Share

บทที่ 5  

Author: ลิ่วเยว่
ทุกคนในที่แห่งนั้นล้วนเข้าใจ ทุกคนต่างนิ่งเงียบไม่ส่งเสียง ที่เงียบไป ย่อมมิใช่กำลังรู้สึกโศกเศร้าสงสารหลงจ่านเหยียน แต่แค่กำลังคิดถึงการเปลี่ยนแปลงรัชสมัยเปลี่ยนแปลงขุนนาง ไม่รู้ว่าหลังฝ่าบาทสวรรคตและฮ่องเต้พระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์แล้วจะเกิดผลกระทบอะไรขึ้นกับตระกูลหลงบ้าง

นางเฉินฮูหยินของหลงฉางอี้ถามขึ้นด้วยความวิตกกังวล “ตอนนี้นางเด็กคนนั้นยอมเห็นด้วยแล้วหรือยังเจ้าคะ? ถึงยามนั้นเกิดร้องไห้โวยวายขึ้นมาจะทำอย่างไร?”

หลงฉางเทียนเอ่ยอย่างเย็นชา “นางจะตอบว่าไม่ยอมได้อย่างนั้นหรือ? ถึงยามนั้นแค่กรอกยานอนหลับแล้วส่งตัวเข้าวังไปก็สิ้นเรื่อง พอเข้าวังแล้ว ก็มีคนมาจัดการนางเอง!”

“พูดมาก็จริงเจ้าค่ะ!” นางเฉินผุดยิ้ม “คนในวังหลวง ฝีมือร้ายกาจ ถึงยามนั้นหากนางกล้าอาละวาดโวยวาย คงถูกทรมานสาหัสไม่ใช่เล่น!”

ทุกคนต่างยิ้มออกมา อนุภรรยาของหลงฉางอี้เอ่ยขึ้นพลางกลัวหัวเราะ “เพราะนางหาเรื่องเจ็บตัวเอง ใครใช้ให้นางดื้อรั้นเล่า?”

หลงจ่านเหยียนยืนฟังอยู่หน้าประตูได้ครู่หนึ่งแล้ว จากนั้นก็มีสาวใช้ที่สายตาเฉียบแหลมคนหนึ่งมองเห็นนาง จึงตะโกนว่า “คุณหนูใหญ่มาแล้วหรือเจ้าคะ?”

หลงจ่านเหยียนเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า คนในห้องโถงต่างพากันเงยหน้าขึ้นมองนาง สายตาของทุกคนล้วนเฉยเมยเป็นที่สุด ไม่มีผู้ใดรู้สึกว่าสิ่งที่พูดเขาพูดคุยกันอย่างเย็นชาเมื่อครู่ คือความเป็นความตายของดรุณีตรงหน้า กลับรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยธรรมดาสามัญเรื่องหนึ่งมากกว่า

หลงฉางเทียนชำเลืองมองนางปราดหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าไม่อยู่ในห้อง จะออกมาทำอะไร?”

หลงจ่านเหยียนเหลือบสายตามองหลงฉางเทียน เอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ “โบราณกล่าวไว้ เสือร้ายยังไม่กินลูก ในฐานะบิดา ท่านแม่ทัพไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือ?”

หลงฉางเทียนมองนางด้วยความไม่พอใจ กรุ่นโกรธที่นางกล้าท้าทายอำนาจของตนเองอย่างเปิดเผยไม่ยำเกรง เขาเอ่ยด้วยเสียงเย็นเยียบ “สามหาว ในฐานะลูกสาว เจ้าทำประโยชน์อะไรให้กับตระกูลนี้บ้าง? เจ้าอยากจะให้ตระกูลหลงทั้งเจ็ดสิบสองชีวิตต้องจบลงบนแท่นประหารเพียงเพราะว่าเจ้าขัดขืนต่อราชโองการอย่างนั้นหรือ?”

“พวกท่านล้วนกลัวตาย แต่กลับให้ข้าไปตาย แบบนี้มันตรรกะอะไร? อีกอย่าง ต่อให้พวกท่านจะถูกราชวงศ์ตัดหัวจริง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า? ที่ข้าต้องเข้าวังไปสังเวยชีวิต มิใช่ความมุ่งมาดปรารถนาของท่านเองหรอกหรือ? เอาชีวิตข้าไปแลกกับเกียรติยศความรุ่งเรืองของตระกูลหลง ก็ต้องและด้วยอะไรบ้างสิ!”

หลงจ่านเหยียนพูดจบ ก็กวาดสายตามองทุกคนในห้องโถงนั้นด้วยสายตาเยือกเย็นดุดัน ก่อนจะเดินตรงไปนั่งบนเก้าอี้ไท่ซือ

ทุกคนในที่แห่งนั้นต่างพากันอึ้งไปชั่วขณะ เมื่อก่อนหลงจ่านเหยียนอ่อนแอขี้ขลาด มิต้องพูดถึงเรื่องโต้เถียงผู้ใหญ่ แม้แต่โดนตบหน้า ยังไม่กล้าหลบเสียด้วยซ้ำ เมื่อวานในขณะที่กำลังหารือกัน แค่นางเอ่ยว่าไม่ยินยอมออกมาประโยคเดียวนั่นก็อยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของทุกคนแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้ นางกลับกล้ามากถึงขั้นเอ่ยคำพูดที่พวกเขาต่างมองว่าผิดบาปมหันต์เช่นนี้

ที่สำคัญที่สุด นางยังกล้าเดินมานั่งตรงตำแหน่งหลักกลางห้องโถง ต่อหน้าผู้คนจำนวนมากเพียงนี้!

