"นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าข้าทำให้เจ้า เสียเวลางั้นรึ" เทรเลอร์ถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ นี่เขาลงทุนมาหาถึงที่นี่แต่กลับพูดถึงคนอื่นได้อย่างไรกัน มันจะหยามกันเกินไปแล้ว
"คราวที่แล้วก็มาลักพาตัวข้า วันนี้ยังจะบุกมาหาถึงที่ ใครเขาอยากจะไปคุยด้วย" เสียงทุ้มนุ่มตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉย เพราะในบรรดาที่รู้จักมานั้นมีคุณชายสวิต เทรเลอร์ที่นิสัยเสียที่สุดแล้ว ทำอะไรตามใจตัวเองตลอดเวลา ไม่สมกับเป็นเชื้อพระวงศ์เลยสักนิดเดียว
"อย่างที่ไวท์พูดมา เจ้ากลับไปได้แล้ว อย่ามาวุ่นวายที่นี่อีก" เสียงทุ่มต่ำบอกพลางมองด้วยสายตารำคาญ พวกเขาอยู่อย่างสงบสุขแล้วทำไมต้องมาทำอะไรให้มันวุ่นวายแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้
"ก็แค่กระจกแตก ไม่เห็นจะมีอะไรมากมาย ลองมาสู้กันหน่อยไหมพะยะค่ะ รัชทายาท"
"เห็นว่าไม่ค่อยมีเวลาได้ซ้อมเท่าไหร่ เพราะงานราชการล้นมือ เลยมาซ้อมตอนนี้หน่อยเป็นไง"
ก่อนที่ร่างของทั้งคู่จะเข้าปะทะกันก็มีมือคู่หนึ่งยื่นปากกากับไม้บรรทัดห้ามทัพไว้เสียก่อน ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นไวท์นั่นเองที่รีบวิ่งเข้าไปขวางเอาไว้ นั
"สำหรับพวกข้าแล้วยังไงก็ได้พะยะค่ะ เพราะถึงจะมีเด็กคนนั้นอยู่พวกเราก็ยังต้องทำงานเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรนัก" ครอสบอกพลางทำหน้าเรียบเฉย"แถมพวกเรายังดูเขตการปกครองคนละที่กันด้วย ยังไงก็คงจะคนละสัปดาห์อยู่แล้ว" คลาสเห็นด้วยทันทีเพราะว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันมากขนาดนั้น แถมเขตการปกครองยังอยู่ห่างกันคนละซีกจักรวรรดิเลยก็ว่าได้ ตัวติดกันเฉพาะตอนเรียน ตอนสอบ และตอนออกงานใหญ่ๆ นอกนั้นก็อยู่แยกกันตลอด"ข้าจะส่งหนูไวท์ไปอยู่กับพวกเจ้าคนละหนึ่งสัปดาห์ แต่ถ้าเป็นฝาแฝดจะเป็นสองสัปดาห์เพราะมีสองคนในที่เดียวกัน หากพวกเจ้ามีใจให้แล้วล่ะก็...จะต้องพยายามทำให้เด็กคนนั้นตกหลุมรักพวกเจ้าให้ได้ และอย่าหาวู่วามทำอะไรล่วงเกินโดยใช่เหตุ เพราะไม่มีใครรู้ว่าพลังของมังกรกับเทพเป็นยังไง คนกำเนิดเป็นถึงบุคคลที่มีพลังมากที่สุดของมังกรทั้งปวง สุดเทพก็ยังเป็นเทพแนวหน้าของเทพเจ้ากรีกอีก หากไม่คิดให้ดีแล้วอาจจะถูกทำลายแทนที่จะได้รับความรักก็ได้ ตัวอย่างก็มีให้เห็นอยู่แล้วหลายคน คงต้องไม่อธิบายให้มากความ""นอกนั้นให้มันเป็นไปตามลำดับก็แล้วกัน ค
