Share

บทที่ 3  

Author: ลิ่วเยว่
ศีรษะของนางโน้มไปด้านหน้าเล็กน้อย ดวงตาฉายแววสะใจและบ้าคลั่ง กดเสียงลงต่ำ ราวกับนั่นเป็นเสียงปีศาจที่ลอดผ่านออกมาจากในลำคอ ทั้งที่ถ้อยคำโหดเหี้ยมอำมหิตปานนั้นแต่กลับเอ่ยอย่างเรียบง่าย “นางถูกกดหัวลงไปในถังปฏิกูล จนสำลักตาย หลังจากตาย ข้าก็ยัดยันต์คาถาข้าวเหนียวและตะปูเข้าไปในปากของนาง จากนั้นค่อยตัดแขนขาทั้งสี่ของนาง และส่งนางไปเฝ้าท่านพญายมในปรโลก ในสภาพที่ร้องทุกข์ไม่ได้ จะชาติภพไหน ก็ไม่มีทางกลับมาเกิดเป็นคนได้อีก!”

หลงจ่านเหยียนพลันเงยหน้าขึ้นทันใด นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงและเสียขวัญ ทั่วร่างสั่นเทิ้มอย่างรุนแรงโดยไม่อาจควบคุม น้ำเสียงโกรธแค้นทะลุผ่านความขลาดกลัวในโพรงปาก “เหตุใด…ท่านถึงชั่วร้ายอำมหิตเพียงนี้?”

หลงฮูหยินนั่งตัวตรง ก่อนผุดยิ้มออกมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “อำมหิตหรือ? ไม่นับว่าใช่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่เจ้าต้องถูกฝังศพสังเวยชีวิตหลังได้รับแต่งตั้งเป็นฮองเฮา เป็นการจัดการของบิดาเจ้าเพียงผู้เดียว? อย่าหาว่าพวกข้าใจดำอำมหิตเลย หากจะโทษก็ไปโทษมารดาแท้ ๆ ของเจ้าเถิดที่เกิดมาต่ำต้อย กลับมีใจทะเยอทะยานอยากเป็นเจ้านาย บิดาเจ้าก็ใช่ว่าจะเอาเปรียบเจ้า ให้เจ้าได้ตายในนามของฮองเฮา พอเจ้าตายไป ยังนำมาซึ่งเกียรติยศอันยิ่งใหญ่ให้ตระกูลหลงทั้งตระกูล ก็ถือเสียว่าเจ้าได้สงเคราะห์ให้ความปรารถนาอยากจะเป็นเจ้านายของมารดาแท้ ๆ ของเจ้าเป็นจริงขึ้นมาเป็นอย่างไร!”

นางพูดจบ ก็ทอดถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา คล้ายว่าความอัดอั้นตันใจที่สะสมมานานหลายปีบัดนี้ได้มลายหายไปหมดสิ้นแล้ว จากนั้น ก็ชำเลืองมองหลงจ่านเหยียนด้วยสายตาดูแคลนปราดหนึ่ง “หลังจากเจ้าตายไป แม่จะเชิญคนมาสวดภาวนาให้เจ้า เพื่อส่งให้เจ้าไปสู่ดินแดนสุขาวดีโดยเร็ว!” พูดจบ เสียงหัวเราะได้ใจก็เล็ดลอดออกมาจากในลำคอที่เรียวเล็ก ซึ่งขัดแย้งกับใบหน้าอ่อนโยนมีเมตตาของนางอย่างสิ้นเชิง หญิงรับใช้เปิดประตูออก ก็ตามนางออกไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

หลงจ่านเหยียนเย็นวาบไปทั้งตัว เสียงอื้ออึงดังอยู่ในศีรษะ ความผูกพันฉันบิดาบุตรสาวสิบหกปี เดิมทีนางคิดว่าเขาถูกบีบบังคับให้ทำตามราชโองการอย่างไม่มีทางเลือก แต่กลับไม่คิดเลย ว่าความจริงจะเป็นเขาเองที่เอาชีวิตของนางไปแลกเกียรติยศอันเลิศล้ำมาให้ตระกูลหลง

นางกำหมัดทั้งสองข้างแน่น ความเคียดแค้นในใจเพิ่มพูนขึ้นไม่หยุด ทว่านางกลับทำอะไรไม่ได้เลย นางเป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนแม่ทัพ แต่ข้างกายกลับไม่มีสาวใช้ที่สามารถเรียกใช้ได้เลยสักคน ท่ามกลางความโกรธแค้นและโศกเศร้า นางแผดเสียงร้องคำรามด้วยความเศร้าสลดออกมา ในรัตติกาลอันเงียบสงัดเสียงกรีดร้องนี้กลับยิ่งฟังดูน่ากลัวขึ้น

เพียงแต่ ในพื้นที่พักของบ่าวรับใช้ที่ตั้งอยู่ห่างไกลแบบนี้ ต่อให้เสียงจะดังอีกสักเพียงใด ก็ส่งไปไม่ถึงโถงด้านหน้าที่กำลังครึกครื้นมีความสุข จวนตระกูลหลงทั้งนายบ่าว ล้วนแต่เฉลิมฉลองกันด้วยความปีติยินดีที่หลงจ่านเหยียนจะได้แต่งเข้าวัง ตระกูลหลงยอมสละฮองเฮาให้ฝังศพสังเวยชีวิตแล้ว เพื่อเป็นชดเชยให้ตระกูลหลง ราชสำนักจะต้องมอบผลประโยชน์ให้ไม่น้อยแน่

แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ คือความคิดที่ซุ่มซ่อนอยู่ภายในใจของหลงจ่านเหยียนเหมือนอสรพิษตัวหนึ่ง ความเกลียดชังเคียดแค้นแทนที่ความใจดีที่เคยมี นางอยากให้ตระกูลหลงทั้งนายบ่าว คนที่เคยรังแกข่มเหงนาง ชดใช้คืนด้วยชีวิต

หากนางตายไป ตระกูลหลงก็จะต้องโทษขัดขืนราชโองการ ถูกประหารทั้งตระกูล ในเมื่อนางต้องตายอยู่แล้ว ถือสิทธิ์อะไรมาบอกให้นางต้องตายอย่างอนาถไปเพียงผู้เดียว?

