"อรุณสวัสดิ์ครับ คุณมีเทน"
"อรุณสวัสดิ์ขอรับ คุณชายไวท์ ตื่นแต่หัวค่ำเลยนะขอรับ"
"เล่นนอนไวแบบนั้นก็เลยตื่นไวไปด้วยครับ ขอไปห้องครัวด้วยจะได้ไหมครับ"
"ถ้ากระผมปฎิเสธคุณอีกจะต้องโดนสายตาของแวมไพร์ชั้นสูงรุมอีกแน่ครับ ถ้างั้นผมจะนำทางให้" คนในวังหลวงยังไม่เคยเห็นร่างสูงโปร่งมาก่อนเพราะว่าตั้งแต่เกิดเรื่องที่งานเลี้ยงก็ไปอยู่วังของรัชทายาทแล้วเดินทางไปยังใต้ต่อทันที จนวันนี้ทุกคนได้พบเห็นรูปร่างหน้าตาของไวท์แล้วถึงกับตกตะลึงไปหลายคน เพราะรูปร่างดูเหมือนผู้ชายรวมไปถึงกล้ามเนื้ออันแข็งแรงแบบนักกีฬาแต่หน้าตาหวานปานผู้หญิง ถึงจะดูขัดกันแต่เมื่อรวมอยู่ในคนๆ เดียวนั้นเรียกได้ว่าเป็นชายหนุ่มที่รูปงามยิ่งนัก
ห้องครัวจากวังหลวงนั้นใหญ่โตกว่าวังของรัชทายาทมาก กว้างเสียจนไม่รู้ว่าไปสุดทางไหน มือขาวหยิบจับของที่สามารถมาทำเป็นขนมได้ทันทีโดยไม่ได้พูดคุยกับใคร มีเหล่าพ่อครัวมากมายจะมาห้ามปรามการกระทำดังกล่าว จะให้แขกมาทำอาหารได้อย่างไร มันไม่ถูกต้องเลยสักนิดแต่ก็ได้รับคำตอบเป็นรังสีอำมหิตมาจากบุคคลที่มีอำนาจรองจากองค์จักรพรรดิอย่างพ่อบ้านมีเทนก็พากันล่าถอยไปแล้วทำงานของตนเองจะดีกว่า
เขารู้ว่ามีสายตาหลากหลายคู่กำลังแอบมองการทำอาหารของเขาว่าทำอะไรกันแน่ มันกินได้หรือเปล่า นี่อบรมการทำขนมมาตั้งหกเดือนนะเฟ้ย ไม่มีทางที่จะทำของพวกนี้ไม่เป็น ถ้าเรื่องขนมกับเครื่องดื่มไว้ใจได้เลย ส่วนเรื่องอาหารยกให้พวกพ่อครัวทำน่าจะดีกว่าเป็นไหนๆ ท่าทางคล่องแคล่วว่องไวในการทำนั้นอยู่ในสายตาของเหล่าคนทำอาหารในวังหลวงทั้งหมด ไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์ที่องค์รัชทายาทเลือกมาจะมีสามารถทำงานบ้านเป็นด้วย ช่างเป็นมนุษย์ชายที่น่าประหลาดยิ่งนัก
"อรุณสวัสดิ์กระรอกของข้า ทำอะไรกินล่ะวันนี้ กลิ่นหอมลอยไปถึงห้องจนข้าตื่นตามกลิ่นมาอีกแล้ว" คีย์ไม่ได้พูดเกินจริงเลยแม้แต่น้อย หลายต่อหลายครั้งที่อยากจะนอนต่อรอให้คนมาปลุกตามเวลา แต่กลิ่นหอมของขนมที่เด็กคนนั้นทำก็มาปลุกให้ตื่นเดินตามไปหาทุกที่ เพราะปกติอาหารในวังจะมีรสชาติจืดชืด ไม่ค่อยมีกลิ่นเท่าไหร่ถ้าเทียบกับขนมที่ได้กินอยู่หลายวันที่ผ่านมานี้มันหอมหวาน กลมกล่อม จนอยากกินอีกเรื่อยๆ
"อรุณสวัสดิ์พะยะค่ะ รัชทายาท / อรุณสวัสดิ์เพคะ รัชทายาท" ร่างสูงพยักหน้าตอบพลางเดินเข้าไปหาร่างสูงโปร่งที่ยังคงมีสมาธิกับการทำงานจนไม่ได้รู้ตัวว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้
พลั่ก!
"ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ" ครีมเทียมที่ตั้งใจจะใส่หม้อดันหกเลอะใส่เสื้อผ้าของรัชทายาทหมดแล้ว มือขาวรีบวิ่งไปหาผ้ามาเช็ดคราบครีมออกแต่มือหนามาจับเอาไว้ กระรอกน้อยในสายตาของคีย์ตอนนี้เหมือนกลัวว่าจะถูกดุเพราะจากสภาพคือเหมือนหูลู่หางตกไปหมดแล้ว แถมยังท่าทีตื่นกลัวนั่นอีกเพราะมารยาทในวังการทำแบบนี้ถือว่าเสียมารยาทกับเชื้อพระวงศ์ไม่น้อยเลยทีเดียว
"ผมทำชุดพี่คีย์เปื้อน... มันผิดมารยาท..." ยังไม่ทันดุเลย... ทำไมถึงตัวสั่นแบบนี้ มันเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ต่างโลกที่จะหวาดกลัวกับอะไรแบบนี้สินะ คีย์เอานิ้วจิ้มครีมเทียมที่ติดอยู่กับเสื้อขึ้นมาลองชิม รสชาติไม่หวานและไม่ขมเกินไป ปกติครีมเทียมที่นี่จะจืด หมายความว่ากระรอกน้อยต้องผสมใหม่แต่เขาดันมาทำให้มันหกหมดเพราะอีกคนตกใจสินะ
"ไม่ต้องกลัวนะ พี่ผิดเอง ไม่ร้องนะครับ" ใบหน้าหวานพยักหน้าแทนการพูดเพราะจะเก็บเสียงสะอื้นไว้ข้างในแทน ปกติเขาไม่ได้กลัวอะไรง่ายแบบนี้ แต่ที่นี่วังหลวงอะไรก็เกิดขึ้นได้ ไวท์อาจจะโดนฆ่าตายตอนไหนก็ได้ทั้งนั้น
"ขอโทษที่มาขัดจังหวะตอนทำขนม ครีมนี้อร่อยนะ! รบกวนปรุงรสอีกรอบได้ไหม" เสียงทุ้มต่ำพูดปลอบพลางลูบผมกลุ่มนิ่มไปด้วยเพราะไม่อยากให้เสียขวัญอีก
"ได้ครับ ผมจะปรุงให้ใหม่! รับรองว่าอร่อยแน่นอน" เหมือนว่าไวท์จะสงบลงแล้วมามีไฟในการทำขนมอีกครั้ง แวมไพร์ที่เย็นชาอย่างองค์รัชทายาทกับอ่อนโยนกับมนุษย์ แถมยังเป็นมนุษย์ผู้ชายด้วย เมื่อก่อนพระองค์แทบจะไม่สนใจใยดีมนุษย์แม้แต่น้อย เห็นว่าร้อยปีก่อนมีเพื่อนเป็นมนุษย์อยู่คนนึงแต่ก็ไม่ถึงกับใจดีมากขนาดนี้ หมายความว่ามนุษย์ผู้นี้มีอิทธิพลกับแวมไพร์ระดับสูงพอสมควร
"ให้ข้าช่วยไหม กระรอกน้อย"
"หม่อมฉันคิดว่านอกจากรัชทายาทจะไม่ได้ช่วยอะไรแล้วยังเกะกะจนทำให้คุณชายไวท์ตกใจจะทำครีมที่เพิ่งผสมเองหกจนหมด กรุณากลับไปรอที่ห้องอาหารเถอะพะยะค่ะ"
"ข้าคุยกับกระรอกน้อยไม่ใช่เจ้านะเมล์"
เมื่อพ่อบ้านส่วนตัวของรัชทายาทกับรัชทายาททะเลาะกันทีไรไม่เคยจบลงโดยง่าย เหล่าคนทำอาหารในครัวต่างพากันเงียบแล้วทำหน้าที่ของตนเองต่อไป จนกระทั่งมีซองถุงแป้งสองถุงแทรกเข้ามาระหว่างการสนทนาของทั้งคู่
"ถ้ายังมีแรงมาเถียงกันได้แบบนี้มาช่วยผมตีแป้งดีไหมครับ ที่นี่ไม่มีที่ตีครีมเหมือนโลกมนุษย์ด้วย ไหนๆ ทั้งสองคนก็แรงเยอะอยู่แล้ว ฝากกองนั้นด้วยนะครับ ค่าทำที่ผมผสมครีมพังเมื่อกี้" ท่าทางน่าตีนั้นปรากฏออกมาให้เห็น ดวงตากลมโตแพรวพราวแตกต่างจากเมื่อกี้อย่างสิ้นเชิง และสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นคือรัชทายาทกับลอร์ดเมล์กำลังช่วยกันเทแป้งและนวดแป้งตามคำแนะนำของมนุษย์ผู้นั้นและช่วยกันตีแป้งอีกต่างหาก
"พวกเจ้าเลิกคิดอะไรที่มันเกี่ยวกับข้าและกระรอกน้อยสักทีจะได้ไหม ไม่รู้เรื่องหรือไงว่าข้าได้ยินความคิดของพวกเจ้า ไอ้พวกโง่! " คีย์ทนฟังความคิดเหล่านั้นไม่ไหวจนระเบิดออกมา คำก็มนุษย์ สองคำก็มนุษย์ ทำไมถึงเขียนเส้นคั่นกันขนาดนั้น กระรอกน้อยของเขาออกจะน่ารักขนาดนี้ ทำขนมก็เก่ง ทำไมถึงไม่เปิดใจบ้าง จะใช้คำระหว่างมนุษย์กับแวมไพร์อีกนานไหม
"พี่คีย์ครับ พี่เป็นใคร" เสียงหวานเอ่ยถามหลังประโยคอันโหดร้ายนั่น
"เป็นรัชทายาท ถามข้าแบบนั้นทำไม" เสียงของคีย์ในตอนนี้ไม่สามารถลดลงได้เพราะความโกรธกำลังครอบงำ รังสีของพลังเริ่มแผ่กระจายไปรอบตัว ดวงตาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีเลือด
"ในเมื่อพี่รู้ตัวว่าพี่เป็นใครก็คงจะรู้ว่าควรทำต้องอย่างไร การที่มีพลังมากเกินไปก็ไม่ควรใส่ใจ เราไม่สามารถห้ามให้ใครไม่นินทาได้เหมือนห้ามไม่ให้พระอาทิตย์ส่องแสง สิ่งที่ทำได้คือรับมือสิ่งที่จะเกิดขึ้นให้ดีมากกว่านำมาทำลายตัวเองแบบนี้
พวกเขาน่าจะรู้ตัวแล้วว่าตัวเองทำผิดในฐานการนินทาเจ้านายของตนเอง การว่ากล่าวตักเตือนหรือลดเงินที่สมควรจะจ่ายคือสิ่งที่สมควรแต่การฆ่ากันไม่ใช่สิ่งที่เชื้อพระวงศ์ควรทำ มิฉะนั้นคงไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉานเท่าไหร่นัก"
"ส่วนพวกเจ้าถ้าอยากจะนินทาข้ามากขนาดนั้น ถ้ายังไม่มีอะไรที่ดีพอก็อย่ามาปากสว่างคิดนั่นนี่ไปเอง เป็นมนุษย์แล้วยังไง เป็นแวมไพร์แล้วเจ๋งตรงไหน ข้าเป็นกัปตันชมรมคาราเต้ที่กวาดรางวัลถึงสามปีซ้อนเชียวนะ แน่จริงก็เข้ามาเลย! จะฟันไม่เลี้ยงเลยสักตัว" น้ำเสียงทรงอำนาจ ดวงตาแข็งกร้าวมองอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด รังสีความบริสุทธเอ่อล้นออกมาจากร่างสูงโปร่งอย่างเห็นได้ชัด พลังของเทพเริ่มตื่นขึ้นเพราะเหตุการณ์นี้เสียแล้ว
"ส่วนเรื่องที่ข้าเป็นลูกครึ่งเทพหรือไม่นั้น...น่าจะพิสูจน์ได้ด้วยตาของพวกเจ้าแล้วนะ ไอ้พวกไม่มีหัวคิด" สิ่งที่คีย์คิดว่าเป็นลูกครึ่งเทพนั้นผิดมหันต์เพราะร่างกายของไวท์เริ่มมีเกล็ดออกมาผสมกับปีกสีขาว หมายความว่าเด็กคนนี้
"ข้าคือบุตรของเทพอพอลโล่ * กับซิคฟรีด ** ต่างหากล่ะ ทีนี้ก็น่าจะกระจ่างกันทั้งสายตาและคำพูดแล้วสินะ" ปิดบังตัวตนไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะถ้ายังมัวแต่มานินทากันแบบนี้ตลอดเวลาก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน แล้วเป็นการหยุดยั่งไม่ให้รัชทายาทฆ่าคนรับใช้พร่ําเพรื่ออีกต่างหาก เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวก็คราวนี้ล่ะ
"ขออภัยด้วยขอรับ คุณชายไวท์ / ได้โปรดให้อภัยพวกเราด้วยนะคะ คุณชายไวท์"
"กระรอกน้อย หมายความว่าเจ้าเป็นลูกครึ่งเทพกับมังกรงั้นเหรอ" ดูเหมือนว่ายังมีอีกคนที่ยังตกใจอยู่สินะ
"ความจริงนี่ยังไม่ถึงเวลาของข้าด้วยซ้ำที่จะต้องปรากฏตัว แต่ดูเหมือนจะมีเหตุการณ์กระตุ้นเด็กคนนี้สินะ ในนามของผู้ปกป้องและดูแลบุตรแห่งเทพและมังกร หากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ข้าคิดว่าพวกเจ้าได้ตายกันหมดนี้อย่างแน่นอน"
ตุ้บ!
"กระรอกน้อย! จีน! ไวท์! "
"ไปตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้! "
คำอธิบาย
*=เทพแห่งพระอาทิตย์ผู้เป็นดั่งแสงสว่างของมนุษย์ชาวกรีก
**=มังกรที่สังหารมังกรแล้วเลือดมังการอาบตัวทำให้เกิดความอมตะ ไม่มีวันตาย
"หมอหลวง เมื่อไหร่กระรอกน้อยจะฟื้น นี่มันสามวันแล้วนะ" รัชทายาทเร่งด้วยความร้อนใจ ตั้งแต่คนที่ปกป้องไวท์ปรากฏตัวคราวนั้น ก็ทำให้เหล่าคนรับใช้แพร่ข่าวลือใหม่ออกไปว่าเป็นลูกครึ่งเทพกับมังกร จะต้องนำพาความโชคดีมาให้กับจักรวรรดิอย่างแน่นอน แต่ความโชคดีนั้นทำไมถึงไม่ส่งผลกับเจ้าตัวเลยล่ะ ทำไมถึงนอนนิ่งอยู่แบบนี้ จะให้ข้าช้ำใจตายหรืออย่างไรกัน ฟื้นขึ้นมาเถอะ เจ็บจนจะทนไม่ไหวแล้ว"ออกไปให้หมด" การบังคับเสียงไม่ให้สั่นมันยากถึงเพียงนี้เชียวหรือ"พะยะค่ะ รัชทายาท / เพคะ รัชทายาท"น้ำตาของร่างสูงเอ่อล้นไปรอบดวงตาจนไหลรินออกมาอย่างไม่ขาดสาย ถึงแม้ว่าอาการบาดเจ็บทางร่างกายจะหายตั้งแต่วันแรกที่ได้รับการรักษาแล้วก็ตาม แต่กลับไม่ฟื้นขึ้นมาเสียที ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ไม่น่าเชื่อว่าแวมไพร์ที่เย็นชาอย่างเขาจะต้องมานั่งร้องไห้ให้กับมนุษย์เพียงคนเดียวด้วย ช่างน่าขันเสียจริง"พี่คีย์ ร้องไห้ทำไมเหรอครับ ใครทำอะไรให้เสียใจเหรอ" มือขาวเกลี่ยน้ำตาที่อยู่หางตาทั้งสองข้างด้วยความเป็นห่วง ทำไมสีหน้าอิดโรยแบบนี้ ไม