หลงฉางเทียนบันดาลโทสะในทันที ตะคอกด้วยเสียงโหดเหี้ยมว่า “เจ้าพูดบ้าอะไร? ลงมาซะ ที่ตรงนั้นใช่ตำแหน่งที่เจ้าจะนั่งได้หรือ? ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”

หลงจ่านเหยียนหรี่ตา ยกยิ้มเย็นชาขึ้นมาตรงมุมปาก ก่อนจะเอ่ยว่า “ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ดีนี่ ไทเฮามีราชเสาวนีย์แต่งตั้งให้ข้าขึ้นเป็นฮองเฮาแล้ว เหนือหัวขุนนางแยกแยะชัดเจน ท่านแม่ทัพไม่ทำความเคารพข้ากลับบันดาลโทสะขึ้นเสียงใส่ฮองเฮาองค์ปัจจุบัน ขอถามท่านแม่ทัพสักคำ ตามกฎหมายต้าโจว ควรจะลงโทษเยี่ยงไรหรือ?”

หลงฉางเทียนไม่โกรธแต่กลับหัวเราะ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นน่าขนลุก “ดี เจ้ารู้จักพูดเช่นนี้คือดีที่สุด ข้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาอีก ประเดี๋ยวกูกูสอนมารยาทในวังหลวงก็จะมาแล้ว นางเป็นคนสนิทของไทเฮา เจ้าจงจำคำที่เจ้าเพิ่งพูดไปเมื่อครู่นี้ให้ดี หากพลาดไปแม้เพียงเสี้ยวประโยค เจ้าได้เห็นดีแน่!”

หลงฮูหยินเดินขึ้นไปช่วยเกลี้ยกล่อม นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงยอมรับโทษผิดว่า “ท่านพี่โปรดระงับโทสะ อย่าโทษนางเลยเจ้าค่ะ ต้องโทษที่ปกติข้าอบรมสั่งสอนนางไม่ดี จนนางไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง กิริยาวาจากลับหัวกลับหางไปหมด!”

แม้จะดูคล้ายว่าฮูหยินหลงกำลังพูดเข้าข้างหลงจ่านเหยียน ทว่าทุกคำทุกประโยค เป็นเหมือนเข็มพิษที่พุ่งเป้ามายังหลงจ่านเหยียนทั้งสิ้น ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง กิริยาวาจากลับหัวกลับหาง สำหรับดรุณีที่ยังไม่ออกเรือนคนหนึ่งแล้ว นี่นับว่าเป็นความผิดที่ใหญ่หลวงขนาดไหน?

หลงจ่านเหยียนหัวเราะออกมาเบา ๆ พลางเลิกคิ้ว บนดวงหน้าสีซีดขาวกลับมีเสน่ห์อันที่สิ้นสุด ทว่าคิ้วและแววตาอาจจะดูดุดันโหดเหี้ยมไปสักหน่อย “หากฮูหยินจะขอขมา เหตุใดจึงไม่ไปขอขมาหน้าหลุมศพของท่านแม่ข้าเองเล่า?”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 6  

    ใบหน้าของหลงฮูหยินพลันเปลี่ยนไป ทันใดนั้นก็เงยหน้าจ้องนางตาเขม็ง นางยังมิทันเอ่ยวาจา หลงฉางเทียนก็เอ่ยด้วยเสียงเหี้ยมโหด “มารดาเจ้ามีอะไรต้องไปขอขมา? นางลำบากตรากตรำเลี้ยงดูเจ้าจนเติบใหญ่ แต่เจ้ากลับทำเช่นนี้กับนาง? คนเนรคุณไม่รู้ผิดชอบชั่วดี!” “พวกท่านคืองูพิษ เหตุใดข้าจะเป็นคนเนรคุณไม่ได้?” หลงจ่านเหยียนยิ้มอย่างเยือกเย็น ยิ้มมุมปากขึ้นอย่างเสียดสี สายตากวาดมองผู้คนโดยรอบ ทุกคนในที่แห่งนี้ล้วนแต่รังเกียจนางไปจนถึงเหยียดหยามดูถูกนางอย่างถึงที่สุด แม้กระทั่งอนุภรรยาของหลงฉางอี้ก็ยังมองนางด้วยสายตาดูแคลนอย่างถึงที่สุดเช่นกัน หลงจ่านเหยียนถอนหายใจในใจ ร้ายดีอย่างไรก็เป็นคุณหนูใหญ่ของจวนแม่ทัพ ผู้อาวุโสรายล้อม ก็ควรจะได้รับความรักความเอ็นดูอย่างถึงที่สุด เมื่อก่อนเจ้ามีชีวิตอย่างไรกันแน่เนี่ย? เกรงว่าคงไม่อาจเทียบได้แม้แต่บ่าวรับใช้สักคนเลยกระมัง? นางเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ “ทว่า แม้ไทเฮาจะมีราชเสาวนีย์ แต่ข้าไม่รับราชเสาวนีย์ ข้าไม่…แต่ง!” ทุกคนในห้องโถงผงะไปเพราะประโยคนี้ของนาง สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปในทันที หลงฉางอี้เดินขึ้นมาด้วยความโมโหก่อนจะชี้หน้าพลางตะคอกใส่หลงจ่านเหยียน “

