共有

บทที่ 17

作者: ลิ่วเยว่
“ไม่จำเป็น!” เย่เต๋อโหรวกล่าวอย่างเย็นชา เหลือบมองจี๋เสียงและหรูอี้ด้วยสายตาเยือกเย็น จากนั้นก็เอ่ยกับไฉ่หลี “พวกนางสองคนปรนนิบัติจ่านเหยียนได้แค่วันเดียว แต่กลับมีความจงรักภักดีอย่างมาก พาออกไปรับรางวัลเถิด!”

“บ่าวมิกล้ารับความดีความชอบ การปรนนิบัตินายเป็นหน้าที่ของบ่าวอยู่แล้วเจ้าค่ะ!” จี๋เสียงและหรูอี้กล่าวพร้อมกัน

ไฉ่หลีเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าดุร้าย “ฮูหยินบอกจะให้รางวัลพวกเจ้า พวกเจ้ามีสิทธิ์ปฏิเสธที่ไหนกัน?” พูดจบก็คว้าแขนทั้งสองคนแล้วลากออกไปข้างนอก

นอกประตู ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะที่น่ากลัวของไฉ่หลี “พวกเจ้าจงรักภักดีขนาดนี้ เช่นนั้นก็รับบาปแทนเจ้านายของพวกเจ้าสักหน่อยเถอะ!”

เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองดังขึ้น เย่เต๋อโหรวยิ้มอย่างโหดเหี้ยม เปิดม่านขึ้น จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปในห้องนอน

ภายในห้องนอนมืดสนิท ไม่มีแสงสว่างแม้แต่น้อย ความเงียบสงัดปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของหลงจ่านเหยียนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นางหัวเราะเยาะ ใกล้จะตายแล้วยังนอนหลับสนิทได้อีกหรือ? นางจะไม่ปล่อยให้ได้อยู่อย่างสงบสุขแน่

นางเดินไปตามทิศทางของเตียง แต่เพิ่งจะก้าวออกไปได้ก้าวเดียว ก็รู้สึกเหมือนใต้เท้าว่างเปล่า ร่างของนางร่วงหล่นลงไปเรื่อย ๆ ด้วยความตกใจอย่างมาก นางจึงส่งเสียงร้องออกมา พยายามคว้าจับอะไรบางอย่างไว้ แต่รอบ ๆ ตัวว่างเปล่า นางคว้าอะไรไม่ได้เลย

ร่างกายร่วงหล่นลงไปอย่างรวดเร็ว ความหวาดกลัวเข้าโจมตีทันที เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? เหตุใดที่นี่ถึงเหมือนกับหน้าผาได้?

“ไฉ่หลี...” นางตะโกนเสียงแหลม แต่รอบข้างมีเพียงเสียงลมหวีดหวิว ไม่มีใครตอบรับนางเลย

มีมือปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า คว้าไหล่ของนางไว้แน่นแล้วออกแรงกดลง นางยื่นมือออกไปหวังจะคว้ามือนั้นไว้ แต่มือข้างนั้นกลับหายวับไป และในที่สุดสองเท้าของนางก็สัมผัสกับพื้น

ทันใดนั้น แสงสว่างก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า นางมองสำรวจไปรอบ ๆ ด้วยความตกใจ ที่นี่ คุ้นเคยมาก!

ทันใดนั้นนางก็นึกขึ้นได้ ที่นี่คือห้องเก็บฟืนของจวนแม่ทัพ ไม่สิ ควรจะพูดว่าเป็นห้องเก็บฟืนเมื่อสิบกว่าปีก่อน

ที่นี่ นางฆ่าหยางจิ่วเม่ย ตัดมือตัดเท้าของนางทั้งหมด กลิ่นคาวเลือดราวกับยังไม่จางหายไป อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นคาวคลุ้ง ในหูก็เหมือนจะยังได้ยินเสียงร้องโหยหวนของหยางจิ่วเม่ย

“ฮูหยิน...” เสียงเย็นยะเยือกดังมาจากข้างหลังนาง นางหันกลับไปทันที กลับเห็นสตรีคนหนึ่งสวมชุดสีขาว ใบหน้าเศร้าหมอง กำลังจ้องมองนางอย่างน่าขนลุก

นางส่งเสียงร้อง “อ๊า” ด้วยความตกใจ จากนั้นตะโกนเสียงหลง “หยางจิ่วเม่ย?”

“สิบหกปีแล้ว แล้ว ฮูหยินยังจำชื่อของบ่าวได้อีกหรือ!” หยางจิ่วเม่ยลอยตัวไปข้างหน้าหนึ่งจั้ง ทำให้เย่เต๋อโหรวตกใจกลัว รีบวิ่งหนีไปด้านหลัง

แต่วิ่งไปสองก้าว ทันใดนั้นนางก็หยุด หันกลับไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาทั้งสองข้างลุกโชนด้วยความโกรธเกรี้ยว “ถึงแม้เจ้าจะเป็นหยางจิ่วเม่ยแล้วอย่างไรเล่า? ข้าฆ่าเจ้าได้ครั้งแรก ก็ฆ่าเจ้าได้ครั้งที่สอง เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าเจ้าตายอย่างไร? ยังอยากลองอีกครั้งหรือไม่?”

พูดจบ นางก็กวาดตามองหยางจิ่วเม่ย แล้วกล่าวอย่างเย็นชา “อีกอย่าง เจ้าจะเป็นนางจริงหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ข้าจำได้ว่าตอนที่หยางจิ่วเม่ยตาย ข้าสั่งให้คนตัดแขนตัดขาของนาง ต่อให้เป็นผี ร่างกายก็ต้องแยกส่วน ไม่มีทางเป็นศพที่สมบูรณ์!”

