"ถ้างั้นผมเองก็จะดูแลทุกคนตราบจนลมหายใจสุดท้ายเช่นกัน ดีไหมเอ่ย" รอยยิ้มหวานที่สดใสเหมือนโลกทั้งใบถูกส่งมายังเฟลิกซ์ ถึงแม้ว่าจะอยู่มานานแต่ไม่เคยมีใครทำตัวแบบกับเขาเลยสักครั้ง ทำให้เสียงข้างในหัวใจเต้นแปลกไปจากที่เคยเป็น ใบหน้าเริ่มแดงก่ำเหมือนคนออกกำลังกายมาอย่างหนัก
"เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าแดงจัง" นิ้วเรียวยาวจิ้มหน้าผากอีกฝ่ายด้วยความสงสัยโดนที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ลูกครึ่งแวมไพร์เขินขนาดนี้
"ไม่เป็นไรขอรับ เดี๋ยวข้าจะไปเตรียมน้ำให้อาบ นอนดึกไม่เป็นผลดีเท่าไหร่"
"แล้วผมไม่ต้องนอนกลางวันแล้วตื่นกลางคืนเหรอ แบบนั้นต้องเรียกว่านอนเลยวันไม่ดีเท่าไหร่" ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจสถานการ์ณแล้วว่าเด็กตรงหน้าคือลูกหลานของตาแก่ไม่ผิดอย่างแน่นอน การใช้คำ การพูดจา การมองทะลุปรุโปร่งแบบนี้
การคัดสรรคนมาดูแลริค ไวท์ บุตรชายบุตรธรรมของเชื้อพระวงศ์อย่างตระกูลริคเสร็จสิ้นภายในสามวันเพราะถ้ายิ่งล้าช้า การเรียนการสอนต่างๆ ก็จะช้าตามไปด้วย โดยคนที่จะมาสอนนั้นไม่ใช่คนอื่นคนไกล ก็คือเหล่าบรรดาที่คัดเลือกมาว่าจะให้ใครมาเป็นคนดูแลนั่นเอง อันได้แก่เฟลิกซ์ ได้รับตำแหน่งเป็นคนสนิทที่ใกล้ชิดกับคุณชายริค ไวท์มากที่สุด ดำรงตำแหน่งเอิรล์ คัสซัส พ่อบ้านประจำพระราชวังที่คอยดูแลงานในวังรวมถึงต้อนรับแขกทั้งหมด ดำรงตำแหน่งไวเคานต์ คีเซิน หัวหน้าคนดูแลเรื่องอาหารการกินประจำวัง ดำรงตำแหน่งบารอน คลาวน์ หัวหน้าอัศวินประจำวัง ดำรงตำแหน่งเซอร์
"อรุณสวัสดิ์ขอรับ คุณชายไวท์" มาร์แชลทักทายอย่างเป็นกันเองเพราะตนได้ข่าวมาว่าวันนี้บุตรบุญธรรมของตระกูลริคจะมาส่งเอกสารด้วยตนเองเรื่องการทำพิธีแต่งตั้งคนสนิทจากตำแหน่งสำคัญต่างๆ ของพระราชวัง ซึ่งถือเป็นเอกสารสำคัญหากตกหล่นกลางทางอาจจะสร้างความเสียหายให้กับเชื้อพระวงศ์ได้ ตั้งแต่ก้าวลงจากรถม้ามาก็มีหลากหลายสายตาจับจ้องมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นและพากันชื่นชมในความสง่างามของร่างสูงโปร่ง
"อรุณสวัสดิ์ครับ คุณชายบลัฟเฟอร์ มาทำอะไรที่นี่เหรอครับ" เสียงทุ้มนุ่มถามด้วยความอยากรู้ ดวงตาเปล่งประกายนั้นส่องสว่างออกมาจากดวงตากลมโตอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางที่แปลกประหลาดของเจ้าตัวทำให้ถูกมองได้ง่ายยิ่งนักแต่เหมือนคนที่ถูกมองจะไม่รู้ตัวเลยสักนิดเดียว
"พอดีมาจัดการเอกสารของทางพระราชวังหลวงเลยเดินทางมาขอรับ บังเอิญจังเลยที่ได้เจอกันแบบนี้" มาร์แชลบอกพลางยิ้มหวานอย่างอารมณ์ดี
"ไม่ใช่ว่าคุณชายแอบดูตารางงานที่ประกาศหน้าบอร์ดพระราชวังหลวงเลยรู้กำหนดการล่วงหน้า แล้วมาดักรอเจอนะขอรับ ถ้าเป็นแบบนั้นคงจะเสียมารยาทแย่เลย" เฟลิกซ์แอบจิกกัดไปไม่น้อยเพราะดูไม่เหมือนคนมาส่งงานแต่เหมือนคนมาดักรอเจอเสียมากกว่า และความหมายแฝงก็คือแอบดูตารางงานของริค ไวท์แล้วมาดักรอเจอหน้าพระราชวังหลวงนั่นเอง
"ไม่คิดเลยว่าคนสนิทที่เพิ่งได้รับตำแหน่งเอิรล์ไปได้ไม่นานจะมีนิสัยแบบนี้ด้วย ระมัดระวังตัวหน่อยดีไหม ตอนนี้ไม่ใช่แค่ดูแลหมู่บ้านลูกครึ่งแวมไพร์เมื่อแต่ก่อนแล้วนะ เป็นถึงขุนนางคนสนิทที่ต้องคอยปกป้องคุณชายจากตระกูลเชื้อพระวงศ์แล้ว" ความหมายที่มาร์แชลตอบกลับมาคือเป็นขุนนางไม่นานควรจะทำตัวให้มีมารยาทมากกว่านี้ และจงรู้ด้วยว่าชาติกำเนิดตนเองเป็นอย่างไร
