด็กชั้นต่ำคนนี้บางครั้งก็ดื้อรั้น ไม่ยอมให้ผู้ใดเห็นความอ่อนแอของนางได้ง่าย ๆนางอมยิ้มพลางหยัดกายขึ้นยืน “ข้าจะไปปลุกนางเอง!”หลงฮูหยินเยื้องกรายอย่างสง่าผ่าเผยเดินเข้าไป บนเตียง หลงจ่านเหยียนนอนคลุมโปงในผ้าห่ม เสียงหายใจแว่วดังออกมาจากด้านในผ้าห่มเป็นระยะ ผ้านวมขยับขึ้นลงเล็กน้อย คล้ายว่ากำลังนอนหลับอยู่จริง ๆนางนั่งลงข้างเตียงช้า ๆ ก่อนจะยื่นมือไปดึงผ้านวมออก ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเอ็นดู ขณะที่กำลังจะอ้าปาก ถ้อยคำที่เตรียมไว้พลันเปลี่ยนเป็นเสียงร้

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 11

    กูกูสอนมารยาทมองนางด้วยสายตาแปลกประหลาด “ฮองเฮาจะบรรทมช่วงกลางวัน เป็นบ่าวจะถืออะไรได้?”หลงฮูหยินไม่คิดว่ากูกูสอนมารยาทจะพูดจาเช่นนี้ จึงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ทำได้เพียงกล่าวว่า “เช่นนั้น เชิญกูกูออกไปดื่มน้ำชาข้างนอกก่อนเถิด!”กูกูสอนมารยาทเอ่ยขึ้น “ไม่จำเป็น ฮูหยินกลับไปเถิด บ่าวได้รับบัญชาจากไทเฮามาที่จวน ก็ต้องปรนนิบัติรับใช้ฮองเฮาจนกว่าฮองเฮาจะเสด็จเข้าวัง สองวันนี้ คงต้องรบกวนที่จวนเสียแล้ว!”“อย่าได้กล่าวว่ารบกวนเลย การมาของกูกู ทำให้จวนแม่ทัพรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ข้าเกรงว่าจะดูแลกูกูได้ไม่ดีพอ!” หลงฮูหยินรู้สึกโมโหจนกัดฟันกรอด คาดไม่ถึงว่ากูกูสอนมารยาทผู้นี้จะไม่ไว้หน้านางเลยแม้แต่น้อย“เชิญฮูหยิน!” กูกูสอนมารยาททำท่าผายมือเชิญนางออกไป ราวกับไม่ได้ยินคำพูดถ่อมตัวเหล่านั้นที่นางกล่าวมาสีหน้าของหลงฮูหยินพลันเปลี่ยนเป็นเขียวสลับขาวไปมา นางหัวเราะแห้ง ๆ เสียงหนึ่ง “เช่นนั้น ข้าขอตัวลาก่อน!” พูดจบ นางก็จ้องมองหลงจ่านเหยียนที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพาหญิงรับใช้ออกไปหลงจ่านเหยียนนอนหลับคราวนี้ ยาวจนถึงยามซวีจึงจะตื่นขึ้นมา นางนั่งกอดผ้าห่มอยู่บนเตียง หร

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 12

    หลงจ่านเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ มือหนึ่งถือชามข้าว อีกมือหนึ่งถือตะเกียบ มองไปยังหญิงสาวดุร้ายตรงหน้าด้วยความงุนงง สิ่งเดียวที่นางสามารถรักษาไว้ได้ก็มีเพียงชามข้าวใบนี้เท่านั้นหลงจ่านเหยียนจ้องมองไปที่หลงจ่านซิน เห็นเพียงรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นของหลงจ่านซินในชุดกระโปรงสีเขียวปักลายดอกทับทิม ใบหน้าขาวผ่องดุจไขมันแพะเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ก็ไม่อาจปกปิดความงามอันล้ำเลิศที่ติดตัวมาแต่กำเนิดได้ ในทางกลับกัน หลงจ่านเหยียนเองกลับมีใบหน้าซีดเซียว รูปร่างผอมบาง หากไม่รู้จักมาก่อนคงคิดว่านางเป็นผู้ลี้ภัยมาจากที่ไหนสักแห่งยิ่งไปกว่านั้น เสื้อผ้าที่นางสวมใส่กับเสื้อผ้าที่ตนเองสวมใส่ เนื้อผ้าช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว?หลงจ่านซินเห็นหลงจ่านเหยียนจ้องมองตนเองอย่างตกตะลึง แต่ไม่กล้าพูดอะไร ก็คิดว่านางคงกลัวแล้ว จึงรีบสาวเท้าเข้าไปหา ยกมือขึ้นหมายจะตบหน้าหลงจ่านเหยียนหรูอี้ที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้น ก็รีบเข้ามาขวางหน้าหลงจ่านเหยียนทันที ฝ่ามือที่หมายจะตบนั้นจึงลงมาที่ใบหน้าของหรูอี้ ใบหน้าของนางบวมขึ้นทันที รอยนิ้วมือทั้งห้าปรากฏชัดเจน แสดงให้เห็นว่าหลงจ่านซินออกแรงมากเพียงใด“ไสหัวไป นางบ่าว

