Share

บทที่ 11

Author: ลิ่วเยว่
กูกูสอนมารยาทมองนางด้วยสายตาแปลกประหลาด “ฮองเฮาจะบรรทมช่วงกลางวัน เป็นบ่าวจะถืออะไรได้?”

หลงฮูหยินไม่คิดว่ากูกูสอนมารยาทจะพูดจาเช่นนี้ จึงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ทำได้เพียงกล่าวว่า “เช่นนั้น เชิญกูกูออกไปดื่มน้ำชาข้างนอกก่อนเถิด!”

กูกูสอนมารยาทเอ่ยขึ้น “ไม่จำเป็น ฮูหยินกลับไปเถิด บ่าวได้รับบัญชาจากไทเฮามาที่จวน ก็ต้องปรนนิบัติรับใช้ฮองเฮาจนกว่าฮองเฮาจะเสด็จเข้าวัง สองวันนี้ คงต้องรบกวนที่จวนเสียแล้ว!”

“อย่าได้กล่าวว่ารบกวนเลย การมาของกูกู ทำให้จวนแม่ทัพรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ข้าเกรงว่าจะดูแลกูกูได้ไม่ดีพอ!” หลงฮูหยินรู้สึกโมโหจนกัดฟันกรอด คาดไม่ถึงว่ากูกูสอนมารยาทผู้นี้จะไม่ไว้หน้านางเลยแม้แต่น้อย

“เชิญฮูหยิน!” กูกูสอนมารยาททำท่าผายมือเชิญนางออกไป ราวกับไม่ได้ยินคำพูดถ่อมตัวเหล่านั้นที่นางกล่าวมา

สีหน้าของหลงฮูหยินพลันเปลี่ยนเป็นเขียวสลับขาวไปมา นางหัวเราะแห้ง ๆ เสียงหนึ่ง “เช่นนั้น ข้าขอตัวลาก่อน!” พูดจบ นางก็จ้องมองหลงจ่านเหยียนที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพาหญิงรับใช้ออกไป

หลงจ่านเหยียนนอนหลับคราวนี้ ยาวจนถึงยามซวีจึงจะตื่นขึ้นมา นางนั่งกอดผ้าห่มอยู่บนเตียง หรูอี้รีบเข้ามาปรนนิบัติ “คุณหนูใหญ่ ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ?”

“นั่นใคร ข้าหิวแล้ว!” หลงจ่านเหยียนค่อย ๆ ลงจากเตียง “ไปหาอะไรมาให้ข้ากินหน่อย!”

“เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ!” หรูอี้ช่วยคลุมเสื้อให้นาง “อุ่นไว้ในหม้อแล้ว บ่าวจะรีบไปนำมาเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ!”

กูกูสอนมารยาทเปิดม่านเข้ามาพลางกล่าวคำคารวะ “ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ!”

หลงจ่านเหยียนราวกับยังไม่ตื่นเต็มตา นางปรือตาขึ้นอย่างเกียจคร้าน ตอบรับเพียง “อืม!”

กูกูสอนมารยาทเอ่ยขึ้น “ฮองเฮาเพคะ กฎระเบียบในวัง...”

หลงจ่านเหยียนขมวดคิ้วมุ่น เอ่ยขึ้นอย่างช้า ๆ “ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง!” เสียอารมณ์กินอาหาร!

“เพคะ!” กูกูสอนมารยาทก็ไม่ได้บังคับ อย่างไรเสีย นางแค่มาเป็นพิธี นางเข้าใจดี และคิดว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลหลงก็คงเข้าใจเช่นกัน

หลงฮูหยินถูกหลงจ่านเหยียนทำให้เสียอารมณ์ นางก็อารมณ์ไม่ดีไปทั้งเย็น แม่ทัพหลงก็ถูกเพื่อนร่วมงานชวนออกไปดื่มสุราอีก ไม่มีที่ระบายความโกรธ จึงอดไม่ได้ที่จะลงกับข้ารับใช้

หญิงรับใช้ข้างกายนางที่ชื่อจวีชุนถูกดุด่าว่ากล่าว ย่อมต้องออกไปพูดระบายกับบ่าวไพร่คนอื่น ๆ บ้างเป็นธรรมดา

หลงจ่านซิน คุณหนูรองจวนตระกูลหลงบังเอิญได้ยินคำพูดของจวีชุน ก็โกรธจนเลือดขึ้นหน้า เมื่อถามจนรู้สาเหตุแล้ว จึงได้รู้ว่าเป็นหลงจ่านเหยียนและกูกูสอนมารยาทผู้นั้นที่ทำให้มารดาโกรธ ทันใดนั้นก็พาหญิงรับใช้สองสามคนไปหาหลงจ่านเหยียน

นางสารเลวนั่นกล้าอวดดีเช่นนี้? คิดว่าตัวเองเป็นฮองเฮาจริง ๆ หรือไร? ไม่สั่งสอนให้นางหลาบจำเสียบ้าง นางคงคิดว่าตัวเองสูงส่งเสียดฟ้าเสียแล้ว

นางหลงจ่านเหยียนก็เป็นแค่สุนัขที่กระดิกหางขอความเมตตาในจวนแม่ทัพเท่านั้น!