"ถ้าจะมาเถียงกันแบบนี้มันไม่ได้หรอกนะ ข้าคิดว่าควรหยุดทั้งคุณชายบลัฟเฟอร์ที่ดูไม่เป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กแบบนี้ ส่วนเฟลิกซ์รู้ทั้งรู้ว่าต่อกรไม่ได้จะไปต่อปากต่อคำให้มันเปลืองน้ำลายทำไม ไปส่งเอกสารกันเถอะ"
คำพูดของไวท์ตอกหน้าทั้งลอร์ดผู้สูงศักดิ์และขุนนางคนสนิทที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นาน ทั้งคู่หน้าชาไปตามๆ กันเพราะโดยคนที่อายุน้อยที่สุดด่าได้เจ็บขนาดนี้ เกิดมาเพิ่งจะเคยเจอคำด่าที่แปลกและเจ็บในเวลาเดียวกัน มือขาววางเอกสารลงแล้วปั๊มตราที่เป็นชื่อของตนเองบนเอกสารพลางเซ็นกำกับเอาไว้อย่างดี เนื่องจากเคยอยู่ชมรมภาษาญี่ปุ่นมาก่อนทำให้ลายเซ็นของเขามีทั้งภาษามนุษย์ในดินแดนแห่งนี้ ภาษาจักรวรรดิและภาษาญี่ปุ่นจากโลกที่เคยอาศัยอยู่มาก่อน ช่างเป็นลายเส้นที่แปลกและมีหลายอันมากที่สุด และเป็นที่แน่นอนว่าไม่มีใครปลอมลายเซ็นได้เพราะแพ้ทางภาษาญี่ปุ่นกันหมด
ภาษามนุษย์ของแดนจักรวรรดิคือภาษาอังกฤษซึ่งไม่ใช่อุปสรรคเท่าไหร่ ส่วนภาษาจักรวรรดิค่อนข้างเขียนลากวนไปมาแต่มีหลากหลายคำดี ส่วนภาษาญี่ปุ่นนั้นแน่นอนว่าทุกคนไม่เคยเจอและไม่มีใครเขียนออกเพราะจงใจเขียนด้วยตัวอักษรคันจิที่มีที่มาแปลกประหลาดลงไปด้วยเพื่อยากต่อการแกะภาษาเข้าไปอีก เพราะฉะนั้นลืมเรื่องที่จะถูกปลอมแปลงเอกสารไปได้เลย ไหนจะตราปั๊มที่ลวดลายพญานาค ลายเซ็นหลากหลายภาษานั้นทำให้พ่ายแพ้กันไปหมด เนื่องจากตอนแรกเห็นว่ามาจากต่างโลกอาจจะสามารถแทรกแซงงบประมาณหรือใช้ตราปั๊มกับลายเซ็นปลอมลงไป ซึ่งในตอนนี้ความคิดเหล่านั้นได้ถูกลบออกไปจนหมดสิ้น หนทางในการจะแอบกินเล็กกินน้อยหมดไปในทันที
"ทั้งลายบนตราปั๊มทั้งลายเซ็นช่างแปลกประหลาดมากขอรับ ตอนแรกที่ข้าเห็นคุณชายออกแบบได้แต่ตกตะลึงเพราะคิดว่าไม่มีใครน่าจะลอกเลียนแบบได้สักคนเดียว" มันพิลึกขนาดนั้นคนในจักรวรรดิไม่มีทางเข้าใจอย่างแน่นอน เป็นเครื่องยืนยันว่าเด็กคนนี้มาจากต่างโลก
"ข้าคิดว่าจะมีการแทรกแซงผ่านชื่อของข้า เลยคิดวิธีป้องกันเอาไว้แล้ว ป่านนี้พวกขุนนางคงรู้แล้วว่าไม่สามารถหลอกข้าได้ง่ายๆ " จะมาหลอกคนอย่างจีนมันเร็วไปร้อยปีเจ้าพวกคนแก่
"ถ้าไม่รังเกียจรบกวนไปรับประทานอาหารนอกวังกับข้าได้ไหมขอรับ"
"ก็ดีนะ เพราะข้าไม่ได้ออกไปไหนเลยนอกจากอยู่ในวังด้านในของรัชทายาท" ตั้งแต่แต่งตั้งตำแหน่งนี้มาสถานที่อยู่คือพระราชวังส่วนตัวของรัชทายาทที่อยู่ในเขตวังหลวง ไม่ได้ถูกย้ายให้ไปอยู่วังใหม่อย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ จนทำให้มีข่าวลือว่าได้รับความโปรดปรานเป็นอย่างมากถึงขนาดที่ให้อยู่วังเดียวกันแต่ยังไม่ได้เข้าพิธีอย่างเป็นทางการ
"ไม่ได้นะขอรับ กลิ่นเลือดของคุณชายแรงมากขนาดนี้ ข้ากลัวว่าคนภายนอกจะทนไม่ไหว" เพราะนับวันยิ่งส่งกลิ่นหอมมากขึ้นเรื่อยๆ ต้องรอจนกว่าสร้อยเวทย์มนตร์ปกปิดกลิ่นเสร็จก่อนถึงจะเดินทางออกไปด้านนอกได้
"ถ้าเช่นนั้นเชิญมาที่วังแล้วกันครับ เดี๋ยวทำของหวานให้กิน"
ลับหลังร่างสูงโปร่งที่เดินนำบุคคลทั้งสองไปแล้วนั้นไม่ได้ล่วงรู้เลยมีว่ามีสงครามสายตาส่งหากันไปมาตลอดทาง เพราะอีกคนอยากพาไปเที่ยวแต่อีกคนไม่อยากให้ไปไกลเกินวังหลวง จนเดินทางมาถึงพระราชวังส่วนตัวของรัชทายาทเสียงทุ้มนุ่มก็ขอตัวเข้าครัวไปทำของมากินอย่างเคย ได้โอกาสที่จะปะทะคารมกันทันที
