คิดถูกแล้วที่ตัดสินใจส่งจดหมายก่อนที่คุณชายริคจะเดินทางมาถึง เพราะว่าเวลาไม่นานร่างสูงปีกสีดำขนาดใหญ่ก็บินมาถึงบ้านของเขาเสียแล้ว แสดงว่าร้อนใจจะไม่สามารถนั่งรถม้าหรือรถค้างคาวมารับได้เลยสินะ เด็กคนนี้ต้องมีดีอะไรพอสมควรเลย
ปึง!
"กระรอกน้อย! ไม่เป็นอะไรใช่ไหม! ใครทำอะไรหรือเปล่า! " คียร้อนใจจนไม่สามารถบังคับตนเองได้แล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้นกับแก้วตาดวงใจแล้วล่ะก็...คฤหาสน์หลังนี้พังไม่เป็นท่าแน่ๆ
"ทำไมต้องโวยวายเสียงดังด้วยพะยะค่ะ ใจเย็นลงก่อน" เทรเลอร์ตอบกลับอย่างใจเย็น ไม่บ่อยนักที่จะเห็นอาการแบบนี้ออกมา ปกติเป็นคนสุขุม รอบคอบ ใจเย็น ได้เห็นอะไรที่ไม่เคยซะแล้วสิ
"จะให้เย็นได้ยังไง ความต่างของเผ่าพันธ์มันเยอะขนาดนี้"
"แถมกลิ่นเลือดยังหอมหวานชวนให้ดื่มตลอดเวลา ข้าไม่ไหวใจเจ้า! สวิต เทรเลอร์"
"รัชทายาท ใจเย็นลงก่อนพะยะค่ะ" เมล์ห้ามปรามเจ้านายของตนทันที ไม่มีความจำเป็นต้องไปเดินตามเกมส์ของคนตระกูลสวิต
"ต่อให้ท่านจะฆ่าเขาเสียตรงนี้ ก็ไม่มีโอกาสได้รู้ว่าคุณชายริคอยู่ที่ไหน" ท่าทีของคีย์โอนอ่อนลงทันที คนรับใช้ตระกูลโฟลช์ถูกขัดเกลามาให้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ให้ความช่วยเหลือ และห้ามปรามกษัตริย์มารุ่นต่อรุ่นรวมถึงครั้งนี้ก็ได้ผลเช่นกัน ไม่อยากจะยอมรับแต่ตระกูลนี้มีอำนาจเหนือทุกตระกูล มีอำนาจล้นเหลือจักรวรรดิแต่อยู่ใต้ฝ่าเท้าเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
"ยังทำงานดีเหมือนเดิมเลยนะ คนของตระกูลโฟลช์" ชาร์ทีเริ่มทำสงครามน้ำลายต่อจากผู้เป็นนายทันที
"ไม่เหมือนคนตระกูลคอสหรอก รู้ทั้งรู้ว่าไม่สมควรสอดเรื่องเจ้านายก็ยังทำ"
"ท่าทางจะไม่ได้รับการอบรมที่มากพอ ทำยังไงก็ไม่มีทางขึ้นมารับใช้วรรณะกษัตริย์ได้หรอก"
"เมล์! เจ้า! " ชาร์ทีถึงกับเลือดขึ้นหน้าทันทีที่พูดถึงตระกูลของตนเอง ถึงจะไม่อยากยอมรับนักแต่อบรมสั่งสอนมันช่างแตกต่างกันจนน่าโมโห
"ก่อนจะกล่าวหาว่าร้ายผู้อื่น เจ้าไม่ลองมองย้อนดูตัวเองบ้างรึ"
แกร๊ก!