เมื่อนางมาถึง หลงจ่านเหยียนกำลังกินอาหารด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

ที่บอกว่าเศร้าหมอง ก็เพราะว่าแทบจะไม่มีเนื้อเลยสักชิ้น จะเห็นได้ว่าถึงแม้จะได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮาแล้ว แต่หลงฮูหยินก็ยังคงตระหนี่ถี่เหนียว ยังคงปฏิบัติต่อนางอย่างโหดร้าย ไม่ยอมให้นางได้กินอิ่มแม้แต่มื้อเดียว

มองดูรูปร่างของหลงจ่านเหยียนที่ผอมแห้งบอบบาง แม้แต่หน้าอกก็ไม่มี ก็รู้ได้ว่าช่วงวัยเจริญเติบโตนั้นได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ นางจึงตั้งปณิธานว่าจะต้องบำรุงร่างกายนี้ให้อ้วนท้วนสมบูรณ์ โชคดีที่ร่างกายนี้เพิ่งอายุสิบหกปี ยังมีศักยภาพที่จะพัฒนาไปเป็นคัพดีได้

ขณะที่นางกำลังโศกเศร้าคร่ำครวญอยู่นั้น จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียง “โครม” ดังขึ้น ประตูถูกถีบเปิดออก ร่างสีเขียวพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับพายุหมุน น้ำเสียงที่หยิ่งผยองและโกรธเกรี้ยวก็ดังขึ้นกระทบโสตประสาทของหลงจ่านเหยียน

“หลงจ่านเหยียน ตอนนี้เจ้าใหญ่โตนักนะ ถึงขนาดกล้ารังแกท่านแม่แล้วหรือ?” สิ้นเสียง เจ้าของเสียงก็ปัดจานชามบนโต๊ะอาหารตกพื้นแตกกระจายไปทั่ว เสียงดัง “โครมคราม” โต๊ะอาหารก็ถูกนางพลิกคว่ำลงกับพื้นทันที
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Chonchanok Phuangthong
555 ขำนังแม่เลี้ยง,ชอบนางเอกแบบนี้แระ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 12

    หลงจ่านเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ มือหนึ่งถือชามข้าว อีกมือหนึ่งถือตะเกียบ มองไปยังหญิงสาวดุร้ายตรงหน้าด้วยความงุนงง สิ่งเดียวที่นางสามารถรักษาไว้ได้ก็มีเพียงชามข้าวใบนี้เท่านั้นหลงจ่านเหยียนจ้องมองไปที่หลงจ่านซิน เห็นเพียงรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นของหลงจ่านซินในชุดกระโปรงสีเขียวปักลายดอกทับทิม ใบหน้าขาวผ่องดุจไขมันแพะเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ก็ไม่อาจปกปิดความงามอันล้ำเลิศที่ติดตัวมาแต่กำเนิดได้ ในทางกลับกัน หลงจ่านเหยียนเองกลับมีใบหน้าซีดเซียว รูปร่างผอมบาง หากไม่รู้จักมาก่อนคงคิดว่านางเป็นผู้ลี้ภัยมาจากที่ไหนสักแห่งยิ่งไปกว่านั้น เสื้อผ้าที่นางสวมใส่กับเสื้อผ้าที่ตนเองสวมใส่ เนื้อผ้าช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว?หลงจ่านซินเห็นหลงจ่านเหยียนจ้องมองตนเองอย่างตกตะลึง แต่ไม่กล้าพูดอะไร ก็คิดว่านางคงกลัวแล้ว จึงรีบสาวเท้าเข้าไปหา ยกมือขึ้นหมายจะตบหน้าหลงจ่านเหยียนหรูอี้ที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้น ก็รีบเข้ามาขวางหน้าหลงจ่านเหยียนทันที ฝ่ามือที่หมายจะตบนั้นจึงลงมาที่ใบหน้าของหรูอี้ ใบหน้าของนางบวมขึ้นทันที รอยนิ้วมือทั้งห้าปรากฏชัดเจน แสดงให้เห็นว่าหลงจ่านซินออกแรงมากเพียงใด“ไสหัวไป นางบ่าว

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 13

    หยุดไปครู่หนึ่ง นางก็เหลือบมองหลงจ่านซินด้วยสายตาเย็นชาอีกครั้ง แล้วเอ่ยขึ้น “ถอดเสื้อคลุมตัวนอกของนางออก!”หลงจ่านซินได้สติกลับมา ก็เอ่ยด่าทอทันที “หลงจ่านเหยียน เจ้ามันคนชั้นต่ำ แผลหายแล้วก็ลืมเจ็บแล้วสินะ ถึงได้กล้ามาข่มเหงข้าแล้ว?”องครักษ์ทั้งสองคนเหลือบมองกูกูสอนมารยาท สีหน้าของกูกูสอนมารยาทดูไม่สู้ดีนัก หลงจ่านเหยียนผู้นี้ก็จริง ๆ ให้หน้าแล้วไม่รู้จักดี ให้ทางลงนาง นางก็ลงโทษหลงจ่านซินเพียงเล็กน้อยก็พอแล้ว กลับพูดจาโอหังจะตัดมือของนางบัดนี้ จวนแม่ทัพไม่ใช่ที่ที่ใครจะกล้าล่วงเกินได้ง่าย ๆ ไทเฮาเคยกำชับไว้แล้ว วันหน้าเมื่อรัชทายาทขึ้นครองราชย์ ยังต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากแม่ทัพหลง ดังนั้น ในฐานะข้ารับใช้ ก็ต้องช่วยเสริมบารมีให้เขาเช่นกันดังนั้น ตอนนี้นางจึงพูดกับองครักษ์ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ลากตัวลงไป ตบปากเสีย!” จากนั้น นางก็เหลือบมองเสื้อผ้าที่หลงจ่านซินสวมใส่อยู่ “ถอดเสื้อคลุมตัวนอกของนางออก มอบให้ฮองเฮา!” ทำเช่นนี้ ก็ไม่ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งองครักษ์รีบพาตัวหลงจ่านซินออกไปทันที หลงจ่านซินถูกลากตัวไป ก็ด่าทอตลอดทาง “ปล่อยข้า พวกเจ้าสองคนช่างบังอาจนัก! กล้าล่วงเกินผ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 14