"คุณชายมาร์แชลไม่เข้าใจหรือขอรับว่าตอนนี้กลิ่นเลือดของคุณชายมันเริ่มอันตรายมากขึ้นทุกวัน จนกว่าสร้อยปกปิดกลิ่นจะมาหรือเรียนจนสามารถปกปิดกลิ่นตนเองได้ถึงจะได้รับอนุญาตออกไปด้านนอก ท่านฝึกฝนมานานหลายปีย่อมทำได้แต่คนที่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้ไม่มีทางฝึกได้ภายในไม่กี่เดือนหรอก โปรดเข้าใจตรงนี้ไว้ด้วย"
"มีเอิรล์เฟลิกซ์ เซอร์คลาวน์ ลอร์ดมาร์แชล และไหนจะคนของข้าอีก เจ้าคิดว่าข้าจะยอมปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นหรือไงกัน คิดง่ายเกินไปแล้ว" เขารู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ มีขุนนางคอยปกป้องมากขนาดนี้ใครจะกล้ามากินเลือดของเด็กคนนี้กัน ถ้ามีมันคงจะตายก่อนได้ลิ้มรสเป็นแน่
"ถึงจะแบบนั้นก็ไม่ได้ขอรับ มันยังอันตรายเกินไป""เฟลิกซ์ เจ้าจะดื้อดึงไปถึงไหนกัน ก่อนหน้านี้นายของเจ้าก็ไปดินแดนอื่นมามากมายก่อนที่จะเข้าวังหลวง จะมาทำเป็นพิธีรีตองให้ยุ่งยากทำไมกัน" เขาเห็นมาตลอดว่ารัชทายาทพาไปดินแดนอื่นแต่ทำไมเวลานี้กลับไปไม่ได้เสียแล้ว"นับวันกลิ่นยิ่งรุนแรงรอให้สร้อยปกปิดกลิ่นที่ถูกสั่งมาถึงเสียก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยว่ากันขอรับ" การปะทะฝีปากยังคงดำเนินต่อไปเพราะคนห้ามไม่ได้อยู่ที่นี่นั่นเองมือขาวเริ่มจัดเตรียมของสำหรับอาหารกินเล่นในเวลานี้โดยมีคัสซัสมองด้วยความกังวลเป็นระยะ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นมนุษย์ทำของกินแปลกประหลาดมาก่อน แถมยังมีรสชาติอร่อยน่าเหลือเชื่ออีก"คัสซัสไม่ต้องกังวลไป แค่นี้ข้าทำได้ ไม่มีปัญหา" เสียงทุ้มนุ่มบอกพลางจัดแจงเตรียมทำอย่างทะมัดทะแมงก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!"รัชทายาทเรียกให้คุณชายไปเข้าพบขอรับ""บอกให้ท่านพี่รอก่อนนะ ข้าขอทำอาหารก่อน""ถึงจะเป็นบุตรบุญธรรมแห่งตระกูลริคก
"แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะทำไม่ได้เพราะจะมีคนคอยช่วยสอนให้เป็นระยะเวลาสามวัน หมายความว่าสี่วันที่เหลือจะต้องทำเองทุกอย่างทั้งหมดเพียงแค่สองคน คนอื่นข้าให้พักงานเป็นระยะเวลาสี่วัน""ข้อสุดท้ายก็คือในช่วงระยะเวลาการลงโทษนั้นจะต้องใส่ชุดข้ารับใช้หลวงผู้ชายไปจนกว่าจะหมดระยะเวลาการรับโทษ และเรื่องการกระทำความผิดครั้งนี้จะถูกเขียนรายงานส่งทางพระราชวังด้วยลายมือและตราประทับของผม""ส่วนเหตุผลนั้นไม่ยาก หากรู้จักละอายต่อความผิดในครั้งนี้แล้วนั้น จะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง" รอยยิ้มหวานที่เหมือนบาดลงไปในใจของแวมไพร์วัยหนุ่มทั้งสองนั้นไม่ได้ชวนให้ดูน่ารักแต่มันน่าสยดสยองเสียมากกว่าในเวลานี้ เสียงร้องโหยหวนร้องขอความตายดังออกมาจากทั้งคู่ทันที"คุณชายขอรับ ช่วยให้ข้าตายเสียเถอะ หากลงโทษเช่นนี้" เมล์บอกด้วยใบหน้าหนักใจและอยากตายมากกว่ามีชีวิตอยู่ ไม่เพียงแต่เป็นการลงโทษที่ยากแต่ยังสร้างความอับอายให้เป็นประวัติเสื่อมเสียแก่วงศ์ตระกูลอีกต่างหาก"ข้าด้วยขอรับ ถ้าลงโทษแบบนี้ได้โปรดใช้กริชเงินแทงที่หัวใ
