แชร์

บทที่ 7  

ผู้เขียน: ลิ่วเยว่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-14 13:43:49
หลงฉางเทียนยังไม่ตอบคำถาม ทว่านางหานอนุภรรยาของหลงฉางอี้ชิงตอบไปก่อน “เรียกฮูหยินผู้เฒ่า มีราชโองการลงมาแล้วเจ้าค่ะ เพียงแต่ คุณหนูใหญ่ของพวกเราเป็นตายอย่างไรก็ไม่ยินยอมเจ้าค่ะ!”

ฮูหยินผู้เฒ่าเหลือบตาขึ้นเล็กน้อย “อ้อ? อย่างนั้นหรือ?” นางมองไปทางหลงจ่านเหยียน สายตาอันคมกริบเลื่อนไปบนใบหน้าของหลงฉางเทียนช้า ๆ “เช่นนั้นก็เป็นที่เจ้าจัดการไม่เรียบร้อยแล้ว แม้แต่ลูกสาวของเจ้าเองยังเกลี้ยกล่อมให้ทำตามไม่ได้ ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าเจ้าควบคุมสามเหล่าทัพในสนามรบได้อย่างไร”

ต้องเผชิญคำตำหนิของมารดาเช่นนี้แล้ว หลงฉางเทียนเอ่ยด้วยความหวาดกลัว “ความจริง มิใช่ว่าไม่ยินยอมขอรับ เมื่อครู่นางตอบรับยินยอมแล้วขอรับ!”

ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยอย่างราบเรียบ “ในเมื่อยินยอมแล้ว เช่นนั้นก็รีบย้ายที่พักให้นางเสีย อย่าให้คนในวังรู้สึกว่าจวนตระกูลหลงของเราใจดำอำมหิตไร้ความเมตตา!”

“ขอรับ!” หลงฉางเทียนเงยหน้ามองหลงจ่านเหยียนปราดหนึ่ง “ยังไม่รีบไสหัวกลับไปเก็บข้าวของอีกหรือ? ฮูหยินผู้เฒ่ามีบุญคุณ ให้เจ้าได้ย้ายไปที่พำนักใหม่ ถือว่าให้เกียรติเจ้าแล้ว!”

หลงจ่านเหยียนยืนขึ้นด้วยท่าทางหยิ่งยโส พลางเอ่ยอย่างเยือกเย็น “ขอบคุณ แต่อยู่ที่เรือนคนใช้ก็สบายใจดีอยู่แล้ว ข้าไม่ได้ยินยอมเข้าวัง!”

ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะออกมาเบา ๆ คล้ายกับได้ฟังเรื่องตลกโปกฮาเข้าอย่างไรอย่างนั้น ก่อนจะใช้สายตาแปลกประหลาดประเมินนางปราดหนึ่ง “แม่หนูเหยียนของพวกข้ามีได้ความแล้ว!”

ปลายเสียงของนางสิ้นสุดลง พร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที สายตาที่แฝงด้วยความเยือกเย็นต้องมองไปยังหลงฉางเทียน “เห็นได้ชัดว่าเจ้ายังทำงานไม่น่าเชื่อถือ นางไม่รู้ความ เจ้าก็ต้องไม่รู้ความด้วยหรือ? ประเดี๋ยวคนจากในวังจะมาถึงแล้ว หากเห็นท่าทีเช่นนี้ของนาง กลับวังไปจะทูลรายงานต่อไทเฮาว่าอย่างไร? เจ้าขอราชโองการให้นางเข้าวัง ถือว่ามีความตั้งใจดีแล้ว ถึงอย่างไรก็นำพาประโยชน์มาสู่จวนแม่ทัพของเรา ทว่าในเมื่อเจ้าทูลขอราชโองการ เจ้าก็ควรจะทำให้นางเข้าวังด้วยจิตใจยินดีอย่างแท้จริง อย่าให้เสียแรงที่ตระกูลหลงเราอุตส่าห์เลี้ยงดูนางมาตั้งสิบหกปี!”

“ขอรับ ขอรับ!” หลงฉางเทียนรับคำอย่างนอบน้อม

ฮูหยินผู้เฒ่าหลงรับคำในลำคอ ก่อนจะยกเปลือกตามองหลงจ่านเหยียน ก่อนจะเอ่ยอย่างเฉยเมย “แม่หนูเหยียน อาหารในจวนแม่ทัพมิได้ให้กินเปล่า ยายแก่อย่างข้าแม้จะเลี้ยงสุนัขสักตัว มันก็ต้องหยอกล้อให้ข้าอารมณ์ดี ต้องเดินส่ายหางมาหาข้าถึงจะได้รับกระดูกหนึ่งชิ้น และเจ้าในฐานะคุณหนูใหญ่แห่งจวนตระกูลหลง ได้เพลิดเพลินกับความรุ่งเรืองมั่งคั่งมานานสิบหกปี ก็ควรจะใคร่ครวญเพื่อตอบแทนอะไรให้ตระกูลนี้บ้าง มิเช่นนั้นแล้ว เจ้าคงมิสู้แม้กระทั่งสุนัขในเรือนข้า!”

หลงจ่านเหยียนผุดยิ้ม แต่มิเปล่งเสียงเอ่ยวาจา ความรุ่งเรืองมั่งคั่งตลอดสิบหกปีหรือ ฟังดูไพเราะอะไรเยี่ยงนี้นะ?

ฮูหยินผู้เฒ่าหลงเปลี่ยนคำพูดในพริบตา หันไปเอ่ยกับหลงฉางเทียนว่า “หากยังมีท่าทีแข็งกระด้างไม่เชื่อฟังคำสั่งสอน จงใช้ไม้แข็งเสีย เมื่อคืนได้ยินว่าใช้เข็มแทงสั่งสอนไปแล้ว แต่บัดนี้ท่าทียังเป็นเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าการลงโทษยังไม่หนักพอ อีกไม่นานคนในวังจะมากันแล้ว เจ้าจัดการตามที่เจ้าเห็นสมควรเถิด แต่เหลือชีวิตไว้ ให้หามเข้าวังได้ก็พอ!”