ทันใดนั้น ทั่วร่างของหยางจิ่วเม่ยก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร ใบหน้าซีดเซียวก็บิดเบี้ยวขึ้นมาในชั่วพริบตา

เย่เต๋อโหรวตกใจจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว มองนางด้วยความหวาดกลัว!

เงาของหยางจิ่วเม่ยหายไปแล้ว เสียงหัวเราะแหลมดังก้องอยู่ในอากาศ ปะปนกับคำพูดที่เลือนราง “ฮูหยิน ท่านไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้ว ข้าจะรอดูจุดจบของท่าน ท่านจะต้องทุกข์ทรมานยิ่งกว่าข้าเป็นหมื่นเท่า!”

เย่เต๋อโหรวร้องตะโกน “อ๊า” เสียงดัง พุ่งเข้าหาตำแหน่งที่หยางจิ่วเม่ยหายไป จากนั้นตะโกนเสียงดัง “กลับมานะ ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก!”

ท่ามกลางอากาศ ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะหายไปจนหมด ทั้งเสียงและร่างของหยางจิ่วเม่ยหายวับไปในอากาศ ไม่เหลือร่องรอยใด ๆ

หัวใจของเย่เต๋อโหรวบีบรัดแน่น ความเย็นยะเยือกพุ่งขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ!

มีมือมาแตะหลังนางเบา ๆ นางหันกลับไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับเห็นไฉ่หลียืนถือถ้วยน้ำชาอยู่ด้านหลัง แล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัย “ฮูหยิน ท่านกำลังคุยกับใครอยู่หรือเจ้าคะ?”

เย่เต๋อโหรวตกตะลึง กวาดตามองไปรอบ ๆ ห้อง นางยังคงยืนอยู่ที่หน้าม่านนอกห้องของหลงจ่านเหยียน ม่านสีเขียวปักลายดอกดารารัตน์ขวางอยู่ตรงหน้า ม่านพลิ้วไหวไปตามสายลม สายลมพัดวูบ แทรกซึมเข้าไปในหัวใจ ทำให้นางหนาวสั่นโดยไม่รู้ตัว

ที่นี่ ไม่ใช่ห้องเก็บฟืน?
この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

関連チャプター

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 18

    ความหวาดกลัวแล่นเข้ามาในใจ นางตั้งสติด้วยความตกใจ เอ่ยถามไฉ่หลี “เมื่อครู่เจ้าได้ยินอะไรบ้าง?”ไฉ่หลีมองนาง “ได้ยินไม่ชัด เหมือนจะเป็นเสียงกรีดร้องเจ้าค่ะ!”เย่เต๋อโหรวเลิกผ้าม่านขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในห้องจุดโคมไฟติดผนัง แสงไฟสลัว ๆ พร่ามัว ข้างเตียงมีร่างหนึ่งสวมชุดขาวยืนอยู่ เย่เต๋อโหรวรู้สึกราวกับเลือดทั้งร่างกายแข็งตัว ร่างกายสั่นเทิ้มไม่หยุดเมื่อครู่ เพราะในใจเต็มไปด้วยความแค้นต่อหยางจิ่วเม่ย จึงไม่รู้สึกกลัว แต่ตอนนี้เมื่อเห็นร่างขาวซีดนั่น ความทรงจำทั้งหมดก็ผุดขึ้นมาในใจ เสียงร้องโหยหวนอันน่าเวทนาของหยางจิ่วเม่ยก็ดังก้องอยู่ในหูไม่หยุด ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูกร่างนั้นค่อย ๆ หันกลับมา กลับกลายเป็นหลงจ่านเหยียนเมื่อสายตาของเย่เต๋อโหรวสบเข้ากับรอยยิ้มเย็นยะเยือกที่มุมปากของหลงจ่านเหยียน ความหวาดกลัวในใจก็พุ่งขึ้นถึงขีดสุด สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านใบหน้าของนาง ทำให้นางรู้สึกขนลุกซู่นางปล่อยม่านลงแทบจะในชั่วพริบตา เดินโซเซออกไปข้างนอก เหงื่อเย็นไหลออกมาทั่วร่างไฉ่หลีรีบตามไป จากนั้นเอ่ยถาม “ฮูหยิน เหตุใดจึงไม่เข้าไปล่ะเจ้าคะ? แล้วยานี่จะทำอย่

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 19

    กัวกูกูจะไม่เข้าใจคำพูดแฝงความนัยของฮูหยินผู้เฒ่าได้อย่างไร? ไทเฮาให้ความสำคัญกับนาง ส่วนนางข้าหลวงขั้นสองในวังอย่างนาง มีสิทธิ์อะไรมาทำหน้าบึ้งตึงที่นี่?เพียงแต่ดีชั่วกัวกูกูก็อยู่ในวังมานานหลายปี จะมองสถานการณ์ตรงหน้าไม่ออกได้อย่างไร? หลังจากที่หลงจ่านเหยียนเข้าวังแล้ว จวนแม่ทัพก็จะต้องได้รับความสำคัญไปช่วงหนึ่ง ไทเฮาตรัสไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะใช้ประโยชน์จากตระกูลหลง แต่ก็ต้องควบคุมตระกูลหลงด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ตระกูลหลงช่วยเหลือรัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์แล้วมีผลงานเหนือผู้เป็นนาย การใช้อำนาจและความเมตตาควบคู่กันไปย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุดดังนั้นในเวลานี้ นางจึงไม่จำเป็นต้องประจบประแจงฮูหยินผู้เฒ่าหลง เพื่อมิให้นางคิดว่าจวนแม่ทัพมีอำนาจล้นฟ้าเพราะฉะนั้น เมื่อนางได้ยินคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่า ก็เพียงยิ้มบาง ๆ “เรื่องนี้บ่าวรู้ดีเจ้าค่ะ ไทเฮาทรงได้รับชาอวิ๋นอู้มาไม่ถึงสิบชั่ง แต่แบ่งพระราชทานออกไปตั้งแปดชั่ง จวนแม่ทัพได้รับสามเหลี่ยง!”“กัวกูกูสมแล้วที่เป็นคนสนิทของไทเฮา ความจำช่างดีเยี่ยมเสียจริง เรื่องราวในวังมีมากมาย กัวกูกูยังจำได้แม้กระทั่งว่าจวนแม่ทัพได้รับชาอวิ๋นอู้มาสามเหลี่ยง!”

