ณ ห้องนั่งเล่น
"แม่ต้องการคำอธิบายจากรัชทายาท ลูกไปเจอเด็กคนนี้มาจากที่ไหน ทำไมช่างเหมือนมนุษย์เมื่อร้อยปีก่อนที่ลูกเก็บได้ไม่มีผิดเพี้ยน ฉลาดหลักแหลม วางตัวดี พูดจาเฉียบขาด แถมยังสามารถสยบแฝดได้ด้วย ขนาดแม่ยังจำแฝดสลับกันเลย มันหมายความว่ายังไงกันแน่" จักรพรรดินีรัวคำถามใส่ลูกชายคนโตเป็นจำนวนมากแต่อีกฝ่ายทำเพียงยิ้มตอบมาเท่านั้น ไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไรมากมาย
"ท่านแม่ถามมากมายขนาดนี้ ข้าตอบไม่ถูกเลยพะยะค่ะ" รัชทายาทตอบพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ท่าทางที่ไม่ได้มาเห็นมาเป็นเวลาร้อยปี บัดนี้ทุกอย่างปลดล็อคหมดแล้ว ไร้คำถามจากองค์จักรพรรดินีมีเพียงการส่งรอยยิ้มแบบเดียวกันคืนกลับไปเท่านั้น
"อย่ามารู้กันแค่สองคนแล้วปล่อยให้พวกผมงงแบบนี้ได้ไหม รีบบอกความจริงมาได้แล้ว" คลาสเริ่มโวยวายทันทีเพราะตนเองเกิดช้ากว่าอยู่หลายร้อยปี ทำให้เรื่องราวบางอย่างก็ไม่ได้รับรู้เท่าพี่คนโตมากนัก และในรัชสมัยของจักรพรรดิองค์ปัจจุบันนั้นมีจักรพรรดินีเป็นภรรยาเพียงคนเดียว ไม่ได้มีราชินีหรือพระสนมเพิ่มแม้แต่คนเดียว ทำให้เหล่าเชื้อพระวงศ์และขุนนางรุ่นใหม่รักเดียวใจเดียวตามไปด้วย
เกรงว่าจะถูกนินทาเพราะขนาดนายเหนือหัวสูงสุดยังหลงรักภรรยาเพียงผู้เดียว แล้วทำไมพวกเขาถึงจะทำไม่ได้กันล่ะ ยุคสมัยการปกครองในช่วงทศวรรษแรกเริ่มนั้น ได้ให้กำเนิดบุตรชายเพียงพระองค์เดียวออกมา ใครๆ ต่างก็คิดว่ารัชทายาทคือบุตรเพียงคนเดียวและไม่น่ามีโอรสหรือธิดาเกิดขึ้นอีก แต่หลังจากที่มีการแต่งตั้งรัชทายาทอย่างเป็นทางการทั้งการศึกษาและการต่อสู้
องค์จักรพรรดินีก็ตั้งครรภ์อีกครั้งแถมยังเป็นแฝดอีกด้วย นั่นทำให้ทุกคนรู้ว่าองค์จักรพรรดิทรงร้ายกาจในเรื่องการวางแผนเป็นอย่างมาก หากมีบุตรหลายคนในระหว่างที่ตำแหน่งรัชทายาทยังไม่มั่นคงจะต้องมีการเลือกเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ถ้าหากทำให้มันเข้าที่เข้าทางก่อนที่จะมีบุตรเพิ่มก็นับว่าเป็นอีกเรื่องนึง ทำให้รู้ว่าข้อดีของการมีอายุที่ยืนยาวนั้นทำให้สามารถแก้ปัญหาของขุนนางที่หวังจะตักตวงผลปรธดยชน์ได้นั่นเอง
"เอาเป็นว่ากระรอกน้อยของข้าไม่มีทางแพ้พวกเจ้า และไม่มีทางแพ้ใครหน้าไหนทั้งนั้น เพราะเด็กคนนั้นเป็นลูกหลานของเพื่อนฉันเมื่อร้อยปีก่อน มนุษย์เพียงหนึ่งเดียวที่สามารถสยบความร้ายกาจของแวมไพร์ได้ พวกนายก็เรียนผ่านหนังสือมาแล้วนิ จำชื่อไม่ได้เหรอ" พอพูดถึงความเก่งกาจของมนุษย์คนนั้นที่แฝดเคยได้ร่ำเรียนมาก็ถึงกับตกตะลึงทันที หมายความว่าเด็กคนนั้นคือลูกหลานของตาแก่นั่นงั้นรึ
เพล้ง!