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 13

    หยุดไปครู่หนึ่ง นางก็เหลือบมองหลงจ่านซินด้วยสายตาเย็นชาอีกครั้ง แล้วเอ่ยขึ้น “ถอดเสื้อคลุมตัวนอกของนางออก!”หลงจ่านซินได้สติกลับมา ก็เอ่ยด่าทอทันที “หลงจ่านเหยียน เจ้ามันคนชั้นต่ำ แผลหายแล้วก็ลืมเจ็บแล้วสินะ ถึงได้กล้ามาข่มเหงข้าแล้ว?”องครักษ์ทั้งสองคนเหลือบมองกูกูสอนมารยาท สีหน้าของกูกูสอนมารยาทดูไม่สู้ดีนัก หลงจ่านเหยียนผู้นี้ก็จริง ๆ ให้หน้าแล้วไม่รู้จักดี ให้ทางลงนาง นางก็ลงโทษหลงจ่านซินเพียงเล็กน้อยก็พอแล้ว กลับพูดจาโอหังจะตัดมือของนางบัดนี้ จวนแม่ทัพไม่ใช่ที่ที่ใครจะกล้าล่วงเกินได้ง่าย ๆ ไทเฮาเคยกำชับไว้แล้ว วันหน้าเมื่อรัชทายาทขึ้นครองราชย์ ยังต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากแม่ทัพหลง ดังนั้น ในฐานะข้ารับใช้ ก็ต้องช่วยเสริมบารมีให้เขาเช่นกันดังนั้น ตอนนี้นางจึงพูดกับองครักษ์ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ลากตัวลงไป ตบปากเสีย!” จากนั้น นางก็เหลือบมองเสื้อผ้าที่หลงจ่านซินสวมใส่อยู่ “ถอดเสื้อคลุมตัวนอกของนางออก มอบให้ฮองเฮา!” ทำเช่นนี้ ก็ไม่ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งองครักษ์รีบพาตัวหลงจ่านซินออกไปทันที หลงจ่านซินถูกลากตัวไป ก็ด่าทอตลอดทาง “ปล่อยข้า พวกเจ้าสองคนช่างบังอาจนัก! กล้าล่วงเกินผ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 14

    หลงฮูหยิน เย่เต๋อโหรว ฟังหลงจ่านซินร้องไห้ฟ้อง ก็โกรธจนหน้าตาบิดเบี้ยว นางสะบัดแขนเสื้อ กวาดถ้วยกระเบื้องเคลือบสีเขียวขอบทองลายดอกไม้บนโต๊ะลงกับพื้น แล้วตะคอกว่า “หลงจ่านเหยียน เจ้าช่างบังอาจนัก!”หลงจ่านซินยื่นมือลูบแก้มที่แดงและบวมช้ำ ร้องไห้พลางกล่าวขึ้น “ท่านแม่ ท่านต้องช่วยลูกล้างแค้นให้ได้นะเจ้าคะ!”นางกระทืบเท้า แล้วกัดฟันกรอด เอ่ยขึ้นด้วยความโหดเหี้ยม “ข้าจะตัดมือตัดเท้าของนางแล้วป้อนให้สุนัขกิน!”เย่เต๋อโหรวมองใบหน้าของบุตรสาวที่เต็มไปด้วยรอยนิ้วมือ รู้สึกทั้งเจ็บปวดและโกรธแค้นอย่างบอกไม่ถูก นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ นั่งลงบนเก้าอี้ แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้น แล้วเอ่ยต่อหญิงรับใช้ที่ชื่อไฉ่หลี “เจ้าพาคุณหนูรองออกไปก่อน!”“ท่านแม่ ข้าไม่ไป ท่านรีบเรียกคนไปจับตัวนางสารเลวคนนั้นมาเดี๋ยวนี้! ความแค้นนี้ข้าต้องชำระให้ได้! หลงจ่านซินเอ่ยด้วยความโมโหสีหน้าของเย่เต๋อโหรวเคร่งขรึม ตะคอกเสียงดัง “เจ้าออกไปก่อน ข้ารู้ว่าควรทำอย่างไร อย่ามาส่งเสียงโวยวายที่นี่ ทำงานใหญ่ของข้าเสียหายหมด!”หลงจ่านซินเห็นมารดาโกรธ ก็เงียบปากทันที ได้แต่ยืนเช็ดน้ำตาอยู่ข้าง ๆ ด้วยความคับแค้นใจ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 15

