“แต่ซูอี้นั่นเป็นคนโหดร้ายป่าเถื่อนเพียงไร? หม่อมฉันได้ยินว่าคนที่เข้าคุกทักษิณ โดยมากแล้วล้วนถูกทรมานจนยอมรับผิด” ฮองเฮาซอยเท้าตามไปพูด“อ้อ? ดูท่าฮองเฮาจะสนใจเรื่องของราชสำนักมากนะ!” มู่หรงเจี้ยนเอ่ยชืด ๆฮองเฮาชะงักงัน ดวงหน้าสะสวยเผยความหวาดกลัวเล็กน้อย “หม่อมฉันก็แค่ได้ยินคนพูดมาเพคะ มิได้รู้ชัดเจน”“ในเมื่อไม่รู้ชัดเจนก็อย่าพูดจาเลื่อนเปื้อน เซ่อเจิ้งอ๋องเป็นผู้ก่อตั้งคุกทักษิณด้วยตนเอง พิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมเสมอมา ไม่ปรักปรำผู้ใดเด็ดขาด” พอมู่หรงเจี้ยนนั่งลงบนตั่งก็มีนางกำนัลยื่นผ้าขนหนูร้อนมาให้เขาหยิบมาเช็ดมือแล้วโยนกลับลงใส่กะละมัง เหล่มองฮองเฮาทีหนึ่ง “ฮองเฮามิจำเป็นต้องกังวล เราเชื่อท่านพ่อตา เขาจะไม่สมคบคิดยักยอกเงินกับกรมโยธาเด็ดขาด การพิจารณาคดีนี้ก็เพื่อคืนความบริสุทธิ์ให้เขาเท่านั้น”ฮองเฮาลังเลครู่หนึ่ง เอ่ย “เกรงแต่คนในคุกทักษิณเหล่านั้นจะลงทัณฑ์ให้รับสารภาพ จะได้ไขคดีสร้างผลงานโดยเร็ว เช่นนั้นท่านพ่อมิต้องถูกปรักปรำหรือเพคะ?” มู่หรงเจี้ยนเริ่มเคือง “เลอะเทอะ! เราบอกแล้ว คนของคุกทักษิณทำงานอย่างเป็นธรรม แล้วจะลงทัณฑ์ให้รับสารภาพได้อย่างไร? หากพิจารณาคดีนี้ไม
มู่หรงเจี้ยนก็ไม่มีโทสะ สีหน้างุนงงเล็กน้อย “เราคิดว่าฮองเฮาต้องตกลง”“ไม่ ไม่เด็ดขาดเพคะ ใครก็ได้หมด มีแต่นางที่ไม่ได้!” ฮองเฮาพูดอย่างตะบึงตะบอน นางคิดอย่างไร้เดียงสาว่าที่มู่หรงเจี้ยนต้องการให้นางรับปากเรื่องการแต่งตั้งหยวนผินเป็นหยวนกุ้ยเฟย เพราะเคารพความคิดเห็นของนางแต่... คำพูดต่อมากลับทำให้นางหน้าซีดเผือดฉับพลัน“ตามกฎมณเฑียรบาล การแต่งตั้งนางสนม จำเป็นต้องให้ฮองเฮาจัดการเรื่องพิธี หากฮองเฮาไม่เห็นด้วย เช่นนั้น เราก็ไม่มีทางอื่นแล้ว ได้แต่เปลี่ยนฮองเฮาเสีย”เขาพูดจบก็เดินจากไปอย่างสง่างามแบบกระทั่งไม่เหลียวแลนางสักสายตาความราบเรียบสง่างามเช่นนี้ ในสายตาของฮองเฮา คือความน่าชังถึงที่สุดนางสั่นเทาไปทั้งตัว หัวสมองว่างเปล่า คำพูดนี้ ต่อให้ตายนางก็ไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้เขาจะไม่โปรดปรานนางที่สุด แต่ความเคารพและสถานะที่ควรมีก็มอบให้นางเต็มที่เวลานี้ เพียงเพราะการคัดค้านคำเดียว เขาก็พูดเรื่องปลดฮองเฮาออกมาอย่างง่ายดายเช่นนี้แล้วนางโกรธ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่หวาดกลัว ไม่ตื่นตระหนก เพราะนางรู้ว่าการปลดฮองเฮาเป็นเพียงการพูดไปอย่างนั้น มีไทฮองไทเฮาและถงไทเฮาอ