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 20

    กัวกูกูไม่ได้พูดอะไร นี่คือเรื่องจริงฝ่าบาททรงยืนกรานที่จะให้ฮองเฮาฝังศพสังเวยชีวิตตามไป ทำให้ไทเฮาพิโรธมาก โชคดีที่หลงฉางเทียนเสนอแผนการ อาศัยช่วงที่ฝ่าบาททรงหมดสติ ให้ไทเฮาใช้ข้ออ้างว่าฮองเฮาปกครองวังหลังบกพร่อง จึงลดขั้นนางเป็นกุ้ยเฟย แล้วให้แต่งตั้งฮองเฮาองค์ใหม่เข้าวัง พร้อมทั้งเสนอชื่อบุตรสาวของตนเองและในตอนนั้น นางรู้สึกเพียงว่าใจคนเราช่างเย็นชาได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ? พ่อแท้ ๆ กลับยอมให้ลูกสาวของตนเองไปตายเพื่อเอาใจไทเฮา นางยอมรับว่า ตอนที่เพิ่งออกจากวังแล้วได้พบกับหลงจ่านเหยียน ในใจนางก็รู้สึกสงสารอยู่บ้าง ด้วยเหตุนี้ ตอนที่หลงจ่านซินรังแกหลงจ่านเหยียน นางจึงลงมือสั่งสอนหลงจ่านซินแทนเพียงแต่ว่า ความเห็นใจนั้นเทียบไม่ได้กับเงินที่จับต้องได้ ถึงแม้ว่านางจะอยู่ในวัง แต่คนในครอบครัวของนางก็อยู่ในเมืองหลวง ทุกคนต่างหวังพึ่งเงินของนางเพื่อเลี้ยงชีพเมื่อกลับมาถึงนอกห้อง องครักษ์หลวงทั้งสองเห็นรอยเลือดเป็นดวง ๆ ที่บันไดหิน ต่างตกใจรีบวิ่งขึ้นไป อาถงก้มลงดมครู่หนึ่ง แล้วเงยหน้าขึ้นมองกัวกูกูด้วยสีหน้าซีดเผือด “เป็นเลือดคน!”กัวกูกูหน้าซีดเผือด เอ่ยขึ้นด้วยความตกตะลึง “บ้าไปแล้

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 21

    ยามเที่ยงหลี่ชินอ๋องพาคนนำของพระราชทานจากในตำหนักมาส่ง นางเฉิน ฮูหยินของหลงฉางอี้ตรวจนับอยู่ในห้องรับแขก นับพลางทำเสียงจุ๊ปากแล้วเอ่ยกับหลงฉางอี้ว่า “ภาพเขียนจากในวังช่างใหญ่เสียจริง หลายอย่างข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลยด้วยซ้ำ!”หลงฉางอี้มองความละโมบในแววตาของนางแล้วเอ่ยอย่างฉุนเฉียวว่า “ไม่ได้เรื่อง ต่อให้ของพวกนี้ล้ำค่าอีกเพียงใดไม่ใช่ของเจ้า ตรวจนับให้ละเอียด อีกประเดี๋ยวกลับไปรายงานให้พี่สะใภ้!”“นางสุภาพร่างกายไม่แข็งแรง!” นางเฉินมองข้ารับใช้ข้างกายแล้วเอ่ยด้วยเสียงกระซิบว่า “อันที่จริง ข้าวของมากมายเช่นนี้ พวกเราเผลอหยิบไปไม่กี่ชิ้นก็ไม่มีใครรู้หรอก!” “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?” หลงฉางอี้กล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “ทั้งหมดนี้ถูกเขียนไว้ในรายการสินสอดแล้ว เจ้าอย่าคิดว่าพี่สะใภ้เป็นคนโง่นะ!” นางเฉินเบะปาก เอ่ยอย่างไม่ยินยอมว่า “แม่หนูเหยียนไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของนางเสียด้วยซ้ำ อีกอย่าง หากพูดกันตามตรง ปกติแล้วข้าปฏิบัติกับแม่หนูเหยียนดีกว่านางเกินสิบเท่า นางมีสิทธิอะไรได้รับเพียงผู้เดียว?”หลงฉางอี้แค่นเสียงเหอะ “เจ้าดีกับแม่หนูเหยียน? พอเถิด แค่ไม่รังแกทุกวันก็นับว่าไม่เลวแล้ว ของพระราชทานพวกนี้