"เมื่อยไหม กระรอกน้อย" รัชทายาทถามพลางจับใบหน้ากับใบหูของอีกฝ่ายเพื่อตรวจอาการเบื้องต้น เพราะเขาไม่รู้เลยว่าการที่อีกคนมาอยู่อีกโลกร่างกายจะได้รับความเสียหายอะไรไหมจากการเดินทาง สภาพแวดล้อมสามารถอยู่ได้ไหม"ผมไม่เป็นไรครับ แค่เมื่อยก้นนิดหน่อยเพราะนั่งมานานแล้ว" เสียงทุ้มนุ่มตอบพลางขยับตัวไปมาบิดขี้เกียจในรถม้า ท่าทางดูเป็นธรรมชาติเหมือนกับการถูกเลี้ยงดูมาแบบสามัญชนสินะ ถ้าต่อไปต้องมาทำวางท่าแล้วจะเหนื่อยหรือเปล่านะ"มีอะไรหรือเปล่าครับ สีหน้าดูไม่ดีเลย""ข้ากังวลเรื่องต่อจากนี้ไปของกระรอกน้อย จะไหว จะทำได้หรือเปล่า จะทนได้ไหม คิดไปเยอะมากจนปวดหัว"ผู้ชายคนนี้เป็นถึงแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์ของโลกนี้ เป็นคนที่จะมาสืบทอดตำแหน่งต่อจากองค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินี มีเรื่องราวมากมายให้ทำในแต่ละวันแต่กลับคิดหนักเรื่องของไวท์มากขนาดนี้ ต้องเป็นคนที่อ่อนโยนขนาดไหนกันนะ คนที่ต้องแบกรับชะตากรรมของผู้อื่นไว้มากมาย ความรู้สึกต้องกดดันมากแค่ไหน"ไม่เป็นไรนะครับพี่คีย์ ผมเป็นลูกผู้ชาย สบายมา
"เจ้านี่มัน..." รัชทายาทกัดฟันกรอดอย่างไม่สบอารมณ์นัก"ข้าทำไมหรือพะยะค่ะ องค์รัชทายาทควรแก้ไขจุดนี้ก่อนที่จะสายเกินแก้" เมล์ถูกสอนมาจากโรงเรียนเสมอว่าถึงจะเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์มาตลอดในตระกูลแต่การสอนเจ้านายนั่นก็สิ่งที่ต้องทำเช่นกัน หากผู้เป็นนายมิได้เชื่อฟังคำแนะนำ ก็จงทำให้เห็นแก่ตาตัวเองว่าเป็นเช่นไร เป็นบทเรียนที่ดีที่สุด"งั้นเจ้าไปพักเถอะ ข้าอยากอยู่คนเดียว""พะยะค่ะ รัชทายาท"เมล์เดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้ายิ้มแย้มราวกับว่าอารมณ์ดีมากที่สุดของการมีชีวิตอยู่เลยก็ว่าได้ เพราะปกติเตือนอะไรไม่เคยจะฟังกันเลย ครั้งนี้น่าจะเป็นเรียนใหญ่ในชีวิตเลยล่ะ"ท่านเมล์ขอรับ มีจดหมายส่งมาถึงวัง""อืม มีอะไรก็ไปทำเถอะ"มือหนาเปิดซองแกะอ่านจดหมายที่จ่าหน้าซองถึงตนเองอย่างชัดเจน เนื้อหาในจดหมายค่อนข้างชัดเจนเรื่องการถูกติติงเรื่องการดูแลองค์รัชทายาทว่าต้องให้ดีกว่านี้แต่ก็ทำถูกเรื่องการดัดนิสัยพระองค์ไปในตัว ไม่รู้ว่าจะชมหรือจะมาด่ากันแน่ ผู้เป็นพ่อต