นางนวดศีรษะ “อาไฉ่ ไปตามฮองเฮามา”นางกำนัลรับคำแล้วจึงออกไปผ่านไปครึ่งชั่วยาม ฮองเฮาจึงร้องห่มร้องไห้มาถึง พอเห็นถงไทเฮาก็ถลาเข้ามาคุกเข่ากับพื้น “อาหญิง ครั้งนี้ท่านต้องช่วยหลานนะเจ้าคะ”ถงไทเฮานั่งจ้องนางอยู่บนเก้าอี้ “เจ้าทำอะไรมาอีก? ทำจนฮ่องเต้กริ้วอย่างนั้น ขืนเจ้ายังไม่หยุดมือ ข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว” ฮองเฮาเอ่ยอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “หลานไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นนะเจ้าคะ วันนี้ตั้งใจสั่งให้คนทำอาหารรสเลิศ คิดจะสนทนากับฝ่าบาทดี ๆ ใครจะรู้ เขากลับจะไปหาหยวนผิน แล้วยังบอกว่าจะคืนตำแหน่งหยวนผิน หลานพูดไปแค่ไม่กี่คำ เขาถึงกลับบอกว่าจะเลื่อนตำแหน่งนางให้เป็นกุ้ยเฟยอีก นี่มิเท่ากับฉีกหน้าหลานชัด ๆ หรือเจ้าคะ”ถงไทเฮาถอนหายใจทีหนึ่ง สั่งให้คนประคองนางลุกขึ้นมาแล้วตักเตือนดี ๆ “เขาต้องรู้เรื่องเรื่องที่เจ้าปรักปรำหยวนผินครั้งก่อนแน่ เขาไม่ได้เอาผิดเจ้าก็แล้วไป ตอนนี้เขาต้องการเลื่อนตำแหน่งหยวนผิน เจ้าก็ให้เขาเลื่อนไปสิ จะขัดขวางเขาทำไม? อย่างไรเขาก็คือโอรสสวรรค์ มิอาจให้ผู้ใดท้าทายศักดิ์ศรีได้”“นางถือดีอย่างไร? นางไม่มีลูก บ้านมารดาก็ไม่ได้มีความดีความชอบอะไรพิเศษ แล้วเหตุใดบอกว่าจะเลื
ฮองเฮาส่ายหน้า “ไม่ ซูอี้จะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร เขาไม่กลัวว่า...” ความกลัวเริ่มปกคลุมใบหน้าของนาง และไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย“ถ้าเจ้ายังอยากรักษาชีวิตพ่อของเจ้าเอาไว้ ก็ไปหาฮ่องเต้” ถงไทเฮากล่าวอย่างแค้นที่เหล็กไม่เป็นเหล็กกล้าเทียบกับสมัยก่อน ถงไทเฮาเติบโตและรู้ความมากแล้ว เมื่อก่อนนางไม่เข้าใจ เหตุใดเสด็จแม่จึงไม่เข้าใจนาง เหตุใดมักให้นางทำเรื่องที่ลำบากใจ บัดนี้นางรู้แล้ว มีเพียงให้ตัวเองลำบาก สกุลถงจึงจะมั่นคงในใจของคนสกุลถง ชื่อเสียงและความมั่นคงของวงศ์ตระกูลสำคัญที่สุดเสมอ นางรู้ว่าตอนนี้ถงเหยียนยังไม่ตระหนักในจุดนี้ แต่นางจะเข้าใจในไม่ช้าก็เร็ว ความน้อยเนื้อต่ำใจในเวลานี้นับเป็นอันใด? ภายภาคหน้ายามสกุลถงกับสกุลมู่หรงแบ่งใต้ฟ้า นางจะรู้ว่าความอยุติธรรมทั้งหลายที่ได้รับในวันนี้คุ้มค่าดวงหน้าไฉไลของฮองเฮาประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว ที่เจืออยู่ในดวงตาคือน้ำตาแห่งความน้อยใจ “เหตุใดต้องให้ข้าไปช่วยด้วยเจ้าคะ? ท่านสั่งคำเดียวก็ได้แล้วนี่ กลับต้องให้ข้าวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้”ถงไทเฮานวดศีรษะ รู้สึกว่าความอึดอัดสายหนึ่งพุ่งขึ้นสมอง นางอยากระเบิดอารมณ์ แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้าและเอ