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 22

    นางเริ่มรู้สึกว่าฮองเฮาที่กำลังเข้าวังเพื่อโดนฝังศพสังเวยชีวิตพระองค์นี้จะไม่ได้เรียบง่ายเหมือนอย่างที่นางแสดงออกให้เห็นเสียแล้ว!เพียงแต่นางไม่ได้เอ่ยอะไร ก้าวมายืนข้างหน้าแล้วเอ่ยกับนางเฉินว่า “ฮูหยินรอง ก็เป็นสิทธิที่นางคือฮองเฮาที่ไทเฮาทรงแต่งตั้ง!”นางเฉินไม่กล้าล่วงเกินกัวกูกู เพียงแต่เอ่ยโต้แย้งว่า “มีที่ไหนกันเอาสินสอดทองหมั้นทั้งหมดไปเป็นสินติดตัว? นี่มันไม่เป็นธรรมเนียมเอาเสียเลย!” ของพระราชทานพวกนี้ นางแอบเก็บไว้เองหลายชิ้นตั้งนานแล้ว บอกว่าจะมอบให้หลงจ่านเหยียนเป็นสินติดตัว รายการสินสอดที่แสดงให้ฮูหยินผู้เฒ่าดูก็มีของพระราชทานจากในวัง แต่ที่ให้หลงจ่านเหยียนกลับไม่มีเลยเดิมทีนางคิดว่าหลงจ่านเหยียนเข้าวังก็จะถูกฝังศพสังเวยชีวิตทันที คนที่ตายแทนผู้อื่น ใครยังจะตรวจดูสินติดตัวของนางอีก?“ธรรมเนียมเป็นสิ่งที่คนเรากำหนดขึ้นมา นอกจากนี้ฮูหยินรองควรรู้ดีว่าว่าของเหล่านั้นเป็นของพระราชทานหรือว่าเป็นสินสอดกันแน่?” กัวกูกูกล่าวจบก็หันกายเดินเข้าไป ทิ้งคำพูดไว้หนึ่งประโยค “ฮูหยินรองโปรดไปจัดการตามพระประสงค์ของฮองเฮาด้วยเถิดเจ้าค่ะ!” ของในรายการสินติดตัวนั้นช่างอัตคัดยิ่งนักจริ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 23

    กัวกูกูมาที่สวนเถียนจวี๋ เวลานั้น หญิงชรากำลังอาบแดดอยู่ในสวนกัวกูกูเข้าไปยอบตัวทำความเคารพแล้วเอ่ยว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าหลง บ่าวมาคืนของเจ้าค่ะ!” นางกล่าวจบก็หยิบตั๋วเงินออกมาวางไว้บนโต๊ะชาเบื้องหน้าเก้าอี้ของหญิงชราหญิงชราหรี่ตาจ้องมองนาง ดวงหน้าที่เต็มไปด้วยจุดด่างดำนิ่งเรียบไร้คลื่นอารมณ์ ก่อนจะกล่าวอย่างเฉยชาว่า “นี่เป็นรางวัลสำหรับการดื่มชาของเจ้า!”“ขอบพระคุณฮูหยินผู้เฒ่า ทว่าเมื่อไร้ผลงานก็ไม่อาจรับผลตอบแทน บ่าวรับไว้ไม่ได้เจ้าค่ะ!” นางกล่าวจบก็ยอบตัวแล้วหันกายเดินจากไป หมัวมัวอึ้งไปครู่หนึ่ง “นางหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ?”ฮูหยินผู้เฒ่าจ้องมองตั๋วเงินนั้นแล้วหัวเราะขึ้นมาฉับพลัน “ช่างเถิด วันหน้านางจะรู้ว่าวันนี้ได้ทำความผิดร้ายแรงเพียงใด!” นางเป็นฮูหยินเก้ามิ่งขั้นสองที่ได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน และเคยสร้างผลงานในการรบ เป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งแคว้นต้าโจว ไม่มีใครไม่ไว้หน้านางได้!“ได้ยินว่าเมื่อคืนฮูหยินไม่ได้ลงมือกับจ่านเหยียนเจ้าค่ะ!” หมัวมัวเอ่ยอย่างประหลาดใจ “จากนิสัยตามปกติของฮูหยิน เหตุใดถึงยอมเลิกราเพียงเท่านี้?”ฮูหยินผู้เฒ่าเอาหลังมือเคาะเก้าอี้ไม

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 24

    เย่เต๋อโหรวได้ยินคำพูดของนาง สีหน้าจึงค่อยผ่อนคลายลงเล็กน้อย แล้วเอ่ยว่า “ไม่มีเป็นดีที่สุด!” “ฮูหยินคิดจะจัดการนางอย่างไรเจ้าคะ?” ความโหดเหี้ยมอำมหิตฉายขึ้นในแววตาของไฉ่หลี “นังแพศยาผู้นี้คิดเพ้อฝันว่าจะเป็นเจ้านาย ฮูหยินจะปล่อยนางไปง่าย ๆ ไม่ได้นะเจ้าคะ!” เย่เต๋อโหรวหัวเราะหยันอย่างอำมหิต “ในเมื่อนางมีความคิดเกินเลยนี้ เช่นนั้นข้าจะทำให้นางสมปรารถนา!”“ฮูหยิน...” ไฉ่หลีเงยหน้าขึ้นมาฉับพลัน “จะให้นางเอาเปรียบถึงเพียงนี้ได้อย่างไรเจ้าคะ?” “พูดไร้สาระมากมายเพียงนี้ไปเพื่ออะไร?” เย่เต๋อโหรวเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึม ไฉ่หลีหดคอ ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่เต็มใจว่า “เจ้าค่ะ!”เย่เต๋อโหรวสงบสติอารมณ์ลงแล้วเอ่ยถามอีกว่า “ทางด้านหลงจ่านเหยียนมีข่าวคราวอะไรบ้าง?”“วันนี้ฮูหยินรองไปหา บอกว่าจะนำรายการสินสอดไปให้คุณหนูเหยียนดูเจ้าค่ะ แต่ได้ยินว่าคุณหนูเหยียนไม่พอใจ ฮูหยินรองยังโดนกัวกูกูตำหนิซึ่ง ๆ หน้า ต่อมาถึงได้จากไปด้วยความโมโหเจ้าค่ะ!” หลงฮูหยินนึกถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ เมื่อคืนนี้ ก้นบึ้งของจิตใจยังคงมีความหวาดกลัวที่ไม่อาจพูดออกมาได้ เป็นไปได้ไหมว่าหลงจ่านเหยียนถูกหยางจิ่วเม่ยสิงร่าง? ต่อให้ผ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 25

