เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมคนทำงานในโลกของเขาส่วนใหญ่ถึงชอบทำงานตอนกลางคืนมากกว่ากลางวัน เพราะมันทั้งเงียบสงบและทำให้คิดงานได้ง่ายกว่าหลายเท่า แถมประสิทธิภาพในการทำงานก็ดีกว่าช่วงกลางวันเป็นไหนๆ แต่วิถีชีวิตของเผ่าพันธ์ถ้าจะให้เปลี่ยนมาทำแบบแวมไพร์คงจะยาก อะไรหลายๆ อย่างก็ไม่ได้อำนวยเสียด้วย
แต่ถ้าหากอยู่ร่วมกันไปแบบนี้เรื่อยๆ ริคเองก็น่าจะใช้ชีวิตแบบแวมไพร์ได้ไม่ยากเท่าไหร่นัก มาอยู่ได้ไม่กี่วันก็เริ่มนอนกลางวันแล้วมาทำงานตอนกลางคืนแทน อีกไม่นานคงจะเคยชินกับวิถีชีวิตแบบนี้แน่นอน เอกสารพวกนี้มากจนไม่คิดว่าคือจำนวนของคนที่ต้องทำมันช่างไม่บาลานกันเลยสักนิด ยิ่งอยู่สูงมากเท่าไหร่ยิ่งเหนื่อยมากเท่านั้นสินะ
"กระรอกน้อยทำไหวไหม มีอะไรให้ข้าช่วยหรือเปล่า" เสียงทุ้มต่ำถามด้วยความเป็นห่วง
"ก่อนที่รัชทายาทจะเป็นห่วงคนอื่น กรุณาห่วงตัวเองก่อนเถอะพะยะค่ะ งานเยอะขนาดนี้ยังทำไม่เสร็จอีก" เมล์ขัดจังหวะทันทีไม่ใช่ว่าไม่ห่วงคุรชายริคแต่อีกคนตั้งท่าจะหนีงานตนเองต่างหาก จึงต้องกันไว้ดีกว่าแก้
"ผมยังไม่ง่วงเท่าไหร่ครับ คิดว่ารีบจัดการตรงนี้ให้เสร็จก่อนดีกว่า" เสียงหวานตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มสดใส หวังว่าจะไม่มีการทะเลาะกันเกิดขึ้นอีก
"คุณชายไวท์ช่างสมชื่อมากจริงๆ ขอรับ งดงาม สง่างาม สดใสเหมือนสีขาว ไม่เหมือนคนแถวนี้หรอกขอรับ ดำมืดมากจนไม่คู่ควรกับแสงสว่าง" เมล์ยังไม่ลืมที่จะจิกกัดเพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกันอย่างคีย์
"ทั้งสองคนหยุดต่อปากต่อคำกันได้แล้วครับ เดี๋ยวผมไปทำของหวานมาให้กิน เพราะฉะนั้นกรุณาหยุดเถียงกันได้แล้ว" ครั้งนี้ริคทนไม่ไหวถึงกับยกมือห้ามไม่ให้มีการทะเลาะกันเกิดขึ้นอีก เถียงกันเรื่องงานก็มากพออยู่แล้ว เรื่องอื่นไม่จำเป็นต้องเถียงกันมากขนาดนั้น
ทันทีที่ร่างสูงโปร่งเดินออกมาจากห้องทำงานเหล่าแวมไพร์หนุ่มที่อยู่ด้านในก็ยังเถียงกันต่อไปจนริคไม่ได้ยินเพราะเดินมาไกลจากห้องทำงาน มือขาวหยิบส่วนผสมจากห้องครัวอันได้แก่ ไข่ไก่ 1 ฟอง น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ นมจืด (150 Ml) กลิ่นวานิลลา ของเหล่านี้เป็นส่วนผสมของคัสตาร์ดพุดดิ้ง ต่อมาก็น้ำตาล 1 ช้อนชา น้ำ 1 ช้อนชา น้ำร้อน 1 ช้อนชา ของเหล่านี้เป็นส่วนผสมของคาราเมล น่าจะจัดสักห้าหกชุดเผื่อไม่อิ่มกัน เตรียมต้มนมสดไว้ด้วยเลยดีกว่า จะได้มีอะไรอุ่นๆ ดื่มหลังกินของหวานแล้ว