พูดจบ นางค่อยหยัดกายยืนขึ้นช้า ๆ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับบ่าวรับใช้ข้างกาย “กลับกันเถิด ก็แค่เรื่องเล็กน้อย ไม่คุ้มให้ข้าต้องลำบากถึงเพียงนี้เลย!”

“น้อมส่งท่านแม่ ท่านแม่กลับอย่างปลอดภัย!” ฮูหยินหลงรีบรุดเข้าไปประคองนางไว้ จากนั้นก็รับไม้เท้ามาจากมือของสาวใช้และส่งให้ถึงมือฮูหยินผู้เฒ่า

ฮูหยินผู้เฒ่าเหลือบสายตามองนางปราดหนึ่ง “เรือนนี้ มอบให้เจ้ารับผิดชอบบริหารจัดการแล้ว ควรจะวางตัวให้สมกับเป็นนายหญิงผู้ดูแลเรือนบ้าง ใจดีอ่อนโยน จะจัดการเรื่องสำคัญได้อย่างไร? เด็ดขาดกับบ่าวรับใช้อย่างไร ก็ควรเด็ดขาดกับบุตรหลานแบบนั้น สมควรชื่นชมก็ชื่นชม หากควรลงโทษก็อย่าได้ใจอ่อน เจ้าสงสารนางไปก็มิได้หมายความว่าคนอื่นจะมาสนใจคุณงามความดีของเจ้า ไม่ว่าเมื่อใด ก็มีคนที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีอยู่เสมอ!”

“เจ้าค่ะ ลูกสะใภ้เข้าใจแล้ว!” หลงฮูหยินก้มศีรษะพลางประคองนางไว้ สายตาสะท้อนรอยยิ้มเยือกเย็นออกมาวูบหนึ่ง ใจดีอ่อนโยนหรือ? ไม่เคย ไม่เคยมีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว!

“ช้าก่อนฮูหยินผู้เฒ่า!”

สุ้มเสียงไพเราะเสนาะหูของหลงจ่านเหยียนแฝงไว้ซึ่งความเยือกเย็น นางยืนอยู่ด้านหลังฮูหยินผู้เฒ่า สีหน้าอ้างว้างหนาวเหน็บ

ฮูหยินผู้เฒ่าหันหลังกลับมา มุมปากยกยิ้มดูแคลน “แม่หนูเหยียนมีเรื่องจะคุยกับย่าหรือ?”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 8  

    หลงจ่านเหยียนสบสายตาอันคมกริบของนาง “ฮูหยินผู้เฒ่าไหว้พระสวดมนต์มานานหลายปี ไม่ทราบว่าได้เรียนรู้อะไรมาจากพระพุทธองค์บ้าง? ความใจดำอำมหิตไร้ซึ่งความเมตตา? ความไร้น้ำใจไร้ความชอบธรรม? หรือความโหดเหี้ยมทารุณ? หรือว่า จะเป็นการส่งหลานสาวแท้ ๆ ของตนเองไปตายเพื่อแลกกับเกียรติยศและความมั่งคั่งมาสู่ตระกูล?” “หือ?” ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงยิ้ม “เจ้าคิดจะพูดอะไร? พูดออกมาให้หมดเถิด!” อ้อ? แบบนี้ก็ไม่โมโหหรือ ดูเหมือนที่ศึกษาคำสอนพระพุทธองค์มาจะมีประโยชน์อยู่หน่อย ๆ หลงฮูหยินตะโกนห้ามหลงจ่านเหยียนทันที “ไร้มารยาท รีบขอขมาท่านย่าซะ!” หลงจ่านเหยียนไม่สนใจหลงฮูหยิน เอ่ย “ข้ายอมตกปากรับคำว่าเข้าวังก็ได้ เพียงแต่ ฮูหยินผู้เฒ่าท่านต้องยอมรับเงื่อนไขหนึ่งข้อของข้าเสียก่อน!” ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะออกมาเบา ๆ ขนคิ้วที่ยาวและมีสีขาวเลิกขึ้นเล็กน้อย แฝงความโกรธกรุ่นไว้อย่างเลือนราง “เจ้ามีสิทธิ์จะมาตั้งเงื่อนไขต่อรองกับข้าอย่างนั้นหรือ?” “เช่นนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าก็สวดภาวนาอ้อนต่อเบื้องหน้าองค์พระพุทธไปเสียเถิด อธิษฐานให้ฝ่าบาทสวรรคตทันทีหลังข้าเข้าวังไปแล้วกัน มิเช่นนั้น ต่อให้ข้าได้เป็นฮองเฮาแม้เพียงวันเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-14
  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 9

    หมัวมัวถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ใช่เจ้าค่ะ” ทันใดนั้นก็ชะงักไป ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เพียงแต่ ท่าทางการแสดงออกของแม่หนูเหยียนวันนี้ชวนให้รู้สึกแปลกใจยิ่งนักเจ้าค่ะ เมื่อก่อนเห็นนางขี้ขลาดอ่อนแอนัก ยังคิดว่านางไม่มีอารมณ์โกรธเสียอีกเจ้าค่ะ!”“ต่อให้เป็นสุนัขสักตัว ถูกต้อนให้จนมุมแล้วยังรู้จักแว้งกัด!” ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มอย่างเย็นชา “ปล่อยให้นางทำตัววุ่นวายไปเถิด ถึงอย่างไรท้ายที่สุดก็มีเพียงจุดจบเดียวนั่นแหละ!” “เกรงก็แต่ ฮูหยินคงจะไม่ยอมปล่อยนางไปง่าย ๆ สิเจ้าคะ!” “เต๋อโหรวเป็นคนอย่างไร เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จริงหรือ? ให้คนไปเตือนนางไว้สักหน่อย อย่าทำให้เรื่องดูแย่ไปมากกว่านี้!” ฮูหยินผู้เฒ่ายืดเอวตรง ออกคำสั่งอย่างเยือกเย็น “เจ้าค่ะ!” หมัวมัวรับคำ ก็ประคองนางกลับไป ทว่าด้านหลัง กลับมีเสียงร้องเรียกของบ่าวรับใช้แว่วดังขึ้นมา “นางข้าหลวงขั้นสอง กูกูสอนมารยาทจากในวังมาถึงแล้วเจ้าค่ะ!”ฮูหยินผู้เฒ่าผุดยิ้มออกมาอย่างเย็นชา นางมิได้หันหลังกลับ ทว่ายืดเอวตรงก็สืบเท้าไปด้านหน้า ก่อนที่กูกูสอนมารยาทจะเข้ามาถึง หลงจ่านเหยียนก็กลับไปนอนเอกเขนกที่ห้องก่อนแล้ว ไม่ปล่อยให้หลงฮูหยินได้โอกาสกลั่น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-14
  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 10

    “เอี๊ยด” เสียงผลักประตูดังขึ้น หรูอี้นำทางทั้งสองเข้าไปนั่งในห้องโถงเล็ก ส่วนจี๋เสียงก็รีบสาวเท้าไปที่ห้องนอนปลุกหลงจ่านเหยียนด้วยความรวดเร็วครั้นหลงฮูหยินและกูกูสอนมารยาทนั่งลงแล้ว หรูอี้ก็ยกน้ำชามาให้ทันที สองคนทักทายกันตามมารยาทแล้วสามสี่ประโยค ก็เห็นจี๋เสียงเดินเข้ามาท่าทางกระอักกระอ่วน ก่อนจะกล่าวกับหลงฮูหยิน “ฮูหยินเจ้าคะ คุณหนูใหญ่หลับเป็นตายเลยเจ้าค่ะ ปลุกเท่าใดก็ไม่ยอมตื่น!”หลงฮูหยินหน้านิ่งอึ้ง “หลับเป็นตาย?”นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว? นางควรจะกลัวสุดขีดมิใช่หรือ? เหตุใดถึงยังหลับสนิทได้แบบนี้? หรือจะแกล้งหลับ? ด้วยนิสัยของนางเด็กชั้นต่ำคนนี้บางครั้งก็ดื้อรั้น ไม่ยอมให้ผู้ใดเห็นความอ่อนแอของนางได้ง่าย ๆนางอมยิ้มพลางหยัดกายขึ้นยืน “ข้าจะไปปลุกนางเอง!”หลงฮูหยินเยื้องกรายอย่างสง่าผ่าเผยเดินเข้าไป บนเตียง หลงจ่านเหยียนนอนคลุมโปงในผ้าห่ม เสียงหายใจแว่วดังออกมาจากด้านในผ้าห่มเป็นระยะ ผ้านวมขยับขึ้นลงเล็กน้อย คล้ายว่ากำลังนอนหลับอยู่จริง ๆนางนั่งลงข้างเตียงช้า ๆ ก่อนจะยื่นมือไปดึงผ้านวมออก ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเอ็นดู ขณะที่กำลังจะอ้าปาก ถ้อยคำที่เตรียมไว้พลันเปลี่ยนเป็นเสียงร้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-14
  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 11

    กูกูสอนมารยาทมองนางด้วยสายตาแปลกประหลาด “ฮองเฮาจะบรรทมช่วงกลางวัน เป็นบ่าวจะถืออะไรได้?”หลงฮูหยินไม่คิดว่ากูกูสอนมารยาทจะพูดจาเช่นนี้ จึงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ทำได้เพียงกล่าวว่า “เช่นนั้น เชิญกูกูออกไปดื่มน้ำชาข้างนอกก่อนเถิด!”กูกูสอนมารยาทเอ่ยขึ้น “ไม่จำเป็น ฮูหยินกลับไปเถิด บ่าวได้รับบัญชาจากไทเฮามาที่จวน ก็ต้องปรนนิบัติรับใช้ฮองเฮาจนกว่าฮองเฮาจะเสด็จเข้าวัง สองวันนี้ คงต้องรบกวนที่จวนเสียแล้ว!”“อย่าได้กล่าวว่ารบกวนเลย การมาของกูกู ทำให้จวนแม่ทัพรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ข้าเกรงว่าจะดูแลกูกูได้ไม่ดีพอ!” หลงฮูหยินรู้สึกโมโหจนกัดฟันกรอด คาดไม่ถึงว่ากูกูสอนมารยาทผู้นี้จะไม่ไว้หน้านางเลยแม้แต่น้อย“เชิญฮูหยิน!” กูกูสอนมารยาททำท่าผายมือเชิญนางออกไป ราวกับไม่ได้ยินคำพูดถ่อมตัวเหล่านั้นที่นางกล่าวมาสีหน้าของหลงฮูหยินพลันเปลี่ยนเป็นเขียวสลับขาวไปมา นางหัวเราะแห้ง ๆ เสียงหนึ่ง “เช่นนั้น ข้าขอตัวลาก่อน!” พูดจบ นางก็จ้องมองหลงจ่านเหยียนที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพาหญิงรับใช้ออกไปหลงจ่านเหยียนนอนหลับคราวนี้ ยาวจนถึงยามซวีจึงจะตื่นขึ้นมา นางนั่งกอดผ้าห่มอยู่บนเตียง หร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-14
  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 12

