"นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าข้าทำให้เจ้า เสียเวลางั้นรึ" เทรเลอร์ถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ นี่เขาลงทุนมาหาถึงที่นี่แต่กลับพูดถึงคนอื่นได้อย่างไรกัน มันจะหยามกันเกินไปแล้ว
"คราวที่แล้วก็มาลักพาตัวข้า วันนี้ยังจะบุกมาหาถึงที่ ใครเขาอยากจะไปคุยด้วย" เสียงทุ้มนุ่มตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉย เพราะในบรรดาที่รู้จักมานั้นมีคุณชายสวิต เทรเลอร์ที่นิสัยเสียที่สุดแล้ว ทำอะไรตามใจตัวเองตลอดเวลา ไม่สมกับเป็นเชื้อพระวงศ์เลยสักนิดเดียว
"อย่างที่ไวท์พูดมา เจ้ากลับไปได้แล้ว อย่ามาวุ่นวายที่นี่อีก" เสียงทุ่มต่ำบอกพลางมองด้วยสายตารำคาญ พวกเขาอยู่อย่างสงบสุขแล้วทำไมต้องมาทำอะไรให้มันวุ่นวายแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้
"ก็แค่กระจกแตก ไม่เห็นจะมีอะไรมากมาย ลองมาสู้กันหน่อยไหมพะยะค่ะ รัชทายาท"
"เห็นว่าไม่ค่อยมีเวลาได้ซ้อมเท่าไหร่ เพราะงานราชการล้นมือ เลยมาซ้อมตอนนี้หน่อยเป็นไง"
ก่อนที่ร่างของทั้งคู่จะเข้าปะทะกันก็มีมือคู่หนึ่งยื่นปากกากับไม้บรรทัดห้ามทัพไว้เสียก่อน ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นไวท์นั่นเองที่รีบวิ่งเข้าไปขวางเอาไว้ นั
"สำหรับพวกข้าแล้วยังไงก็ได้พะยะค่ะ เพราะถึงจะมีเด็กคนนั้นอยู่พวกเราก็ยังต้องทำงานเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรนัก" ครอสบอกพลางทำหน้าเรียบเฉย"แถมพวกเรายังดูเขตการปกครองคนละที่กันด้วย ยังไงก็คงจะคนละสัปดาห์อยู่แล้ว" คลาสเห็นด้วยทันทีเพราะว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันมากขนาดนั้น แถมเขตการปกครองยังอยู่ห่างกันคนละซีกจักรวรรดิเลยก็ว่าได้ ตัวติดกันเฉพาะตอนเรียน ตอนสอบ และตอนออกงานใหญ่ๆ นอกนั้นก็อยู่แยกกันตลอด"ข้าจะส่งหนูไวท์ไปอยู่กับพวกเจ้าคนละหนึ่งสัปดาห์ แต่ถ้าเป็นฝาแฝดจะเป็นสองสัปดาห์เพราะมีสองคนในที่เดียวกัน หากพวกเจ้ามีใจให้แล้วล่ะก็...จะต้องพยายามทำให้เด็กคนนั้นตกหลุมรักพวกเจ้าให้ได้ และอย่าหาวู่วามทำอะไรล่วงเกินโดยใช่เหตุ เพราะไม่มีใครรู้ว่าพลังของมังกรกับเทพเป็นยังไง คนกำเนิดเป็นถึงบุคคลที่มีพลังมากที่สุดของมังกรทั้งปวง สุดเทพก็ยังเป็นเทพแนวหน้าของเทพเจ้ากรีกอีก หากไม่คิดให้ดีแล้วอาจจะถูกทำลายแทนที่จะได้รับความรักก็ได้ ตัวอย่างก็มีให้เห็นอยู่แล้วหลายคน คงต้องไม่อธิบายให้มากความ""นอกนั้นให้มันเป็นไปตามลำดับก็แล้วกัน ค