"มิน่าล่ะ! ข้าถึงได้หลับตามน้ำแบบไม่อยากจะตื่น พลังของท่านพี่สุดยอดไปเลย" ไวท์บอกพลางชูนิ้วโป้งให้ทั้งสองข้าง สำหรับจักรวรรดิแล้วการยกนิ้วไม่มีความหมายอะไรแต่ดูท่าสำหรับโลกมนุษย์น่าจะหมายถึงเก่งหรือเปล่า"ในโลกมนุษย์หมายความว่าเก่งใช่ไหม""ไม่ใช่แค่เก่งนะพะยะค่ะ เขาเรียกว่าเจ๋งไปเลย""เจ๋งไปเลย หมายความว่าอย่างไร""หมายความว่าสุดยอดมาก แปลกใหม่ เรียกว่าเจ๋งพะยะค่ะ""ข้าคิดว่าตอนนี้พวกเจ้าควรกินอะไรสักหน่อยนะ อาหารถูกยกมาวางให้แล้ว พวกเจ้าก็คุยกันต่อไปเถอะ" จักรพรรดิไอสองสามครั้งเพื่อเตือนว่าไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งคุยกันสบายใจแบบนี้ ควรกินข้าวและไปจัดการเรื่องข่าวลือให้เรียบร้อยเสียก่อน ไม่เช่นนั้นน่าจะกลายเป็นเรื่องไปมากกว่านี้อย่างแน่นอน"รัชทายาท""พะยะค่ะ ท่านพ่อ""เจ้าจะต้องเข้าไปอธิบายเรื่องการดีฟให้ที่ประชุมฟัง ส่วนหนูไวท์" เรื่องดีฟคือหัวข้อสำคัญในการคุยงานครั้งนี้งั้นรึ"พะยะค่ะ ท่านจักรพรรด
"อะไรนะ! เทพ! ""อะไรนะ! มังกร! "ความโกลาหลเกิดขึ้นในห้องประชุมทันทีเพราะเทพกับมังกรคือสิ่งที่แวมไพร์ไม่สามารถต่อกรได้สักอย่าง แต่สายเลือดที่น่ากลัวทั้งสองดันไหลเวียนอยู่ในตัวมนุษย์ผู้นี้ แถมยังเป็นเทพแห่งแสงสว่างและมังกรที่แข็งแกร่งที่สุดของยุคอีกต่างหากทำอะไรให้ไม่พอใจขึ้นมา จักรวรรดิไม่ล่มสลายเพราะเด็กคนนี้งั้นรึ รัชทายาทไปเจอตัวมาได้ยังไงกันปึง!"เงียบ แล้วฟังที่รัชทายาทพูดต่อ" จักรพรรดิทุบโต๊ะเพื่อปรามให้เหล่าแวมไพร์ทั้งหมดสงบลงทั้งในห้องประชุมและนอกห้องประชุม เสียงที่เปล่งออกมาช่างทรงพลังยิ่งนัก"เรื่องชาติกำเนิดน่าจะหมดปัญหาแล้ว ต่อไปคือเรื่องที่ว่าอาการของข้าจะเป็นอะไรไหม ข้าแค่ดีฟไปสองสามวันเพราะทำงานหนักเฉยๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงและสั่นคลอนทั้งนั้น ใครที่หวังจะชิงบัลลังค์ก็รีบล้มเลิกไปซะ ถ้ายังอยากมีชีวิตที่ยืนยาวต่อไป""ข้าไม่ได้หวังให้ประชาชนเห็นด้วยมากนัก แต่ประชาชนบางส่วนที่เคยเจอมนุษย์ผู้นี้แล้วก็รับรู้ได้ใช่หรือไม่ว่าเขาไม่ได้เป็นอันตรายกับพว
"แม่อยากคุยกับหนูไวท์แต่ตามหาตัวตั้งนานแล้วไม่เจอ ก็เลยตามกลิ่นเลือดมาถึงรู้ว่าอยู่สวนหลังวังนี่เอง ชงชาให้แม่ดื่มหน่อยได้ไหมเอ่ย""ได้พะยะค่ะ แต่ว่าหม่อมฉันต้องเตรียมอุปกรณ์ก่อนแล้วพวกเขาจะทำยังไงดีพะยะค่ะ" ดวงตากลมโตมองไปยังกลุ่มเหล่าลูกครึ่งแวมไพร์ด้วยความสงสารเพราะตนเองก็ไม่มีอำนาจมากพอที่จะพาไปไหนมาไหนและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูดีกว่านี้ จะทำให้เธอเอ็นดูไปถึงไหนกันนะ"แม่คิดว่าพวกเขาน่าจะดูแลตัวเองกันได้นะ รัชทายาทสั่งให้ใครดูแลหนูไวท์บ้าง" จักรพรรดินีส่งสายตาคาดโทษไปด้วยถึงพวกเขาจะไม่กลัวเพราะเป็นคนของรัชทายาทก็เถอะ ร้ายกาจกันจริงๆ เจ้าพวกนี้"ถ้างั้นเฟลิกซ์ตามผมมาที่ห้องครัว ท่านจักรพรรดินีรบกวนรอที่ห้องนะพะยะค่ะ""ไม่จ๊ะ แม่อยากดูหนูไวท์ชงชาด้วยตาตัวเอง""งั้นไปกันครับ" ร่างสูงโปร่งเดินนำไปยังห้องครัวโดยมีผู้ติดตามของจักรพรรดินีและของตนเองตามมาไม่ห่าง ตอนแรกมีการนินทาเรื่องความไม่แน่นอน ชาติกำเนิด ตอนนี้เปลี่ยนเป็นว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องว่าที่จักรพรรดินีไหม หรืออะไรยังไงก
ณ ห้องนั่งเล่น"แม่ต้องการคำอธิบายจากรัชทายาท ลูกไปเจอเด็กคนนี้มาจากที่ไหน ทำไมช่างเหมือนมนุษย์เมื่อร้อยปีก่อนที่ลูกเก็บได้ไม่มีผิดเพี้ยน ฉลาดหลักแหลม วางตัวดี พูดจาเฉียบขาด แถมยังสามารถสยบแฝดได้ด้วย ขนาดแม่ยังจำแฝดสลับกันเลย มันหมายความว่ายังไงกันแน่" จักรพรรดินีรัวคำถามใส่ลูกชายคนโตเป็นจำนวนมากแต่อีกฝ่ายทำเพียงยิ้มตอบมาเท่านั้น ไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไรมากมาย"ท่านแม่ถามมากมายขนาดนี้ ข้าตอบไม่ถูกเลยพะยะค่ะ" รัชทายาทตอบพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ท่าทางที่ไม่ได้มาเห็นมาเป็นเวลาร้อยปี บัดนี้ทุกอย่างปลดล็อคหมดแล้ว ไร้คำถามจากองค์จักรพรรดินีมีเพียงการส่งรอยยิ้มแบบเดียวกันคืนกลับไปเท่านั้น"อย่ามารู้กันแค่สองคนแล้วปล่อยให้พวกผมงงแบบนี้ได้ไหม รีบบอกความจริงมาได้แล้ว" คลาสเริ่มโวยวายทันทีเพราะตนเองเกิดช้ากว่าอยู่หลายร้อยปี ทำให้เรื่องราวบางอย่างก็ไม่ได้รับรู้เท่าพี่คนโตมากนัก และในรัชสมัยของจักรพรรดิองค์ปัจจุบันนั้นมีจักรพรรดินีเป็นภรรยาเพียงคนเดียว ไม่ได้มีราชินีหรือพระสนมเพิ่มแม้แต่คนเดียว ทำให้เหล่าเชื้อพระวงศ์และขุนนางรุ่นใหม่รักเ
ภายในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ดยุคริคก็สามารถจัดงานแต่งตั้งคุณชายไวท์ให้เป็นบุตรบุญธรรมอย่างเป็นทางการได้ภายในระยะเวลาที่ทางจักรพรรดินีกำหนดจริงๆ ไม่รู้ว่าเป็นความหวาดกลัวโดยสัญชาติญาณ หรือเพราะว่ามีความสามารถในการจัดการอยู่แล้วกันแน่นะ บัตรเชิญที่ส่งออกไปทั้งหมดนั้นได้รับการตอบรับทั้งหมด เนื่องจากมีแต่คนอยากรู้ว่าคนๆ นี้หน้าตานั้นเป็นยังไง ทำไมรัชทายาทถึงได้ออกตัวปกป้องมากขนาดนี้ แถมยังมีผู้ใหญ่หลายคนหนุนหลังอีก เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำมากกว่าที่คาดคิดเอาไว้บรรยากาศในงานเหมือนงานเลี้ยงของแวมไพร์ทั่วไป พรมสีแดงเหมือนสีเลือด ผ้าม่านสีดำสนิท ช่างเป็นงานเลี้ยงที่น่ากลัวได้ดีจริงๆ เหล่าบรรดาขุนนาง เชื้อพระวงศ์ แพทย์ชั้นสูง พ่อค้าระดับมหาเศรษฐีเท่านั้นที่จะได้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ รัชทายาทเดินเข้ามาในงานด้วยชุดสูทสีดำสนิทสวมชุดคลุมลายปักสีทองอร่ามพร้อมมงกุฎรวมถึงดาบแห่งผู้สืบทอด บ่งบอกให้รู้ว่าพระองค์ให้เกียรติแขกในวันนี้มากถึงได้แต่งตัวมาเต็มยศแบบนี้ ปกติพระองค์จะสวมเพียงสูทเท่านั้น ไม่ได้ใส่ชุดที่พิธีรีตองมากขนาดนี้มาก่อน ไม่เว้นแม้แต่องค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดินี องค์ช
ทันทีที่รัชทายาทตอบไปแบบนั้นเหล่าสาวๆ ก็พากันส่งเสียงกรี๊ดแสดงความยินดีกันมากมาย และพากันไปบอกปากต่อปากทำให้มีคนที่ไม่พอใจในเรื่องนี้เพราะตนเองก็สนใจไวท์อยู่ไม่น้อย จู่ๆ จะมาครอบครองเอาไว้คนเดียวแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด และเริ่มออกตัวกันว่าชอบไวท์อย่างออกนอกหน้ากันในงานเลี้ยงทันที"รัชทายาทจะพูดแบบนั้นไม่ได้นะพะยะค่ะ" เทรเลอร์บอกพลางมองไปที่คนที่อยู่ข้างกายแล้วส่งสายตาให้ว่าอยากให้มาอยู่กับตนเองมากกว่า"เจ้าหมายความว่ายังไง สวิต เทรเลอร์""หม่อมฉันก็สนใจในตัวคุณชายริค ไวท์ ไม่น้อย แถมยังไม่ได้ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เพราะฉะนั้นหม่อมฉันมีสิทธิที่จะได้เดินหน้าจีบคุณชายอย่างเต็มที่""ได้ข่าวว่าคุณชายเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ที่รังเกียจมนุษย์มากเป็นอันดับต้นๆ ทำไมถึงได้มาสนใจมนุษย์เสียแล้วล่ะขอรับ" บลัฟเฟอร์ถามด้วยสีหน้ากวนประสาทเพราะเขารู้มาตลอดว่าคุณชายคนโตจากตระกูลสวิตเกลียดชังมนุษย์มากแค่ไหน ทำไมถึงได้ให้ความสนใจคนที่เขาหมายปองเสียได้"ไวท์ออกจะน่ารักขนาดนี้ พวกเราสองคนจะไม่เข้าร่วมได้
"ถ้างั้นผมเองก็จะดูแลทุกคนตราบจนลมหายใจสุดท้ายเช่นกัน ดีไหมเอ่ย" รอยยิ้มหวานที่สดใสเหมือนโลกทั้งใบถูกส่งมายังเฟลิกซ์ ถึงแม้ว่าจะอยู่มานานแต่ไม่เคยมีใครทำตัวแบบกับเขาเลยสักครั้ง ทำให้เสียงข้างในหัวใจเต้นแปลกไปจากที่เคยเป็น ใบหน้าเริ่มแดงก่ำเหมือนคนออกกำลังกายมาอย่างหนัก"เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าแดงจัง" นิ้วเรียวยาวจิ้มหน้าผากอีกฝ่ายด้วยความสงสัยโดนที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ลูกครึ่งแวมไพร์เขินขนาดนี้"ไม่เป็นไรขอรับ เดี๋ยวข้าจะไปเตรียมน้ำให้อาบ นอนดึกไม่เป็นผลดีเท่าไหร่""แล้วผมไม่ต้องนอนกลางวันแล้วตื่นกลางคืนเหรอ แบบนั้นต้องเรียกว่านอนเลยวันไม่ดีเท่าไหร่" ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจสถานการ์ณแล้วว่าเด็กตรงหน้าคือลูกหลานของตาแก่ไม่ผิดอย่างแน่นอน การใช้คำ การพูดจา การมองทะลุปรุโปร่งแบบนี้การคัดสรรคนมาดูแลริค ไวท์ บุตรชายบุตรธรรมของเชื้อพระวงศ์อย่างตระกูลริคเสร็จสิ้นภายในสามวันเพราะถ้ายิ่งล้าช้า การเรียนการสอนต่างๆ ก็จะช้าตามไปด้วย โดยคนที่จะมาสอนนั้นไม่ใช่คนอื่นคนไกล ก็คือเหล่าบรรดาที่คัดเลือกม
"เจ้านี่มัน..." รัชทายาทกัดฟันกรอดอย่างไม่สบอารมณ์นัก"ข้าทำไมหรือพะยะค่ะ องค์รัชทายาทควรแก้ไขจุดนี้ก่อนที่จะสายเกินแก้" เมล์ถูกสอนมาจากโรงเรียนเสมอว่าถึงจะเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์มาตลอดในตระกูลแต่การสอนเจ้านายนั่นก็สิ่งที่ต้องทำเช่นกัน หากผู้เป็นนายมิได้เชื่อฟังคำแนะนำ ก็จงทำให้เห็นแก่ตาตัวเองว่าเป็นเช่นไร เป็นบทเรียนที่ดีที่สุด"งั้นเจ้าไปพักเถอะ ข้าอยากอยู่คนเดียว""พะยะค่ะ รัชทายาท"เมล์เดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้ายิ้มแย้มราวกับว่าอารมณ์ดีมากที่สุดของการมีชีวิตอยู่เลยก็ว่าได้ เพราะปกติเตือนอะไรไม่เคยจะฟังกันเลย ครั้งนี้น่าจะเป็นเรียนใหญ่ในชีวิตเลยล่ะ"ท่านเมล์ขอรับ มีจดหมายส่งมาถึงวัง""อืม มีอะไรก็ไปทำเถอะ"มือหนาเปิดซองแกะอ่านจดหมายที่จ่าหน้าซองถึงตนเองอย่างชัดเจน เนื้อหาในจดหมายค่อนข้างชัดเจนเรื่องการถูกติติงเรื่องการดูแลองค์รัชทายาทว่าต้องให้ดีกว่านี้แต่ก็ทำถูกเรื่องการดัดนิสัยพระองค์ไปในตัว ไม่รู้ว่าจะชมหรือจะมาด่ากันแน่ ผู้เป็นพ่อต
"เมื่อยไหม กระรอกน้อย" รัชทายาทถามพลางจับใบหน้ากับใบหูของอีกฝ่ายเพื่อตรวจอาการเบื้องต้น เพราะเขาไม่รู้เลยว่าการที่อีกคนมาอยู่อีกโลกร่างกายจะได้รับความเสียหายอะไรไหมจากการเดินทาง สภาพแวดล้อมสามารถอยู่ได้ไหม"ผมไม่เป็นไรครับ แค่เมื่อยก้นนิดหน่อยเพราะนั่งมานานแล้ว" เสียงทุ้มนุ่มตอบพลางขยับตัวไปมาบิดขี้เกียจในรถม้า ท่าทางดูเป็นธรรมชาติเหมือนกับการถูกเลี้ยงดูมาแบบสามัญชนสินะ ถ้าต่อไปต้องมาทำวางท่าแล้วจะเหนื่อยหรือเปล่านะ"มีอะไรหรือเปล่าครับ สีหน้าดูไม่ดีเลย""ข้ากังวลเรื่องต่อจากนี้ไปของกระรอกน้อย จะไหว จะทำได้หรือเปล่า จะทนได้ไหม คิดไปเยอะมากจนปวดหัว"ผู้ชายคนนี้เป็นถึงแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์ของโลกนี้ เป็นคนที่จะมาสืบทอดตำแหน่งต่อจากองค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินี มีเรื่องราวมากมายให้ทำในแต่ละวันแต่กลับคิดหนักเรื่องของไวท์มากขนาดนี้ ต้องเป็นคนที่อ่อนโยนขนาดไหนกันนะ คนที่ต้องแบกรับชะตากรรมของผู้อื่นไว้มากมาย ความรู้สึกต้องกดดันมากแค่ไหน"ไม่เป็นไรนะครับพี่คีย์ ผมเป็นลูกผู้ชาย สบายมา
"สำหรับพวกข้าแล้วยังไงก็ได้พะยะค่ะ เพราะถึงจะมีเด็กคนนั้นอยู่พวกเราก็ยังต้องทำงานเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรนัก" ครอสบอกพลางทำหน้าเรียบเฉย"แถมพวกเรายังดูเขตการปกครองคนละที่กันด้วย ยังไงก็คงจะคนละสัปดาห์อยู่แล้ว" คลาสเห็นด้วยทันทีเพราะว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันมากขนาดนั้น แถมเขตการปกครองยังอยู่ห่างกันคนละซีกจักรวรรดิเลยก็ว่าได้ ตัวติดกันเฉพาะตอนเรียน ตอนสอบ และตอนออกงานใหญ่ๆ นอกนั้นก็อยู่แยกกันตลอด"ข้าจะส่งหนูไวท์ไปอยู่กับพวกเจ้าคนละหนึ่งสัปดาห์ แต่ถ้าเป็นฝาแฝดจะเป็นสองสัปดาห์เพราะมีสองคนในที่เดียวกัน หากพวกเจ้ามีใจให้แล้วล่ะก็...จะต้องพยายามทำให้เด็กคนนั้นตกหลุมรักพวกเจ้าให้ได้ และอย่าหาวู่วามทำอะไรล่วงเกินโดยใช่เหตุ เพราะไม่มีใครรู้ว่าพลังของมังกรกับเทพเป็นยังไง คนกำเนิดเป็นถึงบุคคลที่มีพลังมากที่สุดของมังกรทั้งปวง สุดเทพก็ยังเป็นเทพแนวหน้าของเทพเจ้ากรีกอีก หากไม่คิดให้ดีแล้วอาจจะถูกทำลายแทนที่จะได้รับความรักก็ได้ ตัวอย่างก็มีให้เห็นอยู่แล้วหลายคน คงต้องไม่อธิบายให้มากความ""นอกนั้นให้มันเป็นไปตามลำดับก็แล้วกัน ค
"นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าข้าทำให้เจ้า เสียเวลางั้นรึ" เทรเลอร์ถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ นี่เขาลงทุนมาหาถึงที่นี่แต่กลับพูดถึงคนอื่นได้อย่างไรกัน มันจะหยามกันเกินไปแล้ว"คราวที่แล้วก็มาลักพาตัวข้า วันนี้ยังจะบุกมาหาถึงที่ ใครเขาอยากจะไปคุยด้วย" เสียงทุ้มนุ่มตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉย เพราะในบรรดาที่รู้จักมานั้นมีคุณชายสวิต เทรเลอร์ที่นิสัยเสียที่สุดแล้ว ทำอะไรตามใจตัวเองตลอดเวลา ไม่สมกับเป็นเชื้อพระวงศ์เลยสักนิดเดียว"อย่างที่ไวท์พูดมา เจ้ากลับไปได้แล้ว อย่ามาวุ่นวายที่นี่อีก" เสียงทุ่มต่ำบอกพลางมองด้วยสายตารำคาญ พวกเขาอยู่อย่างสงบสุขแล้วทำไมต้องมาทำอะไรให้มันวุ่นวายแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้"ก็แค่กระจกแตก ไม่เห็นจะมีอะไรมากมาย ลองมาสู้กันหน่อยไหมพะยะค่ะ รัชทายาท""เห็นว่าไม่ค่อยมีเวลาได้ซ้อมเท่าไหร่ เพราะงานราชการล้นมือ เลยมาซ้อมตอนนี้หน่อยเป็นไง"ก่อนที่ร่างของทั้งคู่จะเข้าปะทะกันก็มีมือคู่หนึ่งยื่นปากกากับไม้บรรทัดห้ามทัพไว้เสียก่อน ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นไวท์นั่นเองที่รีบวิ่งเข้าไปขวางเอาไว้ นั
"ได้ความว่าอะไรบ้าง" เทรเลอร์ถามพลางทำสีหน้าเหมือนกับกำลังจะสนุกกับอะไรบางอย่างอยู่ ตั้งแต่งานเลี้ยงในครั้งนั้นก็ยังไม่ได้เจอกันอีกเลย เนื่องจากกลิ่นเลือดที่หอมหวานเลยถูกกักบริเวณให้อยู่แต่วังส่วนตัวของรัชทายาทแต่เพียงผู้เดียว ไม่ได้ไปอยู่วังต่างหากและมีเสียงลือว่าได้รับความโปรดปรานมากถึงขั้นให้อยู่วังเดียวกัน ซึ่งก็ไม่น่าจะผิดกับความจริงสักเท่าไหร่ หากเป็นเขาเองก็อยากจะให้อยู่คฤหาสน์เดียวกัน การมีมนุษย์แบบนั้นอยู่ในบ้านช่างเป็นเรื่องที่น่าสนใจยิ่งนัก"ได้ข่าวมาว่าลอร์ดโฟลช์ เมล์ กับบารอนคีเซิน ถูกสั่งปลดยศชั่วคราวจากคุณชายริค ไวท์ แถมยังถูกสั่งให้ทำงานบ้านทุกอย่างทั้งหมดภายในวังเป็นระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ รวมถึงให้ใส่ชุดข้ารับใช้ชายตลอดระยะเวลาการลงโทษอีกด้วย ช่างสยดสยองอะไรเช่นนี้ หากเป็นหม่อมฉันขอตายเสียยังดีกว่ามีชีวิตอยู่อย่างอัปยศเช่นนี้""อืม...น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ยิ่งรู้จักยิ่งน่าสนใจ""หมายความว่ายังไงขอรับ คุณชายใหญ่""ชาร์ที เด็กคนนี้มีความสามารถพิเศษที่ดึงดูดแวมไพร์รุ่นใหม่ให้เข้าหาได้ง
"แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะทำไม่ได้เพราะจะมีคนคอยช่วยสอนให้เป็นระยะเวลาสามวัน หมายความว่าสี่วันที่เหลือจะต้องทำเองทุกอย่างทั้งหมดเพียงแค่สองคน คนอื่นข้าให้พักงานเป็นระยะเวลาสี่วัน""ข้อสุดท้ายก็คือในช่วงระยะเวลาการลงโทษนั้นจะต้องใส่ชุดข้ารับใช้หลวงผู้ชายไปจนกว่าจะหมดระยะเวลาการรับโทษ และเรื่องการกระทำความผิดครั้งนี้จะถูกเขียนรายงานส่งทางพระราชวังด้วยลายมือและตราประทับของผม""ส่วนเหตุผลนั้นไม่ยาก หากรู้จักละอายต่อความผิดในครั้งนี้แล้วนั้น จะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง" รอยยิ้มหวานที่เหมือนบาดลงไปในใจของแวมไพร์วัยหนุ่มทั้งสองนั้นไม่ได้ชวนให้ดูน่ารักแต่มันน่าสยดสยองเสียมากกว่าในเวลานี้ เสียงร้องโหยหวนร้องขอความตายดังออกมาจากทั้งคู่ทันที"คุณชายขอรับ ช่วยให้ข้าตายเสียเถอะ หากลงโทษเช่นนี้" เมล์บอกด้วยใบหน้าหนักใจและอยากตายมากกว่ามีชีวิตอยู่ ไม่เพียงแต่เป็นการลงโทษที่ยากแต่ยังสร้างความอับอายให้เป็นประวัติเสื่อมเสียแก่วงศ์ตระกูลอีกต่างหาก"ข้าด้วยขอรับ ถ้าลงโทษแบบนี้ได้โปรดใช้กริชเงินแทงที่หัวใ
"ถึงจะแบบนั้นก็ไม่ได้ขอรับ มันยังอันตรายเกินไป""เฟลิกซ์ เจ้าจะดื้อดึงไปถึงไหนกัน ก่อนหน้านี้นายของเจ้าก็ไปดินแดนอื่นมามากมายก่อนที่จะเข้าวังหลวง จะมาทำเป็นพิธีรีตองให้ยุ่งยากทำไมกัน" เขาเห็นมาตลอดว่ารัชทายาทพาไปดินแดนอื่นแต่ทำไมเวลานี้กลับไปไม่ได้เสียแล้ว"นับวันกลิ่นยิ่งรุนแรงรอให้สร้อยปกปิดกลิ่นที่ถูกสั่งมาถึงเสียก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยว่ากันขอรับ" การปะทะฝีปากยังคงดำเนินต่อไปเพราะคนห้ามไม่ได้อยู่ที่นี่นั่นเองมือขาวเริ่มจัดเตรียมของสำหรับอาหารกินเล่นในเวลานี้โดยมีคัสซัสมองด้วยความกังวลเป็นระยะ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นมนุษย์ทำของกินแปลกประหลาดมาก่อน แถมยังมีรสชาติอร่อยน่าเหลือเชื่ออีก"คัสซัสไม่ต้องกังวลไป แค่นี้ข้าทำได้ ไม่มีปัญหา" เสียงทุ้มนุ่มบอกพลางจัดแจงเตรียมทำอย่างทะมัดทะแมงก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!"รัชทายาทเรียกให้คุณชายไปเข้าพบขอรับ""บอกให้ท่านพี่รอก่อนนะ ข้าขอทำอาหารก่อน""ถึงจะเป็นบุตรบุญธรรมแห่งตระกูลริคก
"ถ้างั้นผมเองก็จะดูแลทุกคนตราบจนลมหายใจสุดท้ายเช่นกัน ดีไหมเอ่ย" รอยยิ้มหวานที่สดใสเหมือนโลกทั้งใบถูกส่งมายังเฟลิกซ์ ถึงแม้ว่าจะอยู่มานานแต่ไม่เคยมีใครทำตัวแบบกับเขาเลยสักครั้ง ทำให้เสียงข้างในหัวใจเต้นแปลกไปจากที่เคยเป็น ใบหน้าเริ่มแดงก่ำเหมือนคนออกกำลังกายมาอย่างหนัก"เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าแดงจัง" นิ้วเรียวยาวจิ้มหน้าผากอีกฝ่ายด้วยความสงสัยโดนที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ลูกครึ่งแวมไพร์เขินขนาดนี้"ไม่เป็นไรขอรับ เดี๋ยวข้าจะไปเตรียมน้ำให้อาบ นอนดึกไม่เป็นผลดีเท่าไหร่""แล้วผมไม่ต้องนอนกลางวันแล้วตื่นกลางคืนเหรอ แบบนั้นต้องเรียกว่านอนเลยวันไม่ดีเท่าไหร่" ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจสถานการ์ณแล้วว่าเด็กตรงหน้าคือลูกหลานของตาแก่ไม่ผิดอย่างแน่นอน การใช้คำ การพูดจา การมองทะลุปรุโปร่งแบบนี้การคัดสรรคนมาดูแลริค ไวท์ บุตรชายบุตรธรรมของเชื้อพระวงศ์อย่างตระกูลริคเสร็จสิ้นภายในสามวันเพราะถ้ายิ่งล้าช้า การเรียนการสอนต่างๆ ก็จะช้าตามไปด้วย โดยคนที่จะมาสอนนั้นไม่ใช่คนอื่นคนไกล ก็คือเหล่าบรรดาที่คัดเลือกม
ทันทีที่รัชทายาทตอบไปแบบนั้นเหล่าสาวๆ ก็พากันส่งเสียงกรี๊ดแสดงความยินดีกันมากมาย และพากันไปบอกปากต่อปากทำให้มีคนที่ไม่พอใจในเรื่องนี้เพราะตนเองก็สนใจไวท์อยู่ไม่น้อย จู่ๆ จะมาครอบครองเอาไว้คนเดียวแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด และเริ่มออกตัวกันว่าชอบไวท์อย่างออกนอกหน้ากันในงานเลี้ยงทันที"รัชทายาทจะพูดแบบนั้นไม่ได้นะพะยะค่ะ" เทรเลอร์บอกพลางมองไปที่คนที่อยู่ข้างกายแล้วส่งสายตาให้ว่าอยากให้มาอยู่กับตนเองมากกว่า"เจ้าหมายความว่ายังไง สวิต เทรเลอร์""หม่อมฉันก็สนใจในตัวคุณชายริค ไวท์ ไม่น้อย แถมยังไม่ได้ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เพราะฉะนั้นหม่อมฉันมีสิทธิที่จะได้เดินหน้าจีบคุณชายอย่างเต็มที่""ได้ข่าวว่าคุณชายเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ที่รังเกียจมนุษย์มากเป็นอันดับต้นๆ ทำไมถึงได้มาสนใจมนุษย์เสียแล้วล่ะขอรับ" บลัฟเฟอร์ถามด้วยสีหน้ากวนประสาทเพราะเขารู้มาตลอดว่าคุณชายคนโตจากตระกูลสวิตเกลียดชังมนุษย์มากแค่ไหน ทำไมถึงได้ให้ความสนใจคนที่เขาหมายปองเสียได้"ไวท์ออกจะน่ารักขนาดนี้ พวกเราสองคนจะไม่เข้าร่วมได้