"ของว่างมาแล้ว ท่านพี่มาได้ยังไงครับ" ใบหน้าหวานมีสีหน้างงงวยพลางเกาหัวของตนเองไปด้วย เขาไปเข้าห้องน้ำแล้วดันเกิดหลงทางไปเจอห้องครัวของที่นี่เข้า ดันอยู่ทำของว่างจนเพลินว่าแต่ตอนนี้มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า ทำไมบรรยากาศมาคุเช่นนี้แต่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าได้เปลี่ยนบรรยากาศเมื่อกี้ไปจนหมดแล้ว
"เจ้าใช้ครัวของข้าโดยไม่ได้รับอนุญาตนะ กล้าดียังไง" เทรเลอร์หาเรื่องคนอายุน้อยกว่าทันที ถึงแม้ว่าหน้าตาของมันจะน่ารับประทานมากทีเดียว ปกติแล้วผู้ชายมักจะทำอาหารไม่เป็นแต่มนุษย์ผู้นี้ทำเป็นที่ว่าน่าสนใจไม่น้อย
"ขอโทษครับพอดีมันพลั้งมือ เห็นห้องครัวแล้วมันเลยเผลอทำไปโดยไม่รู้ตัว" ท่าทางของริคสลดลงในทันที ความชื่นชอบในการทำขนม ของหวาน เค้กมันอยู่ในสายเลือดมาตั้งแต่เด็กจะให้เปลี่ยนแปลงอะไรตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้หรอก
มือหนาหยิบขนมดังกล่าวที่ตนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไรเข้าปาก เพราะเขามั่นใจในรสชาติว่ามันต้องอร่อย และจะต้องเป็นวิชาที่เรียนมาจากอีกโลกหนึ่งอย่างแน่นอน สีหน้าของริคสดชื่นขึ้นเยอะที่เห็นว่ารัชทายาทมาช่วยตนเองไว้ มือหนาโอบไหล่ด้วยความหวงแหนพลางเอ่ยถ้อยคำที่คนทำอาหารหรือขนมอยากฟังมากที่สุดออกมา
"อร่อยมากเลยกระรอกน้อย ตอนกลับวังอย่าลืมให้ข้ากินด้วยนะ" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยชมเพื่อไม่ให้คนที่เขารักต้องมีท่าทีสลดแบบนี้ การที่พวกเขาทะเลาะกันไม่เกี่ยวกับเด็กคนนี้ เขาไม่ควรมารองรับอารมณ์อะไรทั้งนั้น
"จะกินได้เเน่เหรอ วางยาพิษหรือเปล่าก็ไม่รู้" เทรเลอร์ยังคงต่อว่าริคไม่ยอมหยุด
"คุณชายริคคือผู้ชายจำนวนน้อยที่สามารถทำของหวานได้น่ารับประทาน อีกทั้งรสชาติยังอร่อยจนท่านจักรพรรดิและท่านจักรพรรดินีก็ออกปากชม คุณชายสวิตไม่ควรพูดจาดูถูกทั้งที่ตนเองก็ไม่ได้แม้แต่จะลิ้มลองรสชาติของมันเลยขอรับ ทำแบบนั้นมันงามสำหรับแวมไพร์ที่เป็นถึงคุณชายสูงส่งที่มีเชื้อพระวงศ์ด้วยรึ" เมล์เป็นฝ่ายตอกกลับบ้างในเมื่อมันเหมือนจะไม่จบง่ายๆ
ร่างสูงโปร่งเดินเข้าหาคุณชายหัวรั้นอย่างเทรเลอร์โดยไม่เกรงกลัวอะไร หยิบขนมในจานใส่ปากอย่างเบามือ ในเมื่อไม่รู้ว่ารสชาติเป็นยังไงก็ต้องชิมเสียก่อน ไม่ใช่มาตัดสินจากคนทำว่าเป็นเผ่าพันธ์ใด ชนชาติไหน มาจากตระกูลไหน