"ได้ความว่าอะไรบ้าง" เทรเลอร์ถามพลางทำสีหน้าเหมือนกับกำลังจะสนุกกับอะไรบางอย่างอยู่ ตั้งแต่งานเลี้ยงในครั้งนั้นก็ยังไม่ได้เจอกันอีกเลย เนื่องจากกลิ่นเลือดที่หอมหวานเลยถูกกักบริเวณให้อยู่แต่วังส่วนตัวของรัชทายาทแต่เพียงผู้เดียว ไม่ได้ไปอยู่วังต่างหากและมีเสียงลือว่าได้รับความโปรดปรานมากถึงขั้นให้อยู่วังเดียวกัน ซึ่งก็ไม่น่าจะผิดกับความจริงสักเท่าไหร่ หากเป็นเขาเองก็อยากจะให้อยู่คฤหาสน์เดียวกัน การมีมนุษย์แบบนั้นอยู่ในบ้านช่างเป็นเรื่องที่น่าสนใจยิ่งนัก"ได้ข่าวมาว่าลอร์ดโฟลช์ เมล์ กับบารอนคีเซิน ถูกสั่งปลดยศชั่วคราวจากคุณชายริค ไวท์ แถมยังถูกสั่งให้ทำงานบ้านทุกอย่างทั้งหมดภายในวังเป็นระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ รวมถึงให้ใส่ชุดข้ารับใช้ชายตลอดระยะเวลาการลงโทษอีกด้วย ช่างสยดสยองอะไรเช่นนี้ หากเป็นหม่อมฉันขอตายเสียยังดีกว่ามีชีวิตอยู่อย่างอัปยศเช่นนี้""อืม...น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ยิ่งรู้จักยิ่งน่าสนใจ""หมายความว่ายังไงขอรับ คุณชายใหญ่""ชาร์ที เด็กคนนี้มีความสามารถพิเศษที่ดึงดูดแวมไพร์รุ่นใหม่ให้เข้าหาได้ง
"นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าข้าทำให้เจ้า เสียเวลางั้นรึ" เทรเลอร์ถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ นี่เขาลงทุนมาหาถึงที่นี่แต่กลับพูดถึงคนอื่นได้อย่างไรกัน มันจะหยามกันเกินไปแล้ว"คราวที่แล้วก็มาลักพาตัวข้า วันนี้ยังจะบุกมาหาถึงที่ ใครเขาอยากจะไปคุยด้วย" เสียงทุ้มนุ่มตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉย เพราะในบรรดาที่รู้จักมานั้นมีคุณชายสวิต เทรเลอร์ที่นิสัยเสียที่สุดแล้ว ทำอะไรตามใจตัวเองตลอดเวลา ไม่สมกับเป็นเชื้อพระวงศ์เลยสักนิดเดียว"อย่างที่ไวท์พูดมา เจ้ากลับไปได้แล้ว อย่ามาวุ่นวายที่นี่อีก" เสียงทุ่มต่ำบอกพลางมองด้วยสายตารำคาญ พวกเขาอยู่อย่างสงบสุขแล้วทำไมต้องมาทำอะไรให้มันวุ่นวายแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้"ก็แค่กระจกแตก ไม่เห็นจะมีอะไรมากมาย ลองมาสู้กันหน่อยไหมพะยะค่ะ รัชทายาท""เห็นว่าไม่ค่อยมีเวลาได้ซ้อมเท่าไหร่ เพราะงานราชการล้นมือ เลยมาซ้อมตอนนี้หน่อยเป็นไง"ก่อนที่ร่างของทั้งคู่จะเข้าปะทะกันก็มีมือคู่หนึ่งยื่นปากกากับไม้บรรทัดห้ามทัพไว้เสียก่อน ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นไวท์นั่นเองที่รีบวิ่งเข้าไปขวางเอาไว้ นั
"สำหรับพวกข้าแล้วยังไงก็ได้พะยะค่ะ เพราะถึงจะมีเด็กคนนั้นอยู่พวกเราก็ยังต้องทำงานเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรนัก" ครอสบอกพลางทำหน้าเรียบเฉย"แถมพวกเรายังดูเขตการปกครองคนละที่กันด้วย ยังไงก็คงจะคนละสัปดาห์อยู่แล้ว" คลาสเห็นด้วยทันทีเพราะว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันมากขนาดนั้น แถมเขตการปกครองยังอยู่ห่างกันคนละซีกจักรวรรดิเลยก็ว่าได้ ตัวติดกันเฉพาะตอนเรียน ตอนสอบ และตอนออกงานใหญ่ๆ นอกนั้นก็อยู่แยกกันตลอด"ข้าจะส่งหนูไวท์ไปอยู่กับพวกเจ้าคนละหนึ่งสัปดาห์ แต่ถ้าเป็นฝาแฝดจะเป็นสองสัปดาห์เพราะมีสองคนในที่เดียวกัน หากพวกเจ้ามีใจให้แล้วล่ะก็...จะต้องพยายามทำให้เด็กคนนั้นตกหลุมรักพวกเจ้าให้ได้ และอย่าหาวู่วามทำอะไรล่วงเกินโดยใช่เหตุ เพราะไม่มีใครรู้ว่าพลังของมังกรกับเทพเป็นยังไง คนกำเนิดเป็นถึงบุคคลที่มีพลังมากที่สุดของมังกรทั้งปวง สุดเทพก็ยังเป็นเทพแนวหน้าของเทพเจ้ากรีกอีก หากไม่คิดให้ดีแล้วอาจจะถูกทำลายแทนที่จะได้รับความรักก็ได้ ตัวอย่างก็มีให้เห็นอยู่แล้วหลายคน คงต้องไม่อธิบายให้มากความ""นอกนั้นให้มันเป็นไปตามลำดับก็แล้วกัน ค