“ลูกไม่ยอม!” ณ โถงประชุมภายในจวนแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่มีผู้คนจำนวนมากนั่งอยู่อย่างพร้อมหน้า แม่ทัพหลงซึ่งสวมเสื้อคลุมยาวผ้าไหมปักลายเหยี่ยวเหินฟ้ากำลังนั่งอย่างสง่าผ่าเผยอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือ ท่าทางทรงพลังอำนาจน่าเกรงขาม ที่นั่งข้างกายของเขาคือหลงฮูหยิน ภรรยาโฉมงามซึ่งสวมชุดคลุมผ้าแพรต่วนสีเขียวปักลายบุปผาสีสันแพรวพราว ทว่าดวงหน้าและแววตาของหลงฮูหยินกลับเจือด้วยความกังวล และกำลังจ้องมองหลงจ่านเหยียนผู้ซึ่งกำลังคุกเข่าตัวสั่นเทิ้มอยู่บนพื้นด้วยสายตาเดียวกับแม่ทัพหลง ภายในโถงประชุม ยังมีผู้อาวุโสที่อายุมากแล้วอีกสองท่านและดรุณีซึ่งสวมอาภรณ์หรูหราด้วยอีกหลายท่าน ไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียงออกมา สีหน้าแววตามีแต่ความมืดครึ้มและขุ่นเคืองอย่างถึงที่สุด ทว่าภายใต้ความกดดันของทุกคน คำว่า ‘ลูกไม่ยอม’ ของหลงจ่านเหยียน ช่างดูอ่อนแอไร้พลังเสียนี่กระไร? หลงฮูหยินละสายตา ก่อนจะผุดยิ้มบาง ๆ ตรงมุมปากและกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่นนุ่มนวลอย่างถึงที่สุด “จ่านเหยียน ฝ่าบาทมีพระราชโองการแต่งตั้งเจ้าเป็นฮองเฮา นี่เป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นของฝ่าบาท เจ้ามีหน้าที่แค่ซาบซึ้งในน้ำพระทัยของฝ่าบาทและน้อมนำคำสั่ง
ภาพที่น่าสังเวชเช่นนี้ มิอาจทำให้แม่ทัพหลงรู้สึกสะทกสะท้านได้เลยแม้แต่น้อย หว่างคิ้วของเขาปรากฏความฉุนเฉียวและหงุดหงิด หากว่านางยังไม่ตอบรับคำอีก เกรงว่าในวังจะต้องเอาผิดแน่ ฮองเฮาพระองค์ใหม่เสด็จเข้าวังหลวง จะร่ำไห้คร่ำครวญไปตลอดทางมิได้ หลงฮูหยินยื่นมือไปกุมมือของแม่ทัพหลงไว้ แววตาฉายประกายเหลืออดเกินทน “ท่านแม่ทัพ มิสู้ ให้นางกลับไปก่อน คืนนี้ข้าจะไปคุยกับนางดี ๆ เองเจ้าค่ะ!” แม่ทัพหลงรู้ดีว่าฮูหยินเป็นคนจิตใจดีมีเมตตา ทนเห็นการลงโทษที่โหดร้ายทารุณเช่นนี้ไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นนับแต่เมื่อคืนจนถึงบัดนี้ ทนทรมานมาแล้วหนึ่งคืน แต่ยังไม่เห็นวี่แววว่าเจ้าบุตรีดื้อด้านผู้นั้นจะยอมโอนอ่อนผ่อนตาม ดูเหมือนว่าไม้แข็งจะใช้ไม่ได้ผล ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยขึ้นว่า “เอาตามนั้นเถิด เจ้าไปคุยกับนางแล้วกัน!” พูดจบ ก็โบกมือ ก่อนจะชำเลืองมองหลงจ่านเหยียนอย่างรังเกียจเดียดฉันท์ และออกคำสั่งว่า “พาตัวนางกลับไป!” หลงจ่านเหยียนแขนขาหมดเรี่ยวแรงทิ้งตัวกองไปกับพื้นเนื้อตัวสั่นเทิ้ม ทั้งสิบนิ้วเจ็บปวดมาถึงหัวใจ สำหรับนาง มันชินชาไปแล้ว บ้านหลังนี้ นางก็เป็นแค่สุนัขตัวหนึ่งที่มาขออาศัย ถูกเจ้าของ