"ทุกคนไม่ต้องเถียงกันขอรับ ข้าว่าลองชิมก็สิ้นเรื่อง"
"แล้วค่อยมาพูดว่ากินได้หรือไม่ได้กันแน่ มาตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกจะได้อะไร"
"ทีนี้รู้หรือยังขอรับ ว่าอร่อยหรือไม่" เสียงหวานถามด้วยรอยยิ้มเหมือนโลกทั้งใบสดใสไปเสียทุกอย่าง เสียงขบเคี้ยวยังคงดังอยู่ในหัวของเทรเลอร์และรสชาติคือไม่หวานไม่ขมเกินไป ขนมที่เด็กคนนี้ทำอร่อยอย่างที่เมล์ชมจริงๆ
"อร่อยอย่างที่เจ้านั่นบอก" ถึงเทรเลอร์จะเอ่ยปากชมแต่ก็ไม่ได้มีสีหน้ายินดีอะไรมากมาย ส่วนหนึ่งอาจจะกลัวเสียหน้าที่ว่าร้ายไว้เยอะแต่เจ้าตัวดันทำอร่อยขึ้นมา
"ดีแล้วขอรับ ถ้างั้นพวกเรากลับกันเลยท่านพี่"
"ข้าว่าอาหารว่างที่ทำเผื่อไว้น่าจะพอกินรองท้องถึงวัง" ผมพยายามเร่งให้กลับวังเดิมดีกว่าต้องมาทนทำสงครามประสาทที่นี่ ไม่งั้นรอบนี้ไม่รู้จะมาไม้ไหนอีก
"คิดว่าจะหนีไปได้ง่ายๆ เหรอ ช่วยทำอาหารให้ข้ากินหน่อยสิ" เทรเลอร์สั่งแกมบังคับเพราะเขาอยากรู้ว่ามนุษย์คนนี้ทำอาหารอย่างอื่นอร่อยเหมือนกันหรือไม่
"ขอโทษด้วยขอรับ ข้าทำเป็นแต่ของว่าง ขนม ขนมเค้ก อาหารหลักทำไม่เป็น" ปล่อยให้กลับเถอะ ไม่อยากจะอยู่กับพวกนี้นานไปมากกว่านี้แล้ว
"งั้นกระรอกน้อยก็ทำเมนูแบบที่เคยทำให้ข้ากินกับมาร์แชลดีไหม หรือมีเมนูอื่นที่ทำได้" คีย์นึกขึ้นได้ว่ามีบางเมนูที่คนอายุน้อยกว่าพอทำได้
"มันก็ยังไม่ใช่อาหารจานหลักพะยะค่ะ เอาเป็นว่าจะทำชิฟฟอนเค้กรสช็อกโกแลตชิฟ แล้วทางท่านก็ทำอาหารจานหลักเหมือนเดิม แบบนี้ดีไหมครับ" ริคตัดสินใจใช้ข้อสรุปในที่สุดแล้วเดินตรงไปยังห้องครัวทันที ทิ้งไว้ให้เหล่าแวมไพร์ทำสงครามกันต่อไป
"เจ้ามีแผนอะไรในใจ เทรเลอร์" คีย์ไม่รอช้าเปิดประเด็นทันที
"ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ข้าก็แค่เริ่มสนใจมนุษย์ผู้นั้นเท่านั้นเอง" เทรเลอร์โต้ตอบอย่างที่ตนเองต้องการทันที
"เจ้าเกลียดมนุษย์ขนาดนี้ แม้แต่ในส่วนที่เจ้าปกครองยังไม่เคยไปเยี่ยมประชาชนที่เป็นมนุษย์"
"แล้วจะมาสนใจมนุษย์อะไรตอนนี้"
"ความถือดีนั้นมันทำให้ข้าอยากครอบครองเขา" เทรเลอร์บอกพลางฉายแววตาสีแดงฉานของสัญชาติญาณดิบทันที ไม่เคยมีใครขัดขืนเขาแม้แต่วินาทีสุดท้ายของชีวิตนอกจากเด็กคนนี้ ไหนจะกลิ่นเลือดที่หอมหวานชวนติดลิ้นอีก
"กระรอกน้อยเป็นของข้า เจ้าไม่มีสิทธิมาแตะต้อง"
"ข่าววงในบอกมาว่าคุณชายริคยังไม่ได้ตอบตกลงหมั้นกับใคร ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน"
"เจ้า! "
ผัวะ!
