ณ วังหลวง
"จักรพรรดินีเพคะ องค์รัชทายาทแจ้งว่ากำลังเดินทางกลับมาวังหลวง" นีน่ารายงานตามเอกสารที่ได้รับมาทันที เพราะสถานการณ์ตอนนี้ถึงจะดีขึ้นแล้วแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่นัก ยังมีเหล่าขุนนางจำนวนมากที่อยากเห็นหน้าว่าที่คู่หมั้น
"ดีแล้วล่ะ ขออย่าให้เกิดเรื่องก่อนมาถึงก็พอ"
"ทำไมคิดเช่นนั้นเพคะ"
"มีหลายคนที่ไม่พอใจเรื่องนี้เยอะ มันจะต้องมีการลอบสังหารเกิดขึ้นแน่" ที่นี่ไม่ใช่เมืองมนุษย์ฉะนั้นกฎทุกอย่างมีไว้แหก ไม่ได้มีไว้ทำตามดั่งที่ควรจะเป็น
"แล้วพระองค์จะทำเช่นไรเพคะ"
"ไม่รู้เหมือนกัน ของแบบนี้ต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง"
ขุนนางบางส่วนที่หวังพึ่งอำนาจจากเจ้าชายฝาแฝดมากกว่ารัชทายาทคนปัจจุบัน เนื่องจากไม่ชอบความคิดที่รู้ไปทุกเรื่องโดยไม่ฟังคำจากผู้ใหญ่ หากมีเรื่องมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องแล้วหมายความจุดอ่อนคือสิ่งนี้ เมื่อรู้จุดอ่อนของศัตรูเป็นธรรมดาที่จะต้องกำจัดทิ้ง
"กระผมจ้างทหารรับจ้างให้ไปลอบสังหารรัชทายาทแล้วขอรับ"
"ทำดีมาก ชาร์ที"
"ข้าอยากจะรู้นักว่ารัชทายาทจะปกป้องคนรักได้หรือไม่"
"ขอรับ"
การเดินทางกลับวังหลวงนั้นจำเป็นต้องใช้รถม้าเนื่องจากเป็นการเดินทางที่เป็นทางการ ไม่สามารถใช้แบบรถค้างคาวไปแบบคราวก่อนได้ รวมถึงใช้เส้นทางหลักในการเดินทางอีกด้วย หมายความว่าอาจถูกลอบสังหารหรือเป็นเป้าโดนโจมตีได้ง่าย การจะมีชีวิตรอดกลับไปได้ต้องมาจากความสามารถของตนเอง พึ่งพาใครไม่ได้ หมู่แวมไพร์ด้วยกันการทำให้ตัวเองแข็งแกร่งถึงจะอยู่เหนือทุกคน
ตูม!
ใครกันที่กล้าวางแผนลอบทำร้ายรัชทายาทแบบนี้ มันคงจะไม่รู้ว่ากำลังต่อกรกับใครอยู่ ไม่มีทางรอดเงื้อมมือไปได้แน่นอน เมล์กระโดดออกจากหน้าต่างของรถม้าด้วยความไวตามสัญชาติญาณแวมไพร์ กรงเล็บยาวถูกขยายออกตามการเรียกหาของผู้เป็นนาย มีทหารรับจ้างจำนวนมากกำลังล้อมรถม้าเอาไว้ ช่างเป็นเกมการเมืองที่เดาง่ายเสียจริง โชคดีที่ไม่ได้พาใครมาด้วยนอกจากพวกเราเท่านั้น
"กระรอกน้อย อยู่ในรถนะ"
"ท่านพี่จะไปไหน"
"ข้าจะออกไปช่วยเมล์ มามากขนาดนั้นยังไงก็น่าจะรับมือยาก"
ขึ้นชื่อว่าทหารรับจ้างการต่อกรกับองค์รักษ์คนสนิทของรัชทายาทถือว่าเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายนัก ฝีมือห่างชั้นกันมากเลยทีเดียว แต่ด้วยจำนวนที่มากขนาดนี้ถึงพลังจะห่างกันแต่พลาดพลั้งขึ้นมาก็ไม่แน่ว่าจะได้จบชีวิตในสมรภูมิเช่นกัน รัชทายาทเห็นท่าไม่ดีจึงออกโรงมาช่วยข้ารับใช้ของตนเอง สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาคมนั้น
จำนวนนับพันนี่มันอะไรกัน ใครเป็นคนจ้างพวกมันมาได้มากขนาดนี้ แปลว่าคนจ้างวานมีอำนาจพอมากสมควร จุดประสงค์ในครั้งนี้หวังอะไรกันแน่ ถ้าเป็นเรื่องราชบัลลังค์ไม่มีทางเปลี่ยนอยู่แล้ว ถึงข้าจะตายไปก็ยังมีสองแฝดนรกที่เขี้ยวลากดินขึ้นครองราชย์ จู่ๆ ก็มีบุคคลปริศนายื่นมือเข้ามาช่วยทำให้กองทหารรับจ้างจำนวนมากล้มตายภายในพริบตาเดียว