    เย่เต๋อโหรวยิ้มแย้มอย่างอ่อนโยน “อืม ถึงอย่างไรฝีมือของเจ้าก็ดีกว่า เข้ามาช่วยหวีผมให้ข้าเถิด!”หงฮวาไม่ปฏิเสธเช่นกัน ก่อนจะเข้ามายืนข้างหลังนางแล้วลูบผมของเย่เต๋อโหรวอย่างคล่องแคล่ว ชิงซือที่อยู่ทางด้านข้างยื่นหวีมาให้ หงฮวายิ้มพลางกล่าวว่า “ไม่ต้องหรอก เส้นผมของฮูหยินลื่นสลวย มวยผมเช่นนี้ก็ดูงดงามอย่างยิ่ง!”เย่เต๋อโหรวยิ้มน้อย ๆ “จริงหรือ?”หงฮวาเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ย่อมจริงอยู่แล้วเจ้าค่ะ เพียงแต่ว่าอีกไม่กี่วันไว้ข้ามีเวลาว่างแล้วจะต้องช่วยฮูหยินย้อมผมให้ได้เลย ผมขาวขึ้นเยอะมากแล้วนะเจ้าคะ!” นางกล่าวจบก็จ้องมองเย่เต๋อโหรวในคันฉ่องด้วยแววตาท้าทายเล็กน้อย เย่เต๋อโหรวย่อมไม่พลาดความคิดภายในใจของอีกฝ่าย นางเองก็ไม่ได้โกรธ เพียงแต่เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ถึงอย่างไรก็แก่แล้ว สู้สาว ๆ อย่างพวกเจ้าไม่ได้หรอก!” “ฮูหยินแก่ที่ไหนเจ้าคะ? ฮูหยินอายุเท่ากับมารดาของข้า แต่ดูอ่อนวัยกว่ามารดาของข้าตั้งหลายปี!” หงฮวากล่าวด้วยรอยยิ้มชิงซือที่ฟังอยู่ทางด้านข้างตกใจกลัวจนหน้าซีด ส่งสายตาให้หงฮวาติดต่อกัน แต่หงฮวากลับแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ยังคงกล่าวอย่างไม่สนใจผู้ใดว่า “หางตาของฮูหยินก็มีริ้วรอยนิ

最新チャプター

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 274

    จิ้นหรูหัวใจรัดแน่น สุดท้ายดวงตาก็ฉายความแตกตื่นออกมา “พระองค์คิดจะทำอันใดกันแน่เพคะ?”“ถามได้ดี!” ถงไทเฮาลุกขึ้นยืนช้า ๆ แล้วเดินก้าวหนึ่ง เหยียบหลังมือของจิ้นหรู ออกแรงขยี้ มองดูความทรมานบนใบหน้าของจิ้นหรู ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “เจ็บหรือ?”จิ้นหรูกัดฟัน “ไทเฮาจะลงโทษบ่าวอย่างไรก็ได้เพคะ”อย่างมากก็แค่ตาย ตายแล้วก็คือหลุดพ้น แต่... นางรู้ ถงไทเฮาแค้นนางที่สุด จะไม่ให้นางตายง่าย ๆ เด็ดขาด“ข้าได้ยินว่าคุกทักษิณมีทัณฑ์ทรมานมากมาย เพียงแต่ไม่รู้ว่าหากเทียบกับข้าที่นี่แล้ว จะเหนือกว่าหรือไม่? มิสู้จิ้นหรูกูกูช่วยข้าเปรียบเทียบสักหน่อย” ถงไทเฮาโน้มตัวลงเชยคางของจิ้นหรู มุมปากแย้มยิ้มชั่วร้ายเหี้ยมเกรียมเดิมรูปลักษณ์ก็มิได้งามวิไล ยามนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุดัน ยิ่งทำให้ดุร้ายอัปลักษณ์มากกว่าเดิมจิ้นหรูขวัญผวา ไม่กล้ามองดวงตากระหายเลือดของนาง จึงก้มหน้ากัดริมฝีปาก อดทนต่อความเจ็บที่ส่งมาถึงแต่... นี่ยังห่างไกลกับจุดสิ้นสุดหรูหัวยกตะปูมากะละมังหนึ่ง พวกมันมิใช่ตะปูเหล็ก แต่เป็นตะปูไม้ท้อทุกเล่มทำจากไม้ท้อ ส่วนปลายแหลมคมเงาวับ“ถ้าเจ้าร้องสักแอะ ข้าจะเพิ่มตะปูอีกเล่ม” ถงไทเฮาเอ่ย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 273

    ด้วยประการละฉะนี้ ทุกคนจึงนึกว่าฮ่องเต้โปรดปรานแต่ฮองเฮา ทอดทิ้งวังหลังแม้นางสนมจะตำหนิไม่พอใจ แต่เพราะฮองเฮาคือคนสกุลถง จึงไม่มีใครกล้าพูดฮองเฮารูปโฉมไม่โดดเด่น กลับได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เพียงนี้ เห็นได้ว่าฮ่องเต้รักนางจริง ๆชั่วขณะ ฮองเฮาบารมีไร้ที่สิ้นสุด รั้งตำแหน่งฮองเฮา ทั้งยังมีความโปรดปรานของฮ่องเต้มั่นคงดั่งขุนเขา ทำให้สกุลถงเหิมเกริมมากขึ้นทุกวันเขาใช้การกระทำบอกนาง ในใจของเขามีแต่นางเท่านั้นสามสิบกว่าปีแล้ว นางเข้าวังในวัยสิบสอง บัดนี้สี่สิบสาม อดีตฮ่องเต้คือแผ่นฟ้าของนาง คือสามีของนาง คือนายของนางเขาจากไปก่อนนาง แม้นางจะเสียใจ แต่ก็มิได้แสดงออกว่าเสียใจมาก เพราะนางรู้ว่าเขากำลังรอนางอยู่ตรงนั้น สุดท้ายนางจะได้ไปพบกับเขานางรู้ ยามนี้ได้เวลาแล้ว“พูด!” หรูหัวดุดันขึ้นมา ตบหน้านางฉาดหนึ่งจิ้นหรูหน้าเอียงไปข้างหนึ่ง แก้มบวมขึ้นรอยประทับนิ้วมือทันทีจิ้นหรูคุกเข่าตัวตรง “บ่าวไม่มีอะไรจะพูดเพคะ”“เจ้ามอบความบริสุทธิ์ของเจ้าให้ผู้ใด?” ถงไทเฮาไม่แสดงออกว่าโกรธมาก ในทางกลับกัน นางพรูลมยาว ข้อกังขาที่เก็บอยู่ในใจนางยี่สิบกว่าปี กระจ่างแจ้งในที่สุด“บ่าวไม่ทร

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 272

    หรูหัวลากนางเข้าตำหนักชั้นในไปอย่างไม่ให้ปฏิเสธจิ้นหรูมองเสื้อผ้าบนฉากบังลมด้วยความประหลาดใจ เหตุใดหรูหัวจึงมีเสื้อผ้าวางอยู่ในตำหนักบรรทมของไทเฮาได้แต่นางมิได้ถาม เพราะถามแล้วก็คงไม่บอก นางมองเสื้อผ้านางกำนัลชุดนี้ มิได้สงสัยเรื่องอื่นก็เข้าไปเปลี่ยนชุดด้านหลังฉากบังลมนางเพิ่งถอดเสื้อผ้า หรูหัวก็เข้ามา “อุ๊ย ข้าลืมบอกเจ้าไป ชุดนี้เคยใส่แล้ว เปลี่ยนอีกชุดเถอะ!”นางยื่นชุดสีเหลืองอ่อนในมือให้จิ้นหรู พร้อมกับกวาดสายตามองบริเวณแขนของจิ้นหรูอย่างรวดเร็ว เมื่อนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย ก่อนจะออกไปจิ้นหรูเพิ่งแต่งตัวเสร็จก็มีหญิงสูงวัยดุดันเข้ามาสองคน ลากแขนจิ้นหรูคนละข้างออกไปข้างนอกจิ้นหรูตกตะลึงพรึงเพริดถามขึ้นว่า “นี่พวกเจ้าจะทำอะไรน่ะ?”หญิงสูงวัยสองคนนั้นลากนางไปแล้วผลักจนนางสะดุดล้มลงพื้น ถงไทเฮามองนางจากมุมสูง ดวงหน้าอ่อนโยนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมอำมหิต“เซิ่งหมู่ฮองไทเฮา บ่าวทำอะไรผิดไปเพคะ?” จิ้นหรูหัวใจหนักอึ้ง แต่ยังสงบสติอารมณ์แล้วถาม“ทำอะไรผิด?” เสียงของถงไทเฮาราวกับส่งมาจากขุมนรก พกพากลิ่นอายเย็นยะเยือกชุ่มชื้น “แต้มพรหมจรรย์ของเจ้าเล่า?”จิ้นหรูหัวใจ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 271

    “ข้าได้ยินมา ทุกคืนนางจะเรียกนักดนตรีไปบรรเลงเพลง ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่?”“ทูลไทเฮา เรื่องนี้เกินไปหน่อยเพคะ หมู่โฮ่วฮองไทเฮาทรงเรียกพวกเขามาในยามวิกาลน้อยนัก!”รอยยิ้มของถงไทเฮาบานสะพรั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ “ข้าก็รู้ว่าวังหลังมีปากหอยปากปูมาก จริงสิ ปกติเวลาอดีตฮ่องเต้ทรงสะสางราชกิจ ทรงโปรดทำอันใดหรือ?”หัวข้าสนทนาวกกลับมาเรื่องอดีตฮ่องเต้ จิ้นหรูลอบโล่งอก เวลาตอบคำถามจึงเป็นมิตรมากขึ้นบางส่วน “อดีตฮ่องเต้มีเวลาวางน้อยนัก แต่พระองค์โปรดอู้งานยามยุ่ง ทรงโปรดการเดินหมาก เสวยพระสุธารสชาเพคะ”“เดินหมาก? เดินกับผู้ใด?” ถงไทเฮาถาม“กับบ่าวเพคะ” จิ้นหรูยิ้มบาง “เพียงแต่ฝีมือการเดินหมากของบ่าวไม่ดี แพ้อยู่เรื่อยเลยเพคะ”“อดีตฮ่องเต้ทรงยินดีเดินหมากกับเจ้า แสดงว่าฝีมือการเดินหมากของเจ้าต้องดี” ถงไทเฮายิ้มเอ่ย “เจ้าอย่าได้ถ่อมตัวนักเลย วันหลังข้าจะเดินหมากกับเจ้าบ้าง เจ้าก็คลายเหงาให้ข้าหน่อย”“ขอเพียงไทเฮาโปรด บ่าวก็เดินหมากเป็นเพื่อนไทเฮาได้ทุกเมื่อเพคะ” จิ้นหรูกล่าวจากใจ“เจ้าช่างเป็นคนเข้าใจผู้อื่นแท้ ๆ มิน่าอดีตฮ่องเต้จึง ‘โปรดปราน’ เจ้าเช่นนี้” ถงไทเฮายิ้มเอ่ยคำพูดนี้ไม่มีอะไรพิเศษ ใ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 270