"เมื่อยไหม กระรอกน้อย" รัชทายาทถามพลางจับใบหน้ากับใบหูของอีกฝ่ายเพื่อตรวจอาการเบื้องต้น เพราะเขาไม่รู้เลยว่าการที่อีกคนมาอยู่อีกโลกร่างกายจะได้รับความเสียหายอะไรไหมจากการเดินทาง สภาพแวดล้อมสามารถอยู่ได้ไหม"ผมไม่เป็นไรครับ แค่เมื่อยก้นนิดหน่อยเพราะนั่งมานานแล้ว" เสียงทุ้มนุ่มตอบพลางขยับตัวไปมาบิดขี้เกียจในรถม้า ท่าทางดูเป็นธรรมชาติเหมือนกับการถูกเลี้ยงดูมาแบบสามัญชนสินะ ถ้าต่อไปต้องมาทำวางท่าแล้วจะเหนื่อยหรือเปล่านะ"มีอะไรหรือเปล่าครับ สีหน้าดูไม่ดีเลย""ข้ากังวลเรื่องต่อจากนี้ไปของกระรอกน้อย จะไหว จะทำได้หรือเปล่า จะทนได้ไหม คิดไปเยอะมากจนปวดหัว"ผู้ชายคนนี้เป็นถึงแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์ของโลกนี้ เป็นคนที่จะมาสืบทอดตำแหน่งต่อจากองค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินี มีเรื่องราวมากมายให้ทำในแต่ละวันแต่กลับคิดหนักเรื่องของไวท์มากขนาดนี้ ต้องเป็นคนที่อ่อนโยนขนาดไหนกันนะ คนที่ต้องแบกรับชะตากรรมของผู้อื่นไว้มากมาย ความรู้สึกต้องกดดันมากแค่ไหน"ไม่เป็นไรนะครับพี่คีย์ ผมเป็นลูกผู้ชาย สบายมา
"เจ้านี่มัน..." รัชทายาทกัดฟันกรอดอย่างไม่สบอารมณ์นัก"ข้าทำไมหรือพะยะค่ะ องค์รัชทายาทควรแก้ไขจุดนี้ก่อนที่จะสายเกินแก้" เมล์ถูกสอนมาจากโรงเรียนเสมอว่าถึงจะเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์มาตลอดในตระกูลแต่การสอนเจ้านายนั่นก็สิ่งที่ต้องทำเช่นกัน หากผู้เป็นนายมิได้เชื่อฟังคำแนะนำ ก็จงทำให้เห็นแก่ตาตัวเองว่าเป็นเช่นไร เป็นบทเรียนที่ดีที่สุด"งั้นเจ้าไปพักเถอะ ข้าอยากอยู่คนเดียว""พะยะค่ะ รัชทายาท"เมล์เดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้ายิ้มแย้มราวกับว่าอารมณ์ดีมากที่สุดของการมีชีวิตอยู่เลยก็ว่าได้ เพราะปกติเตือนอะไรไม่เคยจะฟังกันเลย ครั้งนี้น่าจะเป็นเรียนใหญ่ในชีวิตเลยล่ะ"ท่านเมล์ขอรับ มีจดหมายส่งมาถึงวัง""อืม มีอะไรก็ไปทำเถอะ"มือหนาเปิดซองแกะอ่านจดหมายที่จ่าหน้าซองถึงตนเองอย่างชัดเจน เนื้อหาในจดหมายค่อนข้างชัดเจนเรื่องการถูกติติงเรื่องการดูแลองค์รัชทายาทว่าต้องให้ดีกว่านี้แต่ก็ทำถูกเรื่องการดัดนิสัยพระองค์ไปในตัว ไม่รู้ว่าจะชมหรือจะมาด่ากันแน่ ผู้เป็นพ่อต
ร่างสูงโปร่งเดินเข้าไปหาตามเสียงเรียกของรัชทายาท อีกฝ่ายพลิกตัวไปมาสองสามครั้งแล้วใช้พลังตรวจคลื่นพลังในร่างกายอีกคนว่ายังมีความผิดปกติหลงเหลืออยู่หรือไม่ เมื่อตรวจสอบว่าไม่มีอะไรผิดพลาดจึงได้ปล่อยให้นั่งฝั่งตรงข้ามกัน"เมล์ เจ้าออกไปก่อน ข้าอยากคุยกับกระรอกน้อย""พะยะค่ะ รัชทายาท"สีหน้าที่หนักใจของคีย์ทำให้ไวท์ไม่สบายใจไปด้วย เพราะไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรถึงได้กลัดกลุ้มขนาดนี้ มันสำคัญถึงขนาดต้องคุยกันสองคนใช่ไหม ส่วนคีย์เองก็ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง ว่ามีคนมาดักทำร้ายไม่ใช่มาทำร้ายเขา หรือควรจะพูดยังไงให้หวาดกลัวน้อยลง สำหรับโลกของแวมไพร์การฆ่ากันไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ส่วนคนที่เติบโตมาจากโลกมนุษย์มันน่าจะเป็นเรื่องที่ใหญ่พอสมควรเลยล่ะ"พี่คีย์มีอะไรจะพูดเหรอครับ สีหน้าเครียดมากเลยครับ" ไวท์ตัดสินใจถามออกไปเพราะทนความเงียบไม่ไหว มันน่าจะมีเรื่องอะไรให้กังวลใจอย่างแน่นอน"เจ้ารู้ใช่ไหมว่าช่วงนี้มีเรื่องการต่อสู้บ่อยมาก""รู้ครับ เป็นทุกครั้งที่ออกจากวัง"