"เมื่อยไหม กระรอกน้อย" รัชทายาทถามพลางจับใบหน้ากับใบหูของอีกฝ่ายเพื่อตรวจอาการเบื้องต้น เพราะเขาไม่รู้เลยว่าการที่อีกคนมาอยู่อีกโลกร่างกายจะได้รับความเสียหายอะไรไหมจากการเดินทาง สภาพแวดล้อมสามารถอยู่ได้ไหม"ผมไม่เป็นไรครับ แค่เมื่อยก้นนิดหน่อยเพราะนั่งมานานแล้ว" เสียงทุ้มนุ่มตอบพลางขยับตัวไปมาบิดขี้เกียจในรถม้า ท่าทางดูเป็นธรรมชาติเหมือนกับการถูกเลี้ยงดูมาแบบสามัญชนสินะ ถ้าต่อไปต้องมาทำวางท่าแล้วจะเหนื่อยหรือเปล่านะ"มีอะไรหรือเปล่าครับ สีหน้าดูไม่ดีเลย""ข้ากังวลเรื่องต่อจากนี้ไปของกระรอกน้อย จะไหว จะทำได้หรือเปล่า จะทนได้ไหม คิดไปเยอะมากจนปวดหัว"ผู้ชายคนนี้เป็นถึงแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์ของโลกนี้ เป็นคนที่จะมาสืบทอดตำแหน่งต่อจากองค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินี มีเรื่องราวมากมายให้ทำในแต่ละวันแต่กลับคิดหนักเรื่องของไวท์มากขนาดนี้ ต้องเป็นคนที่อ่อนโยนขนาดไหนกันนะ คนที่ต้องแบกรับชะตากรรมของผู้อื่นไว้มากมาย ความรู้สึกต้องกดดันมากแค่ไหน"ไม่เป็นไรนะครับพี่คีย์ ผมเป็นลูกผู้ชาย สบายมา
"เจ้านี่มัน..." รัชทายาทกัดฟันกรอดอย่างไม่สบอารมณ์นัก"ข้าทำไมหรือพะยะค่ะ องค์รัชทายาทควรแก้ไขจุดนี้ก่อนที่จะสายเกินแก้" เมล์ถูกสอนมาจากโรงเรียนเสมอว่าถึงจะเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์มาตลอดในตระกูลแต่การสอนเจ้านายนั่นก็สิ่งที่ต้องทำเช่นกัน หากผู้เป็นนายมิได้เชื่อฟังคำแนะนำ ก็จงทำให้เห็นแก่ตาตัวเองว่าเป็นเช่นไร เป็นบทเรียนที่ดีที่สุด"งั้นเจ้าไปพักเถอะ ข้าอยากอยู่คนเดียว""พะยะค่ะ รัชทายาท"เมล์เดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้ายิ้มแย้มราวกับว่าอารมณ์ดีมากที่สุดของการมีชีวิตอยู่เลยก็ว่าได้ เพราะปกติเตือนอะไรไม่เคยจะฟังกันเลย ครั้งนี้น่าจะเป็นเรียนใหญ่ในชีวิตเลยล่ะ"ท่านเมล์ขอรับ มีจดหมายส่งมาถึงวัง""อืม มีอะไรก็ไปทำเถอะ"มือหนาเปิดซองแกะอ่านจดหมายที่จ่าหน้าซองถึงตนเองอย่างชัดเจน เนื้อหาในจดหมายค่อนข้างชัดเจนเรื่องการถูกติติงเรื่องการดูแลองค์รัชทายาทว่าต้องให้ดีกว่านี้แต่ก็ทำถูกเรื่องการดัดนิสัยพระองค์ไปในตัว ไม่รู้ว่าจะชมหรือจะมาด่ากันแน่ ผู้เป็นพ่อต
ร่างสูงโปร่งเดินเข้าไปหาตามเสียงเรียกของรัชทายาท อีกฝ่ายพลิกตัวไปมาสองสามครั้งแล้วใช้พลังตรวจคลื่นพลังในร่างกายอีกคนว่ายังมีความผิดปกติหลงเหลืออยู่หรือไม่ เมื่อตรวจสอบว่าไม่มีอะไรผิดพลาดจึงได้ปล่อยให้นั่งฝั่งตรงข้ามกัน"เมล์ เจ้าออกไปก่อน ข้าอยากคุยกับกระรอกน้อย""พะยะค่ะ รัชทายาท"สีหน้าที่หนักใจของคีย์ทำให้ไวท์ไม่สบายใจไปด้วย เพราะไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรถึงได้กลัดกลุ้มขนาดนี้ มันสำคัญถึงขนาดต้องคุยกันสองคนใช่ไหม ส่วนคีย์เองก็ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง ว่ามีคนมาดักทำร้ายไม่ใช่มาทำร้ายเขา หรือควรจะพูดยังไงให้หวาดกลัวน้อยลง สำหรับโลกของแวมไพร์การฆ่ากันไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ส่วนคนที่เติบโตมาจากโลกมนุษย์มันน่าจะเป็นเรื่องที่ใหญ่พอสมควรเลยล่ะ"พี่คีย์มีอะไรจะพูดเหรอครับ สีหน้าเครียดมากเลยครับ" ไวท์ตัดสินใจถามออกไปเพราะทนความเงียบไม่ไหว มันน่าจะมีเรื่องอะไรให้กังวลใจอย่างแน่นอน"เจ้ารู้ใช่ไหมว่าช่วงนี้มีเรื่องการต่อสู้บ่อยมาก""รู้ครับ เป็นทุกครั้งที่ออกจากวัง"
ปึง!เสียงทุ้บโต๊ะทำงานของบุคคลที่อยู่สูงสุดของจักรวรรดิรองจากองค์ผู้สูงศักดิ์ทั้งสอง ทำให้เหล่าลูกครึ่งแวมไพร์ที่มีอำนาจทั้งสี่ถึงกับสะดุ้ง ไม่คิดว่าจะถูกโกรธเช่นนี้ เพราะพระองค์จะเก็บอาการตลอด นั่นหมายถึงครั้งนี้สุดจะทนแล้ว"พวกเจ้าไม่ต้องคิดที่จะออกรับแทนเฟลิกซ์หรอก เพราะไม่ว่าใครก็จะต้องถูกลงโทษด้วยกันทั้งหมด""อย่างที่รัชทายาทเอ่ยเลย พวกเจ้าจะต้องได้รับโทษอย่างแน่นอน ไม่ต้องเกี่ยงกันไปหรอก""ข้าจะตัดสินใจเองว่าจะทำเช่นไร ขอให้ลอร์ดเมล์สงบลงก่อน" ไวท์บอกเสียงเข้มเพื่อไม่ให้คนอื่นทำให้บรรยากาศแย่ลงไปกว่านี้ จากสีหน้าแล้วคงจะเตรียมใจกันมาแล้ว ไม่งั้นคงจะไม่ตอบแบบนี้"สิ่งที่ข้าจะบอกก็คือ..." เหมือนทั้งสี่คนกำลังยอมรับชะตากรรมว่าจะไม่มีลมหายใจอีกแล้ว มีชีวิตอยู่ถึงแค่ตอนนี้สินะ....."ข้าจะปลดยศของทุกคนแล้วส่งกลับบ้านเกิดทั้งหมด หากคิดว่าไม่อยากดูแลกัน ก็จงกลับไปในที่ๆ พวกเจ้าจากมาเสียเถิด""ว่าไงนะ! ""คุณชาย ท่านเอ่
"สงสัยเหมือนหม่อมฉันไม่มีผิดเลยพะยะค่ะ เหมือนเรื่องราวจะซับซ้อนมากขึ้นทุกที" เมล์แอบเห็นด้วยที่ว่านิสัยคล้ายกันแต่ทำไมเชื้อสายถึงแตกต่างกันขนาดนี้ มันจะต้องมีความลับอะไรซ่อนอยู่อย่างแน่นอน"ไว้สืบเรื่องนี้กันทีหลัง กระรอกน้อยเดินมาหาแล้ว""พะยะค่ะ รัชทายาท"เชิ้ดขาวสะอาดที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของอีกคนบ่งบอกถึงการวอร์มอัพร่างกายสำหรับการทำอะไรสักอย่างต่อไป ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เหล่านักเวทย์มาบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ สำหรับการทดสอบพลังกำลังของคุณชายริค ไวท์ ที่เป็นที่แตกตื่นสำหรับเหล่าแวมไพร์นั้นถือว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกทำร้ายแบบที่ผ่านมาอีก"ดูจากท่าทางแล้วคงชอบออกกำลังกายน่าดู ที่นี่ส่วนมากจะฝึกพลังเวทย์มากกว่ากำลังกาย" คีย์บอกพลางมองสำรวจอีกคนที่ตัวมีแต่เหงื่อไหลซึมไปทั่วร่าง น่าจะเหนื่อยพอสมควรเลยที่ทำแบบนั้น"ทำไมแบบนั้นล่ะครับพี่คีย์ ถ้าฝึกกำลังกายด้วยจะแข็งแกร่งมากกว่าเดิมแน่นอน""ดูผมสิ! สามารถตัดแผ่นไม้ได้ด้วยมือเปล่า ไม่ต้องใช้พ