"รัชทายาทไม่ควรแสดงพลังของเลือดบริสุทธิต่อเส้นทางหลวงเเห่งนี้ ลำพังกำลังทางทหารน่าจะมากพอแล้วพะยะค่ะ" ฟรังเตือนด้วยความหวังดี หากโดยประชาชนไปด้วยแล้วมันจะต้องมีผลเสียตามมาอีกมากมายแน่
"ถึงไม่มีเจ้าหน้าที่มาช่วย ข้าก็สามารถจัดการเจ้าพวกนี้เองได้"
"หม่อมฉันมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยขององค์รัชทายาทและว่าที่คู่หมั้น"
"ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นขอรับ"
"หึ! อย่างเจ้าเนี่ยนะจะมาปกป้องข้า"
"เลือดในตัวเจ้ามันเป็นของชนชั้นปลายแถวด้วยซ้ำ ลืมไปแล้วรึ"
"แย่แล้วพะยะค่ะ รถม้าหาย! "
"ว่าไงนะ! "
"กระรอกน้อยอยู่ที่ไหน"
"แผนล่องั้นรึ! เจ็บใจนัก! " รัชทายาทหมดความอดทนต่อทุกสิ่ง พลังของเลือดบริสุทธิกำลังส่งผลต่อโลกนี้ เสียงกู่ร้องของเขาส่งผลให้แม่น้ำไหลย้อนไปอีกทาง ท้องฟ้าเปลี่ยนสี แผ่นดินสั่นสะเทือน ถึงจะรู้ว่าควรสงบใจให้มากกว่านี้แต่พอเป็นเรื่องของคนที่รักแล้วมันยากเกินห้ามใจนัก
ผัวะ!
"รัชทายาทต้องใจเย็นให้มากกว่านี้พะยะค่ะ ไม่เช่นนั้นใครจะตามหาคุณชายจีนได้"
"กลับพระราชวังแล้วค่อยคิดเรื่องนี้กันใหม่ หม่อมฉันจะเตรียมทุกอย่างให้พร้อม"
"ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันขออาสาไปด้วยพะยะค่ะ เรื่องของราชสำนักเป็นหน้าที่ของทหารอย่างพวกเรา" ฟรังอาสาขอไปด้วย
"เรเวล เจ้าอย่าเพิ่งมายุ่งในตอนที่รัชทายาทจิตใจไม่มั่นคง"
"ข้าคือข้ารับใช้คนสนิทของรัชทายาท"
"คนที่เคียงบ่าเคียงไหล่มาตั้งแต่เด็ก"
"คนที่จะหยุดเขาได้มีเพียงข้าเท่านั้น"
"หากไม่อยากตาย อย่าได้เข้ามาวุ่นวาย"
"การตามหาคุณชายริค เป็นหน้าที่ของพวกเราไม่ใช่เจ้า"
ทำไมรัชทายาทไปนานเหลือเกิน มีเสียงต่อสู้กันอย่างหนักแล้วทำไมเงียบลงแบบนี้ ไวท์ไม่รู้ตัวเลยว่ารถม้ากำลังเคลื่อนตัวไปทางอื่นเนื่องจากโดยภาพมายาหลอกว่ายังอยู่ที่เดิม แผนการนี้ตอนแรกจงใจจะทำลายความน่าเชื่อถือของเชื้อพระวงศ์แต่ขุนนางอย่างเขาก็คิดได้ว่ายังมีมนุษย์ที่เป็นตัวแปรสำคัญในครั้งนี้อยู่กลิ่นหวานชวนกลืนกินนั้นยังคงติดตราติดตรึงใจตั้งแต่ครั้งที่เจอในงานเลี้ยงเมื่อไม่กี่วันก่อน อยากลองเห็นหน้าชัดๆ สักครั้งว่ามีดีแค่ไหนกัน ทำไมใครต่อใครถึงได้ออกโรงปกป้องกันนัก ทั้งจักรพรรดิ จักรพรรดินี รัชทายาท องค์ชายแฝด แบบนี้มันไม่ธรรมดาแล้ว จะสืบออกนอกหน้าก็ไม่ได้ เส้นสายของจักรพรรดินีมีทั่วอาณาจักร"คนที่คุณชายอยากพบ เดินทางมาถึงแล้วขอรับ" ชาร์ทีบอกพลางผายมือไปทางรถม้าที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าคฤหาสน์ตระกูลสวิต ถือเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่เป็นเชื้อพระวงศ์ วิธีการที่ใช้เลือกผู้นำแต่ละสมัยจะไม่เหมือนกัน สมัยขององค์จักรพรรดิจะเลือกจากผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นผู้นำ โดยผ่านการต่อสู้มาอย่างหนักหลากหลายรูปแบบเพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่งทุกหนึ่งร้อยปีจะมีการจัดการแข่งขันเพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่งของจักรวรรดิ แวมไ