"ความสัมพันธ์ไม่คืบหน้าบ้างเลยหรือพะยะค่ะ" เมล์ถามด้วยความสงสัย"เจ้าหมายความว่ายังไงกัน เมล์""ข้าหมายความตามที่พูดเลยพะยะค่ะ""เจ้าไม่ต้องอยากทำให้มันเป็นแบบแผนขนาดนั้นหรอก อย่างไรเสียข้ากับไวท์ก็เป็นคู่หมั้นหมายกันเท่านั้น" จะให้หมายถึงอะไรอีก ไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิด"ข้าหมายถึงการสัมผัส การจับมือ การกอดกันก็ถือว่าพัฒนาความสัมพันธ์ได้พะยะค่ะ บางทีการที่พระองค์สงวนท่าทีอยู่ตลอดเวลาอาจจะทำให้ท่านไวท์ไม่ได้รับรู้มากนักและกำลังเป็นกังวลอยู่ก็ได้ ข้าอยากให้ท่านแสดงออกมากกว่านี้""ข้าพูดในฐานะเพื่อนที่รู้จักกันมานาน ไม่อยากให้คนรักของเพื่อนเกิดความน้อยใจ หรือสงสัยในตัวคนรักว่าเลือกถูกหรือเปล่าที่หมั้นกับคนอย่างเจ้า อย่าลืมว่านี่เป็นเพียงการหมั้นเท่านั้น หากความสัมพันธ์ไม่มั่นคงแล้วไวท์เกิดขอถอนหมั้นขึ้นมา เรื่องแบบนั้นย่อมทำได้...เจ้ารู้หรือไม่คีย์" เมล์อยากให้เพื่อนของตนเองแสดงความรักกับคนที่ตนเองชอบมากกว่านี้ ไ
ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่อยู่จักรวรรดิแห่งนี้ ทำให้คุณชายริค ไวท์ ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม ฐานะทางสังคมได้เป็นอย่างดี รวมถึงได้รับอนุญาตให้เข้าเรียนโรงเรียนของคุณชายที่เป็นเชื้อพระวงศ์เพื่อเรียนรู้การปกครองบ้านเมืองสืบไป และเป็นที่รู้จักกันในนามว่าที่คู่หมั้นขององค์รัชทายาทแห่งจักรวรรดิ อีกทั้งยังทำพันธะสัญญาเลือดเป็นที่เรียบร้อย ไม่มีใครสามารถพรากทั้งสองคนจากกันได้อย่างเด็ดขาดบัตรเชิญมากมายได้ถูกส่งไปยังหัวเมืองน้อยใหญ่ทั่วทั้งจักรวรรดิเพื่อให้มาร่วมงานที่ใหญ่ที่สุดในรอบหลายร้อยปี เพราะการแต่งงานของแวมไพร์ชนชั้นสูงพบเห็นได้น้อยและค่อนข้างนาน เนื่องจากอายุขัยที่ไม่มีวันสิ้นสุดทำให้ไม่รู้สึกว่าจะต้องเร่งรีบหาคู่เท่าใดนัก บรรยากาศคับคั่งไปด้วยบรรดาแขกคนสำคัญที่ไม่ค่อยเดินทางออกจากเขตปกครองมารวมตัวกันหมดที่นี่สถานที่แห่งนี้ประดับด้วยดอกไม้สีขาว สีทอง สีฟ้า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ขององค์รัชทายาทและคุณชายตระกูลริคผู้เป็นเชื้อพระวงศ์ โดยได้รับการยอมรับจากขุนนางทั้งฝั่งเชื้อพระวงศ์ทั้งฝั่งผู้รับใช้เป็นที่เรียบร้อย ไม่มีปัญหาใ
มีการเตรียมตัวเพื่อที่จะไปพักสถานที่ดังกล่าวและทุกคนยกเว้นไวท์รู้อยู่แล้วว่าที่นั่นคือบ้านพักตากอากาศของตระกูลริค ถึงจะไม่ใช่สถานที่แปลกใหม่อะไรสำหรับคนที่มีอายุมาหลายร้อยปีแบบพวกเขา แต่อาจจะเป็นสถานที่น่าสนใจของเด็กคนนี้ก็ได้ เขาเองถึงจะเคยไปตรวจงานราชการมามากมายแต่สถานที่ของตระกูลริคก็ไม่ได้มาบ่อยนัก แทบจะไม่รู้ว่าด้วยซ้ำว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไรที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่พักผ่อนของตระกูลริค เป็นสถานที่ห่างไกลออกมาจากบ้านตระกูลหลักพอสมควรแต่ยังสามารถเดินทางมาได้หากอยากทำอะไรที่ต้องการความสงบ มักถูกใช้ในช่วงสอบหรือการทดสอบเลื่อนขั้นในการรับยศของขุนนาง จึงมีแต่หนังสือและสถานที่ฝึกซ้อมต่อสู้เป็นหลัก มีสวนดอกไม้ให้พักผ่อนหย่อนใจบ้างตามโอกาสที่เหมาะสม"ชอบที่นี่หรือไม่" คีย์ถามด้วยความอยากรู้ เพราะว่าความที่อีกคนไม่ค่อยปฏิเสธหรือตอบรับอะไรทำให้รับรู้ได้ยากมาก การซักถามถือเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้รับรู้ได้"ชอบครับ ที่นี่สวยมากเลย" ถึงจะมีแต่สิ่งที่เหมาะสำหรับการฝึกฝนแต่สวนดอกไม้ที่นี่สวย แ