ภายใต้แสงตะเกียงรุบรู่ ผ้าแพรสีขาวผืนหนึ่งดูคล้ายสัตว์ประหลาดที่กำลังแยกเขี้ยวตวัดกรงเล็บ ชีวิตหนึ่งชีวิต ห้อยอยู่บนผืนผ้าแพรสีขาวอย่างเงียบเชียบ

จุดจบของชีวิตหนึ่ง คือจุดเริ่มต้นของอีกหนึ่งชีวิต

หลงจ่านเหยียนนั่งอยู่หน้าโต๊ะคันฉ่องไม้สลักลายดอกสาลี่ จ้องมองคนในเงาคันฉ่องอยู่อย่างเงียบเชียบ นานครู่ใหญ่แล้วยังนิ่งไม่ขยับกาย

คิ้วคางใบหน้าของเจ้าของร่างเดิมงดงามพิลาสล้ำ ผิวพรรณเกลี้ยงเกลาดุจเคลือบไขมัน ฟันขาวนัยน์ตาเป็นประกาย เอวคอดกิ่วอรชรดุจต้นหลิว ทว่ากระโปรงสีแดงเข้มเก่าคร่ำคร่าตัวหนึ่งห่อหุ้มร่างกายผอมแห้งอ่อนแอไว้อย่างแข็งกระด้าง ชวนให้…ชวนให้ รู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ นางหลงจ่านเหยียนใช้ชีวิตมานานหลายปีเพียงนี้ รูปโฉมโนมพรรณที่เคยมั่นใจว่ามีเสน่ห์เย้ายวน พลันเปลี่ยนเป็นเด็กสาวที่ร่างกายยังไม่โตเต็มที่ดีเช่นนี้ไปเสียแล้ว จะพูดอย่างไรก็ล้วนแต่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจทั้งสิ้น

เคราะห์ดีที่เจ้าของร่างเดิมก็มีนามว่าหลงจ่านเหยียนเหมือนกัน มิเช่นนั้น แม้แต่ชื่อนางคงต้องละทิ้งไปด้วย

สาวใช้ในอาภรณ์สีเขียวคนหนึ่งเดินเข้ามา นางมิได้เคาะประตู แต่เดินตรงมาเบื้องหน้าหลงจ่านเหยียนเลย ก่อนจะเอ่ยพลางปรายสายตามองลงมาอย่างดูถูก “ฮูหยินสั่งให้ข้ามาบอกเจ้าว่ากูกูสอนมารยาทจากในวังมาถึงแล้ว ให้เจ้าระมัดระวังถ้อยคำวาจา!”

ข้างกายหลงจ่านเหยียนไม่มีสาวใช้ที่สามารถเรียกใช้งานได้ เพราะตำแหน่งหน้าที่ของนางภายในจวนก็คือสาวใช้ทำงานเบ็ดเตล็ด สาวใช้คนนี้เป็นสาวใช้คนสนิทข้างกายของหลงฮูหยิน นามว่าไฉ่หลี สามารถปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกายฮูหยินได้ ย่อมมีตำแหน่งสูงกว่าสาวใช้เบ็ดเตล็ดในจวน

ดังนั้น นางจึงสามารถใช้น้ำเสียงเหยียดหยามดูแคลนเช่นนี้พูดกับหลงจ่านเหยียนได้

Related chapters

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 4  

    หลงจ่านเหยียนคว่ำคันฉ่องลงกับหน้าโต๊ะ ความทรงจำส่วนหนึ่งของเจ้าของร่างเดิมปรากฏขึ้นในความคิด ก่อนเจ้าของร่างเดิมจะจากไป ความเคียดแค้นอาฆาตพุ่งทะยานขึ้นถึงฟ้า นางเอ่ยขึ้นนิ่ง ๆ “ข้ายังมิได้รับปากเข้าวัง!” ไฉ่หลีเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ฮูหยินกล่าวว่า เรื่องนี้เจ้ามิได้เป็นผู้ตัดสิน มีราชโองการลงมาแล้ว หากเจ้าขัดขืนราชโองการ ชีวิตคงดับอนาถยิ่งกว่าถูกฝังทั้งเป็น ไม่เพียงเท่านี้ แม้แต่ครอบครัวของมารดาต่ำต้อยผู้นั้นของเจ้า ก็จะต้องถูกฝังศพสังเวยชีวิตไปพร้อมกับเจ้าเช่นกัน!” หลงจ่านเหยียนเอ่ยอย่างใช้ความคิด “พูดอีกอย่าง ข้าจำเป็นต้องตอบรับใช่หรือไม่?” ไฉ่หลีเอ่ยอย่างดูแคลน “คุณหนูใหญ่รู้จักว่าง่ายเร็วแบบนี้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องทนทุกข์มากมายเพียงนั้นอีก!” พูดจบ ก็หมุนตัวกลับอย่างเย็นชา เตรียมจะเดินออกไป ทว่าหลงจ่านเหยียนตะโกนเรียกนางไว้ก่อน “แล้วท่านแม่ทัพเล่า?” “เวลานี้ท่านแม่ทัพอยู่ที่โถงหลัก กำลังหารือกับฮูหยินถึงกิจธุระต่าง ๆ ที่จะต้องเตรียมให้เจ้าเข้าวัง ในเมื่อเจ้าต้องแต่งเข้าวังหลวง ฉะนั้นจะให้สินติดตัวของเจ้ามีน้อยนิดย่อมไม่ได้เด็ดขาด คุณหนูใหญ่มีวาสนาแล้ว!” พูดจบ ก็แสยะยิ้มอย่