แล้วก็เริ่มทำตามในสิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากโลกของตนเองต่อทันที มีพ่อครัวและหัวหน้าพ่อบ้านแอบมองอยู่ห่างๆ เพราะไม่เคยเห็นวิธีการทำอะไรแบบนี้มาก่อน ที่นี่มีเพียงอาหารหลักกับขนมที่กินเป็นชิ้นเป็นอันเท่านั้น ถึงจะเตรียมของไว้หลายอย่างหลายหม้อด้วยตัวคนเดียวก็ไม่เป็นอุปสวรรค ร่างสูงโปร่งหมุนตัวไปมาราวกับร่ายรำระหว่างการทำขนมไปด้วย เหล่าบรรดาแวมไพร์ที่แอบมองอยู่ถึงกับต้องมนต์สะกด
นอกจากกลิ่นขนมที่ทำจะหอมแล้วกลิ่นเลือดของเจ้าตัวก็หอมหวานเช่นกัน แต่ที่ไม่มีใครกล้าแตะต้องเพราะเป็นคนของรัชทายาท แม้จะเป็นมนุษย์แต่ก็อย่าไปข้องเกี่ยวเด็ดขาดเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของตนเอง อยากมีอายุยืนยาวแบบแวมไพร์ไม่ใช่อายุสั้นแบบมนุษย์ ไม่ใช่ว่าริคไม่รู้ว่าถูกมองอยู่แต่ขี้เกียจไปซักถามให้เสียเวลา รีบทำรีบขึ้นไปช่วยงานดีกว่าจะได้เสร็จเร็วๆ
"ข้าต้มนมสดไว้เพื่อทุกคนนะ! หม้อนี่ดื่มกันตามสบายเลย ข้าเตรียมส่วนของพวกข้าเอาไว้แล้ว" เสียงหวานเอ่ยบอกทำให้เหล่าพ่อบ้านสะดุ้งกันเป็นแถบไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัว ซึ่งต้องบอกว่าเป็นการแอบดูที่โจ่งแจ้งมาก หากไม่รู้นี่ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว
"ข้าไม่คิดว่าข่าวลือเหล่านั้นจะเป็นจริง คุณชายริคทำขนมเก่งมากขอรับ"
"ขอบคุณสำหรับคำชมนะ ไปกินกันเถอะ"
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
"อาหารว่างมาแล้วครับ ครั้งนี้เป็นพุดดิ้งกับนมสดร้อน รับประทานคู่กันจะได้ไม่หวานมากเกินไป ผมปรุงมารสกลางๆ "
"ใครได้กระรอกน้อยไปเป็นภรรยาจะต้องโชคดีมากแน่ๆ ได้กินขนมแปลกๆ ทุกวันเลย แค่คิดก็อิจฉาแล้ว" คีย์ชื่นชมอย่างพึงพอใจและการที่เขาพูดไม่ได้หมายถึงคนอื่น เขาหมายถึงตนเองจะโชคดีมากถ้าได้แต่งงานกับริคต่างหากล่ะ
"ฝีมือการทำขนมของคุณชายริคนับวันยิ่งเป็นที่สนใจของเหล่าผู้ดีชั้นสูงในสังคมแวมไพร์ อีกไม่นานจะต้องมีคนมาจีบแน่นอนขอรับ"
"รสชาติเป็นยังไงบ้างครับ" ริคสนใจเรื่องรสชาติของขนมมากกว่าชื่นชมในการทำ เมื่อทั้งคู่พยักหน้าว่าอร่อยก็ทำให้โล่งอกไม่เสียแรงที่ลงทุนไปเรียนมาเพื่อช่วยงานแม่ตนเอง
"ถ้าอย่างงั้นก็ทำงานกันต่อเลยดีกว่าครับ พรุ่งนี้จะได้ออกเดินทางกันแต่หัวค่ำ"
ณ คฤหาสน์ตระกูลสวิต (คฤหาสน์ของคุณชายคนโตของตระกูล)
"คุณชายริคจะออกเดินทางเข้าวังหลวงวันพรุ่งนี้ขอรับ"
"งั้นรึ" เทรเลอร์ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี เขาให้ความสนใจตั้งแต่ตอนที่บีบคอแต่สายตาที่ไม่ยอมแพ้แบบนั้นช่างน่าดึงดูดเสียจริง ปกติมนุษย์ทั่วไปเจอแวมไพร์ทำร้ายร่างกายต้องตกใจหวาดกลัวกันทั้งนั้น มีเพียงริคเท่านั้นที่ไม่เกรงกลัวแล้วแบบนี้จะไม่น่าสนใจได้อย่างไรกัน
"พรุ่งนี้ข้าจะออกเดินทางเข้าวังหลวงด้วย"
เพล้ง!