    หลงจ่านเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ มือหนึ่งถือชามข้าว อีกมือหนึ่งถือตะเกียบ มองไปยังหญิงสาวดุร้ายตรงหน้าด้วยความงุนงง สิ่งเดียวที่นางสามารถรักษาไว้ได้ก็มีเพียงชามข้าวใบนี้เท่านั้นหลงจ่านเหยียนจ้องมองไปที่หลงจ่านซิน เห็นเพียงรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นของหลงจ่านซินในชุดกระโปรงสีเขียวปักลายดอกทับทิม ใบหน้าขาวผ่องดุจไขมันแพะเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ก็ไม่อาจปกปิดความงามอันล้ำเลิศที่ติดตัวมาแต่กำเนิดได้ ในทางกลับกัน หลงจ่านเหยียนเองกลับมีใบหน้าซีดเซียว รูปร่างผอมบาง หากไม่รู้จักมาก่อนคงคิดว่านางเป็นผู้ลี้ภัยมาจากที่ไหนสักแห่งยิ่งไปกว่านั้น เสื้อผ้าที่นางสวมใส่กับเสื้อผ้าที่ตนเองสวมใส่ เนื้อผ้าช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว?หลงจ่านซินเห็นหลงจ่านเหยียนจ้องมองตนเองอย่างตกตะลึง แต่ไม่กล้าพูดอะไร ก็คิดว่านางคงกลัวแล้ว จึงรีบสาวเท้าเข้าไปหา ยกมือขึ้นหมายจะตบหน้าหลงจ่านเหยียนหรูอี้ที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้น ก็รีบเข้ามาขวางหน้าหลงจ่านเหยียนทันที ฝ่ามือที่หมายจะตบนั้นจึงลงมาที่ใบหน้าของหรูอี้ ใบหน้าของนางบวมขึ้นทันที รอยนิ้วมือทั้งห้าปรากฏชัดเจน แสดงให้เห็นว่าหลงจ่านซินออกแรงมากเพียงใด“ไสหัวไป นางบ่าว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-14
  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 13

    หยุดไปครู่หนึ่ง นางก็เหลือบมองหลงจ่านซินด้วยสายตาเย็นชาอีกครั้ง แล้วเอ่ยขึ้น “ถอดเสื้อคลุมตัวนอกของนางออก!”หลงจ่านซินได้สติกลับมา ก็เอ่ยด่าทอทันที “หลงจ่านเหยียน เจ้ามันคนชั้นต่ำ แผลหายแล้วก็ลืมเจ็บแล้วสินะ ถึงได้กล้ามาข่มเหงข้าแล้ว?”องครักษ์ทั้งสองคนเหลือบมองกูกูสอนมารยาท สีหน้าของกูกูสอนมารยาทดูไม่สู้ดีนัก หลงจ่านเหยียนผู้นี้ก็จริง ๆ ให้หน้าแล้วไม่รู้จักดี ให้ทางลงนาง นางก็ลงโทษหลงจ่านซินเพียงเล็กน้อยก็พอแล้ว กลับพูดจาโอหังจะตัดมือของนางบัดนี้ จวนแม่ทัพไม่ใช่ที่ที่ใครจะกล้าล่วงเกินได้ง่าย ๆ ไทเฮาเคยกำชับไว้แล้ว วันหน้าเมื่อรัชทายาทขึ้นครองราชย์ ยังต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากแม่ทัพหลง ดังนั้น ในฐานะข้ารับใช้ ก็ต้องช่วยเสริมบารมีให้เขาเช่นกันดังนั้น ตอนนี้นางจึงพูดกับองครักษ์ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ลากตัวลงไป ตบปากเสีย!” จากนั้น นางก็เหลือบมองเสื้อผ้าที่หลงจ่านซินสวมใส่อยู่ “ถอดเสื้อคลุมตัวนอกของนางออก มอบให้ฮองเฮา!” ทำเช่นนี้ ก็ไม่ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งองครักษ์รีบพาตัวหลงจ่านซินออกไปทันที หลงจ่านซินถูกลากตัวไป ก็ด่าทอตลอดทาง “ปล่อยข้า พวกเจ้าสองคนช่างบังอาจนัก! กล้าล่วงเกินผ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-14
  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 14

    หลงฮูหยิน เย่เต๋อโหรว ฟังหลงจ่านซินร้องไห้ฟ้อง ก็โกรธจนหน้าตาบิดเบี้ยว นางสะบัดแขนเสื้อ กวาดถ้วยกระเบื้องเคลือบสีเขียวขอบทองลายดอกไม้บนโต๊ะลงกับพื้น แล้วตะคอกว่า “หลงจ่านเหยียน เจ้าช่างบังอาจนัก!”หลงจ่านซินยื่นมือลูบแก้มที่แดงและบวมช้ำ ร้องไห้พลางกล่าวขึ้น “ท่านแม่ ท่านต้องช่วยลูกล้างแค้นให้ได้นะเจ้าคะ!”นางกระทืบเท้า แล้วกัดฟันกรอด เอ่ยขึ้นด้วยความโหดเหี้ยม “ข้าจะตัดมือตัดเท้าของนางแล้วป้อนให้สุนัขกิน!”เย่เต๋อโหรวมองใบหน้าของบุตรสาวที่เต็มไปด้วยรอยนิ้วมือ รู้สึกทั้งเจ็บปวดและโกรธแค้นอย่างบอกไม่ถูก นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ นั่งลงบนเก้าอี้ แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้น แล้วเอ่ยต่อหญิงรับใช้ที่ชื่อไฉ่หลี “เจ้าพาคุณหนูรองออกไปก่อน!”“ท่านแม่ ข้าไม่ไป ท่านรีบเรียกคนไปจับตัวนางสารเลวคนนั้นมาเดี๋ยวนี้! ความแค้นนี้ข้าต้องชำระให้ได้! หลงจ่านซินเอ่ยด้วยความโมโหสีหน้าของเย่เต๋อโหรวเคร่งขรึม ตะคอกเสียงดัง “เจ้าออกไปก่อน ข้ารู้ว่าควรทำอย่างไร อย่ามาส่งเสียงโวยวายที่นี่ ทำงานใหญ่ของข้าเสียหายหมด!”หลงจ่านซินเห็นมารดาโกรธ ก็เงียบปากทันที ได้แต่ยืนเช็ดน้ำตาอยู่ข้าง ๆ ด้วยความคับแค้นใจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-14
  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 15