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 7  

    หลงฉางเทียนยังไม่ตอบคำถาม ทว่านางหานอนุภรรยาของหลงฉางอี้ชิงตอบไปก่อน “เรียกฮูหยินผู้เฒ่า มีราชโองการลงมาแล้วเจ้าค่ะ เพียงแต่ คุณหนูใหญ่ของพวกเราเป็นตายอย่างไรก็ไม่ยินยอมเจ้าค่ะ!” ฮูหยินผู้เฒ่าเหลือบตาขึ้นเล็กน้อย “อ้อ? อย่างนั้นหรือ?” นางมองไปทางหลงจ่านเหยียน สายตาอันคมกริบเลื่อนไปบนใบหน้าของหลงฉางเทียนช้า ๆ “เช่นนั้นก็เป็นที่เจ้าจัดการไม่เรียบร้อยแล้ว แม้แต่ลูกสาวของเจ้าเองยังเกลี้ยกล่อมให้ทำตามไม่ได้ ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าเจ้าควบคุมสามเหล่าทัพในสนามรบได้อย่างไร” ต้องเผชิญคำตำหนิของมารดาเช่นนี้แล้ว หลงฉางเทียนเอ่ยด้วยความหวาดกลัว “ความจริง มิใช่ว่าไม่ยินยอมขอรับ เมื่อครู่นางตอบรับยินยอมแล้วขอรับ!” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยอย่างราบเรียบ “ในเมื่อยินยอมแล้ว เช่นนั้นก็รีบย้ายที่พักให้นางเสีย อย่าให้คนในวังรู้สึกว่าจวนตระกูลหลงของเราใจดำอำมหิตไร้ความเมตตา!” “ขอรับ!” หลงฉางเทียนเงยหน้ามองหลงจ่านเหยียนปราดหนึ่ง “ยังไม่รีบไสหัวกลับไปเก็บข้าวของอีกหรือ? ฮูหยินผู้เฒ่ามีบุญคุณ ให้เจ้าได้ย้ายไปที่พำนักใหม่ ถือว่าให้เกียรติเจ้าแล้ว!” หลงจ่านเหยียนยืนขึ้นด้วยท่าทางหยิ่งยโส พลางเอ่ยอย่างเยือกเย็น “ขอ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 8  

    หลงจ่านเหยียนสบสายตาอันคมกริบของนาง “ฮูหยินผู้เฒ่าไหว้พระสวดมนต์มานานหลายปี ไม่ทราบว่าได้เรียนรู้อะไรมาจากพระพุทธองค์บ้าง? ความใจดำอำมหิตไร้ซึ่งความเมตตา? ความไร้น้ำใจไร้ความชอบธรรม? หรือความโหดเหี้ยมทารุณ? หรือว่า จะเป็นการส่งหลานสาวแท้ ๆ ของตนเองไปตายเพื่อแลกกับเกียรติยศและความมั่งคั่งมาสู่ตระกูล?” “หือ?” ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงยิ้ม “เจ้าคิดจะพูดอะไร? พูดออกมาให้หมดเถิด!” อ้อ? แบบนี้ก็ไม่โมโหหรือ ดูเหมือนที่ศึกษาคำสอนพระพุทธองค์มาจะมีประโยชน์อยู่หน่อย ๆ หลงฮูหยินตะโกนห้ามหลงจ่านเหยียนทันที “ไร้มารยาท รีบขอขมาท่านย่าซะ!” หลงจ่านเหยียนไม่สนใจหลงฮูหยิน เอ่ย “ข้ายอมตกปากรับคำว่าเข้าวังก็ได้ เพียงแต่ ฮูหยินผู้เฒ่าท่านต้องยอมรับเงื่อนไขหนึ่งข้อของข้าเสียก่อน!” ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะออกมาเบา ๆ ขนคิ้วที่ยาวและมีสีขาวเลิกขึ้นเล็กน้อย แฝงความโกรธกรุ่นไว้อย่างเลือนราง “เจ้ามีสิทธิ์จะมาตั้งเงื่อนไขต่อรองกับข้าอย่างนั้นหรือ?” “เช่นนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าก็สวดภาวนาอ้อนต่อเบื้องหน้าองค์พระพุทธไปเสียเถิด อธิษฐานให้ฝ่าบาทสวรรคตทันทีหลังข้าเข้าวังไปแล้วกัน มิเช่นนั้น ต่อให้ข้าได้เป็นฮองเฮาแม้เพียงวันเ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 9

    หมัวมัวถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ใช่เจ้าค่ะ” ทันใดนั้นก็ชะงักไป ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เพียงแต่ ท่าทางการแสดงออกของแม่หนูเหยียนวันนี้ชวนให้รู้สึกแปลกใจยิ่งนักเจ้าค่ะ เมื่อก่อนเห็นนางขี้ขลาดอ่อนแอนัก ยังคิดว่านางไม่มีอารมณ์โกรธเสียอีกเจ้าค่ะ!”“ต่อให้เป็นสุนัขสักตัว ถูกต้อนให้จนมุมแล้วยังรู้จักแว้งกัด!” ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มอย่างเย็นชา “ปล่อยให้นางทำตัววุ่นวายไปเถิด ถึงอย่างไรท้ายที่สุดก็มีเพียงจุดจบเดียวนั่นแหละ!” “เกรงก็แต่ ฮูหยินคงจะไม่ยอมปล่อยนางไปง่าย ๆ สิเจ้าคะ!” “เต๋อโหรวเป็นคนอย่างไร เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จริงหรือ? ให้คนไปเตือนนางไว้สักหน่อย อย่าทำให้เรื่องดูแย่ไปมากกว่านี้!” ฮูหยินผู้เฒ่ายืดเอวตรง ออกคำสั่งอย่างเยือกเย็น “เจ้าค่ะ!” หมัวมัวรับคำ ก็ประคองนางกลับไป ทว่าด้านหลัง กลับมีเสียงร้องเรียกของบ่าวรับใช้แว่วดังขึ้นมา “นางข้าหลวงขั้นสอง กูกูสอนมารยาทจากในวังมาถึงแล้วเจ้าค่ะ!”ฮูหยินผู้เฒ่าผุดยิ้มออกมาอย่างเย็นชา นางมิได้หันหลังกลับ ทว่ายืดเอวตรงก็สืบเท้าไปด้านหน้า ก่อนที่กูกูสอนมารยาทจะเข้ามาถึง หลงจ่านเหยียนก็กลับไปนอนเอกเขนกที่ห้องก่อนแล้ว ไม่ปล่อยให้หลงฮูหยินได้โอกาสกลั่น

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 10

    “เอี๊ยด” เสียงผลักประตูดังขึ้น หรูอี้นำทางทั้งสองเข้าไปนั่งในห้องโถงเล็ก ส่วนจี๋เสียงก็รีบสาวเท้าไปที่ห้องนอนปลุกหลงจ่านเหยียนด้วยความรวดเร็วครั้นหลงฮูหยินและกูกูสอนมารยาทนั่งลงแล้ว หรูอี้ก็ยกน้ำชามาให้ทันที สองคนทักทายกันตามมารยาทแล้วสามสี่ประโยค ก็เห็นจี๋เสียงเดินเข้ามาท่าทางกระอักกระอ่วน ก่อนจะกล่าวกับหลงฮูหยิน “ฮูหยินเจ้าคะ คุณหนูใหญ่หลับเป็นตายเลยเจ้าค่ะ ปลุกเท่าใดก็ไม่ยอมตื่น!”หลงฮูหยินหน้านิ่งอึ้ง “หลับเป็นตาย?”นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว? นางควรจะกลัวสุดขีดมิใช่หรือ? เหตุใดถึงยังหลับสนิทได้แบบนี้? หรือจะแกล้งหลับ? ด้วยนิสัยของนางเด็กชั้นต่ำคนนี้บางครั้งก็ดื้อรั้น ไม่ยอมให้ผู้ใดเห็นความอ่อนแอของนางได้ง่าย ๆนางอมยิ้มพลางหยัดกายขึ้นยืน “ข้าจะไปปลุกนางเอง!”หลงฮูหยินเยื้องกรายอย่างสง่าผ่าเผยเดินเข้าไป บนเตียง หลงจ่านเหยียนนอนคลุมโปงในผ้าห่ม เสียงหายใจแว่วดังออกมาจากด้านในผ้าห่มเป็นระยะ ผ้านวมขยับขึ้นลงเล็กน้อย คล้ายว่ากำลังนอนหลับอยู่จริง ๆนางนั่งลงข้างเตียงช้า ๆ ก่อนจะยื่นมือไปดึงผ้านวมออก ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเอ็นดู ขณะที่กำลังจะอ้าปาก ถ้อยคำที่เตรียมไว้พลันเปลี่ยนเป็นเสียงร้

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 11

    กูกูสอนมารยาทมองนางด้วยสายตาแปลกประหลาด “ฮองเฮาจะบรรทมช่วงกลางวัน เป็นบ่าวจะถืออะไรได้?”หลงฮูหยินไม่คิดว่ากูกูสอนมารยาทจะพูดจาเช่นนี้ จึงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ทำได้เพียงกล่าวว่า “เช่นนั้น เชิญกูกูออกไปดื่มน้ำชาข้างนอกก่อนเถิด!”กูกูสอนมารยาทเอ่ยขึ้น “ไม่จำเป็น ฮูหยินกลับไปเถิด บ่าวได้รับบัญชาจากไทเฮามาที่จวน ก็ต้องปรนนิบัติรับใช้ฮองเฮาจนกว่าฮองเฮาจะเสด็จเข้าวัง สองวันนี้ คงต้องรบกวนที่จวนเสียแล้ว!”“อย่าได้กล่าวว่ารบกวนเลย การมาของกูกู ทำให้จวนแม่ทัพรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ข้าเกรงว่าจะดูแลกูกูได้ไม่ดีพอ!” หลงฮูหยินรู้สึกโมโหจนกัดฟันกรอด คาดไม่ถึงว่ากูกูสอนมารยาทผู้นี้จะไม่ไว้หน้านางเลยแม้แต่น้อย“เชิญฮูหยิน!” กูกูสอนมารยาททำท่าผายมือเชิญนางออกไป ราวกับไม่ได้ยินคำพูดถ่อมตัวเหล่านั้นที่นางกล่าวมาสีหน้าของหลงฮูหยินพลันเปลี่ยนเป็นเขียวสลับขาวไปมา นางหัวเราะแห้ง ๆ เสียงหนึ่ง “เช่นนั้น ข้าขอตัวลาก่อน!” พูดจบ นางก็จ้องมองหลงจ่านเหยียนที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพาหญิงรับใช้ออกไปหลงจ่านเหยียนนอนหลับคราวนี้ ยาวจนถึงยามซวีจึงจะตื่นขึ้นมา นางนั่งกอดผ้าห่มอยู่บนเตียง หร

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 12

    หลงจ่านเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ มือหนึ่งถือชามข้าว อีกมือหนึ่งถือตะเกียบ มองไปยังหญิงสาวดุร้ายตรงหน้าด้วยความงุนงง สิ่งเดียวที่นางสามารถรักษาไว้ได้ก็มีเพียงชามข้าวใบนี้เท่านั้นหลงจ่านเหยียนจ้องมองไปที่หลงจ่านซิน เห็นเพียงรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นของหลงจ่านซินในชุดกระโปรงสีเขียวปักลายดอกทับทิม ใบหน้าขาวผ่องดุจไขมันแพะเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ก็ไม่อาจปกปิดความงามอันล้ำเลิศที่ติดตัวมาแต่กำเนิดได้ ในทางกลับกัน หลงจ่านเหยียนเองกลับมีใบหน้าซีดเซียว รูปร่างผอมบาง หากไม่รู้จักมาก่อนคงคิดว่านางเป็นผู้ลี้ภัยมาจากที่ไหนสักแห่งยิ่งไปกว่านั้น เสื้อผ้าที่นางสวมใส่กับเสื้อผ้าที่ตนเองสวมใส่ เนื้อผ้าช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว?หลงจ่านซินเห็นหลงจ่านเหยียนจ้องมองตนเองอย่างตกตะลึง แต่ไม่กล้าพูดอะไร ก็คิดว่านางคงกลัวแล้ว จึงรีบสาวเท้าเข้าไปหา ยกมือขึ้นหมายจะตบหน้าหลงจ่านเหยียนหรูอี้ที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้น ก็รีบเข้ามาขวางหน้าหลงจ่านเหยียนทันที ฝ่ามือที่หมายจะตบนั้นจึงลงมาที่ใบหน้าของหรูอี้ ใบหน้าของนางบวมขึ้นทันที รอยนิ้วมือทั้งห้าปรากฏชัดเจน แสดงให้เห็นว่าหลงจ่านซินออกแรงมากเพียงใด“ไสหัวไป นางบ่าว