"โอ๊ย! นี่เจ้ามาตบหัวข้าทำไมเนี่ยเมล์" คีย์ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ไม่รู้ตกลงใครเป็นนายใครเป็นบ่าวกันแน่ บางทีเขาเองก็สับสนเหมือนกัน
"หม่อมฉันบอกแล้วว่ารัชทายาทจะต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ทำตัวขาดสติเวลาคุณชายริคไม่อยู่แบบนี้ แล้วต่อไปจะเป็นสามีที่ดีได้อย่างไรกัน"
"หึ! นี่สินะ สิ่งที่ตระกูลรับใช้อื่นไม่มี" เทรเลอร์บอกพลางยิ้มมุมปาก สิ่งที่ตระกูลโฟลช์มีแต่ตระกูลอื่นไม่มีก็คือความกล้าหาญที่จะตักเตือนผู้เป็นนายของตนเองโดยไม่เกรงกลัวว่าจะถูกลงโทษหากสิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องตามขนบธรรมเนียมของจักรวรรดิ
ห้องครัวของทุกตระกูลไม่ได้มีความแตกต่างกันมากมายนัก ทั้งขนาดและอุปกรณ์ในการทำอาหารมีมากพอที่จะทำให้พ่อครัวเกินสิบคนทำแล้วไม่ต้องยืมอุปกรณ์กันเลยสักนิดเดียว ช่วงขาเรียวเดินหาวัตถุดิบต่างๆ ที่ต้องใช้ด้วยตนเองโดยไม่ได้ถามใครเลยสักคนจนชาร์ทีแปลกใจว่ามนุษย์ของจักรวรรดิไม่ได้รับอนุญาตให้อ่านภาษาของปีศาจแบบพวกเราแล้วทำไมเด็กคนนี้ถึงอ่านออก
ไม่ได้อ่านออกธรรมดาดูเหมือนจะคล่องตัวมากกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก ทั้งท่วงท่าในการทำ วิธีการหยิบจับ มันเหมือนคนที่เคยทำมาตั้งแต่เด็กจนเคยชิน ไม่ใช่ฝีมือของพวกสมัครเล่นชัดๆ องค์รัชทายาทไปเจอเด็กคนนี้มาที่ไหนกันแน่ เรื่องราวมันชักจะน่าสงสัยเข้าไปทุกที่ ตอนที่ให้คนไปตามสืบมาก็ไปจบที่องค์จักรพรรดินี ซึ่งแน่นอนว่าข้อมูลตันไม่ได้อะไรเพิ่มเติม
ไม่มีใครกล้าเอาชีวิตของตนเองไปเสี่ยงเด็ดขาด หากเรื่องนี้องค์จักรพรรดินีมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแล้วล่ะก็...จะต้องเป็นคนที่ถูกใจไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว แต่มันก็แปลได้หลายความหมายทั้งในทางที่ดีที่อยากปกป้อง ในทางตรงกันข้ามคือเก็บไว้เล่นงานคนเดียวและจะไม่มีใครช่วยได้เลยแม้แต่องค์จักรพรรดิก็ตาม
"ชิฟฟอนเค้กช็อกโกแลตชิฟมาแล้ว ข้าทำเผื่อทุกคนด้วย หยิบกินในครัวได้เลยนะ" เสียงหวานบอกพลางส่งยิ้มหวานให้กับทุกคนในห้องอาหาร ความเป็นกันเองนี้ทำให้ทุกคนตกหลุมรักโดยเจ้าตัวไม่รู้ตัวเลยสักนิด
กระรอกน้อยของเขาจะเนื้อหอมมากเกินไปแล้วนะ ขนาดเป็นผู้ชายยังขนาดนี้แล้วถ้าเป็นผู้หญิงเขาไม่เป็นบ้าตายเหรอเทรเลอร์ไม่เคยเจอผู้ชายที่ไหนนอกจากจะหน้าหวานแล้วยังจะยิ้มหวานขนาดนี้ มีฝีมืองานบ้านงานเรือน กิริยาท่าทางไม่ยอมใคร พอเข้าใจแล้วว่าทำไมรัชทายาทถึงหวงนัก จากข่าวที่ได้ยินมามีคุณชายตระกูลขุนนางตกหลุมรักเหมือนกัน แบบจะลงสนามไปด้วยดีไหมนะ"คุณชายริค""ครับ" ซวยแล้วไง! เผลอขานรับแบบมนุษย์ไปแล้ว ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจที่ตนเองพูดผิดออกไป ซึ่งสำหรับจักรวรรดิแล้วคำพูดพวกนี้ถูกใช้กันในหมู่มนุษย์มากกว่าแวมไพร์ ขานรับผิดแบบนี้แปลว่าต้องเคยชินกับการคุยกับใครสักคนและคงหนีไม่พ้นรัชทายาทเป็นแน่"หึ! คำขานรับน่ารักดีนะ ข้าชักถูกใจเจ้าซะแล้วสิ" เทรเลอร์บอกด้วยสีหน้าพึงพอใจ ปกติเขาไม่สนใจมนุษย์นอกจากเวลาที่ได้ดื่มเลือดที่ได้มาจากการบริจาคของเหล่าบริวารในเขตปกครองของตนเอง นอกนั้นก็มีอายุสั้นไม่ได้น่าสนใจเท่าไหร่นัก แต่ไม่ใช่สำหรับเด็กคนนี้ถึงจะมีอายุที่สั้นแต่ก็อยากจะดูแลสักครั้ง ลองถนอมใครไว้สักคนก็น่าจะดีไม่น้อย"พูดแบบนี้เจ้าหมายความว่ายังไง เทรเลอร์" ถึงคีย์จะรู้คำตอบของความหมายนั่นอยู่แล้
การตามใจใครสักคนแล้วยอมลำบากขนาดนี้ หวังว่าจะมีอะไรตอบแทนไม่มากก็น้อยกับความอดทนของข้าในครั้งนี้ณ พระราชวังสวิต (ที่พักอาศัยของคุณชายคนโตของตระกูล)"ขอต้อนรับท่านจักรพรรดินี ไม่ทราบว่าเดินทางมาถึงที่นี่มีเรื่องอันใดกัน" ชาร์ทีออกมาต้อนรับทันทีที่เห็นขบวนเสด็จขององค์จักรพรรดินีเดินทางมาแบบไม่เป็นทางการเช่นนี้ จะต้องเกี่ยวข้องกับเด็กคนนั้นที่ถูกจับตัวมาเมื่อก่อนหน้านี้แน่นอน"ข้าว่าเชิญท่านจักรพรรดินีเข้าไปด้านใน แล้วค่อยหารือกันดีหรือไม่ ชาร์ที" นีน่าบอกเสียงเรียบแต่ท่าทางไม่ได้เรียบตามไปด้วย ลางสังหรณ์ของเขามันร้องเตือนว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีที่มีการเดินทางนอกกำหนดการแบบนี้ตระกูลสวิตถือเป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ทั้งสี่ สัญลักษณ์ของตระกูลคือลักษณะแห่งไฟที่เผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อปกป้องตระกูลของกษัตริย์ให้มั่นคงสืบต่อไป การจะล้มล้างกษัตริยได้จำเป็นต้องเข้าถึงตัวเชื้อพระวงศ์ให้ได้เสียก่อน หากเจ้าแห่งการปกครองสูงสุดของวังหลังออกเดินทางนอกกำหนดการ หมายความมีการทำงานที่ไม่ปกติเกิดขึน อำนาจสูงสุดตกเป็นของจักรพรรดินีและจักรพรรดิไม่มีสิทธิในการตัดสินใจเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว"อรุณสวัสดิ์ยามดึกพ