"หม่อมฉันมาตามคำสั่งขององค์จักรพรรดิ ที่ให้มาดูการตรวจตราและการตรวจวัดคลื่นพลังของเด็กคนนี้ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือแอบมาด้วยความสมัครใจเลยแม้แต่น้อย" ฟรังบอกด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ถึงจะอยู่หน่วยพิเศษที่ต้องดูแลเรื่องพวกนี้แต่คนอื่นมีมากมายทำไมต้องเป็นเขากันล่ะแอ๊ด!เสียงประตูที่เปิดออกมาดึงดูดความสนใจทุกคนให้หันไปมองบุคคลที่เข้ามาว่าเป็นใครและก็เป็นบุคคลที่ถูกกล่าวถึงเมื่อสักครู่นั่นเอง"ทำไมมากันเยอะขนาดนี้ล่ะครับ มีอะไรกันหรือเปล่า" ไวท์ถามด้วยสีหน้างุนงงเพราะที่นี่คือวังส่วนตัวขององค์รัชทายาท กว่าจะได้มาก็ต้องทำเรื่องขออนุญาตแต่ทำไมมากันเยอะขนาดนี้"ข้าอยากมาดูหน้าของเจ้าว่าเป็นยังไงบ้าง กลัวว่าจะตายก่อนที่จะมาถึงวังของข้าน่ะสิ" สวิตตอบพลางหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี ยิ่งเห็นก็ยิ่งดูดีมากขึ้นทุกวัน ชักอยากจะให้มาอยู่ข้างกายเสียแล้วสิ"สมเป็นปากของเจ้านะสวิต เพราะพวกไม่รู้ที่ต่ำที่สูงถึงได้ชอบทำตัวแบบนี้""นั่นสิพี่ครอส อยู่ดีไม่ว่าดีอยากได้ของที่ไม่คู่ควร"
"ทำไมพวกท่านถึงได้ทำเหมือนว่ามันคือเรื่องปกติ การฆ่ากันไม่ใช่เรื่องปกติที่ควรชินหรือเพิกเฉยแบบนี้""เป็นเรื่องปกติของที่นี่นะไวท์ ถึงข้าจะเอ็นดูเจ้าแต่เห็นด้วยกับแฝดนรก" มาร์แชลบอกพลางยักไหล่เพราะที่นี่ใครอ่อนแอก็จะต้องตาย สิ่งที่ทำได้คือขึ้นมาอยู่จุดสูงสุดแล้วจะรอด การทำร้ายมนุษย์ถูกห้ามเอาไว้ก็จริงแต่ไม่มีกฎไม่ให้ทำร้ายแวมไพร์กันเอง การเข่นฆ่าหรือล้มราชบัลลังค์จึงมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้งในหมู่แวมไพร์ด้วยกันและชนชั้นสูง"เป็นเรื่องปกติของที่นี่จริงๆ ขอรับท่านไวท์ กระผมขอยืนยันอีกหนึ่งเสียง" เฟลิกซ์บอกเพราะเมื่อว่าเจ้านายของตนกำลังจะอ้าปากถามบุคคลที่อยู่สูงที่สุดในห้องทำงานแห่งนี้"สิ่งที่ไวท์ต้องทำคือพยายามเรียนรู้การใช้พลังเวทย์ในชนเผ่าของคุณชายมาให้ได้มากที่สุด เพื่อต่อสู้กับพวกที่ไม่หวังดีทั้งหมดนั่นเอง" ครอสบอกพลางแสยะยิ้มอย่างอารมณ์ดี ไม่ใช่ว่าชอบการเข่นฆ่าแต่อย่างใด หากแต่ได้ออกกำลังบ้างก็คงจะดีไม่น้อยเลย"ที่นี่เป็นแบบนี้มาตลอดขอรับท่านไวท์" คัสซัสยืนยันอีกเสียง"มีอะไรอีกห
