Share

บทที่ 15

Author: ลิ่วเยว่
เย่เต๋อโหรวรีบคุกเข่าลง จับชายแขนเสื้อของเขาไว้ แล้วเอ่ยด้วยความเศร้าโศก “วันนั้น ข้าสัญญากับจิ่วเม่ยว่าจะดูแลบุตรสาวของนางเป็นอย่างดี จ่านเหยียนในวันนี้กลายเป็นเช่นนี้ ข้าก็มีส่วนรับผิดชอบอย่างไม่อาจปฏิเสธ หากท่านแม่ทัพต้องการจะสั่งสอนนาง มิสู้ข้าไปเองเสียจะดีกว่า อย่างน้อยหากคนจากวังหลวงมาเอาผิด ก็จะได้อ้างว่าเป็นความคิดของข้าเพียงผู้เดียว จะได้ไม่พาดพิงถึงท่านแม่ทัพ!”

หลงฉางเทียนถอนหายใจ ยื่นมือไปพยุงเย่เต๋อโหรวขึ้น “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จักเจ้าหรือ? เจ้าบอกว่าจะไปสั่งสอนนาง ก็คงแค่พูดดุนางสองสามประโยค เจ้านี่นะ ใจอ่อนเกินไป สุดท้ายก็ต้องเสียเปรียบ!”

“เสียเปรียบสักหน่อยจะเป็นไรไป? อีกอย่าง นางเป็นคนรักศักดิ์ศรี ดุนางสองสามประโยคก็หนักหนาแล้ว อีกไม่นานก็ต้องเข้าวัง มีเรื่องน้อยลงไปอีกเรื่องคงจะดีเสียกว่า!”

เย่เต๋อโหรวพูดจบ ก็หันไปกำชับไฉ่หลี “ท่านแม่ทัพดื่มเหล้ามา ยังไม่รีบไปดูแลให้ท่านแม่ทัพเข้าไปพักผ่อนอีก?”

หลงฉางเทียนได้ยินดังนั้น ความโกรธบนใบหน้าก็หายวับไปในทันที มุมปากแฝงไปด้วยรอยยิ้มคลุมเครือมองไปที่ไฉ่หลี

ไฉ่หลีหน้าแดงก่ำ ทำท่าเขินอายก่อนจะตอบรับ “เจ้าค่ะ ฮูหยิน!”

หลงจ่านซินมองไฉ่หลีด้วยสายตาเหยียดหยาม กำลังจะเอ่ยขึ้น ทว่าเย่เต๋อโหรวกลับดึงนางไว้ “เจ้าก็กลับห้องไปเถอะ อย่าให้บ่าวไพร่เห็นเจ้าในสภาพนี้ อีกไม่นานเจ้าก็จะเป็นพระชายารองของฉีอ๋องแล้ว จะเสียมารยาทเช่นนี้ได้อย่างไร?”

“เจ้าค่ะ!” หลงจ่านซินออกไปอย่างไม่เต็มใจ

ไฉ่หลีพยุงหลงฉางเทียนเข้าไปในห้อง เย่เต๋อโหรวมองตามหลังทั้งสองคนด้วยสีหน้ามืดมน เมื่อเห็นมือของหลงฉางเทียนวางอยู่บนเอวบาง ๆ ของไฉ่หลี ความโกรธในดวงตานางแทบจะปะทุออกมา

คนภายนอกต่างพากันพูดว่านางเย่เต๋อโหรวได้รับความรักจากสามี ใช้ชีวิตคู่กันอย่างมีความสุข สามีไม่เคยรับอนุภรรยา ไม่เคยมีเรื่องชู้สาวเสื่อมเสียใด ๆ ไม่เคยแม้แต่จะย่างกรายเข้าไปในสถานเริงรมย์

แต่ใครจะรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงภาพลวงตาที่นางสร้างขึ้นอย่างยากลำบาก? บ่าวรับใช้ที่หน้าตางดงามรอบกายนาง ก็เหมือนกับนางสารเลวหยางจิ่วเม่ยคนนั้น ล้วนเป็นสาวใช้ต้นห้อง

หลายปีมานี้ หลงฉางเทียนดูเหมือนจะรักและให้เกียรตินาง แต่กลับไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนางเลย เขามัวแต่หลงใหลไปกับสาวงามที่อ่อนเยาว์ แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าทุกค่ำคืนนางต้องหลั่งน้ำตา?

ข้างกายเขาไม่เคยขาดหยางจิ่วเม่ย!

ส่วนนาง ได้แต่ระบายความแค้นทั้งหมดที่มีอยู่ในใจ ไปที่บุตรสาวของหยางจิ่วเม่ยนางสารเลวคนนั้น

ถึงแม้ตอนนี้หลงจ่านเหยียนกำลังจะเข้าวังไปเป็นเครื่องสังเวย ก็จะไม่ปล่อยนางไปง่าย ๆ ต้องให้นางทนทุกข์ทรมานจนตาย

หมัวมัวในห้องของฮูหยินผู้เฒ่ามาถึงห้องของหลงจ่านเหยียน ในตอนนั้น จ่านเหยียนได้เข้านอนแล้ว นางเอ่ยกับกัวกูกูสอนมารยาท “กัวกูกู ฮูหยินผู้เฒ่าเชิญท่านและองครักษ์ทั้งสอง ไปดื่มน้ำชาที่ห้องเจ้าค่ะ!”

กัวกูกูเอ่ยขึ้น “รบกวนไปรายงานฮูหยินผู้เฒ่าว่า ไม่ต้องเกรงใจถึงเพียงนี้!”