"ฉะนั้นพวกเรามาหารือกันเรื่องนี้จนกว่าจะได้ข้อสรุปกัน ไม่ว่ายังไงข้าจะไม่ยอมให้ลูกชายของข้าต้องไม่มีเนื้อคู่เพราะเจ้าพวกนั้นเด็ดขาด""พะยะค่ะ"พระอาทิตย์สาดส่องเป็นสัญญาณของเช้าวันใหม่ของใครหลายคน แต่มันคือเวลานอนของเหล่าแวมไพร์ที่อาศัยอยู่ที่นี่ ถึงผมจะอยู่ที่นี่มาได้หลายวันแล้วแต่ก็ยังไม่ชินกับการที่ต้องนอนกลางวันตื่นกลางคืนอยู่ดี ถึงตอนนี้จะเริ่มนอนเกือบเช้าแต่ก็ยังหลับๆ ตื่นๆ เช่นวันนี้มาตื่นตอนเที่ยงแบบนี้แล้วจะทำยังไงดี ทุกคนพากันหลับหมดแบบนี้ ถึงจะมีเวรยามอยู่ตลอดยี่สิบชั่วโมงแต่มันก็ค่อนข้างว่างเสียเหลือเกินก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!"ใครครับ" เสียงหวานตะโกนถามออกไป"ข้าเอง กระรอกน้อย" เสียงทุ้มต่ำตะโกนกลับมา ช่วงขาที่เรียวยาวถึงได้เดินไปเปิดประตู หากเป็นคนรับใช้เกรงว่าเขายังไม่อยากจะพบใครตอนนี้ อยากใช้ความคิดของตนเองมากกว่า"เพิ่งทำงานเสร็จหรือพะยะค่ะ" ใบหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมองถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง มือขาวเกลี่ยปอยผมที่ลงมาปรกใบหน้าอีกฝ่ายออกให้เห็นชัดเจนมากขึ้น เผลอให้เห็นรอยใต้ตาคล้ำจากการทำงานอย่างหนัก ท่าทีอ่อนล้าที่เผยให้เห็นนั้นช่างน่าเป็นห่วงยิ่งนัก"ใช่แล้ว ข้าง่วงมากเลย กระรอ
จีนกำลังเดินกลับบ้านด้วยความสบายใจดั่งเช่นทุกวัน ชีวิตวัยม.ปลายที่สนุกสนานกำลังรอเขาอยู่ วันปฐมนิเทศน์วันนี้ก็มีเพื่อนเยอะเสียด้วย นับจากนี้ไปรั้วชีวิตม.ปลายของเขาจะต้องสดใสอย่างแน่นอนเลยล่ะ ดวงตากลมโตมองเห็นร้านเก่าๆ ร้านนึงซึ่งทางเดินเส้นนี้ก็ถูกใช้ในการกลับบ้านเป็นประจำอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่เห็นเลยนะ ลองเข้าไปดูหน่อยก็แล้วกัน มือขาวผลักประตูเข้าไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น"สวัสดีครับ มีใครอยู่ไหมครับ" เสียงทุ้มหวานเอ่ยถาม"มีครับ สวัสดีครับหนุ่มน้อย" ผู้อยู่ด้านในเอ่ยสนทนาโต้ตอบกลับไป"หมายถึงผมเหรอครับ" ไม่ถามเปล่ายังคงชี้นิ้วมาทางตนเองอีกด้วย นับว่าเป็นท่าทางว่าน่ารักทีเดียว"ใช่ครับ ไม่ทราบว่าจะมาดูดวงหรือครับหนุ่มน้อย""เปล่าครับ พอดีผมไม่เคยเห็นร้านนี้มาก่อนเลยมาถามดูครับ""งั้นลองมาดูดวงสักหน่อยไหมครับ ไหนๆ ก็แวะเข้ามาในร้านของผมแล้ว" เสียงทุ้มถามพลางสับไพ่ยิปซีในมือรอ"ลองดูก็ได้นะครับ"จีนฟังคำอธิบายจากหมอดูหนุ่มด้วยความตั้งใจ มือขาวทั้งสองแนบอกตนเองพลางอธิฐานด้วยความซื่อสัตย์และหยิบไพ่ใบต่าง ๆ ออกมาจากใจที่ตนเองได้คิดดีและตัดสินใจเอาไว้ทั้งหมดแล้ว สีหน้าของหมอดูหนุ่มมีท่าทีหนัก
ร่างสูงเดินออกมาจากห้องขอจีนอารมณ์ที่แสดงไปเมื่อกี้ก็พลันเปลี่ยนทันทีแววตาขี้เล่นจริงจังขึ้นมาในทันที ยังไม่น่าจะมีใครล่วงรู้ว่าเด็กน้อยที่นอนอยู่ในห้องนั้นเป็นใคร จากคำทำนายที่บอกไว้ว่าเนื้อคู่ของเขาจะไม่ใช่คนในอาณาจักรนี้ดูท่าว่าจะเป็นจริงขึ้นมาเสียแล้ว ตอนแรกที่เขาได้ยินเมื่อหลายร้อยปีก่อนจะให้เชื่อคงจะเป็นไปไม่ได้ แต่การบอกรูปร่างหน้าตาที่ชัดเจนแบบนี้ ท่าทางว่าเรื่องนั้นจะไม่ใช่เรื่องหลอกเด็กอีกต่อไปเสียแล้ว"รัชทายาทจะทำยังไงต่อไปพะยะค่ะ" เมล์ คนสนิทขององค์รัชทายาทถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเขารู้ว่าผู้เป็นนายในตอนนี้เชื่อคำทำนายนั่นเสียแล้ว จะไม่ให้เชื่อได้ยังไงล่ะ....ในเมื่อหลักฐานนอนอยู่ในห้องรับรองแบบนั้นน่ะ"รอถามวันพรุ่งนี้แล้วกัน แต่เหมือนว่าจะมีแขกไม่ได้รับเชิญมาถึงที่นี่หลายคนเลยนะ" คีย์บอกด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์พลางมองไปยังผู้ที่ไม่ได้รับเชิญมาด้วยความไม่พอใจ"อะไรกันพี่คีย์ คิดจะเก็บไว้เล่นคนเดียวหรือยังไง" คลาส น้องชายคนแรกของเขานั้นมีนิสัยมองเห็นคนอื่นเป็นของเล่นตลอดเวลา ยิ่งอะไรแปลกใหม่จะชอบมาวุ่นวายเสมอ
"อะไรนะ! เด็กคนนั้นเป็นคู่หมั้นขององค์รัชทายาท""หมายความว่ายังไงกัน""ยังงี้ลูกสาวของฉันก็อดตำแหน่งจักรพรรดินีสินะ""แล้วเป็นลูกตระกูลไหนกันถึงได้ครองหัวใจของรัชทายาทได้นะ"เสียงซุบซิบนินทาต่างๆ นานาถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในงานเลี้ยงภายในวันนี้ แล้วมันเรื่องอะไรกันแน่ดาบจ่อหน้าคู่หมั้นรัชทายาทจักรพรรดินีหรือว่า!"ท่านพี่เป็นลูกขององค์จักรพรรดิใช่ไหมครับ" เสียงหวานถามออกมาด้วยน้ำเสียงก่ำกึ่ง ดวงตากลมโตมีแววสับสนอย่างเห็นได้ชัด"ใช่ แต่ว่ายังไม่มีเวลาเล่าเลยก็เกิดเรื่องซะแล้วสิ" น้ำเสียงของคีย์แลดูไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับเหตุการณ์นี้มากนัก"พี่ชายของข้าถึงกับออกโรงปกป้องแบบนี้ มันต้องมีอะไรมากกว่าที่เห็นอย่างแน่นอน" คลาสพูดพลางมองร่างของจีนด้วยความสงสัย"นั่นสิ ปกติพี่ชายของพวกข้าไม่มาทำอะไรแบบนี้หรอกนะ" ครอสมีท่าทีเห็นด้วยพลางมองตามพี่ชายฝาแฝดของตนเอง"ท่าทางว่ารัชทายาทจะต้องอธิบายท่านจักรพรรดิและจักรพรรดินีภายในวันพรุ่งนี้นะ พรุ่งนี้เช้ารบกวนเข้าเฝ้าที่วังหลวงด้วยพะยะค่ะ" มีเทน คนสนิทของจักรพรรดิบอกตามคำสั่งที่ได้รับมา เป็นอันรู้ดีในหมู่ของคนรับใช้ว่าแม้เขาจะเป็นคนรับใช้เหมือนตระกูล
หน้าตาที่ตื่นตระหนกและท่าทางสั่นระริกราวกับหวาดกลัวในครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน ครั้งนี้ไม่ใช่การหวาดกลัวด้วยความน่ากลัวแต่มันคือความตกใจปนหวาดกลัวไปในคราวเดียวกันต่างหาก เพราะว่าเขาเป็นผู้ชายแล้วจะมาเป็นเนื้อคู่ของอีกฝ่ายได้ยังไงล่ะเล่า!"ท่านพี่ครับ" จีนเรียกอีกฝ่ายด้วยความสับสน ท่าทางน่ารักเหล่านั้นตกอยู่ในสายตาคนทั้งท้องพระโรง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเสน่ห์ของเด็กคนนี้เหลือล้นจริงๆ จนเขาแทบอยากจะไปควักลูกตาของทุกคนออกมาไม่ให้เห็นออร่าของความน่ารักนั้นเลยสักนิดเดียว กระรอกน้อยเปล่งประกายมากเกินไปแล้ว"อืม" เสียงทุ้มต่ำตอบรับทันที เขาคิดว่าทุกคนน่าจะดูออกหมดแล้วล่ะว่าเขารู้สึกยังไงกับเด็กคนนี้ มันไม่ใช่แค่คำทำนายแต่ความรู้สึกของเขามันแสดงออกนอกหน้าขนาดนี้แล้ว"ผมเป็นผู้ชายนะครับ""เรื่องนั้นสำหรับพวกเราแล้วไม่ใช่ปัญหานะหนูจีน เพราะว่าการครองราชย์ของที่นี่ขึ้นอยู่ที่ความเหมาะสมมากกว่าการมีลูก บุตรของใครมีความเหมาะสมมากกว่ากันถึงจะได้บัลลังค์ไปนะ ไม่ต้องห่วงนะ" จักรพรรดินีบอกด้วยแววตาอ่อนโยน"ผมว่าแบบนั้นต่างหากครับที่ทำให้บัลลังค์ของพี่คีย์สั่นคลอนเพราะความไม่มั่นคงในการมีทายาท และตำแหน่งจ
เปลือกตาสวยกลมโตกระพริบตาสองสามครั้งเมื่อสายแดดส่องมายังห้องนอนของเขา เวลานี้ถือเป็นเวลากลางวันซึ่งไม่ใช่วิสัยของแวมไพร์ที่จะตื่น ทั้งวังก็คงจะเงียบน่าดูเลยทีเดียวเชียว ร่างบางลุกขึ้นมาอาบน้ำชำระร่างกายตามพฤติกรรมของมนุษย์ทั่วไป ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในจักรวรรดิก็เถอะ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีจะคล้อยตามนอนกลางวันแล้วตื่นในเวลากลางคืนแบบนั้นแกร๊ก!"อรุณสวัสดิ์ กระรอกน้อยของพี่" คีย์เอ่ยทักด้วยรอยยิ้มเหมือนเคยแต่ติดตรงที่ว่าทำไมถึงได้ตื่นเช้าแบบนี้กันนะ มันไม่ใช่เวลาของแวมไพร์ไม่ใช่เหรอ"อรุณสวัสดิ์ คุณชายจีน" มาร์แชลเอ่ยทักทายยามเช้าอีกคน ยิ่งทำให้น่าสงสัยกันเข้าไปใหญ่เลยว่าคนใหญ่คนโตของที่นี่เขาไม่รู้จักทำงานทำการกันหรือยังไงนะ"ตื่นเช้าดีนะครับ มาทำอะไรกันหน้าห้องผมแต่เช้าเลย" เสียงหวานเอ่ยถามด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตฉายแววฉงนอย่างเห็นได้ชัด คอที่เอียงไปมานั้นบ่งบอกถึงความอยากรู้อยากเห็นเป็นเท่าตัว การกระทำทุกอย่างอยู่ในสายตาของรัชทายาทแห่งบีเลอและคุณชายแห่งมาร์แชล ถ้าไม่ได้มีร่างกายที่ดูออกจะแข็งแรงเหมือนคนออกกำลังกายรวมถึงส่วนสูงและสรีระที่เหมือนผู้ชายแต่ก็ไม่ใช่ผู้ชายซะทีเดียวเรียก