ศีรษะของนางโน้มไปด้านหน้าเล็กน้อย ดวงตาฉายแววสะใจและบ้าคลั่ง กดเสียงลงต่ำ ราวกับนั่นเป็นเสียงปีศาจที่ลอดผ่านออกมาจากในลำคอ ทั้งที่ถ้อยคำโหดเหี้ยมอำมหิตปานนั้นแต่กลับเอ่ยอย่างเรียบง่าย “นางถูกกดหัวลงไปในถังปฏิกูล จนสำลักตาย หลังจากตาย ข้าก็ยัดยันต์คาถาข้าวเหนียวและตะปูเข้าไปในปากของนาง จากนั้นค่อยตัดแขนขาทั้งสี่ของนาง และส่งนางไปเฝ้าท่านพญายมในปรโลก ในสภาพที่ร้องทุกข์ไม่ได้ จะชาติภพไหน ก็ไม่มีทางกลับมาเกิดเป็นคนได้อีก!” หลงจ่านเหยียนพลันเงยหน้าขึ้นทันใด นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงและเสียขวัญ ทั่วร่างสั่นเทิ้มอย่างรุนแรงโดยไม่อาจควบคุม น้ำเสียงโกรธแค้นทะลุผ่านความขลาดกลัวในโพรงปาก “เหตุใด…ท่านถึงชั่วร้ายอำมหิตเพียงนี้?” หลงฮูหยินนั่งตัวตรง ก่อนผุดยิ้มออกมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “อำมหิตหรือ? ไม่นับว่าใช่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่เจ้าต้องถูกฝังศพสังเวยชีวิตหลังได้รับแต่งตั้งเป็นฮองเฮา เป็นการจัดการของบิดาเจ้าเพียงผู้เดียว? อย่าหาว่าพวกข้าใจดำอำมหิตเลย หากจะโทษก็ไปโทษมารดาแท้ ๆ ของเจ้าเถิดที่เกิดมาต่ำต้อย กลับมีใจทะเยอทะยานอยากเป็นเจ้านาย บิดาเจ้าก็ใช่ว่าจะเอาเปรียบเจ้า ให้เจ้าได้ตายในนามของ
หลงจ่านเหยียนคว่ำคันฉ่องลงกับหน้าโต๊ะ ความทรงจำส่วนหนึ่งของเจ้าของร่างเดิมปรากฏขึ้นในความคิด ก่อนเจ้าของร่างเดิมจะจากไป ความเคียดแค้นอาฆาตพุ่งทะยานขึ้นถึงฟ้า นางเอ่ยขึ้นนิ่ง ๆ “ข้ายังมิได้รับปากเข้าวัง!” ไฉ่หลีเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ฮูหยินกล่าวว่า เรื่องนี้เจ้ามิได้เป็นผู้ตัดสิน มีราชโองการลงมาแล้ว หากเจ้าขัดขืนราชโองการ ชีวิตคงดับอนาถยิ่งกว่าถูกฝังทั้งเป็น ไม่เพียงเท่านี้ แม้แต่ครอบครัวของมารดาต่ำต้อยผู้นั้นของเจ้า ก็จะต้องถูกฝังศพสังเวยชีวิตไปพร้อมกับเจ้าเช่นกัน!” หลงจ่านเหยียนเอ่ยอย่างใช้ความคิด “พูดอีกอย่าง ข้าจำเป็นต้องตอบรับใช่หรือไม่?” ไฉ่หลีเอ่ยอย่างดูแคลน “คุณหนูใหญ่รู้จักว่าง่ายเร็วแบบนี้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องทนทุกข์มากมายเพียงนั้นอีก!” พูดจบ ก็หมุนตัวกลับอย่างเย็นชา เตรียมจะเดินออกไป ทว่าหลงจ่านเหยียนตะโกนเรียกนางไว้ก่อน “แล้วท่านแม่ทัพเล่า?” “เวลานี้ท่านแม่ทัพอยู่ที่โถงหลัก กำลังหารือกับฮูหยินถึงกิจธุระต่าง ๆ ที่จะต้องเตรียมให้เจ้าเข้าวัง ในเมื่อเจ้าต้องแต่งเข้าวังหลวง ฉะนั้นจะให้สินติดตัวของเจ้ามีน้อยนิดย่อมไม่ได้เด็ดขาด คุณหนูใหญ่มีวาสนาแล้ว!” พูดจบ ก็แสยะยิ้มอย่
ฮองเฮาส่ายหน้า “ไม่ ซูอี้จะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร เขาไม่กลัวว่า...” ความกลัวเริ่มปกคลุมใบหน้าของนาง และไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย“ถ้าเจ้ายังอยากรักษาชีวิตพ่อของเจ้าเอาไว้ ก็ไปหาฮ่องเต้” ถงไทเฮากล่าวอย่างแค้นที่เหล็กไม่เป็นเหล็กกล้าเทียบกับสมัยก่อน ถงไทเฮาเติบโตและรู้ความมากแล้ว เมื่อก่อนนางไม่เข้าใจ เหตุใดเสด็จแม่จึงไม่เข้าใจนาง เหตุใดมักให้นางทำเรื่องที่ลำบากใจ บัดนี้นางรู้แล้ว มีเพียงให้ตัวเองลำบาก สกุลถงจึงจะมั่นคงในใจของคนสกุลถง ชื่อเสียงและความมั่นคงของวงศ์ตระกูลสำคัญที่สุดเสมอ นางรู้ว่าตอนนี้ถงเหยียนยังไม่ตระหนักในจุดนี้ แต่นางจะเข้าใจในไม่ช้าก็เร็ว ความน้อยเนื้อต่ำใจในเวลานี้นับเป็นอันใด? ภายภาคหน้ายามสกุลถงกับสกุลมู่หรงแบ่งใต้ฟ้า นางจะรู้ว่าความอยุติธรรมทั้งหลายที่ได้รับในวันนี้คุ้มค่าดวงหน้าไฉไลของฮองเฮาประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว ที่เจืออยู่ในดวงตาคือน้ำตาแห่งความน้อยใจ “เหตุใดต้องให้ข้าไปช่วยด้วยเจ้าคะ? ท่านสั่งคำเดียวก็ได้แล้วนี่ กลับต้องให้ข้าวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้”ถงไทเฮานวดศีรษะ รู้สึกว่าความอึดอัดสายหนึ่งพุ่งขึ้นสมอง นางอยากระเบิดอารมณ์ แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้าและเอ
นางนวดศีรษะ “อาไฉ่ ไปตามฮองเฮามา”นางกำนัลรับคำแล้วจึงออกไปผ่านไปครึ่งชั่วยาม ฮองเฮาจึงร้องห่มร้องไห้มาถึง พอเห็นถงไทเฮาก็ถลาเข้ามาคุกเข่ากับพื้น “อาหญิง ครั้งนี้ท่านต้องช่วยหลานนะเจ้าคะ”ถงไทเฮานั่งจ้องนางอยู่บนเก้าอี้ “เจ้าทำอะไรมาอีก? ทำจนฮ่องเต้กริ้วอย่างนั้น ขืนเจ้ายังไม่หยุดมือ ข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว” ฮองเฮาเอ่ยอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “หลานไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นนะเจ้าคะ วันนี้ตั้งใจสั่งให้คนทำอาหารรสเลิศ คิดจะสนทนากับฝ่าบาทดี ๆ ใครจะรู้ เขากลับจะไปหาหยวนผิน แล้วยังบอกว่าจะคืนตำแหน่งหยวนผิน หลานพูดไปแค่ไม่กี่คำ เขาถึงกลับบอกว่าจะเลื่อนตำแหน่งนางให้เป็นกุ้ยเฟยอีก นี่มิเท่ากับฉีกหน้าหลานชัด ๆ หรือเจ้าคะ”ถงไทเฮาถอนหายใจทีหนึ่ง สั่งให้คนประคองนางลุกขึ้นมาแล้วตักเตือนดี ๆ “เขาต้องรู้เรื่องเรื่องที่เจ้าปรักปรำหยวนผินครั้งก่อนแน่ เขาไม่ได้เอาผิดเจ้าก็แล้วไป ตอนนี้เขาต้องการเลื่อนตำแหน่งหยวนผิน เจ้าก็ให้เขาเลื่อนไปสิ จะขัดขวางเขาทำไม? อย่างไรเขาก็คือโอรสสวรรค์ มิอาจให้ผู้ใดท้าทายศักดิ์ศรีได้”“นางถือดีอย่างไร? นางไม่มีลูก บ้านมารดาก็ไม่ได้มีความดีความชอบอะไรพิเศษ แล้วเหตุใดบอกว่าจะเลื
มู่หรงเจี้ยนก็ไม่มีโทสะ สีหน้างุนงงเล็กน้อย “เราคิดว่าฮองเฮาต้องตกลง”“ไม่ ไม่เด็ดขาดเพคะ ใครก็ได้หมด มีแต่นางที่ไม่ได้!” ฮองเฮาพูดอย่างตะบึงตะบอน นางคิดอย่างไร้เดียงสาว่าที่มู่หรงเจี้ยนต้องการให้นางรับปากเรื่องการแต่งตั้งหยวนผินเป็นหยวนกุ้ยเฟย เพราะเคารพความคิดเห็นของนางแต่... คำพูดต่อมากลับทำให้นางหน้าซีดเผือดฉับพลัน“ตามกฎมณเฑียรบาล การแต่งตั้งนางสนม