"หมายความว่ายังไง รัชทายาท หมายความว่าเด็กคนนั้นคือหลานของตาแก่นั่นงั้นเหรอ" ดยุคตระกูลริคถึงกับทำแก้วแตกด้วยความตกใจ ขนาดเจอกันไม่กี่ครั้งยังรับรู้ถึงความน่ากลัวนั้นได้ดีและจำไม่เคยลืม พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงได้รับการยอมรับทั้งรัชทายาทและองค์จักรพรรดินี
"ท่านลุงคงจะยอมเรื่องการแต่งตั้งให้กระรอกน้อยของข้า เป็นบุตรบุญธรรมแล้วใช่หรือไม่" มันไม่ใช่ประโยคคำถามแต่มันคือคำสั่งจากคนที่มีสายเลือดเข้มข้มกว่านั่นเอง และแน่นอนว่าดยุคตระกูลริคตกลงด้วยความเต็มใจอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น
"พิธีแต่งตั้งคุณชายริค ไวท์ จะถูกจัดขึ้นภายในหนึ่งสัปดาห์ หม่อมฉันจะเตรียมการให้เรียบร้อยพะยะค่ะ" และแน่นอนว่าได้รับคำตอบที่น่าพอใจกับทุกคน ไม่มีการคัดค้านใดๆ อีก
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
"ของว่างกับน้ำชามาแล้วครับ รอบนี้ผมไม่รู้ว่าจะมีใครมาเพิ่มอีกไหมเลยทำมาเผื่อไว้เยอะเลย หวังว่าจะกินพอกันนะครับ" ใบหน้าหวานสิ่งยิ้มพลางจัดแจงของให้สำหรับห้าคนอย่างคล่องแคล่วประนึงเหมือนทำประจำ ทั้งที่ความจริงแล้วเจ้าตัวเคยทำมาก่อนตอนอยู่ร้านอาหารของแม่ แค่เปลี่ยนสถานที่ความเคยชินมันไม่เปลี่ยนไปด้วยสักหน่อย การทำแบบนั้นทำให้ทั้งสามคนมั่นใจว่าเด็กคนนี้คือลูกหลานของชายที่น่ากลัวคนนั้นเลยต่างพากันเงียบกริบ ไม่มีใครปริปากอะไรออกมาอีก เท่ากับปัญหาเรื่องความไม่เท่าเทียมกันได้หมดไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
"ข้ากินของที่เจ้าทำให้มาทุกอย่างแล้ว ยังไม่มีอะไรที่ไม่อร่อยเลยนะ กระรอกน้อย" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยปากชมด้วยความจริงใจ นับวันมีแต่ของกินที่ไม่เคยเห็นในจักรวรรดิ สิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าคือความอร่อยที่หากินได้ยากยิ่งนัก แบบนี้ใครจะปล่อยให้หลุดมือไปกันล่ะ
"อร่อยมากเลยหนูไวท์...ระหว่างรอการแต่งตั้งจะต้องอยู่วังหลวงเป็นการชั่วคราวนะ สถานที่คือวังรับรองหลังถัดไป เดี๋ยวข้าจะจัดการให้"
"ขอบพระทัยพะยะค่ะ ท่านจักรพรรดินี"
"ฝีมือของเจ้าอร่อยจริงๆ ข้าชมจากใจนะไม่ได้แกล้ง"
"อันนี้ข้าเห็นด้วย ขอกินหมดนี่เลยนะ"
"ข้าก็คิดว่าอร่อยเหมือนกัน" แม้จะไม่อยากยอมรับมากนักแต่รสชาติชาที่หอมหวานรวมถึงขนมที่ทำมาก็เข้ารสกันอย่างนุ่มลิ้น การทำอาหารเก่งมันเป็นทักษะเฉพาะตัวของคนต่างโลกหรือเปล่านะ น่ากลัวเกินไปแล้วนะคนตระกูลนี้
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอไปคุยกับเฟลิกซ์และทุกคนได้ไหม มีอะไรที่พอจะช่วยได้บ้าง ผมสามารถขอดูแลพวกเขาทั้งหมดได้ไหม" ร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาถามอีกฝ่ายด้วยความร้อนรนใจ สภาพที่ไม่ต่างอะไรกับนักโทษแบบนั้นมันเกินกว่าจะรับไหวจริงๆ ในเมื่อเขาอยู่ที่นี่แล้วทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยและดีขึ้นอย่างแน่นอน
"แน่นอน เจ้ามีอำนาจเต็มที่ในวังหลวงแห่งนี้ คู่หมั้นของข้า"
"เอ๊ะ! " ทำไมคีย์ถึงได้ชอบพูดเรื่องนี้ต่อหน้าคนมากมายทุกครั้งด้วย ต้องการจะบอกไปให้ทั่วเลยไหม อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว ร่างสูงโปร่งมีท่าทีลนลานแล้วโค้งทำความเคารพจักรพรรดินีแล้วรีบเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปเลย ทำให้เหล่าแวมไพร์ทุกคนหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู ท่าทางจะตกหลุมพรางของรัชทายาทเข้าเสียแล้ว