    เย่เต๋อโหรวรีบคุกเข่าลง จับชายแขนเสื้อของเขาไว้ แล้วเอ่ยด้วยความเศร้าโศก “วันนั้น ข้าสัญญากับจิ่วเม่ยว่าจะดูแลบุตรสาวของนางเป็นอย่างดี จ่านเหยียนในวันนี้กลายเป็นเช่นนี้ ข้าก็มีส่วนรับผิดชอบอย่างไม่อาจปฏิเสธ หากท่านแม่ทัพต้องการจะสั่งสอนนาง มิสู้ข้าไปเองเสียจะดีกว่า อย่างน้อยหากคนจากวังหลวงมาเอาผิด ก็จะได้อ้างว่าเป็นความคิดของข้าเพียงผู้เดียว จะได้ไม่พาดพิงถึงท่านแม่ทัพ!”หลงฉางเทียนถอนหายใจ ยื่นมือไปพยุงเย่เต๋อโหรวขึ้น “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จักเจ้าหรือ? เจ้าบอกว่าจะไปสั่งสอนนาง ก็คงแค่พูดดุนางสองสามประโยค เจ้านี่นะ ใจอ่อนเกินไป สุดท้ายก็ต้องเสียเปรียบ!”“เสียเปรียบสักหน่อยจะเป็นไรไป? อีกอย่าง นางเป็นคนรักศักดิ์ศรี ดุนางสองสามประโยคก็หนักหนาแล้ว อีกไม่นานก็ต้องเข้าวัง มีเรื่องน้อยลงไปอีกเรื่องคงจะดีเสียกว่า!”เย่เต๋อโหรวพูดจบ ก็หันไปกำชับไฉ่หลี “ท่านแม่ทัพดื่มเหล้ามา ยังไม่รีบไปดูแลให้ท่านแม่ทัพเข้าไปพักผ่อนอีก?”หลงฉางเทียนได้ยินดังนั้น ความโกรธบนใบหน้าก็หายวับไปในทันที มุมปากแฝงไปด้วยรอยยิ้มคลุมเครือมองไปที่ไฉ่หลีไฉ่หลีหน้าแดงก่ำ ทำท่าเขินอายก่อนจะตอบรับ “เจ้าค่ะ ฮูหยิน!”หลงจ่าน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-14

บทล่าสุด

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 40

    สีหน้าของฮ่องเต้แปรเปลี่ยนในฉับพลันทันใด “มีคำอธิบายเพียงแค่นี้?”หลงจ่านเหยียนพยายามอธิบายอย่างเต็มที่ “ยังมีอีกคำกล่าวหนึ่ง ฝ่าบาทเคยเห็นหนอนจิ้นฉานเพคะ? หนอนจิ้นฉานคือหนอนพิษที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในใต้หล้านี้ หากใช้ขวดใบหนึ่งใส่สิ่งมีชีวิตที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลกนี้ ทั้งหนอนพิษ ตะขาบพิษ รวมถึงพิษทั้งหลายที่ผ่าบาททรงนึกถึง ล้วนไม่มีพิษไหนที่ร้ายแรงได้ถึงหนึ่งในหมื่นของหนอนจิ้นฉานเลย หากในแคว้นแคว้นหนึ่ง มีหนอนพิษบรรจุอยู่มากมายเช่นนี้ ผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร มิต้องให้หม่อมฉันพูด ฝ่าบาทก็น่าจะนึกออกนะเพคะ!”ฮ่องเต้ร่างกายซวนเซไปเล็กน้อย ความผิดหวังแผ่ซ่านอยู่เต็มดวงหน้าขาวซีดเขารู้ดีว่าสิ่งที่หลงจ่านเหยียนพูดออกมาทั้งหมดนั้นล้วนเป็นความจริง หนอนที่มีพิษร้ายเหล่านั้นก็คือตระกูลถง พวกเขาค่อย ๆ กลืนกินแคว้นต้าโจวทีละน้อย กระทั่งผลัดเปลี่ยนราชวงศ์ เปลี่ยนเจ้าของแผ่นดินรัชทายาทคือหุ่นเชิดของพวกเขา แม้ว่าองค์รัชทายาทจะมีความสามารถอยู่บ้าง ทว่าท้ายที่สุดแล้วก็ไร้ซึ่งโอกาสก้าวหน้า วันข้างหน้าหลังจากได้ดูแลราชกิจด้วยตนเองแล้ว คงเลี่ยงที่จะไม่พึ่งพาตระกูลถงไม่ได้ วันเวลาที่ตระกูลถงจะควบคุ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 39

    หลงจ่านเหยียนหัวเราะ “ฝ่าบาท เรื่องราวบนโลกใบนี้นั้นมีเหตุจึงมีผล วันนี้ตระกูลถงครองตนเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียว ล้วนเป็นพระองค์ที่ทำขึ้นมาด้วยมือของพระองค์เอง ตระกูลถงเป็นนายของแคว้นต้าโจวไปกว่าครึ่งแล้ว ต่อให้ยามนี้ปลดรัชทายาท แล้วจะมีประโยชน์อันใดเพคะ?” อีกอย่าง ตระกูลถงจะยอมให้เขาปลดรัชทายาทลงง่าย ๆ ได้อย่างไร?จากข่าวที่นางรู้มา ฮองเฮาที่ฮ่องเต้ไว้พระทัยเป็นอย่างยิ่งก็คือถงกุ้ยเฟยในยามนี้ นางให้กำเนิดพระโอรสและพระธิดาอย่างละหนึ่งพระองค์ พระโอรสถูกแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาท ส่วนพระธิดาทรงได้รับการพระราชทานให้เป็นองค์หญิงเจิ้นกั๋วอาหญิงของถงกุ้ยเฟยก็คือองค์ไทเฮาองค์ปัจจุบัน เป็นพระมารดาแท้ ๆ ของฮ่องเต้ ถงไท่ซือประจำราชสำนักคือบิดาของถงกุ้ยเฟย พี่ชายน้องชายหลายคนของถงกุ้ยเฟยเองก็ดำรงตำแหน่งสำคัญอยู่ในราชสำนัก เพียงแค่มีสายสัมพันธ์ทางเครือญาติกับตระกูลถง ทุกคนล้วนได้รับการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งขึ้นมา กระทั่งหมูหมาหรือสัตว์เลี้ยงของตระกูลถงล้วนน่าเกรงขามกว่าคนที่อยู่ข้าง ๆ นี้เสียอีกแม้ว่าฮ่องเต้จะมิใช่คนโง่เขลา ทว่าก็ถูกหลอกลวงมาตลอด หลงเข้าใจว่าตระกูลถงนั้นจงรักภักดีต่อชาติบ้านเมื

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 38

    “เจ้าอายุเท่าใด?” ฮ่องเต้มองนางด้วยสายตาเย็นเยียบ ส่งเสียงฮึดฮัดออกทางจมูกดูแคลนคำพูดของนางหลงจ่านเหยียนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “นับตั้งแต่ที่หม่อมฉันผู้สูงวัยมีอายุได้สามร้อยห้าสิบปี ก็มิจดจำอายุของตนเองแล้วเพคะ ด้วยกลัวมันทำให้รู้สึกสลดใจ”“เจ้าคงรู้ว่าโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงมีจุดจบเช่นไรใช่ไหม?” ฮ่องเต้หรี่ตาจับจ้องนาง ความเดือดดาลบ้าคลั่งแผ่ซ่านอยู่ในดวงตาของเขาหลงจ่านเหยียนทอดถอนใจด้วยความปลงอนิจจัง มนุษย์ล้วนไม่ชอบฟังความจริงมาแต่ไหนแต่ไร กระทั่งฮ่องเต้ก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน อีกอย่าง หากเขาเชื่อว่าหญิงสาวที่มองดูแล้วมีอายุเพียงสิบหกปีซึ่งอยู่ตรงหน้านี้มีอายุมากกว่าเขา ก็ถือว่าเป็นการทำให้เขาขายหน้าอย่างแท้จริงแล้วนางทำได้เพียงเตือนสติเขาเท่านั้น “ฝ่าบาท หากหม่อมฉันผู้สูงวัยทำให้เพราะองค์ฟื้นขึ้นมาได้ แน่นอนว่าสามารถให้พระองค์หลับใหลไม่ฟื้นตื่นชั่วกาลได้เช่นกัน ฝ่าบาททรงเอาแต่จับผิดเรื่องอายุของหม่อมฉันผู้สูงวัยเช่นนี้ เกรงว่าอาจเป็นการเนรคุณต่อเจตนาดีที่หม่อมฉันผู้สูงวัยทำให้พระองค์ฟื้นคืนสตินะเพคะ” เขาเอาแต่จับจ้องนางไม่ยอมพูดจาใด ๆ อีกครั้งหลงจ่านเหยียนทำได้เพียงมองเขา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 37

    นางตกตะลึงพรึงเพริด คิดอยากพุ่งเข้าไปดูให้เห็นกับตา ทว่าทันใดนั้นนางพลันรู้สึกว่าแสงสว่างสีเหลืองกลางท้องนภากำลังเลื่อนลอยลงมาปกคลุมเป็นวง แสงสว่างนั้นมัดมือมัดเท้าของนางไว้ราวกับเชือก แขนขาทั้งสี่ของนางพลันไร้ความรู้สึก สติก็เริ่มพร่าเลือน เงาเลือนรางแลคร่ำคร่าปรากฏขึ้นด้านหน้า เกิดเสียงดังหึ่ง ๆ อยู่ในหู นางยกมือขึ้นมือปิดใบหูทั้งสองข้างตามสัญชาตญาณ แต่ปิดกั้นได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แล้วทันใดนั้นภาพเบื้องหน้าพลันดำมืดไป...หลงจ่านเหยียนพอใจยิ่งที่เห็นจิ้นหรูกูกูกับนางกำนัลทั้งหลายล้มพับไปบนพื้น นางคืออวตารแห่งความรักแลความงาม ไม่เป็นฝ่ายทำร้ายผู้ใดก่อน ดังนั้น พวกจิ้นหรูกูกูจึงได้แต่หลับฝันดีเท่านั้นหลงจ่านเหยียนค่อย ๆ นั่งลงข้างกายฮ่องเต้ สำรวจใบหน้าของเขาที่ป่วยไข้จนไร้ทางเยียวยา เวลาชีวิตของเขาเหลือไม่มากแล้วจริง รอยยับย่นบริเวณหางตามีรอเขียวคล้ำจาง ๆ นางประคองมือของเขาขึ้นมา เส้นชีวิตกลางฝ่ามือของเขาดำเนินมาถึงปลายทางแล้วบงกชดอกหนึ่งผุดออกมาจากหว่างคิ้วของหลงจ่านเหยียน มันค่อย ๆ ประทับลงบนหัวใจของฮ่องเต้แคว้นต้าโจวคนบนเตียงผู้นั้นขยับคิ้วเล็กน้อย แล้วลืมตาโพลงขึ้นมาในฉับพ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 36