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 13

    หยุดไปครู่หนึ่ง นางก็เหลือบมองหลงจ่านซินด้วยสายตาเย็นชาอีกครั้ง แล้วเอ่ยขึ้น “ถอดเสื้อคลุมตัวนอกของนางออก!”หลงจ่านซินได้สติกลับมา ก็เอ่ยด่าทอทันที “หลงจ่านเหยียน เจ้ามันคนชั้นต่ำ แผลหายแล้วก็ลืมเจ็บแล้วสินะ ถึงได้กล้ามาข่มเหงข้าแล้ว?”องครักษ์ทั้งสองคนเหลือบมองกูกูสอนมารยาท สีหน้าของกูกูสอนมารยาทดูไม่สู้ดีนัก หลงจ่านเหยียนผู้นี้ก็จริง ๆ ให้หน้าแล้วไม่รู้จักดี ให้ทางลงนาง นางก็ลงโทษหลงจ่านซินเพียงเล็กน้อยก็พอแล้ว กลับพูดจาโอหังจะตัดมือของนางบัดนี้ จวนแม่ทัพไม่ใช่ที่ที่ใครจะกล้าล่วงเกินได้ง่าย ๆ ไทเฮาเคยกำชับไว้แล้ว วันหน้าเมื่อรัชทายาทขึ้นครองราชย์ ยังต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากแม่ทัพหลง ดังนั้น ในฐานะข้ารับใช้ ก็ต้องช่วยเสริมบารมีให้เขาเช่นกันดังนั้น ตอนนี้นางจึงพูดกับองครักษ์ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ลากตัวลงไป ตบปากเสีย!” จากนั้น นางก็เหลือบมองเสื้อผ้าที่หลงจ่านซินสวมใส่อยู่ “ถอดเสื้อคลุมตัวนอกของนางออก มอบให้ฮองเฮา!” ทำเช่นนี้ ก็ไม่ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งองครักษ์รีบพาตัวหลงจ่านซินออกไปทันที หลงจ่านซินถูกลากตัวไป ก็ด่าทอตลอดทาง “ปล่อยข้า พวกเจ้าสองคนช่างบังอาจนัก! กล้าล่วงเกินผ

Latest chapter

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 268

    ฮองเฮาส่ายหน้า “ไม่ ซูอี้จะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร เขาไม่กลัวว่า...” ความกลัวเริ่มปกคลุมใบหน้าของนาง และไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย“ถ้าเจ้ายังอยากรักษาชีวิตพ่อของเจ้าเอาไว้ ก็ไปหาฮ่องเต้” ถงไทเฮากล่าวอย่างแค้นที่เหล็กไม่เป็นเหล็กกล้าเทียบกับสมัยก่อน ถงไทเฮาเติบโตและรู้ความมากแล้ว เมื่อก่อนนางไม่เข้าใจ เหตุใดเสด็จแม่จึงไม่เข้าใจนาง เหตุใดมักให้นางทำเรื่องที่ลำบากใจ บัดนี้นางรู้แล้ว มีเพียงให้ตัวเองลำบาก สกุลถงจึงจะมั่นคงในใจของคนสกุลถง ชื่อเสียงและความมั่นคงของวงศ์ตระกูลสำคัญที่สุดเสมอ นางรู้ว่าตอนนี้ถงเหยียนยังไม่ตระหนักในจุดนี้ แต่นางจะเข้าใจในไม่ช้าก็เร็ว ความน้อยเนื้อต่ำใจในเวลานี้นับเป็นอันใด? ภายภาคหน้ายามสกุลถงกับสกุลมู่หรงแบ่งใต้ฟ้า นางจะรู้ว่าความอยุติธรรมทั้งหลายที่ได้รับในวันนี้คุ้มค่าดวงหน้าไฉไลของฮองเฮาประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว ที่เจืออยู่ในดวงตาคือน้ำตาแห่งความน้อยใจ “เหตุใดต้องให้ข้าไปช่วยด้วยเจ้าคะ? ท่านสั่งคำเดียวก็ได้แล้วนี่ กลับต้องให้ข้าวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้”ถงไทเฮานวดศีรษะ รู้สึกว่าความอึดอัดสายหนึ่งพุ่งขึ้นสมอง นางอยากระเบิดอารมณ์ แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้าและเอ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 267