"ไปแกล้งหนูไวท์อีกแล้ว ทำไมร้ายแบบนี้นะรัชทายาท" ถึงปากจักรพรรดินีจะปรามแต่กลับมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าสวยงามของพระองค์ สรุปแล้วจะดุหรือจะชอบกันแน่ หลายคนสงสัยแต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากถามสักคน
"ข้าพูดแบบนี้ตั้งแต่แรกที่เจอหน้ากันจนวันนี้ก็ยังไม่เลิกเขิน แล้วจะให้ข้าทำยังไง"
"ท่านพี่คิดจะแกล้งไวท์อยู่แล้ว อย่าทำเป็นเหมือนไม่อยากแกล้งได้ไหม"
"ใช่ๆ เห็นแล้วหมั่นไส้มาก"
"สรุปแล้วหม่อมฉันจะไปจัดการเรื่องการแต่งตั้งให้ ขอตัวก่อน" ดยุคตระกูลริคบอกพลางเดินออกจากห้องนั่งเล่นมา จากการประเมินดูแล้วเด็กคนนั้นเป็นลูกหลานของตาแก่นั่นอย่างแน่นอน ทั้งสายตา ท่าทาง ทุกอย่างมันใช่เลย ถ้าเด็กคนนั้นจะมาเป็นจักรพรรดินีคนต่อไปก็คงไม่มีใครกล้าขัดขวางหรอก แถมยังเป็นลูกครึ่งเทพกับมังกรอีก แบบนี้มันเหนือชั้นเหล่าบรรดาเชื้อพระวงศ์กับขุนนางไปหมดแล้ว จากนี้ไปจะต้องมีคนมาประจบประแจงไวท์อย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าไวท์จะได้ยินการแกล้งเล่น หยอดคำหวานของคีย์มาหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ชินสักที เขาเป็นผู้ชายทั้งแท่ง ทำไมถึงไม่ไปจีบคนอื่น คนอื่นเป็นผู้หญิง สวย น่ารัก มีคุณสมบัติเพียบพร้อมมากมาย ทำไมถึงกลายเป็นเขา ไหนจะยังพากลุ่มคนที่เป็นลูกครึ่งเหมือนกันให้มาอยู่ในการปกครองอีก คิดอะไรอยู่กันแน่ เดาไม่ออกเลย
"คุณชายไวท์เป็นอะไรหรือเปล่าขอรับ หน้าแดงมากเลย ไม่สบายหรือเปล่า" เฟลิกซ์ถามด้วยความเป็นห่วง
"ผมไม่เป็นไร แล้วนี่ทุกคนเปลี่ยนเสื้อผ้ากันหมดแล้วใช่ไหม ได้ย้ายไปอยู่วังรับรองแล้วหรือยัง" น้ำเสียงอ่อนหวานแต่ทรงพลังถามด้วยความเป็นห่วง หมายความว่ารัชทายาทส่งคุณชายไวท์ให้มาเยียวยาความรู้สึกของพวกเราที่รังเกียจพวกแวมไพร์ด้วยกันสินะ เพราะว่ารู้อยู่เต็มอกว่าข้าเป็นถึงหัวหน้าหมู่บ้านของลูกครึ่งแวมไพร์ ถึงอายุจะไม่ยืนเท่าแวมไพร์แต่ก็มากพอที่จะดูแลใครสักคนได้หลายศตวรรษ
"ข้าพาทุกคนไปอยู่วังรับรองหมดแล้วขอรับ เหลือเพียงคุณชายไวท์กับเฟลิกซ์เท่านั้น หลังพิธีแต่งตั้งคุณชายอย่างเป็นทางการ ท่านจะต้องมอบตำแหน่งให้กับเฟลิกซ์เพื่อใช้ต่อรองกับเหล่าขุนนางและทำเรื่องต่างๆ เป็นจำนวนมาก ขอให้ใช้เวลาพิจารณาให้ดี" เมล์ยังคงความเข้มงวดเสมอต้นเสมอปลาย ถึงจะชื่นชมในความสามารถของมนุษย์นี้แต่กฎระเบียบก็คือกฎระเบียบ จะไม่มีการอ่อนข้อให้กับอะไรทั้งนั้น
ภายในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ดยุคริคก็สามารถจัดงานแต่งตั้งคุณชายไวท์ให้เป็นบุตรบุญธรรมอย่างเป็นทางการได้ภายในระยะเวลาที่ทางจักรพรรดินีกำหนดจริงๆ ไม่รู้ว่าเป็นความหวาดกลัวโดยสัญชาติญาณ หรือเพราะว่ามีความสามารถในการจัดการอยู่แล้วกันแน่นะ บัตรเชิญที่ส่งออกไปทั้งหมดนั้นได้รับการตอบรับทั้งหมด เนื่องจากมีแต่คนอยากรู้ว่าคนๆ นี้หน้าตานั้นเป็นยังไง ทำไมรัชทายาทถึงได้ออกตัวปกป้องมากขนาดนี้ แถมยังมีผู้ใหญ่หลายคนหนุนหลังอีก เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำมากกว่าที่คาดคิดเอาไว้บรรยากาศในงานเหมือนงานเลี้ยงของแวมไพร์ทั่วไป พรมสีแดงเหมือนสีเลือด ผ้าม่านสีดำสนิท ช่างเป็นงานเลี้ยงที่น่ากลัวได้ดีจริงๆ เหล่าบรรดาขุนนาง เชื้อพระวงศ์ แพทย์ชั้นสูง พ่อค้าระดับมหาเศรษฐีเท่านั้นที่จะได้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ รัชทายาทเดินเข้ามาในงานด้วยชุดสูทสีดำสนิทสวมชุดคลุมลายปักสีทองอร่ามพร้อมมงกุฎรวมถึงดาบแห่งผู้สืบทอด บ่งบอกให้รู้ว่าพระองค์ให้เกียรติแขกในวันนี้มากถึงได้แต่งตัวมาเต็มยศแบบนี้ ปกติพระองค์จะสวมเพียงสูทเท่านั้น ไม่ได้ใส่ชุดที่พิธีรีตองมากขนาดนี้มาก่อน ไม่เว้นแม้แต่องค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดินี องค์ช
ทันทีที่รัชทายาทตอบไปแบบนั้นเหล่าสาวๆ ก็พากันส่งเสียงกรี๊ดแสดงความยินดีกันมากมาย และพากันไปบอกปากต่อปากทำให้มีคนที่ไม่พอใจในเรื่องนี้เพราะตนเองก็สนใจไวท์อยู่ไม่น้อย จู่ๆ จะมาครอบครองเอาไว้คนเดียวแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด และเริ่มออกตัวกันว่าชอบไวท์อย่างออกนอกหน้ากันในงานเลี้ยงทันที"รัชทายาทจะพูดแบบนั้นไม่ได้นะพะยะค่ะ" เทรเลอร์บอกพลางมองไปที่คนที่อยู่ข้างกายแล้วส่งสายตาให้ว่าอยากให้มาอยู่กับตนเองมากกว่า"เจ้าหมายความว่ายังไง สวิต เทรเลอร์""หม่อมฉันก็สนใจในตัวคุณชายริค ไวท์ ไม่น้อย แถมยังไม่ได้ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เพราะฉะนั้นหม่อมฉันมีสิทธิที่จะได้เดินหน้าจีบคุณชายอย่างเต็มที่""ได้ข่าวว่าคุณชายเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ที่รังเกียจมนุษย์มากเป็นอันดับต้นๆ ทำไมถึงได้มาสนใจมนุษย์เสียแล้วล่ะขอรับ" บลัฟเฟอร์ถามด้วยสีหน้ากวนประสาทเพราะเขารู้มาตลอดว่าคุณชายคนโตจากตระกูลสวิตเกลียดชังมนุษย์มากแค่ไหน ทำไมถึงได้ให้ความสนใจคนที่เขาหมายปองเสียได้"ไวท์ออกจะน่ารักขนาดนี้ พวกเราสองคนจะไม่เข้าร่วมได้
"ถ้างั้นผมเองก็จะดูแลทุกคนตราบจนลมหายใจสุดท้ายเช่นกัน ดีไหมเอ่ย" รอยยิ้มหวานที่สดใสเหมือนโลกทั้งใบถูกส่งมายังเฟลิกซ์ ถึงแม้ว่าจะอยู่มานานแต่ไม่เคยมีใครทำตัวแบบกับเขาเลยสักครั้ง ทำให้เสียงข้างในหัวใจเต้นแปลกไปจากที่เคยเป็น ใบหน้าเริ่มแดงก่ำเหมือนคนออกกำลังกายมาอย่างหนัก"เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าแดงจัง" นิ้วเรียวยาวจิ้มหน้าผากอีกฝ่ายด้วยความสงสัยโดนที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ลูกครึ่งแวมไพร์เขินขนาดนี้"ไม่เป็นไรขอรับ เดี๋ยวข้าจะไปเตรียมน้ำให้อาบ นอนดึกไม่เป็นผลดีเท่าไหร่""แล้วผมไม่ต้องนอนกลางวันแล้วตื่นกลางคืนเหรอ แบบนั้นต้องเรียกว่านอนเลยวันไม่ดีเท่าไหร่" ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจสถานการ์ณแล้วว่าเด็กตรงหน้าคือลูกหลานของตาแก่ไม่ผิดอย่างแน่นอน การใช้คำ การพูดจา การมองทะลุปรุโปร่งแบบนี้การคัดสรรคนมาดูแลริค ไวท์ บุตรชายบุตรธรรมของเชื้อพระวงศ์อย่างตระกูลริคเสร็จสิ้นภายในสามวันเพราะถ้ายิ่งล้าช้า การเรียนการสอนต่างๆ ก็จะช้าตามไปด้วย โดยคนที่จะมาสอนนั้นไม่ใช่คนอื่นคนไกล ก็คือเหล่าบรรดาที่คัดเลือกม
"ถึงจะแบบนั้นก็ไม่ได้ขอรับ มันยังอันตรายเกินไป""เฟลิกซ์ เจ้าจะดื้อดึงไปถึงไหนกัน ก่อนหน้านี้นายของเจ้าก็ไปดินแดนอื่นมามากมายก่อนที่จะเข้าวังหลวง จะมาทำเป็นพิธีรีตองให้ยุ่งยากทำไมกัน" เขาเห็นมาตลอดว่ารัชทายาทพาไปดินแดนอื่นแต่ทำไมเวลานี้กลับไปไม่ได้เสียแล้ว"นับวันกลิ่นยิ่งรุนแรงรอให้สร้อยปกปิดกลิ่นที่ถูกสั่งมาถึงเสียก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยว่ากันขอรับ" การปะทะฝีปากยังคงดำเนินต่อไปเพราะคนห้ามไม่ได้อยู่ที่นี่นั่นเองมือขาวเริ่มจัดเตรียมของสำหรับอาหารกินเล่นในเวลานี้โดยมีคัสซัสมองด้วยความกังวลเป็นระยะ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นมนุษย์ทำของกินแปลกประหลาดมาก่อน แถมยังมีรสชาติอร่อยน่าเหลือเชื่ออีก"คัสซัสไม่ต้องกังวลไป แค่นี้ข้าทำได้ ไม่มีปัญหา" เสียงทุ้มนุ่มบอกพลางจัดแจงเตรียมทำอย่างทะมัดทะแมงก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!"รัชทายาทเรียกให้คุณชายไปเข้าพบขอรับ""บอกให้ท่านพี่รอก่อนนะ ข้าขอทำอาหารก่อน""ถึงจะเป็นบุตรบุญธรรมแห่งตระกูลริคก
"แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะทำไม่ได้เพราะจะมีคนคอยช่วยสอนให้เป็นระยะเวลาสามวัน หมายความว่าสี่วันที่เหลือจะต้องทำเองทุกอย่างทั้งหมดเพียงแค่สองคน คนอื่นข้าให้พักงานเป็นระยะเวลาสี่วัน""ข้อสุดท้ายก็คือในช่วงระยะเวลาการลงโทษนั้นจะต้องใส่ชุดข้ารับใช้หลวงผู้ชายไปจนกว่าจะหมดระยะเวลาการรับโทษ และเรื่องการกระทำความผิดครั้งนี้จะถูกเขียนรายงานส่งทางพระราชวังด้วยลายมือและตราประทับของผม""ส่วนเหตุผลนั้นไม่ยาก หากรู้จักละอายต่อความผิดในครั้งนี้แล้วนั้น จะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง" รอยยิ้มหวานที่เหมือนบาดลงไปในใจของแวมไพร์วัยหนุ่มทั้งสองนั้นไม่ได้ชวนให้ดูน่ารักแต่มันน่าสยดสยองเสียมากกว่าในเวลานี้ เสียงร้องโหยหวนร้องขอความตายดังออกมาจากทั้งคู่ทันที"คุณชายขอรับ ช่วยให้ข้าตายเสียเถอะ หากลงโทษเช่นนี้" เมล์บอกด้วยใบหน้าหนักใจและอยากตายมากกว่ามีชีวิตอยู่ ไม่เพียงแต่เป็นการลงโทษที่ยากแต่ยังสร้างความอับอายให้เป็นประวัติเสื่อมเสียแก่วงศ์ตระกูลอีกต่างหาก"ข้าด้วยขอรับ ถ้าลงโทษแบบนี้ได้โปรดใช้กริชเงินแทงที่หัวใ
"ได้ความว่าอะไรบ้าง" เทรเลอร์ถามพลางทำสีหน้าเหมือนกับกำลังจะสนุกกับอะไรบางอย่างอยู่ ตั้งแต่งานเลี้ยงในครั้งนั้นก็ยังไม่ได้เจอกันอีกเลย เนื่องจากกลิ่นเลือดที่หอมหวานเลยถูกกักบริเวณให้อยู่แต่วังส่วนตัวของรัชทายาทแต่เพียงผู้เดียว ไม่ได้ไปอยู่วังต่างหากและมีเสียงลือว่าได้รับความโปรดปรานมากถึงขั้นให้อยู่วังเดียวกัน ซึ่งก็ไม่น่าจะผิดกับความจริงสักเท่าไหร่ หากเป็นเขาเองก็อยากจะให้อยู่คฤหาสน์เดียวกัน การมีมนุษย์แบบนั้นอยู่ในบ้านช่างเป็นเรื่องที่น่าสนใจยิ่งนัก"ได้ข่าวมาว่าลอร์ดโฟลช์ เมล์ กับบารอนคีเซิน ถูกสั่งปลดยศชั่วคราวจากคุณชายริค ไวท์ แถมยังถูกสั่งให้ทำงานบ้านทุกอย่างทั้งหมดภายในวังเป็นระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ รวมถึงให้ใส่ชุดข้ารับใช้ชายตลอดระยะเวลาการลงโทษอีกด้วย ช่างสยดสยองอะไรเช่นนี้ หากเป็นหม่อมฉันขอตายเสียยังดีกว่ามีชีวิตอยู่อย่างอัปยศเช่นนี้""อืม...น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ยิ่งรู้จักยิ่งน่าสนใจ""หมายความว่ายังไงขอรับ คุณชายใหญ่""ชาร์ที เด็กคนนี้มีความสามารถพิเศษที่ดึงดูดแวมไพร์รุ่นใหม่ให้เข้าหาได้ง
"นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าข้าทำให้เจ้า เสียเวลางั้นรึ" เทรเลอร์ถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ นี่เขาลงทุนมาหาถึงที่นี่แต่กลับพูดถึงคนอื่นได้อย่างไรกัน มันจะหยามกันเกินไปแล้ว"คราวที่แล้วก็มาลักพาตัวข้า วันนี้ยังจะบุกมาหาถึงที่ ใครเขาอยากจะไปคุยด้วย" เสียงทุ้มนุ่มตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉย เพราะในบรรดาที่รู้จักมานั้นมีคุณชายสวิต เทรเลอร์ที่นิสัยเสียที่สุดแล้ว ทำอะไรตามใจตัวเองตลอดเวลา ไม่สมกับเป็นเชื้อพระวงศ์เลยสักนิดเดียว"อย่างที่ไวท์พูดมา เจ้ากลับไปได้แล้ว อย่ามาวุ่นวายที่นี่อีก" เสียงทุ่มต่ำบอกพลางมองด้วยสายตารำคาญ พวกเขาอยู่อย่างสงบสุขแล้วทำไมต้องมาทำอะไรให้มันวุ่นวายแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้"ก็แค่กระจกแตก ไม่เห็นจะมีอะไรมากมาย ลองมาสู้กันหน่อยไหมพะยะค่ะ รัชทายาท""เห็นว่าไม่ค่อยมีเวลาได้ซ้อมเท่าไหร่ เพราะงานราชการล้นมือ เลยมาซ้อมตอนนี้หน่อยเป็นไง"ก่อนที่ร่างของทั้งคู่จะเข้าปะทะกันก็มีมือคู่หนึ่งยื่นปากกากับไม้บรรทัดห้ามทัพไว้เสียก่อน ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นไวท์นั่นเองที่รีบวิ่งเข้าไปขวางเอาไว้ นั