    เย่เต๋อโหรวรีบคุกเข่าลง จับชายแขนเสื้อของเขาไว้ แล้วเอ่ยด้วยความเศร้าโศก “วันนั้น ข้าสัญญากับจิ่วเม่ยว่าจะดูแลบุตรสาวของนางเป็นอย่างดี จ่านเหยียนในวันนี้กลายเป็นเช่นนี้ ข้าก็มีส่วนรับผิดชอบอย่างไม่อาจปฏิเสธ หากท่านแม่ทัพต้องการจะสั่งสอนนาง มิสู้ข้าไปเองเสียจะดีกว่า อย่างน้อยหากคนจากวังหลวงมาเอาผิด ก็จะได้อ้างว่าเป็นความคิดของข้าเพียงผู้เดียว จะได้ไม่พาดพิงถึงท่านแม่ทัพ!”หลงฉางเทียนถอนหายใจ ยื่นมือไปพยุงเย่เต๋อโหรวขึ้น “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จักเจ้าหรือ? เจ้าบอกว่าจะไปสั่งสอนนาง ก็คงแค่พูดดุนางสองสามประโยค เจ้านี่นะ ใจอ่อนเกินไป สุดท้ายก็ต้องเสียเปรียบ!”“เสียเปรียบสักหน่อยจะเป็นไรไป? อีกอย่าง นางเป็นคนรักศักดิ์ศรี ดุนางสองสามประโยคก็หนักหนาแล้ว อีกไม่นานก็ต้องเข้าวัง มีเรื่องน้อยลงไปอีกเรื่องคงจะดีเสียกว่า!”เย่เต๋อโหรวพูดจบ ก็หันไปกำชับไฉ่หลี “ท่านแม่ทัพดื่มเหล้ามา ยังไม่รีบไปดูแลให้ท่านแม่ทัพเข้าไปพักผ่อนอีก?”หลงฉางเทียนได้ยินดังนั้น ความโกรธบนใบหน้าก็หายวับไปในทันที มุมปากแฝงไปด้วยรอยยิ้มคลุมเครือมองไปที่ไฉ่หลีไฉ่หลีหน้าแดงก่ำ ทำท่าเขินอายก่อนจะตอบรับ “เจ้าค่ะ ฮูหยิน!”หลงจ่าน

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 16

    ระหว่างทาง องครักษ์หลวงสองคนเอ่ยถามกัวกูกูอย่างแผ่วเบา “กลัวว่าจะเกิดเรื่องหรือไม่?”กัวกูกูยิ้มอย่างเยือกเย็น “คนที่จะกลัวมิใช่พวกเราหรอก!”องครักษ์หลวงสองคนไตร่ตรองถึงผลได้ผลเสียอย่างรอบคอบ ก็รู้สึกว่าที่กัวกูกูพูดก็มีเหตุผล ถึงอย่างไรก็เป็นแค่เรื่องที่ฮูหยินผู้เฒ่าต้องการจะสั่งสอนหลานสาว พวกเขาจะไปขัดขวางได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่ได้เห็นอะไร ไม่ได้รู้อะไรเลยหากจะมองในแง่ร้ายที่สุด ในวังหลวงใครจะมาสนใจหลงจ่านเหยียนกัน? ถึงอย่างไรก็เป็นแค่คนที่จะต้องตายแล้วทันทีที่กัวกูกูพาคนเข้าไปในเรือนของฮูหยินผู้เฒ่า ก็มีคนไปแจ้งเรื่องนี้ให้เย่เต๋อโหรวทราบเย่เต๋อโหรวนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเงียบ ๆ ฟังน้ำเสียงคลุมเครือชวนให้คิดไปไกลต่าง ๆ ที่ดังมาจากห้องด้านใน รับรู้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกมีดกรีดเมื่อได้ยินรายงานจากคนที่เข้ามา นางก็ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยขึ้น “พอแล้ว เจ้าออกไปเถิด!”นางเรียกหญิงรับใช้ที่ชื่อหงฮวาเข้ามา เก็บซ่อนความรังเกียจในแววตา พร้อมกับเอ่ยด้วยสีหน้าที่ดูอ่อนโยน “เจ้าเข้าไปปรนนิบัติท่านแม่ทัพในห้อง แล้วเรียกไฉ่หลีออกมา!”ไฉ่หลีเป็นคนใจดำ และพอมีฝีไม

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 17

    “ไม่จำเป็น!” เย่เต๋อโหรวกล่าวอย่างเย็นชา เหลือบมองจี๋เสียงและหรูอี้ด้วยสายตาเยือกเย็น จากนั้นก็เอ่ยกับไฉ่หลี “พวกนางสองคนปรนนิบัติจ่านเหยียนได้แค่วันเดียว แต่กลับมีความจงรักภักดีอย่างมาก พาออกไปรับรางวัลเถิด!”“บ่าวมิกล้ารับความดีความชอบ การปรนนิบัตินายเป็นหน้าที่ของบ่าวอยู่แล้วเจ้าค่ะ!” จี๋เสียงและหรูอี้กล่าวพร้อมกันไฉ่หลีเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าดุร้าย “ฮูหยินบอกจะให้รางวัลพวกเจ้า พวกเจ้ามีสิทธิ์ปฏิเสธที่ไหนกัน?” พูดจบก็คว้าแขนทั้งสองคนแล้วลากออกไปข้างนอกนอกประตู ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะที่น่ากลัวของไฉ่หลี “พวกเจ้าจงรักภักดีขนาดนี้ เช่นนั้นก็รับบาปแทนเจ้านายของพวกเจ้าสักหน่อยเถอะ!”เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองดังขึ้น เย่เต๋อโหรวยิ้มอย่างโหดเหี้ยม เปิดม่านขึ้น จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปในห้องนอนภายในห้องนอนมืดสนิท ไม่มีแสงสว่างแม้แต่น้อย ความเงียบสงัดปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของหลงจ่านเหยียนดังขึ้นอย่างต่อเนื่องนางหัวเราะเยาะ ใกล้จะตายแล้วยังนอนหลับสนิทได้อีกหรือ? นางจะไม่ปล่อยให้ได้อยู่อย่างสงบสุขแน่นางเดินไปตามทิศทางของเตียง แต่เพิ่งจะก้าวออกไปได้ก้าวเดีย

Latest chapter

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 176

    กาสุราสำริดตกลงพื้นดัง ‘เคล้ง’ แล้วหมุนเป็นวงบนพื้นเย็นเฉียบสองรอบ ก่อนจะหยุดอยู่ข้างเท้าของฮองเฮาเหลียงกุ้ยเหรินมองนางอย่างสงบ ทันใดนั้นหว่างคิ้วกระตุกขึ้นมาอย่างรุนแรง องคาพยพย่นยู่เข้าด้วยกันด้วยความทรมาน นางเอามือไปกดท้องตามจิตใต้สำนึก จากนั้นก็ค่อย ๆ ย่อตัวต่ำลง ก่อนจะล้มลงกับพื้นดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ บนใบหน้ามีความทรมานและความตื่นตระหนกหวาดกลัว น้อยคนนักที่จะเผชิญหน้ากับความตายที่กำลังจะมาถึงซึ่งหน้านางใช้มือหนึ่งดึงข้อเท้าของฮองเฮา และเอ่ยอย่างเจ็บปวด “ฮองเฮา ทรงตรัสแล้วว่า จะไม่ทำให้ครอบครัวหม่อมฉันลำบากใจ...”เลือกสดทะลักออกมาจากปากของนางที่ยังกล่าวไม่จบทีละคำ ๆ นางตัวกระตุก ยังไม่ทันกล่าวจบก็กรีดร้องด้วยความทุกข์ทนแสนสาหัสฮองเฮามองนางด้วยสีหน้าเย็นชา นางขยับเท้าออกเบา ๆ ไม่ได้พูด ทว่ามีความสาแก่ใจปราดผ่านเข้ามาในดวงตาไม่ว่าผู้ใดนางก็เสียสละได้ เป้าหมายคือเพื่อปกป้องตำแหน่งฮองเฮาของนางสกุลถงเป็นฮองเฮาสามชั่วอายุคน นางจะให้ตำแหน่งของตัวเองสั่นคลอนไม่ได้แม้แต่น้อยนางจ้องมองเหลียงกุ้ยเหรินอยู่อย่างนี้ กระทั่งอีกฝ่ายเปลี่ยนจากตัวกระตุกเป็นเกร็งทื่อทีละน้อ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 175

    “ถูกต้องแล้วเพคะ ใต้เท้าเหลียงทำงานเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของถงจื่อหยา” จิ้นหรูเอ่ยจ่านเหยียนหัวเราะ “อื่ม ดีมาก!”“ได้ยินว่าพอครอบครัวใต้เท้าเหลียงทราบว่าเหลียงกุ้ยเหรินจะถูกประหารชีวิตก็เสียใจมาก เคยถวายหนังสือขอร้องต่อไทฮองไทเฮา แต่ทางไทฮองไทเฮาไม่ตอบกลับสักคำ” จิ้นหรูเพิ่งกลับถึงวันก็รู้ข่าวพวกนี้แล้ว เห็นได้ว่านางมีเส้นสายในวังมากเพียงใด“รู้แล้ว!” จ่านเหยียนยิ้ม หากคนสกุลเหลียงได้เจอกับเหลียงกุ้ยเหรินอีกครั้งจะเป็นเรื่องดีมากเพิ่งเลยยามเที่ยง ฮองเฮาก็พาคนสนิทเข้าตำหนักเย็นเหลียงกุ้ยเหรินถูกขังอยู่ในตำหนักเย็นหลายวัน ป้ำ ๆ เป๋อ ๆ ไปแล้ว ครั้นเห็นฮองเฮามาถึงก็ไม่ทำความเคารพ เพียงฉีกยิ้มหัวเราะเหอะ ๆ ๆ กับฮองเฮาฮองเฮาปรายตามองนางด้วยความรังเกียจทีหนึ่ง หากมิใช่เพราะไม่วางใจ นางจะไม่มาด้วยตัวเองหรอก“นางเหลียง เจ้ารู้ความผิดหรือไม่?” ฮองเฮาเอ่ยถามด้วยโทสะเสียงกร้าวเหลียงกุ้ยเหรินกระชากเส้นผมอยู่ในมือ ฝ่ามือของนางมีเส้นผมเพิ่มขึ้นมาหลายเส้น จากนั้นจึงหัวเราะฮี่ ๆ เอ่ย “ฮองเฮา ทรงทราบหรือไม่เพคะ? ฝ่าบาทตรัสแล้ว พระองค์โปรดผมสลวยของหม่อมฉันที่สุด”ฮองเฮาหน้าบึ้ง “เจ้าบ้าไปแล

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 174

    จ่านเหยียนประกาศกับภายนอก เนื่องจากได้รับความตกใจจากจวนจึงป่วยหนัก ช่วงพักฟื้นนี้จะไม่พบผู้ใดทั้งสิ้นนางปิดประตูตำหนักแล้วกล่าวกับจิ้นหรู “ข้าจะออกนอกวัง เจ้ารับผิดชอบเฝ้าอยู่ในตำหนัก แต่อย่าพูดเรื่องนี้กับใครเป็นอันขาด เจ้าทำเหมือนเมื่อก่อนนะ ส่งข้าวเข้ามาทุกวัน นอกจากเจ้า จี๋เสียงกับหรูอี้ ก็ห้ามไม่ให้ใครเข้ามาปรนนิบัติในตำหนัก”จิ้นหรูรีบพูด “พระองค์จะเสด็จออกไปอีกแล้วหรือ? ครั้งนี้จะไปนานเท่าใดเพคะ?”จ่านเหยียนคิดครู่หนึ่ง “นับจากวันนี้ ถ้าไม่มีเรื่องพิเศษอะไร ข้าจะไม่กลับวัง”“อะไรนะ?!” จิ้นหรูเบิกตาโพลง “พระองค์ออกไปทำอะไรกันแน่เพคะ? หากในวังมีเรื่องเร่งด่วน บ่าวจะไปตามพระองค์ได้ที่ไหน?!”จ่านเหยียนดึงให้นางนั่งลง แล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “จิ้นหรู เจ้าฟังข้านะ เวลานี้เสนาบดีกรมคลังคือถงจื่อหยา เป็นคนของสกุลถง อำนาจท้องพระคลังอยู่ในมือของคนสกุลถง เช่นนี้จะไม่เป็นผลดีต่อเซ่อเจิ้งอ๋อง แม้หลาย ๆ ครั้งจะไม่จำเป็นต้องใช้เงิน แต่เงินก็ยังต้องใช้กับหลาย ๆ เรื่อง สามทัพมิเคลื่อนเสบียงหญ้าเคลื่อนก่อน เมื่อไม่มีเงิน ก็ทำงานใหญ่ไม่ได้ ช่วงก่อนข้าออกไปตีซี้กับคุณชายสกุลใหญ่ในเมืองหลวงได้เยอ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 173

    “อื่ม!” มู่หรงฉิงเทียนนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะขานรับฮุ่ยอวิ่นตะลึงงัน แล้วจึงกล่าวอย่างทุกข์ใจเล็กน้อย “เมื่อก่อนทรมานอย่างนั้นยังผ่านมาได้ ตอนนี้...”“ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนกัน พวกเราจะผิดพลาดไม่ได้” มู่หรงฉิงเทียนเอ่ยเรียบ“ถ้าเพื่อระงับความเจ็บปวด ข้าสามารถไปหาให้ท่านได้ แต่... ถ้าเพื่อให้สติแจ่มชัดอยู่เสมอ นั่นไม่จำเป็น ข้าเคยบอกแล้ว ตอนนี้เราจะยังไม่เคลื่อนไหว”มู่หรงฉิงเทียนมองเขา นัยน์ตาดำขลับดุจม่านราตรีเจือความร้อนรนเล็กน้อย “ฮุ่ยอวิ่น เจ้าไม่เข้าใจ ตอนนี้ข้าถอยไม่ได้แล้ว หากมิใช่เขาตาย ก็คือแคว้นต้าโจวเปลี่ยนผู้ปกครอง ทางออกเดียวของเราก็คือการทุ่มสุดตัว”ฮุ่ยอวิ่นนิ่งงันครู่หนึ่ง “เอาไว้ข้าหาหลงอู่เจอแล้วค่อยว่ากัน”มู่หรงฉิงเทียนมองเขาด้วยความผิดหวัง “ฮุ่ยอวิ่น เมื่อก่อนเจ้าไม่ลังเลเช่นนี้นี่”ฮุ่ยอวิ่นช้อนตาขึ้นพรึบมองเขา มองเขานิ่ง ๆ แล้วเอ่ยด้วยอารมณ์รุนแรงเล็กน้อย “ข้าเคยบอกแล้ว นอกจากท่านกับอาหญิง ไม่ว่าเรื่องใดก็ไม่สำคัญ ท่านไม่เข้าใจหรือ? ข้าเหลือพวกท่านเป็นญาติเพียงสองคนแล้ว!”ท้ายน้ำเสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อย สะอื้นปนความเจ็บปวดใจการที่คนคนหนึ่งมีชีวิตอย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 172

    ฉีชินอ๋องเอ่ย “ได้ ประเดี๋ยวข้าจะเข้าวัง”“ฟางจี้จื่อเอาวิญญาณมังกรไปกำจัดปีศาจที่ไหนหรือ?” มู่หรงฉิงเทียนถามฮุ่ยอวิ่นฮุ่ยอวิ่นตอบ “จวนตระกูลหลง เขาบอกว่าปีศาจจิ้งจอกสิงร่างหลงจ่านเหยียน ปีศาจจิ้งจอกถูกกำจัดไปแล้ว แต่วิญญาณมังกรก็กลายเป็นผุยผงไปแล้วเหมือนกัน”ทันใดนั้นสายตาเย็นชาคมกริบของมู่หรงฉิงเทียนก็ตกอยู่บนใบหน้าของฮุ่ยอวิ่น “เช่นนั้น... หลงจ่านเหยียนตายแล้วหรือ?”ฉีชินอ๋องตอบแทน “ยัง แต่นิสัยคงกลับไปเป็นหลงจ่านเหยียนที่ขี้ขลาดคนก่อนแล้ว”มู่หรงฉิงเทียนเงียบงัน สายตากลับเย็นชามากขึ้น“เทียน พระอาจารย์เป่ากวงบอกว่าทุกคืนเจ้าจะถูกไอหยินแว้งกัด...”มู่หรงฉิงเทียนขัดคำพูดของเขา “ข้ารู้ ก็เหมือนกับตอนแรก ข้าทนได้” แต่นึกถึงความทรมานปอดฉีกหัวใจแหลกลาญแบบนั้นแล้ว เขายังสั่นขึ้นมาเล็กน้อย“พระอาจารย์เป่ากวงบอกว่าหลงอู่ช่วยท่านได้ ข้าต้องตามตัวหลงอู่มาได้แน่” ฮุ่ยอวิ่นพูดอย่างปวดใจเล็กน้อยมู่หรงฉิงเทียนหัวเราะเสียงเย็น “ช่างเถอะ อย่าฝืนเลย คุณชายอายุน้อยคนหนึ่ง ไม่เห็นจะมีความสามารถเช่นนี้”สมควรจบลงแล้ว แม้จะไม่ใช่เวลา แต่การอยู่ด้วยร่างที่ตายไปแล้วเช่นนี้ ช่างทำให้เขาผิดหวังจ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 171

    ฮุ่ยอวิ่นถามอย่างร้อนใจ “พระอาจารย์ เป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”พระอาจารย์เป่ากวงตอบเสียงเบา “อย่าเสียงดัง ท่านอ๋องเพิ่งฟื้น รอให้เขารวบรวมพลังสักหน่อยแล้วค่อยเข้าไป”“ได้ เช่นนี้ตอนนี้เขาปลอดภัยแล้วใช่หรือไม่” ฉีชินอ๋องถามพระอาจารย์เป่ากวงส่ายหน้า เอามือเช็ดเม็ดเหงื่อบนหน้าผาก “หากยังไม่มีใครช่วยเขาในหนึ่งเดือน อาตมาก็จนหนทางแล้ว”ฮุ่ยอวิ่นชายตามองเขา “พระอาจารย์ ข้าขอร้องท่านเรื่องหนึ่ง”“อาตมารู้ คุณชายวางใจเถอะ อาตมาจะไม่แพร่งพรายออกไปอย่างแน่นอน” พระอาจารย์เป่ากวงรับประกัน“เช่นนั้นก็ดี!” ฮุ่ยอวิ่นพยักหน้า สีหน้าเจ็บปวดหนักใจเล็กน้อยแม้เวลานี้จะไม่ใช่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ แต่ยามนี้ขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งราชสำนักมีหลาย ๆ คนที่เข้าร่วมกับท่านอ๋องแล้ว มีกำลังเพียงพอจะต้านทานสกุลถง ขาดอีกก้าวเดียว ต้องการแค่เงินทุนที่เพียงพอก็จะถอนรากถอนโคนราชครูถงได้แล้ว กลับมาเกิดข้อผิดพลาดในตอนนี้ หากภายนอกรู้ เกรงแต่คนที่ยังไม่มั่นคงกับจุดยืนจะหันไปเข้ากับอีกฝ่าย“แม้เวลานี้ท่านอ๋องจะปลอดภัย แต่ทุกคืนเมื่อถึงยามโฉ่ว ช่วงสองชั่วยามนี้ไอของจันทร์หยินจะรุนแรงที่สุด เขาจะทรมานมาก” พระอาจารย์เป่ากวงเอ่ย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 170

    ฮุ่ยอวิ่นมีกะจิตกะใจคิดเรื่องนี้ที่ไหนกัน แต่ในเมื่อฉีชินอ๋องหลงเอ่ยถึง เขาจึงคิดสักหน่อยแล้วตอบว่า “กล่าวตามตรง ไทเฮาต่างจากจ่านเหยียนที่พวกเรารู้มาเมื่อก่อนหน้านี้มาก บางทีนางอาจเป็นปีศาจจริง ๆ ก็ได้”“แต่... ปีศาจจิ้งจอกถูกกำจัดแล้ว” ฉีชินอ๋องต้องฮุ่ยอวิ่นตาเขม็ง“อื่ม!” ฮุ่ยอวิ่นพยักหน้า“แต่... แน่ใจหรือว่ามีปีศาจจิ้งจอก? เรื่องนี้จะเหลวไหลเกินไปแล้ว”ฮุ่ยอวิ่นนิ่งงันครู่หนึ่ง “โลกกว้างใหญ่ไพศาล มีเรื่องอัศจรรย์มากมาย สิ่งที่พวกเราไม่รู้ ไม่หมายถึงว่าไม่มีอยู่จริง”ฉีชินอ๋องหดหู่ใจ “หากยึดตามการพูดของเจ้า เช่นนั้นก็คือมีปีศาจจิ้งจอกอยู่จริง ๆ ยามนี้ปีศาจจิ้งจอกถูกกำจัดแล้ว เช่นนั้นหลงจ่านเหยียนจะกลับไปเป็นลูกอนุที่ขี้ขลาดเหมือนมุสิกเช่นเมื่อก่อนนี้หรือไม่?”“ก็เป็นไปได้!” ฮุ่ยอวิ่นตอบแบบใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว บางทีนี่อาจเป็นเรื่องดี อย่างน้อยก็ควบคุมง่ายไทเฮาที่เขารู้จักในเวลานี้ปราดเปรื่องเกินไป จิตใจล้ำลึกเกินไป แม้จะมีด้านดีอยู่ กลับไม่สามารถใช้ประโยชน์จากนางได้ง่ายแต่การพูดเรื่องพวกนี้ในเวลาเช่นนี้จะมีความหมายอันใด? หากพี่ชายเกิดเรื่อง แผนการทุกอย่างก็จบสิ้นลงแล้ว

