แชร์

บทที่ 15

ผู้เขียน: ลิ่วเยว่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-14 13:43:49
เย่เต๋อโหรวรีบคุกเข่าลง จับชายแขนเสื้อของเขาไว้ แล้วเอ่ยด้วยความเศร้าโศก “วันนั้น ข้าสัญญากับจิ่วเม่ยว่าจะดูแลบุตรสาวของนางเป็นอย่างดี จ่านเหยียนในวันนี้กลายเป็นเช่นนี้ ข้าก็มีส่วนรับผิดชอบอย่างไม่อาจปฏิเสธ หากท่านแม่ทัพต้องการจะสั่งสอนนาง มิสู้ข้าไปเองเสียจะดีกว่า อย่างน้อยหากคนจากวังหลวงมาเอาผิด ก็จะได้อ้างว่าเป็นความคิดของข้าเพียงผู้เดียว จะได้ไม่พาดพิงถึงท่านแม่ทัพ!”

หลงฉางเทียนถอนหายใจ ยื่นมือไปพยุงเย่เต๋อโหรวขึ้น “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จักเจ้าหรือ? เจ้าบอกว่าจะไปสั่งสอนนาง ก็คงแค่พูดดุนางสองสามประโยค เจ้านี่นะ ใจอ่อนเกินไป สุดท้ายก็ต้องเสียเปรียบ!”

“เสียเปรียบสักหน่อยจะเป็นไรไป? อีกอย่าง นางเป็นคนรักศักดิ์ศรี ดุนางสองสามประโยคก็หนักหนาแล้ว อีกไม่นานก็ต้องเข้าวัง มีเรื่องน้อยลงไปอีกเรื่องคงจะดีเสียกว่า!”

เย่เต๋อโหรวพูดจบ ก็หันไปกำชับไฉ่หลี “ท่านแม่ทัพดื่มเหล้ามา ยังไม่รีบไปดูแลให้ท่านแม่ทัพเข้าไปพักผ่อนอีก?”

หลงฉางเทียนได้ยินดังนั้น ความโกรธบนใบหน้าก็หายวับไปในทันที มุมปากแฝงไปด้วยรอยยิ้มคลุมเครือมองไปที่ไฉ่หลี

ไฉ่หลีหน้าแดงก่ำ ทำท่าเขินอายก่อนจะตอบรับ “เจ้าค่ะ ฮูหยิน!”

หลงจ่านซินมองไฉ่หลีด้วยสายตาเหยียดหยาม กำลังจะเอ่ยขึ้น ทว่าเย่เต๋อโหรวกลับดึงนางไว้ “เจ้าก็กลับห้องไปเถอะ อย่าให้บ่าวไพร่เห็นเจ้าในสภาพนี้ อีกไม่นานเจ้าก็จะเป็นพระชายารองของฉีอ๋องแล้ว จะเสียมารยาทเช่นนี้ได้อย่างไร?”

“เจ้าค่ะ!” หลงจ่านซินออกไปอย่างไม่เต็มใจ

ไฉ่หลีพยุงหลงฉางเทียนเข้าไปในห้อง เย่เต๋อโหรวมองตามหลังทั้งสองคนด้วยสีหน้ามืดมน เมื่อเห็นมือของหลงฉางเทียนวางอยู่บนเอวบาง ๆ ของไฉ่หลี ความโกรธในดวงตานางแทบจะปะทุออกมา

คนภายนอกต่างพากันพูดว่านางเย่เต๋อโหรวได้รับความรักจากสามี ใช้ชีวิตคู่กันอย่างมีความสุข สามีไม่เคยรับอนุภรรยา ไม่เคยมีเรื่องชู้สาวเสื่อมเสียใด ๆ ไม่เคยแม้แต่จะย่างกรายเข้าไปในสถานเริงรมย์

แต่ใครจะรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงภาพลวงตาที่นางสร้างขึ้นอย่างยากลำบาก? บ่าวรับใช้ที่หน้าตางดงามรอบกายนาง ก็เหมือนกับนางสารเลวหยางจิ่วเม่ยคนนั้น ล้วนเป็นสาวใช้ต้นห้อง

หลายปีมานี้ หลงฉางเทียนดูเหมือนจะรักและให้เกียรตินาง แต่กลับไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนางเลย เขามัวแต่หลงใหลไปกับสาวงามที่อ่อนเยาว์ แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าทุกค่ำคืนนางต้องหลั่งน้ำตา?

ข้างกายเขาไม่เคยขาดหยางจิ่วเม่ย!

ส่วนนาง ได้แต่ระบายความแค้นทั้งหมดที่มีอยู่ในใจ ไปที่บุตรสาวของหยางจิ่วเม่ยนางสารเลวคนนั้น

ถึงแม้ตอนนี้หลงจ่านเหยียนกำลังจะเข้าวังไปเป็นเครื่องสังเวย ก็จะไม่ปล่อยนางไปง่าย ๆ ต้องให้นางทนทุกข์ทรมานจนตาย

หมัวมัวในห้องของฮูหยินผู้เฒ่ามาถึงห้องของหลงจ่านเหยียน ในตอนนั้น จ่านเหยียนได้เข้านอนแล้ว นางเอ่ยกับกัวกูกูสอนมารยาท “กัวกูกู ฮูหยินผู้เฒ่าเชิญท่านและองครักษ์ทั้งสอง ไปดื่มน้ำชาที่ห้องเจ้าค่ะ!”

กัวกูกูเอ่ยขึ้น “รบกวนไปรายงานฮูหยินผู้เฒ่าว่า ไม่ต้องเกรงใจถึงเพียงนี้!”