จำเป็นต้องให้ฮองเฮาจัดการเรื่องพิธี หากฮองเฮาไม่เห็นด้วย เช่นนั้น เราก็ไม่มีทางอื่นแล้ว ได้แต่เปลี่ยนฮองเฮาเสีย”เขาพูดจบก็เดินจากไปอย่างสง่างามแบบกระทั่งไม่เหลียวแลนางสักสายตาความราบเรียบสง่างามเช่นนี้ ในสายตาของฮองเฮา คือความน่าชังถึงที่สุดนางสั่นเทาไปทั้งตัว หัวสมองว่างเปล่า คำพูดนี้ ต่อให้ตายนางก็ไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้เขาจะไม่โปรดปรานนางที่สุด แต่ความเคารพและสถานะที่ควรมีก็มอบให้นางเต็มที่เวลานี้ เพียงเพราะการคัดค้านคำเดียว เขาก็พูดเรื่องปลดฮองเฮาออกมาอย่างง่ายดายเช่นนี้แล้วนางโกรธ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่หวาดกลัว ไม่ตื่นตระหนก เพราะนางรู้ว่าการปลดฮองเฮาเป็นเพียงการพูดไปอย่างนั้น มีไทฮองไทเฮาและถงไทเฮาอ
“แต่ซูอี้นั่นเป็นคนโหดร้ายป่าเถื่อนเพียงไร? หม่อมฉันได้ยินว่าคนที่เข้าคุกทักษิณ โดยมากแล้วล้วนถูกทรมานจนยอมรับผิด” ฮองเฮาซอยเท้าตามไปพูด“อ้อ? ดูท่าฮองเฮาจะสนใจเรื่องของราชสำนักมากนะ!” มู่หรงเจี้ยนเอ่ยชืด ๆฮองเฮาชะงักงัน ดวงหน้าสะสวยเผยความหวาดกลัวเล็กน้อย “หม่อมฉันก็แค่ได้ยินคนพูดมาเพคะ มิได้รู้ชัดเจน”“ในเมื่อไม่รู้ชัดเจนก็อย่าพูดจาเลื่อนเปื้อน เซ่อเจิ้งอ๋องเป็นผู้ก่อตั้งคุกทักษิณด้วยตนเอง พิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมเสมอมา ไม่ปรักปรำผู้ใดเด็ดขาด” พอมู่หรงเจี้ยนนั่งลงบนตั่งก็มีนางกำนัลยื่นผ้าขนหนูร้อนมาให้เขาหยิบมาเช็ดมือแล้วโยนกลับลงใส่กะละมัง เหล่มองฮองเฮาทีหนึ่ง “ฮองเฮามิจำเป็นต้องกังวล เราเชื่อท่านพ่อตา เขาจะไม่สมคบคิดยักยอกเงินกับกรมโยธาเด็ดขาด การพิจารณาคดีนี้ก็เพื่อคืนความบริสุทธิ์ให้เขาเท่านั้น”ฮองเฮาลังเลครู่หนึ่ง เอ่ย “เกรงแต่คนในคุกทักษิณเหล่านั้นจะลงทัณฑ์ให้รับสารภาพ จะได้ไขคดีสร้างผลงานโดยเร็ว เช่นนั้นท่านพ่อมิต้องถูกปรักปรำหรือเพคะ?” มู่หรงเจี้ยนเริ่มเคือง “เลอะเทอะ! เราบอกแล้ว คนของคุกทักษิณทำงานอย่างเป็นธรรม แล้วจะลงทัณฑ์ให้รับสารภาพได้อย่างไร? หากพิจารณาคดีนี้ไม
พระอาจารย์เป่ากวงส่ายหน้า “คนผู้นี้จิตใจไม่ตรง!”“ดูอย่างไร?” ฮุ่ยอวิ่นถามพระอาจารย์เป่ากวงยิ้มจาง ๆ “คนคนหนึ่ง หากจิตใจซื่อตรง ดวงตาย่อมใส แต่เขามีความคิดมากนัก”“เช่นนั้นเขาจะรักษาโรคให้กุ้ยไท่เฟยอย่างจริงใจหรือ?” ฮุ่ยอวิ่นอดกังวลไม่ได้“เขาต้องการมีชื่อในหล้า ย่อมทุ่มเทใจรักษาโรคให้กุ้ยไท่เฟย จุดนี้วางใจได้ อีกอย่าง เขามาด้วยมีจุดประสงค์ ได้ยินว่าเขาต้องการให้ศิษย์หญิงของเขาแต่งงานกับคุณชาย”เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ดวงตาของฮุ่ยอวิ่นก็เย็นชาเล็กน้อย “ถูกต้อง เขาบอกว่าต้องการหาสามีท่านหนึ่งให้ศิษย์หญิงของเขา และข้า