"ถ้าไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว กลับเมืองหลวงกันเถอะ" เสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นมาเพราะอยากจัดการเรื่องงานหมั้นให้เรียบร้อย เพราะการทำสัญญาที่ว่าเร็วแล้ว ควรรับผิดชอบด้วยการกระทำให้เร็วที่สุด"เจ้ากับข้าต้องกลับไปจัดงานหมั้นหมายให้ถูกต้องอีก เพราะคุยกับตระกูลริคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว" รัชทายาทเร่งขึ้นอีกในประโยคถัดมาเมื่อเห็นใบหน้าหวานทำหน้าสงสัยจึงตอบไปในทันที"ท่านพี่รีบร้อนเกินไปหรือเปล่า ทำไมไม่ไปเที่ยวในเขตนี้เสียเลยล่ะ" คลาสเอ่ยทักเพราะที่นี่มีสถานที่หลายแห่งค่อนข้างสวยงาม และคงจะเป็นการดีไม่น้อยที่คุณชายของตระกูลจะเที่ยวเล่นในเขตการปกครองของตระกูลบ้าง"เป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน ข้าจะลองทำตามที่เจ้าบอกแล้วกันคลาส" มัวแต่คิดเรื่องการเตรียมงานหมั้นมากจนเกินไป จนไม่ได้สังเกตเลยว่าเด็กคนนี้อาจจะอยากไปผ่อนคลายบ้าง"เจ้าคิดยังไงไวท์""ผมคิดว่าได้ท่องเที่ยวสักหน่อยก็ไม่เลวนะครับ ทุกคนสะดวกไปด้วยกันไหม" เสียงทุ้มนุ่มถามทุกคนในท
"ถ้างั้นยืนขึ้นดีๆ แล้วปลดคอเสื้อลงหน่อย ข้าจะได้กัดง่ายขึ้น" คีย์บอกพลางพยายามควบคุมตนเองไม่ให้สติแตกและควบคุมพลังให้ได้มากที่สุด"ครับ"รัชทายาทยืนทำใจให้สงบและควบคุมสติให้ได้มากที่สุด ก่อนจะเดินไปใกล้ร่างสูงโปร่งแล้วก้มลงมาเพื่อทำสัญญาเลือดอย่างที่ควรจะเป็น ริมฝีปากขยับออกเผลอให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคมของแวมไพร์ฝังเข้าลำคอขาวอย่างแผ่วเบาและทะนุถนอมที่สุด มือทั้งสองข้างประคองร่างเอาไว้ไม่ให้รู้สึกตกใจหรือขยับไปในทิศทางอื่นเพื่อไม่ให้รอยเขี้ยวนั้นมีแผลเพิ่ม เลือดสีขาวไหลเข้าปากอย่างช้าเพราะไม่ได้ดูดกินอย่างรุนแรงเหมือนคนกระหายนี่เป็นเพียงการทำสัญญาเท่านั้น หากดื่มไปช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วจะต้องหยุดดื่มเป็นอันสิ้นสุดสัญญาและผูกมัดเอาไว้ตลอดกาล ปฏิกิริยาเกิดขึ้นกับร่างของรัชทายาททันที สีผมและดวงตาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เหมือนเลือดของเทพกับมังกรที่รวมกันเป็นหนึ่งสามารถดึงพลังสูงสุดของแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์ออกมาได้ ทำให้รูปลักษณ์เปลี่ยนไปตลอดกาล เลือดที่ไหลเวียนเหมือนปลุกพลังทั้งหมดที่มีออกมาให้ตื่นขึ้นเต็มที่
"ข้าไงพะยะค่ะ เถียงกันมากี่ร้อยปี ยังไม่ชินอีกหรือ" เมล์ยอกย้อนผู้เป็นทั้งนายและเพื่อนสนิทของตนเอง เพราะอย่างไรเสียนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เถียงกัน มันเป็นเช่นนี้มานานหลายต่อหลายครั้ง ตำแหน่งห่างกันไม่มาก ตระกูลก็เป็นเลือดบริสุทธิ์เหมือนกันจะแตกต่างก็ตรงที่ถูกจัดลำดับในการอยู่ตำแหน่งไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง"หึ ยังจะมีหน้ามาพูดอีก เจ้าบ้านี่" คีย์ตอบกลับอย่างไม่จริงจังนัก อย่างไรก็เป็นแบบนี้มานานและไม่ได้เสียหายอะไร"ดึกแล้วไปเข้านอนกันเถอะไวท์" เสียงทุ้มต่ำบอกพลางเดินนำออกไป"ครับพี่คีย์" เขาขานรับพลางลุกขึ้นตามอีกคนออกไปด้านนอกกริ๊ก!"ข้าอยากเปิดความรู้สึกของข้าให้เจ้ารับรู้ ถึงแม้ว่าสีหน้าของข้าจะไม่แสดงออกมากนักแต่รู้สึกดีใจมากที่เจ้าเลือกข้า ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันรู้สึกมากแค่ไหน ลองมองมาที่ดวงตาแล้วจะรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเอง" มือหนาจับคางอีกคนให้เชิดขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองได้ถนัดกว่าที่เคย"แบบนี้ใกล้เกินไปครับ" อธิบายก็เข้าใจแล้ว ไม่ต้องเอาหน้าเข้ามาใ