หมัวมัวยิ้มน้อย ๆ เดินเข้าไปจับมือของกัวกูกู เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหมาย “กูกูและองครักษ์ทั้งสองจากวังหลวงทำงานเหน็ดเหนื่อย ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกขอบคุณ ย่อมต้องมีรางวัลให้แน่นอน!”

กัวกูกูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “นี่ บ่าวก็แค่ทำตามหน้าที่ ไม่ควรค่าแก่การที่ฮูหยินผู้เฒ่าให้ความสำคัญถึงเพียงนี้!”

หมัวมัวตบบนหลังมือของนางเบา ๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหมาย “ยากที่จะปฏิเสธน้ำใจไมตรีนะ!”

กัวกูกูยิ้ม “เช่นนั้น ก็รบกวนหมัวมัวนำทางแล้ว!”

กัวกูกูจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าฮูหยินผู้เฒ่าหลงคิดอะไรอยู่? คุณหนูใหญ่ตระกูลหลงผู้นี้ ไม่เคยเป็นที่รักใคร่ในจวน วันนี้เพราะนางทำให้คุณหนูรองตระกูลหลงถูกตบ ฮูหยินผู้เฒ่าต้องโยนความโกรธทั้งหมดมาที่หลงจ่านเหยียนอย่างแน่นอน

ดังนั้น ตอนนี้ให้คนมาเรียกนางออกไป แสดงว่าจะลงมือแล้ว

นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวขึ้น “บ่าวเชื่อว่าฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนที่รู้จักความพอประมาณเจ้าค่ะ!” เรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตานาง นางก็แค่ทำเป็นไม่รู้ก็แล้วกัน อย่างไรเสีย หลงจ่านเหยียนตายไป คนที่รับเคราะห์ก่อนก็คือจวนตระกูลหลง นางไม่คิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าหลงจะยอมให้ตระกูลหลงถูกไทเฮาเอาผิด เพียงเพราะความโกรธเล็ก ๆ น้อย ๆ !”

หมัวมัวยิ้ม “เรื่องนี้กูกูไม่ต้องกังวล เป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ภายในครอบครัวเท่านั้น เชิญกูกูเถิด!”

“อืม!”กัวกูกูเรียกองครักษ์หลวงทั้งสอง แล้วเดินตามหมัวมัวไปด้วยกัน

Related chapters

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 16

    ระหว่างทาง องครักษ์หลวงสองคนเอ่ยถามกัวกูกูอย่างแผ่วเบา “กลัวว่าจะเกิดเรื่องหรือไม่?”กัวกูกูยิ้มอย่างเยือกเย็น “คนที่จะกลัวมิใช่พวกเราหรอก!”องครักษ์หลวงสองคนไตร่ตรองถึงผลได้ผลเสียอย่างรอบคอบ ก็รู้สึกว่าที่กัวกูกูพูดก็มีเหตุผล ถึงอย่างไรก็เป็นแค่เรื่องที่ฮูหยินผู้เฒ่าต้องการจะสั่งสอนหลานสาว พวกเขาจะไปขัดขวางได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่ได้เห็นอะไร ไม่ได้รู้อะไรเลยหากจะมองในแง่ร้ายที่สุด ในวังหลวงใครจะมาสนใจหลงจ่านเหยียนกัน? ถึงอย่างไรก็เป็นแค่คนที่จะต้องตายแล้วทันทีที่กัวกูกูพาคนเข้าไปในเรือนของฮูหยินผู้เฒ่า ก็มีคนไปแจ้งเรื่องนี้ให้เย่เต๋อโหรวทราบเย่เต๋อโหรวนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเงียบ ๆ ฟังน้ำเสียงคลุมเครือชวนให้คิดไปไกลต่าง ๆ ที่ดังมาจากห้องด้านใน รับรู้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกมีดกรีดเมื่อได้ยินรายงานจากคนที่เข้ามา นางก็ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยขึ้น “พอแล้ว เจ้าออกไปเถิด!”นางเรียกหญิงรับใช้ที่ชื่อหงฮวาเข้ามา เก็บซ่อนความรังเกียจในแววตา พร้อมกับเอ่ยด้วยสีหน้าที่ดูอ่อนโยน “เจ้าเข้าไปปรนนิบัติท่านแม่ทัพในห้อง แล้วเรียกไฉ่หลีออกมา!”ไฉ่หลีเป็นคนใจดำ และพอมีฝีไม

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 17

    “ไม่จำเป็น!” เย่เต๋อโหรวกล่าวอย่างเย็นชา เหลือบมองจี๋เสียงและหรูอี้ด้วยสายตาเยือกเย็น จากนั้นก็เอ่ยกับไฉ่หลี “พวกนางสองคนปรนนิบัติจ่านเหยียนได้แค่วันเดียว แต่กลับมีความจงรักภักดีอย่างมาก พาออกไปรับรางวัลเถิด!”“บ่าวมิกล้ารับความดีความชอบ การปรนนิบัตินายเป็นหน้าที่ของบ่าวอยู่แล้วเจ้าค่ะ!” จี๋เสียงและหรูอี้กล่าวพร้อมกันไฉ่หลีเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าดุร้าย “ฮูหยินบอกจะให้รางวัลพวกเจ้า พวกเจ้ามีสิทธิ์ปฏิเสธที่ไหนกัน?” พูดจบก็คว้าแขนทั้งสองคนแล้วลากออกไปข้างนอกนอกประตู ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะที่น่ากลัวของไฉ่หลี “พวกเจ้าจงรักภักดีขนาดนี้ เช่นนั้นก็รับบาปแทนเจ้านายของพวกเจ้าสักหน่อยเถอะ!”เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองดังขึ้น เย่เต๋อโหรวยิ้มอย่างโหดเหี้ยม เปิดม่านขึ้น จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปในห้องนอนภายในห้องนอนมืดสนิท ไม่มีแสงสว่างแม้แต่น้อย ความเงียบสงัดปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของหลงจ่านเหยียนดังขึ้นอย่างต่อเนื่องนางหัวเราะเยาะ ใกล้จะตายแล้วยังนอนหลับสนิทได้อีกหรือ? นางจะไม่ปล่อยให้ได้อยู่อย่างสงบสุขแน่นางเดินไปตามทิศทางของเตียง แต่เพิ่งจะก้าวออกไปได้ก้าวเดีย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 18

    ความหวาดกลัวแล่นเข้ามาในใจ นางตั้งสติด้วยความตกใจ เอ่ยถามไฉ่หลี “เมื่อครู่เจ้าได้ยินอะไรบ้าง?”ไฉ่หลีมองนาง “ได้ยินไม่ชัด เหมือนจะเป็นเสียงกรีดร้องเจ้าค่ะ!”เย่เต๋อโหรวเลิกผ้าม่านขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในห้องจุดโคมไฟติดผนัง แสงไฟสลัว ๆ พร่ามัว ข้างเตียงมีร่างหนึ่งสวมชุดขาวยืนอยู่ เย่เต๋อโหรวรู้สึกราวกับเลือดทั้งร่างกายแข็งตัว ร่างกายสั่นเทิ้มไม่หยุดเมื่อครู่ เพราะในใจเต็มไปด้วยความแค้นต่อหยางจิ่วเม่ย จึงไม่รู้สึกกลัว แต่ตอนนี้เมื่อเห็นร่างขาวซีดนั่น ความทรงจำทั้งหมดก็ผุดขึ้นมาในใจ เสียงร้องโหยหวนอันน่าเวทนาของหยางจิ่วเม่ยก็ดังก้องอยู่ในหูไม่หยุด ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูกร่างนั้นค่อย ๆ หันกลับมา กลับกลายเป็นหลงจ่านเหยียนเมื่อสายตาของเย่เต๋อโหรวสบเข้ากับรอยยิ้มเย็นยะเยือกที่มุมปากของหลงจ่านเหยียน ความหวาดกลัวในใจก็พุ่งขึ้นถึงขีดสุด สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านใบหน้าของนาง ทำให้นางรู้สึกขนลุกซู่นางปล่อยม่านลงแทบจะในชั่วพริบตา เดินโซเซออกไปข้างนอก เหงื่อเย็นไหลออกมาทั่วร่างไฉ่หลีรีบตามไป จากนั้นเอ่ยถาม “ฮูหยิน เหตุใดจึงไม่เข้าไปล่ะเจ้าคะ? แล้วยานี่จะทำอย่

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 19

    กัวกูกูจะไม่เข้าใจคำพูดแฝงความนัยของฮูหยินผู้เฒ่าได้อย่างไร? ไทเฮาให้ความสำคัญกับนาง ส่วนนางข้าหลวงขั้นสองในวังอย่างนาง มีสิทธิ์อะไรมาทำหน้าบึ้งตึงที่นี่?เพียงแต่ดีชั่วกัวกูกูก็อยู่ในวังมานานหลายปี จะมองสถานการณ์ตรงหน้าไม่ออกได้อย่างไร? หลังจากที่หลงจ่านเหยียนเข้าวังแล้ว จวนแม่ทัพก็จะต้องได้รับความสำคัญไปช่วงหนึ่ง ไทเฮาตรัสไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะใช้ประโยชน์จากตระกูลหลง แต่ก็ต้องควบคุมตระกูลหลงด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ตระกูลหลงช่วยเหลือรัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์แล้วมีผลงานเหนือผู้เป็นนาย การใช้อำนาจและความเมตตาควบคู่กันไปย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุดดังนั้นในเวลานี้ นางจึงไม่จำเป็นต้องประจบประแจงฮูหยินผู้เฒ่าหลง เพื่อมิให้นางคิดว่าจวนแม่ทัพมีอำนาจล้นฟ้าเพราะฉะนั้น เมื่อนางได้ยินคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่า ก็เพียงยิ้มบาง ๆ “เรื่องนี้บ่าวรู้ดีเจ้าค่ะ ไทเฮาทรงได้รับชาอวิ๋นอู้มาไม่ถึงสิบชั่ง แต่แบ่งพระราชทานออกไปตั้งแปดชั่ง จวนแม่ทัพได้รับสามเหลี่ยง!”“กัวกูกูสมแล้วที่เป็นคนสนิทของไทเฮา ความจำช่างดีเยี่ยมเสียจริง เรื่องราวในวังมีมากมาย กัวกูกูยังจำได้แม้กระทั่งว่าจวนแม่ทัพได้รับชาอวิ๋นอู้มาสามเหลี่ยง!”

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 20

    กัวกูกูไม่ได้พูดอะไร นี่คือเรื่องจริงฝ่าบาททรงยืนกรานที่จะให้ฮองเฮาฝังศพสังเวยชีวิตตามไป ทำให้ไทเฮาพิโรธมาก โชคดีที่หลงฉางเทียนเสนอแผนการ อาศัยช่วงที่ฝ่าบาททรงหมดสติ ให้ไทเฮาใช้ข้ออ้างว่าฮองเฮาปกครองวังหลังบกพร่อง จึงลดขั้นนางเป็นกุ้ยเฟย แล้วให้แต่งตั้งฮองเฮาองค์ใหม่เข้าวัง พร้อมทั้งเสนอชื่อบุตรสาวของตนเองและในตอนนั้น นางรู้สึกเพียงว่าใจคนเราช่างเย็นชาได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ? พ่อแท้ ๆ กลับยอมให้ลูกสาวของตนเองไปตายเพื่อเอาใจไทเฮา นางยอมรับว่า ตอนที่เพิ่งออกจากวังแล้วได้พบกับหลงจ่านเหยียน ในใจนางก็รู้สึกสงสารอยู่บ้าง ด้วยเหตุนี้ ตอนที่หลงจ่านซินรังแกหลงจ่านเหยียน นางจึงลงมือสั่งสอนหลงจ่านซินแทนเพียงแต่ว่า ความเห็นใจนั้นเทียบไม่ได้กับเงินที่จับต้องได้ ถึงแม้ว่านางจะอยู่ในวัง แต่คนในครอบครัวของนางก็อยู่ในเมืองหลวง ทุกคนต่างหวังพึ่งเงินของนางเพื่อเลี้ยงชีพเมื่อกลับมาถึงนอกห้อง องครักษ์หลวงทั้งสองเห็นรอยเลือดเป็นดวง ๆ ที่บันไดหิน ต่างตกใจรีบวิ่งขึ้นไป อาถงก้มลงดมครู่หนึ่ง แล้วเงยหน้าขึ้นมองกัวกูกูด้วยสีหน้าซีดเผือด “เป็นเลือดคน!”กัวกูกูหน้าซีดเผือด เอ่ยขึ้นด้วยความตกตะลึง “บ้าไปแล้

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 21

    ยามเที่ยงหลี่ชินอ๋องพาคนนำของพระราชทานจากในตำหนักมาส่ง นางเฉิน ฮูหยินของหลงฉางอี้ตรวจนับอยู่ในห้องรับแขก นับพลางทำเสียงจุ๊ปากแล้วเอ่ยกับหลงฉางอี้ว่า “ภาพเขียนจากในวังช่างใหญ่เสียจริง หลายอย่างข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลยด้วยซ้ำ!”หลงฉางอี้มองความละโมบในแววตาของนางแล้วเอ่ยอย่างฉุนเฉียวว่า “ไม่ได้เรื่อง ต่อให้ของพวกนี้ล้ำค่าอีกเพียงใดไม่ใช่ของเจ้า ตรวจนับให้ละเอียด อีกประเดี๋ยวกลับไปรายงานให้พี่สะใภ้!”“นางสุภาพร่างกายไม่แข็งแรง!” นางเฉินมองข้ารับใช้ข้างกายแล้วเอ่ยด้วยเสียงกระซิบว่า “อันที่จริง ข้าวของมากมายเช่นนี้ พวกเราเผลอหยิบไปไม่กี่ชิ้นก็ไม่มีใครรู้หรอก!” “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?” หลงฉางอี้กล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “ทั้งหมดนี้ถูกเขียนไว้ในรายการสินสอดแล้ว เจ้าอย่าคิดว่าพี่สะใภ้เป็นคนโง่นะ!” นางเฉินเบะปาก เอ่ยอย่างไม่ยินยอมว่า “แม่หนูเหยียนไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของนางเสียด้วยซ้ำ อีกอย่าง หากพูดกันตามตรง ปกติแล้วข้าปฏิบัติกับแม่หนูเหยียนดีกว่านางเกินสิบเท่า นางมีสิทธิอะไรได้รับเพียงผู้เดียว?”หลงฉางอี้แค่นเสียงเหอะ “เจ้าดีกับแม่หนูเหยียน? พอเถิด แค่ไม่รังแกทุกวันก็นับว่าไม่เลวแล้ว ของพระราชทานพวกนี้

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 22

    นางเริ่มรู้สึกว่าฮองเฮาที่กำลังเข้าวังเพื่อโดนฝังศพสังเวยชีวิตพระองค์นี้จะไม่ได้เรียบง่ายเหมือนอย่างที่นางแสดงออกให้เห็นเสียแล้ว!เพียงแต่นางไม่ได้เอ่ยอะไร ก้าวมายืนข้างหน้าแล้วเอ่ยกับนางเฉินว่า “ฮูหยินรอง ก็เป็นสิทธิที่นางคือฮองเฮาที่ไทเฮาทรงแต่งตั้ง!”นางเฉินไม่กล้าล่วงเกินกัวกูกู เพียงแต่เอ่ยโต้แย้งว่า “มีที่ไหนกันเอาสินสอดทองหมั้นทั้งหมดไปเป็นสินติดตัว? นี่มันไม่เป็นธรรมเนียมเอาเสียเลย!” ของพระราชทานพวกนี้ นางแอบเก็บไว้เองหลายชิ้นตั้งนานแล้ว บอกว่าจะมอบให้หลงจ่านเหยียนเป็นสินติดตัว รายการสินสอดที่แสดงให้ฮูหยินผู้เฒ่าดูก็มีของพระราชทานจากในวัง แต่ที่ให้หลงจ่านเหยียนกลับไม่มีเลยเดิมทีนางคิดว่าหลงจ่านเหยียนเข้าวังก็จะถูกฝังศพสังเวยชีวิตทันที คนที่ตายแทนผู้อื่น ใครยังจะตรวจดูสินติดตัวของนางอีก?“ธรรมเนียมเป็นสิ่งที่คนเรากำหนดขึ้นมา นอกจากนี้ฮูหยินรองควรรู้ดีว่าว่าของเหล่านั้นเป็นของพระราชทานหรือว่าเป็นสินสอดกันแน่?” กัวกูกูกล่าวจบก็หันกายเดินเข้าไป ทิ้งคำพูดไว้หนึ่งประโยค “ฮูหยินรองโปรดไปจัดการตามพระประสงค์ของฮองเฮาด้วยเถิดเจ้าค่ะ!” ของในรายการสินติดตัวนั้นช่างอัตคัดยิ่งนักจริ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 23

    กัวกูกูมาที่สวนเถียนจวี๋ เวลานั้น หญิงชรากำลังอาบแดดอยู่ในสวนกัวกูกูเข้าไปยอบตัวทำความเคารพแล้วเอ่ยว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าหลง บ่าวมาคืนของเจ้าค่ะ!” นางกล่าวจบก็หยิบตั๋วเงินออกมาวางไว้บนโต๊ะชาเบื้องหน้าเก้าอี้ของหญิงชราหญิงชราหรี่ตาจ้องมองนาง ดวงหน้าที่เต็มไปด้วยจุดด่างดำนิ่งเรียบไร้คลื่นอารมณ์ ก่อนจะกล่าวอย่างเฉยชาว่า “นี่เป็นรางวัลสำหรับการดื่มชาของเจ้า!”“ขอบพระคุณฮูหยินผู้เฒ่า ทว่าเมื่อไร้ผลงานก็ไม่อาจรับผลตอบแทน บ่าวรับไว้ไม่ได้เจ้าค่ะ!” นางกล่าวจบก็ยอบตัวแล้วหันกายเดินจากไป หมัวมัวอึ้งไปครู่หนึ่ง “นางหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ?”ฮูหยินผู้เฒ่าจ้องมองตั๋วเงินนั้นแล้วหัวเราะขึ้นมาฉับพลัน “ช่างเถิด วันหน้านางจะรู้ว่าวันนี้ได้ทำความผิดร้ายแรงเพียงใด!” นางเป็นฮูหยินเก้ามิ่งขั้นสองที่ได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน และเคยสร้างผลงานในการรบ เป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งแคว้นต้าโจว ไม่มีใครไม่ไว้หน้านางได้!“ได้ยินว่าเมื่อคืนฮูหยินไม่ได้ลงมือกับจ่านเหยียนเจ้าค่ะ!” หมัวมัวเอ่ยอย่างประหลาดใจ “จากนิสัยตามปกติของฮูหยิน เหตุใดถึงยอมเลิกราเพียงเท่านี้?”ฮูหยินผู้เฒ่าเอาหลังมือเคาะเก้าอี้ไม

Latest chapter

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 100

    หลงจ่านซินพึงพอใจกับความเยินยอของจ่านเหยียนเป็นอย่างยิ่ง นางเงยหน้าขึ้นมองหลงจ่านเหยียน แล้วยิ้มภาคภูมิใจออกมา “เมื่อก่อนยามมีแขกมาเยือนถึงบ้าน พอพูดถึงพวกเราสองพี่น้อง ต่างก็บอกว่าข้างามยิ่งกว่าพี่หญิง บัดนี้มาคิดดูแล้วเห็นจะไม่ใช่คำโกหก”หลงจ่านเหยียนยิ้มเล็กน้อย ยามมีแขกมาเยือนถึงประตูบ้าน หลงจ่านเหยียนไหนเลยจะได้ออกมาเผยโฉม?เดิมทีงานนี้เป็นงานเลี้ยงยามเย็นที่เป็นทางการยิ่ง เนื่องจากการมาถึงของหลงจ่านซิน บรรยากาศจึงแปลกประหลาดไปคนที่ยังสามารถรักษาสีหน้าให้เป็นปกติได้ มีเพียงแค่เซ่อเจิ้งอ๋องมู่หรงฉิงเทียนคนเดียวเท่านั้นเขาถือจอกสุรา ตรงมุมปากเผยความเย็นชา หลังจากดื่มสุราไปหลายจอก สีหน้าของเขาก็ยังไม่แปรเปลี่ยน มีเพียงกลิ่นสุราเท่านั้นที่โชยออกมา กระทั่งจ่านเหยียนที่นั่งอยู่ข้างเขาก็ยังได้กลิ่นสุราที่มอมให้คนเมามายในสถานการณ์เช่นนี้ หากมีใครสักคนเปิดหัวข้ออะไรสักอย่างขึ้นมา เพื่อให้งานเลี้ยงยามเย็นดำเนินต่อไปได้ ย่อมไม่เป็นปัญหาอะไรทว่ามีแต่คนที่อยากจะใช้โอกาสนี้ เผยหน้าแสดงให้เห็นถึงการมีตัวตนต่อหน้าใต้เท้ามากมายขนาดนี้หงฮวาอยู่แถวนั้น นางเดินผ่านเย่เต๋อโหรว แล้วเข้าไปพู

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 99

    ไม่ไม่เพียงแต่ประหลาดใจ ไม่มีมนุษย์คนไหนมีชีวิตอยู่ทั้งที่หัวใจไม่เต้น ที่เป็นเช่นนั้นมีอยู่ด้วยกันสามเหตุผล หนึ่ง มีของวิเศษไม่ก็ของศักดิ์สิทธิ์อยู่ในร่างกาย คอยประคองรักษาชีวิตเขาไว้สอง คือเป็นซอมบี้ แต่ซอมบี้จะต้องมีกลิ่นศพแผ่ออกมาจากกาย ไม่อาจเห็นแสงตะวัน ใบหน้าก็จะขาวซีดราวกับกระดาษ ไม่มีวันได้ใช้ชีวิตอย่างคนปกติทั่วไป ดังนั้นจึงมิใช่เหตุผลนี้ความเป็นไปได้สุดท้าย ก็คือผีดิบที่โดดออกมาจากสามโลกไม่อยู่ในห้าธาตุ แต่เขาไม่ใช่ผีดิบสภาพการณ์ของเขานั้น ตรงกับเหตุผลข้อที่หนึ่งเซ่อเจิ้งอ๋องมีเพียงรอยยิ้มบาง ๆ ให้กับคำสรรเสริญของหลงฉางเทียนเท่านั้น มิได้ตอบกลับไปแต่อย่างใดขณะที่จ่านเหยียนกำลังจมอยู่ในความคิด ก็ได้ยินน้ำเสียงจงใจดัดให้นุ่มนวลดังขึ้นมา “จ่านเหยียนคารวะฉีชินอ๋อง”เนื่องจากนางเงยหน้าขึ้นกะทันหัน ไม่ทันได้เตรียมพร้อม ทำให้ตกใจจนดวงตาทั้งสองข้างแทบจะถลนออกมาหลงจ่านซินใส่ชุดกระโปรงยาวจับจีบเผยช่วงอกสีแดงไข่มุกปักลายดอกเบญจมาศสีทองดอกใหญ่ ช่วงบนคลุมไว้ด้วยผ้าโปร่งบาง ช่วยบดบังได้ราง ๆ ทว่ากลับปิดความเย้ายวนไม่ได้ท่ามกลางความวับ ๆ แวม ๆ ผ้าโปร่งบางสีแดงยิ่งขับให้ผิวขา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 98

    บนบันไดหินหน้าระเบียงทางเดิน คนกลุ่มหนึ่งเดิมห้อมล้อมเซ่อเจิ้งอ๋องมู่หรงฉิงเทียนเข้ามาท่ามกลางแสงเทียนเลือนราง จ่านเหยียนเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเขาสวมใส่ชุดคลุมสีขาวนวลดั่งแสงจันทร์ คาดผ้าคาดเอวสีทองไว้บนช่วงเอว บริเวณกลางผ้าคาดเอวฝังหยกโมราสีเขียวขนาดเท่าไข่นกกระทาไว้หนึ่งชิ้น มันทอประกายหลากสีสันออกมาใต้แสงเทียนนี่เป็นครั้งที่สามที่จ่านเหยียนได้พบเขา ทว่าบุรุษผู้นี้มักมอบความสะเทือนขวัญใหม่ ๆ แก่นางทุกครั้งที่ได้เจอใบหน้าของเขาและฉีชินอ๋องมู่หรงหานเทียนละม้ายคล้ายคลึงกันสามถึงสี่ส่วน ทว่าแฝงไปด้วยความเด็ดขาดสองอย่างที่ต่างกันออกไปสามารถใช้คำว่าอ่อนโยนดุจหยกมาบรรยายได้ฉีชินอ๋อง ส่วนเขานั้นกลับมีรัศมีองอาจดุดันแผ่ออกมาทั้งกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขาไม่ได้ตั้งแต่แผ่ความองอาจดุดันนี้ออกมา ทว่าเพียงแค่เจ้าเห็นเขา ต่อให้เขาไม่แสดงสีหน้าอันใดเลย เจ้าก็ยังคงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายองอาจดุดันที่แผ่ออกมากดดันผู้คนท่ามกลางความองอาจดุดันนั้นแฝงไปด้วยเสน่ห์แสนน่าประหวั่นที่ทำให้ผู้คนใจสั่น อืม ใช่แล้ว คำว่าเสน่ห์สุดแสนร้ายกาจที่มักจะถูกใช้บรรยายอยู่ในนิยายนั่นแหละ เมื่อก่อนนางไม่เคยเข้าใจเลย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 97

    พูดอีกอย่างก็คือ มิใช่เขาที่เป็นคนชมชอบจ่านเหยียนชะงักไปเล็กน้อย นางไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ ยังนึกอยู่เลยว่าเขาเต็มใจแต่งงานนางกล่าวออกไปไม่ตรงกับที่ใจคิดว่า “น้องหญิงเป็นคนร่าเริงฉลาดเฉลียว งดงามแลใจกว้าง เป็นแม่นางน้อยที่ไม่เลวเลยนางหนึ่ง”นอกจากจะชอบแทงเข็มใส่เล็บคนอื่นเขาทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดกับชอบตะโกนเรียกผู้อื่นมาตบบ้องหูทั้งที่เขายังไม่ทันทำอะไรเลยแล้ว ที่เหลือก็คงไม่มีข้อบกพร่องอะไรแล้วอย่างน้อย นางก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นน่ะนะฉีชินอ๋องยิ้มเย็นชา “อย่างนั้นหรือ?”จากที่เขารู้ ที่ว่าร่าเริงฉลาดเฉลียวนั้นสามารถตีความได้หลากหลายแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนำมาบรรยายหลงจ่านซินจ่านเหยียนเห็นว่าเขามีสีหน้าไม่ดี ก็เข้าใจได้ทันทีว่าเขาไม่ค่อยพอใจนัก จึงปลอบไปว่า “ท่านอ๋องไม่ต้องกลัดกลุ้มไป หากไม่ไหวจริง ๆ ก็คิดเสียว่าแต่งงานกับแจกันดอกไม้เพื่อเอากลับไปเชยชมก็พอ ถึงอย่างไรมีสตรีงามให้ได้เชยชม ก็ถือว่าเป็นที่เจริญตาเจริญใจเรื่องหนึ่งมิใช่หรือ?”ฉีชินอ๋องยกมุมปากเผยรอยยิ้มไม่แยแสออกมา “ขอบพระทัยพระเชษฐภคินีที่ทรงปลอบ”“เรื่องที่กำหนดไว้แล้ว คิดมากไปก็ไร้ประโยชน์” จ่านเหยียนเอ่ยค