ร่างสูงโปร่งเดินเข้าไปหาตามเสียงเรียกของรัชทายาท อีกฝ่ายพลิกตัวไปมาสองสามครั้งแล้วใช้พลังตรวจคลื่นพลังในร่างกายอีกคนว่ายังมีความผิดปกติหลงเหลืออยู่หรือไม่ เมื่อตรวจสอบว่าไม่มีอะไรผิดพลาดจึงได้ปล่อยให้นั่งฝั่งตรงข้ามกัน"เมล์ เจ้าออกไปก่อน ข้าอยากคุยกับกระรอกน้อย""พะยะค่ะ รัชทายาท"สีหน้าที่หนักใจของคีย์ทำให้ไวท์ไม่สบายใจไปด้วย เพราะไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรถึงได้กลัดกลุ้มขนาดนี้ มันสำคัญถึงขนาดต้องคุยกันสองคนใช่ไหม ส่วนคีย์เองก็ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง ว่ามีคนมาดักทำร้ายไม่ใช่มาทำร้ายเขา หรือควรจะพูดยังไงให้หวาดกลัวน้อยลง สำหรับโลกของแวมไพร์การฆ่ากันไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ส่วนคนที่เติบโตมาจากโลกมนุษย์มันน่าจะเป็นเรื่องที่ใหญ่พอสมควรเลยล่ะ"พี่คีย์มีอะไรจะพูดเหรอครับ สีหน้าเครียดมากเลยครับ" ไวท์ตัดสินใจถามออกไปเพราะทนความเงียบไม่ไหว มันน่าจะมีเรื่องอะไรให้กังวลใจอย่างแน่นอน"เจ้ารู้ใช่ไหมว่าช่วงนี้มีเรื่องการต่อสู้บ่อยมาก""รู้ครับ เป็นทุกครั้งที่ออกจากวัง" 
ปึง!เสียงทุ้บโต๊ะทำงานของบุคคลที่อยู่สูงสุดของจักรวรรดิรองจากองค์ผู้สูงศักดิ์ทั้งสอง ทำให้เหล่าลูกครึ่งแวมไพร์ที่มีอำนาจทั้งสี่ถึงกับสะดุ้ง ไม่คิดว่าจะถูกโกรธเช่นนี้ เพราะพระองค์จะเก็บอาการตลอด นั่นหมายถึงครั้งนี้สุดจะทนแล้ว"พวกเจ้าไม่ต้องคิดที่จะออกรับแทนเฟลิกซ์หรอก เพราะไม่ว่าใครก็จะต้องถูกลงโทษด้วยกันทั้งหมด""อย่างที่รัชทายาทเอ่ยเลย พวกเจ้าจะต้องได้รับโทษอย่างแน่นอน ไม่ต้องเกี่ยงกันไปหรอก""ข้าจะตัดสินใจเองว่าจะทำเช่นไร ขอให้ลอร์ดเมล์สงบลงก่อน" ไวท์บอกเสียงเข้มเพื่อไม่ให้คนอื่นทำให้บรรยากาศแย่ลงไปกว่านี้ จากสีหน้าแล้วคงจะเตรียมใจกันมาแล้ว ไม่งั้นคงจะไม่ตอบแบบนี้"สิ่งที่ข้าจะบอกก็คือ..." เหมือนทั้งสี่คนกำลังยอมรับชะตากรรมว่าจะไม่มีลมหายใจอีกแล้ว มีชีวิตอยู่ถึงแค่ตอนนี้สินะ....."ข้าจะปลดยศของทุกคนแล้วส่งกลับบ้านเกิดทั้งหมด หากคิดว่าไม่อยากดูแลกัน ก็จงกลับไปในที่ๆ พวกเจ้าจากมาเสียเถิด""ว่าไงนะ! ""คุณชาย ท่านเอ่
"สงสัยเหมือนหม่อมฉันไม่มีผิดเลยพะยะค่ะ เหมือนเรื่องราวจะซับซ้อนมากขึ้นทุกที" เมล์แอบเห็นด้วยที่ว่านิสัยคล้ายกันแต่ทำไมเชื้อสายถึงแตกต่างกันขนาดนี้ มันจะต้องมีความลับอะไรซ่อนอยู่อย่างแน่นอน"ไว้สืบเรื่องนี้กันทีหลัง กระรอกน้อยเดินมาหาแล้ว""พะยะค่ะ รัชทายาท"เชิ้ดขาวสะอาดที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของอีกคนบ่งบอกถึงการวอร์มอัพร่างกายสำหรับการทำอะไรสักอย่างต่อไป ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เหล่านักเวทย์มาบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ สำหรับการทดสอบพลังกำลังของคุณชายริค ไวท์ ที่เป็นที่แตกตื่นสำหรับเหล่าแวมไพร์นั้นถือว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกทำร้ายแบบที่ผ่านมาอีก"ดูจากท่าทางแล้วคงชอบออกกำลังกายน่าดู ที่นี่ส่วนมากจะฝึกพลังเวทย์มากกว่ากำลังกาย" คีย์บอกพลางมองสำรวจอีกคนที่ตัวมีแต่เหงื่อไหลซึมไปทั่วร่าง น่าจะเหนื่อยพอสมควรเลยที่ทำแบบนั้น"ทำไมแบบนั้นล่ะครับพี่คีย์ ถ้าฝึกกำลังกายด้วยจะแข็งแกร่งมากกว่าเดิมแน่นอน""ดูผมสิ! สามารถตัดแผ่นไม้ได้ด้วยมือเปล่า ไม่ต้องใช้พ
"หม่อมฉันมาตามคำสั่งขององค์จักรพรรดิ ที่ให้มาดูการตรวจตราและการตรวจวัดคลื่นพลังของเด็กคนนี้ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือแอบมาด้วยความสมัครใจเลยแม้แต่น้อย" ฟรังบอกด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ถึงจะอยู่หน่วยพิเศษที่ต้องดูแลเรื่องพวกนี้แต่คนอื่นมีมากมายทำไมต้องเป็นเขากันล่ะแอ๊ด!เสียงประตูที่เปิดออกมาดึงดูดความสนใจทุกคนให้หันไปมองบุคคลที่เข้ามาว่าเป็นใครและก็เป็นบุคคลที่ถูกกล่าวถึงเมื่อสักครู่นั่นเอง"ทำไมมากันเยอะขนาดนี้ล่ะครับ มีอะไรกันหรือเปล่า" ไวท์ถามด้วยสีหน้างุนงงเพราะที่นี่คือวังส่วนตัวขององค์รัชทายาท กว่าจะได้มาก็ต้องทำเรื่องขออนุญาตแต่ทำไมมากันเยอะขนาดนี้"ข้าอยากมาดูหน้าของเจ้าว่าเป็นยังไงบ้าง กลัวว่าจะตายก่อนที่จะมาถึงวังของข้าน่ะสิ" สวิตตอบพลางหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี ยิ่งเห็นก็ยิ่งดูดีมากขึ้นทุกวัน ชักอยากจะให้มาอยู่ข้างกายเสียแล้วสิ"สมเป็นปากของเจ้านะสวิต เพราะพวกไม่รู้ที่ต่ำที่สูงถึงได้ชอบทำตัวแบบนี้""นั่นสิพี่ครอส อยู่ดีไม่ว่าดีอยากได้ของที่ไม่คู่ควร"
"ทำไมพวกท่านถึงได้ทำเหมือนว่ามันคือเรื่องปกติ การฆ่ากันไม่ใช่เรื่องปกติที่ควรชินหรือเพิกเฉยแบบนี้""เป็นเรื่องปกติของที่นี่นะไวท์ ถึงข้าจะเอ็นดูเจ้าแต่เห็นด้วยกับแฝดนรก" มาร์แชลบอกพลางยักไหล่เพราะที่นี่ใครอ่อนแอก็จะต้องตาย สิ่งที่ทำได้คือขึ้นมาอยู่จุดสูงสุดแล้วจะรอด การทำร้ายมนุษย์ถูกห้ามเอาไว้ก็จริงแต่ไม่มีกฎไม่ให้ทำร้ายแวมไพร์กันเอง การเข่นฆ่าหรือล้มราชบัลลังค์จึงมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้งในหมู่แวมไพร์ด้วยกันและชนชั้นสูง"เป็นเรื่องปกติของที่นี่จริงๆ ขอรับท่านไวท์ กระผมขอยืนยันอีกหนึ่งเสียง" เฟลิกซ์บอกเพราะเมื่อว่าเจ้านายของตนกำลังจะอ้าปากถามบุคคลที่อยู่สูงที่สุดในห้องทำงานแห่งนี้"สิ่งที่ไวท์ต้องทำคือพยายามเรียนรู้การใช้พลังเวทย์ในชนเผ่าของคุณชายมาให้ได้มากที่สุด เพื่อต่อสู้กับพวกที่ไม่หวังดีทั้งหมดนั่นเอง" ครอสบอกพลางแสยะยิ้มอย่างอารมณ์ดี ไม่ใช่ว่าชอบการเข่นฆ่าแต่อย่างใด หากแต่ได้ออกกำลังบ้างก็คงจะดีไม่น้อยเลย"ที่นี่เป็นแบบนี้มาตลอดขอรับท่านไวท์" คัสซัสยืนยันอีกเสียง"มีอะไรอีกห
ขาซ้ายเข้าเตะกลางลำตัวเข้าอย่างจังแต่เอิรล์หลบได้ทันแล้วออกหมัดซ้ายสวนกลับไป ซึ่งใบหน้าหวานหลบแล้วแต่เฉียดโดนนิดหน่อยทำให้ใบหน้าเป็นรอยขึ้นมาเล็กน้อย ปลายดาบของมือขวาวาดไปทางขวาหวังจะฟันให้โดนจุดสำคัญแต่อีกคนหลบได้ทันเช่นกันเคร้ง!!!เสียงดาบทั้งสองเข้าปะทะกันซึ่งหน้า ใบหน้าของทั้งสองคนไม่มีใครยอมใครเลย แม้ว่าจะเป็นเพียงการเรียนและการฝึกซ้อมแต่ดูจริงจังมากจนนึกว่าจะฆ่ากันจริง ๆ ไวท์อาศัยจังหวะที่เอิรล์สนใจแต่การปะทะด้านยกขาขวาขึ้นมาเตะกลางลำตัวอีกคนจนกระเด็นไปอีกทาง“ไหวหรือเปล่าขอรับ เอิรล์ฟาร์ดอน” ร่างสูงโปร่งรีบวิ่งตามไปในทิศทางที่อีกคนกระเด็นไปทันทีด้วยความเป็นห่วง“ไม่เป็นไรหรอกขอรับ ว่าแต่ท่านเรียกผิดแล้ว” เอิรล์ส่ายหัวเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู“ผิดอย่างไรหรือขอรับ”“ท่านต้องเรียกข้าว่า อาจารย์ฟาร์ดอนต่างหาก”“ได้ขอรับ อาจารย์ฟาร์ดอน”แปะ! แปะ! แปะ!&
“ข้าไม่ใช่พี่ชายของท่าน ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรกัน” เสียงทุ้มนุ่มตอบพลางกางมือออกแล้วสับไม้ให้ขาดออกจากกันเป็นสองท่อน“ฝีมือของคุณชายริค สมบูรณ์แบบมากจริง ๆ ”“ขอบคุณสำหรับคำชม แต่ว่าอยากจะลองฝึกด้วยกันไหมล่ะขอรับ” เสียงทุ้มนุ่มถามหลังจากเห็นอีกคนมองด้วยความสนใจมานาน“น่าสนใจขอรับ ต้องเริ่มจากอะไรก่อน” เอิรล์ฟาร์ดอนไม่มีทางปฏิเสธคำชวนอยู่แล้ว เพราะหลังจากสังเกตดี ๆ ช่างเป็นอะไรที่ประหลาดและแตกต่างนักเอิรล์ฟาร์ดอนตั้งใจเรียนสิ่งที่อีกคนสอนอย่างตั้งใจ ถึงจะเข้าใจทั้งหมดแล้วลองทำตามแต่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะต้องใช้พละกำลังที่มหาศาลและสมาธิสูงพอสมควร ดูด้วยตาเปล่ายังไม่สามารถทำตามได้ในทันที“จะทำยังไงต่อไปหรือพะยะค่ะ รัชทายาท” เมล์ถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้วว่าผู้เป็นนายกำลังหวงพระคู่หมั้นของตนเอง“หวังว่าจะผลัดกันแลกเปลี่ยนวิชาเฉย ๆ เพราะข้าผูกพันธะสัญญาเลือดกับไวท์แล้ว ถึงจะมาชอบยังไงคงจะไม่มีทางเป็นไปได้อีก เลิกหวังสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้เสียดีกว่า” เสียง
“อร่อยขอรับ รสชาติแตกต่างจากที่เคยกินมา” ใบหน้าของฟาร์ดอนบ่งบอกถึงความพอใจหลังชิมนมสดของคุณชายริค ไม่ได้โกหกเรื่องรสชาติ อร่อย กลมกล่อม ไม่เหมือนที่เคยกินมาเลย“ถ้างั้นจะลองช่วยกันทำขนมไหมครับ อยากได้คนช่วยนวดแป้ง”“ไม่มีปัญหาขอรับ งั้นให้ทำตรงไหนบ้าง”เสียงหัวเราะของทั้งสองคนระหว่างช่วยกันทำขนมดังพอสมควรจนกระทั่งเฟลิกซ์เดินผ่านมาเห็นพอดี เหมือนผู้เป็นนายของเขาจะมีเสน่ห์มากจนใครเห็นก็เอ็นดู แต่ว่าเอ็นดูอย่างเดียวก็พอ อย่ามีความรู้สึกอื่นเข้ามาด้วย“เจ้าไปตามไวท์มาดูเอกสารตรงนี้สิ คิดว่าน่าจะอยู่ห้องครัว”“พะยะค่ะ รัชทายาท”เมล์จะเดินมาเรียกคุณชายริคให้ไปหาแต่มาเห็นกำลังตั้งใจทำขนมเลยกลายเป็นไม่กล้าเรียกแล้วหยุดยืนรอจนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพัก...“เมล์มีอะไรจะคุยกับผมหรือเปล่าครับ ยืนรอนานแล้วไม่ใช่เหรอ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยทักโดยที่ยังคงพยายามผสมแป้งอยู่ด้านในครัว ทำให้ทุก
มือหนาเปิดซองจดหมายที่ข้ารับใช้คนสนิทของจักรพรรดินีส่งมาให้ ก็ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วว่าสิ่งที่คู่หมั้นของตนเองต้องการคืออะไร เพราะว่าบางทีเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ที่ผ่านมาการปกป้องอยู่ฝ่ายเดียวอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดี“เป็นยังไงบ้างพะยะค่ะ” เมล์ถามด้วยความเป็นห่วง“ข้ารู้แล้วว่าเรื่องอะไร เดี๋ยวจะไปขอโทษไวท์ในช่วงเช้าแล้วกัน”“ถ้างั้นพักผ่อนเถอะพะยะค่ะ ราตรีสวัสดิ์”แกร๊ก!แสงแดดส่องเข้าห้องนอนบ่งบอกถึงเวลาเย็นเพราะเป็นช่วงพระอาทิตย์ตกดิน เขาเริ่มจะชินกับการใช้ชีวิตแบบแวมไพร์ไปเสียแล้ว ถ้าจะตื่นแบบมนุษย์น่าจะใช้เวลาปรับตัวหลายวันอย่างแน่นอน“อรุณสวัสดิ์ขอรับ ท่านไวท์” เฟลิกซ์เอ่ยทักทายพลางเดินเข้ามาแล้วส่งผ้าขนหนูให้“นี่เป็นชาขาวขอรับ เชิญรับประทานก่อนจะไปอาบน้ำขอรับ” มือขาวรับชาจากถ้วยมาโดยไม่พูดอะไร“เดี๋ยวข้าจะไปเตรียมอาหารเช้าให้ขอรับ”
“เลือกของครบหรือยังกระรอกน้อย”“ครบแล้วครับ”“ถ้างั้นกลับกันเถอะ”“ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เจอกันที่พะยะค่ะ รัชทายาท” สวิตเอ่ยทักทายพลางทำความเคารพ“ไม่ต้องมากพิธีลอร์ดสวิต ที่นี่ไม่ใช่ในวัง” เสียงทุ้มต่ำบอกก่อนที่จะมีคนสังเกตเห็น“ไม่ได้เห็นสิ่งนี้นานมากพะยะค่ะ เห็นทีหม่อมฉันจะต้องไปกระจายข่าวลือใหม่”“ข่าวลืออะไรครับ”“ก็ข่าวลือว่าเจ้ากับรัชทายาทมาเดินเที่ยวเล่นด้วยกันนอกวัง จะได้สยบข่าวลือว่าเจ้ากับรัชทายาทจะเลิกกันอย่างไรเล่าไวท์”“อะไรนะครับ” เสียงทุ้มนุ่มตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน มีข่าวแบบนี้ออกไปด้วยเหรอ“ไม่ต้องห่วงไปครับ ข้าจะไปทำให้มีข่าวลือใหม่เอง”“ไม่น่าจะต้องทำแบบนั้นหรอกครับ ดูวุ่นวายเปล่า ๆ ”“ไม่ได้หรอกครับคุณชาย
“ท่านพ่อกับท่านแม่คิดยังไงพะยะค่ะ” คลาสกลั้นใจถามออกมาหลังจากเล่าแผนการทั้งหมดให้ฟัง“สำหรับพ่อเห็นด้วยทุกอย่าง จัดการได้เลย” จักรพรรดิตอบพลางพยักหน้าเห็นด้วย เป็นวิธีที่ดีที่จะสยบข่าวทั้งหมดและทำให้หันความสนใจได้เป็นอย่างดี“แม่เองก็เห็นด้วย เรื่องนี้จะไม่เข้าไปยุ่งอย่างเด็ดขาดแล้วถึงเวลาจะมีการประกาศให้สามารถส่งคนที่จะเข้ามาเป็นคู่หมั้นให้กับลูกทั้งสองคนหลังจากจัดการเรื่องนั้นเรียบร้อย”“พะยะค่ะ ถ้าเช่นนั้นข้ากับน้องจะเริ่มแผนเลย”ฝาแฝดต่างคนต่างเดินทางไปยังเขตปกครองต่าง ๆ ที่มีแวมไพร์ส่งบุตรสาวและบุตรชายมาให้เลือกเป็นพระสนมรวมถึงคนที่หวังจะได้อำนาจที่ใหญ่โตขึ้น หลังจากเจอการต้อนรับขององค์ชายทั้งสองต่างพากันกรีดร้องโหยหวนแล้วรับปากว่าจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีกถึงจะมีการประกาศออกจากทางสำนักพระราชวังให้สามารถส่งคู่ครองมาให้เหล่าองค์ชายฝาแฝดเลือกได้แต่ก็ไม่มีใครส่งมาหาแม้แต่คนเดียว ทุกอย่างเป็นไปตามเกมของแฝดนรก เป็นปีกคู่ป้องกันการเข้าแ
“ถ้าลูกครึ่งเทพมังกรอย่างเจ้าลดยศข้าเช่นนี้ ไม่สู้ประหารข้าไปเลยดีกว่าเหรอ” ลอร์ดฟาร์ดอนตะโกนออกมาเหมือนคนตกใจจนทำตัวไม่ถูก ร่างสูงโปร่งค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้อีกฝ่ายแล้วกระซิบข้างหู“ให้มีชีวิตอยู่อย่างแวมไพร์ถูกลดขั้นเพราะลบหลู่ราชวงศ์มันน่าจะสะใจกว่าการให้หนีไปตายเสียอีก เจ้าถือยศเช่นนี้คงจะเจ็บปวดจนอยากจะตายให้ได้เลยใช่ไหมล่ะ”“แต่ว่า...อย่าเพิ่งรีบตาย ข้าเพิ่งจะเริ่มต้น”“อ๊าก!!!”