"สำหรับพวกข้าแล้วยังไงก็ได้พะยะค่ะ เพราะถึงจะมีเด็กคนนั้นอยู่พวกเราก็ยังต้องทำงานเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรนัก" ครอสบอกพลางทำหน้าเรียบเฉย"แถมพวกเรายังดูเขตการปกครองคนละที่กันด้วย ยังไงก็คงจะคนละสัปดาห์อยู่แล้ว" คลาสเห็นด้วยทันทีเพราะว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันมากขนาดนั้น แถมเขตการปกครองยังอยู่ห่างกันคนละซีกจักรวรรดิเลยก็ว่าได้ ตัวติดกันเฉพาะตอนเรียน ตอนสอบ และตอนออกงานใหญ่ๆ นอกนั้นก็อยู่แยกกันตลอด"ข้าจะส่งหนูไวท์ไปอยู่กับพวกเจ้าคนละหนึ่งสัปดาห์ แต่ถ้าเป็นฝาแฝดจะเป็นสองสัปดาห์เพราะมีสองคนในที่เดียวกัน หากพวกเจ้ามีใจให้แล้วล่ะก็...จะต้องพยายามทำให้เด็กคนนั้นตกหลุมรักพวกเจ้าให้ได้ และอย่าหาวู่วามทำอะไรล่วงเกินโดยใช่เหตุ เพราะไม่มีใครรู้ว่าพลังของมังกรกับเทพเป็นยังไง คนกำเนิดเป็นถึงบุคคลที่มีพลังมากที่สุดของมังกรทั้งปวง สุดเทพก็ยังเป็นเทพแนวหน้าของเทพเจ้ากรีกอีก หากไม่คิดให้ดีแล้วอาจจะถูกทำลายแทนที่จะได้รับความรักก็ได้ ตัวอย่างก็มีให้เห็นอยู่แล้วหลายคน คงต้องไม่อธิบายให้มากความ""นอกนั้นให้มันเป็นไปตามลำดับก็แล้วกัน ค
ขาซ้ายเข้าเตะกลางลำตัวเข้าอย่างจังแต่เอิรล์หลบได้ทันแล้วออกหมัดซ้ายสวนกลับไป ซึ่งใบหน้าหวานหลบแล้วแต่เฉียดโดนนิดหน่อยทำให้ใบหน้าเป็นรอยขึ้นมาเล็กน้อย ปลายดาบของมือขวาวาดไปทางขวาหวังจะฟันให้โดนจุดสำคัญแต่อีกคนหลบได้ทันเช่นกันเคร้ง!!!เสียงดาบทั้งสองเข้าปะทะกันซึ่งหน้า ใบหน้าของทั้งสองคนไม่มีใครยอมใครเลย แม้ว่าจะเป็นเพียงการเรียนและการฝึกซ้อมแต่ดูจริงจังมากจนนึกว่าจะฆ่ากันจริง ๆ ไวท์อาศัยจังหวะที่เอิรล์สนใจแต่การปะทะด้านยกขาขวาขึ้นมาเตะกลางลำตัวอีกคนจนกระเด็นไปอีกทาง“ไหวหรือเปล่าขอรับ เอิรล์ฟาร์ดอน” ร่างสูงโปร่งรีบวิ่งตามไปในทิศทางที่อีกคนกระเด็นไปทันทีด้วยความเป็นห่วง“ไม่เป็นไรหรอกขอรับ ว่าแต่ท่านเรียกผิดแล้ว” เอิรล์ส่ายหัวเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู“ผิดอย่างไรหรือขอรับ”“ท่านต้องเรียกข้าว่า อาจารย์ฟาร์ดอนต่างหาก”“ได้ขอรับ อาจารย์ฟาร์ดอน”แปะ! แปะ! แปะ!&
“ข้าไม่ใช่พี่ชายของท่าน ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรกัน” เสียงทุ้มนุ่มตอบพลางกางมือออกแล้วสับไม้ให้ขาดออกจากกันเป็นสองท่อน“ฝีมือของคุณชายริค สมบูรณ์แบบมากจริง ๆ ”“ขอบคุณสำหรับคำชม แต่ว่าอยากจะลองฝึกด้วยกันไหมล่ะขอรับ” เสียงทุ้มนุ่มถามหลังจากเห็นอีกคนมองด้วยความสนใจมานาน“น่าสนใจขอรับ ต้องเริ่มจากอะไรก่อน” เอิรล์ฟาร์ดอนไม่มีทางปฏิเสธคำชวนอยู่แล้ว เพราะหลังจากสังเกตดี ๆ ช่างเป็นอะไรที่ประหลาดและแตกต่างนักเอิรล์ฟาร์ดอนตั้งใจเรียนสิ่งที่อีกคนสอนอย่างตั้งใจ ถึงจะเข้าใจทั้งหมดแล้วลองทำตามแต่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะต้องใช้พละกำลังที่มหาศาลและสมาธิสูงพอสมควร ดูด้วยตาเปล่ายังไม่สามารถทำตามได้ในทันที“จะทำยังไงต่อไปหรือพะยะค่ะ รัชทายาท” เมล์ถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้วว่าผู้เป็นนายกำลังหวงพระคู่หมั้นของตนเอง“หวังว่าจะผลัดกันแลกเปลี่ยนวิชาเฉย ๆ เพราะข้าผูกพันธะสัญญาเลือดกับไวท์แล้ว ถึงจะมาชอบยังไงคงจะไม่มีทางเป็นไปได้อีก เลิกหวังสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้เสียดีกว่า” เสียง