ก็เคราะห์ร้ายถูกเขาหมายตา”พระอาจารย์เป่ากวงหัวเราะเล็กน้อย “ขอเตือนคุณชาย การแต่งงานคือเรื่องทั้งชีวิต หากไม่ชอบ ก็อย่าได้ฝืน โลกใบนี้ เรื่องที่ฝืนมักมีจุดจบน่าอนาถเสมอ”“สำหรับข้า การแต่งภรรยามิสำคัญ แต่งกับใครก็คือแต่ง” ฮุ่ยอวิ่นกล่าวเช่นนี้ นึกถึงที่หลงอู่ทำนายให้เขา บอกว่าเขาจะได้เจอกับหญิงที่ชอบมากคนหนึ่ง จึงนึกขำไม่ได้ ไม่ ชาตินี้ไม่ ความรักชายหญิงมิเคยเป็นประเด็นสำคัญในชีวิตของเขาการหลับครั้งนี้ของจ่านเหยียนกินเวลาสามวันสามคืนเต็ม ๆสามวันนี้ราชสำนักวุ่นวา
“อาหู?” ฮุ่ยอวิ่นไม่รู้จักอาหู“อื่ม สาวใช้ของคุณชายบ้านข้าน่ะ” อาเสอเอ่ยกับเขา “ท่านก็หาที่นั่งเองเถอะ ในจวนไม่มีคนรับใช้คนอื่น พ่อบ้านใหญ่กัวกำลังดูแลคุณชายบ้านข้าอยู่”“พ่อบ้านใหญ่กัว?” ฮุ่ยอวิ่นนึกขึ้นได้ว่าข้างตัวจ่านเหยียนมีกัวอวี้เสียนอยู่คนหนึ่งอาเสอรู้ข้อสงสัยจากคำพูดของเขา เพียงแต่ตอนนี้ไม่มีเวลาจะสนใจเรื่องนี้ ถึงอย่างไรนายบ้านตัวเองก็ไม่ได้คิดร้ายกับท่านอ๋อง ต่อให้ถูกเปิดโปงก็ไม่เป็นอะไรอย่างน้อย ตอนนี้อาเสอก็คิดอย่างนี้อาเสอเคาะประตูของพระอาจารย์เป่ากวง เมื่อพระอาจารย์เป่ากวงได้ยินว่าท่านอ๋องเกิดเรื่องก็ตามฮุ่ยอวิ่นไปอย่างเร่งรีบบนรถม้า ฮุ่ยอวิ่นเล่าเรื่องทั้งหมดกับพระอาจารย์เป่ากวงพระอาจารย์เป่ากวงถอนหายใจทีหนึ่ง “ภัยพิบัตินี้ใหญ่หลวงยิ่งนัก”เขารู้ว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะฟางจี้จื่อ แต่วาสนากลั่นแกล้งคน มังกรร้ายตนนี้คงได้เวลาขึ้นสู่พิภพแล้ว ฟางจี้จื่อแค่สร้างโอกาสเท่านั้นเรื่องมาถึงขั้นนี้ มิใช่เวลาจะบ่นเมื่อถึงจวนอ๋อง มู่หรงฉิงเทียนยังหมดสติอยู่ อาซื่อบอกว่ามู่หรงฉิงเทียนกระอักเลือดสองครั้งแล้วพระอาจารย์เป่ากวงใช้มหาเวทยลหทัยตรวจมู่หรงฉิงเทียนครู่หน
“ท่านอาจารย์ เหตุใดจึงไม่ช่วยเด็กผู้หญิงนั่นล่ะเจ้าคะ?” หลังจากอาซิ่นไป เหลียนถังก็ถามเทพโอสถเทพโอสถนั่งอยู่ในห้อง แสงไฟสะท้อนใบหน้าผอมตอบของเขา สีหน้าจนใจเล็กน้อย“เจ้าไม่เข้าใจ” เทพโอสถเอ่ยเหลียนถังไม่เข้าใจจริง ๆ “ศิษย์รู้ ท่านอาจารย์มิใช่คนที่เห็นใครตายแล้วจะไม่ช่วย”“หาก ข้าเจอนางอยู่ในเขา อาจจะยื่นมือช่วยนาง แต่... ตอนนี้ไม่ได้ อย่างน้อยก็ที่นี่ไม่ได้” เทพโอสถปรายตามองนาง “เจ้าไปพักผ่อนเถอะ อย่าถามอีกเลย”เหลียนถังเคารพอาจารย์มาตลอด เห็นเขามีสีหน้าปั้นยาก คล้ายกับมีความลำบากใจจึงไม่ถามอีก “เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์ก็พักผ่อนเร็วหน่อยนะเจ้าคะ”ค่ำคืนนี้ถูกกำหนดให้ไม่สงบไม่นานมู่หรงฉิงเทียนก็ถูกส่งตัวกลับมา บ่าวไปเชิญเทพโอสถ แต่ฮุ่ยอวิ่นห้ามไว้ เขารู้ เชิญเทพโอสถไม่ได้ เพราะหัวใจของมู่หรงฉิงเทียนไม่เต้นเขาถามคนรับใช้ “คุณชายอู่กับพระอาจารย์เป่ากวงกลับมาแล้วหรือ?”“จนถึงวันนี้ยังไม่เห็นกลับมาขอรับ!” คนรับใช้ตอบ“อาซิ่นล่ะ?”“ใต้เท้าอาซิ่นก่อนหน้านี้อุ้มเด็กผู้หญิงกลับมาขอให้เทพโอสถช่วยรักษา แต่เทพโอสถปฏิเสธการรักษานาง ดังนั้นใต้เท้าอาซิ่นจึงอุ้มนางออกไปหาหมอแล้วขอรับ” คนรับใ