หลังจากฟังคำพูดที่เหมือนเสียงกระซิบของปีศาจมากกว่าลูกครึ่งเทพมังกร ลอร์ดฟาร์ดอนก็ร้องขอความตายนับครั้งไม่ถ้วนเพราะไม่อยากถูกลงโทษเช่นนี้เหมือนกับคนอื่น ดยุคฟาร์ดอนเห็นสภาพของบุตรชายตนเอง เหล่าขุนนางและผู้สมรู้ร่วมคิดทั้งหมดแล้วก็ได้แต่เหงื่อตกลูกหลานของตาแก่น่ากลัวเหมือนตาแก่จริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินบทลงโทษ การพูดจา และการข่มขู่ให้กลัวแบบนั้น ไม่ผิดแน่นอน เด็กคนนี้คือลูกหลานของตาแก่“พอจะเข้าใจเหตุผลแล้วใช่ไหม ดยุคฟาร์ดอน&
“ท่านพ่อ ทำไมท่านถึงตบข้า”“เจ้าน่าจะถามตัวเองว่าทำไมถึงทำแบบนี้”แววตาของสองพ่อลูกจ้องกันเนิ่นนานเหมือนต่างคนต่างความคิดและไม่ลงรอยกัน คีย์ยืนดูเหตุการณ์อยู่เงียบ ๆ เพราะเขาก็อยากให้จัดการกันเองโดยที่ไม่ต้องเปลืองแรงเหมือนกัน“ทีนี้ องค์รัชทายาทจะตัดสินหม่อมฉันว่ายังไงพะยะค่ะ” ลอร์ดฟาร์ดอนถามพลางแสยะยิ้ม ถึงจะโทษประหารชีวิต เขาก็ไม่คิดที่จะสนใจอยู่แล้วเพราะว่าอย่างไรซะ ก็ไม่มีวันที่จะยอมรับลูกครึ่งเทพมังกรเป็นพระคู่หมั้นเคียงคู่เด็ดขาด“ข้าจะจับเจ้าเข้าคุกหลวงแล้วรอการตัดสินจากคู่หมั้นของข้า คนที่เจ้าเกลียดขี้หน้าจนไม่อยากจะยอมรับนั่นล่ะ”“จับตัวไป”“พะยะค่ะ” หลังสิ้นสุดคำตัดสินขององค์รัชทายาทเหล่าองค์รักษ์หน่วยพิเศษก็มาพากันจับตัวลูกชายคนโตของตระกูลออกไปรับโทษ“ทำแบบนี้ดีแล้วหรือพะยะค่ะ รัชทายาท” ดยุคฟาร์ดอนมองด้วยความสงสัย เพราะเหตุใดถึงให้พระคู่หมั้นตั
“จงเชื่อฟังข้า ช่วงนี้เข้าเรียนภายในวังของท่านพี่ อย่าดื้อ” คลาสบอกพลางจ้องใบหน้าหวานด้วยสีหน้าจริงจัง ถึงจะทำตัวเป็นลูกครึ่งเทพกับมังกรแต่ไม่ใช่ว่าที่จะมาเกรงกลัว“แต่ว่า...”“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น เจ้าจะต้องเชื่อฟังข้าเพราะท่านพี่ฝากฝังเจ้าไว้กับข้า”“ตอนไหน”“ตั้งแต่ตอนที่ท่านพี่ออกไปแล้ว นี่เจ้าไม่รู้ความหมายของท่านพี่งั้นรึ”ไวท์เถียงไม่ออกกับคำพูดของคลาส ถึงเขาจะอยู่ที่นี่มาเกินครึ่งปีแล้วแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาไม่เข้าใจภาษาของที่นี่เลย บางอย่างก็ยังไม่สามารถปรับตัวได้อย่างที่อีกคนกล่าวมากจริง ๆคลาสเห็นไวท์เงียบผิดปกติเลยหันมามองหน้าใกล้มากกว่าเดิม คำพูดของเขาคงไปสะกิดใจเข้าแล้วหรือเปล่า แต่พูดเรื่องจริง ในอนาคตเด็กคนนี้คือจักรพรรดินี จำเป็นต้องเรียนรู้และเตรียมพร้อมสำหรับการขึ้นครองบัลลังค์ไปพร้อมกับพี่ชายของเขา เพราะพี่ชายเลือกที่จะไม่มีสนมก็ต้องช่วยกันทำงาน ลำพังฝั่งอาวุโสช่วยทำงานบริหารบ้านเม