หมัวมัวยิ้มน้อย ๆ เดินเข้าไปจับมือของกัวกูกู เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหมาย “กูกูและองครักษ์ทั้งสองจากวังหลวงทำงานเหน็ดเหนื่อย ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกขอบคุณ ย่อมต้องมีรางวัลให้แน่นอน!”

กัวกูกูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “นี่ บ่าวก็แค่ทำตามหน้าที่ ไม่ควรค่าแก่การที่ฮูหยินผู้เฒ่าให้ความสำคัญถึงเพียงนี้!”

หมัวมัวตบบนหลังมือของนางเบา ๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหมาย “ยากที่จะปฏิเสธน้ำใจไมตรีนะ!”

กัวกูกูยิ้ม “เช่นนั้น ก็รบกวนหมัวมัวนำทางแล้ว!”

กัวกูกูจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าฮูหยินผู้เฒ่าหลงคิดอะไรอยู่? คุณหนูใหญ่ตระกูลหลงผู้นี้ ไม่เคยเป็นที่รักใคร่ในจวน วันนี้เพราะนางทำให้คุณหนูรองตระกูลหลงถูกตบ ฮูหยินผู้เฒ่าต้องโยนความโกรธทั้งหมดมาที่หลงจ่านเหยียนอย่างแน่นอน

ดังนั้น ตอนนี้ให้คนมาเรียกนางออกไป แสดงว่าจะลงมือแล้ว

นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวขึ้น “บ่าวเชื่อว่าฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนที่รู้จักความพอประมาณเจ้าค่ะ!” เรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตานาง นางก็แค่ทำเป็นไม่รู้ก็แล้วกัน อย่างไรเสีย หลงจ่านเหยียนตายไป คนที่รับเคราะห์ก่อนก็คือจวนตระกูลหลง นางไม่คิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าหลงจะยอมให้ตระกูลหลงถูกไทเฮาเอาผิด เพียงเพราะความโกรธเล็ก ๆ น้อย ๆ !”

หมัวมัวยิ้ม “เรื่องนี้กูกูไม่ต้องกังวล เป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ภายในครอบครัวเท่านั้น เชิญกูกูเถิด!”

“อืม!”กัวกูกูเรียกองครักษ์หลวงทั้งสอง แล้วเดินตามหมัวมัวไปด้วยกัน

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 16

    ระหว่างทาง องครักษ์หลวงสองคนเอ่ยถามกัวกูกูอย่างแผ่วเบา “กลัวว่าจะเกิดเรื่องหรือไม่?”กัวกูกูยิ้มอย่างเยือกเย็น “คนที่จะกลัวมิใช่พวกเราหรอก!”องครักษ์หลวงสองคนไตร่ตรองถึงผลได้ผลเสียอย่างรอบคอบ ก็รู้สึกว่าที่กัวกูกูพูดก็มีเหตุผล ถึงอย่างไรก็เป็นแค่เรื่องที่ฮูหยินผู้เฒ่าต้องการจะสั่งสอนหลานสาว พวกเขาจะไปขัดขวางได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่ได้เห็นอะไร ไม่ได้รู้อะไรเลยหากจะมองในแง่ร้ายที่สุด ในวังหลวงใครจะมาสนใจหลงจ่านเหยียนกัน? ถึงอย่างไรก็เป็นแค่คนที่จะต้องตายแล้วทันทีที่กัวกูกูพาคนเข้าไปในเรือนของฮูหยินผู้เฒ่า ก็มีคนไปแจ้งเรื่องนี้ให้เย่เต๋อโหรวทราบเย่เต๋อโหรวนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเงียบ ๆ ฟังน้ำเสียงคลุมเครือชวนให้คิดไปไกลต่าง ๆ ที่ดังมาจากห้องด้านใน รับรู้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกมีดกรีดเมื่อได้ยินรายงานจากคนที่เข้ามา นางก็ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยขึ้น “พอแล้ว เจ้าออกไปเถิด!”นางเรียกหญิงรับใช้ที่ชื่อหงฮวาเข้ามา เก็บซ่อนความรังเกียจในแววตา พร้อมกับเอ่ยด้วยสีหน้าที่ดูอ่อนโยน “เจ้าเข้าไปปรนนิบัติท่านแม่ทัพในห้อง แล้วเรียกไฉ่หลีออกมา!”ไฉ่หลีเป็นคนใจดำ และพอมีฝีไม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-14
  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 17

    “ไม่จำเป็น!” เย่เต๋อโหรวกล่าวอย่างเย็นชา เหลือบมองจี๋เสียงและหรูอี้ด้วยสายตาเยือกเย็น จากนั้นก็เอ่ยกับไฉ่หลี “พวกนางสองคนปรนนิบัติจ่านเหยียนได้แค่วันเดียว แต่กลับมีความจงรักภักดีอย่างมาก พาออกไปรับรางวัลเถิด!”“บ่าวมิกล้ารับความดีความชอบ การปรนนิบัตินายเป็นหน้าที่ของบ่าวอยู่แล้วเจ้าค่ะ!” จี๋เสียงและหรูอี้กล่าวพร้อมกันไฉ่หลีเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าดุร้าย “ฮูหยินบอกจะให้รางวัลพวกเจ้า พวกเจ้ามีสิทธิ์ปฏิเสธที่ไหนกัน?” พูดจบก็คว้าแขนทั้งสองคนแล้วลากออกไปข้างนอกนอกประตู ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะที่น่ากลัวของไฉ่หลี “พวกเจ้าจงรักภักดีขนาดนี้ เช่นนั้นก็รับบาปแทนเจ้านายของพวกเจ้าสักหน่อยเถอะ!”เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองดังขึ้น เย่เต๋อโหรวยิ้มอย่างโหดเหี้ยม เปิดม่านขึ้น จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปในห้องนอนภายในห้องนอนมืดสนิท ไม่มีแสงสว่างแม้แต่น้อย ความเงียบสงัดปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของหลงจ่านเหยียนดังขึ้นอย่างต่อเนื่องนางหัวเราะเยาะ ใกล้จะตายแล้วยังนอนหลับสนิทได้อีกหรือ? นางจะไม่ปล่อยให้ได้อยู่อย่างสงบสุขแน่นางเดินไปตามทิศทางของเตียง แต่เพิ่งจะก้าวออกไปได้ก้าวเดีย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-14
  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 18