    สตรีวัยกลางคนผู้นั้นปล่อยพระหัตถ์ของฮ่องเต้ แล้วเดินเข้ามายอบกาย “บ่าวจิ้นหรู เป็นนางข้าหลวงที่ดูแลตำหนักเฉียนคุน ถวายบังคมฮองเฮาเพคะ!”ดวงตาของหลงจ่านเหยียนมองไปยังคนที่อยู่บนเตียง ดวงหน้าเหี่ยวย่น ดวงตาดำคล้ำ ริมฝีปากขาวสีไร้สี ปากลอกเป็นแผ่น ที่มุมปากเปรอะฟองน้ำลายเล็กน้อย หลงเหลือเพียงแค่โครงคิ้วและตาเท่านั้นที่ยังพอมองเห็นถึงความสง่างามในวันวานคนผู้นี้คงจะเป็นฮ่องเต้เฒ่าผู้นั้นกระมัง? หลงจ่านเหยียนคิดในใจ แม้จากอายุของนางแล้วการที่จะเรียกคนผู้หนึ่งว่าฮ่องเต้ผู้เฒ่านั้น ก็ดูจะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรนักนางเองก็หน้าแดงเล็กน้อย ทว่า สตรีตระกูลหลงพอมีอายุตั้งแต่ยี่สิบห้าปีขึ้นไป ใบหน้าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ดังนั้นนางจึงหลอกตนเองและผู้อื่นว่าปีนี้ตนเองมีอายุสิบหกปีกูกูผู้ดูแลที่ชื่อจิ้นหรูผู้นั้นกล่าว “ฮองเฮาทรงอย่างกลัวไปเพคะ ฝ่าบาทเพียงแค่หลับไปเท่านั้น คืนนี้ฮองเฮาทรงประทับอยู่ข้างพระวรกายของฝ่าบาทเถิดเพคะ!”หลงจ่านเหยียนอืม “พวกเจ้าออกไปเถิด!”นัยน์ตาของจิ้นหรูเปี่ยมล้นไปด้วยความสงสาร นางกล่าวว่า “ฮองเฮา ตามธรรมเนียนมแล้ว บ่าวจะต้องอยู่ปรนนิบัติอยู่ที่นี่เพคะ!”นางมองไปร

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 35

    กัวกูกูลังเลอยู่ชั่วครู่แล้วจึงกล่าวว่า “บ่าวจะไปกราบทูลฉีอ๋องให้เพคะ!”จ่านเหยียนปลดม่านลง มิพูดอันใดอีกกัวกูกูก้าวฉับ ๆ ไปหาฉีอ๋องที่ควบม้าอยู่ด้านหน้า บอกกล่าวความประสงค์ของหลงจ่านเหยียน ฉีอ๋องขมวดคิ้ว “ไม่มีสาวใช้ติดตามไปด้วยเช่นนี้นับว่าไม่ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ แม้จะกล่าวว่ายามนี้ก็ไม่ได้มีอะไรตามกฎเกณฑ์นัก แต่อันใดที่ทำได้ก็ทำเถิด!”พูดจบ เขาก็เรียกองครักษ์ที่อยู่ใกล้ ๆ มาหาแล้วสั่งให้เขารีบกลับไปที่จวนตระกูลหลงรับตัวจี๋เสียงกับหรูเข้าวังและสิ่งที่จ่านเหยียนคิดไว้ก็เป็นจริง หลังจากนางออกจากจวนมาแล้ว เย่เต๋อโหรวก็เอาไฟโทสะและความอัปยศทั้งปวงไปลงกับจี๋เสียและหรูอี้ เพียงเพราะว่าจี๋เสียงกับหรูอี้ขัดความตั้งใจของนางในวันนั้นถ้าองครักษ์ของฉีอ๋องกลับไปได้ทันเวลา ชีวิตของพวกนางทั้งสองคงต้องทนทรมานอยู่ในเงื้อมมือของหลงฮูหยินเป็นแน่เกี้ยวหงส์ของจ่านเหยียนหยุดอยู่ด้านหน้าประตูหลักของวังหลวงประตูหลัก ซึ่งถูกเรียกในอีกชื่อว่าประตูเที่ยงวัน เป็นประตูใหญ่ที่เหล่าองค์ชายแลขุนนางต้องผ่านเพื่อประชุมขุนนางยามเช้าทุกวัน เหล่าขุนนางจักต้องเข้าแถวแยกกันเป็นแถวขุนนางฝ่ายบู๊และขุนนางฝ่ายบุ๋นสอง