    หลงฮูหยิน เย่เต๋อโหรว ฟังหลงจ่านซินร้องไห้ฟ้อง ก็โกรธจนหน้าตาบิดเบี้ยว นางสะบัดแขนเสื้อ กวาดถ้วยกระเบื้องเคลือบสีเขียวขอบทองลายดอกไม้บนโต๊ะลงกับพื้น แล้วตะคอกว่า “หลงจ่านเหยียน เจ้าช่างบังอาจนัก!”หลงจ่านซินยื่นมือลูบแก้มที่แดงและบวมช้ำ ร้องไห้พลางกล่าวขึ้น “ท่านแม่ ท่านต้องช่วยลูกล้างแค้นให้ได้นะเจ้าคะ!”นางกระทืบเท้า แล้วกัดฟันกรอด เอ่ยขึ้นด้วยความโหดเหี้ยม “ข้าจะตัดมือตัดเท้าของนางแล้วป้อนให้สุนัขกิน!”เย่เต๋อโหรวมองใบหน้าของบุตรสาวที่เต็มไปด้วยรอยนิ้วมือ รู้สึกทั้งเจ็บปวดและโกรธแค้นอย่างบอกไม่ถูก นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ นั่งลงบนเก้าอี้ แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้น แล้วเอ่ยต่อหญิงรับใช้ที่ชื่อไฉ่หลี “เจ้าพาคุณหนูรองออกไปก่อน!”“ท่านแม่ ข้าไม่ไป ท่านรีบเรียกคนไปจับตัวนางสารเลวคนนั้นมาเดี๋ยวนี้! ความแค้นนี้ข้าต้องชำระให้ได้! หลงจ่านซินเอ่ยด้วยความโมโหสีหน้าของเย่เต๋อโหรวเคร่งขรึม ตะคอกเสียงดัง “เจ้าออกไปก่อน ข้ารู้ว่าควรทำอย่างไร อย่ามาส่งเสียงโวยวายที่นี่ ทำงานใหญ่ของข้าเสียหายหมด!”หลงจ่านซินเห็นมารดาโกรธ ก็เงียบปากทันที ได้แต่ยืนเช็ดน้ำตาอยู่ข้าง ๆ ด้วยความคับแค้นใจ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 15

    เย่เต๋อโหรวรีบคุกเข่าลง จับชายแขนเสื้อของเขาไว้ แล้วเอ่ยด้วยความเศร้าโศก “วันนั้น ข้าสัญญากับจิ่วเม่ยว่าจะดูแลบุตรสาวของนางเป็นอย่างดี จ่านเหยียนในวันนี้กลายเป็นเช่นนี้ ข้าก็มีส่วนรับผิดชอบอย่างไม่อาจปฏิเสธ หากท่านแม่ทัพต้องการจะสั่งสอนนาง มิสู้ข้าไปเองเสียจะดีกว่า อย่างน้อยหากคนจากวังหลวงมาเอาผิด ก็จะได้อ้างว่าเป็นความคิดของข้าเพียงผู้เดียว จะได้ไม่พาดพิงถึงท่านแม่ทัพ!”หลงฉางเทียนถอนหายใจ ยื่นมือไปพยุงเย่เต๋อโหรวขึ้น “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จักเจ้าหรือ? เจ้าบอกว่าจะไปสั่งสอนนาง ก็คงแค่พูดดุนางสองสามประโยค เจ้านี่นะ ใจอ่อนเกินไป สุดท้ายก็ต้องเสียเปรียบ!”“เสียเปรียบสักหน่อยจะเป็นไรไป? อีกอย่าง นางเป็นคนรักศักดิ์ศรี ดุนางสองสามประโยคก็หนักหนาแล้ว อีกไม่นานก็ต้องเข้าวัง มีเรื่องน้อยลงไปอีกเรื่องคงจะดีเสียกว่า!”เย่เต๋อโหรวพูดจบ ก็หันไปกำชับไฉ่หลี “ท่านแม่ทัพดื่มเหล้ามา ยังไม่รีบไปดูแลให้ท่านแม่ทัพเข้าไปพักผ่อนอีก?”หลงฉางเทียนได้ยินดังนั้น ความโกรธบนใบหน้าก็หายวับไปในทันที มุมปากแฝงไปด้วยรอยยิ้มคลุมเครือมองไปที่ไฉ่หลีไฉ่หลีหน้าแดงก่ำ ทำท่าเขินอายก่อนจะตอบรับ “เจ้าค่ะ ฮูหยิน!”หลงจ่าน