"ความสัมพันธ์ไม่คืบหน้าบ้างเลยหรือพะยะค่ะ" เมล์ถามด้วยความสงสัย"เจ้าหมายความว่ายังไงกัน เมล์""ข้าหมายความตามที่พูดเลยพะยะค่ะ""เจ้าไม่ต้องอยากทำให้มันเป็นแบบแผนขนาดนั้นหรอก อย่างไรเสียข้ากับไวท์ก็เป็นคู่หมั้นหมายกันเท่านั้น" จะให้หมายถึงอะไรอีก ไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิด"ข้าหมายถึงการสัมผัส การจับมือ การกอดกันก็ถือว่าพัฒนาความสัมพันธ์ได้พะยะค่ะ บางทีการที่พระองค์สงวนท่าทีอยู่ตลอดเวลาอาจจะทำให้ท่านไวท์ไม่ได้รับรู้มากนักและกำลังเป็นกังวลอยู่ก็ได้ ข้าอยากให้ท่านแสดงออกมากกว่านี้""ข้าพูดในฐานะเพื่อนที่รู้จักกันมานาน ไม่อยากให้คนรักของเพื่อนเกิดความน้อยใจ หรือสงสัยในตัวคนรักว่าเลือกถูกหรือเปล่าที่หมั้นกับคนอย่างเจ้า อย่าลืมว่านี่เป็นเพียงการหมั้นเท่านั้น หากความสัมพันธ์ไม่มั่นคงแล้วไวท์เกิดขอถอนหมั้นขึ้นมา เรื่องแบบนั้นย่อมทำได้...เจ้ารู้หรือไม่คีย์" เมล์อยากให้เพื่อนของตนเองแสดงความรักกับคนที่ตนเองชอบมากกว่านี้ ไ
ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่อยู่จักรวรรดิแห่งนี้ ทำให้คุณชายริค ไวท์ ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม ฐานะทางสังคมได้เป็นอย่างดี รวมถึงได้รับอนุญาตให้เข้าเรียนโรงเรียนของคุณชายที่เป็นเชื้อพระวงศ์เพื่อเรียนรู้การปกครองบ้านเมืองสืบไป และเป็นที่รู้จักกันในนามว่าที่คู่หมั้นขององค์รัชทายาทแห่งจักรวรรดิ อีกทั้งยังทำพันธะสัญญาเลือดเป็นที่เรียบร้อย ไม่มีใครสามารถพรากทั้งสองคนจากกันได้อย่างเด็ดขาดบัตรเชิญมากมายได้ถูกส่งไปยังหัวเมืองน้อยใหญ่ทั่วทั้งจักรวรรดิเพื่อให้มาร่วมงานที่ใหญ่ที่สุดในรอบหลายร้อยปี เพราะการแต่งงานของแวมไพร์ชนชั้นสูงพบเห็นได้น้อยและค่อนข้างนาน เนื่องจากอายุขัยที่ไม่มีวันสิ้นสุดทำให้ไม่รู้สึกว่าจะต้องเร่งรีบหาคู่เท่าใดนัก บรรยากาศคับคั่งไปด้วยบรรดาแขกคนสำคัญที่ไม่ค่อยเดินทางออกจากเขตปกครองมารวมตัวกันหมดที่นี่สถานที่แห่งนี้ประดับด้วยดอกไม้สีขาว สีทอง สีฟ้า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ขององค์รัชทายาทและคุณชายตระกูลริคผู้เป็นเชื้อพระวงศ์ โดยได้รับการยอมรับจากขุนนางทั้งฝั่งเชื้อพระวงศ์ทั้งฝั่งผู้รับใช้เป็นที่เรียบร้อย ไม่มีปัญหาใ
มีการเตรียมตัวเพื่อที่จะไปพักสถานที่ดังกล่าวและทุกคนยกเว้นไวท์รู้อยู่แล้วว่าที่นั่นคือบ้านพักตากอากาศของตระกูลริค ถึงจะไม่ใช่สถานที่แปลกใหม่อะไรสำหรับคนที่มีอายุมาหลายร้อยปีแบบพวกเขา แต่อาจจะเป็นสถานที่น่าสนใจของเด็กคนนี้ก็ได้ เขาเองถึงจะเคยไปตรวจงานราชการมามากมายแต่สถานที่ของตระกูลริคก็ไม่ได้มาบ่อยนัก