เสียงกระจกแตกรอบทิศทางห้องทำงานแวมไพร์หนุ่มด้วยความเร็วระดับราชวงศ์สามารถหลบได้ง่ายดาย แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าใครกันที่กล้าทำแบบนี้กับราชวงศ์ หากเป็นพวกขุนนางแล้วมีใครมาวุ่นวายอาจจะเพราะต้องการอำนาจที่เพิ่มขึ้นแต่อำนาจของราชวงศ์ไม่ใช่สิ่งที่จะแย่งมาได้เพราะมันคือสิ่งที่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด คนที่ทำแบบนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
"เศษแก้วไม่บาดใช่ไหมครอส" คลาสถามด้วยความเป็นห่วงพลางช่วยปัดเศษแก้วให้น้องชายฝาแฝดตนเองอย่างไม่ทุกขร้อนอะไร
"ไม่บาด ข้าแข็งแรงจะตายพี่ก็รู้"
"ปากดีให้ได้ตลอดนะ"
"อย่ามาสร้างโลกของแฝดได้ไหมพะยะค่ะ มาหาหม่อมฉันถึงที่นี่ต้องการอะไรไม่ทราบ" เทรเลอร์พยายามระงับอารมณ์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่หน้าตาของเขานั้นไม่อาจปิดบังได้เลย
"พอดีข้าได้ยินว่าเจ้าจะเข้าวังหลวงพรุ่งนี้ เลยอยากจะมาทักทายเสียหน่อย" คลาสเริ่มทำสงครามประสาททันที เนื่องจากเป็นความถนัดของแฝดผู้พี่ที่มักใจเย็นและสุขุมมากกว่าแฝดน้อง"แต่ข้าดันควบคุมพลังไม่ได้เพราะหวงพี่สะใภ้ก็เลยพลั้งมือทำกระจกบ้านเจ้าแตกจนหมด เดี๋ยวจะชดเชยค่าเสียหายให้หลังจากคุยเสร็จ" ครอสราดน้ำมันต่อจากแฝดผู้พี่ทันทีเพราะตนไม่ใช่คนใจเย็นจึงเปิดประเด็นไม่เก่งเท่าไหร่นัก เรียกว่าความแฝดนรกนี้น้อยคนที่จะแยกออกเพราะพวกเขาชอบแต่งตัวและทำท่าทางเหมือนกันตลอดเวลา ถึงจะทำงานกันคนละที่แต่การแต่งตัวยังไม่เปลี่ยนไปเลย"ล้อหม่อมฉันเล่นหรือเปล่าพะยะค่ะ มีหรือที่หนึ่งในอันดับราชวงศ์ที่มีความสามารถของพวกท่านจะพลั้งมือ หากบอกว่าเป็นความตั้งใจจะน่าเชื่อถือกว่าเลย""ใช่! ข้าจงใจทำเองเพราะหมั่นไส้ ไม่รู้จักหาของตัวเองหรือไงถึงได้มาแย่งของคนอื่น" ครอสเริ่มตีฝีปากทันทีเพราะยังไงก็ยอมรับไปแล้วว่าจงใจทำ ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลอะไรทั้งนั้น ก็แค่อยากเห็นสีหน้าของราชวงศ์ที่กลัวจนตัวสั่นบ้างก็เท่านั้นเอง"ข้าจะชวนเจ้าไปวังหล
"จะไม่ให้ข้ามีปัญหาได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าเอาเด็กที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามาเป็นว่าที่จักรพรรดินีองค์ต่อไปได้อย่างไรกัน" หัวหน้าตระกูลริคไม่มีทีท่าว่าจะถอยให้กับผู้เป็นน้องสาวของเขาเลยแม้แต่ก้าวเดียว เรื่องราชวงศ์เป็นสิ่งสำคัญ ไหนจะเรื่องการมีทายาทอีก"หม่อมฉันรู้จักแม้กระทั่งตาของเด็กคนนี้ ท่านลุงยังมีปัญญาอะไรอีกหรือไม่ขอรับ" รัชทายาทเองก็ทนฟังไม่ไหวแล้วเหมือนกัน จะว่าใครก็ได้แต่ไม่ใช่กับกระรอกน้อยของเขา"หมายความว่ายังไงกันแน่"แกร๊ก!"หม่อมฉันขอเชิญดยุคริค ท่านจักรพรรดินี รัชทายาท คุณชายไวท์ ไปที่ห้องทำงานของท่านจักรพรรดิด้วย" มีเทนมาได้จังหวะสงบศึกสงครามน้ำลายของทั้งสามได้ทันเวลาพอดีจำเป็นที่จะต้องถกเถียงกันขนาดนี้ไหม บางทีถ้ายอมฟังกันก่อนเรื่องราวมันไม่น่าจะอลหม่านขนาดนี้นะ จักรพรรดินีหัวแข็งไม่ฟังใคร ดยุคริคก็ไม่ยอมอ่อนข้อ รัชทายาทก็ให้ท้ายจนไม่ลืมหูลืมตา จะบอกว่าเหมาะสมสำหรับการทะเลาะกันก็คงไม่แปลกเลยจริงๆ ถ้ามีเทนไม่มาห้ามไว้มีหวังได้มีสงครามมากกว่าน้ำลายแน่นอน แค่คิดก็ปวด
"อรุณสวัสดิ์ครับ คุณมีเทน""อรุณสวัสดิ์ขอรับ คุณชายไวท์ ตื่นแต่หัวค่ำเลยนะขอรับ""เล่นนอนไวแบบนั้นก็เลยตื่นไวไปด้วยครับ ขอไปห้องครัวด้วยจะได้ไหมครับ""ถ้ากระผมปฎิเสธคุณอีกจะต้องโดนสายตาของแวมไพร์ชั้นสูงรุมอีกแน่ครับ ถ้างั้นผมจะนำทางให้" คนในวังหลวงยังไม่เคยเห็นร่างสูงโปร่งมาก่อนเพราะว่าตั้งแต่เกิดเรื่องที่งานเลี้ยงก็ไปอยู่วังของรัชทายาทแล้วเดินทางไปยังใต้ต่อทันที จนวันนี้ทุกคนได้พบเห็นรูปร่างหน้าตาของไวท์แล้วถึงกับตกตะลึงไปหลายคน เพราะรูปร่างดูเหมือนผู้ชายรวมไปถึงกล้ามเนื้ออันแข็งแรงแบบนักกีฬาแต่หน้าตาหวานปานผู้หญิง ถึงจะดูขัดกันแต่เมื่อรวมอยู่ในคนๆ เดียวนั้นเรียกได้ว่าเป็นชายหนุ่มที่รูปงามยิ่งนักห้องครัวจากวังหลวงนั้นใหญ่โตกว่าวังของรัชทายาทมาก กว้างเสียจนไม่รู้ว่าไปสุดทางไหน มือขาวหยิบจับของที่สามารถมาทำเป็นขนมได้ทันทีโดยไม่ได้พูดคุยกับใคร มีเหล่าพ่อครัวมากมายจะมาห้ามปรามการกระทำดังกล่าว จะให้แขกมาทำอาหารได้อย่างไร มันไม่ถูกต้องเลยสักนิดแต่ก็ได้รับคำตอบเป็นรังสีอำมหิตมาจากบุคคลที่มีอำนาจรองจากองค์
"หมอหลวง เมื่อไหร่กระรอกน้อยจะฟื้น นี่มันสามวันแล้วนะ" รัชทายาทเร่งด้วยความร้อนใจ ตั้งแต่คนที่ปกป้องไวท์ปรากฏตัวคราวนั้น ก็ทำให้เหล่าคนรับใช้แพร่ข่าวลือใหม่ออกไปว่าเป็นลูกครึ่งเทพกับมังกร จะต้องนำพาความโชคดีมาให้กับจักรวรรดิอย่างแน่นอน แต่ความโชคดีนั้นทำไมถึงไม่ส่งผลกับเจ้าตัวเลยล่ะ ทำไมถึงนอนนิ่งอยู่แบบนี้ จะให้ข้าช้ำใจตายหรืออย่างไรกัน ฟื้นขึ้นมาเถอะ เจ็บจนจะทนไม่ไหวแล้ว"ออกไปให้หมด" การบังคับเสียงไม่ให้สั่นมันยากถึงเพียงนี้เชียวหรือ"พะยะค่ะ รัชทายาท / เพคะ รัชทายาท"น้ำตาของร่างสูงเอ่อล้นไปรอบดวงตาจนไหลรินออกมาอย่างไม่ขาดสาย ถึงแม้ว่าอาการบาดเจ็บทางร่างกายจะหายตั้งแต่วันแรกที่ได้รับการรักษาแล้วก็ตาม แต่กลับไม่ฟื้นขึ้นมาเสียที ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ไม่น่าเชื่อว่าแวมไพร์ที่เย็นชาอย่างเขาจะต้องมานั่งร้องไห้ให้กับมนุษย์เพียงคนเดียวด้วย ช่างน่าขันเสียจริง"พี่คีย์ ร้องไห้ทำไมเหรอครับ ใครทำอะไรให้เสียใจเหรอ" มือขาวเกลี่ยน้ำตาที่อยู่หางตาทั้งสองข้างด้วยความเป็นห่วง ทำไมสีหน้าอิดโรยแบบนี้ ไม
"มิน่าล่ะ! ข้าถึงได้หลับตามน้ำแบบไม่อยากจะตื่น พลังของท่านพี่สุดยอดไปเลย" ไวท์บอกพลางชูนิ้วโป้งให้ทั้งสองข้าง สำหรับจักรวรรดิแล้วการยกนิ้วไม่มีความหมายอะไรแต่ดูท่าสำหรับโลกมนุษย์น่าจะหมายถึงเก่งหรือเปล่า"ในโลกมนุษย์หมายความว่าเก่งใช่ไหม""ไม่ใช่แค่เก่งนะพะยะค่ะ เขาเรียกว่าเจ๋งไปเลย""เจ๋งไปเลย หมายความว่าอย่างไร""หมายความว่าสุดยอดมาก แปลกใหม่ เรียกว่าเจ๋งพะยะค่ะ""ข้าคิดว่าตอนนี้พวกเจ้าควรกินอะไรสักหน่อยนะ อาหารถูกยกมาวางให้แล้ว พวกเจ้าก็คุยกันต่อไปเถอะ" จักรพรรดิไอสองสามครั้งเพื่อเตือนว่าไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งคุยกันสบายใจแบบนี้ ควรกินข้าวและไปจัดการเรื่องข่าวลือให้เรียบร้อยเสียก่อน ไม่เช่นนั้นน่าจะกลายเป็นเรื่องไปมากกว่านี้อย่างแน่นอน"รัชทายาท""พะยะค่ะ ท่านพ่อ""เจ้าจะต้องเข้าไปอธิบายเรื่องการดีฟให้ที่ประชุมฟัง ส่วนหนูไวท์" เรื่องดีฟคือหัวข้อสำคัญในการคุยงานครั้งนี้งั้นรึ"พะยะค่ะ ท่านจักรพรรด