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 16

    ระหว่างทาง องครักษ์หลวงสองคนเอ่ยถามกัวกูกูอย่างแผ่วเบา “กลัวว่าจะเกิดเรื่องหรือไม่?”กัวกูกูยิ้มอย่างเยือกเย็น “คนที่จะกลัวมิใช่พวกเราหรอก!”องครักษ์หลวงสองคนไตร่ตรองถึงผลได้ผลเสียอย่างรอบคอบ ก็รู้สึกว่าที่กัวกูกูพูดก็มีเหตุผล ถึงอย่างไรก็เป็นแค่เรื่องที่ฮูหยินผู้เฒ่าต้องการจะสั่งสอนหลานสาว พวกเขาจะไปขัดขวางได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่ได้เห็นอะไร ไม่ได้รู้อะไรเลยหากจะมองในแง่ร้ายที่สุด ในวังหลวงใครจะมาสนใจหลงจ่านเหยียนกัน? ถึงอย่างไรก็เป็นแค่คนที่จะต้องตายแล้วทันทีที่กัวกูกูพาคนเข้าไปในเรือนของฮูหยินผู้เฒ่า ก็มีคนไปแจ้งเรื่องนี้ให้เย่เต๋อโหรวทราบเย่เต๋อโหรวนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเงียบ ๆ ฟังน้ำเสียงคลุมเครือชวนให้คิดไปไกลต่าง ๆ ที่ดังมาจากห้องด้านใน รับรู้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกมีดกรีดเมื่อได้ยินรายงานจากคนที่เข้ามา นางก็ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยขึ้น “พอแล้ว เจ้าออกไปเถิด!”นางเรียกหญิงรับใช้ที่ชื่อหงฮวาเข้ามา เก็บซ่อนความรังเกียจในแววตา พร้อมกับเอ่ยด้วยสีหน้าที่ดูอ่อนโยน “เจ้าเข้าไปปรนนิบัติท่านแม่ทัพในห้อง แล้วเรียกไฉ่หลีออกมา!”ไฉ่หลีเป็นคนใจดำ และพอมีฝีไม

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 17

    “ไม่จำเป็น!” เย่เต๋อโหรวกล่าวอย่างเย็นชา เหลือบมองจี๋เสียงและหรูอี้ด้วยสายตาเยือกเย็น จากนั้นก็เอ่ยกับไฉ่หลี “พวกนางสองคนปรนนิบัติจ่านเหยียนได้แค่วันเดียว แต่กลับมีความจงรักภักดีอย่างมาก พาออกไปรับรางวัลเถิด!”“บ่าวมิกล้ารับความดีความชอบ การปรนนิบัตินายเป็นหน้าที่ของบ่าวอยู่แล้วเจ้าค่ะ!” จี๋เสียงและหรูอี้กล่าวพร้อมกันไฉ่หลีเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าดุร้าย “ฮูหยินบอกจะให้รางวัลพวกเจ้า พวกเจ้ามีสิทธิ์ปฏิเสธที่ไหนกัน?” พูดจบก็คว้าแขนทั้งสองคนแล้วลากออกไปข้างนอกนอกประตู ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะที่น่ากลัวของไฉ่หลี “พวกเจ้าจงรักภักดีขนาดนี้ เช่นนั้นก็รับบาปแทนเจ้านายของพวกเจ้าสักหน่อยเถอะ!”เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองดังขึ้น เย่เต๋อโหรวยิ้มอย่างโหดเหี้ยม เปิดม่านขึ้น จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปในห้องนอนภายในห้องนอนมืดสนิท ไม่มีแสงสว่างแม้แต่น้อย ความเงียบสงัดปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของหลงจ่านเหยียนดังขึ้นอย่างต่อเนื่องนางหัวเราะเยาะ ใกล้จะตายแล้วยังนอนหลับสนิทได้อีกหรือ? นางจะไม่ปล่อยให้ได้อยู่อย่างสงบสุขแน่นางเดินไปตามทิศทางของเตียง แต่เพิ่งจะก้าวออกไปได้ก้าวเดีย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 18

    ความหวาดกลัวแล่นเข้ามาในใจ นางตั้งสติด้วยความตกใจ เอ่ยถามไฉ่หลี “เมื่อครู่เจ้าได้ยินอะไรบ้าง?”ไฉ่หลีมองนาง “ได้ยินไม่ชัด เหมือนจะเป็นเสียงกรีดร้องเจ้าค่ะ!”เย่เต๋อโหรวเลิกผ้าม่านขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในห้องจุดโคมไฟติดผนัง แสงไฟสลัว ๆ พร่ามัว ข้างเตียงมีร่างหนึ่งสวมชุดขาวยืนอยู่ เย่เต๋อโหรวรู้สึกราวกับเลือดทั้งร่างกายแข็งตัว ร่างกายสั่นเทิ้มไม่หยุดเมื่อครู่ เพราะในใจเต็มไปด้วยความแค้นต่อหยางจิ่วเม่ย จึงไม่รู้สึกกลัว แต่ตอนนี้เมื่อเห็นร่างขาวซีดนั่น ความทรงจำทั้งหมดก็ผุดขึ้นมาในใจ เสียงร้องโหยหวนอันน่าเวทนาของหยางจิ่วเม่ยก็ดังก้องอยู่ในหูไม่หยุด ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูกร่างนั้นค่อย ๆ หันกลับมา กลับกลายเป็นหลงจ่านเหยียนเมื่อสายตาของเย่เต๋อโหรวสบเข้ากับรอยยิ้มเย็นยะเยือกที่มุมปากของหลงจ่านเหยียน ความหวาดกลัวในใจก็พุ่งขึ้นถึงขีดสุด สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านใบหน้าของนาง ทำให้นางรู้สึกขนลุกซู่นางปล่อยม่านลงแทบจะในชั่วพริบตา เดินโซเซออกไปข้างนอก เหงื่อเย็นไหลออกมาทั่วร่างไฉ่หลีรีบตามไป จากนั้นเอ่ยถาม “ฮูหยิน เหตุใดจึงไม่เข้าไปล่ะเจ้าคะ? แล้วยานี่จะทำอย่