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 5  

    ทุกคนในที่แห่งนั้นล้วนเข้าใจ ทุกคนต่างนิ่งเงียบไม่ส่งเสียง ที่เงียบไป ย่อมมิใช่กำลังรู้สึกโศกเศร้าสงสารหลงจ่านเหยียน แต่แค่กำลังคิดถึงการเปลี่ยนแปลงรัชสมัยเปลี่ยนแปลงขุนนาง ไม่รู้ว่าหลังฝ่าบาทสวรรคตและฮ่องเต้พระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์แล้วจะเกิดผลกระทบอะไรขึ้นกับตระกูลหลงบ้าง นางเฉินฮูหยินของหลงฉางอี้ถามขึ้นด้วยความวิตกกังวล “ตอนนี้นางเด็กคนนั้นยอมเห็นด้วยแล้วหรือยังเจ้าคะ? ถึงยามนั้นเกิดร้องไห้โวยวายขึ้นมาจะทำอย่างไร?” หลงฉางเทียนเอ่ยอย่างเย็นชา “นางจะตอบว่าไม่ยอมได้อย่างนั้นหรือ? ถึงยามนั้นแค่กรอกยานอนหลับแล้วส่งตัวเข้าวังไปก็สิ้นเรื่อง พอเข้าวังแล้ว ก็มีคนมาจัดการนางเอง!” “พูดมาก็จริงเจ้าค่ะ!” นางเฉินผุดยิ้ม “คนในวังหลวง ฝีมือร้ายกาจ ถึงยามนั้นหากนางกล้าอาละวาดโวยวาย คงถูกทรมานสาหัสไม่ใช่เล่น!” ทุกคนต่างยิ้มออกมา อนุภรรยาของหลงฉางอี้เอ่ยขึ้นพลางกลัวหัวเราะ “เพราะนางหาเรื่องเจ็บตัวเอง ใครใช้ให้นางดื้อรั้นเล่า?” หลงจ่านเหยียนยืนฟังอยู่หน้าประตูได้ครู่หนึ่งแล้ว จากนั้นก็มีสาวใช้ที่สายตาเฉียบแหลมคนหนึ่งมองเห็นนาง จึงตะโกนว่า “คุณหนูใหญ่มาแล้วหรือเจ้าคะ?” หลงจ่านเหยียนเดินเข้าไป

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 6  

    ใบหน้าของหลงฮูหยินพลันเปลี่ยนไป ทันใดนั้นก็เงยหน้าจ้องนางตาเขม็ง นางยังมิทันเอ่ยวาจา หลงฉางเทียนก็เอ่ยด้วยเสียงเหี้ยมโหด “มารดาเจ้ามีอะไรต้องไปขอขมา? นางลำบากตรากตรำเลี้ยงดูเจ้าจนเติบใหญ่ แต่เจ้ากลับทำเช่นนี้กับนาง? คนเนรคุณไม่รู้ผิดชอบชั่วดี!” “พวกท่านคืองูพิษ เหตุใดข้าจะเป็นคนเนรคุณไม่ได้?” หลงจ่านเหยียนยิ้มอย่างเยือกเย็น ยิ้มมุมปากขึ้นอย่างเสียดสี สายตากวาดมองผู้คนโดยรอบ ทุกคนในที่แห่งนี้ล้วนแต่รังเกียจนางไปจนถึงเหยียดหยามดูถูกนางอย่างถึงที่สุด แม้กระทั่งอนุภรรยาของหลงฉางอี้ก็ยังมองนางด้วยสายตาดูแคลนอย่างถึงที่สุดเช่นกัน หลงจ่านเหยียนถอนหายใจในใจ ร้ายดีอย่างไรก็เป็นคุณหนูใหญ่ของจวนแม่ทัพ ผู้อาวุโสรายล้อม ก็ควรจะได้รับความรักความเอ็นดูอย่างถึงที่สุด เมื่อก่อนเจ้ามีชีวิตอย่างไรกันแน่เนี่ย? เกรงว่าคงไม่อาจเทียบได้แม้แต่บ่าวรับใช้สักคนเลยกระมัง? นางเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ “ทว่า แม้ไทเฮาจะมีราชเสาวนีย์ แต่ข้าไม่รับราชเสาวนีย์ ข้าไม่…แต่ง!” ทุกคนในห้องโถงผงะไปเพราะประโยคนี้ของนาง สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปในทันที หลงฉางอี้เดินขึ้นมาด้วยความโมโหก่อนจะชี้หน้าพลางตะคอกใส่หลงจ่านเหยียน “

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 7  

    หลงฉางเทียนยังไม่ตอบคำถาม ทว่านางหานอนุภรรยาของหลงฉางอี้ชิงตอบไปก่อน “เรียกฮูหยินผู้เฒ่า มีราชโองการลงมาแล้วเจ้าค่ะ เพียงแต่ คุณหนูใหญ่ของพวกเราเป็นตายอย่างไรก็ไม่ยินยอมเจ้าค่ะ!” ฮูหยินผู้เฒ่าเหลือบตาขึ้นเล็กน้อย “อ้อ? อย่างนั้นหรือ?” นางมองไปทางหลงจ่านเหยียน สายตาอันคมกริบเลื่อนไปบนใบหน้าของหลงฉางเทียนช้า ๆ “เช่นนั้นก็เป็นที่เจ้าจัดการไม่เรียบร้อยแล้ว แม้แต่ลูกสาวของเจ้าเองยังเกลี้ยกล่อมให้ทำตามไม่ได้ ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าเจ้าควบคุมสามเหล่าทัพในสนามรบได้อย่างไร” ต้องเผชิญคำตำหนิของมารดาเช่นนี้แล้ว หลงฉางเทียนเอ่ยด้วยความหวาดกลัว “ความจริง มิใช่ว่าไม่ยินยอมขอรับ เมื่อครู่นางตอบรับยินยอมแล้วขอรับ!” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยอย่างราบเรียบ “ในเมื่อยินยอมแล้ว เช่นนั้นก็รีบย้ายที่พักให้นางเสีย อย่าให้คนในวังรู้สึกว่าจวนตระกูลหลงของเราใจดำอำมหิตไร้ความเมตตา!” “ขอรับ!” หลงฉางเทียนเงยหน้ามองหลงจ่านเหยียนปราดหนึ่ง “ยังไม่รีบไสหัวกลับไปเก็บข้าวของอีกหรือ? ฮูหยินผู้เฒ่ามีบุญคุณ ให้เจ้าได้ย้ายไปที่พำนักใหม่ ถือว่าให้เกียรติเจ้าแล้ว!” หลงจ่านเหยียนยืนขึ้นด้วยท่าทางหยิ่งยโส พลางเอ่ยอย่างเยือกเย็น “ขอ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 8  

