"แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะทำไม่ได้เพราะจะมีคนคอยช่วยสอนให้เป็นระยะเวลาสามวัน หมายความว่าสี่วันที่เหลือจะต้องทำเองทุกอย่างทั้งหมดเพียงแค่สองคน คนอื่นข้าให้พักงานเป็นระยะเวลาสี่วัน"
"ข้อสุดท้ายก็คือในช่วงระยะเวลาการลงโทษนั้นจะต้องใส่ชุดข้ารับใช้หลวงผู้ชายไปจนกว่าจะหมดระยะเวลาการรับโทษ และเรื่องการกระทำความผิดครั้งนี้จะถูกเขียนรายงานส่งทางพระราชวังด้วยลายมือและตราประทับของผม"
"ส่วนเหตุผลนั้นไม่ยาก หากรู้จักละอายต่อความผิดในครั้งนี้แล้วนั้น จะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง" รอยยิ้มหวานที่เหมือนบาดลงไปในใจของแวมไพร์วัยหนุ่มทั้งสองนั้นไม่ได้ชวนให้ดูน่ารักแต่มันน่าสยดสยองเสียมากกว่าในเวลานี้ เสียงร้องโหยหวนร้องขอความตายดังออกมาจากทั้งคู่ทันที
"คุณชายขอรับ ช่วยให้ข้าตายเสียเถอะ หากลงโทษเช่นนี้" เมล์บอกด้วยใบหน้าหนักใจและอยากตายมากกว่ามีชีวิตอยู่ ไม่เพียงแต่เป็นการลงโทษที่ยากแต่ยังสร้างความอับอายให้เป็นประวัติเสื่อมเสียแก่วงศ์ตระกูลอีกต่างหาก
"ข้าด้วยขอรับ ถ้าลงโทษแบบนี้ได้โปรดใช้กริชเงินแทงที่หัวใจของข้าเสียดีกว่า ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน" คีเซินก็มีความคิดเห็นไม่ต่างจากฝ่ายตรงข้ามนัก หากเป็นเช่นนี้ยอมตายเสียดีกว่า
"หึ! ทียังงี้ล่ะ สามัคคีกันขึ้นมาเชียว คำสั่งออกไปแล้วไม่มีการเปลี่ยนแปลง"
"ไปห้องหนังสือกันเฟลิกซ์ ข้าอยากเขียนรายงานเรื่องนี้แล้ว"
"ขอรับ"
ไม่น่าเชื่อว่าเจ้านายที่น่ารักของเขาจะโหดถึงขนาดนี้ รู้บทลงโทษแบบนี้แล้วไม่มีทางกล้าทำอะไรผิดเด็ดขาด มันไม่ได้บาดเจ็บแต่ทำให้อับอายไม่รู้จะอายยังไงแล้ว ภาษาจักรวรรดิก็เหมือนจะเรียนรู้ได้เร็วถึงขนาดที่เขียนรายงานออกมาได้สละสลวยเช่นนี้ ความน่ากลัวทางสายเลือดมันคงเข้มข้นน่าดู
มาร์แชลไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีมุมที่โหดแบบนี้ด้วยเหมือนกัน ถึงจะไม่ใช่การลงโทษด้วยความตายแต่แบบนี้มันตายทั้งเป็นกันชัดๆ และเขาคิดว่ามันคงจะดีกับตนเองมากนัก หากหลีกเลี่ยงที่จะไม่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามโกรธกันแบบนี้ น่ากลัวเสียยิ่งกว่าความตายเป็นไหนๆ
คีย์กลับเห็นต่างจากหลายๆ คน เขามองว่านี่แหละคือความแข็งแกร่งของเผ่าพันธ์มังกรที่มีอยู่ในตัวของเด็กคนนี้ แต่ไหนแต่ไรมาประวัติของมังกรในเรื่องความกล้าหาญและเด็ดขาดถูกส่งต่อกันมารุ่นต่อรุ่น เด็กคนนี้ก็คงจะไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก หากศึกษาข้อมูลให้ดีอาจจะเป็นการช่วยจักรวรรดิได้ในภายภาคหน้าก็เป็นได้
"คุณชายไวท์ ข้าเองก็มาที่นี่ค่อนข้างนานแล้ว ขอตัวกลับก่อนนะ" มาร์แชลที่เงียบมานานออกปากเพราะว่าเดี๋ยวจะถึงบ้านเป็นเวลาที่ดึกเกินไป และอยากไปตั้งรับสถานการ์ณให้ดีเสียก่อน คนตรงหน้าในตอนนี้ช่างน่ากลัวนัก
"ครับ คุณชายบลัฟเฟอร์ คลาวน์รบกวนไปส่งคุณชายหน่อย"
"ขอรับ คุณชาย"
แกร๊ก!