"อะไรนะ! เทพ! ""อะไรนะ! มังกร! "ความโกลาหลเกิดขึ้นในห้องประชุมทันทีเพราะเทพกับมังกรคือสิ่งที่แวมไพร์ไม่สามารถต่อกรได้สักอย่าง แต่สายเลือดที่น่ากลัวทั้งสองดันไหลเวียนอยู่ในตัวมนุษย์ผู้นี้ แถมยังเป็นเทพแห่งแสงสว่างและมังกรที่แข็งแกร่งที่สุดของยุคอีกต่างหากทำอะไรให้ไม่พอใจขึ้นมา จักรวรรดิไม่ล่มสลายเพราะเด็กคนนี้งั้นรึ รัชทายาทไปเจอตัวมาได้ยังไงกันปึง!"เงียบ แล้วฟังที่รัชทายาทพูดต่อ" จักรพรรดิทุบโต๊ะเพื่อปรามให้เหล่าแวมไพร์ทั้งหมดสงบลงทั้งในห้องประชุมและนอกห้องประชุม เสียงที่เปล่งออกมาช่างทรงพลังยิ่งนัก"เรื่องชาติกำเนิดน่าจะหมดปัญหาแล้ว ต่อไปคือเรื่องที่ว่าอาการของข้าจะเป็นอะไรไหม ข้าแค่ดีฟไปสองสามวันเพราะทำงานหนักเฉยๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงและสั่นคลอนทั้งนั้น ใครที่หวังจะชิงบัลลังค์ก็รีบล้มเลิกไปซะ ถ้ายังอยากมีชีวิตที่ยืนยาวต่อไป""ข้าไม่ได้หวังให้ประชาชนเห็นด้วยมากนัก แต่ประชาชนบางส่วนที่เคยเจอมนุษย์ผู้นี้แล้วก็รับรู้ได้ใช่หรือไม่ว่าเขาไม่ได้เป็นอันตรายกับพว
"แม่อยากคุยกับหนูไวท์แต่ตามหาตัวตั้งนานแล้วไม่เจอ ก็เลยตามกลิ่นเลือดมาถึงรู้ว่าอยู่สวนหลังวังนี่เอง ชงชาให้แม่ดื่มหน่อยได้ไหมเอ่ย""ได้พะยะค่ะ แต่ว่าหม่อมฉันต้องเตรียมอุปกรณ์ก่อนแล้วพวกเขาจะทำยังไงดีพะยะค่ะ" ดวงตากลมโตมองไปยังกลุ่มเหล่าลูกครึ่งแวมไพร์ด้วยความสงสารเพราะตนเองก็ไม่มีอำนาจมากพอที่จะพาไปไหนมาไหนและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูดีกว่านี้ จะทำให้เธอเอ็นดูไปถึงไหนกันนะ"แม่คิดว่าพวกเขาน่าจะดูแลตัวเองกันได้นะ รัชทายาทสั่งให้ใครดูแลหนูไวท์บ้าง" จักรพรรดินีส่งสายตาคาดโทษไปด้วยถึงพวกเขาจะไม่กลัวเพราะเป็นคนของรัชทายาทก็เถอะ ร้ายกาจกันจริงๆ เจ้าพวกนี้"ถ้างั้นเฟลิกซ์ตามผมมาที่ห้องครัว ท่านจักรพรรดินีรบกวนรอที่ห้องนะพะยะค่ะ""ไม่จ๊ะ แม่อยากดูหนูไวท์ชงชาด้วยตาตัวเอง""งั้นไปกันครับ" ร่างสูงโปร่งเดินนำไปยังห้องครัวโดยมีผู้ติดตามของจักรพรรดินีและของตนเองตามมาไม่ห่าง ตอนแรกมีการนินทาเรื่องความไม่แน่นอน ชาติกำเนิด ตอนนี้เปลี่ยนเป็นว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องว่าที่จักรพรรดินีไหม หรืออะไรยังไงก
ณ ห้องนั่งเล่น"แม่ต้องการคำอธิบายจากรัชทายาท ลูกไปเจอเด็กคนนี้มาจากที่ไหน ทำไมช่างเหมือนมนุษย์เมื่อร้อยปีก่อนที่ลูกเก็บได้ไม่มีผิดเพี้ยน ฉลาดหลักแหลม วางตัวดี พูดจาเฉียบขาด แถมยังสามารถสยบแฝดได้ด้วย ขนาดแม่ยังจำแฝดสลับกันเลย มันหมายความว่ายังไงกันแน่" จักรพรรดินีรัวคำถามใส่ลูกชายคนโตเป็นจำนวนมากแต่อีกฝ่ายทำเพียงยิ้มตอบมาเท่านั้น ไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไรมากมาย"ท่านแม่ถามมากมายขนาดนี้ ข้าตอบไม่ถูกเลยพะยะค่ะ" รัชทายาทตอบพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ท่าทางที่ไม่ได้มาเห็นมาเป็นเวลาร้อยปี บัดนี้ทุกอย่างปลดล็อคหมดแล้ว ไร้คำถามจากองค์จักรพรรดินีมีเพียงการส่งรอยยิ้มแบบเดียวกันคืนกลับไปเท่านั้น"อย่ามารู้กันแค่สองคนแล้วปล่อยให้พวกผมงงแบบนี้ได้ไหม รีบบอกความจริงมาได้แล้ว" คลาสเริ่มโวยวายทันทีเพราะตนเองเกิดช้ากว่าอยู่หลายร้อยปี ทำให้เรื่องราวบางอย่างก็ไม่ได้รับรู้เท่าพี่คนโตมากนัก และในรัชสมัยของจักรพรรดิองค์ปัจจุบันนั้นมีจักรพรรดินีเป็นภรรยาเพียงคนเดียว ไม่ได้มีราชินีหรือพระสนมเพิ่มแม้แต่คนเดียว ทำให้เหล่าเชื้อพระวงศ์และขุนนางรุ่นใหม่รักเ