“อร่อยขอรับ รสชาติแตกต่างจากที่เคยกินมา” ใบหน้าของฟาร์ดอนบ่งบอกถึงความพอใจหลังชิมนมสดของคุณชายริค ไม่ได้โกหกเรื่องรสชาติ อร่อย กลมกล่อม ไม่เหมือนที่เคยกินมาเลย“ถ้างั้นจะลองช่วยกันทำขนมไหมครับ อยากได้คนช่วยนวดแป้ง”“ไม่มีปัญหาขอรับ งั้นให้ทำตรงไหนบ้าง”เสียงหัวเราะของทั้งสองคนระหว่างช่วยกันทำขนมดังพอสมควรจนกระทั่งเฟลิกซ์เดินผ่านมาเห็นพอดี เหมือนผู้เป็นนายของเขาจะมีเสน่ห์มากจนใครเห็นก็เอ็นดู แต่ว่าเอ็นดูอย่างเดียวก็พอ อย่ามีความรู้สึกอื่นเข้ามาด้วย“เจ้าไปตามไวท์มาดูเอกสารตรงนี้สิ คิดว่าน่าจะอยู่ห้องครัว”“พะยะค่ะ รัชทายาท”เมล์จะเดินมาเรียกคุณชายริคให้ไปหาแต่มาเห็นกำลังตั้งใจทำขนมเลยกลายเป็นไม่กล้าเรียกแล้วหยุดยืนรอจนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพัก...“เมล์มีอะไรจะคุยกับผมหรือเปล่าครับ ยืนรอนานแล้วไม่ใช่เหรอ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยทักโดยที่ยังคงพยายามผสมแป้งอยู่ด้านในครัว ทำให้ทุก
มือหนาเปิดซองจดหมายที่ข้ารับใช้คนสนิทของจักรพรรดินีส่งมาให้ ก็ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วว่าสิ่งที่คู่หมั้นของตนเองต้องการคืออะไร เพราะว่าบางทีเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ที่ผ่านมาการปกป้องอยู่ฝ่ายเดียวอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดี“เป็นยังไงบ้างพะยะค่ะ” เมล์ถามด้วยความเป็นห่วง“ข้ารู้แล้วว่าเรื่องอะไร เดี๋ยวจะไปขอโทษไวท์ในช่วงเช้าแล้วกัน”“ถ้างั้นพักผ่อนเถอะพะยะค่ะ ราตรีสวัสดิ์”แกร๊ก!แสงแดดส่องเข้าห้องนอนบ่งบอกถึงเวลาเย็นเพราะเป็นช่วงพระอาทิตย์ตกดิน เขาเริ่มจะชินกับการใช้ชีวิตแบบแวมไพร์ไปเสียแล้ว ถ้าจะตื่นแบบมนุษย์น่าจะใช้เวลาปรับตัวหลายวันอย่างแน่นอน“อรุณสวัสดิ์ขอรับ ท่านไวท์” เฟลิกซ์เอ่ยทักทายพลางเดินเข้ามาแล้วส่งผ้าขนหนูให้“นี่เป็นชาขาวขอรับ เชิญรับประทานก่อนจะไปอาบน้ำขอรับ” มือขาวรับชาจากถ้วยมาโดยไม่พูดอะไร“เดี๋ยวข้าจะไปเตรียมอาหารเช้าให้ขอรับ”
“เลือกของครบหรือยังกระรอกน้อย”“ครบแล้วครับ”“ถ้างั้นกลับกันเถอะ”“ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เจอกันที่พะยะค่ะ รัชทายาท” สวิตเอ่ยทักทายพลางทำความเคารพ“ไม่ต้องมากพิธีลอร์ดสวิต ที่นี่ไม่ใช่ในวัง” เสียงทุ้มต่ำบอกก่อนที่จะมีคนสังเกตเห็น“ไม่ได้เห็นสิ่งนี้นานมากพะยะค่ะ เห็นทีหม่อมฉันจะต้องไปกระจายข่าวลือใหม่”“ข่าวลืออะไรครับ”“ก็ข่าวลือว่าเจ้ากับรัชทายาทมาเดินเที่ยวเล่นด้วยกันนอกวัง จะได้สยบข่าวลือว่าเจ้ากับรัชทายาทจะเลิกกันอย่างไรเล่าไวท์”“อะไรนะครับ” เสียงทุ้มนุ่มตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน มีข่าวแบบนี้ออกไปด้วยเหรอ“ไม่ต้องห่วงไปครับ ข้าจะไปทำให้มีข่าวลือใหม่เอง”“ไม่น่าจะต้องทำแบบนั้นหรอกครับ ดูวุ่นวายเปล่า ๆ ”“ไม่ได้หรอกครับคุณชาย
“ท่านพ่อกับท่านแม่คิดยังไงพะยะค่ะ” คลาสกลั้นใจถามออกมาหลังจากเล่าแผนการทั้งหมดให้ฟัง“สำหรับพ่อเห็นด้วยทุกอย่าง จัดการได้เลย” จักรพรรดิตอบพลางพยักหน้าเห็นด้วย เป็นวิธีที่ดีที่จะสยบข่าวทั้งหมดและทำให้หันความสนใจได้เป็นอย่างดี“แม่เองก็เห็นด้วย เรื่องนี้จะไม่เข้าไปยุ่งอย่างเด็ดขาดแล้วถึงเวลาจะมีการประกาศให้สามารถส่งคนที่จะเข้ามาเป็นคู่หมั้นให้กับลูกทั้งสองคนหลังจากจัดการเรื่องนั้นเรียบร้อย”“พะยะค่ะ ถ้าเช่นนั้นข้ากับน้องจะเริ่มแผนเลย”ฝาแฝดต่างคนต่างเดินทางไปยังเขตปกครองต่าง ๆ ที่มีแวมไพร์ส่งบุตรสาวและบุตรชายมาให้เลือกเป็นพระสนมรวมถึงคนที่หวังจะได้อำนาจที่ใหญ่โตขึ้น หลังจากเจอการต้อนรับขององค์ชายทั้งสองต่างพากันกรีดร้องโหยหวนแล้วรับปากว่าจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีกถึงจะมีการประกาศออกจากทางสำนักพระราชวังให้สามารถส่งคู่ครองมาให้เหล่าองค์ชายฝาแฝดเลือกได้แต่ก็ไม่มีใครส่งมาหาแม้แต่คนเดียว ทุกอย่างเป็นไปตามเกมของแฝดนรก เป็นปีกคู่ป้องกันการเข้าแ
