ทำไมรัชทายาทไปนานเหลือเกิน มีเสียงต่อสู้กันอย่างหนักแล้วทำไมเงียบลงแบบนี้ ไวท์ไม่รู้ตัวเลยว่ารถม้ากำลังเคลื่อนตัวไปทางอื่นเนื่องจากโดยภาพมายาหลอกว่ายังอยู่ที่เดิม แผนการนี้ตอนแรกจงใจจะทำลายความน่าเชื่อถือของเชื้อพระวงศ์แต่ขุนนางอย่างเขาก็คิดได้ว่ายังมีมนุษย์ที่เป็นตัวแปรสำคัญในครั้งนี้อยู่
กลิ่นหวานชวนกลืนกินนั้นยังคงติดตราติดตรึงใจตั้งแต่ครั้งที่เจอในงานเลี้ยงเมื่อไม่กี่วันก่อน อยากลองเห็นหน้าชัดๆ สักครั้งว่ามีดีแค่ไหนกัน ทำไมใครต่อใครถึงได้ออกโรงปกป้องกันนัก ทั้งจักรพรรดิ จักรพรรดินี รัชทายาท องค์ชายแฝด แบบนี้มันไม่ธรรมดาแล้ว จะสืบออกนอกหน้าก็ไม่ได้ เส้นสายของจักรพรรดินีมีทั่วอาณาจักร
"คนที่คุณชายอยากพบ เดินทางมาถึงแล้วขอรับ" ชาร์ทีบอกพลางผายมือไปทางรถม้าที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าคฤหาสน์ตระกูลสวิต ถือเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่เป็นเชื้อพระวงศ์ วิธีการที่ใช้เลือกผู้นำแต่ละสมัยจะไม่เหมือนกัน สมัยขององค์จักรพรรดิจะเลือกจากผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นผู้นำ โดยผ่านการต่อสู้มาอย่างหนักหลากหลายรูปแบบเพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่ง
ทุกหนึ่งร้อยปีจะมีการจัดการแข่งขันเพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่งของจักรวรรดิ แวมไพร์คนนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นขุนนาง เชื้อพระวงศ์ สามัญชน เจ้าชาย หรือแม้กระทั่งรัชทายาท ทุกคนจำเป็นจะต้องเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด
แบกรับความหวังของตระกูลตนเอง เดินหน้าเข้าสู่สนามเพื่อนองเลือดและบอกว่าใครกันแน่ที่แข็งแกร่งที่สุด กติกาคือแข่งกันสามวันสามคืนไม่มีหยุดพัก ใช้กีฬาทุกประเภทของมนุษย์เข้าวัดระดับใครยังคงสามารถกลับมายังจุดเริ่มต้นได้ถือว่าผ่านขั้นแรก
ขั้นต่อมาเป็นการแข่งทางปัญญา ข้อสอบทั้งแบบของมนุษย์และแวมไพร์จะถูกนำมารวมกันทุกวิชา มีเวลาสอบทั้งหมด7วัน จะต้องทำทุกอย่างที่จะหาคำตอบมาให้ได้ ผู้สอบไม่มีสิทธิกลับบ้านหรือทำอะไรทั้งนั้น หากจะเข้าห้องน้ำจะมีกรรมการคุมสอบที่เป็นเพศเดียวกันเฝ้าแบบระยะประชิดไม่ให้คลาดสายตา ป้องกันการโกงทุกชนิด
ขั้นสุดท้ายการแข่งขันทางเวทย์มนตร์ ระยะเวลาสอบ30วัน คู่แข่งจะเป็นแบบการพบกันทุกชนชั้นวรรณะ ไม่เกี่ยงระดับ โดยจะถูกเลือกให้แข่งดังนี้ สามัญชน ขุนนาง (บารอน ไวเคาน์ เอิรล์ มาร์ควิส ดยุค) เชื้อพระวงศ์ (เอิรล์ มาร์ควิส ดยุค) และกษัตริย์ ทำการต่อสู้กันจนกว่าอีกฝ่ายจะมีสภาพที่ไม่สามารถต่อสู้ได้อีก