ณ พระราชวังหลวง"จักรพรรดิพะยะค่ะ คุณชายริค ไวท์ มาขอเข้าเฝ้า""ให้เข้ามาได้"หวังว่าจะได้รับคำตอบจากเด็กคนนี้ว่าจะเลือกใครกันแน่เพราะเวลามันผ่านมาเนิ่นนานแล้ว หากบางคนรอไม่ไหวจนใช้วิธีการอื่นขึ้นมาจะเป็นปัญหาได้ ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ดี ในการมาให้คำตอบในวันนี้"ทำความเคารพ จักรพรรดิ" ไวท์บอกพลางทำความเคารพตามวัฒนธรรมของจักรวรรดิ"ไม่ต้องมากพิธีหรอกไวท์ มีเรื่องอะไรไหนพูดมาสิ" จักรพรรดิเอ่ยบอกอย่างอารมณ์ดี"หม่อมฉันมีเรื่องจะกราบทูลพะยะค่ะ""ว่ามาได้เลย""หม่อมฉันเลือกคนที่จะหมั้นหมายด้วยได้แล้วพะยะค่ะ" ไวท์พูดพลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เรียกความมั่นใจให้ตนเอง"บุคคลที่ข้าเลือกก็คือ...องค์รัชทายาทพะยะค่ะ องค์จักรพรรดิ" เสียงทุ้มนุ่มตอบด้วยความมั่นใจและหนักแน่น และเหมือนคำตอบของคุณชายในครั้งนี้จะทำให้ใครหลายคนดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่หลายคนเลยทีเดียว เพราะว่าในที่ประชุมนี้คือเหล่าบรรดาคนที่อยากจะหมั้นหม
"ข้าคิดว่าถึงเวลาที่ท่านต้องเลือกใครสักคนที่อยากจะหมั้นหมายด้วยแล้วขอรับ มิเช่นนั้นปัญหาต่อมาภายในจักรวรรดิคือการแย่งชิงตัวของท่านอย่างแน่นอน" เฟลิกซ์บอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพราะระยะเวลาวันแรกที่ตกลงกันจนมาวันนี้ก็ค่อนข้างนานมากพอแล้ว ต้องได้เวลาตัดสินใจสักทีว่าจะเลือกใครก่อนที่จะเกิดเรื่องต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงมาแทนการซักถาม"ไวท์ ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้า" สวิตเอ่ยทักเพราะเดินผ่านกันระหว่างกลับจากท้องพระโรงพอดี"งั้นไปคุยในสวนสาธารณะกันพะยะค่ะ" ไวท์บอกพลางผายมือไปทางสวนด้านหลังวัง"ทำไมใช้ราชาศัพท์กับข้าล่ะ" สวิตถามด้วยความสงสัย"ที่นี่มันวังหลวงพะยะค่ะ เดินไปที่สวนหลังวังกันดีกว่า" ร่างสูงโปร่งไม่ได้สนใจคำพูดเหล่านั้นแล้วเดินมาสวนท้ายวังตามที่บอกไว้เมื่อสักครู่ จากสภาพของเดือนก่อนมันถูกทำให้เหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะแตกต่างก็คือตอนนั้นเป็นแผนการขององค์จักรพรรดิทำให้เกิดเรื่องขึ้น แต่คราวนี้เป็นการพูดคุยด้วยนิสัยของทั้งคู่อย่างแท้จริง"มีอะไรจะพูดหรือเปล่าครับ พี่เ
ข่าวที่แพร่กระจายไปทั่วนั้นทำให้เหล่าเชื้อพระวงศ์ ขุนนาง และข้ารับใช้ในราชสำนักตระหนักว่าการเข้าไปยุ่งกับเด็กคนนั้นโดยไม่มีแผนการล่วงหน้าชะตาชีวิตจะเป็นเช่นไร เพราะเรื่องเกิดจากการเข้าไปยุ่งกับบุคคลที่ไม่ควรยุ่งถึงได้ถูกลงโทษเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะถูกอีกฝ่ายขอไว้คงอาจจะตายไปแล้วก็เป็นได้ เสียงซุบซิบนินทาจากมีเพียงในวังหลวงก็ถูกส่งต่อไปหัวเมืองน้อยใหย๋จนรับรู้กันทั่วจักรวรรดิภายในระยะเวลาไม่กี่วัน"ท่านไวท์ขอรับ จะได้เวลาลงไปร่วมงานเลี้ยงแล้ว""อืม"วันนี้คือวันที่มาบรรจบในรอบหนึ่งเดือนที่จะมีงานเลี้ยงอย่างยิ่งใหญ่สักครั้งในวังหลวง ซึ่งในวันนี้ทุกคนตั้งใจจะประกาศการหมั้นหมายอย่างเป็นทางการในตอนแรกเป็นอันต้องล้มเลิกเพราะว่ามีการสอบถามคุณชายริค ไวท์ ว่าต้องการจะหมั้นหมายกับใครกันแน่ หรือมีใจให้กับใครให้ตัดสินใจให้ดี ทุกคนรอฟังคำตอบกันอยู่ในงานเลี้ยงครั้งนี้"ท่านพี่คิดว่าไวท์จะเลือกใครมาเป็นคู่ครองกัน" ครอสถามด้วยความอยากรู้"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมานอ