เขารู้ตัวดีว่ากำลังหลบหน้าใครบางคน จะกล้าสู้หน้าได้ยังไงล่ะ! พูดซะขนาดนั้นแล้วนี่นา สงบใจไม่ได้เลยสักนิดเดียว
"คุณชายจีนขอรับ เรียนเชิญทางนี้ขอรับ" เมล์บอกพลางผายมือไปทางโรงอาหาร
"ขอบคุณครับ"
"เป็นอะไรหรือเปล่าขอรับ หน้าตาดูแดงตลอดเวลาเลย" เมล์ถามด้วยความเป็นห่วง หากคนโปรดของรัชทายาทไม่สบายจะต้องโดนดุอย่างแน่นอนเลย
"ไม่เป็นไรครับ สบายดีครับ" ใครจะกล้าบอกว่าเขินพี่คีย์จนไม่กล้าสู้หน้ากันล่ะ
ปึก!
"ระวังหน่อยครับคุณชายจีน ถ้าข้าคว้าไม่ทันคือล้มแล้วนะ" มาร์แชลบอกพลางจับร่างบางมานั่งเก้าอี้แล้วช่วยปัดเศษฝุ่นออก
"ขอบคุณครับ ผมไม่ระวังตัวเอง"
"ทำไมไม่ระวังตัวเลยนะ"
"แต่ว่า..."
"ซุ่มซ่ามแบบนี้ก็น่ารักดีนะ" เสียงทุ้มต่ำบอกด้วยรอยยิ้ม
"ผ... ผม... ผมไม่คุยกับพวกคุณแล้ว ไปทางไหนมีแต่คนพูดจาแปลกๆ กันทั้งนั้นเลย" ช่วงขาเรียวยาวเดินหนีไปอีกทางทันที โดยที่ไม่ได้รับรู้ถึงสายตาเอ็นดูจากคนด้านหลังเลยสักนิดเดียว
ที่นี่มันคือโลกแบบไหนกันแน่นะ รู้ตัวว่าข้ามเวลามาอีกโลกหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าจะแปลกประหลาดกันขนาดนี้ เหมือนเวลาจิรายุไปใกล้ใครคนนั้นก็จะพากันหลงรักไปเสียหมด เขาเป็นผู้ชายนะ! ทุกคนอย่าลืมสิ ทำไมถึงมีแต่คนเห็นดีเห็นงามด้วยแบบนี้ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
บรรยากาศบนภูเขานั้นเย็นสบาย ป่าเขาพงไพรเติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์ ให้ความรู้สึกเหมือนมาพักผ่อนหย่อนใจช่วงปิดเทอมได้เป็นอย่างดี ความยาวของป่าไม่สามารถประเมินได้จากสายตาเลย ไกลสุดลูกหูลูกตาเลยก็ว่าได้ แต่ทำไมถึงมีน้ำน้อยขนาดนี้นะ มือขาววางมือลงบนผิวน้ำแล้วทอดสายตามองการไหลของน้ำ ทำให้รู้ว่าอีกไม่นานน่าจะถึงฤดูแล้งของที่นี่ ปัญหาน้ำที่คีย์บอกจะต้องมาถึงอย่างแน่นอน
"คิดอะไรอยู่เหรอ ข้าออกตามหาจนทั่วเลยนะ" ท่าทางเหนื่อยหอบเป็นคำตอบของทุกอย่างแล้ว ใบหน้าริ้วแดง เสียงหายใจเข้าออกขาดเป็นห้วงแบบนี้ แสดงว่าตามหาจนทั่วอย่างที่เจ้าตัวบอกจริงๆ
"ผมกำลังคิดถึงปัญหาน้ำก่อนหน้านี้ครับ อีกไม่นานที่นี่จะต้องถึงฤดูแล้งอย่างแน่นอน"
"รู้ได้ยังไง ข้ายังไม่ได้บอกเลย"
"ตอนที่ผมอยู่อีกโลกหนึ่งได้เรียนรู้มาครับ อยากช่วยทุกคนไม่ให้ขาดน้ำครับ"
"แต่ตอนเดินทางมาที่นี่มันเป็นปัญหาน้ำท่วมนะครับ" เสียงทุ้มต่ำพยายามอธิบายสถานการณ์ให้อีกคนเข้าใจใหม่
มือขาวดึงอีกคนให้เดินตามมาโดยไม่ได้ฟังคำอธิบายอะไรอีก คีย์ตกใจกับพฤติกรรมแบบนี้ของคนข้างกายเป็นอย่างมาก หลายต่อหลายครั้งที่พยายามเข้าหาแต่เหมือนว่าจะเป็นกระรอกน้อยขี้ตกใจแล้วหนีเตลิดไปตลอด ทำไมวันนี้ถึงยอมมาจับมือเขาง่ายๆ แบบนี้กันนะ แสดงว่าจะต้องมีความคิดอะไรบางอย่างแน่นอน