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 19

    กัวกูกูจะไม่เข้าใจคำพูดแฝงความนัยของฮูหยินผู้เฒ่าได้อย่างไร? ไทเฮาให้ความสำคัญกับนาง ส่วนนางข้าหลวงขั้นสองในวังอย่างนาง มีสิทธิ์อะไรมาทำหน้าบึ้งตึงที่นี่?เพียงแต่ดีชั่วกัวกูกูก็อยู่ในวังมานานหลายปี จะมองสถานการณ์ตรงหน้าไม่ออกได้อย่างไร? หลังจากที่หลงจ่านเหยียนเข้าวังแล้ว จวนแม่ทัพก็จะต้องได้รับความสำคัญไปช่วงหนึ่ง ไทเฮาตรัสไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะใช้ประโยชน์จากตระกูลหลง แต่ก็ต้องควบคุมตระกูลหลงด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ตระกูลหลงช่วยเหลือรัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์แล้วมีผลงานเหนือผู้เป็นนาย การใช้อำนาจและความเมตตาควบคู่กันไปย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุดดังนั้นในเวลานี้ นางจึงไม่จำเป็นต้องประจบประแจงฮูหยินผู้เฒ่าหลง เพื่อมิให้นางคิดว่าจวนแม่ทัพมีอำนาจล้นฟ้าเพราะฉะนั้น เมื่อนางได้ยินคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่า ก็เพียงยิ้มบาง ๆ “เรื่องนี้บ่าวรู้ดีเจ้าค่ะ ไทเฮาทรงได้รับชาอวิ๋นอู้มาไม่ถึงสิบชั่ง แต่แบ่งพระราชทานออกไปตั้งแปดชั่ง จวนแม่ทัพได้รับสามเหลี่ยง!”“กัวกูกูสมแล้วที่เป็นคนสนิทของไทเฮา ความจำช่างดีเยี่ยมเสียจริง เรื่องราวในวังมีมากมาย กัวกูกูยังจำได้แม้กระทั่งว่าจวนแม่ทัพได้รับชาอวิ๋นอู้มาสามเหลี่ยง!”

Latest chapter

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 184

    จ่านเหยียนนิ่งงันไปแล้ว นางไม่เคยคิดถึงจุดนี้ มิเช่นนั้นตอนนั้นก็คงไม่มือบอนทำลายวิญญาณมังกร“ตอนนี้ต้องการให้ข้าทำอย่างไร?” จ่านเหยียนถามฮุ่ยอวิ่นทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย “พระอาจารย์เป่ากวงบอกว่าท่านมีวิธี”จ่านเหยียนถอนหายใจทีหนึ่ง “ข้าจะไปจวนอ๋องกับท่าน เจอท่านอ๋องแล้วค่อยว่ากันเถอะ”“ได้!” ฮุ่ยอวิ่นพลันดีใจ จากนั้นก็รีบลุกขึ้นยืนจ่านเหยียนมองฮุ่ยอวิ่น “แต่ ไม่แน่ว่าข้าจะช่วยท่านอ๋องได้”ฮุ่ยอวิ่นคิดว่านางแค่พูดเผื่อเอาไว้ จึงรีบพูดว่า “คุณชายอู่โปรดวางใจ ไม่ว่าจะรักษาได้หรือไม่ ข้าน้อยจะไม่โทษคุณชายอู่เด็ดขาด”ความจริงจ่านเหยียนมิได้หมายความเช่นนั้น แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้ จึงได้แต่เอ่ย “ดี พวกเราไปกันเถอะ”เป็นครั้งแรกที่จ่านเหยียนย่างเท้าเข้าจวนเซ่อเจิ้งอ๋อง นางแหงนหน้ามองป้าย ตัวอักษรลี่ซูสีทองเงาเขียนคำว่า ‘จวนเซ่อเจิ้งอ๋อง’ อร่ามแวววาว ตัวอักษรหวัดเขียนได้ทรงอำนาจมากป้ายนี้เป็นของใหม่ เดิมคือจวนอันหนิงอ๋องกำแพงจวนอ๋องเคยเสริมความแข็งแรงมาก่อน มีร่องรอยของใหม่ บนกำแพงปราศจากพืชไต่ ตัวกำแพงอิฐเขียวทอดตัวยาว กินเนื้อที่ประมาณหลายสิบหมู่หน้าประตูจวนมีทหารเฝ้ายามอยู่ บนปร