"กระรอกน้อย ในเมื่อของหวานที่เจ้าทำได้สังเวยให้กับการต่อสู้เมื่อกี้แล้ว พวกเราจะกินอะไรกันล่ะทีนี้" เสียงทุ้มต่ำถามพลางทำหน้าตาน่าสงสารเพราะอดกินขนมอร่อยๆ จากคนที่รัก
"ไม่เป็นไรครับ พี่คีย์ ผมไปเตรียมให้ตอนนี้เลยก็ได้ เพราะอาหารน่าจะถูกส่งเข้ามาในห้องรับประทานอาหารแล้ว" เห็นแล้วอดเอ็นดูไม่ได้ที่คนอายุมากกว่าอยากกินขนมฝีมือของเขาขนาดนี้
"ถ้างั้นรีบไปทำเลย เดี๋ยวพี่ไปรอที่ห้องอาหารนะ"
"ครับ" หลังจากที่ร่างสูงโปร่งปิดประตูลงปุ๊บ มือหนาก็ร่ายไฟเผารายงานฉบับนั้นทิ้งทันที หากรู้ว่ามีการทะเลาะกันเหมือนเด็กเช่นนี้หลุดรอดออกไปล่ะก็...มีหวังได้กลายเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน คีย์ไม่ยอมให้เกิดกรณีแบบนั้นอย่างแน่นอนเพราะว่าเมล์เป็นคนของเขา หากมีข่าวเสียหายเช่นนี้ออกไปจะมีผลกับการขึ้นครองราชย์ในอนาคตว่ามีคนใกล้ชิดทำตัวไม่เหมาะสม
"รัชทายาททำอะไรพะยะค่ะ ทำแบบนั้นเกิดคุณชายรู้เรื่องเข้าจะทำยังไงกัน" เฟลิกซ์ตกใจที่เจ้านายอีกคนของตนเผารายงานเหล่านั้นด้วยความรวดเร็วหลังจากคล้อยหลังคุณชายเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
"ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวข้าจะทำให้กระรอกน้อยลืมรายงานชิ้นนี้ได้เอง"
"ถึงจะเก่งแค่ไหนก็ตาม แต่เด็กก็คือเด็กวันยังค่ำ"
"ไม่มีทางทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้ใหญ่ได้หรอกนะ หึๆๆ " สรุปได้เลยว่าในวังนี้ใครกันแน่ที่น่ากลัวที่สุด เห็นทีคงจะไม่พ้นรัชทายาทอย่างแน่นอน
ณ ห้องอาหาร
"ขนมที่นิ่มแล้วเด้งได้แบบนี้เรียกว่าอะไรงั้นรึ มันอร่อยนะแต่ชิ้นเล็กจัง"
"พุดดิ้งครับ วันนี้ทำมาให้ลองชิมหลายๆ รสชาติ หากชมรสไหนเป็นพิเศษจะได้เน้นทำรสนั้นให้เพิ่ม"
"วิเศษมาก! ถ้าเช่นนั้นเดือนหน้าหมั้นหมายกับข้าได้หรือไม่ ข้ารักเจ้าจริงๆ นะ" น้ำเสียงที่ดูมั่นคง หนักแน่น แววตาแน่วแน่ถูกถ่ายทอดส่งมาหาแม้ว่าจะนั่งไกลกันก็ตามแต่สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายเอาจริง คิดจริง หมั้นจริง
"ผมเองก็ไม่รู้จะบอกว่าอะไรแต่ในตอนนี้ท่านพี่คือคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด เหมือนพี่ชายในฐานะรุ่นพี่ที่ดูแลอย่างดี เลยยังไม่สามารถบอกอะไรไปได้มากกว่านี้ครับ" สีหน้าของคีย์หมองลงทันทีหลังจากได้รับคำตอบแบบนี้ บางทีเขาอาจจะเร่งรัดมากจนเกินไปเลยทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดใจก็ได้ ลองขยับตัวห่างกันให้มากกว่านี้เสียหน่อยแล้วกัน
พี่ขอโทษที่ทำให้หนักใจนะ อย่าเครียดไปเลย ยังมีเวลาอีกมากที่น้องจะตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้" คำพูดของเสียงทุ้มต่ำเต็มไปด้วยความอ่อนโยนแต่สีหน้าแฝงไปด้วยความเจ็บปวด ถึงจะอยู่ในโลกมนุษย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องความรักไม่จำกัดเพศ แต่สำหรับเขาแล้วก็ยังไม่เคยเกิดขึ้นกับใครเลยสักคน ความทรงจำไปด้วยการเรียน การทำงาน ไม่ได้มีช่วงเวลาเล่นซนเหมือนเด็กคนอื่น คงยากต่อการเข้าใจในเรื่องความรักพอสมควร
"ผมไม่อยากเห็นพี่เจ็บปวดแบบนี้เลย มีอะไรที่จะพอช่วยได้ไหมครับ"
"แค่ไวท์ไม่รังเกียจที่ได้อยู่กับพี่ ก็มากเกินพอแล้ว"
"ไม่เคยรังเกียจเลยนะครับ ตั้งแต่มาถึงที่นี่ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันจนกระทั่งตอนนี้คุณคือคนที่ดีกับผมมาโดยตลอดอย่างไม่มีเงื่อนไข เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ตระหนักถึงเรื่องนี้ ส่วนเรื่องความรักที่ใครต่อหลายอยากจะให้ผมตอบตกลงนั้น ยังไม่รู้เลยครับว่าจะตัดสินใจยังไง"