แทบจะไม่รู้ว่าด้วยซ้ำว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไรที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่พักผ่อนของตระกูลริค เป็นสถานที่ห่างไกลออกมาจากบ้านตระกูลหลักพอสมควรแต่ยังสามารถเดินทางมาได้หากอยากทำอะไรที่ต้องการความสงบ มักถูกใช้ในช่วงสอบหรือการทดสอบเลื่อนขั้นในการรับยศของขุนนาง จึงมีแต่หนังสือและสถานที่ฝึกซ้อมต่อสู้เป็นหลัก มีสวนดอกไม้ให้พักผ่อนหย่อนใจบ้างตามโอกาสที่เหมาะสม"ชอบที่นี่หรือไม่" คีย์ถามด้วยความอยากรู้ เพราะว่าความที่อีกคนไม่ค่อยปฏิเสธหรือตอบรับอะไรทำให้รับรู้ได้ยากมาก การซักถามถือเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้รับรู้ได้"ชอบครับ ที่นี่สวยมากเลย" ถึงจะมีแต่สิ่งที่เหมาะสำหรับการฝึกฝนแต่สวนดอกไม้ที่นี่สวย แ
"ถ้าไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว กลับเมืองหลวงกันเถอะ" เสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นมาเพราะอยากจัดการเรื่องงานหมั้นให้เรียบร้อย เพราะการทำสัญญาที่ว่าเร็วแล้ว ควรรับผิดชอบด้วยการกระทำให้เร็วที่สุด"เจ้ากับข้าต้องกลับไปจัดงานหมั้นหมายให้ถูกต้องอีก เพราะคุยกับตระกูลริคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว" รัชทายาทเร่งขึ้นอีกในประโยคถัดมาเมื่อเห็นใบหน้าหวานทำหน้าสงสัยจึงตอบไปในทันที"ท่านพี่รีบร้อนเกินไปหรือเปล่า ทำไมไม่ไปเที่ยวในเขตนี้เสียเลยล่ะ" คลาสเอ่ยทักเพราะที่นี่มีสถานที่หลายแห่งค่อนข้างสวยงาม และคงจะเป็นการดีไม่น้อยที่คุณชายของตระกูลจะเที่ยวเล่นในเขตการปกครองของตระกูลบ้าง"เป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน ข้าจะลองทำตามที่เจ้าบอกแล้วกันคลาส" มัวแต่คิดเรื่องการเตรียมงานหมั้นมากจนเกินไป จนไม่ได้สังเกตเลยว่าเด็กคนนี้อาจจะอยากไปผ่อนคลายบ้าง"เจ้าคิดยังไงไวท์""ผมคิดว่าได้ท่องเที่ยวสักหน่อยก็ไม่เลวนะครับ ทุกคนสะดวกไปด้วยกันไหม" เสียงทุ้มนุ่มถามทุกคนในท
"ถ้างั้นยืนขึ้นดีๆ แล้วปลดคอเสื้อลงหน่อย ข้าจะได้กัดง่ายขึ้น" คีย์บอกพลางพยายามควบคุมตนเองไม่ให้สติแตกและควบคุมพลังให้ได้มากที่สุด"ครับ"รัชทายาทยืนทำใจให้สงบและควบคุมสติให้ได้มากที่สุด ก่อนจะเดินไปใกล้ร่างสูงโปร่งแล้วก้มลงมาเพื่อทำสัญญาเลือดอย่างที่ควรจะเป็น ริมฝีปากขยับออกเผลอให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคมของแวมไพร์ฝังเข้าลำคอขาวอย่างแผ่วเบาและทะนุถนอมที่สุด มือทั้งสองข้างประคองร่างเอาไว้ไม่ให้รู้สึกตกใจหรือขยับไปในทิศทางอื่นเพื่อไม่ให้รอยเขี้ยวนั้นมีแผลเพิ่ม เลือดสีขาวไหลเข้าปากอย่างช้าเพราะไม่ได้ดูดกินอย่างรุนแรงเหมือนคนกระหายนี่เป็นเพียงการทำสัญญาเท่านั้น หากดื่มไปช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วจะต้องหยุดดื่มเป็นอันสิ้นสุดสัญญาและผูกมัดเอาไว้ตลอดกาล ปฏิกิริยาเกิดขึ้นกับร่างของรัชทายาททันที สีผมและดวงตาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เหมือนเลือดของเทพกับมังกรที่รวมกันเป็นหนึ่งสามารถดึงพลังสูงสุดของแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์ออกมาได้ ทำให้รูปลักษณ์เปลี่ยนไปตลอดกาล เลือดที่ไหลเวียนเหมือนปลุกพลังทั้งหมดที่มีออกมาให้ตื่นขึ้นเต็มที่
"ข้าไงพะยะค่ะ เถียงกันมากี่ร้อยปี ยังไม่ชินอีกหรือ" เมล์ยอกย้อนผู้เป็นทั้งนายและเพื่อนสนิทของตนเอง เพราะอย่างไรเสียนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เถียงกัน มันเป็นเช่นนี้มานานหลายต่อหลายครั้ง ตำแหน่งห่างกันไม่มาก ตระกูลก็เป็นเลือดบริสุทธิ์เหมือนกันจะแตกต่างก็ตรงที่ถูกจัดลำดับในการอยู่ตำแหน่งไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง"หึ ยังจะมีหน้ามาพูดอีก เจ้าบ้านี่" คีย์ตอบกลับอย่างไม่จริงจังนัก อย่างไรก็เป็นแบบนี้มานานและไม่ได้เสียหายอะไร"ดึกแล้วไปเข้านอนกันเถอะไวท์" เสียงทุ้มต่ำบอกพลางเดินนำออกไป"ครับพี่คีย์" เขาขานรับพลางลุกขึ้นตามอีกคนออกไปด้านนอกกริ๊ก!"ข้าอยากเปิดความรู้สึกของข้าให้เจ้ารับรู้ ถึงแม้ว่าสีหน้าของข้าจะไม่แสดงออกมากนักแต่รู้สึกดีใจมากที่เจ้าเลือกข้า ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันรู้สึกมากแค่ไหน ลองมองมาที่ดวงตาแล้วจะรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเอง" มือหนาจับคางอีกคนให้เชิดขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองได้ถนัดกว่าที่เคย"แบบนี้ใกล้เกินไปครับ" อธิบายก็เข้าใจแล้ว ไม่ต้องเอาหน้าเข้ามาใ
ณ พระราชวังหลวง"จักรพรรดิพะยะค่ะ คุณชายริค ไวท์ มาขอเข้าเฝ้า""ให้เข้ามาได้"หวังว่าจะได้รับคำตอบจากเด็กคนนี้ว่าจะเลือกใครกันแน่เพราะเวลามันผ่านมาเนิ่นนานแล้ว หากบางคนรอไม่ไหวจนใช้วิธีการอื่นขึ้นมาจะเป็นปัญหาได้ ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ดี ในการมาให้คำตอบในวันนี้"ทำความเคารพ จักรพรรดิ" ไวท์บอกพลางทำความเคารพตามวัฒนธรรมของจักรวรรดิ"ไม่ต้องมากพิธีหรอกไวท์ มีเรื่องอะไรไหนพูดมาสิ" จักรพรรดิเอ่ยบอกอย่างอารมณ์ดี"หม่อมฉันมีเรื่องจะกราบทูลพะยะค่ะ""ว่ามาได้เลย""หม่อมฉันเลือกคนที่จะหมั้นหมายด้วยได้แล้วพะยะค่ะ" ไวท์พูดพลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เรียกความมั่นใจให้ตนเอง"บุคคลที่ข้าเลือกก็คือ...องค์รัชทายาทพะยะค่ะ องค์จักรพรรดิ" เสียงทุ้มนุ่มตอบด้วยความมั่นใจและหนักแน่น และเหมือนคำตอบของคุณชายในครั้งนี้จะทำให้ใครหลายคนดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่หลายคนเลยทีเดียว เพราะว่าในที่ประชุมนี้คือเหล่าบรรดาคนที่อยากจะหมั้นหม