    หลงจ่านเหยียนสบสายตาอันคมกริบของนาง “ฮูหยินผู้เฒ่าไหว้พระสวดมนต์มานานหลายปี ไม่ทราบว่าได้เรียนรู้อะไรมาจากพระพุทธองค์บ้าง? ความใจดำอำมหิตไร้ซึ่งความเมตตา? ความไร้น้ำใจไร้ความชอบธรรม? หรือความโหดเหี้ยมทารุณ? หรือว่า จะเป็นการส่งหลานสาวแท้ ๆ ของตนเองไปตายเพื่อแลกกับเกียรติยศและความมั่งคั่งมาสู่ตระกูล?” “หือ?” ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงยิ้ม “เจ้าคิดจะพูดอะไร? พูดออกมาให้หมดเถิด!” อ้อ? แบบนี้ก็ไม่โมโหหรือ ดูเหมือนที่ศึกษาคำสอนพระพุทธองค์มาจะมีประโยชน์อยู่หน่อย ๆ หลงฮูหยินตะโกนห้ามหลงจ่านเหยียนทันที “ไร้มารยาท รีบขอขมาท่านย่าซะ!” หลงจ่านเหยียนไม่สนใจหลงฮูหยิน เอ่ย “ข้ายอมตกปากรับคำว่าเข้าวังก็ได้ เพียงแต่ ฮูหยินผู้เฒ่าท่านต้องยอมรับเงื่อนไขหนึ่งข้อของข้าเสียก่อน!” ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะออกมาเบา ๆ ขนคิ้วที่ยาวและมีสีขาวเลิกขึ้นเล็กน้อย แฝงความโกรธกรุ่นไว้อย่างเลือนราง “เจ้ามีสิทธิ์จะมาตั้งเงื่อนไขต่อรองกับข้าอย่างนั้นหรือ?” “เช่นนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าก็สวดภาวนาอ้อนต่อเบื้องหน้าองค์พระพุทธไปเสียเถิด อธิษฐานให้ฝ่าบาทสวรรคตทันทีหลังข้าเข้าวังไปแล้วกัน มิเช่นนั้น ต่อให้ข้าได้เป็นฮองเฮาแม้เพียงวันเ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 9

    หมัวมัวถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ใช่เจ้าค่ะ” ทันใดนั้นก็ชะงักไป ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เพียงแต่ ท่าทางการแสดงออกของแม่หนูเหยียนวันนี้ชวนให้รู้สึกแปลกใจยิ่งนักเจ้าค่ะ เมื่อก่อนเห็นนางขี้ขลาดอ่อนแอนัก ยังคิดว่านางไม่มีอารมณ์โกรธเสียอีกเจ้าค่ะ!”“ต่อให้เป็นสุนัขสักตัว ถูกต้อนให้จนมุมแล้วยังรู้จักแว้งกัด!” ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มอย่างเย็นชา “ปล่อยให้นางทำตัววุ่นวายไปเถิด ถึงอย่างไรท้ายที่สุดก็มีเพียงจุดจบเดียวนั่นแหละ!” “เกรงก็แต่ ฮูหยินคงจะไม่ยอมปล่อยนางไปง่าย ๆ สิเจ้าคะ!” “เต๋อโหรวเป็นคนอย่างไร เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จริงหรือ? ให้คนไปเตือนนางไว้สักหน่อย อย่าทำให้เรื่องดูแย่ไปมากกว่านี้!” ฮูหยินผู้เฒ่ายืดเอวตรง ออกคำสั่งอย่างเยือกเย็น “เจ้าค่ะ!” หมัวมัวรับคำ ก็ประคองนางกลับไป ทว่าด้านหลัง กลับมีเสียงร้องเรียกของบ่าวรับใช้แว่วดังขึ้นมา “นางข้าหลวงขั้นสอง กูกูสอนมารยาทจากในวังมาถึงแล้วเจ้าค่ะ!”ฮูหยินผู้เฒ่าผุดยิ้มออกมาอย่างเย็นชา นางมิได้หันหลังกลับ ทว่ายืดเอวตรงก็สืบเท้าไปด้านหน้า ก่อนที่กูกูสอนมารยาทจะเข้ามาถึง หลงจ่านเหยียนก็กลับไปนอนเอกเขนกที่ห้องก่อนแล้ว ไม่ปล่อยให้หลงฮูหยินได้โอกาสกลั่น