ช่วงระยะเวลาสัปดาห์กว่าๆ ที่ผ่านมามีเรื่องเกิดขึ้นมากมายจนไม่มีเวลาคิดว่าควรใจเต้นกับใคร แต่อาการเขินอายนั้นก็ปิดเอาไว้แทบไม่มี หน้าแดงไปหมดแถมยังทำอะไรไม่ถูกอีกต่างหาก ไม่สามารถห้ามไม่ให้รู้สึกได้เลยสักอย่าง ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่ตกน้ำแล้วข้ามมาอีกโลกนึง รู้เพียงแต่ว่าพยายามเอาชีวิตรอดให้ได้ก่อนจะมาสนใจเรื่องอื่น
ไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นอีกหลังจากการพูดของกระรอกน้อยที่เขาเอ็นดูมาโดยตลอด ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ใช้ความคิดเสียบ้างก็คงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว มีเพียงเสียงกระดาษในการทำงานของทั้งคู่ที่ดังมาเป็นระยะเวลาพลิกหน้ากระดาษเท่านั้น ต่างคนต่างทำงานของตนเองที่ต้องรับผิดชอบกันไป ระยะเวลาอาจจะทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นก็เป็นได้
ยังมีข่าวลือเล็ดรอดออกไปถึงการลงโทษของคุณชายไวท์ที่กระทำต่อลอร์ดโฟลช์ เมล์ กับบารอนคีเซินถูกพูดกันปากต่อปากจนดังไปไกลยังขุนนางตระกูลต่างๆ ยิ่งตอกย้ำความแข็งแกร่งทางจิตใจที่มีมากต่อการเอาชนะแวมไพร์แม้ไม่ใช่เผ่าพันธ์เดียวกัน อีกทั้งยังเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าเป็นลูกหลานของตาแก่อย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น
"ได้ความว่าอะไรบ้าง" เทรเลอร์ถามพลางทำสีหน้าเหมือนกับกำลังจะสนุกกับอะไรบางอย่างอยู่ ตั้งแต่งานเลี้ยงในครั้งนั้นก็ยังไม่ได้เจอกันอีกเลย เนื่องจากกลิ่นเลือดที่หอมหวานเลยถูกกักบริเวณให้อยู่แต่วังส่วนตัวของรัชทายาทแต่เพียงผู้เดียว ไม่ได้ไปอยู่วังต่างหากและมีเสียงลือว่าได้รับความโปรดปรานมากถึงขั้นให้อยู่วังเดียวกัน ซึ่งก็ไม่น่าจะผิดกับความจริงสักเท่าไหร่ หากเป็นเขาเองก็อยากจะให้อยู่คฤหาสน์เดียวกัน การมีมนุษย์แบบนั้นอยู่ในบ้านช่างเป็นเรื่องที่น่าสนใจยิ่งนัก"ได้ข่าวมาว่าลอร์ดโฟลช์ เมล์ กับบารอนคีเซิน ถูกสั่งปลดยศชั่วคราวจากคุณชายริค ไวท์ แถมยังถูกสั่งให้ทำงานบ้านทุกอย่างทั้งหมดภายในวังเป็นระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ รวมถึงให้ใส่ชุดข้ารับใช้ชายตลอดระยะเวลาการลงโทษอีกด้วย ช่างสยดสยองอะไรเช่นนี้ หากเป็นหม่อมฉันขอตายเสียยังดีกว่ามีชีวิตอยู่อย่างอัปยศเช่นนี้""อืม...น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ยิ่งรู้จักยิ่งน่าสนใจ""หมายความว่ายังไงขอรับ คุณชายใหญ่""ชาร์ที เด็กคนนี้มีความสามารถพิเศษที่ดึงดูดแวมไพร์รุ่นใหม่ให้เข้าหาได้ง
"นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าข้าทำให้เจ้า เสียเวลางั้นรึ" เทรเลอร์ถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ นี่เขาลงทุนมาหาถึงที่นี่แต่กลับพูดถึงคนอื่นได้อย่างไรกัน มันจะหยามกันเกินไปแล้ว"คราวที่แล้วก็มาลักพาตัวข้า วันนี้ยังจะบุกมาหาถึงที่ ใครเขาอยากจะไปคุยด้วย" เสียงทุ้มนุ่มตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉย เพราะในบรรดาที่รู้จักมานั้นมีคุณชายสวิต เทรเลอร์ที่นิสัยเสียที่สุดแล้ว ทำอะไรตามใจตัวเองตลอดเวลา ไม่สมกับเป็นเชื้อพระวงศ์เลยสักนิดเดียว"อย่างที่ไวท์พูดมา เจ้ากลับไปได้แล้ว อย่ามาวุ่นวายที่นี่อีก" เสียงทุ่มต่ำบอกพลางมองด้วยสายตารำคาญ พวกเขาอยู่อย่างสงบสุขแล้วทำไมต้องมาทำอะไรให้มันวุ่นวายแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้"ก็แค่กระจกแตก ไม่เห็นจะมีอะไรมากมาย ลองมาสู้กันหน่อยไหมพะยะค่ะ รัชทายาท""เห็นว่าไม่ค่อยมีเวลาได้ซ้อมเท่าไหร่ เพราะงานราชการล้นมือ เลยมาซ้อมตอนนี้หน่อยเป็นไง"ก่อนที่ร่างของทั้งคู่จะเข้าปะทะกันก็มีมือคู่หนึ่งยื่นปากกากับไม้บรรทัดห้ามทัพไว้เสียก่อน ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นไวท์นั่นเองที่รีบวิ่งเข้าไปขวางเอาไว้ นั
"สำหรับพวกข้าแล้วยังไงก็ได้พะยะค่ะ เพราะถึงจะมีเด็กคนนั้นอยู่พวกเราก็ยังต้องทำงานเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรนัก" ครอสบอกพลางทำหน้าเรียบเฉย"แถมพวกเรายังดูเขตการปกครองคนละที่กันด้วย ยังไงก็คงจะคนละสัปดาห์อยู่แล้ว" คลาสเห็นด้วยทันทีเพราะว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันมากขนาดนั้น แถมเขตการปกครองยังอยู่ห่างกันคนละซีกจักรวรรดิเลยก็ว่าได้ ตัวติดกันเฉพาะตอนเรียน ตอนสอบ และตอนออกงานใหญ่ๆ นอกนั้นก็อยู่แยกกันตลอด"ข้าจะส่งหนูไวท์ไปอยู่กับพวกเจ้าคนละหนึ่งสัปดาห์ แต่ถ้าเป็นฝาแฝดจะเป็นสองสัปดาห์เพราะมีสองคนในที่เดียวกัน หากพวกเจ้ามีใจให้แล้วล่ะก็...จะต้องพยายามทำให้เด็กคนนั้นตกหลุมรักพวกเจ้าให้ได้ และอย่าหาวู่วามทำอะไรล่วงเกินโดยใช่เหตุ เพราะไม่มีใครรู้ว่าพลังของมังกรกับเทพเป็นยังไง คนกำเนิดเป็นถึงบุคคลที่มีพลังมากที่สุดของมังกรทั้งปวง สุดเทพก็ยังเป็นเทพแนวหน้าของเทพเจ้ากรีกอีก หากไม่คิดให้ดีแล้วอาจจะถูกทำลายแทนที่จะได้รับความรักก็ได้ ตัวอย่างก็มีให้เห็นอยู่แล้วหลายคน คงต้องไม่อธิบายให้มากความ""นอกนั้นให้มันเป็นไปตามลำดับก็แล้วกัน ค
"เมื่อยไหม กระรอกน้อย" รัชทายาทถามพลางจับใบหน้ากับใบหูของอีกฝ่ายเพื่อตรวจอาการเบื้องต้น เพราะเขาไม่รู้เลยว่าการที่อีกคนมาอยู่อีกโลกร่างกายจะได้รับความเสียหายอะไรไหมจากการเดินทาง สภาพแวดล้อมสามารถอยู่ได้ไหม"ผมไม่เป็นไรครับ แค่เมื่อยก้นนิดหน่อยเพราะนั่งมานานแล้ว" เสียงทุ้มนุ่มตอบพลางขยับตัวไปมาบิดขี้เกียจในรถม้า ท่าทางดูเป็นธรรมชาติเหมือนกับการถูกเลี้ยงดูมาแบบสามัญชนสินะ ถ้าต่อไปต้องมาทำวางท่าแล้วจะเหนื่อยหรือเปล่านะ"มีอะไรหรือเปล่าครับ สีหน้าดูไม่ดีเลย""ข้ากังวลเรื่องต่อจากนี้ไปของกระรอกน้อย จะไหว จะทำได้หรือเปล่า จะทนได้ไหม คิดไปเยอะมากจนปวดหัว"ผู้ชายคนนี้เป็นถึงแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์ของโลกนี้ เป็นคนที่จะมาสืบทอดตำแหน่งต่อจากองค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินี มีเรื่องราวมากมายให้ทำในแต่ละวันแต่กลับคิดหนักเรื่องของไวท์มากขนาดนี้ ต้องเป็นคนที่อ่อนโยนขนาดไหนกันนะ คนที่ต้องแบกรับชะตากรรมของผู้อื่นไว้มากมาย ความรู้สึกต้องกดดันมากแค่ไหน"ไม่เป็นไรนะครับพี่คีย์ ผมเป็นลูกผู้ชาย สบายมา
"เจ้านี่มัน..." รัชทายาทกัดฟันกรอดอย่างไม่สบอารมณ์นัก"ข้าทำไมหรือพะยะค่ะ องค์รัชทายาทควรแก้ไขจุดนี้ก่อนที่จะสายเกินแก้" เมล์ถูกสอนมาจากโรงเรียนเสมอว่าถึงจะเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์มาตลอดในตระกูลแต่การสอนเจ้านายนั่นก็สิ่งที่ต้องทำเช่นกัน หากผู้เป็นนายมิได้เชื่อฟังคำแนะนำ ก็จงทำให้เห็นแก่ตาตัวเองว่าเป็นเช่นไร เป็นบทเรียนที่ดีที่สุด"งั้นเจ้าไปพักเถอะ ข้าอยากอยู่คนเดียว""พะยะค่ะ รัชทายาท"เมล์เดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้ายิ้มแย้มราวกับว่าอารมณ์ดีมากที่สุดของการมีชีวิตอยู่เลยก็ว่าได้ เพราะปกติเตือนอะไรไม่เคยจะฟังกันเลย ครั้งนี้น่าจะเป็นเรียนใหญ่ในชีวิตเลยล่ะ"ท่านเมล์ขอรับ มีจดหมายส่งมาถึงวัง""อืม มีอะไรก็ไปทำเถอะ"มือหนาเปิดซองแกะอ่านจดหมายที่จ่าหน้าซองถึงตนเองอย่างชัดเจน เนื้อหาในจดหมายค่อนข้างชัดเจนเรื่องการถูกติติงเรื่องการดูแลองค์รัชทายาทว่าต้องให้ดีกว่านี้แต่ก็ทำถูกเรื่องการดัดนิสัยพระองค์ไปในตัว ไม่รู้ว่าจะชมหรือจะมาด่ากันแน่ ผู้เป็นพ่อต
ร่างสูงโปร่งเดินเข้าไปหาตามเสียงเรียกของรัชทายาท อีกฝ่ายพลิกตัวไปมาสองสามครั้งแล้วใช้พลังตรวจคลื่นพลังในร่างกายอีกคนว่ายังมีความผิดปกติหลงเหลืออยู่หรือไม่ เมื่อตรวจสอบว่าไม่มีอะไรผิดพลาดจึงได้ปล่อยให้นั่งฝั่งตรงข้ามกัน"เมล์ เจ้าออกไปก่อน ข้าอยากคุยกับกระรอกน้อย""พะยะค่ะ รัชทายาท"สีหน้าที่หนักใจของคีย์ทำให้ไวท์ไม่สบายใจไปด้วย เพราะไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรถึงได้กลัดกลุ้มขนาดนี้ มันสำคัญถึงขนาดต้องคุยกันสองคนใช่ไหม ส่วนคีย์เองก็ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง ว่ามีคนมาดักทำร้ายไม่ใช่มาทำร้ายเขา หรือควรจะพูดยังไงให้หวาดกลัวน้อยลง สำหรับโลกของแวมไพร์การฆ่ากันไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ส่วนคนที่เติบโตมาจากโลกมนุษย์มันน่าจะเป็นเรื่องที่ใหญ่พอสมควรเลยล่ะ"พี่คีย์มีอะไรจะพูดเหรอครับ สีหน้าเครียดมากเลยครับ" ไวท์ตัดสินใจถามออกไปเพราะทนความเงียบไม่ไหว มันน่าจะมีเรื่องอะไรให้กังวลใจอย่างแน่นอน"เจ้ารู้ใช่ไหมว่าช่วงนี้มีเรื่องการต่อสู้บ่อยมาก""รู้ครับ เป็นทุกครั้งที่ออกจากวัง" 
ปึง!เสียงทุ้บโต๊ะทำงานของบุคคลที่อยู่สูงสุดของจักรวรรดิรองจากองค์ผู้สูงศักดิ์ทั้งสอง ทำให้เหล่าลูกครึ่งแวมไพร์ที่มีอำนาจทั้งสี่ถึงกับสะดุ้ง ไม่คิดว่าจะถูกโกรธเช่นนี้ เพราะพระองค์จะเก็บอาการตลอด นั่นหมายถึงครั้งนี้สุดจะทนแล้ว"พวกเจ้าไม่ต้องคิดที่จะออกรับแทนเฟลิกซ์หรอก เพราะไม่ว่าใครก็จะต้องถูกลงโทษด้วยกันทั้งหมด""อย่างที่รัชทายาทเอ่ยเลย พวกเจ้าจะต้องได้รับโทษอย่างแน่นอน ไม่ต้องเกี่ยงกันไปหรอก""ข้าจะตัดสินใจเองว่าจะทำเช่นไร ขอให้ลอร์ดเมล์สงบลงก่อน" ไวท์บอกเสียงเข้มเพื่อไม่ให้คนอื่นทำให้บรรยากาศแย่ลงไปกว่านี้ จากสีหน้าแล้วคงจะเตรียมใจกันมาแล้ว ไม่งั้นคงจะไม่ตอบแบบนี้"สิ่งที่ข้าจะบอกก็คือ..." เหมือนทั้งสี่คนกำลังยอมรับชะตากรรมว่าจะไม่มีลมหายใจอีกแล้ว มีชีวิตอยู่ถึงแค่ตอนนี้สินะ....."ข้าจะปลดยศของทุกคนแล้วส่งกลับบ้านเกิดทั้งหมด หากคิดว่าไม่อยากดูแลกัน ก็จงกลับไปในที่ๆ พวกเจ้าจากมาเสียเถิด""ว่าไงนะ! ""คุณชาย ท่านเอ่
"สงสัยเหมือนหม่อมฉันไม่มีผิดเลยพะยะค่ะ เหมือนเรื่องราวจะซับซ้อนมากขึ้นทุกที" เมล์แอบเห็นด้วยที่ว่านิสัยคล้ายกันแต่ทำไมเชื้อสายถึงแตกต่างกันขนาดนี้ มันจะต้องมีความลับอะไรซ่อนอยู่อย่างแน่นอน"ไว้สืบเรื่องนี้กันทีหลัง กระรอกน้อยเดินมาหาแล้ว""พะยะค่ะ รัชทายาท"เชิ้ดขาวสะอาดที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของอีกคนบ่งบอกถึงการวอร์มอัพร่างกายสำหรับการทำอะไรสักอย่างต่อไป ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เหล่านักเวทย์มาบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ สำหรับการทดสอบพลังกำลังของคุณชายริค ไวท์ ที่เป็นที่แตกตื่นสำหรับเหล่าแวมไพร์นั้นถือว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกทำร้ายแบบที่ผ่านมาอีก"ดูจากท่าทางแล้วคงชอบออกกำลังกายน่าดู ที่นี่ส่วนมากจะฝึกพลังเวทย์มากกว่ากำลังกาย" คีย์บอกพลางมองสำรวจอีกคนที่ตัวมีแต่เหงื่อไหลซึมไปทั่วร่าง น่าจะเหนื่อยพอสมควรเลยที่ทำแบบนั้น"ทำไมแบบนั้นล่ะครับพี่คีย์ ถ้าฝึกกำลังกายด้วยจะแข็งแกร่งมากกว่าเดิมแน่นอน""ดูผมสิ! สามารถตัดแผ่นไม้ได้ด้วยมือเปล่า ไม่ต้องใช้พ
"วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เจ้าจะได้อยู่ที่นี่แล้ว เดี๋ยวสักพักครอสคงจะมารับเจ้าอย่างแน่นอน" คลาสบอกเสียงเรียบแต่ใบหน้านั้นขมวดคิ้วจนเป็นปมอย่างเห็นได้ชัด"พี่คลาสเป็นอะไรหรือเปล่าครับ คิ้วชนกันใหญ่แล้ว""ครอสเป็นคนที่ซุกซนและเดาใจยาก ข้ากลัวว่าเจ้านั่นจะหาเรื่องแกล้งเจ้ามากกว่าดูแลเจ้า""หากมีอะไรไม่ชอบมาพากล จงใช้พลังที่เจ้ามีจัดการกำราบเจ้านั่นซะ" คลาสบอกเสียงเข้มเพราะไม่อยากให้อีกคนถูกแกล้งแปลกๆ รสนิยมของครอสเป็นยังไง มีหรือที่พี่ชายฝาแฝดอย่างเขาจะไม่รู้"อะแฮ่ม! นินทาแบบนี้ไม่ดีเลยท่านพี่ ข้าไม่ได้เป็นขนาดนั้นสักหน่อย" ครอสบอกเสียงเรียบหน้านิ่ง เพราะนี่คือเรื่องจริงจังไม่ใช่เรื่องล้อเล่นดั่งเช่นทุกที"ข้าก็หวังให้เจ้าเป็นแบบนั้น อ่านจดหมายที่ข้าส่งไปให้แล้วใช่หรือไม่""พะยะค่ะท่านพี่ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน""ดีมาก ฝากด้วยล่ะ"ทั้งสามถูกเชิญให้ไปร่วมรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายของพระราชวังเขตเหนือที่จะได้
น้ำตาของจักรพรรดินีไหลอีกครั้งระหว่างเดินมายังวังของตนเอง มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจแต่เป็นน้ำตาแห่งความดีใจ รู้สึกโชคดีมากที่มีอายุยืนยาวมาขนาดนี้ ทำให้ได้รับรู้ความจริงและสามารถเข้าใจได้ทั้งหมดว่าที่ผ่านมาคืออะไร ทำไมถึงรักษาสัญญาเช่นนี้มาตลอดไม่เคยเปลี่ยนแปลงจักรพรรดิมองคนรักของตนด้วยความเอ็นดูเพราะไม่คิดว่าหลายร้อยที่ผ่านมาอีกคนจะซื่อบื้อขนาดที่ไม่รู้ว่าตนมีใจให้ไปตั้งนานแล้ว ไม่งั้นจะยอมมีลูกด้วยกันตั้งหลายคนขนาดนี้เหรอ บางทีการนิ่งเฉยเกินไปอาจจะทำให้ไม่รับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่าย ท่าทางต้องแสดงออกมากกว่านี้เสียแล้วสิตุ้บ!ขาของคลาสเหวี่ยงไปโดนหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะพอดิบพอดีทำให้กองหนังสือร่วงลงมาเหมือนกระดานหมากรุกที่ถูกล้มโต๊ะกระจัดกระจายกันไปหมด เปลือกตาของแวมไพร์สูงศักดิ์เปิดขึ้นด้วยความงัวเงียว่าอะไรมารบกวนการนอนของเขา จนมารู้ว่าอีกคนนอนอยู่บนร่างตัวเองและยังพากันหลับบนโซฟาอีก ท่าทางตนเองจะเพลียมากจริงๆ มือหนาอุ้มอีกคนให้นอนสบายกว่าเดิมแต่เหมือนจะตื่นตามกันเพราะว่ามีการขยับตัวเกิดขึ้น"
"คือว่า...พี่คลาสจะกอดแบบนี้ไปอีกนานไหมครับ" เสียงทุ้มนุ่มเริ่มประท้วงเพราะจากการกอดหลวมเริ่มกระชับแน่นขึ้นแล้วกินเวลานานมากแล้ว แต่เหมือนจะไม่มีเสียงตอบรับจากอีกคน ถึงจะเป็นบนโซฟาแต่ทำไมเงียบผิดปกติ...หรือว่า...ดวงตากลมโตเงยหน้ามองอีกคนที่หลับตาสนิท หายใจสม่ำเสมอเข้าออก นั่นไง...กอดแล้วหลับอีกคนแล้ว ทำไมถึงมาหลับกันแบบนี้ทุกทีแล้วจะขยับหนีได้ยังไงล่ะทีนี้ คิดหนักไปหลายรอบแล้วก็ไม่ได้อะไร นอกจากนอนหลับตามกันไปในที่สุดก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!"ได้เวลาเข้านอนแล้วพะยะค่ะ เจ้าชายคลาส" เลย์เคาะประตูสองสามครั้งให้สัญญาณแต่เหมือนจะไม่มีเสียงตอบรับออกมาเลย มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาก็เข้าใจสถานการณ์ได้ทันที เพราะว่าเจ้านายทั้งสองนอนหลับอยู่บนโซฟาหรือเรียกว่านั่งหลับดี ในฐานะข้ารับใช้คนสนิทเลยไปหาผ้าห่มมาคลุมให้แล้วเดินจากไป คงต้องไม่ให้ใครมารบกวนเวลานอนของทั้งสองคนเสียแล้ว"ท่านลอร์ดเลย์ไม่เรียกเจ้าชายคลาสกับท่านไวท์ออกมารับประทานอาหารหรือพะยะค่ะ ได้เวลาอาหารแล้ว" เฟลิกซ์ถามด้วยความสงสัยแต่เล
"คลาสมาขวางข้าทำไม ไวท์เปิดทางขนาดนี้แล้ว ได้นอนกอดร่างนุ่มนิ่มนั้นคงจะดีไม่น้อยเลย" ครอสบอกด้วยสีหน้าระรื่น นานๆ ทีจะมีคนไม่รู้เรื่องมาให้กอดถึงที่ ไม่ต้องทำอะไรมากมายแค่นอนกอดธรรมดาก็พอแล้ว แค่อยากแกล้งเด็กเท่านั้นเองแต่ทำไมโดนด่าแล้วล่ะ"อย่าไปหาแกล้งคนอื่นแบบนั้น ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ลามกหรืออะไร แต่จะไปกวนจนคนอื่นไม่ได้นอนไม่ได้""จำได้ว่าเคยแกล้งรูมเมทด้วยการไปหลอกผีมาแล้วไม่ใช่รึ เจ้าจงใจจะทำแบบนั้นอีก ใช่หรือไม่" คลาสถามพลางกอดอกเอาเรื่อง"ใช่แล้ว ข้าจงใจจะไปหลอกผีไวท์ รู้ได้ยังไง""เจ้าก็รู้ว่าข้ารู้ความคิดของเจ้า จะมาถามทำไมล่ะ พวกเราเป็นฝาแฝดกันลืมไปแล้วหรือไงเล่า"ไม่ได้มีพลังพิเศษอะไรหรอกแต่สังเกตมาตั้งหลายร้อยปี ยังติดเล่นเหมือนเด็กใครจะไม่รู้กันล่ะ ถ้าทำตัวโตสักหน่อยคงจับผิดยากแล้วล่ะ ทำตัวเหมือนสมัยเด็กใครจะดูไม่ออกกันล่ะ"งั้นไปนอนด้วยกันก็ได้ เดี๋ยวสัปดาห์หน้ามาหาใหม่" ครอสบอกพลางยิ้มหวาน จริงๆ เขาก็ไม่ได้ติดพี่ชายฝาแฝดอย่างที่หลายคนคิด แต่จะม
"เข้าใจพะยะค่ะ เจ้าชายครอส""ดีมาก เจ้าทำถูกแล้ว"ไม่นานก็มีคนมาพาตัวคุณชายริค ไวท์ไปยังวิหารศักดิ์สิทธิเพื่อเรียนรู้การใช้พลังของตนเอง แต่ครอสไม่ได้ตามไปด้วยเพียงสั่งให้คนสนิทของเจ้าตัวตามไปทั้งหมด หากมีเหตุอะไรฉุกเฉินจะได้ช่วยเหลือกันทัน ร่างสูงโปร่งโบกมือลาแล้วตามคนอื่นขึ้นรถม้าไป บรรยากาศในวังเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที สายตาของแวมไพร์สูงศักดิ์มองทุกคนอย่างเอาเรื่อง"พวกเจ้าจะต้องดูแลไวท์ให้ดี รู้ใช่ไหมว่ามันคือคำสั่งไม่ใช่คำสั่งธรรมดา...หากใครไม่ฟัง ข้าจะฆ่ามันด้วยมือของข้าเอง" ออร่าของครอสออกมาอย่างรุนแรง พื้นดินเริ่มสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณบ่งบอกว่าแฝดผู้พี่ที่ไม่ค่อยเอาเรื่องเอาราวกับใครเอาจริง หากใครไม่ปฏิบัติตามจะต้องถูกลงโทษถึงขั้นไม่มีลมหายใจอย่างแน่นอน"พะยะค่ะ/เพคะ เจ้าชายครอส" ทุกคนขานรับคำสั่งด้วยความเคารพอย่างหวาดกลัว ไม่คิดจะได้เห็นมุมนี้อีกครั้งหลังจากวางมือมานานแล้ว ท่าทางจะกลับมาเป็นแบบเดิมอีกครั้ง"ทำแบบนั้นดีแล้วหรือพะยะค่ะ ขู่ให้กลัวแบบนั้น" เลย์ถามด้
"เป็นยังไงบ้างพะยะค่ะ""ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว ขอบใจเจ้ามากที่เป็นห่วงข้า""เมล์ กำหนดการที่กระรอกน้อยของข้าจะเดินทางไปวังของคลาสคือเมื่อไหร่" คีย์ถามด้วยสีหน้าครุ่นคิดว่าขาดเหลืออะไรที่ยังไม่ได้สอนหรือช่วยให้ปลอดภัยอีกหรือไม่"วันพรุ่งนี้พะยะค่ะ รัชทายาท เฟลิกซ์จัดการเตรียมทุกอย่างเอาไว้พร้อมแล้ว" เมล์ตอบพลางรินน้ำชาให้อย่างชำนาญ"อืม ถ้างั้นก็เดี๋ยวจะไปส่งแล้วกัน จะได้ช่วยกันดูแลความปลอดภัย""ห่วงก็พูดมาเถอะพะยะค่ะ จะทรงลีลาไปทำไมกัน ใครๆ เขาก็ดูออกว่าพระองค์พึงพอใจในตัวท่านชาย" หลังจากการเหน็บของเมล์ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องอาหารถึงกับหัวเราะออกมากันหมดแต่พอรัชทายาทหันไปมองก็พากันเงียบแบบเดิม มีเพียงลอร์ดเมล์เพียงคนเดียวที่จะกล้าพูดอะไรแบบนี้ เพราะทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน เป็นเจ้านายกับคนรับใช้ และเพื่อนร่วมรบมายาวนาน ทำให้มีความสนิทกันมากกว่าคนอื่น"เจ้านี่มันกวนประสาทข้าไม่เคยเปลี่ยน อยู่ด้วยกันมากี่ปีก็ยังทำให้ข้าปวดหัวเสมอมา" 