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 34

    พูดจบ ก็เอื้อมมือออกไปประคองให้เย่เต๋อโหรวลุกขึ้น เย่เต๋อโหรวตามกัวกูกูมาถึงด้านหน้าเกี้ยวของหลงจ่านเหยียน แล้วก้มหน้ารอหลงจ่านเหยียนยื่นมือขาวนวลออกมารั้งมือของเย่เต๋อโหรวไว้ ผ้าคลุมหน้าสีแดงราวกับม่านหมอกที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดปรกลงมา ทำให้เย่เต๋อโหรวถึงกับตื่นตระหนกขึ้นมาในฉับพลันทันใด จนต้องก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัวหลงจ่านเหยียนยิ้มขึ้นมาจาง ๆ “ท่านแม่ไม่ต้องกลัวเจ้าค่ะ ลูกจะกลับมาเยี่ยมท่านแน่เจ้าค่ะ มาแน่นอน!”นางพูดสามพยางค์สุดท้ายออกมาเบาหวิวราวกับขนนอกที่ปัดผ่านใบหูของเย่เต๋อโหรวอย่างไรอย่างนั้น เย่เต๋อโหรวรู้สึกราวกับว่าเลือดในตัวนางจับตัวแข็งไปทั้งกาย จนกายสั่นเทิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงได้รู้สึกว่าคำพูดนี้ของหลงจ่านเหยียนจะกลายเป็นจริงในที่สุดม่านปักลายหงส์สีทองหล่นลงมา บดบังเงาร่างสีแดงนั้นขันทีฝ่ายพิธีการตะโกนเสียงสูง “ขึ้นเกี้ยว!”เกี้ยวหงส์ถูกคนสิบหกคนยกขึ้น เดินออกไปจากหอเฟิ่งอี๋ตามหลังเสียงดนตรีรื่นเริงและเสียงประทัด จากนั้นขันทีฝ่ายพิธีการถึงได้เชิญให้คนของจวนตระกูลหลงลุกขึ้นฮูหยินผู้เฒ่าโมโหจนสั่นไปทั้งตัว แล้วกระอักเลือด

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 33

    หมัวมัวที่อยู่ข้าง ๆ เกลี้ยกล่อม “จะอย่างไรนางก็เหมือนคนที่ตายไปแล้วกึ่งหนึ่ง คุณหนูอย่าไปคิดเล็กคิดน้อยกับนางเลย เลือกรักษาชื่อเสียงและหน้าตาของจวนตระกูลหลงไว้เป็นสำคัญดีกว่านะเจ้าคะ!”คนพูดนี้ทำให้ในของนางสงบลงไปได้มาก นางครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วกล่าว “ใช้เกี้ยวหามข้าออกไป!”แม้ว่าจะโกรธจนยากที่จะสงบใจได้ ทว่านางก็เข้าใจว่าต้องเห็นแก่ส่วนรวมเป็นหลักคนทั้งกลุ่มเดินมาอยู่หน้าประตูหอเฟิ่งอี๋ นางลงจากเกี้ยว โดยมีสาวใช้ประคองไปทำความเคารพฉีอ๋อง“คารวะท่านอ๋อง!”ฉีอ๋องยื่นมือออกไปประคองเบา ๆ “ฮูหยินผู้เฒ่ามากพิธีแล้ว วันนี้เป็นวันมงคลของจวนตระกูลหลง ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ควรพลาดถึงจะถูก!”ความหมายก็คือ นางทำตัวหยิ่งทะนงจนทำให้เรื่องราวเข้าสู่สถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้ ทำให้ล่าช้าไปหลายชั่วยามฮูหยินผู้เฒ่าสีหน้าไม่ดีนัก “แม้ว่าหม่อมฉันจะมาช้าไป แต่สุดท้ายก็มาแล้ว เรียนเชิญเสนาบดีโจวเชิญฮองเฮาขึ้นเกี้ยวหงส์เถิดเพคะ!”เสนาบดีโจวสั่งขันทีฝ่ายพิธีการ ขันทีฝ่ายพิธีการจึงยืนตะโกนอยู่ด้านหน้าหอเฟิ่งอี๋ “ทูลเชิญฮองเฮาเสด็จขึ้นเกี้ยวพ่ะย่ะค่ะ!” เสียงดนตรีสนุกสนานดังขึ้นตามเสียงประทัด สี่เหนียงแบกหล

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 32

    เย่เต๋อโหรวเองก็หวั่นใจ หันหน้าไปสั่งจวีชุน “ไปเชิญท่านแม่ทัพมา!”ขณะที่จวีชุนกำลังจะไป ก็เห็นหลงฉางเทียนเดินนำคนสองสามคนเข้ามา ครั้นเขาเห็นเย่เต๋อโหรวยังยืนอยู่ที่เดิม จึงอดขมวดคิ้วแล้วกล่าวอย่างโมโหเล็กน้อย “ไยยังยืนนิ่งอยู่อีก?”เย่เต๋อโหรวกระซิบบอก “ดื่มยาไปแล้ว แต่คนยังไม่หลับ!”หลงฉางเทียนกล่าวอย่างประหลาดใจ “นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร? ดื่มเข้าไปนานเท่าไรแล้ว?”“ได้ครู่ใหญ่แล้วเจ้าค่ะ ตามหลักก็น่าจะสลบไปแล้ว!” เย่เต๋อโหรวกล่าวหลงฉางเทียนกล่าวพลางขมวดคิ้วมุ่น “ฉีอ๋องมีนิสัยใจร้อน ตอนนี้ก็เร่งรัดมาแล้ว!”“บอกไปว่ายังแต่งตัวอยู่ หรือไม่เจ้าคะ?”หลงฉางเทียนเงียบไปครู่หนึ่ง “รออีกหน่อย!”เป็นเช่นนี้อยู่อีกครึ่งชั่วยาม ฉีอ๋องเริ่มมีโทสะอยู่ที่โถงฝั่งหน้าแล้ว หลงฉางอี้พยายามปลอบประโลมแต่ก็ไม่เป็นผล ฉีอ๋องจึงพาเสนาบดีโจวพร้อมกับเหล่ากลุ่มองครักษ์ที่มารับเกี้ยวเจ้าสาวตรงบุกเข้าหอเฟิ่งอี๋หลงฉางเทียนเห็นฉีอ๋องขมวดคิ้วด้วยความโมโห ในใจพลันเกิดความหวาดกลัว รีบเข้าไปรับหน้าพร้อมกล่าว “ทำให้ท่านอ๋องต้องรอนานแล้ว ถือเป็นความผิดของกระหม่อมเอง!”“เกิดเรื่องอันใดขึ้น? ยามนี้มันยามใดแล้ว?

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status