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวก็ไม่มีใครกล้าแกล้งคุณชายริค ไวท์อีกเลย ถึงจะมีหลายๆ คนไม่ค่อยพอใจที่ให้เลือดผสมเรียนรวมกับเลือดบริสุทธิ์อย่างพวกเขาก็ตามที แต่ด้วยตำแหน่งคู่หมั้นของรัชทายาทก็ทำให้คนที่พากันทำแบบนั้นมีจุดจบที่น่าอับอายไม่น้อย ลงโทษแบบนั้นยอมตายเสียดีกว่ามีชีวิตแบบถูกลดตำแหน่งแบบนั้นไปตั้งหลายปี ถึงจะรู้ว่านิสัยของคุณชายมีเมตตาแต่ความเมตตานั้นเป็นดาบสองคมมากกว่าทำให้ฝ่ายที่ไม่พอใจและไม่เห็นด้วยพากันมาขอโทษและหวังว่าจะได้รับการให้อภัยจากอีกฝ่าย เพราะไม่อยากถูกลงโทษอะไรแบบนี้อีกแล้ว มันรู้สึกน่าอับอายมากกว่าเดิมที่ต้องให้อีกฝ่ายมาขอร้องลดโทษให้ ทั้งที่พวกเขาผิดก็สมควรจะได้รับโทษอย่างเต็มที่ จากไม่เห็นด้วยเป็นการยอมรับถึงจะยังไม่ทั้งหมดแต่ก็ถือว่าเข้าใจบ้างในบางเรื่อง"ไม่เป็นไรหรอก ข้าไม่ได้โกรธอะไรพวกเจ้า ไม่ต้องมาขอโทษกัน""ขอบคุณขอรับที่ใจดีกับพวกข้าขนาดนี้""ไม่หรอก ถ้าเป็นเรื่องงานหรือการต่อสู้ข้าคงไม่ยอมอ่อนข้อให้หรอก ยังไงซะพลังของข
"ความสัมพันธ์ไม่คืบหน้าบ้างเลยหรือพะยะค่ะ" เมล์ถามด้วยความสงสัย"เจ้าหมายความว่ายังไงกัน เมล์""ข้าหมายความตามที่พูดเลยพะยะค่ะ""เจ้าไม่ต้องอยากทำให้มันเป็นแบบแผนขนาดนั้นหรอก อย่างไรเสียข้ากับไวท์ก็เป็นคู่หมั้นหมายกันเท่านั้น" จะให้หมายถึงอะไรอีก ไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิด"ข้าหมายถึงการสัมผัส การจับมือ การกอดกันก็ถือว่าพัฒนาความสัมพันธ์ได้พะยะค่ะ บางทีการที่พระองค์สงวนท่าทีอยู่ตลอดเวลาอาจจะทำให้ท่านไวท์ไม่ได้รับรู้มากนักและกำลังเป็นกังวลอยู่ก็ได้ ข้าอยากให้ท่านแสดงออกมากกว่านี้""ข้าพูดในฐานะเพื่อนที่รู้จักกันมานาน ไม่อยากให้คนรักของเพื่อนเกิดความน้อยใจ หรือสงสัยในตัวคนรักว่าเลือกถูกหรือเปล่าที่หมั้นกับคนอย่างเจ้า อย่าลืมว่านี่เป็นเพียงการหมั้นเท่านั้น หากความสัมพันธ์ไม่มั่นคงแล้วไวท์เกิดขอถอนหมั้นขึ้นมา เรื่องแบบนั้นย่อมทำได้...เจ้ารู้หรือไม่คีย์" เมล์อยากให้เพื่อนของตนเองแสดงความรักกับคนที่ตนเองชอบมากกว่านี้ ไ
ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่อยู่จักรวรรดิแห่งนี้ ทำให้คุณชายริค ไวท์ ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม ฐานะทางสังคมได้เป็นอย่างดี รวมถึงได้รับอนุญาตให้เข้าเรียนโรงเรียนของคุณชายที่เป็นเชื้อพระวงศ์เพื่อเรียนรู้การปกครองบ้านเมืองสืบไป และเป็นที่รู้จักกันในนามว่าที่คู่หมั้นขององค์รัชทายาทแห่งจักรวรรดิ อีกทั้งยังทำพันธะสัญญาเลือดเป็นที่เรียบร้อย ไม่มีใครสามารถพรากทั้งสองคนจากกันได้อย่างเด็ดขาดบัตรเชิญมากมายได้ถูกส่งไปยังหัวเมืองน้อยใหญ่ทั่วทั้งจักรวรรดิเพื่อให้มาร่วมงานที่ใหญ่ที่สุดในรอบหลายร้อยปี เพราะการแต่งงานของแวมไพร์ชนชั้นสูงพบเห็นได้น้อยและค่อนข้างนาน เนื่องจากอายุขัยที่ไม่มีวันสิ้นสุดทำให้ไม่รู้สึกว่าจะต้องเร่งรีบหาคู่เท่าใดนัก บรรยากาศคับคั่งไปด้วยบรรดาแขกคนสำคัญที่ไม่ค่อยเดินทางออกจากเขตปกครองมารวมตัวกันหมดที่นี่สถานที่แห่งนี้ประดับด้วยดอกไม้สีขาว สีทอง สีฟ้า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ขององค์รัชทายาทและคุณชายตระกูลริคผู้เป็นเชื้อพระวงศ์ โดยได้รับการยอมรับจากขุนนางทั้งฝั่งเชื้อพระวงศ์ทั้งฝั่งผู้รับใช้เป็นที่เรียบร้อย ไม่มีปัญหาใ
