การตามใจใครสักคนแล้วยอมลำบากขนาดนี้ หวังว่าจะมีอะไรตอบแทนไม่มากก็น้อยกับความอดทนของข้าในครั้งนี้
ณ พระราชวังสวิต (ที่พักอาศัยของคุณชายคนโตของตระกูล)
"ขอต้อนรับท่านจักรพรรดินี ไม่ทราบว่าเดินทางมาถึงที่นี่มีเรื่องอันใดกัน" ชาร์ทีออกมาต้อนรับทันทีที่เห็นขบวนเสด็จขององค์จักรพรรดินีเดินทางมาแบบไม่เป็นทางการเช่นนี้ จะต้องเกี่ยวข้องกับเด็กคนนั้นที่ถูกจับตัวมาเมื่อก่อนหน้านี้แน่นอน
"ข้าว่าเชิญท่านจักรพรรดินีเข้าไปด้านใน แล้วค่อยหารือกันดีหรือไม่ ชาร์ที" นีน่าบอกเสียงเรียบแต่ท่าทางไม่ได้เรียบตามไปด้วย ลางสังหรณ์ของเขามันร้องเตือนว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีที่มีการเดินทางนอกกำหนดการแบบนี้
ตระกูลสวิตถือเป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ทั้งสี่ สัญลักษณ์ของตระกูลคือลักษณะแห่งไฟที่เผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อปกป้องตระกูลของกษัตริย์ให้มั่นคงสืบต่อไป การจะล้มล้างกษัตริยได้จำเป็นต้องเข้าถึงตัวเชื้อพระวงศ์ให้ได้เสียก่อน หากเจ้าแห่งการปกครองสูงสุดของวังหลังออกเดินทางนอกกำหนดการ หมายความมีการทำงานที่ไม่ปกติเกิดขึน อำนาจสูงสุดตกเป็นของจักรพรรดินีและจักรพรรดิไม่มีสิทธิในการตัดสินใจเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว
"อรุณสวัสดิ์ยามดึกพะยะค่ะ ท่านจักรพรรดินี" การแสดงความเคารพอย่างถูกต้องคือสิ่งที่เทรเลอร์ควรทำ
"ไม่ทราบว่าจะรับชาอะไรดีพะยะค่ะ"
"ไม่ต้องมากพิธี นีนาเจ้าจัดการให้ทุกคนออกไปได้แล้ว"
"เพคะ ทุกคนออกจากห้องมาเดี๋ยวนี้"
"ท่านจักรพรรดินีต้องการพูดคุยกับคุณชายตระกูลสวิตเป็นการส่วนตัว" เหล่าคนรับใช้ของทั้งสองพากันทยอยออกจากห้องรับแขกไป คงไม่มีใครอยากจะมีปัญหากับแวมไพร์เลือดบริสุทธิที่มีอายุจนไม่สามารถนับได้ว่าตอนนี้อายุเท่าไหร่
ท่าทางสง่างาม องอาจ ดวงตาสวยดุของเผ่าพันธ์ยังแผ่รังสีออกมาให้เห็น รูปร่างสูงเพรียว ทรวดทรงองค์เอวนั้นงดงามจนไม่อาจละสายตาได้ ช่างเป็นหุ่นที่เชิญชวนให้มนุษย์ลุ่มหลงเข้าหายิ่งนัก หลายคนในจักรวรรดิอยากพลีกายให้ดื่มเลือดกันทั้งนั้นแต่จักรพรรดิหึงหวงมากจนไม่มีใครกล้าที่จะทำเช่นนั้นอีก แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเลือดบริสุทธิ์ไม่สามารถดื่มเลือดมนุษย์ได้ สามารถดื่มได้แต่แวมไพร์ด้วยกันเองเท่านั้นและจะต้องเป็นเลือดของเชื้อพระวงศ์อีกด้วย
หรือถ้าจะให้ทำความเข้าใจตามลำดับขั้นในการดื่มเลือดและบริจาคเลือด มนุษย์บริจาคเลือดให้แวมไพร์ทั่วไป (สามัญชน) ดื่มกิน แวมไพร์ทั่วไปบริจาคเลือดให้เหล่าขุนนาง เหล่าขุนนางบริจาคเลือดให้เหล่าเชื้อพระวงศ์ และเหล่าเชื้อพระวงศ์บริจาคเลือดให้กับกษัตริย์ หากใครแต่งงานข้ามชนชั้นกันนั้นทั้งสองสามารถให้เลือกกันเองได้โดยตรงเนื่องจากเป็นเนื้อคู่กันตามสัญชาติญาณของเผ่าพันธ์ ทำให้ไม่เกิดอาการเลือดติดพิษเหมือนบุคคลทั่วไป
"ท่านจักรพรรดินีเดินทางมาถึงที่นี่ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรหรือพะยะค่ะ" เทรเลอร์ถามหยั่งเชิงทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นเรื่องอะไร
"เจ้าส่งคนไปลอบสังหารลูกของข้ากับว่าที่ลูกสะใภ้ข้า อีกทั้งยังตามสืบประวัติของว่าที่ลูกสะใภ้ของข้าอีก"
"เจ้าต้องการอะไรไม่ทราบ ไม่เห็นว่าจะได้ประโยชน์อะไรในครั้งนี้"
"ศึกการจัดอันดับราชวงศ์หมดไปนานร้อยปีแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับผู้เป็นสามีหรือภรรยาของกษัตริย์แล้ว"
สมกับเป็นจักรพรรดินีเส้นสายในจักรวรรดิช่างมากมายเสียจริง ว่าแล้วทำไมถึงสืบหาต้อตอไม่เจอ...ที่แท้ก็เจอตอนี่เอง เท่านี้ก็ไขข้อสงสัยทั้งหมดกระจ่างแล้วว่าที่มาของมนุษย์ผู้นั้นต้องไม่ธรรมดา ถึงได้มีการปกปิดที่มาแล้วสวมรอยให้เป็นคุณชายของเชื้อพระวงศ์แบบนี้ เหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อนก็มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น รู้สึกจะเป็นเพื่อนสหายของรัชทายาท มันจะต้องเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน
"เจ้าคิดว่าข้าไม่สามารถอ่านความคิดได้งั้นรึ ถึงกล้าคิดต่อหน้าข้าเช่นนี้" จักรพรรดินีถามด้วยน้ำเสียงทรงพลัง ช่างถือดียิ่งนักที่มีความคิดแบบนี้ต่อหน้าเลือดบริสุทธิ์ รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีทางโกหกได้แต่ยังกล้าทำอีก ท่าทางแวมไพร์รุ่นใหม่อยากจะลองรับโทษตามกฎของจักรวรรดิเสียแล้ว
"การที่ท่านมาปรากฎตัวต่อหน้าข้าเช่นนี้ ก็สามารถทำให้คิดได้แล้วว่าคุณชายริคมีที่มาไม่ธรรมดาถึงขั้นต้องปกปิดด้วยสกุลของเชื้อพระวงศ์"
"ข้าพูดถูกหรือไม่พะยะค่ะ" สีหน้าขององค์จักรพรรดินีเปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังจากฟังถ้อยคำของคุณชายตระกูลสวิต มันก็ถูกแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพียงเพราะว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่คนของโลกใบนี้มันอันตรายเกินไปที่จะให้ไปอยู่ในมือของคนอื่น วิธีเดียวที่จะรักษาชีวิตเอาไว้ได้คือต้องอยู่ข้างกายพวกเราเท่านั้น
"ท่านเงียบแบบนี้ แปลว่าสิ่งที่ข้าสงสัยนั้นถูกต้อง" ยิ่งผู้อำนาจมากกว่าหลีกเลี่ยงไม่ตอบคำถาม ผู้มีอำนาจน้อยกว่ายิ่งได้ใจ
"ไม่ใช่ทั้งหมด เด็กคนนั้นจำเป็นต้องอยู่ในความดูแลของพวกข้า"
"แต่ข้าจะถูกใจเด็กคนนั้นเสียแล้วสิ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีข่าวลือแปลกๆ " ออกจะน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้เป็นธรรมดาที่จะต้องเนื้อหอม
"ข่าวลืออะไรรึ" มีเรื่องอะไรที่ลูกชายของข้ายังไม่ได้เขียนมาในรายงานหรอกรึ ในบอกว่าจะช่วยกันปกป้องไม่ให้มาทำร้ายได้ แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน
"ก่อนหน้านี้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่แล้วเป็นปัญหามานานหลายศตวรรษ แต่คุณชายริคสามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้หลังจากเดินทางไปถึง มีคำชื่นชมมากมายต่อคุณชาย เขาสามารถเข้าถึงใจของประชาชนได้อย่างง่ายดายกว่าพวกเราที่ต้องสร้างความเชื่อใจกันหลายต่อหลายปี" สิ่งที่เทรเลอร์พูดไม่ได้ชื่นชมออกนอกหน้านักเพราะเขาส่งคนไปสืบมาหมดแล้ว ทุกอย่างเป็นความจริงจากปากของชาวบ้านในละแวกนั้น
"มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยรึ ทำไมข้ายังไม่ได้รับรายงาน"
"ท่านลองสืบหาข้อมูลดีๆ แล้วจะรู้ว่าว่าที่ลูกสะใภ้อย่างคุณชายริคมีผู้หมายปองหลายคนมาก คนแรกคือรัชทายาท คนต่อมาคือคุณชายมาร์แชล และคนสุดท้ายก็คือข้าพะยะค่ะ"
"หึๆๆ " กำลังจะเริ่มแล้วสินะ! ตามที่คำนายได้กล่าวเอาไว้เลย งานนี้ต้องตบรางวัลให้กับโหราจารย์เสียแล้ว
ท่าทีไม่สะทกสะท้านของอีกฝ่ายทำให้เขารู้ว่านี่คือสิ่งที่ได้คาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ถึงได้บอกว่าไม่อยากจะเล่นกับจักรพรรดินี นอกจากจะไม่ได้อะไรกับไปแล้วยังเสียผลประโยชน์อีกต่างหาก ยิ่งสีหน้าชอบอกชอบใจแบบนั้นต้องหาอะไรมาปั่นหัวแวมไพร์วัยหนุ่มอย่างพวกเราแน่ รู้สึกสยองยังไงก็ไม่รู้สิ
"ท่านจะพักที่นี่ก่อนหรือไม่พะยะค่ะ" ถึงใจจริงจะไม่อยากให้พักก็เถอะ
"ไม่หรอก ข้าจะเดินทางกลับเลย"
"มีเรื่องให้น่ายินดีขนาดนี้ คงต้องกลับไปเตรียมการต้อนรับให้ยิ่งใหญ่เสียหน่อย" เฮือก! พูดไม่ทันขาดคำ ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะมีอะไรรออยู่
"ขอให้ท่านจักรพรรดินีอายุยืนนาน มั่นคง และอยู่คู่ประชาชนชาวจักรวรรดิตลอดไป" รอดตายแล้ว นึกว่าจะถูกฆ่าทิ้งในวังของตนเองเสียแล้ว ไม่น่าเข้าไปยุ่งเรื่องอันตรายเลย แบบนี้คือการขู่กันชัดๆ เลย
ปึง!
"คุณชายขอรับ เป็นยังไงบ้าง บาดเจ็บตรงไหนไหมขอรับ" ชาร์ทีรีบเข้ามาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง กลัวเจ้านายของตนเองจะเป็นอะไรไป ยังไงเลือดบริสุทธิ์ก็น่ากลัวกันทุกคน
"ข้าไม่เป็นไร แค่นึกว่าจะตายแล้วเมื่อกี้" รังสีอำมหิตออกมาขนาดนั้นใครบ้างที่จะไม่กลัว
"เจ้ารีบไปเตรียมมือเย็นให้ข้าเถอะ"
"ขอรับ คุณชายเทรเลอร์"
พระราชวังชั้นใน (วังจักรพรรดินี)
"นำเอกสารรายงานเรื่องน้ำท่วมของเขตที่เกิดเรื่องเมื่อไม่นานมานี้มาสิ ขอแบบทั้งหมดด้วย"
"เพคะ ท่านจักรพรรดินี"
เธอใช้เวลาตรวจสอบนานหลายชั่วโมงก็ได้ข้อสรุปออกมาแล้วว่าเรื่องที่คุณชายตระกูลสวิตพูดถึงเป็นเรื่องจริง ข่าวเมื่อหลายสิบปีก่อนจะถูกขุดคุ้ยอีกครั้งเพราะอดีตสหายรักของรัชทายาทเองก็เคยเป็นมนุษย์มาก่อน แถมยังมาจากอีกโลกนึงเหมือนกันเสียด้วย จะปกปิดเรื่องเหล่านี้ได้อีกนานแค่ไหนก็ยังไม่รู้เลย ท้ายที่สุดแล้วก็คงต้องพึ่งโหราจารย์มาแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ เขาเป็นเพียงคนเดียวที่จะยืนยันเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
"เข้ามาได้"
"ขอให้ท่านจักรพรรดินีอายุยืนนาน มั่นคง และอยู่คู่ประชาชนชาวจักรวรรดิตลอดไป"
"ไม่ต้องมากความหรอก เจ้าจะต้องช่วยข้าหากเกิดเหตุคับขันเกี่ยวกับเด็กคนนั้น" เป็นดังที่เขาคิดไว้ไม่มีผิดเพี้ยน เหตุผลเดียวที่เรียกออกมากลางดึกแบบนี้จะต้องเป็นเรื่องนี้อย่างแน่นอน
"ยืนยันว่าทั้งหมดเป็นเหตุจากดวงใช่ไหมพะยะค่ะ หลายสิบปีก่อนก็เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง"
"แต่ว่าเจ้าชายแฝดยังไม่เกิดเลยไม่รู้เรื่องพวกนี้ หากรู้เรื่องพวกนี้เข้าล่ะก็...."
"ได้เกิดเรื่องแน่ / เป็นเรื่องแน่"
"ฉะนั้นพวกเรามาหารือกันเรื่องนี้จนกว่าจะได้ข้อสรุปกัน ไม่ว่ายังไงข้าจะไม่ยอมให้ลูกชายของข้าต้องไม่มีเนื้อคู่เพราะเจ้าพวกนั้นเด็ดขาด""พะยะค่ะ"พระอาทิตย์สาดส่องเป็นสัญญาณของเช้าวันใหม่ของใครหลายคน แต่มันคือเวลานอนของเหล่าแวมไพร์ที่อาศัยอยู่ที่นี่ ถึงผมจะอยู่ที่นี่มาได้หลายวันแล้วแต่ก็ยังไม่ชินกับการที่ต้องนอนกลางวันตื่นกลางคืนอยู่ดี ถึงตอนนี้จะเริ่มนอนเกือบเช้าแต่ก็ยังหลับๆ ตื่นๆ เช่นวันนี้มาตื่นตอนเที่ยงแบบนี้แล้วจะทำยังไงดี ทุกคนพากันหลับหมดแบบนี้ ถึงจะมีเวรยามอยู่ตลอดยี่สิบชั่วโมงแต่มันก็ค่อนข้างว่างเสียเหลือเกินก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!"ใครครับ" เสียงหวานตะโกนถามออกไป"ข้าเอง กระรอกน้อย" เสียงทุ้มต่ำตะโกนกลับมา ช่วงขาที่เรียวยาวถึงได้เดินไปเปิดประตู หากเป็นคนรับใช้เกรงว่าเขายังไม่อยากจะพบใครตอนนี้ อยากใช้ความคิดของตนเองมากกว่า"เพิ่งทำงานเสร็จหรือพะยะค่ะ" ใบหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมองถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง มือขาวเกลี่ยปอยผมที่ลงมาปรกใบหน้าอีกฝ่ายออกให้เห็นชัดเจนมากขึ้น เผลอให้เห็นรอยใต้ตาคล้ำจากการทำงานอย่างหนัก ท่าทีอ่อนล้าที่เผยให้เห็นนั้นช่างน่าเป็นห่วงยิ่งนัก"ใช่แล้ว ข้าง่วงมากเลย กระรอ
ดีกว่า มันถูกสร้างมานานมากจนน่าจะมีการดูแลรักษาเสียที ต่อให้มีพลังที่กล้าแกร่งแค่ไหนก็มีวันที่จะได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน"อยากมาช่วยงานข้าไหม กระรอกน้อย" เขาหวังว่าจะได้รับคำตอบในทางที่ดี ไม่เช่นนั้นคงผิดหวังแย่"ข้าช่วยอะไรท่านพี่ด้วยหรือพะยะค่ะ""หรือเจ้าอยากเรียนหนังสือล่ะ""แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าสงสัยมาตลอด และต้องการรู้จากปากของเจ้า""อะไรหรือพะยะค่ะ""เจ้าอ่านภาษาของแวมไพร์ออกได้อย่างไร เจ้าไม่เคยได้เรียนภาษาของพวกข้า""ไม่รู้เหมือนครับ จู่ๆ ก็อ่านได้เอง""ไม่มีใครสอนแน่นะ""ครับ ไม่มี" หมายความว่ามันถูกถ่ายทอดผ่านสายเลือดงั้นรึ ของแบบนี้สามารถทำได้ด้วยเหรอ หรืออาจะเคยได้ยินผ่านๆ"งั้นสนใจมาช่วยงานของข้าไหม""ข้าทำได้หรือขอรับ" ใบหน้าหวานส่ายหัวไปมาด้วยความสงสัย"ในตอนนี้ข้าก็มีเพียงเมล์ที่เป็นผู้ช่วย หากได้เจ้ามาคอยช่วยงานอีกน่าจะเบามือได้ไม่น้อย""ได้ครับ ผมจะช่วย""ถ้างั้นกลับเข้าวังกันเถอะ"ตามปกติแล้วองค์รัชทายาทสามารถเลือกข้ารับใช้คนสนิทไว้ข้างกายได้มากมาย แต่คีย์เลือกเพียงเมล์เท่านั้นเลยทำให้เป็นภาระทางตนเองอย่างหนัก เขาไม่สามารถไว้ใจใครได้ทั้งนั้น การจะเลือกใครมาข้างกายต้องไ
เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมคนทำงานในโลกของเขาส่วนใหญ่ถึงชอบทำงานตอนกลางคืนมากกว่ากลางวัน เพราะมันทั้งเงียบสงบและทำให้คิดงานได้ง่ายกว่าหลายเท่า แถมประสิทธิภาพในการทำงานก็ดีกว่าช่วงกลางวันเป็นไหนๆ แต่วิถีชีวิตของเผ่าพันธ์ถ้าจะให้เปลี่ยนมาทำแบบแวมไพร์คงจะยาก อะไรหลายๆ อย่างก็ไม่ได้อำนวยเสียด้วยแต่ถ้าหากอยู่ร่วมกันไปแบบนี้เรื่อยๆ ริคเองก็น่าจะใช้ชีวิตแบบแวมไพร์ได้ไม่ยากเท่าไหร่นัก มาอยู่ได้ไม่กี่วันก็เริ่มนอนกลางวันแล้วมาทำงานตอนกลางคืนแทน อีกไม่นานคงจะเคยชินกับวิถีชีวิตแบบนี้แน่นอน เอกสารพวกนี้มากจนไม่คิดว่าคือจำนวนของคนที่ต้องทำมันช่างไม่บาลานกันเลยสักนิด ยิ่งอยู่สูงมากเท่าไหร่ยิ่งเหนื่อยมากเท่านั้นสินะ"กระรอกน้อยทำไหวไหม มีอะไรให้ข้าช่วยหรือเปล่า" เสียงทุ้มต่ำถามด้วยความเป็นห่วง"ก่อนที่รัชทายาทจะเป็นห่วงคนอื่น กรุณาห่วงตัวเองก่อนเถอะพะยะค่ะ งานเยอะขนาดนี้ยังทำไม่เสร็จอีก" เมล์ขัดจังหวะทันทีไม่ใช่ว่าไม่ห่วงคุรชายริคแต่อีกคนตั้งท่าจะหนีงานตนเองต่างหาก จึงต้องกันไว้ดีกว่าแก้"ผมยังไม่ง่วงเท่าไหร่ครับ คิด
"พอดีข้าได้ยินว่าเจ้าจะเข้าวังหลวงพรุ่งนี้ เลยอยากจะมาทักทายเสียหน่อย" คลาสเริ่มทำสงครามประสาททันที เนื่องจากเป็นความถนัดของแฝดผู้พี่ที่มักใจเย็นและสุขุมมากกว่าแฝดน้อง"แต่ข้าดันควบคุมพลังไม่ได้เพราะหวงพี่สะใภ้ก็เลยพลั้งมือทำกระจกบ้านเจ้าแตกจนหมด เดี๋ยวจะชดเชยค่าเสียหายให้หลังจากคุยเสร็จ" ครอสราดน้ำมันต่อจากแฝดผู้พี่ทันทีเพราะตนไม่ใช่คนใจเย็นจึงเปิดประเด็นไม่เก่งเท่าไหร่นัก เรียกว่าความแฝดนรกนี้น้อยคนที่จะแยกออกเพราะพวกเขาชอบแต่งตัวและทำท่าทางเหมือนกันตลอดเวลา ถึงจะทำงานกันคนละที่แต่การแต่งตัวยังไม่เปลี่ยนไปเลย"ล้อหม่อมฉันเล่นหรือเปล่าพะยะค่ะ มีหรือที่หนึ่งในอันดับราชวงศ์ที่มีความสามารถของพวกท่านจะพลั้งมือ หากบอกว่าเป็นความตั้งใจจะน่าเชื่อถือกว่าเลย""ใช่! ข้าจงใจทำเองเพราะหมั่นไส้ ไม่รู้จักหาของตัวเองหรือไงถึงได้มาแย่งของคนอื่น" ครอสเริ่มตีฝีปากทันทีเพราะยังไงก็ยอมรับไปแล้วว่าจงใจทำ ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลอะไรทั้งนั้น ก็แค่อยากเห็นสีหน้าของราชวงศ์ที่กลัวจนตัวสั่นบ้างก็เท่านั้นเอง"ข้าจะชวนเจ้าไปวังหล
"จะไม่ให้ข้ามีปัญหาได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าเอาเด็กที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามาเป็นว่าที่จักรพรรดินีองค์ต่อไปได้อย่างไรกัน" หัวหน้าตระกูลริคไม่มีทีท่าว่าจะถอยให้กับผู้เป็นน้องสาวของเขาเลยแม้แต่ก้าวเดียว เรื่องราชวงศ์เป็นสิ่งสำคัญ ไหนจะเรื่องการมีทายาทอีก"หม่อมฉันรู้จักแม้กระทั่งตาของเด็กคนนี้ ท่านลุงยังมีปัญญาอะไรอีกหรือไม่ขอรับ" รัชทายาทเองก็ทนฟังไม่ไหวแล้วเหมือนกัน จะว่าใครก็ได้แต่ไม่ใช่กับกระรอกน้อยของเขา"หมายความว่ายังไงกันแน่"แกร๊ก!"หม่อมฉันขอเชิญดยุคริค ท่านจักรพรรดินี รัชทายาท คุณชายไวท์ ไปที่ห้องทำงานของท่านจักรพรรดิด้วย" มีเทนมาได้จังหวะสงบศึกสงครามน้ำลายของทั้งสามได้ทันเวลาพอดีจำเป็นที่จะต้องถกเถียงกันขนาดนี้ไหม บางทีถ้ายอมฟังกันก่อนเรื่องราวมันไม่น่าจะอลหม่านขนาดนี้นะ จักรพรรดินีหัวแข็งไม่ฟังใคร ดยุคริคก็ไม่ยอมอ่อนข้อ รัชทายาทก็ให้ท้ายจนไม่ลืมหูลืมตา จะบอกว่าเหมาะสมสำหรับการทะเลาะกันก็คงไม่แปลกเลยจริงๆ ถ้ามีเทนไม่มาห้ามไว้มีหวังได้มีสงครามมากกว่าน้ำลายแน่นอน แค่คิดก็ปวด
"อรุณสวัสดิ์ครับ คุณมีเทน""อรุณสวัสดิ์ขอรับ คุณชายไวท์ ตื่นแต่หัวค่ำเลยนะขอรับ""เล่นนอนไวแบบนั้นก็เลยตื่นไวไปด้วยครับ ขอไปห้องครัวด้วยจะได้ไหมครับ""ถ้ากระผมปฎิเสธคุณอีกจะต้องโดนสายตาของแวมไพร์ชั้นสูงรุมอีกแน่ครับ ถ้างั้นผมจะนำทางให้" คนในวังหลวงยังไม่เคยเห็นร่างสูงโปร่งมาก่อนเพราะว่าตั้งแต่เกิดเรื่องที่งานเลี้ยงก็ไปอยู่วังของรัชทายาทแล้วเดินทางไปยังใต้ต่อทันที จนวันนี้ทุกคนได้พบเห็นรูปร่างหน้าตาของไวท์แล้วถึงกับตกตะลึงไปหลายคน เพราะรูปร่างดูเหมือนผู้ชายรวมไปถึงกล้ามเนื้ออันแข็งแรงแบบนักกีฬาแต่หน้าตาหวานปานผู้หญิง ถึงจะดูขัดกันแต่เมื่อรวมอยู่ในคนๆ เดียวนั้นเรียกได้ว่าเป็นชายหนุ่มที่รูปงามยิ่งนักห้องครัวจากวังหลวงนั้นใหญ่โตกว่าวังของรัชทายาทมาก กว้างเสียจนไม่รู้ว่าไปสุดทางไหน มือขาวหยิบจับของที่สามารถมาทำเป็นขนมได้ทันทีโดยไม่ได้พูดคุยกับใคร มีเหล่าพ่อครัวมากมายจะมาห้ามปรามการกระทำดังกล่าว จะให้แขกมาทำอาหารได้อย่างไร มันไม่ถูกต้องเลยสักนิดแต่ก็ได้รับคำตอบเป็นรังสีอำมหิตมาจากบุคคลที่มีอำนาจรองจากองค์
"หมอหลวง เมื่อไหร่กระรอกน้อยจะฟื้น นี่มันสามวันแล้วนะ" รัชทายาทเร่งด้วยความร้อนใจ ตั้งแต่คนที่ปกป้องไวท์ปรากฏตัวคราวนั้น ก็ทำให้เหล่าคนรับใช้แพร่ข่าวลือใหม่ออกไปว่าเป็นลูกครึ่งเทพกับมังกร จะต้องนำพาความโชคดีมาให้กับจักรวรรดิอย่างแน่นอน แต่ความโชคดีนั้นทำไมถึงไม่ส่งผลกับเจ้าตัวเลยล่ะ ทำไมถึงนอนนิ่งอยู่แบบนี้ จะให้ข้าช้ำใจตายหรืออย่างไรกัน ฟื้นขึ้นมาเถอะ เจ็บจนจะทนไม่ไหวแล้ว"ออกไปให้หมด" การบังคับเสียงไม่ให้สั่นมันยากถึงเพียงนี้เชียวหรือ"พะยะค่ะ รัชทายาท / เพคะ รัชทายาท"น้ำตาของร่างสูงเอ่อล้นไปรอบดวงตาจนไหลรินออกมาอย่างไม่ขาดสาย ถึงแม้ว่าอาการบาดเจ็บทางร่างกายจะหายตั้งแต่วันแรกที่ได้รับการรักษาแล้วก็ตาม แต่กลับไม่ฟื้นขึ้นมาเสียที ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ไม่น่าเชื่อว่าแวมไพร์ที่เย็นชาอย่างเขาจะต้องมานั่งร้องไห้ให้กับมนุษย์เพียงคนเดียวด้วย ช่างน่าขันเสียจริง"พี่คีย์ ร้องไห้ทำไมเหรอครับ ใครทำอะไรให้เสียใจเหรอ" มือขาวเกลี่ยน้ำตาที่อยู่หางตาทั้งสองข้างด้วยความเป็นห่วง ทำไมสีหน้าอิดโรยแบบนี้ ไม
"มิน่าล่ะ! ข้าถึงได้หลับตามน้ำแบบไม่อยากจะตื่น พลังของท่านพี่สุดยอดไปเลย" ไวท์บอกพลางชูนิ้วโป้งให้ทั้งสองข้าง สำหรับจักรวรรดิแล้วการยกนิ้วไม่มีความหมายอะไรแต่ดูท่าสำหรับโลกมนุษย์น่าจะหมายถึงเก่งหรือเปล่า"ในโลกมนุษย์หมายความว่าเก่งใช่ไหม""ไม่ใช่แค่เก่งนะพะยะค่ะ เขาเรียกว่าเจ๋งไปเลย""เจ๋งไปเลย หมายความว่าอย่างไร""หมายความว่าสุดยอดมาก แปลกใหม่ เรียกว่าเจ๋งพะยะค่ะ""ข้าคิดว่าตอนนี้พวกเจ้าควรกินอะไรสักหน่อยนะ อาหารถูกยกมาวางให้แล้ว พวกเจ้าก็คุยกันต่อไปเถอะ" จักรพรรดิไอสองสามครั้งเพื่อเตือนว่าไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งคุยกันสบายใจแบบนี้ ควรกินข้าวและไปจัดการเรื่องข่าวลือให้เรียบร้อยเสียก่อน ไม่เช่นนั้นน่าจะกลายเป็นเรื่องไปมากกว่านี้อย่างแน่นอน"รัชทายาท""พะยะค่ะ ท่านพ่อ""เจ้าจะต้องเข้าไปอธิบายเรื่องการดีฟให้ที่ประชุมฟัง ส่วนหนูไวท์" เรื่องดีฟคือหัวข้อสำคัญในการคุยงานครั้งนี้งั้นรึ"พะยะค่ะ ท่านจักรพรรด
"วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เจ้าจะได้อยู่ที่นี่แล้ว เดี๋ยวสักพักครอสคงจะมารับเจ้าอย่างแน่นอน" คลาสบอกเสียงเรียบแต่ใบหน้านั้นขมวดคิ้วจนเป็นปมอย่างเห็นได้ชัด"พี่คลาสเป็นอะไรหรือเปล่าครับ คิ้วชนกันใหญ่แล้ว""ครอสเป็นคนที่ซุกซนและเดาใจยาก ข้ากลัวว่าเจ้านั่นจะหาเรื่องแกล้งเจ้ามากกว่าดูแลเจ้า""หากมีอะไรไม่ชอบมาพากล จงใช้พลังที่เจ้ามีจัดการกำราบเจ้านั่นซะ" คลาสบอกเสียงเข้มเพราะไม่อยากให้อีกคนถูกแกล้งแปลกๆ รสนิยมของครอสเป็นยังไง มีหรือที่พี่ชายฝาแฝดอย่างเขาจะไม่รู้"อะแฮ่ม! นินทาแบบนี้ไม่ดีเลยท่านพี่ ข้าไม่ได้เป็นขนาดนั้นสักหน่อย" ครอสบอกเสียงเรียบหน้านิ่ง เพราะนี่คือเรื่องจริงจังไม่ใช่เรื่องล้อเล่นดั่งเช่นทุกที"ข้าก็หวังให้เจ้าเป็นแบบนั้น อ่านจดหมายที่ข้าส่งไปให้แล้วใช่หรือไม่""พะยะค่ะท่านพี่ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน""ดีมาก ฝากด้วยล่ะ"ทั้งสามถูกเชิญให้ไปร่วมรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายของพระราชวังเขตเหนือที่จะได้
น้ำตาของจักรพรรดินีไหลอีกครั้งระหว่างเดินมายังวังของตนเอง มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจแต่เป็นน้ำตาแห่งความดีใจ รู้สึกโชคดีมากที่มีอายุยืนยาวมาขนาดนี้ ทำให้ได้รับรู้ความจริงและสามารถเข้าใจได้ทั้งหมดว่าที่ผ่านมาคืออะไร ทำไมถึงรักษาสัญญาเช่นนี้มาตลอดไม่เคยเปลี่ยนแปลงจักรพรรดิมองคนรักของตนด้วยความเอ็นดูเพราะไม่คิดว่าหลายร้อยที่ผ่านมาอีกคนจะซื่อบื้อขนาดที่ไม่รู้ว่าตนมีใจให้ไปตั้งนานแล้ว ไม่งั้นจะยอมมีลูกด้วยกันตั้งหลายคนขนาดนี้เหรอ บางทีการนิ่งเฉยเกินไปอาจจะทำให้ไม่รับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่าย ท่าทางต้องแสดงออกมากกว่านี้เสียแล้วสิตุ้บ!ขาของคลาสเหวี่ยงไปโดนหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะพอดิบพอดีทำให้กองหนังสือร่วงลงมาเหมือนกระดานหมากรุกที่ถูกล้มโต๊ะกระจัดกระจายกันไปหมด เปลือกตาของแวมไพร์สูงศักดิ์เปิดขึ้นด้วยความงัวเงียว่าอะไรมารบกวนการนอนของเขา จนมารู้ว่าอีกคนนอนอยู่บนร่างตัวเองและยังพากันหลับบนโซฟาอีก ท่าทางตนเองจะเพลียมากจริงๆ มือหนาอุ้มอีกคนให้นอนสบายกว่าเดิมแต่เหมือนจะตื่นตามกันเพราะว่ามีการขยับตัวเกิดขึ้น"
"คือว่า...พี่คลาสจะกอดแบบนี้ไปอีกนานไหมครับ" เสียงทุ้มนุ่มเริ่มประท้วงเพราะจากการกอดหลวมเริ่มกระชับแน่นขึ้นแล้วกินเวลานานมากแล้ว แต่เหมือนจะไม่มีเสียงตอบรับจากอีกคน ถึงจะเป็นบนโซฟาแต่ทำไมเงียบผิดปกติ...หรือว่า...ดวงตากลมโตเงยหน้ามองอีกคนที่หลับตาสนิท หายใจสม่ำเสมอเข้าออก นั่นไง...กอดแล้วหลับอีกคนแล้ว ทำไมถึงมาหลับกันแบบนี้ทุกทีแล้วจะขยับหนีได้ยังไงล่ะทีนี้ คิดหนักไปหลายรอบแล้วก็ไม่ได้อะไร นอกจากนอนหลับตามกันไปในที่สุดก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!"ได้เวลาเข้านอนแล้วพะยะค่ะ เจ้าชายคลาส" เลย์เคาะประตูสองสามครั้งให้สัญญาณแต่เหมือนจะไม่มีเสียงตอบรับออกมาเลย มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาก็เข้าใจสถานการณ์ได้ทันที เพราะว่าเจ้านายทั้งสองนอนหลับอยู่บนโซฟาหรือเรียกว่านั่งหลับดี ในฐานะข้ารับใช้คนสนิทเลยไปหาผ้าห่มมาคลุมให้แล้วเดินจากไป คงต้องไม่ให้ใครมารบกวนเวลานอนของทั้งสองคนเสียแล้ว"ท่านลอร์ดเลย์ไม่เรียกเจ้าชายคลาสกับท่านไวท์ออกมารับประทานอาหารหรือพะยะค่ะ ได้เวลาอาหารแล้ว" เฟลิกซ์ถามด้วยความสงสัยแต่เล
"คลาสมาขวางข้าทำไม ไวท์เปิดทางขนาดนี้แล้ว ได้นอนกอดร่างนุ่มนิ่มนั้นคงจะดีไม่น้อยเลย" ครอสบอกด้วยสีหน้าระรื่น นานๆ ทีจะมีคนไม่รู้เรื่องมาให้กอดถึงที่ ไม่ต้องทำอะไรมากมายแค่นอนกอดธรรมดาก็พอแล้ว แค่อยากแกล้งเด็กเท่านั้นเองแต่ทำไมโดนด่าแล้วล่ะ"อย่าไปหาแกล้งคนอื่นแบบนั้น ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ลามกหรืออะไร แต่จะไปกวนจนคนอื่นไม่ได้นอนไม่ได้""จำได้ว่าเคยแกล้งรูมเมทด้วยการไปหลอกผีมาแล้วไม่ใช่รึ เจ้าจงใจจะทำแบบนั้นอีก ใช่หรือไม่" คลาสถามพลางกอดอกเอาเรื่อง"ใช่แล้ว ข้าจงใจจะไปหลอกผีไวท์ รู้ได้ยังไง""เจ้าก็รู้ว่าข้ารู้ความคิดของเจ้า จะมาถามทำไมล่ะ พวกเราเป็นฝาแฝดกันลืมไปแล้วหรือไงเล่า"ไม่ได้มีพลังพิเศษอะไรหรอกแต่สังเกตมาตั้งหลายร้อยปี ยังติดเล่นเหมือนเด็กใครจะไม่รู้กันล่ะ ถ้าทำตัวโตสักหน่อยคงจับผิดยากแล้วล่ะ ทำตัวเหมือนสมัยเด็กใครจะดูไม่ออกกันล่ะ"งั้นไปนอนด้วยกันก็ได้ เดี๋ยวสัปดาห์หน้ามาหาใหม่" ครอสบอกพลางยิ้มหวาน จริงๆ เขาก็ไม่ได้ติดพี่ชายฝาแฝดอย่างที่หลายคนคิด แต่จะม
"เข้าใจพะยะค่ะ เจ้าชายครอส""ดีมาก เจ้าทำถูกแล้ว"ไม่นานก็มีคนมาพาตัวคุณชายริค ไวท์ไปยังวิหารศักดิ์สิทธิเพื่อเรียนรู้การใช้พลังของตนเอง แต่ครอสไม่ได้ตามไปด้วยเพียงสั่งให้คนสนิทของเจ้าตัวตามไปทั้งหมด หากมีเหตุอะไรฉุกเฉินจะได้ช่วยเหลือกันทัน ร่างสูงโปร่งโบกมือลาแล้วตามคนอื่นขึ้นรถม้าไป บรรยากาศในวังเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที สายตาของแวมไพร์สูงศักดิ์มองทุกคนอย่างเอาเรื่อง"พวกเจ้าจะต้องดูแลไวท์ให้ดี รู้ใช่ไหมว่ามันคือคำสั่งไม่ใช่คำสั่งธรรมดา...หากใครไม่ฟัง ข้าจะฆ่ามันด้วยมือของข้าเอง" ออร่าของครอสออกมาอย่างรุนแรง พื้นดินเริ่มสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณบ่งบอกว่าแฝดผู้พี่ที่ไม่ค่อยเอาเรื่องเอาราวกับใครเอาจริง หากใครไม่ปฏิบัติตามจะต้องถูกลงโทษถึงขั้นไม่มีลมหายใจอย่างแน่นอน"พะยะค่ะ/เพคะ เจ้าชายครอส" ทุกคนขานรับคำสั่งด้วยความเคารพอย่างหวาดกลัว ไม่คิดจะได้เห็นมุมนี้อีกครั้งหลังจากวางมือมานานแล้ว ท่าทางจะกลับมาเป็นแบบเดิมอีกครั้ง"ทำแบบนั้นดีแล้วหรือพะยะค่ะ ขู่ให้กลัวแบบนั้น" เลย์ถามด้
"เป็นยังไงบ้างพะยะค่ะ""ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว ขอบใจเจ้ามากที่เป็นห่วงข้า""เมล์ กำหนดการที่กระรอกน้อยของข้าจะเดินทางไปวังของคลาสคือเมื่อไหร่" คีย์ถามด้วยสีหน้าครุ่นคิดว่าขาดเหลืออะไรที่ยังไม่ได้สอนหรือช่วยให้ปลอดภัยอีกหรือไม่"วันพรุ่งนี้พะยะค่ะ รัชทายาท เฟลิกซ์จัดการเตรียมทุกอย่างเอาไว้พร้อมแล้ว" เมล์ตอบพลางรินน้ำชาให้อย่างชำนาญ"อืม ถ้างั้นก็เดี๋ยวจะไปส่งแล้วกัน จะได้ช่วยกันดูแลความปลอดภัย""ห่วงก็พูดมาเถอะพะยะค่ะ จะทรงลีลาไปทำไมกัน ใครๆ เขาก็ดูออกว่าพระองค์พึงพอใจในตัวท่านชาย" หลังจากการเหน็บของเมล์ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องอาหารถึงกับหัวเราะออกมากันหมดแต่พอรัชทายาทหันไปมองก็พากันเงียบแบบเดิม มีเพียงลอร์ดเมล์เพียงคนเดียวที่จะกล้าพูดอะไรแบบนี้ เพราะทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน เป็นเจ้านายกับคนรับใช้ และเพื่อนร่วมรบมายาวนาน ทำให้มีความสนิทกันมากกว่าคนอื่น"เจ้านี่มันกวนประสาทข้าไม่เคยเปลี่ยน อยู่ด้วยกันมากี่ปีก็ยังทำให้ข้าปวดหัวเสมอมา" 
สุดท้ายแวมไพร์ผู้สูงศักดิ์ก็ไม่ได้หาอะไรกินรองท้องดั่งที่หวังนอกจากน้ำเปล่าเท่านั้น คงต้องรอใครสักคนตื่นมาทำให้กินเสียแล้วล่ะ สายตาคมยังจับจ้องเอกสารต่อไป ขนนกยังคงพลิ้วไหวตลอดเวลา น้ำหมึกค่อยๆ ลดลงตามจำนวนงานที่เริ่มหมดลงตามลำดับ องค์รัชทายาทบิดตัวไปมาสองสามครั้งก่อนจะหลับตาลงเพราะความเหนื่อยล้าแกร๊ก!"อรุณสวัสดิ์ขอรับ ท่านไวท์" เสียงผ้าม่านถูกเปิดออกเผยให้เห็นแสงตะวันกำลังลับขอบฟ้า ถ้วยชาถูกวางลงพร้อมใบชาใส่น้ำร้อนในอุณหภูมิที่พอเหมาะทิ้งไว้ประมาณนึงแล้วเทใส่ถ้วยสำหรับรับประทานยามตื่นนอน"อรุณสวัสดิ์ คัสซัส" ร่างสูงโปร่งยืนให้อีกคนดึงผ้าห่มออกแล้วบิดขี้เกียจไปมาก่อนจะจิบชาที่เริ่มจะชินกับวัฒนธรรมดื่มชาทุกเช้าของที่นี่เสียแล้วสิ"วันนี้เฟลิกซ์ไม่มาเหรอ หรือเปลี่ยนหน้าที่กันแล้ว""ท่านเฟลิกซ์จัดการเรื่องเดินทางของท่านไวท์ขอรับ ให้ข้ามาทำหน้าที่ของข้าส่วนนี้ดีกว่า" เนื่องจากหน้าที่ของคัสซัสต้องมาดูแลเรื่องส่วนตัวมากกว่าเฟลิกซ์ที่มีหน้าที่จัดการงานส่วนรวมทั้งหมดมากกว่า เริ่มมีการแ
"เป็นบุคคลที่น่ากลัวที่สุดแล้ว ขนาดท่านพี่คีย์ ท่านพี่คลาสยังกลัว คนอย่างข้าน่ะหรือ...กลัวสิ ทำไมจะไม่กลัวกันล่ะ" ครอสบอกพลางลูบแขนตัวเองไปมาถึงความสยอง"สรุปแล้วหลังจากอยู่กับข้าอีกหน่อยก็ฝากเจ้าด้วยล่ะคลาส อย่าทำให้เกิดอันตราย ดูแลไวท์ให้ดี""พะยะค่ะ ท่านพี่"หลังจากอาหารมื้อใกล้เช้าคือมื้อสุดท้ายของคืนนี้ ก่อนที่ต่างคนต่างจะพากันไปนอนกลางวันตามวิถีของแวมไพร์ แผนการรับมือและการสอบสวนจะเริ่มนับจากนี้ไป พวกคลั่งเลือดเทพกับมังกรคิดผิดแล้วที่จะกวังเลือดจากลูกหลานของตาแก่"เดินทางปลอดภัยนะครับทุกคน" เสียงทุ้มนุ่มบอกพลางโค้งศรีษะให้กับเหล่าแวมไพร์ที่อายุมากกว่าตนทั้งหมด"ข้าไปก่อนล่ะ ไวท์ เดี๋ยวมาหาใหม่" ครอสบอกพลางโบกมือแล้วสยายปีกกลับเขตปกครองตนเอง"ข้าหวังเป็นอย่างยิ่ง ที่จะได้พบกับคุณชายอีกครั้ง" มาร์แชลบอกแล้วบินไปอีกคน"ไปกันหมดแล้ว ต้องไปบ้างแล้วล่ะ แล้วเจอกันไวท์" ครอสทำท่าทีเล่นทีจริงแล้วหายไปบนท้องฟ้าเสียแล้ว"ข
"พะยะค่ะ รัชทายาท" เพียงประโยคเดียวก็สามารถสยบแวมไพร์ทั้งหมดให้คืนสติกลับมาอีกครั้งแล้วเริ่มประชุมวางแผนเรื่องการออกล่าลูกผสมระหว่างมังกรกับเทพอย่างไวท์ถูกนำมาเป็นประเด็น ทุกพื้นที่มีความต้องการที่จะได้ตัวกันทั้งนั้น สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือการฝึกฝนและศึกษาพื้นที่ตามคำสั่งขององค์จักรพรรดิที่ไม่มีใครจะขัดคำสั่งได้แม้ว่าจะเป็นองค์รัชทายาทก็ตาม"ข้าจะให้เดินทางไปกับครอสก่อนแล้วกัน เพราะกำหนดการที่อยู่ที่นี่จะหมดลงแล้ว มีแต่เรื่องวุ่นวายทั้งนั้น" คีย์พยายามไม่หัวเสียแต่ก็อดไม่ได้ แทนที่จะได้อยู่กับคนที่ชอบแต่กลับมีเรื่องทุกครั้งไป"พะยะค่ะ ท่านพี่คีย์""เลิกประชุมได้ กลับเข้าที่พักแล้วระวังตัวเองกันด้วย"ร่างสูงถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะไม่คิดว่าเรื่องจะลุกลามใหญ่โตขนาดนี้ การเก็บเด็กต่างโลกมาดูแลทำให้มันวุ่นวายเหมือนตอนเก็บตาแก่มาไม่มีผิดเพี้ยน ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิมยังงั้นเหรอ สิ่งที่ต้องรอตอนนี้สร้อยสำหรับกักกลิ่นเลือดให้แค่คนที่พลังสูงเท่านั้นที่จะได้กลิ่นนั้นก็คือแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์แบบเจือจางให้ได้มาก