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 169

    เขาไม่กล้าเปิดเผยตัวตนของจ่านเหยียน แต่เขารู้สึกว่าที่จ่านเหยียนปรากฏตัวในเมืองหลวงด้วยอีกตัวตนหนึ่ง จะต้องมีเหตุผลแน่ บางที... นางอาจยอมช่วยมู่หรงฉิงเทียนด้วยตัวตนหลงอู่ก็เป็นได้“แค่ ‘อาจจะ’? มิใช่ ‘แน่นอน’ หรือ? เช่นนั้นท่านนั้นที่ท่านบอกเมื่อครู่คือใคร?” ฮุ่ยอวิ่นถามต่อ“ไม่จำเป็นต้องพิจารณาท่านนั้นแล้ว” พระอาจารย์เป่ากวงเอ่ย“หัวใจคนทำจากเนื้อ เชื่อว่าไม่มีผู้ใดที่หนักแน่นดั่งหินผา” ฮุ่ยอวิ่นเอยพระอาจารย์เป่ากวงส่ายหน้า “คนผู้นี้หากอยู่บนโลกมนุษย์ก็มีอายุถึงสามร้อยปีแล้ว มีอายุมากกว่าอาตมา อาตมาได้ยินว่าบรรพบุรุษของคุณชายหลงอู่มีความเชื่อมโยงกับเขาอยู่บ้าง อีกทั้งคุณชายหลงอู่ยังเชี่ยวชาญศาสตร์นี้ ดังนั้นอาตมาขอเสนอให้คุณชายรีบตามหาเขาเถอะ”“อายุสามร้อยกว่าปี?” ฉีชินอ๋องสบตากับฮุ่ยอวิ่น ในดวงตามีความผิดหวังอยู่ลึก ๆ อายุสามร้อยกว่าปี นั่นยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ที่ไหน? กลัวแต่ไปเกิดใหม่นานแล้ว“ข้าเคยได้ยินคุณชายหลงอู่มาก่อน แต่เขามิใช่พวกเสเพลหรอกหรือ? พระอาจารย์แน่ใจหรือว่าเขาเชื่อถือได้?” ฮุ่ยอวิ่นถาม“อย่าได้ดูถูกคนที่ภายนอกสนุกสนานร่าเริง บางทีพวกเขาอาจจะคมในฝัก ใช้อีกโฉ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 168

    ฮุ่ยอวิ่นปรึกษาหารือการรับมือกับฉีชินอ๋องในจวน เวลานี้ไม่ว่าเรื่องใดก็ไม่สำคัญแล้ว ที่สำคัญคือต้องทำอย่างไรจึงจะรักษาชีวิตของมู่หรงฉิงเทียนได้“ไปเชิญพระอาจารย์เป่ากวงมา!” ฮุ่ยอวิ่นสั่งกับอาซิ่นอาซิ่นขานรับก็ออกจากเรือน พร้อมปิดล้อมเรือนหลิงอวิ๋นซึ่งเป็นที่พักของมู่หรงฉิงเทียนเอาไว้จะให้เรื่องที่ท่านอ๋องเกิดเรื่องแพร่งพรายออกไปไม่ได้เด็ดขาด“นี่จะทำอย่างไรดี?” ฉีชินอ๋องจนหนทางแล้วเหมือนกัน ครั้นเห็นคนนอนหมดสติอยู่บนเตียง หัวใจของเขาก็ราวกับมีมีดกรีด หลายปีก่อนเขาเคยสูญเสียเสด็จพี่ไปหนหนึ่งแล้ว ตอนนี้จะต้องเกิดเรื่องซ้ำสองอีกหรือ?ไม่ ลำบากนักกว่าเขาจะรอดต่อไปได้“ลองถามพระอาจารย์เป่ากวงก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ” ฮุ่ยอวิ่นเอ่ยด้วยความกังวล“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้?” ฉีชินอ๋องถามฮุ่ยอวิ่นฮุ่ยอวิ่นเล่าเรื่องรอบหนึ่ง ก่อนจะกัดฟันเอ่ยว่า “หากรู้ว่าฟางจี้จื่อนั่นจะเชื่อถือไม่ได้เช่นนี้ พูดอย่างไรข้าก็ไม่เห็นด้วยให้ยืนวิญญาณมังกรไปเด็ดขาด!”“เขาไปกำจัดปีศาจที่ไหน?” ฉีชินอ๋องเอ่ย“ตอนที่เขาไป ข้าสั่งให้คนสะกดรอยตามเขา เขาเข้าจวนตระกูลหลง ภายหลังได้ยินว่าปีศาจจิ้งจอกเข้าสิงร่างไทเฮา กำจั

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status