มีการเตรียมตัวเพื่อที่จะไปพักสถานที่ดังกล่าวและทุกคนยกเว้นไวท์รู้อยู่แล้วว่าที่นั่นคือบ้านพักตากอากาศของตระกูลริค ถึงจะไม่ใช่สถานที่แปลกใหม่อะไรสำหรับคนที่มีอายุมาหลายร้อยปีแบบพวกเขา แต่อาจจะเป็นสถานที่น่าสนใจของเด็กคนนี้ก็ได้ เขาเองถึงจะเคยไปตรวจงานราชการมามากมายแต่สถานที่ของตระกูลริคก็ไม่ได้มาบ่อยนัก แทบจะไม่รู้ว่าด้วยซ้ำว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไรที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่พักผ่อนของตระกูลริค เป็นสถานที่ห่างไกลออกมาจากบ้านตระกูลหลักพอสมควรแต่ยังสามารถเดินทางมาได้หากอยากทำอะไรที่ต้องการความสงบ มักถูกใช้ในช่วงสอบหรือการทดสอบเลื่อนขั้นในการรับยศของขุนนาง จึงมีแต่หนังสือและสถานที่ฝึกซ้อมต่อสู้เป็นหลัก มีสวนดอกไม้ให้พักผ่อนหย่อนใจบ้างตามโอกาสที่เหมาะสม"ชอบที่นี่หรือไม่" คีย์ถามด้วยความอยากรู้ เพราะว่าความที่อีกคนไม่ค่อยปฏิเสธหรือตอบรับอะไรทำให้รับรู้ได้ยากมาก การซักถามถือเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้รับรู้ได้"ชอบครับ ที่นี่สวยมากเลย" ถึงจะมีแต่สิ่งที่เหมาะสำหรับการฝึกฝนแต่สวนดอกไม้ที่นี่สวย แ
"ถ้าไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว กลับเมืองหลวงกันเถอะ" เสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นมาเพราะอยากจัดการเรื่องงานหมั้นให้เรียบร้อย เพราะการทำสัญญาที่ว่าเร็วแล้ว ควรรับผิดชอบด้วยการกระทำให้เร็วที่สุด"เจ้ากับข้าต้องกลับไปจัดงานหมั้นหมายให้ถูกต้องอีก เพราะคุยกับตระกูลริคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว" รัชทายาทเร่งขึ้นอีกในประโยคถัดมาเมื่อเห็นใบหน้าหวานทำหน้าสงสัยจึงตอบไปในทันที"ท่านพี่รีบร้อนเกินไปหรือเปล่า ทำไมไม่ไปเที่ยวในเขตนี้เสียเลยล่ะ" คลาสเอ่ยทักเพราะที่นี่มีสถานที่หลายแห่งค่อนข้างสวยงาม และคงจะเป็นการดีไม่น้อยที่คุณชายของตระกูลจะเที่ยวเล่นในเขตการปกครองของตระกูลบ้าง"เป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน ข้าจะลองทำตามที่เจ้าบอกแล้วกันคลาส" มัวแต่คิดเรื่องการเตรียมงานหมั้นมากจนเกินไป จนไม่ได้สังเกตเลยว่าเด็กคนนี้อาจจะอยากไปผ่อนคลายบ้าง"เจ้าคิดยังไงไวท์""ผมคิดว่าได้ท่องเที่ยวสักหน่อยก็ไม่เลวนะครับ ทุกคนสะดวกไปด้วยกันไหม" เสียงทุ้มนุ่มถามทุกคนในท
"ถ้างั้นยืนขึ้นดีๆ แล้วปลดคอเสื้อลงหน่อย ข้าจะได้กัดง่ายขึ้น" คีย์บอกพลางพยายามควบคุมตนเองไม่ให้สติแตกและควบคุมพลังให้ได้มากที่สุด"ครับ"รัชทายาทยืนทำใจให้สงบและควบคุมสติให้ได้มากที่สุด ก่อนจะเดินไปใกล้ร่างสูงโปร่งแล้วก้มลงมาเพื่อทำสัญญาเลือดอย่างที่ควรจะเป็น ริมฝีปากขยับออกเผลอให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคมของแวมไพร์ฝังเข้าลำคอขาวอย่างแผ่วเบาและทะนุถนอมที่สุด มือทั้งสองข้างประคองร่างเอาไว้ไม่ให้รู้สึกตกใจหรือขยับไปในทิศทางอื่นเพื่อไม่ให้รอยเขี้ยวนั้นมีแผลเพิ่ม เลือดสีขาวไหลเข้าปากอย่างช้าเพราะไม่ได้ดูดกินอย่างรุนแรงเหมือนคนกระหายนี่เป็นเพียงการทำสัญญาเท่านั้น หากดื่มไปช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วจะต้องหยุดดื่มเป็นอันสิ้นสุดสัญญาและผูกมัดเอาไว้ตลอดกาล ปฏิกิริยาเกิดขึ้นกับร่างของรัชทายาททันที สีผมและดวงตาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เหมือนเลือดของเทพกับมังกรที่รวมกันเป็นหนึ่งสามารถดึงพลังสูงสุดของแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์ออกมาได้ ทำให้รูปลักษณ์เปลี่ยนไปตลอดกาล เลือดที่ไหลเวียนเหมือนปลุกพลังทั้งหมดที่มีออกมาให้ตื่นขึ้นเต็มที่