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 96

    ครั้นหลงฉางเทียนกล่าวจบ จ่านเหยียนจึงเริ่มตกรางวัลนี่เป็นรายการที่สกุลหลงตั้งตาคอยที่สุด ถึงอย่างไรก็ได้ยินมาจากคนของกรมพิธีการแล้วว่าครานี้ไทฮองไทเฮาลงทุนไปไม่น้อย ของที่เลือกมาล้วนเป็นของล้ำค่าในวังทั้งสิ้นของรางวัลแต่ละชุดวางอยู่บนโต๊ะ ทั้งหมดล้วนบรรจุไว้ในกล่องของขวัญ ยามตกรางวัลก็มิได้พูดชัดเจนว่าคืออะไร เรียกความสับสนงุนงงจากคนที่มาร่วมงาน การตกรางวัลโดยปกติแล้ว มักจะแจ้งชื่อเรียกของรางวัลนั้น ๆ เพื่อให้คนรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย การตกรางวัลที่ดูลึกลับเช่นนี้ นับเป็นครั้งแรกทว่าในเมื่อไทเฮาไม่พูด จึงไม่มีคนกล้าเปิดออกดู ได้แต่สั่งให้บ่าวรับใช้ส่งกลับไปที่เรือนของตนเองก่อน กลับไปแล้วค่อยเปิดดูหงฮวาอยากเห็นมาตลอดว่าของรางวัลที่นางได้เป็นอะไร ทว่าเห็นคนอื่นไม่เปิดดู นางเองก็ไม่กล้าเปิดเช่นกันอันที่จริงนางไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก เพราะตกรางวัลมาให้นางเพียงชุดเดียว จะดีร้ายอย่างไรยามนี้นางก็ตั้งท้องเลือดเนื้อเชื้อไขของสกุลหลง แม้บุตรจะยังไม่คลอดออกมา แต่ก็ควรให้เพิ่มขึ้นอีกสักสุดนางเอื้อมมือออกไปรั้งแขนเสื้อเย่เต๋อโหรว กระซิบถามว่า “ฮูหยิน ท่านว่านางควรจะตกรางวัลให้ข้าเพิ่มอีกสัก

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 95

    จ่านเหยียนร้องเฮอะ “ที่หลงฉางเทียนมีนิสัยไม่มีเหตุผล ไร้ความเมตตาต่อผู้อื่นเช่นนี้ล้วนได้มาจากบรรพบุรุษอย่างที่คิดจริง ๆ”“เจ้ากล้านักนะ อยู่ในศาลบรรพชนตระกูลหลงของข้าแล้วยังจะกล้าพูดจาอวดดีเช่นนี้อีก?” ผู้เฒ่าผมขาวมองมาด้วยสายตาเดือดดาลจ่านเหยียนแย้มยิ้มชั่วร้าย “กระทั่งข้าเจ้าก็ยังไม่รู้จัก เมื่อไม่รู้จักก็เลยกล้าพูดจาสามหาวกับข้าเช่นนี้สินะ?” เมื่อจ่านเหยียนพูดจบ ก็ชูมือขาวผ่องขึ้น แหปลาสีทองปากหนึ่งพลันหล่นลงมาจากฟากฟ้า ปกคลุมกลุ่มดวงวิญญาณของสกุลหลงกลุ่มนั้นไว้ นางคว้าแหจับปลาแล้วใช้มือเหวี่ยงออกไป แหจับปลากลับหดเล็กลงเป็นกลุ่มก้อน แล้วบีบไว้ในมือแน่นหยางจิ่วเม่ยตกตะลึง รีบก้าวเข้าไปด้วยอยากจะร้องขอความเมตตา ทว่าจ่านเหยียนกลับมองนางด้วยสายตาเรียบนิ่งแล้วกล่าวว่า “เจ้าสนใจแต่ตัวเจ้าเองก็พอ”หยางจิ่วเม่ยชะงัก ก้าวถอยหลังไปอย่างระมัดระวัง“ขึ้นไปบนแท่นบูชาเถิด ข้าจะส่งเจ้าขึ้นไปด้วยมือของข้าเอง ไม่มีใครไล่เจ้าไปได้หรอก” จ่านเหยียนชูฝ่ามือขึ้นปล่อยพลังตรงไปดันหยางจิ่วเม่ยขึ้นไปวิญญาณของหยางจิ่วเม่ยกลายเป็นดอกบัวดอกหนึ่ง แล้วค่อย ๆ หายในแท่นบูชาจ่านเหยียนใช้พลังหยินกักขังบ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 94