"ข้าคิดว่าถึงเวลาที่ท่านต้องเลือกใครสักคนที่อยากจะหมั้นหมายด้วยแล้วขอรับ มิเช่นนั้นปัญหาต่อมาภายในจักรวรรดิคือการแย่งชิงตัวของท่านอย่างแน่นอน" เฟลิกซ์บอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพราะระยะเวลาวันแรกที่ตกลงกันจนมาวันนี้ก็ค่อนข้างนานมากพอแล้ว ต้องได้เวลาตัดสินใจสักทีว่าจะเลือกใครก่อนที่จะเกิดเรื่องต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงมาแทนการซักถาม"ไวท์ ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้า" สวิตเอ่ยทักเพราะเดินผ่านกันระหว่างกลับจากท้องพระโรงพอดี"งั้นไปคุยในสวนสาธารณะกันพะยะค่ะ" ไวท์บอกพลางผายมือไปทางสวนด้านหลังวัง"ทำไมใช้ราชาศัพท์กับข้าล่ะ" สวิตถามด้วยความสงสัย"ที่นี่มันวังหลวงพะยะค่ะ เดินไปที่สวนหลังวังกันดีกว่า" ร่างสูงโปร่งไม่ได้สนใจคำพูดเหล่านั้นแล้วเดินมาสวนท้ายวังตามที่บอกไว้เมื่อสักครู่ จากสภาพของเดือนก่อนมันถูกทำให้เหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะแตกต่างก็คือตอนนั้นเป็นแผนการขององค์จักรพรรดิทำให้เกิดเรื่องขึ้น แต่คราวนี้เป็นการพูดคุยด้วยนิสัยของทั้งคู่อย่างแท้จริง"มีอะไรจะพูดหรือเปล่าครับ พี่เ
ข่าวที่แพร่กระจายไปทั่วนั้นทำให้เหล่าเชื้อพระวงศ์ ขุนนาง และข้ารับใช้ในราชสำนักตระหนักว่าการเข้าไปยุ่งกับเด็กคนนั้นโดยไม่มีแผนการล่วงหน้าชะตาชีวิตจะเป็นเช่นไร เพราะเรื่องเกิดจากการเข้าไปยุ่งกับบุคคลที่ไม่ควรยุ่งถึงได้ถูกลงโทษเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะถูกอีกฝ่ายขอไว้คงอาจจะตายไปแล้วก็เป็นได้ เสียงซุบซิบนินทาจากมีเพียงในวังหลวงก็ถูกส่งต่อไปหัวเมืองน้อยใหย๋จนรับรู้กันทั่วจักรวรรดิภายในระยะเวลาไม่กี่วัน"ท่านไวท์ขอรับ จะได้เวลาลงไปร่วมงานเลี้ยงแล้ว""อืม"วันนี้คือวันที่มาบรรจบในรอบหนึ่งเดือนที่จะมีงานเลี้ยงอย่างยิ่งใหญ่สักครั้งในวังหลวง ซึ่งในวันนี้ทุกคนตั้งใจจะประกาศการหมั้นหมายอย่างเป็นทางการในตอนแรกเป็นอันต้องล้มเลิกเพราะว่ามีการสอบถามคุณชายริค ไวท์ ว่าต้องการจะหมั้นหมายกับใครกันแน่ หรือมีใจให้กับใครให้ตัดสินใจให้ดี ทุกคนรอฟังคำตอบกันอยู่ในงานเลี้ยงครั้งนี้"ท่านพี่คิดว่าไวท์จะเลือกใครมาเป็นคู่ครองกัน" ครอสถามด้วยความอยากรู้"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมานอ