"ถึงจะแบบนั้นก็ไม่ได้ขอรับ มันยังอันตรายเกินไป"
"เฟลิกซ์ เจ้าจะดื้อดึงไปถึงไหนกัน ก่อนหน้านี้นายของเจ้าก็ไปดินแดนอื่นมามากมายก่อนที่จะเข้าวังหลวง จะมาทำเป็นพิธีรีตองให้ยุ่งยากทำไมกัน" เขาเห็นมาตลอดว่ารัชทายาทพาไปดินแดนอื่นแต่ทำไมเวลานี้กลับไปไม่ได้เสียแล้ว
"นับวันกลิ่นยิ่งรุนแรงรอให้สร้อยปกปิดกลิ่นที่ถูกสั่งมาถึงเสียก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยว่ากันขอรับ" การปะทะฝีปากยังคงดำเนินต่อไปเพราะคนห้ามไม่ได้อยู่ที่นี่นั่นเอง
มือขาวเริ่มจัดเตรียมของสำหรับอาหารกินเล่นในเวลานี้โดยมีคัสซัสมองด้วยความกังวลเป็นระยะ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นมนุษย์ทำของกินแปลกประหลาดมาก่อน แถมยังมีรสชาติอร่อยน่าเหลือเชื่ออีก
"คัสซัสไม่ต้องกังวลไป แค่นี้ข้าทำได้ ไม่มีปัญหา" เสียงทุ้มนุ่มบอกพลางจัดแจงเตรียมทำอย่างทะมัดทะแมง
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
"รัชทายาทเรียกให้คุณชายไปเข้าพบขอรับ"
"บอกให้ท่านพี่รอก่อนนะ ข้าขอทำอาหารก่อน"
"ถึงจะเป็นบุตรบุญธรรมแห่งตระกูลริคก็ตามแต่ไม่มีสิทธิปฏิเสธคำสั่งของรัชทายาท กรุณาทำตามคำสั่งด้วยขอรับ"
"ถึงจะเป็นลอร์ดโฟลช์ก็ไม่มีสิทธิมาว่าคุณชายแบบนี้ ท่านไม่รู้จักธรรมเนียมของที่นี่หรือ" คีเซินออกโรงช่วยเจ้านายที่พวกเขาเพิ่งจะดูแลได้ไม่กี่วัน ถึงจะไม่ได้รู้จักกันนานแต่ก็รู้ว่าเป็นคนดี มองโลกในแง่ดี ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด
สงครามในครัวเริ่มเกิดขึ้นเนื่องจากต่างคนต่างปกป้องนายของตนเอง ความรวดเร็วในการโจมตีนั้นไม่ได้แตกต่างกัน ความต่างก็คงจะมีเพียงสายเลือดของคีเซินที่มีเลือดของแวมไพร์เพียงครึ่งเดียว ทำให้ไม่สามารถใช้พลังต่อกรได้อย่างเต็มที่เหมือนเลือดบริสุทธิ์อย่างเมล์นั่นเอง เหล่าแวมไพร์หนุ่มภายในวังเริ่มรู้แล้วว่ามีการใช้พลังของแวมไพร์ที่มีพลังขั้นสูง หมายความว่าเกิดการต่อสู้กันอยู่ หากตามเสียงการต่อสู้ไปน่าจะรู้ว่าอยู่ที่ไหน และภาพตรงหน้าที่ทั้งสามเห็นก็คือคีเซินกับเมล์กำลังต่อสู้กันโดยที่ไวท์มัวแต่ทำอาหารและมีสมาธิจนไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง
"หยุดกันทั้งสองคน พวกเจ้ากำลังจะทำให้กระรอกน้อยของข้าได้รับบาดเจ็บไปด้วย" คีย์ออกปากห้ามทันทีและเหมือนว่าเสียงของคีย์จะทำให้ร่างสูงโปร่งหลุดออกจากสมาธิการทำอาหารแล้วรีบหลบการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในห้องครัวทันทีแต่เหมือนว่าจะหลบไม่พ้นเสียแล้ว ข้างหนึ่งก็นมสดอีกข้างก็วิปครีมที่เพิ่งทำเสร็จคงต้องเสียสละตัวเองซะแล้วล่ะ
ซ่า!!!
ทั้งคีเซินและเมล์โดนนมสดและวิปครีมที่ร่างสูงโปร่งทำสาดใส่คนละข้างจนทำให้หยุดชะงักการต่อสู้อย่างหวุดหวิดก่อนที่จะใช้พลังกับไวท์เพราะถึงให้หลบยังไงก็ไม่มีทางพ้นเพราะมันระยะประชิดตัวมากจนเกินไป คีย์ มาร์แชล เฟลิกซ์ มองด้วยความตกตะลึงเพราะมันคือวินาทีที่สำคัญมากยังสามารถทำให้แวมไพร์ที่มีพลังทำลายล้างสูงหยุดลงได้ สมแล้วที่เป็นลูกหลานของตาแก่
"เฮ้อ.... เสียดายวิปครีมกับนมสดชะมัด ทำตั้งนานกว่าจะเสร็จ" เสียงทุ้มนุ่มถอนหายใจยาวออกมาด้วยความเสียดายทั้งที่สถานการณ์ตรงหน้านั้นวิกฤตเกินกว่าจะมาห่วงเรื่องแค่นี้
"วิเศษมาก! กระรอกน้อย เจ้าสามารถหยุดแวมไพร์ระดับสูงได้ด้วยการสาดของกินใส่ ข้าประทับใจมาก" คีย์ชื่นชมด้วยความเอ็นดูพลางปรายตามองตัวต้นเหตุที่ทำให้ครัวเหมือนสมรภูมิรบเช่นนี้
"รัชทายาทจะต้องจัดการเรื่องนี้พะยะค่ะ หม่อมฉันเห็นว่าไม่สมควรที่จะปล่อยผ่าน" มาร์แชลท้วงความยุติธรรมให้กับไวท์ทันทีเพราะถ้าหากว่าไวท์ไม่ใช่ไหวพริบเช่นนี้อาจจะได้รับบาดเจ็บไปแล้วก็ได้ โชคดีที่เด็กคนนี้ฉลาดกว่าที่คาดคิดไว้มากนัก ยิ่งเจอก็ยิ่งหลงใหลในความงดงามในหลายๆ ด้าน
"หม่อมฉันยินดีชดใช้ด้วยชีวิตพะยะค่ะ / หม่อมฉันยินดีชดใช้ด้วยชีวิตพะยะค่ะ" แวมไพร์ทั้งสองคนพูดออกมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายราวกับว่ารู้ชะตากรรมอยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น การต่อสู้ที่ทำโดยพละการและไม่ได้รับอนุญาตนั้นโทษสูงสุดคือประหารชีวิต ถึงจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอายุยาวนานแต่ก็สามารถตายได้เช่นกัน
"หึ! ขนาดรู้กฎก็ยังทำอีกนะ ไม่สมกับที่เป็นนักเรียนดีเด่นกันทั้งคู่เลยนะ คีเซิน เมล์" สายตาคมมองเห็นสัญญาณมือของไวท์ว่าไม่อยากให้ลงโทษขั้นเด็ดขาดเลยเปลี่ยนแปลงอะไรเล็กน้อยเพื่อให้น่าสนุกยิ่งขึ้น อยากจะรู้ผลที่ตามมาเหมือนกันว่าจะเป็นเช่นไร
"ในฐานะที่คนที่ได้รับความเดือดร้อนในทีนี้คือไวท์ ข้าจะให้คุณชายริค ไวท์เป็นผู้ตัดสินในความผิดของพวกเจ้าทั้งสองคน ที่กระทำการเกินกว่าเหตุเช่นนี้" สีหน้าของไวท์หนักใจขึ้นมาทันทีเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำแบบนี้ แถมยังมีสีหน้าที่สนุกสนานอีกต่างหาก ท่าทางกำลังเหมือนเล่นเกมส์อะไรสักอย่างอยู่เลยนะ
"ถ้าเช่นนั้นแล้วยังมีวิธีการลงโทษที่แม้ไม่ใช่ความตาย แต่ก็สามารถทำให้ทั้งสองคนอยากตายเลยล่ะ" ใบหน้าหวานมีสีหน้าเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันทีทำให้แวมไพร์ทั้งสองสะดุ้งทันที ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นอะไรแต่ท่าทางจะน่ากลัวไม่ใช่น้อย
"ไม่ทราบว่าวิธีที่คุณชายจะใช้ลงโทษพวกเขาทั้งสองคนคืออะไรหรือขอรับ" เฟลิกซ์ถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล ไม่เคยรู้ว่าเวลาลูกครึ่งมังกรยิ้มแบบนี้มันรอยยิ้มพิฆาตมากกว่าจะเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนแบบที่เคยเห็นดั่งเช่นทุกวัน
"เนื่องจากที่นี่การถือยศค่อนข้างอ่อนไหวมาก เพราะต้องรักษาหน้าตาของตระกูลเอาไว้ บทลงโทษมีทั้งหมดสามข้อที่เมื่อได้ฟังครบทุกข้อ แทบอยากจะตายแต่ก็ตายไม่ได้ เพราะว่าข้าไม่อยากให้ตาย" แวมไพร์ทั้งสองกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะต้องมาหวาดกลัวลูกหลานของตาแก่อีกครั้งหนึ่งจนได้
"ข้อแรก ถอดยศของทั้งสองคนออกเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ จากนี้ไปเวลาไปไหนมาไหนตำแหน่งคือข้ารับใช้ภายในวังเท่านั้น ไม่มีสิทธิมีเสียงอะไรในการออกความคิดเห็น มีหน้าที่ทำตามเท่านั้น"
"ข้าขอถามว่าคุณชายลงโทษแบบนี้แล้วจะได้อะไรหรือขอรับ" เมล์ถามด้วยความสงสัย การถอดยศเพียงชั่วคราวไม่ใช่บทลงโทษร้ายแรงแต่ทำไมถึงยังสั่งลงโทษแบบนี้กัน
"เป็นคำถามที่ดีครับ เพราะว่าทั้งสองเป็นที่นับหน้าถือตาของแวมไพร์และลูกครึ่งแวมไพร์ ชอบทำอะไรเกินหน้าที่ของตนเองโดยไม่จำเป็น การลดยศนั้นทำให้รู้ว่าต่อไปควรสงบปากสงบคำมากกว่านี้" แค่เหตุผลแรกก็ทำให้แวมไพร์ทั้งห้าสะดุ้งกันเป็นแทบ ช่างเป็นเหตุผลที่เฉียบขาดและซับซ้อนมาก
"ข้อสอง หน้าที่ของข้ารับใช้ของทั้งสองคนจะต้องทำความสะอาดครัวตอนนี้ ทำอาหาร ตัดหญ้าในสวน ดูแลสวนดอกไม้ สวนผัก ความสะอาดภายในวังทั้งหมดโดยจะไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้นจากผู้อื่น หากพบเห็นจะถูกสั่งลงโทษแบบเดียวกันทั้งสามข้อและระยะเวลาเริ่มนับจากวันที่กล้าลองดี" งานบ้านถือเป็นบทลงโทษสุดโหดสำหรับผู้ชายในจักรวรรดิ การทำแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับลงโทษทั้งเป็น
"แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะทำไม่ได้เพราะจะมีคนคอยช่วยสอนให้เป็นระยะเวลาสามวัน หมายความว่าสี่วันที่เหลือจะต้องทำเองทุกอย่างทั้งหมดเพียงแค่สองคน คนอื่นข้าให้พักงานเป็นระยะเวลาสี่วัน""ข้อสุดท้ายก็คือในช่วงระยะเวลาการลงโทษนั้นจะต้องใส่ชุดข้ารับใช้หลวงผู้ชายไปจนกว่าจะหมดระยะเวลาการรับโทษ และเรื่องการกระทำความผิดครั้งนี้จะถูกเขียนรายงานส่งทางพระราชวังด้วยลายมือและตราประทับของผม""ส่วนเหตุผลนั้นไม่ยาก หากรู้จักละอายต่อความผิดในครั้งนี้แล้วนั้น จะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง" รอยยิ้มหวานที่เหมือนบาดลงไปในใจของแวมไพร์วัยหนุ่มทั้งสองนั้นไม่ได้ชวนให้ดูน่ารักแต่มันน่าสยดสยองเสียมากกว่าในเวลานี้ เสียงร้องโหยหวนร้องขอความตายดังออกมาจากทั้งคู่ทันที"คุณชายขอรับ ช่วยให้ข้าตายเสียเถอะ หากลงโทษเช่นนี้" เมล์บอกด้วยใบหน้าหนักใจและอยากตายมากกว่ามีชีวิตอยู่ ไม่เพียงแต่เป็นการลงโทษที่ยากแต่ยังสร้างความอับอายให้เป็นประวัติเสื่อมเสียแก่วงศ์ตระกูลอีกต่างหาก"ข้าด้วยขอรับ ถ้าลงโทษแบบนี้ได้โปรดใช้กริชเงินแทงที่หัวใ
"ได้ความว่าอะไรบ้าง" เทรเลอร์ถามพลางทำสีหน้าเหมือนกับกำลังจะสนุกกับอะไรบางอย่างอยู่ ตั้งแต่งานเลี้ยงในครั้งนั้นก็ยังไม่ได้เจอกันอีกเลย เนื่องจากกลิ่นเลือดที่หอมหวานเลยถูกกักบริเวณให้อยู่แต่วังส่วนตัวของรัชทายาทแต่เพียงผู้เดียว ไม่ได้ไปอยู่วังต่างหากและมีเสียงลือว่าได้รับความโปรดปรานมากถึงขั้นให้อยู่วังเดียวกัน ซึ่งก็ไม่น่าจะผิดกับความจริงสักเท่าไหร่ หากเป็นเขาเองก็อยากจะให้อยู่คฤหาสน์เดียวกัน การมีมนุษย์แบบนั้นอยู่ในบ้านช่างเป็นเรื่องที่น่าสนใจยิ่งนัก"ได้ข่าวมาว่าลอร์ดโฟลช์ เมล์ กับบารอนคีเซิน ถูกสั่งปลดยศชั่วคราวจากคุณชายริค ไวท์ แถมยังถูกสั่งให้ทำงานบ้านทุกอย่างทั้งหมดภายในวังเป็นระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ รวมถึงให้ใส่ชุดข้ารับใช้ชายตลอดระยะเวลาการลงโทษอีกด้วย ช่างสยดสยองอะไรเช่นนี้ หากเป็นหม่อมฉันขอตายเสียยังดีกว่ามีชีวิตอยู่อย่างอัปยศเช่นนี้""อืม...น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ยิ่งรู้จักยิ่งน่าสนใจ""หมายความว่ายังไงขอรับ คุณชายใหญ่""ชาร์ที เด็กคนนี้มีความสามารถพิเศษที่ดึงดูดแวมไพร์รุ่นใหม่ให้เข้าหาได้ง
"นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าข้าทำให้เจ้า เสียเวลางั้นรึ" เทรเลอร์ถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ นี่เขาลงทุนมาหาถึงที่นี่แต่กลับพูดถึงคนอื่นได้อย่างไรกัน มันจะหยามกันเกินไปแล้ว"คราวที่แล้วก็มาลักพาตัวข้า วันนี้ยังจะบุกมาหาถึงที่ ใครเขาอยากจะไปคุยด้วย" เสียงทุ้มนุ่มตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉย เพราะในบรรดาที่รู้จักมานั้นมีคุณชายสวิต เทรเลอร์ที่นิสัยเสียที่สุดแล้ว ทำอะไรตามใจตัวเองตลอดเวลา ไม่สมกับเป็นเชื้อพระวงศ์เลยสักนิดเดียว"อย่างที่ไวท์พูดมา เจ้ากลับไปได้แล้ว อย่ามาวุ่นวายที่นี่อีก" เสียงทุ่มต่ำบอกพลางมองด้วยสายตารำคาญ พวกเขาอยู่อย่างสงบสุขแล้วทำไมต้องมาทำอะไรให้มันวุ่นวายแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้"ก็แค่กระจกแตก ไม่เห็นจะมีอะไรมากมาย ลองมาสู้กันหน่อยไหมพะยะค่ะ รัชทายาท""เห็นว่าไม่ค่อยมีเวลาได้ซ้อมเท่าไหร่ เพราะงานราชการล้นมือ เลยมาซ้อมตอนนี้หน่อยเป็นไง"ก่อนที่ร่างของทั้งคู่จะเข้าปะทะกันก็มีมือคู่หนึ่งยื่นปากกากับไม้บรรทัดห้ามทัพไว้เสียก่อน ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นไวท์นั่นเองที่รีบวิ่งเข้าไปขวางเอาไว้ นั
"สำหรับพวกข้าแล้วยังไงก็ได้พะยะค่ะ เพราะถึงจะมีเด็กคนนั้นอยู่พวกเราก็ยังต้องทำงานเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรนัก" ครอสบอกพลางทำหน้าเรียบเฉย"แถมพวกเรายังดูเขตการปกครองคนละที่กันด้วย ยังไงก็คงจะคนละสัปดาห์อยู่แล้ว" คลาสเห็นด้วยทันทีเพราะว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันมากขนาดนั้น แถมเขตการปกครองยังอยู่ห่างกันคนละซีกจักรวรรดิเลยก็ว่าได้ ตัวติดกันเฉพาะตอนเรียน ตอนสอบ และตอนออกงานใหญ่ๆ นอกนั้นก็อยู่แยกกันตลอด"ข้าจะส่งหนูไวท์ไปอยู่กับพวกเจ้าคนละหนึ่งสัปดาห์ แต่ถ้าเป็นฝาแฝดจะเป็นสองสัปดาห์เพราะมีสองคนในที่เดียวกัน หากพวกเจ้ามีใจให้แล้วล่ะก็...จะต้องพยายามทำให้เด็กคนนั้นตกหลุมรักพวกเจ้าให้ได้ และอย่าหาวู่วามทำอะไรล่วงเกินโดยใช่เหตุ เพราะไม่มีใครรู้ว่าพลังของมังกรกับเทพเป็นยังไง คนกำเนิดเป็นถึงบุคคลที่มีพลังมากที่สุดของมังกรทั้งปวง สุดเทพก็ยังเป็นเทพแนวหน้าของเทพเจ้ากรีกอีก หากไม่คิดให้ดีแล้วอาจจะถูกทำลายแทนที่จะได้รับความรักก็ได้ ตัวอย่างก็มีให้เห็นอยู่แล้วหลายคน คงต้องไม่อธิบายให้มากความ""นอกนั้นให้มันเป็นไปตามลำดับก็แล้วกัน ค
"เมื่อยไหม กระรอกน้อย" รัชทายาทถามพลางจับใบหน้ากับใบหูของอีกฝ่ายเพื่อตรวจอาการเบื้องต้น เพราะเขาไม่รู้เลยว่าการที่อีกคนมาอยู่อีกโลกร่างกายจะได้รับความเสียหายอะไรไหมจากการเดินทาง สภาพแวดล้อมสามารถอยู่ได้ไหม"ผมไม่เป็นไรครับ แค่เมื่อยก้นนิดหน่อยเพราะนั่งมานานแล้ว" เสียงทุ้มนุ่มตอบพลางขยับตัวไปมาบิดขี้เกียจในรถม้า ท่าทางดูเป็นธรรมชาติเหมือนกับการถูกเลี้ยงดูมาแบบสามัญชนสินะ ถ้าต่อไปต้องมาทำวางท่าแล้วจะเหนื่อยหรือเปล่านะ"มีอะไรหรือเปล่าครับ สีหน้าดูไม่ดีเลย""ข้ากังวลเรื่องต่อจากนี้ไปของกระรอกน้อย จะไหว จะทำได้หรือเปล่า จะทนได้ไหม คิดไปเยอะมากจนปวดหัว"ผู้ชายคนนี้เป็นถึงแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์ของโลกนี้ เป็นคนที่จะมาสืบทอดตำแหน่งต่อจากองค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินี มีเรื่องราวมากมายให้ทำในแต่ละวันแต่กลับคิดหนักเรื่องของไวท์มากขนาดนี้ ต้องเป็นคนที่อ่อนโยนขนาดไหนกันนะ คนที่ต้องแบกรับชะตากรรมของผู้อื่นไว้มากมาย ความรู้สึกต้องกดดันมากแค่ไหน"ไม่เป็นไรนะครับพี่คีย์ ผมเป็นลูกผู้ชาย สบายมา
"เจ้านี่มัน..." รัชทายาทกัดฟันกรอดอย่างไม่สบอารมณ์นัก"ข้าทำไมหรือพะยะค่ะ องค์รัชทายาทควรแก้ไขจุดนี้ก่อนที่จะสายเกินแก้" เมล์ถูกสอนมาจากโรงเรียนเสมอว่าถึงจะเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์มาตลอดในตระกูลแต่การสอนเจ้านายนั่นก็สิ่งที่ต้องทำเช่นกัน หากผู้เป็นนายมิได้เชื่อฟังคำแนะนำ ก็จงทำให้เห็นแก่ตาตัวเองว่าเป็นเช่นไร เป็นบทเรียนที่ดีที่สุด"งั้นเจ้าไปพักเถอะ ข้าอยากอยู่คนเดียว""พะยะค่ะ รัชทายาท"เมล์เดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้ายิ้มแย้มราวกับว่าอารมณ์ดีมากที่สุดของการมีชีวิตอยู่เลยก็ว่าได้ เพราะปกติเตือนอะไรไม่เคยจะฟังกันเลย ครั้งนี้น่าจะเป็นเรียนใหญ่ในชีวิตเลยล่ะ"ท่านเมล์ขอรับ มีจดหมายส่งมาถึงวัง""อืม มีอะไรก็ไปทำเถอะ"มือหนาเปิดซองแกะอ่านจดหมายที่จ่าหน้าซองถึงตนเองอย่างชัดเจน เนื้อหาในจดหมายค่อนข้างชัดเจนเรื่องการถูกติติงเรื่องการดูแลองค์รัชทายาทว่าต้องให้ดีกว่านี้แต่ก็ทำถูกเรื่องการดัดนิสัยพระองค์ไปในตัว ไม่รู้ว่าจะชมหรือจะมาด่ากันแน่ ผู้เป็นพ่อต
ร่างสูงโปร่งเดินเข้าไปหาตามเสียงเรียกของรัชทายาท อีกฝ่ายพลิกตัวไปมาสองสามครั้งแล้วใช้พลังตรวจคลื่นพลังในร่างกายอีกคนว่ายังมีความผิดปกติหลงเหลืออยู่หรือไม่ เมื่อตรวจสอบว่าไม่มีอะไรผิดพลาดจึงได้ปล่อยให้นั่งฝั่งตรงข้ามกัน"เมล์ เจ้าออกไปก่อน ข้าอยากคุยกับกระรอกน้อย""พะยะค่ะ รัชทายาท"สีหน้าที่หนักใจของคีย์ทำให้ไวท์ไม่สบายใจไปด้วย เพราะไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรถึงได้กลัดกลุ้มขนาดนี้ มันสำคัญถึงขนาดต้องคุยกันสองคนใช่ไหม ส่วนคีย์เองก็ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง ว่ามีคนมาดักทำร้ายไม่ใช่มาทำร้ายเขา หรือควรจะพูดยังไงให้หวาดกลัวน้อยลง สำหรับโลกของแวมไพร์การฆ่ากันไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ส่วนคนที่เติบโตมาจากโลกมนุษย์มันน่าจะเป็นเรื่องที่ใหญ่พอสมควรเลยล่ะ"พี่คีย์มีอะไรจะพูดเหรอครับ สีหน้าเครียดมากเลยครับ" ไวท์ตัดสินใจถามออกไปเพราะทนความเงียบไม่ไหว มันน่าจะมีเรื่องอะไรให้กังวลใจอย่างแน่นอน"เจ้ารู้ใช่ไหมว่าช่วงนี้มีเรื่องการต่อสู้บ่อยมาก""รู้ครับ เป็นทุกครั้งที่ออกจากวัง" 
ปึง!เสียงทุ้บโต๊ะทำงานของบุคคลที่อยู่สูงสุดของจักรวรรดิรองจากองค์ผู้สูงศักดิ์ทั้งสอง ทำให้เหล่าลูกครึ่งแวมไพร์ที่มีอำนาจทั้งสี่ถึงกับสะดุ้ง ไม่คิดว่าจะถูกโกรธเช่นนี้ เพราะพระองค์จะเก็บอาการตลอด นั่นหมายถึงครั้งนี้สุดจะทนแล้ว"พวกเจ้าไม่ต้องคิดที่จะออกรับแทนเฟลิกซ์หรอก เพราะไม่ว่าใครก็จะต้องถูกลงโทษด้วยกันทั้งหมด""อย่างที่รัชทายาทเอ่ยเลย พวกเจ้าจะต้องได้รับโทษอย่างแน่นอน ไม่ต้องเกี่ยงกันไปหรอก""ข้าจะตัดสินใจเองว่าจะทำเช่นไร ขอให้ลอร์ดเมล์สงบลงก่อน" ไวท์บอกเสียงเข้มเพื่อไม่ให้คนอื่นทำให้บรรยากาศแย่ลงไปกว่านี้ จากสีหน้าแล้วคงจะเตรียมใจกันมาแล้ว ไม่งั้นคงจะไม่ตอบแบบนี้"สิ่งที่ข้าจะบอกก็คือ..." เหมือนทั้งสี่คนกำลังยอมรับชะตากรรมว่าจะไม่มีลมหายใจอีกแล้ว มีชีวิตอยู่ถึงแค่ตอนนี้สินะ....."ข้าจะปลดยศของทุกคนแล้วส่งกลับบ้านเกิดทั้งหมด หากคิดว่าไม่อยากดูแลกัน ก็จงกลับไปในที่ๆ พวกเจ้าจากมาเสียเถิด""ว่าไงนะ! ""คุณชาย ท่านเอ่
ขาซ้ายเข้าเตะกลางลำตัวเข้าอย่างจังแต่เอิรล์หลบได้ทันแล้วออกหมัดซ้ายสวนกลับไป ซึ่งใบหน้าหวานหลบแล้วแต่เฉียดโดนนิดหน่อยทำให้ใบหน้าเป็นรอยขึ้นมาเล็กน้อย ปลายดาบของมือขวาวาดไปทางขวาหวังจะฟันให้โดนจุดสำคัญแต่อีกคนหลบได้ทันเช่นกันเคร้ง!!!เสียงดาบทั้งสองเข้าปะทะกันซึ่งหน้า ใบหน้าของทั้งสองคนไม่มีใครยอมใครเลย แม้ว่าจะเป็นเพียงการเรียนและการฝึกซ้อมแต่ดูจริงจังมากจนนึกว่าจะฆ่ากันจริง ๆ ไวท์อาศัยจังหวะที่เอิรล์สนใจแต่การปะทะด้านยกขาขวาขึ้นมาเตะกลางลำตัวอีกคนจนกระเด็นไปอีกทาง“ไหวหรือเปล่าขอรับ เอิรล์ฟาร์ดอน” ร่างสูงโปร่งรีบวิ่งตามไปในทิศทางที่อีกคนกระเด็นไปทันทีด้วยความเป็นห่วง“ไม่เป็นไรหรอกขอรับ ว่าแต่ท่านเรียกผิดแล้ว” เอิรล์ส่ายหัวเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู“ผิดอย่างไรหรือขอรับ”“ท่านต้องเรียกข้าว่า อาจารย์ฟาร์ดอนต่างหาก”“ได้ขอรับ อาจารย์ฟาร์ดอน”แปะ! แปะ! แปะ!&
“ข้าไม่ใช่พี่ชายของท่าน ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรกัน” เสียงทุ้มนุ่มตอบพลางกางมือออกแล้วสับไม้ให้ขาดออกจากกันเป็นสองท่อน“ฝีมือของคุณชายริค สมบูรณ์แบบมากจริง ๆ ”“ขอบคุณสำหรับคำชม แต่ว่าอยากจะลองฝึกด้วยกันไหมล่ะขอรับ” เสียงทุ้มนุ่มถามหลังจากเห็นอีกคนมองด้วยความสนใจมานาน“น่าสนใจขอรับ ต้องเริ่มจากอะไรก่อน” เอิรล์ฟาร์ดอนไม่มีทางปฏิเสธคำชวนอยู่แล้ว เพราะหลังจากสังเกตดี ๆ ช่างเป็นอะไรที่ประหลาดและแตกต่างนักเอิรล์ฟาร์ดอนตั้งใจเรียนสิ่งที่อีกคนสอนอย่างตั้งใจ ถึงจะเข้าใจทั้งหมดแล้วลองทำตามแต่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะต้องใช้พละกำลังที่มหาศาลและสมาธิสูงพอสมควร ดูด้วยตาเปล่ายังไม่สามารถทำตามได้ในทันที“จะทำยังไงต่อไปหรือพะยะค่ะ รัชทายาท” เมล์ถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้วว่าผู้เป็นนายกำลังหวงพระคู่หมั้นของตนเอง“หวังว่าจะผลัดกันแลกเปลี่ยนวิชาเฉย ๆ เพราะข้าผูกพันธะสัญญาเลือดกับไวท์แล้ว ถึงจะมาชอบยังไงคงจะไม่มีทางเป็นไปได้อีก เลิกหวังสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้เสียดีกว่า” เสียง
“อร่อยขอรับ รสชาติแตกต่างจากที่เคยกินมา” ใบหน้าของฟาร์ดอนบ่งบอกถึงความพอใจหลังชิมนมสดของคุณชายริค ไม่ได้โกหกเรื่องรสชาติ อร่อย กลมกล่อม ไม่เหมือนที่เคยกินมาเลย“ถ้างั้นจะลองช่วยกันทำขนมไหมครับ อยากได้คนช่วยนวดแป้ง”“ไม่มีปัญหาขอรับ งั้นให้ทำตรงไหนบ้าง”เสียงหัวเราะของทั้งสองคนระหว่างช่วยกันทำขนมดังพอสมควรจนกระทั่งเฟลิกซ์เดินผ่านมาเห็นพอดี เหมือนผู้เป็นนายของเขาจะมีเสน่ห์มากจนใครเห็นก็เอ็นดู แต่ว่าเอ็นดูอย่างเดียวก็พอ อย่ามีความรู้สึกอื่นเข้ามาด้วย“เจ้าไปตามไวท์มาดูเอกสารตรงนี้สิ คิดว่าน่าจะอยู่ห้องครัว”“พะยะค่ะ รัชทายาท”เมล์จะเดินมาเรียกคุณชายริคให้ไปหาแต่มาเห็นกำลังตั้งใจทำขนมเลยกลายเป็นไม่กล้าเรียกแล้วหยุดยืนรอจนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพัก...“เมล์มีอะไรจะคุยกับผมหรือเปล่าครับ ยืนรอนานแล้วไม่ใช่เหรอ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยทักโดยที่ยังคงพยายามผสมแป้งอยู่ด้านในครัว ทำให้ทุก
มือหนาเปิดซองจดหมายที่ข้ารับใช้คนสนิทของจักรพรรดินีส่งมาให้ ก็ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วว่าสิ่งที่คู่หมั้นของตนเองต้องการคืออะไร เพราะว่าบางทีเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ที่ผ่านมาการปกป้องอยู่ฝ่ายเดียวอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดี“เป็นยังไงบ้างพะยะค่ะ” เมล์ถามด้วยความเป็นห่วง“ข้ารู้แล้วว่าเรื่องอะไร เดี๋ยวจะไปขอโทษไวท์ในช่วงเช้าแล้วกัน”“ถ้างั้นพักผ่อนเถอะพะยะค่ะ ราตรีสวัสดิ์”แกร๊ก!แสงแดดส่องเข้าห้องนอนบ่งบอกถึงเวลาเย็นเพราะเป็นช่วงพระอาทิตย์ตกดิน เขาเริ่มจะชินกับการใช้ชีวิตแบบแวมไพร์ไปเสียแล้ว ถ้าจะตื่นแบบมนุษย์น่าจะใช้เวลาปรับตัวหลายวันอย่างแน่นอน“อรุณสวัสดิ์ขอรับ ท่านไวท์” เฟลิกซ์เอ่ยทักทายพลางเดินเข้ามาแล้วส่งผ้าขนหนูให้“นี่เป็นชาขาวขอรับ เชิญรับประทานก่อนจะไปอาบน้ำขอรับ” มือขาวรับชาจากถ้วยมาโดยไม่พูดอะไร“เดี๋ยวข้าจะไปเตรียมอาหารเช้าให้ขอรับ”
“เลือกของครบหรือยังกระรอกน้อย”“ครบแล้วครับ”“ถ้างั้นกลับกันเถอะ”“ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เจอกันที่พะยะค่ะ รัชทายาท” สวิตเอ่ยทักทายพลางทำความเคารพ“ไม่ต้องมากพิธีลอร์ดสวิต ที่นี่ไม่ใช่ในวัง” เสียงทุ้มต่ำบอกก่อนที่จะมีคนสังเกตเห็น“ไม่ได้เห็นสิ่งนี้นานมากพะยะค่ะ เห็นทีหม่อมฉันจะต้องไปกระจายข่าวลือใหม่”“ข่าวลืออะไรครับ”“ก็ข่าวลือว่าเจ้ากับรัชทายาทมาเดินเที่ยวเล่นด้วยกันนอกวัง จะได้สยบข่าวลือว่าเจ้ากับรัชทายาทจะเลิกกันอย่างไรเล่าไวท์”“อะไรนะครับ” เสียงทุ้มนุ่มตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน มีข่าวแบบนี้ออกไปด้วยเหรอ“ไม่ต้องห่วงไปครับ ข้าจะไปทำให้มีข่าวลือใหม่เอง”“ไม่น่าจะต้องทำแบบนั้นหรอกครับ ดูวุ่นวายเปล่า ๆ ”“ไม่ได้หรอกครับคุณชาย
“ท่านพ่อกับท่านแม่คิดยังไงพะยะค่ะ” คลาสกลั้นใจถามออกมาหลังจากเล่าแผนการทั้งหมดให้ฟัง“สำหรับพ่อเห็นด้วยทุกอย่าง จัดการได้เลย” จักรพรรดิตอบพลางพยักหน้าเห็นด้วย เป็นวิธีที่ดีที่จะสยบข่าวทั้งหมดและทำให้หันความสนใจได้เป็นอย่างดี“แม่เองก็เห็นด้วย เรื่องนี้จะไม่เข้าไปยุ่งอย่างเด็ดขาดแล้วถึงเวลาจะมีการประกาศให้สามารถส่งคนที่จะเข้ามาเป็นคู่หมั้นให้กับลูกทั้งสองคนหลังจากจัดการเรื่องนั้นเรียบร้อย”“พะยะค่ะ ถ้าเช่นนั้นข้ากับน้องจะเริ่มแผนเลย”ฝาแฝดต่างคนต่างเดินทางไปยังเขตปกครองต่าง ๆ ที่มีแวมไพร์ส่งบุตรสาวและบุตรชายมาให้เลือกเป็นพระสนมรวมถึงคนที่หวังจะได้อำนาจที่ใหญ่โตขึ้น หลังจากเจอการต้อนรับขององค์ชายทั้งสองต่างพากันกรีดร้องโหยหวนแล้วรับปากว่าจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีกถึงจะมีการประกาศออกจากทางสำนักพระราชวังให้สามารถส่งคู่ครองมาให้เหล่าองค์ชายฝาแฝดเลือกได้แต่ก็ไม่มีใครส่งมาหาแม้แต่คนเดียว ทุกอย่างเป็นไปตามเกมของแฝดนรก เป็นปีกคู่ป้องกันการเข้าแ
“ถ้าลูกครึ่งเทพมังกรอย่างเจ้าลดยศข้าเช่นนี้ ไม่สู้ประหารข้าไปเลยดีกว่าเหรอ” ลอร์ดฟาร์ดอนตะโกนออกมาเหมือนคนตกใจจนทำตัวไม่ถูก ร่างสูงโปร่งค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้อีกฝ่ายแล้วกระซิบข้างหู“ให้มีชีวิตอยู่อย่างแวมไพร์ถูกลดขั้นเพราะลบหลู่ราชวงศ์มันน่าจะสะใจกว่าการให้หนีไปตายเสียอีก เจ้าถือยศเช่นนี้คงจะเจ็บปวดจนอยากจะตายให้ได้เลยใช่ไหมล่ะ”“แต่ว่า...อย่าเพิ่งรีบตาย ข้าเพิ่งจะเริ่มต้น”“อ๊าก!!!”หลังจากฟังคำพูดที่เหมือนเสียงกระซิบของปีศาจมากกว่าลูกครึ่งเทพมังกร ลอร์ดฟาร์ดอนก็ร้องขอความตายนับครั้งไม่ถ้วนเพราะไม่อยากถูกลงโทษเช่นนี้เหมือนกับคนอื่น ดยุคฟาร์ดอนเห็นสภาพของบุตรชายตนเอง เหล่าขุนนางและผู้สมรู้ร่วมคิดทั้งหมดแล้วก็ได้แต่เหงื่อตกลูกหลานของตาแก่น่ากลัวเหมือนตาแก่จริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินบทลงโทษ การพูดจา และการข่มขู่ให้กลัวแบบนั้น ไม่ผิดแน่นอน เด็กคนนี้คือลูกหลานของตาแก่“พอจะเข้าใจเหตุผลแล้วใช่ไหม ดยุคฟาร์ดอน&
“ท่านพ่อ ทำไมท่านถึงตบข้า”“เจ้าน่าจะถามตัวเองว่าทำไมถึงทำแบบนี้”แววตาของสองพ่อลูกจ้องกันเนิ่นนานเหมือนต่างคนต่างความคิดและไม่ลงรอยกัน คีย์ยืนดูเหตุการณ์อยู่เงียบ ๆ เพราะเขาก็อยากให้จัดการกันเองโดยที่ไม่ต้องเปลืองแรงเหมือนกัน“ทีนี้ องค์รัชทายาทจะตัดสินหม่อมฉันว่ายังไงพะยะค่ะ” ลอร์ดฟาร์ดอนถามพลางแสยะยิ้ม ถึงจะโทษประหารชีวิต เขาก็ไม่คิดที่จะสนใจอยู่แล้วเพราะว่าอย่างไรซะ ก็ไม่มีวันที่จะยอมรับลูกครึ่งเทพมังกรเป็นพระคู่หมั้นเคียงคู่เด็ดขาด“ข้าจะจับเจ้าเข้าคุกหลวงแล้วรอการตัดสินจากคู่หมั้นของข้า คนที่เจ้าเกลียดขี้หน้าจนไม่อยากจะยอมรับนั่นล่ะ”“จับตัวไป”“พะยะค่ะ” หลังสิ้นสุดคำตัดสินขององค์รัชทายาทเหล่าองค์รักษ์หน่วยพิเศษก็มาพากันจับตัวลูกชายคนโตของตระกูลออกไปรับโทษ“ทำแบบนี้ดีแล้วหรือพะยะค่ะ รัชทายาท” ดยุคฟาร์ดอนมองด้วยความสงสัย เพราะเหตุใดถึงให้พระคู่หมั้นตั
“จงเชื่อฟังข้า ช่วงนี้เข้าเรียนภายในวังของท่านพี่ อย่าดื้อ” คลาสบอกพลางจ้องใบหน้าหวานด้วยสีหน้าจริงจัง ถึงจะทำตัวเป็นลูกครึ่งเทพกับมังกรแต่ไม่ใช่ว่าที่จะมาเกรงกลัว“แต่ว่า...”“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น เจ้าจะต้องเชื่อฟังข้าเพราะท่านพี่ฝากฝังเจ้าไว้กับข้า”“ตอนไหน”“ตั้งแต่ตอนที่ท่านพี่ออกไปแล้ว นี่เจ้าไม่รู้ความหมายของท่านพี่งั้นรึ”ไวท์เถียงไม่ออกกับคำพูดของคลาส ถึงเขาจะอยู่ที่นี่มาเกินครึ่งปีแล้วแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาไม่เข้าใจภาษาของที่นี่เลย บางอย่างก็ยังไม่สามารถปรับตัวได้อย่างที่อีกคนกล่าวมากจริง ๆคลาสเห็นไวท์เงียบผิดปกติเลยหันมามองหน้าใกล้มากกว่าเดิม คำพูดของเขาคงไปสะกิดใจเข้าแล้วหรือเปล่า แต่พูดเรื่องจริง ในอนาคตเด็กคนนี้คือจักรพรรดินี จำเป็นต้องเรียนรู้และเตรียมพร้อมสำหรับการขึ้นครองบัลลังค์ไปพร้อมกับพี่ชายของเขา เพราะพี่ชายเลือกที่จะไม่มีสนมก็ต้องช่วยกันทำงาน ลำพังฝั่งอาวุโสช่วยทำงานบริหารบ้านเม