    ตำหนักชิงหนิงจิ้นหรูคุกเข่าลงคำนับ “ถวายพระพรเซิ่งหมู่ฮองไทเฮา”“ลุกขึ้นเถอะ จิ้นหรู” ถงไทเฮาแย้มยิ้มจิ้นหรูลุกขึ้นยืนก้มหน้าแล้วไปยืนอยู่ด้านข้าง“ไม่ต้องเกร็งไป วันนี้ที่ข้าเรียกเจ้ามา เพราะอยู่ ๆ ก็นึกถึงอดีตฮ่องเต้ อดีตฮ่องเต้เคยรับสั่งว่าทักษะการชงชาของเจ้าเป็นหนึ่งในใต้หล้า เจ้าจะชงให้ข้าสักครั้งได้หรือไม่?” ถงไทเฮากล่าวขอด้วยใบหน้าราบเรียบ“เพคะ!” จิ้นหรูขานรับ“หรูหัว ไปเตรียมเครื่องชงชา” ถงไทเฮาสั่งหรูหัวขานรับแล้วจึงออกไปถงไทเฮาปรายตามองจิ้นหรู วันนี้นางสวมชุดสีครามปักลายใบไม้ไผ่สีแดงเข้ม มิได้ผัดแป้ง แม้อายุล่วงเลยสี่สิบ กลับยังสง่าเรียบง่ายจิ้นหรูไม่เคยคลอดลูก จึงดูอ่อนเยาว์กว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันมิได้เลอโฉม กลับมีท่วงทำนองอย่างหนึ่งหรูหัวยกเครื่องชงชามา นางมองการต้มน้ำ ล้างชา ล้างถ้วย รินน้ำชาอย่างสง่างามของจิ้นหรูยังไม่พูดถึงฝีไม้ลายมือที่สง่างาม แต่ขณะนางชงชาจะมีสมาธิมาก ยามที่คนคนหนึ่งจดจ่ออยู่กับเรื่องหนึ่ง จะมีเสน่ห์ชวนหลงใหลเป็นพิเศษในฐานะที่ถงไทเฮาคือสตรีก็รู้สึกถึงมนตร์เสน่ห์น่าหลงใหลนี้เหมือนกัน“อดีตฮ่องเต้โปรดเสวยพระสุธารสชาอะไรหรือ?” นา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 269

    ถงไทเฮาถอนตายตากลับช้า ๆ ก็จริง นับจากหรูหัวเข้าวังก็อยู่ข้างตัวนางมาตลอด รวมแล้วอดีตฮ่องเต้เคยมองนางเพียงไม่กี่ครั้ง แม้แต่ชื่อของนางก็ยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำที่สำคัญที่สุดคือ แม้หน้าตาของหรูหัวจะพอใช้ได้ แต่ก็ไม่เกี่ยวข้องกับคำว่า ‘สวย’ เด็ดขาด“ในฐานะที่เป็นบุตรสาวสกุลถง ตั้งแต่ข้าเกิดมาก็ใช้ชีวิตเหมือนพญาหงส์ แล้วยังจะสูงศักดิ์ยิ่งกว่าองค์หญิงเสียด้วยซ้ำ หลังจากเข้าวังก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮา เกียรติยศไร้ขีดจำกัด แต่... นี่ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ให้คนอื่นดู สิ่งที่ข้าต้องการ ก็แค่สายตาอาวรณ์หนึ่งของอดีตฮ่องเต้ เมื่อไม่ได้มา ข้าก็ไม่อยากให้ผู้ใดได้มันไปทั้งนั้น ไม่ว่านางจะอยู่หรือตาย ข้าก็ต้องรู้ว่านางคือใคร”ถงไทเฮาพูดเนิบช้ามาก แต่... มีความโหดเหี้ยมทุกถ้อยคำหรูหัวพิจารณาอย่างละเอียดครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพึ่บ “เสี่ยวหรู? คนที่ปรนนิบัติอดีตฮ่องเต้ในตำหนักในสมัยก่อน มีคนหนึ่งที่ชื่อจิ้นหรูเพคะ”“จิ้นหรู? ไม่ใช่นาง” ถงไทเฮาส่ายหน้า “นางโตมากับอดีตฮ่องเต้ ถูกส่งไปปรนนิบัติข้างพระวรกายอดีตฮ่องเต้นานแล้ว หากนางคือคนที่อดีตฮ่องเต้โปรดปราน ไยไม่แต่งตั้งนางเป็นสนมเล่า?”หรูหัวคิ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 268

