"ฉะนั้นพวกเรามาหารือกันเรื่องนี้จนกว่าจะได้ข้อสรุปกัน ไม่ว่ายังไงข้าจะไม่ยอมให้ลูกชายของข้าต้องไม่มีเนื้อคู่เพราะเจ้าพวกนั้นเด็ดขาด"
"พะยะค่ะ"
พระอาทิตย์สาดส่องเป็นสัญญาณของเช้าวันใหม่ของใครหลายคน แต่มันคือเวลานอนของเหล่าแวมไพร์ที่อาศัยอยู่ที่นี่ ถึงผมจะอยู่ที่นี่มาได้หลายวันแล้วแต่ก็ยังไม่ชินกับการที่ต้องนอนกลางวันตื่นกลางคืนอยู่ดี ถึงตอนนี้จะเริ่มนอนเกือบเช้าแต่ก็ยังหลับๆ ตื่นๆ เช่นวันนี้มาตื่นตอนเที่ยงแบบนี้แล้วจะทำยังไงดี ทุกคนพากันหลับหมดแบบนี้ ถึงจะมีเวรยามอยู่ตลอดยี่สิบชั่วโมงแต่มันก็ค่อนข้างว่างเสียเหลือเกิน
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
"ใครครับ" เสียงหวานตะโกนถามออกไป
"ข้าเอง กระรอกน้อย" เสียงทุ้มต่ำตะโกนกลับมา ช่วงขาที่เรียวยาวถึงได้เดินไปเปิดประตู หากเป็นคนรับใช้เกรงว่าเขายังไม่อยากจะพบใครตอนนี้ อยากใช้ความคิดของตนเองมากกว่า
"เพิ่งทำงานเสร็จหรือพะยะค่ะ" ใบหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมองถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง มือขาวเกลี่ยปอยผมที่ลงมาปรกใบหน้าอีกฝ่ายออกให้เห็นชัดเจนมากขึ้น เผลอให้เห็นรอยใต้ตาคล้ำจากการทำงานอย่างหนัก ท่าทีอ่อนล้าที่เผยให้เห็นนั้นช่างน่าเป็นห่วงยิ่งนัก
"ใช่แล้ว ข้าง่วงมากเลย กระรอกน้อย" คงจะจริงอย่างที่พูด สภาพเหมือนจะหลับแลมิหลับแลแบบนี้ ไม่คิดว่าการหอบงานมาทำต่างแดนจะเหนื่อยเหมือนตอนอยู่บ้านของตนเองไม่มีผิดเพี้ยน กว่าจะทำเสร็จหมดก็เที่ยงเสียแล้ว แบบนี้เวลานอนไม่พอแน่นอน
"ข้าขอนอนกอดได้หรือไม่"
"ทำไมไม่กลับที่ห้องล่ะพะยะค่ะ"
"ข้าคิดถึงเจ้าเลยอยากมาหา คงไม่มีแรงกลับห้องแล้วล่ะ"
"ห้องเจ้ากับห้องของข้าไกลกันมากนะ กระรอกน้อย"
รัชทายาทพยายามใช้ท่าทีอ่อนล้าน่าสงสารให้คนตัวเล็กกว่าเห็นใจ เพื่อที่จะได้นอนกอดอีกฝ่ายอย่างที่อยากทำ แค่อยู่ใกล้เนื้อตัวยังส่งกลิ่นหอมขนาดนี้ หากเข้าใกล้มากกว่านี้ต้องหอมเป็นเท่าตัวอย่างแน่นอน ดวงเจ้าเล่ห์นั้นแอบซ่อนเอาไว้จนมิด มีเพียงท่าทีน่าสงสาร ออดอ้อนขอนอนด้วยกันเท่านั้น ริคมีท่าทีอึกอักแต่ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร นับว่าเป็นปฏิกิริยาที่น่ารักไม่น้อยเลยทีเดียว ถ้าต่อรองไม่สำเร็จมีหวังได้หลับตรงนี้แน่นอนเลย ร่างกายของข้าก็ถึงขีดจำกัดแล้ว
"ก็ได้พะยะค่ะ งั้นไปนอนที่เตียงกัน" ในที่สุดแผนหลอกล่อก็สำเร็จก่อนที่สติของเขาจะหมดลงเสียก่อน ร่างสูงโปร่งประคองร่างสูงไปนอนพัก มือขาวหยิบผ้าห่มขึ้นมาให้เท่าอกเพื่อไม่ให้หนาวจนเกินไป จัดแจงท่านอนให้อีกฝ่ายเรียบร้อย
"ท่านพี่ นอนนะพะยะค่ะ"
"ราตรีสวัสดิ์พะยะค่ะ"
หมับ!
"ทำอะไรครับ! ทำไมไม่นอนนิ่งๆ " เสียงหวานส่งเสียงดุทันทีที่คนอายุมากกว่ามากอดจากด้านหลังแบบนี้ ถึงจะไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าการสวมกอดแต่มันทำให้ริคนอนไม่หลับน่ะสิ อยู่ใกล้กันขนาดนี้ก็ว่าทำใจข่มตาหลับยากแล้ว ยังจะมาทำแบบนี้อีก
"อืม....ข้าง่วงแล้วกระรอกน้อย ราตรีสวัสดิ์" เสียงทุ้มต่ำบอกพลางกระชับอ้อมกอดให้ใกล้กันกว่าเดิมแล้วผล็อยหลับไปในที่สุด แต่คนที่ยังมีสติดี หัวใจเต้นแรง นอนไม่หลับคือคุณชายริคนั่นเอง แถมเขายังไม่กล้าขยับตัวแรงมากเพราะกลัวว่าคีย์ที่ทำงานมาหนักจะไม่ได้รับการพักผ่อน ดวงตาคมแอบหรี่มองว่าคนที่เขาหลงใหลจะมีท่าทีอย่างไร เห็นท่าทีแบบนี้อยากจะฟัดให้หน่ำใจซึ่งทำได้แค่คิดแล้วหลับนอนต่อ
ตะวันลับขอบฟ้าเป็นสัญญาณวันใหม่ของแวมไพร์ คีย์ตื่นมาด้วยท่าทีแจ่มใสร่าเริง ใบหน้าสดใสไม่อิดโรยเหมือนตอนกลางวัน เมื่อหันไปมองคนที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาก็มีเสียงหายใจสม่ำเสมอ แสดงว่ากว่าจะข่มตาหลับได้น่าจะนานพอสมควร ร่างสูงไม่ได้ปลุกคนที่อายุน้อยกว่าเพราะหวังจะให้พักผ่อนต่ออีกสักหน่อย อาจจะเป็นข้อดีที่ทำให้คนข้างกายปรับตัวเหมือนแวมไพร์เร็วขึ้นก็ได้ ถึงเผ่าพันธ์จะแตกต่างกันแต่ถ้าได้เข้ามาอยู่ในวัฒนธรรมของอีกฝั่งหนึ่งแล้วก็ย่อมมีการปรับตัวเป็นของธรรมดา
"รัชทายาทพะยะค่ะ ท่านอยู่ที่ไหน" เสียงเหล่าข้ารับใช้เรียกหาตั้งแต่ตะวันตกดิน เพราะปกติแล้วองค์รัชทายาทจะพักผ่อนในห้องหนังสือแต่ทำไมวันนี้ถึงได้หายตัวไป เมล์กลัวว่าจะมีใครมาลอบทำร้ายตอนที่ไม่ทันระวังตัวอีก ถึงจะมีสัญญาณเหมือนสัตว์แต่ถ้าเหนื่อยล้ามากก็คงไม่ไหวที่จะต่อต้านเหมือนกัน
"ข้าอยู่นี่ เกิดอะไรขึ้น"
"หม่อมฉันคิดว่ารัชทายาทถูกลอบทำร้ายเหมือนเมื่อวานพะยะค่ะ เลิกสั่งให้เหล่าคนรับใช้ออกตามหาหากไม่พบจะให้ทหารในวังช่วยตามหาอีกแรง"
"ไม่ใช่หรอก ข้าไปนอนห้องกระรอกน้อยมา"
"ว่าไงนะพะยะค่ะ! "
"ชู่ว! อย่าส่งเสียงดังสิ ทำแตกตื่นไปได้" แววตาเจ้าเล่ห์ที่ไม่ได้ถูกนำมาใช้บ่อยนักปรากฎขึ้นในดวงตาของคีย์ เขารู้สึกสนุกที่ทำให้คนอื่นคิดไปไกลทั้งที่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยถึงแม้ว่าใจจริงอยากจะทำมากกว่านั้นก็ตาม
"รีบไปบอกให้หยุดตามหาข้าได้แล้ว ไปเตรียมน้ำอาบให้ด้วย" เมล์รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีกับคำพูดของผู้เป็นนายแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ถึงรัชทายาทจะเป็นคนสุขุม เงียบขรึมแต่นิสัยเสียที่ชอบทำคือชอบแกล้งคนอื่นและพูดจาให้คิดไปไกล เขาอยู่มานานไม่มีทางหลงกลเด็ดขาด
"พะยะค่ะ" หลังจากคำสั่งของคีย์ถูกถ่ายทอดออกไป เหล่าข้ารับใช้ก็พากันไปทำหน้าที่ของตนเองตามเดิมรวมถึงเข้าใจว่าเจ้านายของตนตื่นก่อนเวลา ไม่ได้ถูกลอบทำร้ายอย่างที่ข้ารับใช้สูงสุดพูดถึง
ร่างสูงโปร่งบิดขี้เกียจไปมาสองสามครั้งก่อนตื่นนอน ดวงตากลมโตมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นคีย์อยู่ข้างกายตนเองแล้ว แปลว่าต้องออกไปทำงานตามปกติอย่างแน่นอน หลังจากใช้ชีวิตอยู่มาได้ไม่กี่วันสิ่งที่เห็นคือที่นี่แตกต่างที่คิดเอาไว้มากนัก มันสงบสุขและร่มรื่นกว่าที่คิดไว้มากนัก ถึงจะมีสงครามเย็นบ้างก็มีเพียงบางครั้งบางคราว
สิ่งที่น่าตกใจคือเหมือนเขาจะเนื้อหอมในหมู่ผู้ชายทั้งที่ก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน มือขาวจับหน้าของตนเองพลิกไปมาเพื่อตรวจดูความผิดปกติว่ามีส่วนไหนที่เหมือนผู้หญิงหรือไม่ ก็ไม่มีส่วนใดเหมือนผู้หญิงหากใดจึงมีแต่คนมาสนใจ มีแต่คนอยากเข้าหาขนาดนี้ หน้าตาสวยขนาดนั้นเลย คิดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เตรียมตัวไปอาบน้ำดีกว่า ป่านนี้น่าจะมีคนเตรียมน้ำไว้ให้อาบเหมือนเดิม
"กระรอกน้อย อยู่ที่นี่แล้วรู้สึกยังไงบ้าง" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
"ไม่เท่าไหร่นะครับ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด"
"เจ้าคิดอย่างไรกับที่นี่งั้นรึ" รัชทายาทเกิดสงสัยในความคิดของอีกฝ่ายขึ้นมาทันที
"เหมือนการทำสงครามเย็นครับเพราะว่าไม่ได้เงียบสงบมากนัก ยังคงมีการรบราในเรื่องการสืบทอดทายาท ราชบัลลังค์ การแย่งชิงอำนาจ เพียงแค่ไม่ได้ป่าเถื่อนอย่างที่ข้าคิดเอาไว้" มาอยู่ที่นี่ไม่นานก็เหมือนคนตรงหน้าจะเริ่มรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไรสินะ
"ข้ามีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกเจ้าและเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ข้าอนุญาต กระรอกน้อยจะฟังคำขอได้ไหม" ใบหน้าหล่อเหลาพูดพลางสบตาไปด้วยเหมือนต้องการให้รับรู้ว่านี่ไม่ใช่คำสั่งแต่อยากให้อ้อนวอนให้ทำได้ไหม ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่อไปตามแก้มนวล ไม่สามารถปฏิเสธหน้าตาอันทรงเสน่ห์นั้นได้จริงๆ
"คำที่พวกมนุษย์ชอบเรียกกันเจ้าสามารถใช้กับข้าได้อย่างเปิดเผย ถึงมันจะดูขัดหูขัดตาคนอื่นแต่ไม่ว่าจะเผลอพูดหรือตั้งใจข้าไม่เคยถือสาเลย"
"ฉะนั้นโปรดช่วยพูดบ่อยๆ จะได้หรือไม่ จีน" เป็นครั้งแรกที่คีย์เรียกชื่อเล่นของอีกฝ่ายที่มาจากโลกคู่ขนานไม่ใช่ชื่อใหม่ที่ถูกแต่งตั้งขึ้นในจักรวรรดิทำให้มีอิทธิพลต่อคำขอมากขึ้นไปอีก บนโต๊ะอาหารไม่มีของสิ่งใดเลยที่เป็นของร้อนแต่ใบหน้าหวานกับแดงเหมือนน้ำร้อนที่กำลังต้มจนสุก
เมื่อไม่มีคำตอบออกมาจากริมฝีปากบางนั่น ร่างสูงก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปถามในระยะประชิดซึ่งริคกำลังอยู่ในภวังค์ไม่ทันได้สังเกตดว่ารัชทายาทเข้ามาใกล้เพียงแค่หนึ่งนิ้วก็จะประชิดตัวได้ มือหนาลูบไล้ปากบางนุ่มนิ่มอย่างเชื่องช้าแล้วกระซิบถามอีกครั้งเพื่อรอฟังคำตอบอย่างใจเย็น ตั้งแต่เกิดมาหลายร้อยปีเขาไม่เคยแสดงกิริยาเช่นนี้กับใครเลยนอกจากคนตรงหน้า ความร้อนรุ่มที่อยู่ในจิตใจมีมากเหลือเกิน อยากจะจับกินให้ไม่เหลือกลิ่นเลือดแห่งความบริสุทธิอีกต่อไป อยากผูกมัดจิตใจให้ตกเป็นของเขาชั่วนิรันดร์
"ช่วยพูดบ่อยๆ ให้ข้าฟังหรือไม่ จิรายุ" จากชื่อเล่นเปลี่ยนมาเป็นชื่อจริง
"ได้ครับ ท่านพี่"
"เก่งมาก เด็กดี" มือหนาลูบกลุ่มผมนิ่มอย่างเอ็นดู ท่าทีขัดเขินและไม่ประสีประสาในเรื่องความรักช่างน่ารักเสียจริง ก่อนที่เขาจะเข้ามาใกล้กระรอกน้อยก็ได้ส่งสายตาอำมหิตไปยังเหล่าคนรับใช้ในห้องอาหารให้ออกไปให้หมด คีย์ไม่ต้องการให้ใครมาพบเห็นท่าทางน่ารักเช่นนี้ จะต้องมีเพียงเขาเท่านั้นที่จะได้เห็นมัน
"ช่วงนี้ข้ายุ่งมากเลยกระรอกน้อย สนใจจะไปเดินเล่นในสวนกับข้าไหม"
"ครับ ท่านพี่"
ยามที่ทั้งสองเดินเคียงข้างในสวนดอกกุหลาบสีขาวสะอาดตาส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณ แต่กลับมีสิ่งหนึ่งที่นับวันเพิ่มความหอมมากขึ้นทุกวันนั่นก็คือกลิ่นเลือดในตัวของริค สำหรับคนอื่นได้กลิ่นมากน้อยแค่ไหนเขาไม่รู้หรอกแต่สำหรับคนที่เป็นเนื้อคู่กันแล้วมันช่างได้ผลอย่างร้ายกาจ ตอนเรียนในชั่วโมงเรียนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าแวมไพร์จะมีมุมที่กระหายเลือดจนไม่สามารถหักห้ามใจได้ ซึ่งคีย์ต้องใช้ความอดทนอย่างมากในการอยู่ใกล้แล้วไม่แตะต้องอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว
พระราชวังส่วนตัวของรัชทายาททางด้านใต้นั้นถือเป็นวังพักร้อนในช่วงหน้าร้านที่มีการหยุดระยะยาวหลายสัปดาห์ แต่ครั้งนี้ถูกนำมาใช้ทำงานหลากหลายรูปแบบนั้นค่อนข้างเป็นข้อดีเลยทีเดียว ดีกว่าปล่อยให้รกร้างมีเพียงการทำความสะอาดแต่มันยังถูกใช้สอยอีกด้วย ตอนกลับเข้าวังหลวงไปทำเรื่องซ่อมบำรุงเสียหน่อย
ดีกว่า มันถูกสร้างมานานมากจนน่าจะมีการดูแลรักษาเสียที ต่อให้มีพลังที่กล้าแกร่งแค่ไหนก็มีวันที่จะได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน"อยากมาช่วยงานข้าไหม กระรอกน้อย" เขาหวังว่าจะได้รับคำตอบในทางที่ดี ไม่เช่นนั้นคงผิดหวังแย่"ข้าช่วยอะไรท่านพี่ด้วยหรือพะยะค่ะ""หรือเจ้าอยากเรียนหนังสือล่ะ""แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าสงสัยมาตลอด และต้องการรู้จากปากของเจ้า""อะไรหรือพะยะค่ะ""เจ้าอ่านภาษาของแวมไพร์ออกได้อย่างไร เจ้าไม่เคยได้เรียนภาษาของพวกข้า""ไม่รู้เหมือนครับ จู่ๆ ก็อ่านได้เอง""ไม่มีใครสอนแน่นะ""ครับ ไม่มี" หมายความว่ามันถูกถ่ายทอดผ่านสายเลือดงั้นรึ ของแบบนี้สามารถทำได้ด้วยเหรอ หรืออาจะเคยได้ยินผ่านๆ"งั้นสนใจมาช่วยงานของข้าไหม""ข้าทำได้หรือขอรับ" ใบหน้าหวานส่ายหัวไปมาด้วยความสงสัย"ในตอนนี้ข้าก็มีเพียงเมล์ที่เป็นผู้ช่วย หากได้เจ้ามาคอยช่วยงานอีกน่าจะเบามือได้ไม่น้อย""ได้ครับ ผมจะช่วย""ถ้างั้นกลับเข้าวังกันเถอะ"ตามปกติแล้วองค์รัชทายาทสามารถเลือกข้ารับใช้คนสนิทไว้ข้างกายได้มากมาย แต่คีย์เลือกเพียงเมล์เท่านั้นเลยทำให้เป็นภาระทางตนเองอย่างหนัก เขาไม่สามารถไว้ใจใครได้ทั้งนั้น การจะเลือกใครมาข้างกายต้องไ
เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมคนทำงานในโลกของเขาส่วนใหญ่ถึงชอบทำงานตอนกลางคืนมากกว่ากลางวัน เพราะมันทั้งเงียบสงบและทำให้คิดงานได้ง่ายกว่าหลายเท่า แถมประสิทธิภาพในการทำงานก็ดีกว่าช่วงกลางวันเป็นไหนๆ แต่วิถีชีวิตของเผ่าพันธ์ถ้าจะให้เปลี่ยนมาทำแบบแวมไพร์คงจะยาก อะไรหลายๆ อย่างก็ไม่ได้อำนวยเสียด้วยแต่ถ้าหากอยู่ร่วมกันไปแบบนี้เรื่อยๆ ริคเองก็น่าจะใช้ชีวิตแบบแวมไพร์ได้ไม่ยากเท่าไหร่นัก มาอยู่ได้ไม่กี่วันก็เริ่มนอนกลางวันแล้วมาทำงานตอนกลางคืนแทน อีกไม่นานคงจะเคยชินกับวิถีชีวิตแบบนี้แน่นอน เอกสารพวกนี้มากจนไม่คิดว่าคือจำนวนของคนที่ต้องทำมันช่างไม่บาลานกันเลยสักนิด ยิ่งอยู่สูงมากเท่าไหร่ยิ่งเหนื่อยมากเท่านั้นสินะ"กระรอกน้อยทำไหวไหม มีอะไรให้ข้าช่วยหรือเปล่า" เสียงทุ้มต่ำถามด้วยความเป็นห่วง"ก่อนที่รัชทายาทจะเป็นห่วงคนอื่น กรุณาห่วงตัวเองก่อนเถอะพะยะค่ะ งานเยอะขนาดนี้ยังทำไม่เสร็จอีก" เมล์ขัดจังหวะทันทีไม่ใช่ว่าไม่ห่วงคุรชายริคแต่อีกคนตั้งท่าจะหนีงานตนเองต่างหาก จึงต้องกันไว้ดีกว่าแก้"ผมยังไม่ง่วงเท่าไหร่ครับ คิด
"พอดีข้าได้ยินว่าเจ้าจะเข้าวังหลวงพรุ่งนี้ เลยอยากจะมาทักทายเสียหน่อย" คลาสเริ่มทำสงครามประสาททันที เนื่องจากเป็นความถนัดของแฝดผู้พี่ที่มักใจเย็นและสุขุมมากกว่าแฝดน้อง"แต่ข้าดันควบคุมพลังไม่ได้เพราะหวงพี่สะใภ้ก็เลยพลั้งมือทำกระจกบ้านเจ้าแตกจนหมด เดี๋ยวจะชดเชยค่าเสียหายให้หลังจากคุยเสร็จ" ครอสราดน้ำมันต่อจากแฝดผู้พี่ทันทีเพราะตนไม่ใช่คนใจเย็นจึงเปิดประเด็นไม่เก่งเท่าไหร่นัก เรียกว่าความแฝดนรกนี้น้อยคนที่จะแยกออกเพราะพวกเขาชอบแต่งตัวและทำท่าทางเหมือนกันตลอดเวลา ถึงจะทำงานกันคนละที่แต่การแต่งตัวยังไม่เปลี่ยนไปเลย"ล้อหม่อมฉันเล่นหรือเปล่าพะยะค่ะ มีหรือที่หนึ่งในอันดับราชวงศ์ที่มีความสามารถของพวกท่านจะพลั้งมือ หากบอกว่าเป็นความตั้งใจจะน่าเชื่อถือกว่าเลย""ใช่! ข้าจงใจทำเองเพราะหมั่นไส้ ไม่รู้จักหาของตัวเองหรือไงถึงได้มาแย่งของคนอื่น" ครอสเริ่มตีฝีปากทันทีเพราะยังไงก็ยอมรับไปแล้วว่าจงใจทำ ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลอะไรทั้งนั้น ก็แค่อยากเห็นสีหน้าของราชวงศ์ที่กลัวจนตัวสั่นบ้างก็เท่านั้นเอง"ข้าจะชวนเจ้าไปวังหล
"จะไม่ให้ข้ามีปัญหาได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าเอาเด็กที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามาเป็นว่าที่จักรพรรดินีองค์ต่อไปได้อย่างไรกัน" หัวหน้าตระกูลริคไม่มีทีท่าว่าจะถอยให้กับผู้เป็นน้องสาวของเขาเลยแม้แต่ก้าวเดียว เรื่องราชวงศ์เป็นสิ่งสำคัญ ไหนจะเรื่องการมีทายาทอีก"หม่อมฉันรู้จักแม้กระทั่งตาของเด็กคนนี้ ท่านลุงยังมีปัญญาอะไรอีกหรือไม่ขอรับ" รัชทายาทเองก็ทนฟังไม่ไหวแล้วเหมือนกัน จะว่าใครก็ได้แต่ไม่ใช่กับกระรอกน้อยของเขา"หมายความว่ายังไงกันแน่"แกร๊ก!"หม่อมฉันขอเชิญดยุคริค ท่านจักรพรรดินี รัชทายาท คุณชายไวท์ ไปที่ห้องทำงานของท่านจักรพรรดิด้วย" มีเทนมาได้จังหวะสงบศึกสงครามน้ำลายของทั้งสามได้ทันเวลาพอดีจำเป็นที่จะต้องถกเถียงกันขนาดนี้ไหม บางทีถ้ายอมฟังกันก่อนเรื่องราวมันไม่น่าจะอลหม่านขนาดนี้นะ จักรพรรดินีหัวแข็งไม่ฟังใคร ดยุคริคก็ไม่ยอมอ่อนข้อ รัชทายาทก็ให้ท้ายจนไม่ลืมหูลืมตา จะบอกว่าเหมาะสมสำหรับการทะเลาะกันก็คงไม่แปลกเลยจริงๆ ถ้ามีเทนไม่มาห้ามไว้มีหวังได้มีสงครามมากกว่าน้ำลายแน่นอน แค่คิดก็ปวด
"อรุณสวัสดิ์ครับ คุณมีเทน""อรุณสวัสดิ์ขอรับ คุณชายไวท์ ตื่นแต่หัวค่ำเลยนะขอรับ""เล่นนอนไวแบบนั้นก็เลยตื่นไวไปด้วยครับ ขอไปห้องครัวด้วยจะได้ไหมครับ""ถ้ากระผมปฎิเสธคุณอีกจะต้องโดนสายตาของแวมไพร์ชั้นสูงรุมอีกแน่ครับ ถ้างั้นผมจะนำทางให้" คนในวังหลวงยังไม่เคยเห็นร่างสูงโปร่งมาก่อนเพราะว่าตั้งแต่เกิดเรื่องที่งานเลี้ยงก็ไปอยู่วังของรัชทายาทแล้วเดินทางไปยังใต้ต่อทันที จนวันนี้ทุกคนได้พบเห็นรูปร่างหน้าตาของไวท์แล้วถึงกับตกตะลึงไปหลายคน เพราะรูปร่างดูเหมือนผู้ชายรวมไปถึงกล้ามเนื้ออันแข็งแรงแบบนักกีฬาแต่หน้าตาหวานปานผู้หญิง ถึงจะดูขัดกันแต่เมื่อรวมอยู่ในคนๆ เดียวนั้นเรียกได้ว่าเป็นชายหนุ่มที่รูปงามยิ่งนักห้องครัวจากวังหลวงนั้นใหญ่โตกว่าวังของรัชทายาทมาก กว้างเสียจนไม่รู้ว่าไปสุดทางไหน มือขาวหยิบจับของที่สามารถมาทำเป็นขนมได้ทันทีโดยไม่ได้พูดคุยกับใคร มีเหล่าพ่อครัวมากมายจะมาห้ามปรามการกระทำดังกล่าว จะให้แขกมาทำอาหารได้อย่างไร มันไม่ถูกต้องเลยสักนิดแต่ก็ได้รับคำตอบเป็นรังสีอำมหิตมาจากบุคคลที่มีอำนาจรองจากองค์
"หมอหลวง เมื่อไหร่กระรอกน้อยจะฟื้น นี่มันสามวันแล้วนะ" รัชทายาทเร่งด้วยความร้อนใจ ตั้งแต่คนที่ปกป้องไวท์ปรากฏตัวคราวนั้น ก็ทำให้เหล่าคนรับใช้แพร่ข่าวลือใหม่ออกไปว่าเป็นลูกครึ่งเทพกับมังกร จะต้องนำพาความโชคดีมาให้กับจักรวรรดิอย่างแน่นอน แต่ความโชคดีนั้นทำไมถึงไม่ส่งผลกับเจ้าตัวเลยล่ะ ทำไมถึงนอนนิ่งอยู่แบบนี้ จะให้ข้าช้ำใจตายหรืออย่างไรกัน ฟื้นขึ้นมาเถอะ เจ็บจนจะทนไม่ไหวแล้ว"ออกไปให้หมด" การบังคับเสียงไม่ให้สั่นมันยากถึงเพียงนี้เชียวหรือ"พะยะค่ะ รัชทายาท / เพคะ รัชทายาท"น้ำตาของร่างสูงเอ่อล้นไปรอบดวงตาจนไหลรินออกมาอย่างไม่ขาดสาย ถึงแม้ว่าอาการบาดเจ็บทางร่างกายจะหายตั้งแต่วันแรกที่ได้รับการรักษาแล้วก็ตาม แต่กลับไม่ฟื้นขึ้นมาเสียที ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ไม่น่าเชื่อว่าแวมไพร์ที่เย็นชาอย่างเขาจะต้องมานั่งร้องไห้ให้กับมนุษย์เพียงคนเดียวด้วย ช่างน่าขันเสียจริง"พี่คีย์ ร้องไห้ทำไมเหรอครับ ใครทำอะไรให้เสียใจเหรอ" มือขาวเกลี่ยน้ำตาที่อยู่หางตาทั้งสองข้างด้วยความเป็นห่วง ทำไมสีหน้าอิดโรยแบบนี้ ไม
"มิน่าล่ะ! ข้าถึงได้หลับตามน้ำแบบไม่อยากจะตื่น พลังของท่านพี่สุดยอดไปเลย" ไวท์บอกพลางชูนิ้วโป้งให้ทั้งสองข้าง สำหรับจักรวรรดิแล้วการยกนิ้วไม่มีความหมายอะไรแต่ดูท่าสำหรับโลกมนุษย์น่าจะหมายถึงเก่งหรือเปล่า"ในโลกมนุษย์หมายความว่าเก่งใช่ไหม""ไม่ใช่แค่เก่งนะพะยะค่ะ เขาเรียกว่าเจ๋งไปเลย""เจ๋งไปเลย หมายความว่าอย่างไร""หมายความว่าสุดยอดมาก แปลกใหม่ เรียกว่าเจ๋งพะยะค่ะ""ข้าคิดว่าตอนนี้พวกเจ้าควรกินอะไรสักหน่อยนะ อาหารถูกยกมาวางให้แล้ว พวกเจ้าก็คุยกันต่อไปเถอะ" จักรพรรดิไอสองสามครั้งเพื่อเตือนว่าไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งคุยกันสบายใจแบบนี้ ควรกินข้าวและไปจัดการเรื่องข่าวลือให้เรียบร้อยเสียก่อน ไม่เช่นนั้นน่าจะกลายเป็นเรื่องไปมากกว่านี้อย่างแน่นอน"รัชทายาท""พะยะค่ะ ท่านพ่อ""เจ้าจะต้องเข้าไปอธิบายเรื่องการดีฟให้ที่ประชุมฟัง ส่วนหนูไวท์" เรื่องดีฟคือหัวข้อสำคัญในการคุยงานครั้งนี้งั้นรึ"พะยะค่ะ ท่านจักรพรรด
"อะไรนะ! เทพ! ""อะไรนะ! มังกร! "ความโกลาหลเกิดขึ้นในห้องประชุมทันทีเพราะเทพกับมังกรคือสิ่งที่แวมไพร์ไม่สามารถต่อกรได้สักอย่าง แต่สายเลือดที่น่ากลัวทั้งสองดันไหลเวียนอยู่ในตัวมนุษย์ผู้นี้ แถมยังเป็นเทพแห่งแสงสว่างและมังกรที่แข็งแกร่งที่สุดของยุคอีกต่างหากทำอะไรให้ไม่พอใจขึ้นมา จักรวรรดิไม่ล่มสลายเพราะเด็กคนนี้งั้นรึ รัชทายาทไปเจอตัวมาได้ยังไงกันปึง!"เงียบ แล้วฟังที่รัชทายาทพูดต่อ" จักรพรรดิทุบโต๊ะเพื่อปรามให้เหล่าแวมไพร์ทั้งหมดสงบลงทั้งในห้องประชุมและนอกห้องประชุม เสียงที่เปล่งออกมาช่างทรงพลังยิ่งนัก"เรื่องชาติกำเนิดน่าจะหมดปัญหาแล้ว ต่อไปคือเรื่องที่ว่าอาการของข้าจะเป็นอะไรไหม ข้าแค่ดีฟไปสองสามวันเพราะทำงานหนักเฉยๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงและสั่นคลอนทั้งนั้น ใครที่หวังจะชิงบัลลังค์ก็รีบล้มเลิกไปซะ ถ้ายังอยากมีชีวิตที่ยืนยาวต่อไป""ข้าไม่ได้หวังให้ประชาชนเห็นด้วยมากนัก แต่ประชาชนบางส่วนที่เคยเจอมนุษย์ผู้นี้แล้วก็รับรู้ได้ใช่หรือไม่ว่าเขาไม่ได้เป็นอันตรายกับพว
"เจ้านี่มัน..." รัชทายาทกัดฟันกรอดอย่างไม่สบอารมณ์นัก"ข้าทำไมหรือพะยะค่ะ องค์รัชทายาทควรแก้ไขจุดนี้ก่อนที่จะสายเกินแก้" เมล์ถูกสอนมาจากโรงเรียนเสมอว่าถึงจะเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์มาตลอดในตระกูลแต่การสอนเจ้านายนั่นก็สิ่งที่ต้องทำเช่นกัน หากผู้เป็นนายมิได้เชื่อฟังคำแนะนำ ก็จงทำให้เห็นแก่ตาตัวเองว่าเป็นเช่นไร เป็นบทเรียนที่ดีที่สุด"งั้นเจ้าไปพักเถอะ ข้าอยากอยู่คนเดียว""พะยะค่ะ รัชทายาท"เมล์เดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้ายิ้มแย้มราวกับว่าอารมณ์ดีมากที่สุดของการมีชีวิตอยู่เลยก็ว่าได้ เพราะปกติเตือนอะไรไม่เคยจะฟังกันเลย ครั้งนี้น่าจะเป็นเรียนใหญ่ในชีวิตเลยล่ะ"ท่านเมล์ขอรับ มีจดหมายส่งมาถึงวัง""อืม มีอะไรก็ไปทำเถอะ"มือหนาเปิดซองแกะอ่านจดหมายที่จ่าหน้าซองถึงตนเองอย่างชัดเจน เนื้อหาในจดหมายค่อนข้างชัดเจนเรื่องการถูกติติงเรื่องการดูแลองค์รัชทายาทว่าต้องให้ดีกว่านี้แต่ก็ทำถูกเรื่องการดัดนิสัยพระองค์ไปในตัว ไม่รู้ว่าจะชมหรือจะมาด่ากันแน่ ผู้เป็นพ่อต
"เมื่อยไหม กระรอกน้อย" รัชทายาทถามพลางจับใบหน้ากับใบหูของอีกฝ่ายเพื่อตรวจอาการเบื้องต้น เพราะเขาไม่รู้เลยว่าการที่อีกคนมาอยู่อีกโลกร่างกายจะได้รับความเสียหายอะไรไหมจากการเดินทาง สภาพแวดล้อมสามารถอยู่ได้ไหม"ผมไม่เป็นไรครับ แค่เมื่อยก้นนิดหน่อยเพราะนั่งมานานแล้ว" เสียงทุ้มนุ่มตอบพลางขยับตัวไปมาบิดขี้เกียจในรถม้า ท่าทางดูเป็นธรรมชาติเหมือนกับการถูกเลี้ยงดูมาแบบสามัญชนสินะ ถ้าต่อไปต้องมาทำวางท่าแล้วจะเหนื่อยหรือเปล่านะ"มีอะไรหรือเปล่าครับ สีหน้าดูไม่ดีเลย""ข้ากังวลเรื่องต่อจากนี้ไปของกระรอกน้อย จะไหว จะทำได้หรือเปล่า จะทนได้ไหม คิดไปเยอะมากจนปวดหัว"ผู้ชายคนนี้เป็นถึงแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์ของโลกนี้ เป็นคนที่จะมาสืบทอดตำแหน่งต่อจากองค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินี มีเรื่องราวมากมายให้ทำในแต่ละวันแต่กลับคิดหนักเรื่องของไวท์มากขนาดนี้ ต้องเป็นคนที่อ่อนโยนขนาดไหนกันนะ คนที่ต้องแบกรับชะตากรรมของผู้อื่นไว้มากมาย ความรู้สึกต้องกดดันมากแค่ไหน"ไม่เป็นไรนะครับพี่คีย์ ผมเป็นลูกผู้ชาย สบายมา
"สำหรับพวกข้าแล้วยังไงก็ได้พะยะค่ะ เพราะถึงจะมีเด็กคนนั้นอยู่พวกเราก็ยังต้องทำงานเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรนัก" ครอสบอกพลางทำหน้าเรียบเฉย"แถมพวกเรายังดูเขตการปกครองคนละที่กันด้วย ยังไงก็คงจะคนละสัปดาห์อยู่แล้ว" คลาสเห็นด้วยทันทีเพราะว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันมากขนาดนั้น แถมเขตการปกครองยังอยู่ห่างกันคนละซีกจักรวรรดิเลยก็ว่าได้ ตัวติดกันเฉพาะตอนเรียน ตอนสอบ และตอนออกงานใหญ่ๆ นอกนั้นก็อยู่แยกกันตลอด"ข้าจะส่งหนูไวท์ไปอยู่กับพวกเจ้าคนละหนึ่งสัปดาห์ แต่ถ้าเป็นฝาแฝดจะเป็นสองสัปดาห์เพราะมีสองคนในที่เดียวกัน หากพวกเจ้ามีใจให้แล้วล่ะก็...จะต้องพยายามทำให้เด็กคนนั้นตกหลุมรักพวกเจ้าให้ได้ และอย่าหาวู่วามทำอะไรล่วงเกินโดยใช่เหตุ เพราะไม่มีใครรู้ว่าพลังของมังกรกับเทพเป็นยังไง คนกำเนิดเป็นถึงบุคคลที่มีพลังมากที่สุดของมังกรทั้งปวง สุดเทพก็ยังเป็นเทพแนวหน้าของเทพเจ้ากรีกอีก หากไม่คิดให้ดีแล้วอาจจะถูกทำลายแทนที่จะได้รับความรักก็ได้ ตัวอย่างก็มีให้เห็นอยู่แล้วหลายคน คงต้องไม่อธิบายให้มากความ""นอกนั้นให้มันเป็นไปตามลำดับก็แล้วกัน ค
"นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าข้าทำให้เจ้า เสียเวลางั้นรึ" เทรเลอร์ถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ นี่เขาลงทุนมาหาถึงที่นี่แต่กลับพูดถึงคนอื่นได้อย่างไรกัน มันจะหยามกันเกินไปแล้ว"คราวที่แล้วก็มาลักพาตัวข้า วันนี้ยังจะบุกมาหาถึงที่ ใครเขาอยากจะไปคุยด้วย" เสียงทุ้มนุ่มตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉย เพราะในบรรดาที่รู้จักมานั้นมีคุณชายสวิต เทรเลอร์ที่นิสัยเสียที่สุดแล้ว ทำอะไรตามใจตัวเองตลอดเวลา ไม่สมกับเป็นเชื้อพระวงศ์เลยสักนิดเดียว"อย่างที่ไวท์พูดมา เจ้ากลับไปได้แล้ว อย่ามาวุ่นวายที่นี่อีก" เสียงทุ่มต่ำบอกพลางมองด้วยสายตารำคาญ พวกเขาอยู่อย่างสงบสุขแล้วทำไมต้องมาทำอะไรให้มันวุ่นวายแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้"ก็แค่กระจกแตก ไม่เห็นจะมีอะไรมากมาย ลองมาสู้กันหน่อยไหมพะยะค่ะ รัชทายาท""เห็นว่าไม่ค่อยมีเวลาได้ซ้อมเท่าไหร่ เพราะงานราชการล้นมือ เลยมาซ้อมตอนนี้หน่อยเป็นไง"ก่อนที่ร่างของทั้งคู่จะเข้าปะทะกันก็มีมือคู่หนึ่งยื่นปากกากับไม้บรรทัดห้ามทัพไว้เสียก่อน ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นไวท์นั่นเองที่รีบวิ่งเข้าไปขวางเอาไว้ นั
"ได้ความว่าอะไรบ้าง" เทรเลอร์ถามพลางทำสีหน้าเหมือนกับกำลังจะสนุกกับอะไรบางอย่างอยู่ ตั้งแต่งานเลี้ยงในครั้งนั้นก็ยังไม่ได้เจอกันอีกเลย เนื่องจากกลิ่นเลือดที่หอมหวานเลยถูกกักบริเวณให้อยู่แต่วังส่วนตัวของรัชทายาทแต่เพียงผู้เดียว ไม่ได้ไปอยู่วังต่างหากและมีเสียงลือว่าได้รับความโปรดปรานมากถึงขั้นให้อยู่วังเดียวกัน ซึ่งก็ไม่น่าจะผิดกับความจริงสักเท่าไหร่ หากเป็นเขาเองก็อยากจะให้อยู่คฤหาสน์เดียวกัน การมีมนุษย์แบบนั้นอยู่ในบ้านช่างเป็นเรื่องที่น่าสนใจยิ่งนัก"ได้ข่าวมาว่าลอร์ดโฟลช์ เมล์ กับบารอนคีเซิน ถูกสั่งปลดยศชั่วคราวจากคุณชายริค ไวท์ แถมยังถูกสั่งให้ทำงานบ้านทุกอย่างทั้งหมดภายในวังเป็นระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ รวมถึงให้ใส่ชุดข้ารับใช้ชายตลอดระยะเวลาการลงโทษอีกด้วย ช่างสยดสยองอะไรเช่นนี้ หากเป็นหม่อมฉันขอตายเสียยังดีกว่ามีชีวิตอยู่อย่างอัปยศเช่นนี้""อืม...น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ยิ่งรู้จักยิ่งน่าสนใจ""หมายความว่ายังไงขอรับ คุณชายใหญ่""ชาร์ที เด็กคนนี้มีความสามารถพิเศษที่ดึงดูดแวมไพร์รุ่นใหม่ให้เข้าหาได้ง
"แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะทำไม่ได้เพราะจะมีคนคอยช่วยสอนให้เป็นระยะเวลาสามวัน หมายความว่าสี่วันที่เหลือจะต้องทำเองทุกอย่างทั้งหมดเพียงแค่สองคน คนอื่นข้าให้พักงานเป็นระยะเวลาสี่วัน""ข้อสุดท้ายก็คือในช่วงระยะเวลาการลงโทษนั้นจะต้องใส่ชุดข้ารับใช้หลวงผู้ชายไปจนกว่าจะหมดระยะเวลาการรับโทษ และเรื่องการกระทำความผิดครั้งนี้จะถูกเขียนรายงานส่งทางพระราชวังด้วยลายมือและตราประทับของผม""ส่วนเหตุผลนั้นไม่ยาก หากรู้จักละอายต่อความผิดในครั้งนี้แล้วนั้น จะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง" รอยยิ้มหวานที่เหมือนบาดลงไปในใจของแวมไพร์วัยหนุ่มทั้งสองนั้นไม่ได้ชวนให้ดูน่ารักแต่มันน่าสยดสยองเสียมากกว่าในเวลานี้ เสียงร้องโหยหวนร้องขอความตายดังออกมาจากทั้งคู่ทันที"คุณชายขอรับ ช่วยให้ข้าตายเสียเถอะ หากลงโทษเช่นนี้" เมล์บอกด้วยใบหน้าหนักใจและอยากตายมากกว่ามีชีวิตอยู่ ไม่เพียงแต่เป็นการลงโทษที่ยากแต่ยังสร้างความอับอายให้เป็นประวัติเสื่อมเสียแก่วงศ์ตระกูลอีกต่างหาก"ข้าด้วยขอรับ ถ้าลงโทษแบบนี้ได้โปรดใช้กริชเงินแทงที่หัวใ
"ถึงจะแบบนั้นก็ไม่ได้ขอรับ มันยังอันตรายเกินไป""เฟลิกซ์ เจ้าจะดื้อดึงไปถึงไหนกัน ก่อนหน้านี้นายของเจ้าก็ไปดินแดนอื่นมามากมายก่อนที่จะเข้าวังหลวง จะมาทำเป็นพิธีรีตองให้ยุ่งยากทำไมกัน" เขาเห็นมาตลอดว่ารัชทายาทพาไปดินแดนอื่นแต่ทำไมเวลานี้กลับไปไม่ได้เสียแล้ว"นับวันกลิ่นยิ่งรุนแรงรอให้สร้อยปกปิดกลิ่นที่ถูกสั่งมาถึงเสียก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยว่ากันขอรับ" การปะทะฝีปากยังคงดำเนินต่อไปเพราะคนห้ามไม่ได้อยู่ที่นี่นั่นเองมือขาวเริ่มจัดเตรียมของสำหรับอาหารกินเล่นในเวลานี้โดยมีคัสซัสมองด้วยความกังวลเป็นระยะ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นมนุษย์ทำของกินแปลกประหลาดมาก่อน แถมยังมีรสชาติอร่อยน่าเหลือเชื่ออีก"คัสซัสไม่ต้องกังวลไป แค่นี้ข้าทำได้ ไม่มีปัญหา" เสียงทุ้มนุ่มบอกพลางจัดแจงเตรียมทำอย่างทะมัดทะแมงก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!"รัชทายาทเรียกให้คุณชายไปเข้าพบขอรับ""บอกให้ท่านพี่รอก่อนนะ ข้าขอทำอาหารก่อน""ถึงจะเป็นบุตรบุญธรรมแห่งตระกูลริคก
"ถ้างั้นผมเองก็จะดูแลทุกคนตราบจนลมหายใจสุดท้ายเช่นกัน ดีไหมเอ่ย" รอยยิ้มหวานที่สดใสเหมือนโลกทั้งใบถูกส่งมายังเฟลิกซ์ ถึงแม้ว่าจะอยู่มานานแต่ไม่เคยมีใครทำตัวแบบกับเขาเลยสักครั้ง ทำให้เสียงข้างในหัวใจเต้นแปลกไปจากที่เคยเป็น ใบหน้าเริ่มแดงก่ำเหมือนคนออกกำลังกายมาอย่างหนัก"เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าแดงจัง" นิ้วเรียวยาวจิ้มหน้าผากอีกฝ่ายด้วยความสงสัยโดนที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ลูกครึ่งแวมไพร์เขินขนาดนี้"ไม่เป็นไรขอรับ เดี๋ยวข้าจะไปเตรียมน้ำให้อาบ นอนดึกไม่เป็นผลดีเท่าไหร่""แล้วผมไม่ต้องนอนกลางวันแล้วตื่นกลางคืนเหรอ แบบนั้นต้องเรียกว่านอนเลยวันไม่ดีเท่าไหร่" ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจสถานการ์ณแล้วว่าเด็กตรงหน้าคือลูกหลานของตาแก่ไม่ผิดอย่างแน่นอน การใช้คำ การพูดจา การมองทะลุปรุโปร่งแบบนี้การคัดสรรคนมาดูแลริค ไวท์ บุตรชายบุตรธรรมของเชื้อพระวงศ์อย่างตระกูลริคเสร็จสิ้นภายในสามวันเพราะถ้ายิ่งล้าช้า การเรียนการสอนต่างๆ ก็จะช้าตามไปด้วย โดยคนที่จะมาสอนนั้นไม่ใช่คนอื่นคนไกล ก็คือเหล่าบรรดาที่คัดเลือกม
ทันทีที่รัชทายาทตอบไปแบบนั้นเหล่าสาวๆ ก็พากันส่งเสียงกรี๊ดแสดงความยินดีกันมากมาย และพากันไปบอกปากต่อปากทำให้มีคนที่ไม่พอใจในเรื่องนี้เพราะตนเองก็สนใจไวท์อยู่ไม่น้อย จู่ๆ จะมาครอบครองเอาไว้คนเดียวแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด และเริ่มออกตัวกันว่าชอบไวท์อย่างออกนอกหน้ากันในงานเลี้ยงทันที"รัชทายาทจะพูดแบบนั้นไม่ได้นะพะยะค่ะ" เทรเลอร์บอกพลางมองไปที่คนที่อยู่ข้างกายแล้วส่งสายตาให้ว่าอยากให้มาอยู่กับตนเองมากกว่า"เจ้าหมายความว่ายังไง สวิต เทรเลอร์""หม่อมฉันก็สนใจในตัวคุณชายริค ไวท์ ไม่น้อย แถมยังไม่ได้ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เพราะฉะนั้นหม่อมฉันมีสิทธิที่จะได้เดินหน้าจีบคุณชายอย่างเต็มที่""ได้ข่าวว่าคุณชายเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ที่รังเกียจมนุษย์มากเป็นอันดับต้นๆ ทำไมถึงได้มาสนใจมนุษย์เสียแล้วล่ะขอรับ" บลัฟเฟอร์ถามด้วยสีหน้ากวนประสาทเพราะเขารู้มาตลอดว่าคุณชายคนโตจากตระกูลสวิตเกลียดชังมนุษย์มากแค่ไหน ทำไมถึงได้ให้ความสนใจคนที่เขาหมายปองเสียได้"ไวท์ออกจะน่ารักขนาดนี้ พวกเราสองคนจะไม่เข้าร่วมได้