ซึ่งแวมไพร์ที่มีความเสี่ยงที่จะตายสูงคือกษัตริย์ที่มีเหล่ารัชทายาทในปีนั้นๆ เข้าร่วมต่อสู้ เนื่องจากจะต้องต่อสู้ในวรรณะหนึ่งมากกว่าหนึ่งคน หมายความว่าวรรณะกษัตริย์จะต้องสู้ถึงสองคน ถือว่าเสียเปรียบเป็นอย่างมากแต่ถ้าหากเทียบถึงการศึกษาที่ได้รับมากกว่าคนอื่นนั้นสมควรยิ่งนักที่จะต้องสู้ครั้งละสองคนและรบถึงสองครั้ง
ผู้นำจำเป็นต้องมีความแข็งแกร่งมากกว่าแวมไพร์คนอื่นหลายเท่า และรัชทายาทบีเลอ คีย์ ก็พิสูจน์ให้เห็นด้วยตาของประชาชนทุกวรรณะแล้วว่าแข็งแกร่ง เพียบพร้อมไปทุกด้าน สามารถเอาชนะได้ทุกรายการโดยไม่มีการแพ้แม้แต่นัดเดียว ทั้งที่ความจริงแล้วทุกวรรณะสามารถแพ้ได้สามครั้งถึงจะถูกปรับออกจากการแข่งขัน นับว่าเป็นแวมไพร์ที่แข็งแกร่งที่สุดของยุคก็ว่าได้
แต่สิ่งที่สวิตไม่เข้าใจคือทำไมคนที่สมบูรณ์แบบนั้นต้องไปปกป้องมนุษย์เพียงคนเดียว ไม่สมเหตุสมผลกันเลยสักนิด ฐานะ ความเหมาะสม ไม่มีอะไรเทียบได้เลย เรื่องนี้เขาไม่มีทางยอมรับได้ ถึงคำทำนายจะออกมาแล้วว่าคู่ครองของรัชทายาทจะเป็นคนต่างเผ่าพันธ์ แต่มดมด หมาป่า หรืออะไรก็ได้ที่มีพลังกำลัง ความสามารถ ไม่ใช่มนุษย์ที่ไม่มีอะไรเลยแบบนี้
แกร๊ก!
"ยินดีต้อนรับสู่วังสวิตขอรับ คุณชายริค" ชาร์ทีเอ่ยทักทายด้วยคำสุภาพแต่เหมือนจะไม่มีอะไรตอบกลับมาเลยสักนิด มีเพียงสีหน้างงงวยของคนหน้าหวานเท่านั้น แต่กลิ่นเลือดหอมหวานชวนให้ลากมากินนั้นรุนแรงเสียจริง องค์รัชทายาทมีความอดทนสูงมาก ของหวานอยู่ตรงหน้าแต่กลับไม่ลิ้มลองสักหยด
"ที่นี่ที่ไหนเหรอ ข้าจำได้ว่าท่านพี่บอกห้ามเปิดประตูรถม้าให้ใคร" ในเมื่อไม่มีทางเลือกผมเองก็ต้องพูดภาษาของที่นี่เพื่อปรับตัวเหมือนกัน แปลว่ามีเบื้องหลังอะไรเกี่ยวกับการมาลอบทำร้ายรถม้าคนนี้แน่ พวกมันต้องการอะไร
"เจ้าคือคุณชายริค ไวท์ ลูกชายบุญธรรมของดยุคริค ชาร์คใช่หรือไม่" เทรเลอร์ตัดสินใจถามอย่างไม่เป็นมิตรออกไปเพื่อดูท่าทีของอีกฝ่ายว่าจะตอบกลับเช่นไร
"แล้วท่านล่ะเป็นใคร ดูจากการวางท่าแล้วคงจะเป็นแวมไพร์ที่มีอำนาจไม่ใช่น้อย" คิดผิดแล้วที่จะมาสังเกตคนอย่างผม ถึงที่นี่ผมจะไม่รู้จักอะไรมากมายแต่หลักจิตวิทยาแบบนี้ที่โลกมนุษย์มีสอนนะ ที่นี่สอนอะไรไม่สำคัญมันสำคัญที่ว่าจะเอาความรู้ที่มีในโลกมนุษย์มาใช้กับที่นี่ได้ยังไงต่างหากล่ะ
"หึ เข้ามาก่อนสิ" การตอบสนองคาดเดาได้ยากนัก ไม่รู้เลยว่าภักดีต่อรัชทายาทหรือหวังจะลอบทำร้าย แบบนี้ถึงกลายเป็นคนดังข้ามคืน ไม่สบอารมณ์เลยสักนิดเดียว ข้าไม่มีทางยอมก้มหัวให้กับว่าที่จักรพรรดินีคนใหม่ที่เป็นมนุษย์เด็ดขาด
"จะรับอะไรดีขอรับคุณชาย"
"ของข้าเหมือนเดิมนะ ชาร์ที"
"ไม่ขอรับ พอดีที่บ้านสอนว่าอย่าเสี่ยงกินของคนแปลกหน้า หน้าแปลก สิ่งมีชีวิตที่แปลกด้วย" ไหนเมื่อลองหยั่งเชิงกันแบบนี้ ก็เล่นสงครามไปบ้างก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก ยิ่งดูเป็นพวกเลือดร้อนแบบนี้มีหวังขาดสติแน่นอน
การยั่วโมโหได้ผลดีเกินคาดไม่ถึงนาทีคอของร่างสูงโปร่งถูกบีบจากมือของคุณชายคนโตของตระกูลทันที กล้ามากที่ท้าทายกันซึ่งหน้าแบบนี้ ไม่เคยเจอใครลองดีแบบนี้มานานแล้ว อยากรู้เหมือนกันว่ามนุษย์ของจักรวรรดิกับมนุษย์ที่ไม่มีใครรู้จัก ฝั่งไหนจะมีความอดทนได้มากกว่ากัน คอขาวเริ่มมีรอยแดงจากการถูกบีบอย่างแรง จิตใจอำมหิต แววตาวาวโรจน์ที่เคยเห็นแต่ในละครกลับมาเห็นที่นี่ตอนนี้ ช่างน่าประทับใจเสียจริง ถ้าผมกลับโลกปัจจุบันได้อยากเป็นนักเขียน รับรองเลยว่าบรรยายได้ราวกับตาเห็นเพราะเห็นมากับตาตัวเอง
ท่าทีไม่เกรงกลัว แววตาเมินเฉยนี่มันอะไรกัน มนุษย์คนนี้ไปอยู่ที่ไหนมาถึงมีท่าทีแบบนี้ ไม่ใช่แบบที่ข้าคาดหวังเอาไว้ ปล่อยดีกว่าขืนทำแรงกว่านี้มีหวังตายคามือจริงๆ เขาจงใจเหวี่ยงร่างสูงโปร่งให้กระเด็นไปอีกทางแต่ดูเหมือนว่าจะสามารถหมุนตัวกลับมานั่งตามปกติได้ แปลว่ามีฝีมือไม่น้อยเลยช่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก เรียกเสียงปรบมือจากเทรเลอร์ได้ทันที จากแววตาดูถูกกลายมาเป็นชื่นชม สมแล้วที่เป็นคนที่รัชทายาทหวงแหน
"เจ้านี่มันช่างน่าสนใจจริงๆ " เทรเลอร์บอกจากใจไม่มีอะไรเจือปนในคำพูด ทำให้อีกฝ่ายวางใจได้นิดหน่อย
"ถ้าท่านพูดแบบนั้นจริงๆ ก็ขอบคุณครับ ผมอยากกลับไปหารัชทายาท"
"ป่านนี้ตามหาข้าไปทั่วแล้ว" สภาพอากาศไม่เป็นใจแบบนี้เกรงว่าจะมาพลังของรัชทายาทมากกว่าการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล แต่เขาไม่มีข้อมูลอะไรมากมายขนาดนั้น การจะรู้อะไรมากกว่าต้องเข้าห้องสมุดให้ได้ก่อน ความรู้ประวัติศาสตร์ของที่นี่ไม่สามารถหามาทดแทนได้ในโลกมนุษย์
"ไม่ ข้าจะส่งจดหมายให้รัชทายาทมารับเจ้าแทน"
"ทำแบบนี้แปลว่าอยากเจอรัชทายาทเพราะว่าไม่ค่อยได้เจอกัน แวมไพร์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอายุยืนยาวจึงไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเวลาเยี่ยงมนุษย์"
"เจ้ารู้มากเกินไปแล้วนะ เป็นเด็กที่ไหนเนี่ย"