    ความหวาดกลัวแล่นเข้ามาในใจ นางตั้งสติด้วยความตกใจ เอ่ยถามไฉ่หลี “เมื่อครู่เจ้าได้ยินอะไรบ้าง?”ไฉ่หลีมองนาง “ได้ยินไม่ชัด เหมือนจะเป็นเสียงกรีดร้องเจ้าค่ะ!”เย่เต๋อโหรวเลิกผ้าม่านขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในห้องจุดโคมไฟติดผนัง แสงไฟสลัว ๆ พร่ามัว ข้างเตียงมีร่างหนึ่งสวมชุดขาวยืนอยู่ เย่เต๋อโหรวรู้สึกราวกับเลือดทั้งร่างกายแข็งตัว ร่างกายสั่นเทิ้มไม่หยุดเมื่อครู่ เพราะในใจเต็มไปด้วยความแค้นต่อหยางจิ่วเม่ย จึงไม่รู้สึกกลัว แต่ตอนนี้เมื่อเห็นร่างขาวซีดนั่น ความทรงจำทั้งหมดก็ผุดขึ้นมาในใจ เสียงร้องโหยหวนอันน่าเวทนาของหยางจิ่วเม่ยก็ดังก้องอยู่ในหูไม่หยุด ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูกร่างนั้นค่อย ๆ หันกลับมา กลับกลายเป็นหลงจ่านเหยียนเมื่อสายตาของเย่เต๋อโหรวสบเข้ากับรอยยิ้มเย็นยะเยือกที่มุมปากของหลงจ่านเหยียน ความหวาดกลัวในใจก็พุ่งขึ้นถึงขีดสุด สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านใบหน้าของนาง ทำให้นางรู้สึกขนลุกซู่นางปล่อยม่านลงแทบจะในชั่วพริบตา เดินโซเซออกไปข้างนอก เหงื่อเย็นไหลออกมาทั่วร่างไฉ่หลีรีบตามไป จากนั้นเอ่ยถาม “ฮูหยิน เหตุใดจึงไม่เข้าไปล่ะเจ้าคะ? แล้วยานี่จะทำอย่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-14
  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 19

    กัวกูกูจะไม่เข้าใจคำพูดแฝงความนัยของฮูหยินผู้เฒ่าได้อย่างไร? ไทเฮาให้ความสำคัญกับนาง ส่วนนางข้าหลวงขั้นสองในวังอย่างนาง มีสิทธิ์อะไรมาทำหน้าบึ้งตึงที่นี่?เพียงแต่ดีชั่วกัวกูกูก็อยู่ในวังมานานหลายปี จะมองสถานการณ์ตรงหน้าไม่ออกได้อย่างไร? หลังจากที่หลงจ่านเหยียนเข้าวังแล้ว จวนแม่ทัพก็จะต้องได้รับความสำคัญไปช่วงหนึ่ง ไทเฮาตรัสไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะใช้ประโยชน์จากตระกูลหลง แต่ก็ต้องควบคุมตระกูลหลงด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ตระกูลหลงช่วยเหลือรัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์แล้วมีผลงานเหนือผู้เป็นนาย การใช้อำนาจและความเมตตาควบคู่กันไปย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุดดังนั้นในเวลานี้ นางจึงไม่จำเป็นต้องประจบประแจงฮูหยินผู้เฒ่าหลง เพื่อมิให้นางคิดว่าจวนแม่ทัพมีอำนาจล้นฟ้าเพราะฉะนั้น เมื่อนางได้ยินคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่า ก็เพียงยิ้มบาง ๆ “เรื่องนี้บ่าวรู้ดีเจ้าค่ะ ไทเฮาทรงได้รับชาอวิ๋นอู้มาไม่ถึงสิบชั่ง แต่แบ่งพระราชทานออกไปตั้งแปดชั่ง จวนแม่ทัพได้รับสามเหลี่ยง!”“กัวกูกูสมแล้วที่เป็นคนสนิทของไทเฮา ความจำช่างดีเยี่ยมเสียจริง เรื่องราวในวังมีมากมาย กัวกูกูยังจำได้แม้กระทั่งว่าจวนแม่ทัพได้รับชาอวิ๋นอู้มาสามเหลี่ยง!”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-14
  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 20