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 10

    “เอี๊ยด” เสียงผลักประตูดังขึ้น หรูอี้นำทางทั้งสองเข้าไปนั่งในห้องโถงเล็ก ส่วนจี๋เสียงก็รีบสาวเท้าไปที่ห้องนอนปลุกหลงจ่านเหยียนด้วยความรวดเร็วครั้นหลงฮูหยินและกูกูสอนมารยาทนั่งลงแล้ว หรูอี้ก็ยกน้ำชามาให้ทันที สองคนทักทายกันตามมารยาทแล้วสามสี่ประโยค ก็เห็นจี๋เสียงเดินเข้ามาท่าทางกระอักกระอ่วน ก่อนจะกล่าวกับหลงฮูหยิน “ฮูหยินเจ้าคะ คุณหนูใหญ่หลับเป็นตายเลยเจ้าค่ะ ปลุกเท่าใดก็ไม่ยอมตื่น!”หลงฮูหยินหน้านิ่งอึ้ง “หลับเป็นตาย?”นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว? นางควรจะกลัวสุดขีดมิใช่หรือ? เหตุใดถึงยังหลับสนิทได้แบบนี้? หรือจะแกล้งหลับ? ด้วยนิสัยของนางเด็กชั้นต่ำคนนี้บางครั้งก็ดื้อรั้น ไม่ยอมให้ผู้ใดเห็นความอ่อนแอของนางได้ง่าย ๆนางอมยิ้มพลางหยัดกายขึ้นยืน “ข้าจะไปปลุกนางเอง!”หลงฮูหยินเยื้องกรายอย่างสง่าผ่าเผยเดินเข้าไป บนเตียง หลงจ่านเหยียนนอนคลุมโปงในผ้าห่ม เสียงหายใจแว่วดังออกมาจากด้านในผ้าห่มเป็นระยะ ผ้านวมขยับขึ้นลงเล็กน้อย คล้ายว่ากำลังนอนหลับอยู่จริง ๆนางนั่งลงข้างเตียงช้า ๆ ก่อนจะยื่นมือไปดึงผ้านวมออก ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเอ็นดู ขณะที่กำลังจะอ้าปาก ถ้อยคำที่เตรียมไว้พลันเปลี่ยนเป็นเสียงร้

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 11

    กูกูสอนมารยาทมองนางด้วยสายตาแปลกประหลาด “ฮองเฮาจะบรรทมช่วงกลางวัน เป็นบ่าวจะถืออะไรได้?”หลงฮูหยินไม่คิดว่ากูกูสอนมารยาทจะพูดจาเช่นนี้ จึงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ทำได้เพียงกล่าวว่า “เช่นนั้น เชิญกูกูออกไปดื่มน้ำชาข้างนอกก่อนเถิด!”กูกูสอนมารยาทเอ่ยขึ้น “ไม่จำเป็น ฮูหยินกลับไปเถิด บ่าวได้รับบัญชาจากไทเฮามาที่จวน ก็ต้องปรนนิบัติรับใช้ฮองเฮาจนกว่าฮองเฮาจะเสด็จเข้าวัง สองวันนี้ คงต้องรบกวนที่จวนเสียแล้ว!”“อย่าได้กล่าวว่ารบกวนเลย การมาของกูกู ทำให้จวนแม่ทัพรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ข้าเกรงว่าจะดูแลกูกูได้ไม่ดีพอ!” หลงฮูหยินรู้สึกโมโหจนกัดฟันกรอด คาดไม่ถึงว่ากูกูสอนมารยาทผู้นี้จะไม่ไว้หน้านางเลยแม้แต่น้อย“เชิญฮูหยิน!” กูกูสอนมารยาททำท่าผายมือเชิญนางออกไป ราวกับไม่ได้ยินคำพูดถ่อมตัวเหล่านั้นที่นางกล่าวมาสีหน้าของหลงฮูหยินพลันเปลี่ยนเป็นเขียวสลับขาวไปมา นางหัวเราะแห้ง ๆ เสียงหนึ่ง “เช่นนั้น ข้าขอตัวลาก่อน!” พูดจบ นางก็จ้องมองหลงจ่านเหยียนที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพาหญิงรับใช้ออกไปหลงจ่านเหยียนนอนหลับคราวนี้ ยาวจนถึงยามซวีจึงจะตื่นขึ้นมา นางนั่งกอดผ้าห่มอยู่บนเตียง หร

Latest chapter

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 100

    หลงจ่านซินพึงพอใจกับความเยินยอของจ่านเหยียนเป็นอย่างยิ่ง นางเงยหน้าขึ้นมองหลงจ่านเหยียน แล้วยิ้มภาคภูมิใจออกมา “เมื่อก่อนยามมีแขกมาเยือนถึงบ้าน พอพูดถึงพวกเราสองพี่น้อง ต่างก็บอกว่าข้างามยิ่งกว่าพี่หญิง บัดนี้มาคิดดูแล้วเห็นจะไม่ใช่คำโกหก”หลงจ่านเหยียนยิ้มเล็กน้อย ยามมีแขกมาเยือนถึงประตูบ้าน หลงจ่านเหยียนไหนเลยจะได้ออกมาเผยโฉม?เดิมทีงานนี้เป็นงานเลี้ยงยามเย็นที่เป็นทางการยิ่ง เนื่องจากการมาถึงของหลงจ่านซิน บรรยากาศจึงแปลกประหลาดไปคนที่ยังสามารถรักษาสีหน้าให้เป็นปกติได้ มีเพียงแค่เซ่อเจิ้งอ๋องมู่หรงฉิงเทียนคนเดียวเท่านั้นเขาถือจอกสุรา ตรงมุมปากเผยความเย็นชา หลังจากดื่มสุราไปหลายจอก สีหน้าของเขาก็ยังไม่แปรเปลี่ยน มีเพียงกลิ่นสุราเท่านั้นที่โชยออกมา กระทั่งจ่านเหยียนที่นั่งอยู่ข้างเขาก็ยังได้กลิ่นสุราที่มอมให้คนเมามายในสถานการณ์เช่นนี้ หากมีใครสักคนเปิดหัวข้ออะไรสักอย่างขึ้นมา เพื่อให้งานเลี้ยงยามเย็นดำเนินต่อไปได้ ย่อมไม่เป็นปัญหาอะไรทว่ามีแต่คนที่อยากจะใช้โอกาสนี้ เผยหน้าแสดงให้เห็นถึงการมีตัวตนต่อหน้าใต้เท้ามากมายขนาดนี้หงฮวาอยู่แถวนั้น นางเดินผ่านเย่เต๋อโหรว แล้วเข้าไปพู