"ตอบไปแล้วจะรู้จักหรือเปล่า ท่านเอาเวลาไปคิดทบทวนให้ดีเถอะ"
"พูดเหมือนรู้ดีไปทุกอย่าง อย่ามาอวดดีไปหน่อยเลย"
"สิ่งมีชีวิตที่มีช่วงเวลาแค่แก้เหงาให้กับเผ่าพันธ์ของข้า ไม่มีสิทธิมาสอนข้า"
"การพูดจาดูถูกก็ไม่ใช่สิ่งที่เผ่าพันธ์มีชีวิตยืนยาวควรทำเช่นกัน"
ตระกูลสวิตถือเป็นตระกูลที่มีความทะเยอทะยานสูงกว่าตระกูลอื่น แต่โชคดีที่ผู้นำคนปัจจุบันมีนิสัยเฉื่อยชาไม่ได้ต้องการสิ่งใด แถมยังจงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิมากที่สุด เรียกได้ว่ายอมถวายตัวรับใช้จนตัวตายโดยไม่หวั่นเกรง นับเป็นตระกูลที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดในขณะนี้
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
"ชามาแล้วขอรับ"
"มาได้จังหวะนะ ชาร์ที"
"แน่นอนขอรับ"
"ว่าแต่ตำแหน่งคุณชายริคในตอนนี้ยังไม่เป็นทางการสินะขอรับ จะได้รับยศเมื่อไหร่หรือ" ชาร์ทีได้โอกาสลองภูมิคนตรงหน้าบ้าง
"ตามกำหนดที่ท่านจักรพรรดินี รัชทายาทเป็นคนกำหนดทั้งหมด ข้ายังไม่รู้เรื่องอันใดเลย" ภาษามันโอเคดีหรือยัง พยายามทำให้มันโบราณที่สุดแล้ว ถ้าจะโบราณมากกว่านี้สมองต้องเบลอแน่เลย
ทหารในคฤหาสน์ทั้งวังออกตามหาริคตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบร่องรอยว่าอยู่ที่ไหน เหตุการณ์เพิ่งเกิดได้ไม่นานแต่การค้นหาช่างยากเย็นนัก รถม้าทั้งคันคนทั้งคนมันจะหายไปได้ยังไง ถ้าไม่มีใครพาไป หรือว่า.....
"รัชทายาทพะยะค่ะ พวกหม่อมฉันยังค้นหาไม่พบเลย"
"จะทำยังไงกันต่อดี ให้แจ้งเรื่องไปทางวังหลวงไหมพะยะค่ะ"
"ข้าส่งจดหมายลับไปหาท่านแม่แล้ว ตอนนี้ข้าว่าพอจะรู้แล้วว่ากระรอกน้อยอยู่ที่ไหน"
"ที่ไหนพะยะค่ะ"
"วังที่ใกล้กับจุดเกิดเหตุที่สุดก็คือวังสวิต ไปวังสวิตกัน" จู่ๆ ก็มีนกบินเข้ามาในห้องทำงานเหมือนรู้งาน เนื้อความในจดหมายมีไม่มากนักแต่ได้ใจความ เขาคิดไม่ผิดจริงๆ จีนอยู่กับตระกูลสวิต ถือเป็นตระกูลที่น่าเชื่อถือที่สุดแล้ว ทำไมถึงมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ถ้าเป็นดยุคไม่น่าเป็นไปได้นอกจากคุณชายคนโตเท่านั้น นิสัยดื้อรั้นไม่ฟังใคร ไม่เห็นหัวใครนี่ช่างเหมือนบรรพบุรุพที่ปัจจุบันเป็นผู้อาวุโสยิ่งนัก
"เตรียมตัวเดินทางไปคฤหาสน์ตระกูลสวิต"
"ขอรับ"
คิดถูกแล้วที่ตัดสินใจส่งจดหมายก่อนที่คุณชายริคจะเดินทางมาถึง เพราะว่าเวลาไม่นานร่างสูงปีกสีดำขนาดใหญ่ก็บินมาถึงบ้านของเขาเสียแล้ว แสดงว่าร้อนใจจะไม่สามารถนั่งรถม้าหรือรถค้างคาวมารับได้เลยสินะ เด็กคนนี้ต้องมีดีอะไรพอสมควรเลยปึง!"กระรอกน้อย! ไม่เป็นอะไรใช่ไหม! ใครทำอะไรหรือเปล่า! " คียร้อนใจจนไม่สามารถบังคับตนเองได้แล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้นกับแก้วตาดวงใจแล้วล่ะก็...คฤหาสน์หลังนี้พังไม่เป็นท่าแน่ๆ"ทำไมต้องโวยวายเสียงดังด้วยพะยะค่ะ ใจเย็นลงก่อน" เทรเลอร์ตอบกลับอย่างใจเย็น ไม่บ่อยนักที่จะเห็นอาการแบบนี้ออกมา ปกติเป็นคนสุขุม รอบคอบ ใจเย็น ได้เห็นอะไรที่ไม่เคยซะแล้วสิ"จะให้เย็นได้ยังไง ความต่างของเผ่าพันธ์มันเยอะขนาดนี้""แถมกลิ่นเลือดยังหอมหวานชวนให้ดื่มตลอดเวลา ข้าไม่ไหวใจเจ้า! สวิต เทรเลอร์""รัชทายาท ใจเย็นลงก่อนพะยะค่ะ" เมล์ห้ามปรามเจ้านายของตนทันที ไม่มีความจำเป็นต้องไปเดินตามเกมส์ของคนตระกูลสวิต"ต่อให้ท่านจะฆ่าเขาเสียตรงนี้ ก็ไม่มีโอกาสได้รู้ว่าคุณชายริคอยู่ที่ไหน" ท่าทีของคีย์โอนอ่อนลงทันที คนรับใช้ตระกูลโฟลช์ถูกขัดเกลามาให้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ให้ความช่วยเหลือ และห้ามปรามกษัตริย
กระรอกน้อยของเขาจะเนื้อหอมมากเกินไปแล้วนะ ขนาดเป็นผู้ชายยังขนาดนี้แล้วถ้าเป็นผู้หญิงเขาไม่เป็นบ้าตายเหรอเทรเลอร์ไม่เคยเจอผู้ชายที่ไหนนอกจากจะหน้าหวานแล้วยังจะยิ้มหวานขนาดนี้ มีฝีมืองานบ้านงานเรือน กิริยาท่าทางไม่ยอมใคร พอเข้าใจแล้วว่าทำไมรัชทายาทถึงหวงนัก จากข่าวที่ได้ยินมามีคุณชายตระกูลขุนนางตกหลุมรักเหมือนกัน แบบจะลงสนามไปด้วยดีไหมนะ"คุณชายริค""ครับ" ซวยแล้วไง! เผลอขานรับแบบมนุษย์ไปแล้ว ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจที่ตนเองพูดผิดออกไป ซึ่งสำหรับจักรวรรดิแล้วคำพูดพวกนี้ถูกใช้กันในหมู่มนุษย์มากกว่าแวมไพร์ ขานรับผิดแบบนี้แปลว่าต้องเคยชินกับการคุยกับใครสักคนและคงหนีไม่พ้นรัชทายาทเป็นแน่"หึ! คำขานรับน่ารักดีนะ ข้าชักถูกใจเจ้าซะแล้วสิ" เทรเลอร์บอกด้วยสีหน้าพึงพอใจ ปกติเขาไม่สนใจมนุษย์นอกจากเวลาที่ได้ดื่มเลือดที่ได้มาจากการบริจาคของเหล่าบริวารในเขตปกครองของตนเอง นอกนั้นก็มีอายุสั้นไม่ได้น่าสนใจเท่าไหร่นัก แต่ไม่ใช่สำหรับเด็กคนนี้ถึงจะมีอายุที่สั้นแต่ก็อยากจะดูแลสักครั้ง ลองถนอมใครไว้สักคนก็น่าจะดีไม่น้อย"พูดแบบนี้เจ้าหมายความว่ายังไง เทรเลอร์" ถึงคีย์จะรู้คำตอบของความหมายนั่นอยู่แล้
การตามใจใครสักคนแล้วยอมลำบากขนาดนี้ หวังว่าจะมีอะไรตอบแทนไม่มากก็น้อยกับความอดทนของข้าในครั้งนี้ณ พระราชวังสวิต (ที่พักอาศัยของคุณชายคนโตของตระกูล)"ขอต้อนรับท่านจักรพรรดินี ไม่ทราบว่าเดินทางมาถึงที่นี่มีเรื่องอันใดกัน" ชาร์ทีออกมาต้อนรับทันทีที่เห็นขบวนเสด็จขององค์จักรพรรดินีเดินทางมาแบบไม่เป็นทางการเช่นนี้ จะต้องเกี่ยวข้องกับเด็กคนนั้นที่ถูกจับตัวมาเมื่อก่อนหน้านี้แน่นอน"ข้าว่าเชิญท่านจักรพรรดินีเข้าไปด้านใน แล้วค่อยหารือกันดีหรือไม่ ชาร์ที" นีน่าบอกเสียงเรียบแต่ท่าทางไม่ได้เรียบตามไปด้วย ลางสังหรณ์ของเขามันร้องเตือนว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีที่มีการเดินทางนอกกำหนดการแบบนี้ตระกูลสวิตถือเป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ทั้งสี่ สัญลักษณ์ของตระกูลคือลักษณะแห่งไฟที่เผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อปกป้องตระกูลของกษัตริย์ให้มั่นคงสืบต่อไป การจะล้มล้างกษัตริยได้จำเป็นต้องเข้าถึงตัวเชื้อพระวงศ์ให้ได้เสียก่อน หากเจ้าแห่งการปกครองสูงสุดของวังหลังออกเดินทางนอกกำหนดการ หมายความมีการทำงานที่ไม่ปกติเกิดขึน อำนาจสูงสุดตกเป็นของจักรพรรดินีและจักรพรรดิไม่มีสิทธิในการตัดสินใจเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว"อรุณสวัสดิ์ยามดึกพ
"ฉะนั้นพวกเรามาหารือกันเรื่องนี้จนกว่าจะได้ข้อสรุปกัน ไม่ว่ายังไงข้าจะไม่ยอมให้ลูกชายของข้าต้องไม่มีเนื้อคู่เพราะเจ้าพวกนั้นเด็ดขาด""พะยะค่ะ"พระอาทิตย์สาดส่องเป็นสัญญาณของเช้าวันใหม่ของใครหลายคน แต่มันคือเวลานอนของเหล่าแวมไพร์ที่อาศัยอยู่ที่นี่ ถึงผมจะอยู่ที่นี่มาได้หลายวันแล้วแต่ก็ยังไม่ชินกับการที่ต้องนอนกลางวันตื่นกลางคืนอยู่ดี ถึงตอนนี้จะเริ่มนอนเกือบเช้าแต่ก็ยังหลับๆ ตื่นๆ เช่นวันนี้มาตื่นตอนเที่ยงแบบนี้แล้วจะทำยังไงดี ทุกคนพากันหลับหมดแบบนี้ ถึงจะมีเวรยามอยู่ตลอดยี่สิบชั่วโมงแต่มันก็ค่อนข้างว่างเสียเหลือเกินก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!"ใครครับ" เสียงหวานตะโกนถามออกไป"ข้าเอง กระรอกน้อย" เสียงทุ้มต่ำตะโกนกลับมา ช่วงขาที่เรียวยาวถึงได้เดินไปเปิดประตู หากเป็นคนรับใช้เกรงว่าเขายังไม่อยากจะพบใครตอนนี้ อยากใช้ความคิดของตนเองมากกว่า"เพิ่งทำงานเสร็จหรือพะยะค่ะ" ใบหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมองถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง มือขาวเกลี่ยปอยผมที่ลงมาปรกใบหน้าอีกฝ่ายออกให้เห็นชัดเจนมากขึ้น เผลอให้เห็นรอยใต้ตาคล้ำจากการทำงานอย่างหนัก ท่าทีอ่อนล้าที่เผยให้เห็นนั้นช่างน่าเป็นห่วงยิ่งนัก"ใช่แล้ว ข้าง่วงมากเลย กระรอ