    นางนวดศีรษะ “อาไฉ่ ไปตามฮองเฮามา”นางกำนัลรับคำแล้วจึงออกไปผ่านไปครึ่งชั่วยาม ฮองเฮาจึงร้องห่มร้องไห้มาถึง พอเห็นถงไทเฮาก็ถลาเข้ามาคุกเข่ากับพื้น “อาหญิง ครั้งนี้ท่านต้องช่วยหลานนะเจ้าคะ”ถงไทเฮานั่งจ้องนางอยู่บนเก้าอี้ “เจ้าทำอะไรมาอีก? ทำจนฮ่องเต้กริ้วอย่างนั้น ขืนเจ้ายังไม่หยุดมือ ข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว” ฮองเฮาเอ่ยอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “หลานไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นนะเจ้าคะ วันนี้ตั้งใจสั่งให้คนทำอาหารรสเลิศ คิดจะสนทนากับฝ่าบาทดี ๆ ใครจะรู้ เขากลับจะไปหาหยวนผิน แล้วยังบอกว่าจะคืนตำแหน่งหยวนผิน หลานพูดไปแค่ไม่กี่คำ เขาถึงกลับบอกว่าจะเลื่อนตำแหน่งนางให้เป็นกุ้ยเฟยอีก นี่มิเท่ากับฉีกหน้าหลานชัด ๆ หรือเจ้าคะ”ถงไทเฮาถอนหายใจทีหนึ่ง สั่งให้คนประคองนางลุกขึ้นมาแล้วตักเตือนดี ๆ “เขาต้องรู้เรื่องเรื่องที่เจ้าปรักปรำหยวนผินครั้งก่อนแน่ เขาไม่ได้เอาผิดเจ้าก็แล้วไป ตอนนี้เขาต้องการเลื่อนตำแหน่งหยวนผิน เจ้าก็ให้เขาเลื่อนไปสิ จะขัดขวางเขาทำไม? อย่างไรเขาก็คือโอรสสวรรค์ มิอาจให้ผู้ใดท้าทายศักดิ์ศรีได้”“นางถือดีอย่างไร? นางไม่มีลูก บ้านมารดาก็ไม่ได้มีความดีความชอบอะไรพิเศษ แล้วเหตุใดบอกว่าจะเลื

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 266

    มู่หรงเจี้ยนก็ไม่มีโทสะ สีหน้างุนงงเล็กน้อย “เราคิดว่าฮองเฮาต้องตกลง”“ไม่ ไม่เด็ดขาดเพคะ ใครก็ได้หมด มีแต่นางที่ไม่ได้!” ฮองเฮาพูดอย่างตะบึงตะบอน นางคิดอย่างไร้เดียงสาว่าที่มู่หรงเจี้ยนต้องการให้นางรับปากเรื่องการแต่งตั้งหยวนผินเป็นหยวนกุ้ยเฟย เพราะเคารพความคิดเห็นของนางแต่... คำพูดต่อมากลับทำให้นางหน้าซีดเผือดฉับพลัน“ตามกฎมณเฑียรบาล การแต่งตั้งนางสนม จำเป็นต้องให้ฮองเฮาจัดการเรื่องพิธี หากฮองเฮาไม่เห็นด้วย เช่นนั้น เราก็ไม่มีทางอื่นแล้ว ได้แต่เปลี่ยนฮองเฮาเสีย”เขาพูดจบก็เดินจากไปอย่างสง่างามแบบกระทั่งไม่เหลียวแลนางสักสายตาความราบเรียบสง่างามเช่นนี้ ในสายตาของฮองเฮา คือความน่าชังถึงที่สุดนางสั่นเทาไปทั้งตัว หัวสมองว่างเปล่า คำพูดนี้ ต่อให้ตายนางก็ไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้เขาจะไม่โปรดปรานนางที่สุด แต่ความเคารพและสถานะที่ควรมีก็มอบให้นางเต็มที่เวลานี้ เพียงเพราะการคัดค้านคำเดียว เขาก็พูดเรื่องปลดฮองเฮาออกมาอย่างง่ายดายเช่นนี้แล้วนางโกรธ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่หวาดกลัว ไม่ตื่นตระหนก เพราะนางรู้ว่าการปลดฮองเฮาเป็นเพียงการพูดไปอย่างนั้น มีไทฮองไทเฮาและถงไทเฮาอ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 265

    “แต่ซูอี้นั่นเป็นคนโหดร้ายป่าเถื่อนเพียงไร? หม่อมฉันได้ยินว่าคนที่เข้าคุกทักษิณ โดยมากแล้วล้วนถูกทรมานจนยอมรับผิด” ฮองเฮาซอยเท้าตามไปพูด“อ้อ? ดูท่าฮองเฮาจะสนใจเรื่องของราชสำนักมากนะ!” มู่หรงเจี้ยนเอ่ยชืด ๆฮองเฮาชะงักงัน ดวงหน้าสะสวยเผยความหวาดกลัวเล็กน้อย “หม่อมฉันก็แค่ได้ยินคนพูดมาเพคะ มิได้รู้ชัดเจน”“ในเมื่อไม่รู้ชัดเจนก็อย่าพูดจาเลื่อนเปื้อน เซ่อเจิ้งอ๋องเป็นผู้ก่อตั้งคุกทักษิณด้วยตนเอง พิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมเสมอมา ไม่ปรักปรำผู้ใดเด็ดขาด” พอมู่หรงเจี้ยนนั่งลงบนตั่งก็มีนางกำนัลยื่นผ้าขนหนูร้อนมาให้เขาหยิบมาเช็ดมือแล้วโยนกลับลงใส่กะละมัง เหล่มองฮองเฮาทีหนึ่ง “ฮองเฮามิจำเป็นต้องกังวล เราเชื่อท่านพ่อตา เขาจะไม่สมคบคิดยักยอกเงินกับกรมโยธาเด็ดขาด การพิจารณาคดีนี้ก็เพื่อคืนความบริสุทธิ์ให้เขาเท่านั้น”ฮองเฮาลังเลครู่หนึ่ง เอ่ย “เกรงแต่คนในคุกทักษิณเหล่านั้นจะลงทัณฑ์ให้รับสารภาพ จะได้ไขคดีสร้างผลงานโดยเร็ว เช่นนั้นท่านพ่อมิต้องถูกปรักปรำหรือเพคะ?” มู่หรงเจี้ยนเริ่มเคือง “เลอะเทอะ! เราบอกแล้ว คนของคุกทักษิณทำงานอย่างเป็นธรรม แล้วจะลงทัณฑ์ให้รับสารภาพได้อย่างไร? หากพิจารณาคดีนี้ไม