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 99

    ไม่ไม่เพียงแต่ประหลาดใจ ไม่มีมนุษย์คนไหนมีชีวิตอยู่ทั้งที่หัวใจไม่เต้น ที่เป็นเช่นนั้นมีอยู่ด้วยกันสามเหตุผล หนึ่ง มีของวิเศษไม่ก็ของศักดิ์สิทธิ์อยู่ในร่างกาย คอยประคองรักษาชีวิตเขาไว้สอง คือเป็นซอมบี้ แต่ซอมบี้จะต้องมีกลิ่นศพแผ่ออกมาจากกาย ไม่อาจเห็นแสงตะวัน ใบหน้าก็จะขาวซีดราวกับกระดาษ ไม่มีวันได้ใช้ชีวิตอย่างคนปกติทั่วไป ดังนั้นจึงมิใช่เหตุผลนี้ความเป็นไปได้สุดท้าย ก็คือผีดิบที่โดดออกมาจากสามโลกไม่อยู่ในห้าธาตุ แต่เขาไม่ใช่ผีดิบสภาพการณ์ของเขานั้น ตรงกับเหตุผลข้อที่หนึ่งเซ่อเจิ้งอ๋องมีเพียงรอยยิ้มบาง ๆ ให้กับคำสรรเสริญของหลงฉางเทียนเท่านั้น มิได้ตอบกลับไปแต่อย่างใดขณะที่จ่านเหยียนกำลังจมอยู่ในความคิด ก็ได้ยินน้ำเสียงจงใจดัดให้นุ่มนวลดังขึ้นมา “จ่านเหยียนคารวะฉีชินอ๋อง”เนื่องจากนางเงยหน้าขึ้นกะทันหัน ไม่ทันได้เตรียมพร้อม ทำให้ตกใจจนดวงตาทั้งสองข้างแทบจะถลนออกมาหลงจ่านซินใส่ชุดกระโปรงยาวจับจีบเผยช่วงอกสีแดงไข่มุกปักลายดอกเบญจมาศสีทองดอกใหญ่ ช่วงบนคลุมไว้ด้วยผ้าโปร่งบาง ช่วยบดบังได้ราง ๆ ทว่ากลับปิดความเย้ายวนไม่ได้ท่ามกลางความวับ ๆ แวม ๆ ผ้าโปร่งบางสีแดงยิ่งขับให้ผิวขา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 98

    บนบันไดหินหน้าระเบียงทางเดิน คนกลุ่มหนึ่งเดิมห้อมล้อมเซ่อเจิ้งอ๋องมู่หรงฉิงเทียนเข้ามาท่ามกลางแสงเทียนเลือนราง จ่านเหยียนเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเขาสวมใส่ชุดคลุมสีขาวนวลดั่งแสงจันทร์ คาดผ้าคาดเอวสีทองไว้บนช่วงเอว บริเวณกลางผ้าคาดเอวฝังหยกโมราสีเขียวขนาดเท่าไข่นกกระทาไว้หนึ่งชิ้น มันทอประกายหลากสีสันออกมาใต้แสงเทียนนี่เป็นครั้งที่สามที่จ่านเหยียนได้พบเขา ทว่าบุรุษผู้นี้มักมอบความสะเทือนขวัญใหม่ ๆ แก่นางทุกครั้งที่ได้เจอใบหน้าของเขาและฉีชินอ๋องมู่หรงหานเทียนละม้ายคล้ายคลึงกันสามถึงสี่ส่วน ทว่าแฝงไปด้วยความเด็ดขาดสองอย่างที่ต่างกันออกไปสามารถใช้คำว่าอ่อนโยนดุจหยกมาบรรยายได้ฉีชินอ๋อง ส่วนเขานั้นกลับมีรัศมีองอาจดุดันแผ่ออกมาทั้งกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขาไม่ได้ตั้งแต่แผ่ความองอาจดุดันนี้ออกมา ทว่าเพียงแค่เจ้าเห็นเขา ต่อให้เขาไม่แสดงสีหน้าอันใดเลย เจ้าก็ยังคงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายองอาจดุดันที่แผ่ออกมากดดันผู้คนท่ามกลางความองอาจดุดันนั้นแฝงไปด้วยเสน่ห์แสนน่าประหวั่นที่ทำให้ผู้คนใจสั่น อืม ใช่แล้ว คำว่าเสน่ห์สุดแสนร้ายกาจที่มักจะถูกใช้บรรยายอยู่ในนิยายนั่นแหละ เมื่อก่อนนางไม่เคยเข้าใจเลย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 97

    พูดอีกอย่างก็คือ มิใช่เขาที่เป็นคนชมชอบจ่านเหยียนชะงักไปเล็กน้อย นางไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ ยังนึกอยู่เลยว่าเขาเต็มใจแต่งงานนางกล่าวออกไปไม่ตรงกับที่ใจคิดว่า “น้องหญิงเป็นคนร่าเริงฉลาดเฉลียว งดงามแลใจกว้าง เป็นแม่นางน้อยที่ไม่เลวเลยนางหนึ่ง”นอกจากจะชอบแทงเข็มใส่เล็บคนอื่นเขาทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดกับชอบตะโกนเรียกผู้อื่นมาตบบ้องหูทั้งที่เขายังไม่ทันทำอะไรเลยแล้ว ที่เหลือก็คงไม่มีข้อบกพร่องอะไรแล้วอย่างน้อย นางก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นน่ะนะฉีชินอ๋องยิ้มเย็นชา “อย่างนั้นหรือ?”จากที่เขารู้ ที่ว่าร่าเริงฉลาดเฉลียวนั้นสามารถตีความได้หลากหลายแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนำมาบรรยายหลงจ่านซินจ่านเหยียนเห็นว่าเขามีสีหน้าไม่ดี ก็เข้าใจได้ทันทีว่าเขาไม่ค่อยพอใจนัก จึงปลอบไปว่า “ท่านอ๋องไม่ต้องกลัดกลุ้มไป หากไม่ไหวจริง ๆ ก็คิดเสียว่าแต่งงานกับแจกันดอกไม้เพื่อเอากลับไปเชยชมก็พอ ถึงอย่างไรมีสตรีงามให้ได้เชยชม ก็ถือว่าเป็นที่เจริญตาเจริญใจเรื่องหนึ่งมิใช่หรือ?”ฉีชินอ๋องยกมุมปากเผยรอยยิ้มไม่แยแสออกมา “ขอบพระทัยพระเชษฐภคินีที่ทรงปลอบ”“เรื่องที่กำหนดไว้แล้ว คิดมากไปก็ไร้ประโยชน์” จ่านเหยียนเอ่ยค