จีนกำลังเดินกลับบ้านด้วยความสบายใจดั่งเช่นทุกวัน ชีวิตวัยม.ปลายที่สนุกสนานกำลังรอเขาอยู่ วันปฐมนิเทศน์วันนี้ก็มีเพื่อนเยอะเสียด้วย นับจากนี้ไปรั้วชีวิตม.ปลายของเขาจะต้องสดใสอย่างแน่นอนเลยล่ะ ดวงตากลมโตมองเห็นร้านเก่าๆ ร้านนึงซึ่งทางเดินเส้นนี้ก็ถูกใช้ในการกลับบ้านเป็นประจำอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่เห็นเลยนะ ลองเข้าไปดูหน่อยก็แล้วกัน มือขาวผลักประตูเข้าไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น"สวัสดีครับ มีใครอยู่ไหมครับ" เสียงทุ้มหวานเอ่ยถาม"มีครับ สวัสดีครับหนุ่มน้อย" ผู้อยู่ด้านในเอ่ยสนทนาโต้ตอบกลับไป"หมายถึงผมเหรอครับ" ไม่ถามเปล่ายังคงชี้นิ้วมาทางตนเองอีกด้วย นับว่าเป็นท่าทางว่าน่ารักทีเดียว"ใช่ครับ ไม่ทราบว่าจะมาดูดวงหรือครับหนุ่มน้อย""เปล่าครับ พอดีผมไม่เคยเห็นร้านนี้มาก่อนเลยมาถามดูครับ""งั้นลองมาดูดวงสักหน่อยไหมครับ ไหนๆ ก็แวะเข้ามาในร้านของผมแล้ว" เสียงทุ้มถามพลางสับไพ่ยิปซีในมือรอ"ลองดูก็ได้นะครับ"จีนฟังคำอธิบายจากหมอดูหนุ่มด้วยความตั้งใจ มือขาวทั้งสองแนบอกตนเองพลางอธิฐานด้วยความซื่อสัตย์และหยิบไพ่ใบต่าง ๆ ออกมาจากใจที่ตนเองได้คิดดีและตัดสินใจเอาไว้ทั้งหมดแล้ว สีหน้าของหมอดูหนุ่มมีท่าทีหนัก
ร่างสูงเดินออกมาจากห้องขอจีนอารมณ์ที่แสดงไปเมื่อกี้ก็พลันเปลี่ยนทันทีแววตาขี้เล่นจริงจังขึ้นมาในทันที ยังไม่น่าจะมีใครล่วงรู้ว่าเด็กน้อยที่นอนอยู่ในห้องนั้นเป็นใคร จากคำทำนายที่บอกไว้ว่าเนื้อคู่ของเขาจะไม่ใช่คนในอาณาจักรนี้ดูท่าว่าจะเป็นจริงขึ้นมาเสียแล้ว ตอนแรกที่เขาได้ยินเมื่อหลายร้อยปีก่อนจะให้เชื่อคงจะเป็นไปไม่ได้ แต่การบอกรูปร่างหน้าตาที่ชัดเจนแบบนี้ ท่าทางว่าเรื่องนั้นจะไม่ใช่เรื่องหลอกเด็กอีกต่อไปเสียแล้ว"รัชทายาทจะทำยังไงต่อไปพะยะค่ะ" เมล์ คนสนิทขององค์รัชทายาทถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเขารู้ว่าผู้เป็นนายในตอนนี้เชื่อคำทำนายนั่นเสียแล้ว จะไม่ให้เชื่อได้ยังไงล่ะ....ในเมื่อหลักฐานนอนอยู่ในห้องรับรองแบบนั้นน่ะ"รอถามวันพรุ่งนี้แล้วกัน แต่เหมือนว่าจะมีแขกไม่ได้รับเชิญมาถึงที่นี่หลายคนเลยนะ" คีย์บอกด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์พลางมองไปยังผู้ที่ไม่ได้รับเชิญมาด้วยความไม่พอใจ"อะไรกันพี่คีย์ คิดจะเก็บไว้เล่นคนเดียวหรือยังไง" คลาส น้องชายคนแรกของเขานั้นมีนิสัยมองเห็นคนอื่นเป็นของเล่นตลอดเวลา ยิ่งอะไรแปลกใหม่จะชอบมาวุ่นวายเสมอ