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 264

    พระอาจารย์เป่ากวงส่ายหน้า “คนผู้นี้จิตใจไม่ตรง!”“ดูอย่างไร?” ฮุ่ยอวิ่นถามพระอาจารย์เป่ากวงยิ้มจาง ๆ “คนคนหนึ่ง หากจิตใจซื่อตรง ดวงตาย่อมใส แต่เขามีความคิดมากนัก”“เช่นนั้นเขาจะรักษาโรคให้กุ้ยไท่เฟยอย่างจริงใจหรือ?” ฮุ่ยอวิ่นอดกังวลไม่ได้“เขาต้องการมีชื่อในหล้า ย่อมทุ่มเทใจรักษาโรคให้กุ้ยไท่เฟย จุดนี้วางใจได้ อีกอย่าง เขามาด้วยมีจุดประสงค์ ได้ยินว่าเขาต้องการให้ศิษย์หญิงของเขาแต่งงานกับคุณชาย”เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ดวงตาของฮุ่ยอวิ่นก็เย็นชาเล็กน้อย “ถูกต้อง เขาบอกว่าต้องการหาสามีท่านหนึ่งให้ศิษย์หญิงของเขา และข้า ก็เคราะห์ร้ายถูกเขาหมายตา”พระอาจารย์เป่ากวงหัวเราะเล็กน้อย “ขอเตือนคุณชาย การแต่งงานคือเรื่องทั้งชีวิต หากไม่ชอบ ก็อย่าได้ฝืน โลกใบนี้ เรื่องที่ฝืนมักมีจุดจบน่าอนาถเสมอ”“สำหรับข้า การแต่งภรรยามิสำคัญ แต่งกับใครก็คือแต่ง” ฮุ่ยอวิ่นกล่าวเช่นนี้ นึกถึงที่หลงอู่ทำนายให้เขา บอกว่าเขาจะได้เจอกับหญิงที่ชอบมากคนหนึ่ง จึงนึกขำไม่ได้ ไม่ ชาตินี้ไม่ ความรักชายหญิงมิเคยเป็นประเด็นสำคัญในชีวิตของเขาการหลับครั้งนี้ของจ่านเหยียนกินเวลาสามวันสามคืนเต็ม ๆสามวันนี้ราชสำนักวุ่นวา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 263

    “อาหู?” ฮุ่ยอวิ่นไม่รู้จักอาหู“อื่ม สาวใช้ของคุณชายบ้านข้าน่ะ” อาเสอเอ่ยกับเขา “ท่านก็หาที่นั่งเองเถอะ ในจวนไม่มีคนรับใช้คนอื่น พ่อบ้านใหญ่กัวกำลังดูแลคุณชายบ้านข้าอยู่”“พ่อบ้านใหญ่กัว?” ฮุ่ยอวิ่นนึกขึ้นได้ว่าข้างตัวจ่านเหยียนมีกัวอวี้เสียนอยู่คนหนึ่งอาเสอรู้ข้อสงสัยจากคำพูดของเขา เพียงแต่ตอนนี้ไม่มีเวลาจะสนใจเรื่องนี้ ถึงอย่างไรนายบ้านตัวเองก็ไม่ได้คิดร้ายกับท่านอ๋อง ต่อให้ถูกเปิดโปงก็ไม่เป็นอะไรอย่างน้อย ตอนนี้อาเสอก็คิดอย่างนี้อาเสอเคาะประตูของพระอาจารย์เป่ากวง เมื่อพระอาจารย์เป่ากวงได้ยินว่าท่านอ๋องเกิดเรื่องก็ตามฮุ่ยอวิ่นไปอย่างเร่งรีบบนรถม้า ฮุ่ยอวิ่นเล่าเรื่องทั้งหมดกับพระอาจารย์เป่ากวงพระอาจารย์เป่ากวงถอนหายใจทีหนึ่ง “ภัยพิบัตินี้ใหญ่หลวงยิ่งนัก”เขารู้ว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะฟางจี้จื่อ แต่วาสนากลั่นแกล้งคน มังกรร้ายตนนี้คงได้เวลาขึ้นสู่พิภพแล้ว ฟางจี้จื่อแค่สร้างโอกาสเท่านั้นเรื่องมาถึงขั้นนี้ มิใช่เวลาจะบ่นเมื่อถึงจวนอ๋อง มู่หรงฉิงเทียนยังหมดสติอยู่ อาซื่อบอกว่ามู่หรงฉิงเทียนกระอักเลือดสองครั้งแล้วพระอาจารย์เป่ากวงใช้มหาเวทยลหทัยตรวจมู่หรงฉิงเทียนครู่หน