    กัวกูกูไม่ได้พูดอะไร นี่คือเรื่องจริงฝ่าบาททรงยืนกรานที่จะให้ฮองเฮาฝังศพสังเวยชีวิตตามไป ทำให้ไทเฮาพิโรธมาก โชคดีที่หลงฉางเทียนเสนอแผนการ อาศัยช่วงที่ฝ่าบาททรงหมดสติ ให้ไทเฮาใช้ข้ออ้างว่าฮองเฮาปกครองวังหลังบกพร่อง จึงลดขั้นนางเป็นกุ้ยเฟย แล้วให้แต่งตั้งฮองเฮาองค์ใหม่เข้าวัง พร้อมทั้งเสนอชื่อบุตรสาวของตนเองและในตอนนั้น นางรู้สึกเพียงว่าใจคนเราช่างเย็นชาได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ? พ่อแท้ ๆ กลับยอมให้ลูกสาวของตนเองไปตายเพื่อเอาใจไทเฮา นางยอมรับว่า ตอนที่เพิ่งออกจากวังแล้วได้พบกับหลงจ่านเหยียน ในใจนางก็รู้สึกสงสารอยู่บ้าง ด้วยเหตุนี้ ตอนที่หลงจ่านซินรังแกหลงจ่านเหยียน นางจึงลงมือสั่งสอนหลงจ่านซินแทนเพียงแต่ว่า ความเห็นใจนั้นเทียบไม่ได้กับเงินที่จับต้องได้ ถึงแม้ว่านางจะอยู่ในวัง แต่คนในครอบครัวของนางก็อยู่ในเมืองหลวง ทุกคนต่างหวังพึ่งเงินของนางเพื่อเลี้ยงชีพเมื่อกลับมาถึงนอกห้อง องครักษ์หลวงทั้งสองเห็นรอยเลือดเป็นดวง ๆ ที่บันไดหิน ต่างตกใจรีบวิ่งขึ้นไป อาถงก้มลงดมครู่หนึ่ง แล้วเงยหน้าขึ้นมองกัวกูกูด้วยสีหน้าซีดเผือด “เป็นเลือดคน!”กัวกูกูหน้าซีดเผือด เอ่ยขึ้นด้วยความตกตะลึง “บ้าไปแล้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-14
  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 21

    ยามเที่ยงหลี่ชินอ๋องพาคนนำของพระราชทานจากในตำหนักมาส่ง นางเฉิน ฮูหยินของหลงฉางอี้ตรวจนับอยู่ในห้องรับแขก นับพลางทำเสียงจุ๊ปากแล้วเอ่ยกับหลงฉางอี้ว่า “ภาพเขียนจากในวังช่างใหญ่เสียจริง หลายอย่างข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลยด้วยซ้ำ!”หลงฉางอี้มองความละโมบในแววตาของนางแล้วเอ่ยอย่างฉุนเฉียวว่า “ไม่ได้เรื่อง ต่อให้ของพวกนี้ล้ำค่าอีกเพียงใดไม่ใช่ของเจ้า ตรวจนับให้ละเอียด อีกประเดี๋ยวกลับไปรายงานให้พี่สะใภ้!”“นางสุภาพร่างกายไม่แข็งแรง!” นางเฉินมองข้ารับใช้ข้างกายแล้วเอ่ยด้วยเสียงกระซิบว่า “อันที่จริง ข้าวของมากมายเช่นนี้ พวกเราเผลอหยิบไปไม่กี่ชิ้นก็ไม่มีใครรู้หรอก!” “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?” หลงฉางอี้กล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “ทั้งหมดนี้ถูกเขียนไว้ในรายการสินสอดแล้ว เจ้าอย่าคิดว่าพี่สะใภ้เป็นคนโง่นะ!” นางเฉินเบะปาก เอ่ยอย่างไม่ยินยอมว่า “แม่หนูเหยียนไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของนางเสียด้วยซ้ำ อีกอย่าง หากพูดกันตามตรง ปกติแล้วข้าปฏิบัติกับแม่หนูเหยียนดีกว่านางเกินสิบเท่า นางมีสิทธิอะไรได้รับเพียงผู้เดียว?”หลงฉางอี้แค่นเสียงเหอะ “เจ้าดีกับแม่หนูเหยียน? พอเถิด แค่ไม่รังแกทุกวันก็นับว่าไม่เลวแล้ว ของพระราชทานพวกนี้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-14
  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 22

    นางเริ่มรู้สึกว่าฮองเฮาที่กำลังเข้าวังเพื่อโดนฝังศพสังเวยชีวิตพระองค์นี้จะไม่ได้เรียบง่ายเหมือนอย่างที่นางแสดงออกให้เห็นเสียแล้ว!เพียงแต่นางไม่ได้เอ่ยอะไร ก้าวมายืนข้างหน้าแล้วเอ่ยกับนางเฉินว่า “ฮูหยินรอง ก็เป็นสิทธิที่นางคือฮองเฮาที่ไทเฮาทรงแต่งตั้ง!”นางเฉินไม่กล้าล่วงเกินกัวกูกู เพียงแต่เอ่ยโต้แย้งว่า “มีที่ไหนกันเอาสินสอดทองหมั้นทั้งหมดไปเป็นสินติดตัว? นี่มันไม่เป็นธรรมเนียมเอาเสียเลย!” ของพระราชทานพวกนี้ นางแอบเก็บไว้เองหลายชิ้นตั้งนานแล้ว บอกว่าจะมอบให้หลงจ่านเหยียนเป็นสินติดตัว รายการสินสอดที่แสดงให้ฮูหยินผู้เฒ่าดูก็มีของพระราชทานจากในวัง แต่ที่ให้หลงจ่านเหยียนกลับไม่มีเลยเดิมทีนางคิดว่าหลงจ่านเหยียนเข้าวังก็จะถูกฝังศพสังเวยชีวิตทันที คนที่ตายแทนผู้อื่น ใครยังจะตรวจดูสินติดตัวของนางอีก?“ธรรมเนียมเป็นสิ่งที่คนเรากำหนดขึ้นมา นอกจากนี้ฮูหยินรองควรรู้ดีว่าว่าของเหล่านั้นเป็นของพระราชทานหรือว่าเป็นสินสอดกันแน่?” กัวกูกูกล่าวจบก็หันกายเดินเข้าไป ทิ้งคำพูดไว้หนึ่งประโยค “ฮูหยินรองโปรดไปจัดการตามพระประสงค์ของฮองเฮาด้วยเถิดเจ้าค่ะ!” ของในรายการสินติดตัวนั้นช่างอัตคัดยิ่งนักจริ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-14
  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 23

    กัวกูกูมาที่สวนเถียนจวี๋ เวลานั้น หญิงชรากำลังอาบแดดอยู่ในสวนกัวกูกูเข้าไปยอบตัวทำความเคารพแล้วเอ่ยว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าหลง บ่าวมาคืนของเจ้าค่ะ!” นางกล่าวจบก็หยิบตั๋วเงินออกมาวางไว้บนโต๊ะชาเบื้องหน้าเก้าอี้ของหญิงชราหญิงชราหรี่ตาจ้องมองนาง ดวงหน้าที่เต็มไปด้วยจุดด่างดำนิ่งเรียบไร้คลื่นอารมณ์ ก่อนจะกล่าวอย่างเฉยชาว่า “นี่เป็นรางวัลสำหรับการดื่มชาของเจ้า!”“ขอบพระคุณฮูหยินผู้เฒ่า ทว่าเมื่อไร้ผลงานก็ไม่อาจรับผลตอบแทน บ่าวรับไว้ไม่ได้เจ้าค่ะ!” นางกล่าวจบก็ยอบตัวแล้วหันกายเดินจากไป หมัวมัวอึ้งไปครู่หนึ่ง “นางหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ?”ฮูหยินผู้เฒ่าจ้องมองตั๋วเงินนั้นแล้วหัวเราะขึ้นมาฉับพลัน “ช่างเถิด วันหน้านางจะรู้ว่าวันนี้ได้ทำความผิดร้ายแรงเพียงใด!” นางเป็นฮูหยินเก้ามิ่งขั้นสองที่ได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน และเคยสร้างผลงานในการรบ เป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งแคว้นต้าโจว ไม่มีใครไม่ไว้หน้านางได้!“ได้ยินว่าเมื่อคืนฮูหยินไม่ได้ลงมือกับจ่านเหยียนเจ้าค่ะ!” หมัวมัวเอ่ยอย่างประหลาดใจ “จากนิสัยตามปกติของฮูหยิน เหตุใดถึงยอมเลิกราเพียงเท่านี้?”ฮูหยินผู้เฒ่าเอาหลังมือเคาะเก้าอี้ไม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-14

บทล่าสุด

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 40

    สีหน้าของฮ่องเต้แปรเปลี่ยนในฉับพลันทันใด “มีคำอธิบายเพียงแค่นี้?”หลงจ่านเหยียนพยายามอธิบายอย่างเต็มที่ “ยังมีอีกคำกล่าวหนึ่ง ฝ่าบาทเคยเห็นหนอนจิ้นฉานเพคะ? หนอนจิ้นฉานคือหนอนพิษที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในใต้หล้านี้ หากใช้ขวดใบหนึ่งใส่สิ่งมีชีวิตที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลกนี้ ทั้งหนอนพิษ ตะขาบพิษ รวมถึงพิษทั้งหลายที่ผ่าบาททรงนึกถึง ล้วนไม่มีพิษไหนที่ร้ายแรงได้ถึงหนึ่งในหมื่นของหนอนจิ้นฉานเลย หากในแคว้นแคว้นหนึ่ง มีหนอนพิษบรรจุอยู่มากมายเช่นนี้ ผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร มิต้องให้หม่อมฉันพูด ฝ่าบาทก็น่าจะนึกออกนะเพคะ!”ฮ่องเต้ร่างกายซวนเซไปเล็กน้อย ความผิดหวังแผ่ซ่านอยู่เต็มดวงหน้าขาวซีดเขารู้ดีว่าสิ่งที่หลงจ่านเหยียนพูดออกมาทั้งหมดนั้นล้วนเป็นความจริง หนอนที่มีพิษร้ายเหล่านั้นก็คือตระกูลถง พวกเขาค่อย ๆ กลืนกินแคว้นต้าโจวทีละน้อย กระทั่งผลัดเปลี่ยนราชวงศ์ เปลี่ยนเจ้าของแผ่นดินรัชทายาทคือหุ่นเชิดของพวกเขา แม้ว่าองค์รัชทายาทจะมีความสามารถอยู่บ้าง ทว่าท้ายที่สุดแล้วก็ไร้ซึ่งโอกาสก้าวหน้า วันข้างหน้าหลังจากได้ดูแลราชกิจด้วยตนเองแล้ว คงเลี่ยงที่จะไม่พึ่งพาตระกูลถงไม่ได้ วันเวลาที่ตระกูลถงจะควบคุ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 39

    หลงจ่านเหยียนหัวเราะ “ฝ่าบาท เรื่องราวบนโลกใบนี้นั้นมีเหตุจึงมีผล วันนี้ตระกูลถงครองตนเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียว ล้วนเป็นพระองค์ที่ทำขึ้นมาด้วยมือของพระองค์เอง ตระกูลถงเป็นนายของแคว้นต้าโจวไปกว่าครึ่งแล้ว ต่อให้ยามนี้ปลดรัชทายาท แล้วจะมีประโยชน์อันใดเพคะ?” อีกอย่าง ตระกูลถงจะยอมให้เขาปลดรัชทายาทลงง่าย ๆ ได้อย่างไร?จากข่าวที่นางรู้มา ฮองเฮาที่ฮ่องเต้ไว้พระทัยเป็นอย่างยิ่งก็คือถงกุ้ยเฟยในยามนี้ นางให้กำเนิดพระโอรสและพระธิดาอย่างละหนึ่งพระองค์ พระโอรสถูกแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาท ส่วนพระธิดาทรงได้รับการพระราชทานให้เป็นองค์หญิงเจิ้นกั๋วอาหญิงของถงกุ้ยเฟยก็คือองค์ไทเฮาองค์ปัจจุบัน เป็นพระมารดาแท้ ๆ ของฮ่องเต้ ถงไท่ซือประจำราชสำนักคือบิดาของถงกุ้ยเฟย พี่ชายน้องชายหลายคนของถงกุ้ยเฟยเองก็ดำรงตำแหน่งสำคัญอยู่ในราชสำนัก เพียงแค่มีสายสัมพันธ์ทางเครือญาติกับตระกูลถง ทุกคนล้วนได้รับการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งขึ้นมา กระทั่งหมูหมาหรือสัตว์เลี้ยงของตระกูลถงล้วนน่าเกรงขามกว่าคนที่อยู่ข้าง ๆ นี้เสียอีกแม้ว่าฮ่องเต้จะมิใช่คนโง่เขลา ทว่าก็ถูกหลอกลวงมาตลอด หลงเข้าใจว่าตระกูลถงนั้นจงรักภักดีต่อชาติบ้านเมื

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 38

    “เจ้าอายุเท่าใด?” ฮ่องเต้มองนางด้วยสายตาเย็นเยียบ ส่งเสียงฮึดฮัดออกทางจมูกดูแคลนคำพูดของนางหลงจ่านเหยียนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “นับตั้งแต่ที่หม่อมฉันผู้สูงวัยมีอายุได้สามร้อยห้าสิบปี ก็มิจดจำอายุของตนเองแล้วเพคะ ด้วยกลัวมันทำให้รู้สึกสลดใจ”“เจ้าคงรู้ว่าโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงมีจุดจบเช่นไรใช่ไหม?” ฮ่องเต้หรี่ตาจับจ้องนาง ความเดือดดาลบ้าคลั่งแผ่ซ่านอยู่ในดวงตาของเขาหลงจ่านเหยียนทอดถอนใจด้วยความปลงอนิจจัง มนุษย์ล้วนไม่ชอบฟังความจริงมาแต่ไหนแต่ไร กระทั่งฮ่องเต้ก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน อีกอย่าง หากเขาเชื่อว่าหญิงสาวที่มองดูแล้วมีอายุเพียงสิบหกปีซึ่งอยู่ตรงหน้านี้มีอายุมากกว่าเขา ก็ถือว่าเป็นการทำให้เขาขายหน้าอย่างแท้จริงแล้วนางทำได้เพียงเตือนสติเขาเท่านั้น “ฝ่าบาท หากหม่อมฉันผู้สูงวัยทำให้เพราะองค์ฟื้นขึ้นมาได้ แน่นอนว่าสามารถให้พระองค์หลับใหลไม่ฟื้นตื่นชั่วกาลได้เช่นกัน ฝ่าบาททรงเอาแต่จับผิดเรื่องอายุของหม่อมฉันผู้สูงวัยเช่นนี้ เกรงว่าอาจเป็นการเนรคุณต่อเจตนาดีที่หม่อมฉันผู้สูงวัยทำให้พระองค์ฟื้นคืนสตินะเพคะ” เขาเอาแต่จับจ้องนางไม่ยอมพูดจาใด ๆ อีกครั้งหลงจ่านเหยียนทำได้เพียงมองเขา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 37

    นางตกตะลึงพรึงเพริด คิดอยากพุ่งเข้าไปดูให้เห็นกับตา ทว่าทันใดนั้นนางพลันรู้สึกว่าแสงสว่างสีเหลืองกลางท้องนภากำลังเลื่อนลอยลงมาปกคลุมเป็นวง แสงสว่างนั้นมัดมือมัดเท้าของนางไว้ราวกับเชือก แขนขาทั้งสี่ของนางพลันไร้ความรู้สึก สติก็เริ่มพร่าเลือน เงาเลือนรางแลคร่ำคร่าปรากฏขึ้นด้านหน้า เกิดเสียงดังหึ่ง ๆ อยู่ในหู นางยกมือขึ้นมือปิดใบหูทั้งสองข้างตามสัญชาตญาณ แต่ปิดกั้นได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แล้วทันใดนั้นภาพเบื้องหน้าพลันดำมืดไป...หลงจ่านเหยียนพอใจยิ่งที่เห็นจิ้นหรูกูกูกับนางกำนัลทั้งหลายล้มพับไปบนพื้น นางคืออวตารแห่งความรักแลความงาม ไม่เป็นฝ่ายทำร้ายผู้ใดก่อน ดังนั้น พวกจิ้นหรูกูกูจึงได้แต่หลับฝันดีเท่านั้นหลงจ่านเหยียนค่อย ๆ นั่งลงข้างกายฮ่องเต้ สำรวจใบหน้าของเขาที่ป่วยไข้จนไร้ทางเยียวยา เวลาชีวิตของเขาเหลือไม่มากแล้วจริง รอยยับย่นบริเวณหางตามีรอเขียวคล้ำจาง ๆ นางประคองมือของเขาขึ้นมา เส้นชีวิตกลางฝ่ามือของเขาดำเนินมาถึงปลายทางแล้วบงกชดอกหนึ่งผุดออกมาจากหว่างคิ้วของหลงจ่านเหยียน มันค่อย ๆ ประทับลงบนหัวใจของฮ่องเต้แคว้นต้าโจวคนบนเตียงผู้นั้นขยับคิ้วเล็กน้อย แล้วลืมตาโพลงขึ้นมาในฉับพ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 36

    สตรีวัยกลางคนผู้นั้นปล่อยพระหัตถ์ของฮ่องเต้ แล้วเดินเข้ามายอบกาย “บ่าวจิ้นหรู เป็นนางข้าหลวงที่ดูแลตำหนักเฉียนคุน ถวายบังคมฮองเฮาเพคะ!”ดวงตาของหลงจ่านเหยียนมองไปยังคนที่อยู่บนเตียง ดวงหน้าเหี่ยวย่น ดวงตาดำคล้ำ ริมฝีปากขาวสีไร้สี ปากลอกเป็นแผ่น ที่มุมปากเปรอะฟองน้ำลายเล็กน้อย หลงเหลือเพียงแค่โครงคิ้วและตาเท่านั้นที่ยังพอมองเห็นถึงความสง่างามในวันวานคนผู้นี้คงจะเป็นฮ่องเต้เฒ่าผู้นั้นกระมัง? หลงจ่านเหยียนคิดในใจ แม้จากอายุของนางแล้วการที่จะเรียกคนผู้หนึ่งว่าฮ่องเต้ผู้เฒ่านั้น ก็ดูจะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรนักนางเองก็หน้าแดงเล็กน้อย ทว่า สตรีตระกูลหลงพอมีอายุตั้งแต่ยี่สิบห้าปีขึ้นไป ใบหน้าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ดังนั้นนางจึงหลอกตนเองและผู้อื่นว่าปีนี้ตนเองมีอายุสิบหกปีกูกูผู้ดูแลที่ชื่อจิ้นหรูผู้นั้นกล่าว “ฮองเฮาทรงอย่างกลัวไปเพคะ ฝ่าบาทเพียงแค่หลับไปเท่านั้น คืนนี้ฮองเฮาทรงประทับอยู่ข้างพระวรกายของฝ่าบาทเถิดเพคะ!”หลงจ่านเหยียนอืม “พวกเจ้าออกไปเถิด!”นัยน์ตาของจิ้นหรูเปี่ยมล้นไปด้วยความสงสาร นางกล่าวว่า “ฮองเฮา ตามธรรมเนียนมแล้ว บ่าวจะต้องอยู่ปรนนิบัติอยู่ที่นี่เพคะ!”นางมองไปร

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 35

    กัวกูกูลังเลอยู่ชั่วครู่แล้วจึงกล่าวว่า “บ่าวจะไปกราบทูลฉีอ๋องให้เพคะ!”จ่านเหยียนปลดม่านลง มิพูดอันใดอีกกัวกูกูก้าวฉับ ๆ ไปหาฉีอ๋องที่ควบม้าอยู่ด้านหน้า บอกกล่าวความประสงค์ของหลงจ่านเหยียน ฉีอ๋องขมวดคิ้ว “ไม่มีสาวใช้ติดตามไปด้วยเช่นนี้นับว่าไม่ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ แม้จะกล่าวว่ายามนี้ก็ไม่ได้มีอะไรตามกฎเกณฑ์นัก แต่อันใดที่ทำได้ก็ทำเถิด!”พูดจบ เขาก็เรียกองครักษ์ที่อยู่ใกล้ ๆ มาหาแล้วสั่งให้เขารีบกลับไปที่จวนตระกูลหลงรับตัวจี๋เสียงกับหรูเข้าวังและสิ่งที่จ่านเหยียนคิดไว้ก็เป็นจริง หลังจากนางออกจากจวนมาแล้ว เย่เต๋อโหรวก็เอาไฟโทสะและความอัปยศทั้งปวงไปลงกับจี๋เสียและหรูอี้ เพียงเพราะว่าจี๋เสียงกับหรูอี้ขัดความตั้งใจของนางในวันนั้นถ้าองครักษ์ของฉีอ๋องกลับไปได้ทันเวลา ชีวิตของพวกนางทั้งสองคงต้องทนทรมานอยู่ในเงื้อมมือของหลงฮูหยินเป็นแน่เกี้ยวหงส์ของจ่านเหยียนหยุดอยู่ด้านหน้าประตูหลักของวังหลวงประตูหลัก ซึ่งถูกเรียกในอีกชื่อว่าประตูเที่ยงวัน เป็นประตูใหญ่ที่เหล่าองค์ชายแลขุนนางต้องผ่านเพื่อประชุมขุนนางยามเช้าทุกวัน เหล่าขุนนางจักต้องเข้าแถวแยกกันเป็นแถวขุนนางฝ่ายบู๊และขุนนางฝ่ายบุ๋นสอง

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 34

    พูดจบ ก็เอื้อมมือออกไปประคองให้เย่เต๋อโหรวลุกขึ้น เย่เต๋อโหรวตามกัวกูกูมาถึงด้านหน้าเกี้ยวของหลงจ่านเหยียน แล้วก้มหน้ารอหลงจ่านเหยียนยื่นมือขาวนวลออกมารั้งมือของเย่เต๋อโหรวไว้ ผ้าคลุมหน้าสีแดงราวกับม่านหมอกที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดปรกลงมา ทำให้เย่เต๋อโหรวถึงกับตื่นตระหนกขึ้นมาในฉับพลันทันใด จนต้องก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัวหลงจ่านเหยียนยิ้มขึ้นมาจาง ๆ “ท่านแม่ไม่ต้องกลัวเจ้าค่ะ ลูกจะกลับมาเยี่ยมท่านแน่เจ้าค่ะ มาแน่นอน!”นางพูดสามพยางค์สุดท้ายออกมาเบาหวิวราวกับขนนอกที่ปัดผ่านใบหูของเย่เต๋อโหรวอย่างไรอย่างนั้น เย่เต๋อโหรวรู้สึกราวกับว่าเลือดในตัวนางจับตัวแข็งไปทั้งกาย จนกายสั่นเทิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงได้รู้สึกว่าคำพูดนี้ของหลงจ่านเหยียนจะกลายเป็นจริงในที่สุดม่านปักลายหงส์สีทองหล่นลงมา บดบังเงาร่างสีแดงนั้นขันทีฝ่ายพิธีการตะโกนเสียงสูง “ขึ้นเกี้ยว!”เกี้ยวหงส์ถูกคนสิบหกคนยกขึ้น เดินออกไปจากหอเฟิ่งอี๋ตามหลังเสียงดนตรีรื่นเริงและเสียงประทัด จากนั้นขันทีฝ่ายพิธีการถึงได้เชิญให้คนของจวนตระกูลหลงลุกขึ้นฮูหยินผู้เฒ่าโมโหจนสั่นไปทั้งตัว แล้วกระอักเลือด

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 33

    หมัวมัวที่อยู่ข้าง ๆ เกลี้ยกล่อม “จะอย่างไรนางก็เหมือนคนที่ตายไปแล้วกึ่งหนึ่ง คุณหนูอย่าไปคิดเล็กคิดน้อยกับนางเลย เลือกรักษาชื่อเสียงและหน้าตาของจวนตระกูลหลงไว้เป็นสำคัญดีกว่านะเจ้าคะ!”คนพูดนี้ทำให้ในของนางสงบลงไปได้มาก นางครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วกล่าว “ใช้เกี้ยวหามข้าออกไป!”แม้ว่าจะโกรธจนยากที่จะสงบใจได้ ทว่านางก็เข้าใจว่าต้องเห็นแก่ส่วนรวมเป็นหลักคนทั้งกลุ่มเดินมาอยู่หน้าประตูหอเฟิ่งอี๋ นางลงจากเกี้ยว โดยมีสาวใช้ประคองไปทำความเคารพฉีอ๋อง“คารวะท่านอ๋อง!”ฉีอ๋องยื่นมือออกไปประคองเบา ๆ “ฮูหยินผู้เฒ่ามากพิธีแล้ว วันนี้เป็นวันมงคลของจวนตระกูลหลง ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ควรพลาดถึงจะถูก!”ความหมายก็คือ นางทำตัวหยิ่งทะนงจนทำให้เรื่องราวเข้าสู่สถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้ ทำให้ล่าช้าไปหลายชั่วยามฮูหยินผู้เฒ่าสีหน้าไม่ดีนัก “แม้ว่าหม่อมฉันจะมาช้าไป แต่สุดท้ายก็มาแล้ว เรียนเชิญเสนาบดีโจวเชิญฮองเฮาขึ้นเกี้ยวหงส์เถิดเพคะ!”เสนาบดีโจวสั่งขันทีฝ่ายพิธีการ ขันทีฝ่ายพิธีการจึงยืนตะโกนอยู่ด้านหน้าหอเฟิ่งอี๋ “ทูลเชิญฮองเฮาเสด็จขึ้นเกี้ยวพ่ะย่ะค่ะ!” เสียงดนตรีสนุกสนานดังขึ้นตามเสียงประทัด สี่เหนียงแบกหล

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 32

    เย่เต๋อโหรวเองก็หวั่นใจ หันหน้าไปสั่งจวีชุน “ไปเชิญท่านแม่ทัพมา!”ขณะที่จวีชุนกำลังจะไป ก็เห็นหลงฉางเทียนเดินนำคนสองสามคนเข้ามา ครั้นเขาเห็นเย่เต๋อโหรวยังยืนอยู่ที่เดิม จึงอดขมวดคิ้วแล้วกล่าวอย่างโมโหเล็กน้อย “ไยยังยืนนิ่งอยู่อีก?”เย่เต๋อโหรวกระซิบบอก “ดื่มยาไปแล้ว แต่คนยังไม่หลับ!”หลงฉางเทียนกล่าวอย่างประหลาดใจ “นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร? ดื่มเข้าไปนานเท่าไรแล้ว?”“ได้ครู่ใหญ่แล้วเจ้าค่ะ ตามหลักก็น่าจะสลบไปแล้ว!” เย่เต๋อโหรวกล่าวหลงฉางเทียนกล่าวพลางขมวดคิ้วมุ่น “ฉีอ๋องมีนิสัยใจร้อน ตอนนี้ก็เร่งรัดมาแล้ว!”“บอกไปว่ายังแต่งตัวอยู่ หรือไม่เจ้าคะ?”หลงฉางเทียนเงียบไปครู่หนึ่ง “รออีกหน่อย!”เป็นเช่นนี้อยู่อีกครึ่งชั่วยาม ฉีอ๋องเริ่มมีโทสะอยู่ที่โถงฝั่งหน้าแล้ว หลงฉางอี้พยายามปลอบประโลมแต่ก็ไม่เป็นผล ฉีอ๋องจึงพาเสนาบดีโจวพร้อมกับเหล่ากลุ่มองครักษ์ที่มารับเกี้ยวเจ้าสาวตรงบุกเข้าหอเฟิ่งอี๋หลงฉางเทียนเห็นฉีอ๋องขมวดคิ้วด้วยความโมโห ในใจพลันเกิดความหวาดกลัว รีบเข้าไปรับหน้าพร้อมกล่าว “ทำให้ท่านอ๋องต้องรอนานแล้ว ถือเป็นความผิดของกระหม่อมเอง!”“เกิดเรื่องอันใดขึ้น? ยามนี้มันยามใดแล้ว?

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status