    ฮองเฮาส่ายหน้า “ไม่ ซูอี้จะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร เขาไม่กลัวว่า...” ความกลัวเริ่มปกคลุมใบหน้าของนาง และไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย“ถ้าเจ้ายังอยากรักษาชีวิตพ่อของเจ้าเอาไว้ ก็ไปหาฮ่องเต้” ถงไทเฮากล่าวอย่างแค้นที่เหล็กไม่เป็นเหล็กกล้าเทียบกับสมัยก่อน ถงไทเฮาเติบโตและรู้ความมากแล้ว เมื่อก่อนนางไม่เข้าใจ เหตุใดเสด็จแม่จึงไม่เข้าใจนาง เหตุใดมักให้นางทำเรื่องที่ลำบากใจ บัดนี้นางรู้แล้ว มีเพียงให้ตัวเองลำบาก สกุลถงจึงจะมั่นคงในใจของคนสกุลถง ชื่อเสียงและความมั่นคงของวงศ์ตระกูลสำคัญที่สุดเสมอ นางรู้ว่าตอนนี้ถงเหยียนยังไม่ตระหนักในจุดนี้ แต่นางจะเข้าใจในไม่ช้าก็เร็ว ความน้อยเนื้อต่ำใจในเวลานี้นับเป็นอันใด? ภายภาคหน้ายามสกุลถงกับสกุลมู่หรงแบ่งใต้ฟ้า นางจะรู้ว่าความอยุติธรรมทั้งหลายที่ได้รับในวันนี้คุ้มค่าดวงหน้าไฉไลของฮองเฮาประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว ที่เจืออยู่ในดวงตาคือน้ำตาแห่งความน้อยใจ “เหตุใดต้องให้ข้าไปช่วยด้วยเจ้าคะ? ท่านสั่งคำเดียวก็ได้แล้วนี่ กลับต้องให้ข้าวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้”ถงไทเฮานวดศีรษะ รู้สึกว่าความอึดอัดสายหนึ่งพุ่งขึ้นสมอง นางอยากระเบิดอารมณ์ แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้าและเอ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 267

    นางนวดศีรษะ “อาไฉ่ ไปตามฮองเฮามา”นางกำนัลรับคำแล้วจึงออกไปผ่านไปครึ่งชั่วยาม ฮองเฮาจึงร้องห่มร้องไห้มาถึง พอเห็นถงไทเฮาก็ถลาเข้ามาคุกเข่ากับพื้น “อาหญิง ครั้งนี้ท่านต้องช่วยหลานนะเจ้าคะ”ถงไทเฮานั่งจ้องนางอยู่บนเก้าอี้ “เจ้าทำอะไรมาอีก? ทำจนฮ่องเต้กริ้วอย่างนั้น ขืนเจ้ายังไม่หยุดมือ ข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว” ฮองเฮาเอ่ยอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “หลานไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นนะเจ้าคะ วันนี้ตั้งใจสั่งให้คนทำอาหารรสเลิศ คิดจะสนทนากับฝ่าบาทดี ๆ ใครจะรู้ เขากลับจะไปหาหยวนผิน แล้วยังบอกว่าจะคืนตำแหน่งหยวนผิน หลานพูดไปแค่ไม่กี่คำ เขาถึงกลับบอกว่าจะเลื่อนตำแหน่งนางให้เป็นกุ้ยเฟยอีก นี่มิเท่ากับฉีกหน้าหลานชัด ๆ หรือเจ้าคะ”ถงไทเฮาถอนหายใจทีหนึ่ง สั่งให้คนประคองนางลุกขึ้นมาแล้วตักเตือนดี ๆ “เขาต้องรู้เรื่องเรื่องที่เจ้าปรักปรำหยวนผินครั้งก่อนแน่ เขาไม่ได้เอาผิดเจ้าก็แล้วไป ตอนนี้เขาต้องการเลื่อนตำแหน่งหยวนผิน เจ้าก็ให้เขาเลื่อนไปสิ จะขัดขวางเขาทำไม? อย่างไรเขาก็คือโอรสสวรรค์ มิอาจให้ผู้ใดท้าทายศักดิ์ศรีได้”“นางถือดีอย่างไร? นางไม่มีลูก บ้านมารดาก็ไม่ได้มีความดีความชอบอะไรพิเศษ แล้วเหตุใดบอกว่าจะเลื

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 266

    มู่หรงเจี้ยนก็ไม่มีโทสะ สีหน้างุนงงเล็กน้อย “เราคิดว่าฮองเฮาต้องตกลง”“ไม่ ไม่เด็ดขาดเพคะ ใครก็ได้หมด มีแต่นางที่ไม่ได้!” ฮองเฮาพูดอย่างตะบึงตะบอน นางคิดอย่างไร้เดียงสาว่าที่มู่หรงเจี้ยนต้องการให้นางรับปากเรื่องการแต่งตั้งหยวนผินเป็นหยวนกุ้ยเฟย เพราะเคารพความคิดเห็นของนางแต่... คำพูดต่อมากลับทำให้นางหน้าซีดเผือดฉับพลัน“ตามกฎมณเฑียรบาล การแต่งตั้งนางสนม จำเป็นต้องให้ฮองเฮาจัดการเรื่องพิธี หากฮองเฮาไม่เห็นด้วย เช่นนั้น เราก็ไม่มีทางอื่นแล้ว ได้แต่เปลี่ยนฮองเฮาเสีย”เขาพูดจบก็เดินจากไปอย่างสง่างามแบบกระทั่งไม่เหลียวแลนางสักสายตาความราบเรียบสง่างามเช่นนี้ ในสายตาของฮองเฮา คือความน่าชังถึงที่สุดนางสั่นเทาไปทั้งตัว หัวสมองว่างเปล่า คำพูดนี้ ต่อให้ตายนางก็ไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้เขาจะไม่โปรดปรานนางที่สุด แต่ความเคารพและสถานะที่ควรมีก็มอบให้นางเต็มที่เวลานี้ เพียงเพราะการคัดค้านคำเดียว เขาก็พูดเรื่องปลดฮองเฮาออกมาอย่างง่ายดายเช่นนี้แล้วนางโกรธ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่หวาดกลัว ไม่ตื่นตระหนก เพราะนางรู้ว่าการปลดฮองเฮาเป็นเพียงการพูดไปอย่างนั้น มีไทฮองไทเฮาและถงไทเฮาอ

無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status