"ข้าไงพะยะค่ะ เถียงกันมากี่ร้อยปี ยังไม่ชินอีกหรือ" เมล์ยอกย้อนผู้เป็นทั้งนายและเพื่อนสนิทของตนเอง เพราะอย่างไรเสียนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เถียงกัน มันเป็นเช่นนี้มานานหลายต่อหลายครั้ง ตำแหน่งห่างกันไม่มาก ตระกูลก็เป็นเลือดบริสุทธิ์เหมือนกันจะแตกต่างก็ตรงที่ถูกจัดลำดับในการอยู่ตำแหน่งไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง"หึ ยังจะมีหน้ามาพูดอีก เจ้าบ้านี่" คีย์ตอบกลับอย่างไม่จริงจังนัก อย่างไรก็เป็นแบบนี้มานานและไม่ได้เสียหายอะไร"ดึกแล้วไปเข้านอนกันเถอะไวท์" เสียงทุ้มต่ำบอกพลางเดินนำออกไป"ครับพี่คีย์" เขาขานรับพลางลุกขึ้นตามอีกคนออกไปด้านนอกกริ๊ก!"ข้าอยากเปิดความรู้สึกของข้าให้เจ้ารับรู้ ถึงแม้ว่าสีหน้าของข้าจะไม่แสดงออกมากนักแต่รู้สึกดีใจมากที่เจ้าเลือกข้า ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันรู้สึกมากแค่ไหน ลองมองมาที่ดวงตาแล้วจะรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเอง" มือหนาจับคางอีกคนให้เชิดขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองได้ถนัดกว่าที่เคย"แบบนี้ใกล้เกินไปครับ" อธิบายก็เข้าใจแล้ว ไม่ต้องเอาหน้าเข้ามาใ
ณ พระราชวังหลวง"จักรพรรดิพะยะค่ะ คุณชายริค ไวท์ มาขอเข้าเฝ้า""ให้เข้ามาได้"หวังว่าจะได้รับคำตอบจากเด็กคนนี้ว่าจะเลือกใครกันแน่เพราะเวลามันผ่านมาเนิ่นนานแล้ว หากบางคนรอไม่ไหวจนใช้วิธีการอื่นขึ้นมาจะเป็นปัญหาได้ ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ดี ในการมาให้คำตอบในวันนี้"ทำความเคารพ จักรพรรดิ" ไวท์บอกพลางทำความเคารพตามวัฒนธรรมของจักรวรรดิ"ไม่ต้องมากพิธีหรอกไวท์ มีเรื่องอะไรไหนพูดมาสิ" จักรพรรดิเอ่ยบอกอย่างอารมณ์ดี"หม่อมฉันมีเรื่องจะกราบทูลพะยะค่ะ""ว่ามาได้เลย""หม่อมฉันเลือกคนที่จะหมั้นหมายด้วยได้แล้วพะยะค่ะ" ไวท์พูดพลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เรียกความมั่นใจให้ตนเอง"บุคคลที่ข้าเลือกก็คือ...องค์รัชทายาทพะยะค่ะ องค์จักรพรรดิ" เสียงทุ้มนุ่มตอบด้วยความมั่นใจและหนักแน่น และเหมือนคำตอบของคุณชายในครั้งนี้จะทำให้ใครหลายคนดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่หลายคนเลยทีเดียว เพราะว่าในที่ประชุมนี้คือเหล่าบรรดาคนที่อยากจะหมั้นหม
"ข้าคิดว่าถึงเวลาที่ท่านต้องเลือกใครสักคนที่อยากจะหมั้นหมายด้วยแล้วขอรับ มิเช่นนั้นปัญหาต่อมาภายในจักรวรรดิคือการแย่งชิงตัวของท่านอย่างแน่นอน" เฟลิกซ์บอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพราะระยะเวลาวันแรกที่ตกลงกันจนมาวันนี้ก็ค่อนข้างนานมากพอแล้ว ต้องได้เวลาตัดสินใจสักทีว่าจะเลือกใครก่อนที่จะเกิดเรื่องต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงมาแทนการซักถาม"ไวท์ ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้า" สวิตเอ่ยทักเพราะเดินผ่านกันระหว่างกลับจากท้องพระโรงพอดี"งั้นไปคุยในสวนสาธารณะกันพะยะค่ะ" ไวท์บอกพลางผายมือไปทางสวนด้านหลังวัง"ทำไมใช้ราชาศัพท์กับข้าล่ะ" สวิตถามด้วยความสงสัย"ที่นี่มันวังหลวงพะยะค่ะ เดินไปที่สวนหลังวังกันดีกว่า" ร่างสูงโปร่งไม่ได้สนใจคำพูดเหล่านั้นแล้วเดินมาสวนท้ายวังตามที่บอกไว้เมื่อสักครู่ จากสภาพของเดือนก่อนมันถูกทำให้เหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะแตกต่างก็คือตอนนั้นเป็นแผนการขององค์จักรพรรดิทำให้เกิดเรื่องขึ้น แต่คราวนี้เป็นการพูดคุยด้วยนิสัยของทั้งคู่อย่างแท้จริง"มีอะไรจะพูดหรือเปล่าครับ พี่เ