คิดถูกแล้วที่ตัดสินใจส่งจดหมายก่อนที่คุณชายริคจะเดินทางมาถึง เพราะว่าเวลาไม่นานร่างสูงปีกสีดำขนาดใหญ่ก็บินมาถึงบ้านของเขาเสียแล้ว แสดงว่าร้อนใจจะไม่สามารถนั่งรถม้าหรือรถค้างคาวมารับได้เลยสินะ เด็กคนนี้ต้องมีดีอะไรพอสมควรเลยปึง!"กระรอกน้อย! ไม่เป็นอะไรใช่ไหม! ใครทำอะไรหรือเปล่า! " คียร้อนใจจนไม่สามารถบังคับตนเองได้แล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้นกับแก้วตาดวงใจแล้วล่ะก็...คฤหาสน์หลังนี้พังไม่เป็นท่าแน่ๆ"ทำไมต้องโวยวายเสียงดังด้วยพะยะค่ะ ใจเย็นลงก่อน" เทรเลอร์ตอบกลับอย่างใจเย็น ไม่บ่อยนักที่จะเห็นอาการแบบนี้ออกมา ปกติเป็นคนสุขุม รอบคอบ ใจเย็น ได้เห็นอะไรที่ไม่เคยซะแล้วสิ"จะให้เย็นได้ยังไง ความต่างของเผ่าพันธ์มันเยอะขนาดนี้""แถมกลิ่นเลือดยังหอมหวานชวนให้ดื่มตลอดเวลา ข้าไม่ไหวใจเจ้า! สวิต เทรเลอร์""รัชทายาท ใจเย็นลงก่อนพะยะค่ะ" เมล์ห้ามปรามเจ้านายของตนทันที ไม่มีความจำเป็นต้องไปเดินตามเกมส์ของคนตระกูลสวิต"ต่อให้ท่านจะฆ่าเขาเสียตรงนี้ ก็ไม่มีโอกาสได้รู้ว่าคุณชายริคอยู่ที่ไหน" ท่าทีของคีย์โอนอ่อนลงทันที คนรับใช้ตระกูลโฟลช์ถูกขัดเกลามาให้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ให้ความช่วยเหลือ และห้ามปรามกษัตริย
กระรอกน้อยของเขาจะเนื้อหอมมากเกินไปแล้วนะ ขนาดเป็นผู้ชายยังขนาดนี้แล้วถ้าเป็นผู้หญิงเขาไม่เป็นบ้าตายเหรอเทรเลอร์ไม่เคยเจอผู้ชายที่ไหนนอกจากจะหน้าหวานแล้วยังจะยิ้มหวานขนาดนี้ มีฝีมืองานบ้านงานเรือน กิริยาท่าทางไม่ยอมใคร พอเข้าใจแล้วว่าทำไมรัชทายาทถึงหวงนัก จากข่าวที่ได้ยินมามีคุณชายตระกูลขุนนางตกหลุมรักเหมือนกัน แบบจะลงสนามไปด้วยดีไหมนะ"คุณชายริค""ครับ" ซวยแล้วไง! เผลอขานรับแบบมนุษย์ไปแล้ว ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจที่ตนเองพูดผิดออกไป ซึ่งสำหรับจักรวรรดิแล้วคำพูดพวกนี้ถูกใช้กันในหมู่มนุษย์มากกว่าแวมไพร์ ขานรับผิดแบบนี้แปลว่าต้องเคยชินกับการคุยกับใครสักคนและคงหนีไม่พ้นรัชทายาทเป็นแน่"หึ! คำขานรับน่ารักดีนะ ข้าชักถูกใจเจ้าซะแล้วสิ" เทรเลอร์บอกด้วยสีหน้าพึงพอใจ ปกติเขาไม่สนใจมนุษย์นอกจากเวลาที่ได้ดื่มเลือดที่ได้มาจากการบริจาคของเหล่าบริวารในเขตปกครองของตนเอง นอกนั้นก็มีอายุสั้นไม่ได้น่าสนใจเท่าไหร่นัก แต่ไม่ใช่สำหรับเด็กคนนี้ถึงจะมีอายุที่สั้นแต่ก็อยากจะดูแลสักครั้ง ลองถนอมใครไว้สักคนก็น่าจะดีไม่น้อย"พูดแบบนี้เจ้าหมายความว่ายังไง เทรเลอร์" ถึงคีย์จะรู้คำตอบของความหมายนั่นอยู่แล้