“ขอบคุณ!” เป็นอีกครั้งที่อาซิ่นได้ยินเรื่องหลงอู่รู้วิชาแพทย์ อยากจะถามให้ชัดเจนอีกหน่อย แต่รู้สึกว่าจะไม่จำเป็นอยู่บ้าง เพราะยาที่อีกฝ่ายผลิตขึ้นสามารถรักษาคนได้จริง คนไม่รู้วิชาแพทย์จะสามารถผลิตยาที่มีประสิทธิภาพเช่นนี้ได้หรือ? กัวอวี้สั่งอาหู “เจ้าดูแลอยู่ที่นี่ ข้าจะออกไปเดินดูสักรอบ ดูสิว่าคุณ...คุณชายไปทางสันเขื่อนหรือไม่”“ข้ารู้สึกว่าเขาคงไม่มากเรื่องเช่นนี้เช่นนี้กระมัง?” อาหูเอ่ยกัวอวี้หัวเราะด่านางคำหนึ่ง “เจ้าติดตามเขานานเท่าไร? ถึงได้รู้จักเขาดีเช่นนี้ หากเขาอยู่ในเมืองหลวงจะต้องไปแน่”กัวอวี้รู้ ความจริงจ่านเหยียนเป็นคนปากแข็งใจอ่อน ภายนอกไร้หัวใจ แต่ข้างในมิรู้ว่ามีความเมตตาการุณย์เท่าไรนางกลัวว่าฝนจะตกลงมาอีก จึงหยิบเสื้อกันฝนและร่ม คิดจะออกบ้านเพิ่งเปิดประตูก็เห็นอาเสออุ้มจ่านเหยียนเข้ามา เบื้องหลังจะมีคนตามมาด้วยอีกหลายคนกัวอวี้ตกใจจนรีบวิ่งตามไป “เกิดอะไรขึ้น?!”อาเสอตอบ “ประเดี๋ยวค่อยอธิบายกับท่าน!”อาเสออุ้มจ่านเหยียนเดินเข้าไป เนื่องจากมีคนมาก นางจึงไม่ได้อุ้มไปเรือนด้านหลังโดยตรงเพิ่งวางจ่านเหยียนลง กัวอวี้ก็ลากนางมาถาม “เกิดเรื่องอะไรขึ้น? คุณชาย
อาหูยกน้ำอุ่นเข้ามากะละมังหนึ่ง วางผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมของนางลงซัก จากนั้นก็เช็ดคราบเลือดบนใบหน้าของเด็กผู้หญิงให้สะอาดหลังจากล้างคราบเลือดสะอาด ก็เผยดวงหน้ารูปไข่ขาวเนียนงดงามดวงเล็ก ๆ อาหูเอ่ย “ลูกสาวของท่านงามมากเลยนะ”อาซิ่นหน้าแดงซ่าน “นางมิใช่ลูกสาวของข้า ข้าไม่รู้จักนาง”อาหูประหลาดใจเล็กน้อย “ท่านไม่รู้จักนาง? ท่านไม่รู้จักนางแล้วเหตุใดจึงวิตกเช่นนี้? ข้ายังนึกว่านางคือลูกสาวของท่านเสียอีก?”อาซิ่นเอ่ย “คืนนี้สันเขื่อนพังทลาย นางคือชาวบ้านที่หนีภัยพิบัติ หกล้มลงพื้นถูกฝูงชนเหยียบ ท่านอ๋องจึงสั่งให้ข้าพานางมาหาหมอ”“สันเขื่อนพังทลาย? มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?” เรือนพักของหลงอู่ตั้งอยู่บนตำแหน่งที่ค่อนข้างห่างไกล ชัยภูมิสูง ดังนั้นจึงรอดพ้นจากสถานการณ์น้ำท่วม“เจ้าไม่รู้หรือ? เรื่องนี้คงสะเทือนเลือนลั่นไปทั้งเมืองแล้ว” คราวนี้ถึงตาอาซิ่นประหลาดใจบ้าง“ข้าไม่รู้!” อาหูตอบตามตรง “พ่อบ้านใหญ่กัวของเราไม่อนุญาตให้ข้าออกไป ส่วนข้ากลัวว่าคุณชายกลับมาจึงไม่ได้ออกไปเหมือนกัน จริงสิ คุณชายบ้านข้าสบายดีหรือไม่?”อาซิ่นส่ายหน้า “ก่อนหน้านี้ก็ดี แต่ตอนนี้ไม่รู้แล้ว”“หา? หมายความว่าอย่