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 183

    “ขอรับ!” องครักษ์เอ่ยอาเสอพาเขาเข้าไปข้างใน จ่านเหยียนรออยู่ตรงหน้าระเบียงทางเดินแล้ว นางเปลี่ยนมาใส่ชุดตัวยาวลายใบไผ่เขียวอันเป็นสิริมงคล รูปร่างสูงโปร่ง ดูสูงเล็กน้อยตรงลำคอมีลูกกระเดือกเช่นเดียวกับบุรุษ ไม่ว่านางจะมีเครื่องหน้าคล้ายสตรีแค่ไหน เมื่อเห็นลูกกระเดือก อย่างไรก็คือบุรุษขนานแท้“คุณชายอู่ คุณชายท่านนี้บอกว่าต้องการพบท่าน” อาเสอกล่าวจ่านเหยียนแย้มยิ้ม “ไม่ทราบท่านคือ?”“ข้าน้อยฮุ่ยอวิ่น มาคารวะคุณชายอู่โดยเฉพาะ!” ฮุ่ยอวิ่นมองประเมินจ่านเหยียน ครั้นสายตามองไปที่ดวงหน้าของจ่านเหยียนก็ชะงักไปเล็กน้อย คนผู้นี้หน้าตามีเมตตาจ่านเหยียนอ้อ “ที่แท้ก็คุณชายฮุ่ยอวิ่น รีบเชิญเถอะ!”ทั้งสองเข้าไปนั่งในห้องโถงใหญ่ อาเสอยกน้ำชามา ก่อนจะยืนอยู่ข้างตัวจ่านเหยียน“คุณชายอู่” ฮุ่ยอวิ่นจิบน้ำชาคำหนึ่ง เข้าประเด็นแบบไม่อ้อมค้อม “ที่ข้าน้อยมาคารวะอย่างกะทันหันในวันนี้ ความจริงเพราะมีเรื่องต้องการร้องขอ”จ่านเหยียนยกน้ำชาขึ้นช้า ๆ เป่าฟองน้ำชา นางแปลกใจกับจุดประสงค์การมาของเขา แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา “คุณชายอย่าได้บอกว่าขอร้องเลย มีเรื่องอันใดก็ว่ามาเถอะ”ฮุ่ยอวิ่นมองอาเสอ จ่านเหยียนสา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 182

    อาเสอหัวเราะ ไม่ได้อธิบาย เพียงกดปุ่มบนประตูเหล็ก ประตูอัตโนมัติค่อย ๆ เปิดออก ที่แสดงอยู่ตรงหน้าทั้งสามคือบ้านเดี่ยวสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปในยุคปัจจุบันจ่านเหยียนเดินเข้าห้องรับแขก การตกแต่งในห้องรับแขกล้วนเป็นเฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่ทั้งหมด จ่านเหยียนเดินไปนั่งอยู่บนโซฟาผ้าสีอ่อนนุ่มนิ่มอบอุ่น จากนั้นก็วางท้าวอยู่บนโต๊ะอย่างสบายอารมณ์อาหูเบิกตากว้างยิ่งกว่าเดิม ยืนอยู่ในรับแขกแทบไม่รู้ควรทำอย่างไรดี หมุนศีรษะสามร้อยหกสิบองศา ถอนหายใจด้วยความตะลึงไม่หยุดทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงบุรุษจึงสะดุ้ง หันไปมองรอบ ๆ กลับเห็นของสีดำทรงสี่เหลี่ยมอยู่บนผนัง จู่ ๆ ก็มีภาพสีฉายออกมา ยังมีคนเดินไปเดินมา เสียงดังออกมาจากหน้าจอสีดำนั้นนั่นแหละ“นี่คือสิ่งใดกัน?” อาหูตั้งท่าเตรียมต่อสู้รอปะทะด้วยเหตุนี้ อาเสอจึงได้แต่ลากนางเข้าห้อง เล่าเรื่องที่บ้านตั้งอยู่ตรงประตูมิติเวลาให้นางฟังหนึ่งรอบ สองรอบ สามรอบ...แต่เห็นได้ชัดว่าอาหูไม่เข้าใจ นางกะพริบดวงตาเครื่องหมายคำถามกับอาเสอไม่หยุดอาเสอจึงได้แต่บอกง่าย ๆ ว่า “สรุปแล้ว เรือนหลังนี้เชื่อมต่อกับสองมิติเวลา ถ้าเจ้าเดินออกประตูทางขวาก็คือแคว้นต้าโจวที่เจ้า

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 181

    เขาเอ่ยขึ้นทันใด “ถูกต้อง ข้าเลินเล่อแล้ว”“เช่นนั้นข้าน้อยขอลา!” จ่านเหยียนเขียนตำรับยาแล้วจึงเอ่ยใต้เท้าเหลียงชะงักงัน “นี่คุณชายจะกลับแล้วหรือ?”จ่านเหยียนมองเขา แล้วถามด้วยความฉงน “ยังมีสิ่งใดต้องการจากข้าน้อยหรือ?”ใต้เท้าเหลียงมองประเมินนาง แล้วจึงเอ่ย “คุณชายช่วยลูกสาวของข้า หรือว่าไม่อยากได้สิ่งใด หรือต้องการให้ข้าทำอะไรให้คุณชายหรือ?”หากไม่มีจุดประสงค์ เหตุใดต้องเสี่ยงภัยใหญ่หลวงช่วยคนด้วย? หากตรวจสอบพบ ต้องโทษถึงประหารชีวิตทั้งครอบครัวเชียวนะไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อว่ามีคนดี แต่สถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน ไม่มีใครหวังดีเสี่ยงถูกประหารชีวิตเพื่อช่วยคนหรอกอย่างน้อยเขาก็ไม่ ดังนั้นเขาไม่เชื่อว่าหลงอู่จะช่วยคนเพียงเพราะมีจิตเมตตาจ่านเหยียนหัวเราะแล้วเอ่ย “อาจจะมี แต่มิใช่เวลานี้ แต่ใต้เท้าโปรดวางใจ สิ่งที่ข้าน้อยต้องการ ใต้เท้าต้องให้ได้แน่ ข้าน้อยจะไม่ทำให้คนลำบากใจ”ใต้เท้าเหลียงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณชายกล่าวหนักไปแล้ว ขอเพียงไม่ผิดต่อมโนธรรม ไม่ว่าคุณชายต้องการให้ข้าทำสิ่งใด หากอยู่ในขอบเขตความสามารถของข้า สามารถให้ได้ สามารถทำได้ ข้าจะต้องทำให้อย่างแน่นอน”จ่าน

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 180

    จ่านเหยียนเอื้อมมือกดจุดเหรินจงของเหลียงกุ้ยเหรินทีหนึ่ง เมื่อนั้นเหลียงกุ้ยเหรินจึงค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมานางมองจ่านเหยียนอย่างอ่อนแรง แววตาสับสนเล็กน้อย พยายามจะส่งเสียง แต่กล่องเสียงเจ็บมาก นางพยายามเปล่งเสียงออกมาคำหนึ่ง เสียงที่เปล่งออกมาแหบแห้งราวกับผ้าไหมที่ฉีกขาด “ข้าตายแล้วหรือ?”อาเสอจึงเดินไปบอก “ท่านยังมีชีวิตอยู่”นางนิ่งค้างไป มีชีวิตอยู่? จะเป็นไปได้อย่างไร? ฮองเฮาจะปรานีนางหรือ? ไม่ถูก นางดื่มสุราพิษลงไปกาหนึ่งแล้ว น่าจะตายแล้วนี่อาหูเปิดประตู คุณชายเหลียงซานปรี่เข้ามา ใต้เท้าเหลียงก็ประคองเหลียงฮูหยินเข้ามาด้วย ทั้งสามตรงดิ่งไปถึงข้างเตียง เหลียงฮูหยินกอดเหลียงกุ้ยเหรินเอาไว้แล้วร้องไห้ “ลูกแม่ เจ้าฟื้นสักที”เหลียงกุ้ยเหรินพลันแสบจมูก น้ำตาพรั่งพรูออกมาอย่างหยุดไม่อยู่ นับจากเข้าวังก็ไม่เคยได้พบครอบครัวอีกเลย นางต้องตายไปแล้วแน่ ๆ วิญญาณกลับมาจึงทำให้นางได้เห็นครอบครัว“ท่านแม่ อย่าร้องไห้ แม้ลูกตายไปแล้วก็จะคุ้มครองพวกเราทั้งครอบครัว” นางเปล่งเสียงออกมาจากลำคอด้วยความลำบาก พูดคำหนึ่งก็เจ็บลำคอราวกับเข็มทิ่มแทงเหลียงฮูหยินซับน้ำตาบนใบหน้าของนาง หัวเราะระคนร้องไห้

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 179

    แน่นอนว่าหากเป็นยุคปัจจุบัน นางยังมีอีกวิธี แต่ที่นี่ไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือ นางจึงได้แต่ใช้วิธีการพิเศษอาหูจูงมือของอาเสอ “อาเสอ พูดให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ หน้าดำหมดแล้ว” กล่าวจบก็บุ้ยปากกวาดตาไปทางจ่านเหยียนที่กำลังทำหน้าบึ้งอาเสอกลืนน้ำลายแล้วยิ้มเอ่ย “แน่นอน ยาคืนวิญญาณก็เป็นแขนงหนึ่งของวิชาแพทย์ อย่างไรก็เป็นของที่คุณหนูใหญ่ทำขึ้นมานี่!”จ่านเหยียนโบกมือไปผ่านหว่างคิ้วของเหลียงกุ้ยเหรินทีหนึ่ง เมื่อนั้นหว่างคิ้วของเหลียงกุ้ยเหรินก็กระตุกเล็กน้อย แพขนตาเริ่มขยับทันใดนั้นในห้องก็มีลมหอบมาวูบหนึ่ง อาหูตกใจ ขณะกำลังจะตั้งท่ารับ อาเสอก็พูดขึ้น “เจ้าหน้าที่ทางยมโลกมาแล้ว”อาหูอึ้ง สายตาจับจดเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงในห้องปรากฏคนสองคน แต่งกายสะอาดสะอ้าน ดวงหน้าคมสัน แผ่กลิ่นอายเย็นยะเยือกออกมาจากตัวทั้งสองยืนอยู่นิ่ง ๆ ผ่านไปครู่เดียวก็มีควันขาวพวยพุ่งขึ้นมา ปรากฏคนที่ท่าทางเหมือนบัณฑิตวัยกลางคนอาภรณ์ขาวหนวดเฟิ้มคนหนึ่งในมือของเขาถือสมุดอยู่เล่มหนึ่ง พลิกเปิดสองสามหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงเดินมาประสานมือกับจ่านเหยียน “คารวะท่านเซียน”จ่านเหยียนอื่มทีหนึ่ง “มีเรื่องอันใด

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 178

    เหลียงซานวางเหลียงกุ้ยเหรินลงบนเตียงตามที่นางสั่ง เลิกผ้าห่มผ้าฝ้ายขึ้น ครั้นหันกลับมาก็คุกเข่าลงดังตุบ “ผู้มีพระคุณ ขอร้องละ ท่านโปรดช่วยน้องสาวของข้าด้วย!”จ่านเหยียนในคราบคุณชายเอื้อมมือดึงเขา “มิเช่นนั้น ท่านคิดว่าข้าจะเสี่ยงอันตรายเช่นนี้มาเพื่ออะไร?”เหลียงซานโขกศีรษะด้วยความซาบซึ้ง “หากคุณชายสามารถช่วยน้องสาวของข้าได้ ชีวิตของข้าก็คือของคุณชายแล้ว”“ข้าจะเอาชีวิตของท่านไปทำอันใด? ลุกขึ้น รีบออกไปไล่คนข้างนอกเสีย เรื่องในคืนนี้ นอกจากคนที่ท่านเชื่อใจได้ก็ห้ามให้ผู้ใดล่วงรู้ มิเช่นนั้นนางจะยังมีอันตราย” จ่านเหยียนเอ่ย“ได้!” เหลียงซานทำหน้าขึงขัง มองเหลียงฮูหยินที่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่จึงเอ่ย “ท่านแม่ เฝ้าน้องเอาไว้ ข้าไปเดี๋ยวเดียวก็มาขอรับ”เหลียงฮูหยินคืนสติกลับมา สะอื้นรับคำเนือง ๆ “ได้ ได้!”ประตูถูกผลักออก ใต้เท้าเหลียงชนเข้ามา กลิ่นสุราฟุ้งทั้งตัว ดูท่านจะดื่มมาไม่น้อยเขาปรี่มาถึงข้างเตียง ครั้นเห็นดวงหน้าบุตรสาวตัวเองอยู่บนเตียงก็เอื้อมมือออกไปทดสอบลมหายใจ จากนั้นก็ผงะถอยหลังสองก้าว ตามด้วยนั่งยองลงช้า ๆ เอามือปิดหน้าแล้วปล่อยโฮออกมาภาพนี้ทำให้จ่านเหยียนรู้สึกแสบจ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 177

    “ท่านพ่อ มิสู้ท่านเข้าวังทูลขอกับฝ่าบาทอีกครั้งเถอะ อย่างไรพระองค์กับน้องหญิงก็เป็นสามีภรรยากัน” ในดวงตาของเหลียงซานมีประกายแห่งความหวังเล็กน้อยใต้เท้าเหลียงส่ายหน้า ตอบอย่างเศร้าสร้อย “ไม่มีประโยชน์ ฝ่าบาททรงถูกสกุลถงปิดบังพระเนตร นึกว่าน้องสาวเจ้าจงใจทำแท้งใส่ร้ายหยวนผิน แค้นนางเข้ากระดูกนานแล้ว ไหนเลยจะยอมอภัยโทษให้นาง?”เหลียงซานซวนเซสองสามก้าว ก่อนจะเอ่ยอย่างใจลอย “พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เราต้องมองดูน้องหญิงตายไปทั้งอย่างนี้...”ใต้เท้าเหลียงหอบหายใจทีหนึ่ง แล้วเอ่ยเสียงเด็ดขาด “ที่แล้วมาฝ่าบาทเป็นหุ่นเชิดของราชครูถง ข้าหวังจริง ๆ หวังจริง ๆ ว่าเซ่อเจิ้งอ๋องจะสามารถยึดอำนาจกลับคืนมาได้ อย่างน้อย...”“ท่านพ่อ...” เหลียงซานมองเขาอย่างตกตะลึงพรึงเพริด ไม่นึกว่าบิดาที่สุขุมมาตลอดจะกล่าวถ้อยคำเช่นนี้ออกมาได้ เขาจงรักภักดีต่อฮ่องเต้มาตลอดนะใต้เท้าเหลียงเสียงสะอื้น “ซานเอ๋อร์ ไปเฝ้าหน้าประตูวังเดี๋ยวนี้ ต่อให้น้องสาวของเจ้าตาย เราก็ต้องเตรียมดินกลบร่างให้นาง”เหลียงซานหมุนตัวออกไปเงียบ ๆ ลากกระบี่ยาวไปกับพื้นส่งเสียงดังแกรก ๆนี่ก็คือความทุกข์ของการเป็นเบี้ยล่าง นี่ก็คือความระทมข

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 176

    กาสุราสำริดตกลงพื้นดัง ‘เคล้ง’ แล้วหมุนเป็นวงบนพื้นเย็นเฉียบสองรอบ ก่อนจะหยุดอยู่ข้างเท้าของฮองเฮาเหลียงกุ้ยเหรินมองนางอย่างสงบ ทันใดนั้นหว่างคิ้วกระตุกขึ้นมาอย่างรุนแรง องคาพยพย่นยู่เข้าด้วยกันด้วยความทรมาน นางเอามือไปกดท้องตามจิตใต้สำนึก จากนั้นก็ค่อย ๆ ย่อตัวต่ำลง ก่อนจะล้มลงกับพื้นดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ บนใบหน้ามีความทรมานและความตื่นตระหนกหวาดกลัว น้อยคนนักที่จะเผชิญหน้ากับความตายที่กำลังจะมาถึงซึ่งหน้านางใช้มือหนึ่งดึงข้อเท้าของฮองเฮา และเอ่ยอย่างเจ็บปวด “ฮองเฮา ทรงตรัสแล้วว่า จะไม่ทำให้ครอบครัวหม่อมฉันลำบากใจ...”เลือกสดทะลักออกมาจากปากของนางที่ยังกล่าวไม่จบทีละคำ ๆ นางตัวกระตุก ยังไม่ทันกล่าวจบก็กรีดร้องด้วยความทุกข์ทนแสนสาหัสฮองเฮามองนางด้วยสีหน้าเย็นชา นางขยับเท้าออกเบา ๆ ไม่ได้พูด ทว่ามีความสาแก่ใจปราดผ่านเข้ามาในดวงตาไม่ว่าผู้ใดนางก็เสียสละได้ เป้าหมายคือเพื่อปกป้องตำแหน่งฮองเฮาของนางสกุลถงเป็นฮองเฮาสามชั่วอายุคน นางจะให้ตำแหน่งของตัวเองสั่นคลอนไม่ได้แม้แต่น้อยนางจ้องมองเหลียงกุ้ยเหรินอยู่อย่างนี้ กระทั่งอีกฝ่ายเปลี่ยนจากตัวกระตุกเป็นเกร็งทื่อทีละน้อ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status