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 96

    ครั้นหลงฉางเทียนกล่าวจบ จ่านเหยียนจึงเริ่มตกรางวัลนี่เป็นรายการที่สกุลหลงตั้งตาคอยที่สุด ถึงอย่างไรก็ได้ยินมาจากคนของกรมพิธีการแล้วว่าครานี้ไทฮองไทเฮาลงทุนไปไม่น้อย ของที่เลือกมาล้วนเป็นของล้ำค่าในวังทั้งสิ้นของรางวัลแต่ละชุดวางอยู่บนโต๊ะ ทั้งหมดล้วนบรรจุไว้ในกล่องของขวัญ ยามตกรางวัลก็มิได้พูดชัดเจนว่าคืออะไร เรียกความสับสนงุนงงจากคนที่มาร่วมงาน การตกรางวัลโดยปกติแล้ว มักจะแจ้งชื่อเรียกของรางวัลนั้น ๆ เพื่อให้คนรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย การตกรางวัลที่ดูลึกลับเช่นนี้ นับเป็นครั้งแรกทว่าในเมื่อไทเฮาไม่พูด จึงไม่มีคนกล้าเปิดออกดู ได้แต่สั่งให้บ่าวรับใช้ส่งกลับไปที่เรือนของตนเองก่อน กลับไปแล้วค่อยเปิดดูหงฮวาอยากเห็นมาตลอดว่าของรางวัลที่นางได้เป็นอะไร ทว่าเห็นคนอื่นไม่เปิดดู นางเองก็ไม่กล้าเปิดเช่นกันอันที่จริงนางไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก เพราะตกรางวัลมาให้นางเพียงชุดเดียว จะดีร้ายอย่างไรยามนี้นางก็ตั้งท้องเลือดเนื้อเชื้อไขของสกุลหลง แม้บุตรจะยังไม่คลอดออกมา แต่ก็ควรให้เพิ่มขึ้นอีกสักสุดนางเอื้อมมือออกไปรั้งแขนเสื้อเย่เต๋อโหรว กระซิบถามว่า “ฮูหยิน ท่านว่านางควรจะตกรางวัลให้ข้าเพิ่มอีกสัก

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 95

    จ่านเหยียนร้องเฮอะ “ที่หลงฉางเทียนมีนิสัยไม่มีเหตุผล ไร้ความเมตตาต่อผู้อื่นเช่นนี้ล้วนได้มาจากบรรพบุรุษอย่างที่คิดจริง ๆ”“เจ้ากล้านักนะ อยู่ในศาลบรรพชนตระกูลหลงของข้าแล้วยังจะกล้าพูดจาอวดดีเช่นนี้อีก?” ผู้เฒ่าผมขาวมองมาด้วยสายตาเดือดดาลจ่านเหยียนแย้มยิ้มชั่วร้าย “กระทั่งข้าเจ้าก็ยังไม่รู้จัก เมื่อไม่รู้จักก็เลยกล้าพูดจาสามหาวกับข้าเช่นนี้สินะ?” เมื่อจ่านเหยียนพูดจบ ก็ชูมือขาวผ่องขึ้น แหปลาสีทองปากหนึ่งพลันหล่นลงมาจากฟากฟ้า ปกคลุมกลุ่มดวงวิญญาณของสกุลหลงกลุ่มนั้นไว้ นางคว้าแหจับปลาแล้วใช้มือเหวี่ยงออกไป แหจับปลากลับหดเล็กลงเป็นกลุ่มก้อน แล้วบีบไว้ในมือแน่นหยางจิ่วเม่ยตกตะลึง รีบก้าวเข้าไปด้วยอยากจะร้องขอความเมตตา ทว่าจ่านเหยียนกลับมองนางด้วยสายตาเรียบนิ่งแล้วกล่าวว่า “เจ้าสนใจแต่ตัวเจ้าเองก็พอ”หยางจิ่วเม่ยชะงัก ก้าวถอยหลังไปอย่างระมัดระวัง“ขึ้นไปบนแท่นบูชาเถิด ข้าจะส่งเจ้าขึ้นไปด้วยมือของข้าเอง ไม่มีใครไล่เจ้าไปได้หรอก” จ่านเหยียนชูฝ่ามือขึ้นปล่อยพลังตรงไปดันหยางจิ่วเม่ยขึ้นไปวิญญาณของหยางจิ่วเม่ยกลายเป็นดอกบัวดอกหนึ่ง แล้วค่อย ๆ หายในแท่นบูชาจ่านเหยียนใช้พลังหยินกักขังบ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 94