“ถ้าลูกครึ่งเทพมังกรอย่างเจ้าลดยศข้าเช่นนี้ ไม่สู้ประหารข้าไปเลยดีกว่าเหรอ” ลอร์ดฟาร์ดอนตะโกนออกมาเหมือนคนตกใจจนทำตัวไม่ถูก ร่างสูงโปร่งค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้อีกฝ่ายแล้วกระซิบข้างหู“ให้มีชีวิตอยู่อย่างแวมไพร์ถูกลดขั้นเพราะลบหลู่ราชวงศ์มันน่าจะสะใจกว่าการให้หนีไปตายเสียอีก เจ้าถือยศเช่นนี้คงจะเจ็บปวดจนอยากจะตายให้ได้เลยใช่ไหมล่ะ”“แต่ว่า...อย่าเพิ่งรีบตาย ข้าเพิ่งจะเริ่มต้น”“อ๊าก!!!”หลังจากฟังคำพูดที่เหมือนเสียงกระซิบของปีศาจมากกว่าลูกครึ่งเทพมังกร ลอร์ดฟาร์ดอนก็ร้องขอความตายนับครั้งไม่ถ้วนเพราะไม่อยากถูกลงโทษเช่นนี้เหมือนกับคนอื่น ดยุคฟาร์ดอนเห็นสภาพของบุตรชายตนเอง เหล่าขุนนางและผู้สมรู้ร่วมคิดทั้งหมดแล้วก็ได้แต่เหงื่อตกลูกหลานของตาแก่น่ากลัวเหมือนตาแก่จริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินบทลงโทษ การพูดจา และการข่มขู่ให้กลัวแบบนั้น ไม่ผิดแน่นอน เด็กคนนี้คือลูกหลานของตาแก่“พอจะเข้าใจเหตุผลแล้วใช่ไหม ดยุคฟาร์ดอน&
“ท่านพ่อ ทำไมท่านถึงตบข้า”“เจ้าน่าจะถามตัวเองว่าทำไมถึงทำแบบนี้”แววตาของสองพ่อลูกจ้องกันเนิ่นนานเหมือนต่างคนต่างความคิดและไม่ลงรอยกัน คีย์ยืนดูเหตุการณ์อยู่เงียบ ๆ เพราะเขาก็อยากให้จัดการกันเองโดยที่ไม่ต้องเปลืองแรงเหมือนกัน“ทีนี้ องค์รัชทายาทจะตัดสินหม่อมฉันว่ายังไงพะยะค่ะ” ลอร์ดฟาร์ดอนถามพลางแสยะยิ้ม ถึงจะโทษประหารชีวิต เขาก็ไม่คิดที่จะสนใจอยู่แล้วเพราะว่าอย่างไรซะ ก็ไม่มีวันที่จะยอมรับลูกครึ่งเทพมังกรเป็นพระคู่หมั้นเคียงคู่เด็ดขาด“ข้าจะจับเจ้าเข้าคุกหลวงแล้วรอการตัดสินจากคู่หมั้นของข้า คนที่เจ้าเกลียดขี้หน้าจนไม่อยากจะยอมรับนั่นล่ะ”“จับตัวไป”“พะยะค่ะ” หลังสิ้นสุดคำตัดสินขององค์รัชทายาทเหล่าองค์รักษ์หน่วยพิเศษก็มาพากันจับตัวลูกชายคนโตของตระกูลออกไปรับโทษ“ทำแบบนี้ดีแล้วหรือพะยะค่ะ รัชทายาท” ดยุคฟาร์ดอนมองด้วยความสงสัย เพราะเหตุใดถึงให้พระคู่หมั้นตั
“จงเชื่อฟังข้า ช่วงนี้เข้าเรียนภายในวังของท่านพี่ อย่าดื้อ” คลาสบอกพลางจ้องใบหน้าหวานด้วยสีหน้าจริงจัง ถึงจะทำตัวเป็นลูกครึ่งเทพกับมังกรแต่ไม่ใช่ว่าที่จะมาเกรงกลัว“แต่ว่า...”“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น เจ้าจะต้องเชื่อฟังข้าเพราะท่านพี่ฝากฝังเจ้าไว้กับข้า”“ตอนไหน”“ตั้งแต่ตอนที่ท่านพี่ออกไปแล้ว นี่เจ้าไม่รู้ความหมายของท่านพี่งั้นรึ”ไวท์เถียงไม่ออกกับคำพูดของคลาส ถึงเขาจะอยู่ที่นี่มาเกินครึ่งปีแล้วแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาไม่เข้าใจภาษาของที่นี่เลย บางอย่างก็ยังไม่สามารถปรับตัวได้อย่างที่อีกคนกล่าวมากจริง ๆคลาสเห็นไวท์เงียบผิดปกติเลยหันมามองหน้าใกล้มากกว่าเดิม คำพูดของเขาคงไปสะกิดใจเข้าแล้วหรือเปล่า แต่พูดเรื่องจริง ในอนาคตเด็กคนนี้คือจักรพรรดินี จำเป็นต้องเรียนรู้และเตรียมพร้อมสำหรับการขึ้นครองบัลลังค์ไปพร้อมกับพี่ชายของเขา เพราะพี่ชายเลือกที่จะไม่มีสนมก็ต้องช่วยกันทำงาน ลำพังฝั่งอาวุโสช่วยทำงานบริหารบ้านเม