สุดท้ายแวมไพร์ผู้สูงศักดิ์ก็ไม่ได้หาอะไรกินรองท้องดั่งที่หวังนอกจากน้ำเปล่าเท่านั้น คงต้องรอใครสักคนตื่นมาทำให้กินเสียแล้วล่ะ สายตาคมยังจับจ้องเอกสารต่อไป ขนนกยังคงพลิ้วไหวตลอดเวลา น้ำหมึกค่อยๆ ลดลงตามจำนวนงานที่เริ่มหมดลงตามลำดับ องค์รัชทายาทบิดตัวไปมาสองสามครั้งก่อนจะหลับตาลงเพราะความเหนื่อยล้าแกร๊ก!"อรุณสวัสดิ์ขอรับ ท่านไวท์" เสียงผ้าม่านถูกเปิดออกเผยให้เห็นแสงตะวันกำลังลับขอบฟ้า ถ้วยชาถูกวางลงพร้อมใบชาใส่น้ำร้อนในอุณหภูมิที่พอเหมาะทิ้งไว้ประมาณนึงแล้วเทใส่ถ้วยสำหรับรับประทานยามตื่นนอน"อรุณสวัสดิ์ คัสซัส" ร่างสูงโปร่งยืนให้อีกคนดึงผ้าห่มออกแล้วบิดขี้เกียจไปมาก่อนจะจิบชาที่เริ่มจะชินกับวัฒนธรรมดื่มชาทุกเช้าของที่นี่เสียแล้วสิ"วันนี้เฟลิกซ์ไม่มาเหรอ หรือเปลี่ยนหน้าที่กันแล้ว""ท่านเฟลิกซ์จัดการเรื่องเดินทางของท่านไวท์ขอรับ ให้ข้ามาทำหน้าที่ของข้าส่วนนี้ดีกว่า" เนื่องจากหน้าที่ของคัสซัสต้องมาดูแลเรื่องส่วนตัวมากกว่าเฟลิกซ์ที่มีหน้าที่จัดการงานส่วนรวมทั้งหมดมากกว่า เริ่มมีการแ
"เป็นบุคคลที่น่ากลัวที่สุดแล้ว ขนาดท่านพี่คีย์ ท่านพี่คลาสยังกลัว คนอย่างข้าน่ะหรือ...กลัวสิ ทำไมจะไม่กลัวกันล่ะ" ครอสบอกพลางลูบแขนตัวเองไปมาถึงความสยอง"สรุปแล้วหลังจากอยู่กับข้าอีกหน่อยก็ฝากเจ้าด้วยล่ะคลาส อย่าทำให้เกิดอันตราย ดูแลไวท์ให้ดี""พะยะค่ะ ท่านพี่"หลังจากอาหารมื้อใกล้เช้าคือมื้อสุดท้ายของคืนนี้ ก่อนที่ต่างคนต่างจะพากันไปนอนกลางวันตามวิถีของแวมไพร์ แผนการรับมือและการสอบสวนจะเริ่มนับจากนี้ไป พวกคลั่งเลือดเทพกับมังกรคิดผิดแล้วที่จะกวังเลือดจากลูกหลานของตาแก่"เดินทางปลอดภัยนะครับทุกคน" เสียงทุ้มนุ่มบอกพลางโค้งศรีษะให้กับเหล่าแวมไพร์ที่อายุมากกว่าตนทั้งหมด"ข้าไปก่อนล่ะ ไวท์ เดี๋ยวมาหาใหม่" ครอสบอกพลางโบกมือแล้วสยายปีกกลับเขตปกครองตนเอง"ข้าหวังเป็นอย่างยิ่ง ที่จะได้พบกับคุณชายอีกครั้ง" มาร์แชลบอกแล้วบินไปอีกคน"ไปกันหมดแล้ว ต้องไปบ้างแล้วล่ะ แล้วเจอกันไวท์" ครอสทำท่าทีเล่นทีจริงแล้วหายไปบนท้องฟ้าเสียแล้ว"ข
"พะยะค่ะ รัชทายาท" เพียงประโยคเดียวก็สามารถสยบแวมไพร์ทั้งหมดให้คืนสติกลับมาอีกครั้งแล้วเริ่มประชุมวางแผนเรื่องการออกล่าลูกผสมระหว่างมังกรกับเทพอย่างไวท์ถูกนำมาเป็นประเด็น ทุกพื้นที่มีความต้องการที่จะได้ตัวกันทั้งนั้น สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือการฝึกฝนและศึกษาพื้นที่ตามคำสั่งขององค์จักรพรรดิที่ไม่มีใครจะขัดคำสั่งได้แม้ว่าจะเป็นองค์รัชทายาทก็ตาม"ข้าจะให้เดินทางไปกับครอสก่อนแล้วกัน เพราะกำหนดการที่อยู่ที่นี่จะหมดลงแล้ว มีแต่เรื่องวุ่นวายทั้งนั้น" คีย์พยายามไม่หัวเสียแต่ก็อดไม่ได้ แทนที่จะได้อยู่กับคนที่ชอบแต่กลับมีเรื่องทุกครั้งไป"พะยะค่ะ ท่านพี่คีย์""เลิกประชุมได้ กลับเข้าที่พักแล้วระวังตัวเองกันด้วย"ร่างสูงถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะไม่คิดว่าเรื่องจะลุกลามใหญ่โตขนาดนี้ การเก็บเด็กต่างโลกมาดูแลทำให้มันวุ่นวายเหมือนตอนเก็บตาแก่มาไม่มีผิดเพี้ยน ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิมยังงั้นเหรอ สิ่งที่ต้องรอตอนนี้สร้อยสำหรับกักกลิ่นเลือดให้แค่คนที่พลังสูงเท่านั้นที่จะได้กลิ่นนั้นก็คือแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์แบบเจือจางให้ได้มาก