"อะไรนะ! เด็กคนนั้นเป็นคู่หมั้นขององค์รัชทายาท""หมายความว่ายังไงกัน""ยังงี้ลูกสาวของฉันก็อดตำแหน่งจักรพรรดินีสินะ""แล้วเป็นลูกตระกูลไหนกันถึงได้ครองหัวใจของรัชทายาทได้นะ"เสียงซุบซิบนินทาต่างๆ นานาถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในงานเลี้ยงภายในวันนี้ แล้วมันเรื่องอะไรกันแน่ดาบจ่อหน้าคู่หมั้นรัชทายาทจักรพรรดินีหรือว่า!"ท่านพี่เป็นลูกขององค์จักรพรรดิใช่ไหมครับ" เสียงหวานถามออกมาด้วยน้ำเสียงก่ำกึ่ง ดวงตากลมโตมีแววสับสนอย่างเห็นได้ชัด"ใช่ แต่ว่ายังไม่มีเวลาเล่าเลยก็เกิดเรื่องซะแล้วสิ" น้ำเสียงของคีย์แลดูไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับเหตุการณ์นี้มากนัก"พี่ชายของข้าถึงกับออกโรงปกป้องแบบนี้ มันต้องมีอะไรมากกว่าที่เห็นอย่างแน่นอน" คลาสพูดพลางมองร่างของจีนด้วยความสงสัย"นั่นสิ ปกติพี่ชายของพวกข้าไม่มาทำอะไรแบบนี้หรอกนะ" ครอสมีท่าทีเห็นด้วยพลางมองตามพี่ชายฝาแฝดของตนเอง"ท่าทางว่ารัชทายาทจะต้องอธิบายท่านจักรพรรดิและจักรพรรดินีภายในวันพรุ่งนี้นะ พรุ่งนี้เช้ารบกวนเข้าเฝ้าที่วังหลวงด้วยพะยะค่ะ" มีเทน คนสนิทของจักรพรรดิบอกตามคำสั่งที่ได้รับมา เป็นอันรู้ดีในหมู่ของคนรับใช้ว่าแม้เขาจะเป็นคนรับใช้เหมือนตระกูล
หน้าตาที่ตื่นตระหนกและท่าทางสั่นระริกราวกับหวาดกลัวในครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน ครั้งนี้ไม่ใช่การหวาดกลัวด้วยความน่ากลัวแต่มันคือความตกใจปนหวาดกลัวไปในคราวเดียวกันต่างหาก เพราะว่าเขาเป็นผู้ชายแล้วจะมาเป็นเนื้อคู่ของอีกฝ่ายได้ยังไงล่ะเล่า!"ท่านพี่ครับ" จีนเรียกอีกฝ่ายด้วยความสับสน ท่าทางน่ารักเหล่านั้นตกอยู่ในสายตาคนทั้งท้องพระโรง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเสน่ห์ของเด็กคนนี้เหลือล้นจริงๆ จนเขาแทบอยากจะไปควักลูกตาของทุกคนออกมาไม่ให้เห็นออร่าของความน่ารักนั้นเลยสักนิดเดียว กระรอกน้อยเปล่งประกายมากเกินไปแล้ว"อืม" เสียงทุ้มต่ำตอบรับทันที เขาคิดว่าทุกคนน่าจะดูออกหมดแล้วล่ะว่าเขารู้สึกยังไงกับเด็กคนนี้ มันไม่ใช่แค่คำทำนายแต่ความรู้สึกของเขามันแสดงออกนอกหน้าขนาดนี้แล้ว"ผมเป็นผู้ชายนะครับ""เรื่องนั้นสำหรับพวกเราแล้วไม่ใช่ปัญหานะหนูจีน เพราะว่าการครองราชย์ของที่นี่ขึ้นอยู่ที่ความเหมาะสมมากกว่าการมีลูก บุตรของใครมีความเหมาะสมมากกว่ากันถึงจะได้บัลลังค์ไปนะ ไม่ต้องห่วงนะ" จักรพรรดินีบอกด้วยแววตาอ่อนโยน"ผมว่าแบบนั้นต่างหากครับที่ทำให้บัลลังค์ของพี่คีย์สั่นคลอนเพราะความไม่มั่นคงในการมีทายาท และตำแหน่งจ