การตามใจใครสักคนแล้วยอมลำบากขนาดนี้ หวังว่าจะมีอะไรตอบแทนไม่มากก็น้อยกับความอดทนของข้าในครั้งนี้ณ พระราชวังสวิต (ที่พักอาศัยของคุณชายคนโตของตระกูล)"ขอต้อนรับท่านจักรพรรดินี ไม่ทราบว่าเดินทางมาถึงที่นี่มีเรื่องอันใดกัน" ชาร์ทีออกมาต้อนรับทันทีที่เห็นขบวนเสด็จขององค์จักรพรรดินีเดินทางมาแบบไม่เป็นทางการเช่นนี้ จะต้องเกี่ยวข้องกับเด็กคนนั้นที่ถูกจับตัวมาเมื่อก่อนหน้านี้แน่นอน"ข้าว่าเชิญท่านจักรพรรดินีเข้าไปด้านใน แล้วค่อยหารือกันดีหรือไม่ ชาร์ที" นีน่าบอกเสียงเรียบแต่ท่าทางไม่ได้เรียบตามไปด้วย ลางสังหรณ์ของเขามันร้องเตือนว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีที่มีการเดินทางนอกกำหนดการแบบนี้ตระกูลสวิตถือเป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ทั้งสี่ สัญลักษณ์ของตระกูลคือลักษณะแห่งไฟที่เผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อปกป้องตระกูลของกษัตริย์ให้มั่นคงสืบต่อไป การจะล้มล้างกษัตริยได้จำเป็นต้องเข้าถึงตัวเชื้อพระวงศ์ให้ได้เสียก่อน หากเจ้าแห่งการปกครองสูงสุดของวังหลังออกเดินทางนอกกำหนดการ หมายความมีการทำงานที่ไม่ปกติเกิดขึน อำนาจสูงสุดตกเป็นของจักรพรรดินีและจักรพรรดิไม่มีสิทธิในการตัดสินใจเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว"อรุณสวัสดิ์ยามดึกพ
"ฉะนั้นพวกเรามาหารือกันเรื่องนี้จนกว่าจะได้ข้อสรุปกัน ไม่ว่ายังไงข้าจะไม่ยอมให้ลูกชายของข้าต้องไม่มีเนื้อคู่เพราะเจ้าพวกนั้นเด็ดขาด""พะยะค่ะ"พระอาทิตย์สาดส่องเป็นสัญญาณของเช้าวันใหม่ของใครหลายคน แต่มันคือเวลานอนของเหล่าแวมไพร์ที่อาศัยอยู่ที่นี่ ถึงผมจะอยู่ที่นี่มาได้หลายวันแล้วแต่ก็ยังไม่ชินกับการที่ต้องนอนกลางวันตื่นกลางคืนอยู่ดี ถึงตอนนี้จะเริ่มนอนเกือบเช้าแต่ก็ยังหลับๆ ตื่นๆ เช่นวันนี้มาตื่นตอนเที่ยงแบบนี้แล้วจะทำยังไงดี ทุกคนพากันหลับหมดแบบนี้ ถึงจะมีเวรยามอยู่ตลอดยี่สิบชั่วโมงแต่มันก็ค่อนข้างว่างเสียเหลือเกินก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!"ใครครับ" เสียงหวานตะโกนถามออกไป"ข้าเอง กระรอกน้อย" เสียงทุ้มต่ำตะโกนกลับมา ช่วงขาที่เรียวยาวถึงได้เดินไปเปิดประตู หากเป็นคนรับใช้เกรงว่าเขายังไม่อยากจะพบใครตอนนี้ อยากใช้ความคิดของตนเองมากกว่า"เพิ่งทำงานเสร็จหรือพะยะค่ะ" ใบหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมองถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง มือขาวเกลี่ยปอยผมที่ลงมาปรกใบหน้าอีกฝ่ายออกให้เห็นชัดเจนมากขึ้น เผลอให้เห็นรอยใต้ตาคล้ำจากการทำงานอย่างหนัก ท่าทีอ่อนล้าที่เผยให้เห็นนั้นช่างน่าเป็นห่วงยิ่งนัก"ใช่แล้ว ข้าง่วงมากเลย กระรอ
ดีกว่า มันถูกสร้างมานานมากจนน่าจะมีการดูแลรักษาเสียที ต่อให้มีพลังที่กล้าแกร่งแค่ไหนก็มีวันที่จะได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน"อยากมาช่วยงานข้าไหม กระรอกน้อย" เขาหวังว่าจะได้รับคำตอบในทางที่ดี ไม่เช่นนั้นคงผิดหวังแย่"ข้าช่วยอะไรท่านพี่ด้วยหรือพะยะค่ะ""หรือเจ้าอยากเรียนหนังสือล่ะ""แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าสงสัยมาตลอด และต้องการรู้จากปากของเจ้า""อะไรหรือพะยะค่ะ""เจ้าอ่านภาษาของแวมไพร์ออกได้อย่างไร เจ้าไม่เคยได้เรียนภาษาของพวกข้า""ไม่รู้เหมือนครับ จู่ๆ ก็อ่านได้เอง""ไม่มีใครสอนแน่นะ""ครับ ไม่มี" หมายความว่ามันถูกถ่ายทอดผ่านสายเลือดงั้นรึ ของแบบนี้สามารถทำได้ด้วยเหรอ หรืออาจะเคยได้ยินผ่านๆ"งั้นสนใจมาช่วยงานของข้าไหม""ข้าทำได้หรือขอรับ" ใบหน้าหวานส่ายหัวไปมาด้วยความสงสัย"ในตอนนี้ข้าก็มีเพียงเมล์ที่เป็นผู้ช่วย หากได้เจ้ามาคอยช่วยงานอีกน่าจะเบามือได้ไม่น้อย""ได้ครับ ผมจะช่วย""ถ้างั้นกลับเข้าวังกันเถอะ"ตามปกติแล้วองค์รัชทายาทสามารถเลือกข้ารับใช้คนสนิทไว้ข้างกายได้มากมาย แต่คีย์เลือกเพียงเมล์เท่านั้นเลยทำให้เป็นภาระทางตนเองอย่างหนัก เขาไม่สามารถไว้ใจใครได้ทั้งนั้น การจะเลือกใครมาข้างกายต้องไ
เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมคนทำงานในโลกของเขาส่วนใหญ่ถึงชอบทำงานตอนกลางคืนมากกว่ากลางวัน เพราะมันทั้งเงียบสงบและทำให้คิดงานได้ง่ายกว่าหลายเท่า แถมประสิทธิภาพในการทำงานก็ดีกว่าช่วงกลางวันเป็นไหนๆ แต่วิถีชีวิตของเผ่าพันธ์ถ้าจะให้เปลี่ยนมาทำแบบแวมไพร์คงจะยาก อะไรหลายๆ อย่างก็ไม่ได้อำนวยเสียด้วยแต่ถ้าหากอยู่ร่วมกันไปแบบนี้เรื่อยๆ ริคเองก็น่าจะใช้ชีวิตแบบแวมไพร์ได้ไม่ยากเท่าไหร่นัก มาอยู่ได้ไม่กี่วันก็เริ่มนอนกลางวันแล้วมาทำงานตอนกลางคืนแทน อีกไม่นานคงจะเคยชินกับวิถีชีวิตแบบนี้แน่นอน เอกสารพวกนี้มากจนไม่คิดว่าคือจำนวนของคนที่ต้องทำมันช่างไม่บาลานกันเลยสักนิด ยิ่งอยู่สูงมากเท่าไหร่ยิ่งเหนื่อยมากเท่านั้นสินะ"กระรอกน้อยทำไหวไหม มีอะไรให้ข้าช่วยหรือเปล่า" เสียงทุ้มต่ำถามด้วยความเป็นห่วง"ก่อนที่รัชทายาทจะเป็นห่วงคนอื่น กรุณาห่วงตัวเองก่อนเถอะพะยะค่ะ งานเยอะขนาดนี้ยังทำไม่เสร็จอีก" เมล์ขัดจังหวะทันทีไม่ใช่ว่าไม่ห่วงคุรชายริคแต่อีกคนตั้งท่าจะหนีงานตนเองต่างหาก จึงต้องกันไว้ดีกว่าแก้"ผมยังไม่ง่วงเท่าไหร่ครับ คิด
"พอดีข้าได้ยินว่าเจ้าจะเข้าวังหลวงพรุ่งนี้ เลยอยากจะมาทักทายเสียหน่อย" คลาสเริ่มทำสงครามประสาททันที เนื่องจากเป็นความถนัดของแฝดผู้พี่ที่มักใจเย็นและสุขุมมากกว่าแฝดน้อง"แต่ข้าดันควบคุมพลังไม่ได้เพราะหวงพี่สะใภ้ก็เลยพลั้งมือทำกระจกบ้านเจ้าแตกจนหมด เดี๋ยวจะชดเชยค่าเสียหายให้หลังจากคุยเสร็จ" ครอสราดน้ำมันต่อจากแฝดผู้พี่ทันทีเพราะตนไม่ใช่คนใจเย็นจึงเปิดประเด็นไม่เก่งเท่าไหร่นัก เรียกว่าความแฝดนรกนี้น้อยคนที่จะแยกออกเพราะพวกเขาชอบแต่งตัวและทำท่าทางเหมือนกันตลอดเวลา ถึงจะทำงานกันคนละที่แต่การแต่งตัวยังไม่เปลี่ยนไปเลย"ล้อหม่อมฉันเล่นหรือเปล่าพะยะค่ะ มีหรือที่หนึ่งในอันดับราชวงศ์ที่มีความสามารถของพวกท่านจะพลั้งมือ หากบอกว่าเป็นความตั้งใจจะน่าเชื่อถือกว่าเลย""ใช่! ข้าจงใจทำเองเพราะหมั่นไส้ ไม่รู้จักหาของตัวเองหรือไงถึงได้มาแย่งของคนอื่น" ครอสเริ่มตีฝีปากทันทีเพราะยังไงก็ยอมรับไปแล้วว่าจงใจทำ ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลอะไรทั้งนั้น ก็แค่อยากเห็นสีหน้าของราชวงศ์ที่กลัวจนตัวสั่นบ้างก็เท่านั้นเอง"ข้าจะชวนเจ้าไปวังหล
“ข้าไม่ใช่พี่ชายของท่าน ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรกัน” เสียงทุ้มนุ่มตอบพลางกางมือออกแล้วสับไม้ให้ขาดออกจากกันเป็นสองท่อน“ฝีมือของคุณชายริค สมบูรณ์แบบมากจริง ๆ ”“ขอบคุณสำหรับคำชม แต่ว่าอยากจะลองฝึกด้วยกันไหมล่ะขอรับ” เสียงทุ้มนุ่มถามหลังจากเห็นอีกคนมองด้วยความสนใจมานาน“น่าสนใจขอรับ ต้องเริ่มจากอะไรก่อน” เอิรล์ฟาร์ดอนไม่มีทางปฏิเสธคำชวนอยู่แล้ว เพราะหลังจากสังเกตดี ๆ ช่างเป็นอะไรที่ประหลาดและแตกต่างนักเอิรล์ฟาร์ดอนตั้งใจเรียนสิ่งที่อีกคนสอนอย่างตั้งใจ ถึงจะเข้าใจทั้งหมดแล้วลองทำตามแต่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะต้องใช้พละกำลังที่มหาศาลและสมาธิสูงพอสมควร ดูด้วยตาเปล่ายังไม่สามารถทำตามได้ในทันที“จะทำยังไงต่อไปหรือพะยะค่ะ รัชทายาท” เมล์ถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้วว่าผู้เป็นนายกำลังหวงพระคู่หมั้นของตนเอง“หวังว่าจะผลัดกันแลกเปลี่ยนวิชาเฉย ๆ เพราะข้าผูกพันธะสัญญาเลือดกับไวท์แล้ว ถึงจะมาชอบยังไงคงจะไม่มีทางเป็นไปได้อีก เลิกหวังสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้เสียดีกว่า” เสียง
“อร่อยขอรับ รสชาติแตกต่างจากที่เคยกินมา” ใบหน้าของฟาร์ดอนบ่งบอกถึงความพอใจหลังชิมนมสดของคุณชายริค ไม่ได้โกหกเรื่องรสชาติ อร่อย กลมกล่อม ไม่เหมือนที่เคยกินมาเลย“ถ้างั้นจะลองช่วยกันทำขนมไหมครับ อยากได้คนช่วยนวดแป้ง”“ไม่มีปัญหาขอรับ งั้นให้ทำตรงไหนบ้าง”เสียงหัวเราะของทั้งสองคนระหว่างช่วยกันทำขนมดังพอสมควรจนกระทั่งเฟลิกซ์เดินผ่านมาเห็นพอดี เหมือนผู้เป็นนายของเขาจะมีเสน่ห์มากจนใครเห็นก็เอ็นดู แต่ว่าเอ็นดูอย่างเดียวก็พอ อย่ามีความรู้สึกอื่นเข้ามาด้วย“เจ้าไปตามไวท์มาดูเอกสารตรงนี้สิ คิดว่าน่าจะอยู่ห้องครัว”“พะยะค่ะ รัชทายาท”เมล์จะเดินมาเรียกคุณชายริคให้ไปหาแต่มาเห็นกำลังตั้งใจทำขนมเลยกลายเป็นไม่กล้าเรียกแล้วหยุดยืนรอจนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพัก...“เมล์มีอะไรจะคุยกับผมหรือเปล่าครับ ยืนรอนานแล้วไม่ใช่เหรอ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยทักโดยที่ยังคงพยายามผสมแป้งอยู่ด้านในครัว ทำให้ทุก
มือหนาเปิดซองจดหมายที่ข้ารับใช้คนสนิทของจักรพรรดินีส่งมาให้ ก็ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วว่าสิ่งที่คู่หมั้นของตนเองต้องการคืออะไร เพราะว่าบางทีเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ที่ผ่านมาการปกป้องอยู่ฝ่ายเดียวอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดี“เป็นยังไงบ้างพะยะค่ะ” เมล์ถามด้วยความเป็นห่วง“ข้ารู้แล้วว่าเรื่องอะไร เดี๋ยวจะไปขอโทษไวท์ในช่วงเช้าแล้วกัน”“ถ้างั้นพักผ่อนเถอะพะยะค่ะ ราตรีสวัสดิ์”แกร๊ก!แสงแดดส่องเข้าห้องนอนบ่งบอกถึงเวลาเย็นเพราะเป็นช่วงพระอาทิตย์ตกดิน เขาเริ่มจะชินกับการใช้ชีวิตแบบแวมไพร์ไปเสียแล้ว ถ้าจะตื่นแบบมนุษย์น่าจะใช้เวลาปรับตัวหลายวันอย่างแน่นอน“อรุณสวัสดิ์ขอรับ ท่านไวท์” เฟลิกซ์เอ่ยทักทายพลางเดินเข้ามาแล้วส่งผ้าขนหนูให้“นี่เป็นชาขาวขอรับ เชิญรับประทานก่อนจะไปอาบน้ำขอรับ” มือขาวรับชาจากถ้วยมาโดยไม่พูดอะไร“เดี๋ยวข้าจะไปเตรียมอาหารเช้าให้ขอรับ”
“เลือกของครบหรือยังกระรอกน้อย”“ครบแล้วครับ”“ถ้างั้นกลับกันเถอะ”“ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เจอกันที่พะยะค่ะ รัชทายาท” สวิตเอ่ยทักทายพลางทำความเคารพ“ไม่ต้องมากพิธีลอร์ดสวิต ที่นี่ไม่ใช่ในวัง” เสียงทุ้มต่ำบอกก่อนที่จะมีคนสังเกตเห็น“ไม่ได้เห็นสิ่งนี้นานมากพะยะค่ะ เห็นทีหม่อมฉันจะต้องไปกระจายข่าวลือใหม่”“ข่าวลืออะไรครับ”“ก็ข่าวลือว่าเจ้ากับรัชทายาทมาเดินเที่ยวเล่นด้วยกันนอกวัง จะได้สยบข่าวลือว่าเจ้ากับรัชทายาทจะเลิกกันอย่างไรเล่าไวท์”“อะไรนะครับ” เสียงทุ้มนุ่มตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน มีข่าวแบบนี้ออกไปด้วยเหรอ“ไม่ต้องห่วงไปครับ ข้าจะไปทำให้มีข่าวลือใหม่เอง”“ไม่น่าจะต้องทำแบบนั้นหรอกครับ ดูวุ่นวายเปล่า ๆ ”“ไม่ได้หรอกครับคุณชาย
“ท่านพ่อกับท่านแม่คิดยังไงพะยะค่ะ” คลาสกลั้นใจถามออกมาหลังจากเล่าแผนการทั้งหมดให้ฟัง“สำหรับพ่อเห็นด้วยทุกอย่าง จัดการได้เลย” จักรพรรดิตอบพลางพยักหน้าเห็นด้วย เป็นวิธีที่ดีที่จะสยบข่าวทั้งหมดและทำให้หันความสนใจได้เป็นอย่างดี“แม่เองก็เห็นด้วย เรื่องนี้จะไม่เข้าไปยุ่งอย่างเด็ดขาดแล้วถึงเวลาจะมีการประกาศให้สามารถส่งคนที่จะเข้ามาเป็นคู่หมั้นให้กับลูกทั้งสองคนหลังจากจัดการเรื่องนั้นเรียบร้อย”“พะยะค่ะ ถ้าเช่นนั้นข้ากับน้องจะเริ่มแผนเลย”ฝาแฝดต่างคนต่างเดินทางไปยังเขตปกครองต่าง ๆ ที่มีแวมไพร์ส่งบุตรสาวและบุตรชายมาให้เลือกเป็นพระสนมรวมถึงคนที่หวังจะได้อำนาจที่ใหญ่โตขึ้น หลังจากเจอการต้อนรับขององค์ชายทั้งสองต่างพากันกรีดร้องโหยหวนแล้วรับปากว่าจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีกถึงจะมีการประกาศออกจากทางสำนักพระราชวังให้สามารถส่งคู่ครองมาให้เหล่าองค์ชายฝาแฝดเลือกได้แต่ก็ไม่มีใครส่งมาหาแม้แต่คนเดียว ทุกอย่างเป็นไปตามเกมของแฝดนรก เป็นปีกคู่ป้องกันการเข้าแ
“ถ้าลูกครึ่งเทพมังกรอย่างเจ้าลดยศข้าเช่นนี้ ไม่สู้ประหารข้าไปเลยดีกว่าเหรอ” ลอร์ดฟาร์ดอนตะโกนออกมาเหมือนคนตกใจจนทำตัวไม่ถูก ร่างสูงโปร่งค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้อีกฝ่ายแล้วกระซิบข้างหู“ให้มีชีวิตอยู่อย่างแวมไพร์ถูกลดขั้นเพราะลบหลู่ราชวงศ์มันน่าจะสะใจกว่าการให้หนีไปตายเสียอีก เจ้าถือยศเช่นนี้คงจะเจ็บปวดจนอยากจะตายให้ได้เลยใช่ไหมล่ะ”“แต่ว่า...อย่าเพิ่งรีบตาย ข้าเพิ่งจะเริ่มต้น”“อ๊าก!!!”หลังจากฟังคำพูดที่เหมือนเสียงกระซิบของปีศาจมากกว่าลูกครึ่งเทพมังกร ลอร์ดฟาร์ดอนก็ร้องขอความตายนับครั้งไม่ถ้วนเพราะไม่อยากถูกลงโทษเช่นนี้เหมือนกับคนอื่น ดยุคฟาร์ดอนเห็นสภาพของบุตรชายตนเอง เหล่าขุนนางและผู้สมรู้ร่วมคิดทั้งหมดแล้วก็ได้แต่เหงื่อตกลูกหลานของตาแก่น่ากลัวเหมือนตาแก่จริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินบทลงโทษ การพูดจา และการข่มขู่ให้กลัวแบบนั้น ไม่ผิดแน่นอน เด็กคนนี้คือลูกหลานของตาแก่“พอจะเข้าใจเหตุผลแล้วใช่ไหม ดยุคฟาร์ดอน&
“ท่านพ่อ ทำไมท่านถึงตบข้า”“เจ้าน่าจะถามตัวเองว่าทำไมถึงทำแบบนี้”แววตาของสองพ่อลูกจ้องกันเนิ่นนานเหมือนต่างคนต่างความคิดและไม่ลงรอยกัน คีย์ยืนดูเหตุการณ์อยู่เงียบ ๆ เพราะเขาก็อยากให้จัดการกันเองโดยที่ไม่ต้องเปลืองแรงเหมือนกัน“ทีนี้ องค์รัชทายาทจะตัดสินหม่อมฉันว่ายังไงพะยะค่ะ” ลอร์ดฟาร์ดอนถามพลางแสยะยิ้ม ถึงจะโทษประหารชีวิต เขาก็ไม่คิดที่จะสนใจอยู่แล้วเพราะว่าอย่างไรซะ ก็ไม่มีวันที่จะยอมรับลูกครึ่งเทพมังกรเป็นพระคู่หมั้นเคียงคู่เด็ดขาด“ข้าจะจับเจ้าเข้าคุกหลวงแล้วรอการตัดสินจากคู่หมั้นของข้า คนที่เจ้าเกลียดขี้หน้าจนไม่อยากจะยอมรับนั่นล่ะ”“จับตัวไป”“พะยะค่ะ” หลังสิ้นสุดคำตัดสินขององค์รัชทายาทเหล่าองค์รักษ์หน่วยพิเศษก็มาพากันจับตัวลูกชายคนโตของตระกูลออกไปรับโทษ“ทำแบบนี้ดีแล้วหรือพะยะค่ะ รัชทายาท” ดยุคฟาร์ดอนมองด้วยความสงสัย เพราะเหตุใดถึงให้พระคู่หมั้นตั
“จงเชื่อฟังข้า ช่วงนี้เข้าเรียนภายในวังของท่านพี่ อย่าดื้อ” คลาสบอกพลางจ้องใบหน้าหวานด้วยสีหน้าจริงจัง ถึงจะทำตัวเป็นลูกครึ่งเทพกับมังกรแต่ไม่ใช่ว่าที่จะมาเกรงกลัว“แต่ว่า...”“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น เจ้าจะต้องเชื่อฟังข้าเพราะท่านพี่ฝากฝังเจ้าไว้กับข้า”“ตอนไหน”“ตั้งแต่ตอนที่ท่านพี่ออกไปแล้ว นี่เจ้าไม่รู้ความหมายของท่านพี่งั้นรึ”ไวท์เถียงไม่ออกกับคำพูดของคลาส ถึงเขาจะอยู่ที่นี่มาเกินครึ่งปีแล้วแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาไม่เข้าใจภาษาของที่นี่เลย บางอย่างก็ยังไม่สามารถปรับตัวได้อย่างที่อีกคนกล่าวมากจริง ๆคลาสเห็นไวท์เงียบผิดปกติเลยหันมามองหน้าใกล้มากกว่าเดิม คำพูดของเขาคงไปสะกิดใจเข้าแล้วหรือเปล่า แต่พูดเรื่องจริง ในอนาคตเด็กคนนี้คือจักรพรรดินี จำเป็นต้องเรียนรู้และเตรียมพร้อมสำหรับการขึ้นครองบัลลังค์ไปพร้อมกับพี่ชายของเขา เพราะพี่ชายเลือกที่จะไม่มีสนมก็ต้องช่วยกันทำงาน ลำพังฝั่งอาวุโสช่วยทำงานบริหารบ้านเม
“หมายถึงอะไร อย่าคุยอะไรที่พวกเจ้ารู้กันแค่สองคน” รัชทายาทบอกพลางส่ายหัวไปมา ทุกครั้งที่เห็นพฤติกรรมแบบนี้ของน้องชายฝาแฝด มันจะต้องมีอะไรแน่นอนเลย“ข้ากับครอสจะไปจัดการบุคคลที่ส่งรายชื่อมาหาท่านพี่ทั้งหมด แล้วไล่ตรวจสอบเรื่องที่มาของรายได้ทั้งหมด หากใครมีการทุจริตเกิดขึ้น จะไล่ส่งเรื่องเข้าทางสำนักพระราชวังให้สั่งขังให้หมดครับ”“ใช่แล้วท่านพี่คลาส เพราะว่าการทำแบบนี้เพราะหวังในอำนาจและจะต้องมีเบื้องหลังที่ไม่ดีอย่างแน่นอน ก็ไล่สั่งขังให้หมดที่มีความผิด ส่วนตระกูลไหนไม่มีความผิดก็จะเดินทางไปเยี่ยมให้ไม่มาวุ่นวายกับท่านพี่อีก”“เผด็จศึกทั้งทางที่ดีและไม่ดีสินะ หึ! เอาสิ ข้าอนุญาต”“ไม่ใช่นะครับท่านพี่ ข้าใจเย็นกว่าครอสแน่นอน แต่ก็ไม่คิดจะห้ามเช่นกัน”“ถ้างั้นเป็นอันตกลงแผนนี้ ระหว่างที่อยู่ที่นี่มาวางแผนกันเถอะ!”ทั้งสามคนเริ่มไล่รายชื่อตระกูลที่ส่งเอกสารบุตรสาวและบุตรชายมาให้เลือกเป็นพระสน