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 262

    “ท่านอาจารย์ เหตุใดจึงไม่ช่วยเด็กผู้หญิงนั่นล่ะเจ้าคะ?” หลังจากอาซิ่นไป เหลียนถังก็ถามเทพโอสถเทพโอสถนั่งอยู่ในห้อง แสงไฟสะท้อนใบหน้าผอมตอบของเขา สีหน้าจนใจเล็กน้อย“เจ้าไม่เข้าใจ” เทพโอสถเอ่ยเหลียนถังไม่เข้าใจจริง ๆ “ศิษย์รู้ ท่านอาจารย์มิใช่คนที่เห็นใครตายแล้วจะไม่ช่วย”“หาก ข้าเจอนางอยู่ในเขา อาจจะยื่นมือช่วยนาง แต่... ตอนนี้ไม่ได้ อย่างน้อยก็ที่นี่ไม่ได้” เทพโอสถปรายตามองนาง “เจ้าไปพักผ่อนเถอะ อย่าถามอีกเลย”เหลียนถังเคารพอาจารย์มาตลอด เห็นเขามีสีหน้าปั้นยาก คล้ายกับมีความลำบากใจจึงไม่ถามอีก “เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์ก็พักผ่อนเร็วหน่อยนะเจ้าคะ”ค่ำคืนนี้ถูกกำหนดให้ไม่สงบไม่นานมู่หรงฉิงเทียนก็ถูกส่งตัวกลับมา บ่าวไปเชิญเทพโอสถ แต่ฮุ่ยอวิ่นห้ามไว้ เขารู้ เชิญเทพโอสถไม่ได้ เพราะหัวใจของมู่หรงฉิงเทียนไม่เต้นเขาถามคนรับใช้ “คุณชายอู่กับพระอาจารย์เป่ากวงกลับมาแล้วหรือ?”“จนถึงวันนี้ยังไม่เห็นกลับมาขอรับ!” คนรับใช้ตอบ“อาซิ่นล่ะ?”“ใต้เท้าอาซิ่นก่อนหน้านี้อุ้มเด็กผู้หญิงกลับมาขอให้เทพโอสถช่วยรักษา แต่เทพโอสถปฏิเสธการรักษานาง ดังนั้นใต้เท้าอาซิ่นจึงอุ้มนางออกไปหาหมอแล้วขอรับ” คนรับใ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 261

    “ขอบคุณ!” เป็นอีกครั้งที่อาซิ่นได้ยินเรื่องหลงอู่รู้วิชาแพทย์ อยากจะถามให้ชัดเจนอีกหน่อย แต่รู้สึกว่าจะไม่จำเป็นอยู่บ้าง เพราะยาที่อีกฝ่ายผลิตขึ้นสามารถรักษาคนได้จริง คนไม่รู้วิชาแพทย์จะสามารถผลิตยาที่มีประสิทธิภาพเช่นนี้ได้หรือ? กัวอวี้สั่งอาหู “เจ้าดูแลอยู่ที่นี่ ข้าจะออกไปเดินดูสักรอบ ดูสิว่าคุณ...คุณชายไปทางสันเขื่อนหรือไม่”“ข้ารู้สึกว่าเขาคงไม่มากเรื่องเช่นนี้เช่นนี้กระมัง?” อาหูเอ่ยกัวอวี้หัวเราะด่านางคำหนึ่ง “เจ้าติดตามเขานานเท่าไร? ถึงได้รู้จักเขาดีเช่นนี้ หากเขาอยู่ในเมืองหลวงจะต้องไปแน่”กัวอวี้รู้ ความจริงจ่านเหยียนเป็นคนปากแข็งใจอ่อน ภายนอกไร้หัวใจ แต่ข้างในมิรู้ว่ามีความเมตตาการุณย์เท่าไรนางกลัวว่าฝนจะตกลงมาอีก จึงหยิบเสื้อกันฝนและร่ม คิดจะออกบ้านเพิ่งเปิดประตูก็เห็นอาเสออุ้มจ่านเหยียนเข้ามา เบื้องหลังจะมีคนตามมาด้วยอีกหลายคนกัวอวี้ตกใจจนรีบวิ่งตามไป “เกิดอะไรขึ้น?!”อาเสอตอบ “ประเดี๋ยวค่อยอธิบายกับท่าน!”อาเสออุ้มจ่านเหยียนเดินเข้าไป เนื่องจากมีคนมาก นางจึงไม่ได้อุ้มไปเรือนด้านหลังโดยตรงเพิ่งวางจ่านเหยียนลง กัวอวี้ก็ลากนางมาถาม “เกิดเรื่องอะไรขึ้น? คุณชาย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 260

    อาหูยกน้ำอุ่นเข้ามากะละมังหนึ่ง วางผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมของนางลงซัก จากนั้นก็เช็ดคราบเลือดบนใบหน้าของเด็กผู้หญิงให้สะอาดหลังจากล้างคราบเลือดสะอาด ก็เผยดวงหน้ารูปไข่ขาวเนียนงดงามดวงเล็ก ๆ อาหูเอ่ย “ลูกสาวของท่านงามมากเลยนะ”อาซิ่นหน้าแดงซ่าน “นางมิใช่ลูกสาวของข้า ข้าไม่รู้จักนาง”อาหูประหลาดใจเล็กน้อย “ท่านไม่รู้จักนาง? ท่านไม่รู้จักนางแล้วเหตุใดจึงวิตกเช่นนี้? ข้ายังนึกว่านางคือลูกสาวของท่านเสียอีก?”อาซิ่นเอ่ย “คืนนี้สันเขื่อนพังทลาย นางคือชาวบ้านที่หนีภัยพิบัติ หกล้มลงพื้นถูกฝูงชนเหยียบ ท่านอ๋องจึงสั่งให้ข้าพานางมาหาหมอ”“สันเขื่อนพังทลาย? มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?” เรือนพักของหลงอู่ตั้งอยู่บนตำแหน่งที่ค่อนข้างห่างไกล ชัยภูมิสูง ดังนั้นจึงรอดพ้นจากสถานการณ์น้ำท่วม“เจ้าไม่รู้หรือ? เรื่องนี้คงสะเทือนเลือนลั่นไปทั้งเมืองแล้ว” คราวนี้ถึงตาอาซิ่นประหลาดใจบ้าง“ข้าไม่รู้!” อาหูตอบตามตรง “พ่อบ้านใหญ่กัวของเราไม่อนุญาตให้ข้าออกไป ส่วนข้ากลัวว่าคุณชายกลับมาจึงไม่ได้ออกไปเหมือนกัน จริงสิ คุณชายบ้านข้าสบายดีหรือไม่?”อาซิ่นส่ายหน้า “ก่อนหน้านี้ก็ดี แต่ตอนนี้ไม่รู้แล้ว”“หา? หมายความว่าอย่

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status