    ก่อนงานเลี้ยงยามเย็นจะเริ่ม อยู่ ๆ จ่านเหยียนกลับบอกว่าอยากไปกราบไหว้หยางจิ่วเม่ยมารดาแท้ ๆ ของตนที่ศาลบรรพชนสักหน่อยเย่เต๋อโหรวสั่งให้คนไปนำแท่นบูชาออกมาเตรียมไว้ตั้งแต่เช้าแล้ว กำชับให้วางไว้ข้าง ๆ เหล่าบรรพชนสกุลหลง ทั้งให้วางกระถางธูปไว้ด้วยหลงจ่านเหยียนเจาะจงจะให้เย่เต๋อโหรวไปกับนางด้วย มาตรแม้นว่าเย่เต๋อโหรวจะไม่ยินยอม ทว่าก็ยังตามเข้าไปด้วยท่าทีระมัดระวังเนื่องจากนางมีฐานะเป็นไทเฮา ย่อมไม่จำเป็นต้องคุกเข่าจิ้นหรูจุดธูปให้นาง แล้วจึงถอยออกไปในศาลบรรพชนหลงเหลือแค่จ่านเหยียนกับเย่เต๋อโหรวเท่านั้น คนรับใช้ล้วนรออยู่ด้านนอกจ่านเหยียนมองไปยังแท่นบูชาของหยางจิ่วเม่ย จึงรู้ว่าเพิ่งจะนำออกมาวางไปใหม่ เพราะว่าแท่นบูชานั้นใหม่เอี่ยมเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีร่องรอยควันธูปเจิมเลยสักนิด“ฮูหยิน ท่านสร้างภาพได้ไม่เลวเลย” จ่านเหยียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบเย่เต๋อโหรวกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “บัดนี้ไทเฮามีฐานะสูงส่ง กระทั่งคำว่ามารดาก็ไม่ยอมเรียกขานกันสักคำหรือเพคะ?”“มารดา?” จ่านเหยียนหัวเราะเสียดสี “ข้าแค่กลัวว่าถ้าเรียกออกไป แล้วท่านจะรับไม่ไหวน่ะสิ”“กฎแห่งฟ้าดินแลศีลธรรมของ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 93

    นางเฉินเพิ่งเดินออกไป หงฮวาก็เข้ามาแล้ว นางตั้งท้องได้เจ็ดแปดเดือนแล้ว บัดนี้กำลังสวมใส่ชุดสีชมพูอมม่วง ทันทีที่ก้าวเข้ามาก็กล่าวว่า “ฮูหยิน ไยเงินเดือนของเดือนนี้ถึงได้น้อยเช่นนี้เล่าเจ้าคะ? ท่านก็รู้ว่าตอนนี้ข้ากำลังท้องกำลังไส้ มีที่ที่ให้ต้องใช้เงินมากมายไปหมด เงินเล็กน้อยแค่นี้ แค่ครึ่งเดือนก็ยังไม่พอเลย”เย่เต๋อโหรวมองนางเล็กน้อย แล้วกล่าว “เดือนนี้ในจวนมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ เงินเดือนของทุกเรียนจึงลดลงเช่นกันหมด มิใช่ว่าให้ไฉ่หลีไปบอกเจ้าแล้วหรือ?”“ท่านลดเงินของผู้อื่นก็ไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ แต่นี่ข้ากำลังท้องอยู่ หมอบอกว่าครรภ์นี้ของข้าเป็นผู้ชาย หากมีอะไรผิดพลาดไป ท่านแม่ทัพต้องไม่ปล่อยข้าไว้แน่” หงฮวากล่าวด้วยดวงตาเยือกเย็นซึ่งเจือแววข่มขู่เล็กน้อยเย่เต๋อโหรวกล่าวด้วยความเหนื่อยหน่าย “พอแล้ว อีกประเดี๋ยวข้าจะแบ่งจากส่วนของข้าให้เจ้าครึ่งหนึ่ง แล้วสั่งให้คนนำไปมอบให้เจ้า เช่นนี้พอใจแล้วกระมัง?”หงฮวาถึงได้ยิ้มออกมา “ขอบคุณฮูหยินเจ้าค่ะ”นางชะงักไปเล็กน้อย แล้วจึงกล่าวขึ้นมาอีกว่า “นึกไม่ถึงว่าหลงจ่านเหยียนจะกลับมาเยี่ยมบ้านมารดา การต้อนรับคงใช้จ่ายเงินไปไม่น้อยสินะเจ้า

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 92

    เช้าวันต่อมา รางวัลของกรมพิธีการก็มาถึง บรรจุเอาไว้เต็มรถม้าสองคันใหญ่ ล้วนเป็นของที่ไทฮองไทเฮาพระราชทานให้แก่หมู่โฮ่วฮองไทเฮาเอาไว้แจกจ่ายเป็นรางวัลระหว่างที่เดินทางกลับบ้านที่เรียกว่ากลับสู่บ้านเกิดในสภาพเต็มยศ ก็เป็นเช่นนี้เองเกี้ยวหงส์หยุดอยู่ในตรอกตำหนักหรูหลาน ขันทีแลนางกำนัลยืนเรียงเป็นสองแถว ตามอยู่ด้านหลังกองทหารเกียรติยศ ห่างไกลกันถึงหนึ่งลี้จิ้นหรูและกัวอวี้ประคองจ่านเหยียนออกมา วันนี้จ่านเหยียนสวมชุดชาววังจากผ้าไหมปักลายดอกโบตั๋นสีชมพูดอกบัวดอกใหญ่ซึ่งสวมใส่เป็นประจำ เครื่องประดับเกศาก็ปักอย่างเรียบง่าย บนผมทรงอาชาร่วงปักปิ่นทองห้อยหางหงส์ พร้อมด้วยปิ่นหยกเขียวที่ช่วยเสริมให้ดูสง่างามขึ้นท่ามกลางความงดงามนางนั่งอยู่บนเกี้ยวหงส์ กองทหารเกียรติยศคอยเปิดทางให้อยู่ด้านหน้าราตรีอันมืดมิดคืนหนึ่งเมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน นางก็ถูกหามเข้าวังไปเช่นนี้ กะพริบตาเพียงครั้ง เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปหนึ่งปีเสียแล้ว คนสกุลหลงรอรับเกี้ยวหงส์ที่หน้าประตูจวนตั้งแต่เช้าแล้ว ครั้นได้ยินเสียงของกองทหารเกียรติยศดังขึ้น หลงฉางเทียนก็รีบสั่งให้คนออกมาต้อนรับทันทีพรมสีแดงผืนหนึ่งทอดยาวตั้งแต่

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status