    ก่อนงานเลี้ยงยามเย็นจะเริ่ม อยู่ ๆ จ่านเหยียนกลับบอกว่าอยากไปกราบไหว้หยางจิ่วเม่ยมารดาแท้ ๆ ของตนที่ศาลบรรพชนสักหน่อยเย่เต๋อโหรวสั่งให้คนไปนำแท่นบูชาออกมาเตรียมไว้ตั้งแต่เช้าแล้ว กำชับให้วางไว้ข้าง ๆ เหล่าบรรพชนสกุลหลง ทั้งให้วางกระถางธูปไว้ด้วยหลงจ่านเหยียนเจาะจงจะให้เย่เต๋อโหรวไปกับนางด้วย มาตรแม้นว่าเย่เต๋อโหรวจะไม่ยินยอม ทว่าก็ยังตามเข้าไปด้วยท่าทีระมัดระวังเนื่องจากนางมีฐานะเป็นไทเฮา ย่อมไม่จำเป็นต้องคุกเข่าจิ้นหรูจุดธูปให้นาง แล้วจึงถอยออกไปในศาลบรรพชนหลงเหลือแค่จ่านเหยียนกับเย่เต๋อโหรวเท่านั้น คนรับใช้ล้วนรออยู่ด้านนอกจ่านเหยียนมองไปยังแท่นบูชาของหยางจิ่วเม่ย จึงรู้ว่าเพิ่งจะนำออกมาวางไปใหม่ เพราะว่าแท่นบูชานั้นใหม่เอี่ยมเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีร่องรอยควันธูปเจิมเลยสักนิด“ฮูหยิน ท่านสร้างภาพได้ไม่เลวเลย” จ่านเหยียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบเย่เต๋อโหรวกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “บัดนี้ไทเฮามีฐานะสูงส่ง กระทั่งคำว่ามารดาก็ไม่ยอมเรียกขานกันสักคำหรือเพคะ?”“มารดา?” จ่านเหยียนหัวเราะเสียดสี “ข้าแค่กลัวว่าถ้าเรียกออกไป แล้วท่านจะรับไม่ไหวน่ะสิ”“กฎแห่งฟ้าดินแลศีลธรรมของ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 93

    นางเฉินเพิ่งเดินออกไป หงฮวาก็เข้ามาแล้ว นางตั้งท้องได้เจ็ดแปดเดือนแล้ว บัดนี้กำลังสวมใส่ชุดสีชมพูอมม่วง ทันทีที่ก้าวเข้ามาก็กล่าวว่า “ฮูหยิน ไยเงินเดือนของเดือนนี้ถึงได้น้อยเช่นนี้เล่าเจ้าคะ? ท่านก็รู้ว่าตอนนี้ข้ากำลังท้องกำลังไส้ มีที่ที่ให้ต้องใช้เงินมากมายไปหมด เงินเล็กน้อยแค่นี้ แค่ครึ่งเดือนก็ยังไม่พอเลย”เย่เต๋อโหรวมองนางเล็กน้อย แล้วกล่าว “เดือนนี้ในจวนมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ เงินเดือนของทุกเรียนจึงลดลงเช่นกันหมด มิใช่ว่าให้ไฉ่หลีไปบอกเจ้าแล้วหรือ?”“ท่านลดเงินของผู้อื่นก็ไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ แต่นี่ข้ากำลังท้องอยู่ หมอบอกว่าครรภ์นี้ของข้าเป็นผู้ชาย หากมีอะไรผิดพลาดไป ท่านแม่ทัพต้องไม่ปล่อยข้าไว้แน่” หงฮวากล่าวด้วยดวงตาเยือกเย็นซึ่งเจือแววข่มขู่เล็กน้อยเย่เต๋อโหรวกล่าวด้วยความเหนื่อยหน่าย “พอแล้ว อีกประเดี๋ยวข้าจะแบ่งจากส่วนของข้าให้เจ้าครึ่งหนึ่ง แล้วสั่งให้คนนำไปมอบให้เจ้า เช่นนี้พอใจแล้วกระมัง?”หงฮวาถึงได้ยิ้มออกมา “ขอบคุณฮูหยินเจ้าค่ะ”นางชะงักไปเล็กน้อย แล้วจึงกล่าวขึ้นมาอีกว่า “นึกไม่ถึงว่าหลงจ่านเหยียนจะกลับมาเยี่ยมบ้านมารดา การต้อนรับคงใช้จ่ายเงินไปไม่น้อยสินะเจ้า

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 92

    เช้าวันต่อมา รางวัลของกรมพิธีการก็มาถึง บรรจุเอาไว้เต็มรถม้าสองคันใหญ่ ล้วนเป็นของที่ไทฮองไทเฮาพระราชทานให้แก่หมู่โฮ่วฮองไทเฮาเอาไว้แจกจ่ายเป็นรางวัลระหว่างที่เดินทางกลับบ้านที่เรียกว่ากลับสู่บ้านเกิดในสภาพเต็มยศ ก็เป็นเช่นนี้เองเกี้ยวหงส์หยุดอยู่ในตรอกตำหนักหรูหลาน ขันทีแลนางกำนัลยืนเรียงเป็นสองแถว ตามอยู่ด้านหลังกองทหารเกียรติยศ ห่างไกลกันถึงหนึ่งลี้จิ้นหรูและกัวอวี้ประคองจ่านเหยียนออกมา วันนี้จ่านเหยียนสวมชุดชาววังจากผ้าไหมปักลายดอกโบตั๋นสีชมพูดอกบัวดอกใหญ่ซึ่งสวมใส่เป็นประจำ เครื่องประดับเกศาก็ปักอย่างเรียบง่าย บนผมทรงอาชาร่วงปักปิ่นทองห้อยหางหงส์ พร้อมด้วยปิ่นหยกเขียวที่ช่วยเสริมให้ดูสง่างามขึ้นท่ามกลางความงดงามนางนั่งอยู่บนเกี้ยวหงส์ กองทหารเกียรติยศคอยเปิดทางให้อยู่ด้านหน้าราตรีอันมืดมิดคืนหนึ่งเมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน นางก็ถูกหามเข้าวังไปเช่นนี้ กะพริบตาเพียงครั้ง เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปหนึ่งปีเสียแล้ว คนสกุลหลงรอรับเกี้ยวหงส์ที่หน้าประตูจวนตั้งแต่เช้าแล้ว ครั้นได้ยินเสียงของกองทหารเกียรติยศดังขึ้น หลงฉางเทียนก็รีบสั่งให้คนออกมาต้อนรับทันทีพรมสีแดงผืนหนึ่งทอดยาวตั้งแต่

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status