"คุณบลัฟเฟอร์ครับ ผมมีเรื่องอยากจะปรึกษา" เสียงหวานเอ่ยออกมาด้วยความหนักแน่น คุณชายและรัชทายาทต่างพยักหน้ารับทันที จะต้องมีเรื่องอะไรที่น่าประหลาดใจอีกอย่างแน่นอน
"ที่นี่น้ำท่วมตลอดเลยใช่ไหมครับ"
"ใช่ พยายามแก้ปัญหาแล้วแต่ว่าก็ยังมีอยู่ทุกปี"
"ถ้างั้นผมอยากให้ทุกคนนำก้อนหินกับไม้มาทำเหมือนกำแพง แล้วกั้นแบบขั้นบันไดตั้งแต่ยอดเขาจนกระทั่งไปถึงด้านล่างเลยครับ การทำแบบนี้จะเป็นการลดทอนแรงผลักดันของน้ำไม่ให้ไหลแรงจนเกินไปแล้วยังช่วยให้คนบนเขามีน้ำกินน้ำใช้ตลอดปี
วิธีการนี้เรียกว่าการทำฝายชะลอน้ำ เป็นการช่วยระยะยาวและยั่งยืนกว่าด้วย แต่ต้องอาศัยคนจำนวนมาก ซึ่งคิดว่าถ้าจำนวนคนของคุณชาย รัชทายาท รวมถึงชาวบ้านทุกคนไม่น่าจะเกินความสามารถของแวมไพร์อยู่แล้ว ถูกต้องไหม"
"วิเศษมาก! กระรอกน้อยของฉัน" มือหนาคว้าร่างสูงโปร่งมาอุ้มเหมือนอุ้มเด็กเล็กพลางโยกไปมาด้วยความชื่นชม ทำไมถึงเก่งขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเกิดมาจากที่ไหน อะไรยังไง แต่ความคิดแบบนี้แวมไพร์อย่างพวกเราไม่มีทางรู้ได้เลยสักนิดเดียว โชคดีมากที่กระรอกน้อยเดินทางมาหา
"รัชทายาท ท่าทางเอ็นดูคุณชายจีนมากเลยพะยะค่ะ ข้าไม่เคยท่านทำท่าแบบนี้มาก่อนเลย" มาร์แชลอดที่จะแซวไม่ได้ สายตา ท่าทาง ทุกอย่างสื่อออกมาอย่างชัดเจนว่าชอบคนที่อุ้มอยู่มากเพียงใด แบบนี้มีหวังอกหักตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มจีบแน่
"อย่างที่บอกไปว่าข้าชอบกระรอกน้อยมากจนไม่คิดว่าจะชอบใครไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว" มือขาวพยายามดึงให้ตนเองหลุดจากการโดนอุ้ม เขาก็ไม่ใช่เด็กแล้ว...จะให้มาอุ้มเหมือนอายุไม่กี่ขวบแบบนี้มันน่าอายจะตาย
"ลมอะไรหอบให้พี่ชายเดินทางมาที่นี่ได้กันนะ ปกติไม่เคยอยากจะมาหรอก" ครอสได้ทีรีบป่วนสถานการณ์ตรงหน้าทันที
"เป็นห่วงกระรอกน้อยเลยตามมา"
"คือว่าจะทะเลาะอะไรกันผมไม่รู้ แต่รบกวนช่วยปล่อยก่อนได้ไหมครับ" ใบหน้าหวานแดงตั้งแต่ใบหน้าจนลามไปถึงใบหูแล้ว ในชีวิตไม่เคยเขินจัดขนาดนี้มาก่อนเลย ท่าทางทุกอย่างตกอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ทุกคน ถึงจีนจะบอกว่าตนเองไม่ใช่เด็กแล้ว แต่ไม่ว่าจะใครก็อายุมากกว่าหลายร้อยปีกันทั้งนั้น เป็นอันสรุปได้ว่าร่างสูงโปร่งเด็กที่สุดนั่นเอง
"นั่นสิ พี่ทำแบบนั้นน้องเขาอายแย่แล้ว"
"โทษที ลืมตัวไปหน่อย"
"แต่ว่าข้าไม่ขอโทษนะ เพราะข้าตั้งใจอุ้มเราต่อหน้าทุกคน"
เสียงหัวใจเต้นโครมครามจนแทบจะหลุดออกจากอก คนข้างกายจะรู้ไหมว่าเขาแสดงท่าทีแบบไหน ให้ตายเถอะ! เขามีอิทธิพลกับหัวใจมากจริงๆ"ผมว่าพวกเรารีบไปกินข้าวกันเถอะครับ ผมหิวแล้ว" ร่างสูงโปร่งรีบเดินหนีจากสถานการณ์ตรงหน้าเพราะจนปัญญาที่จะรับมือไหว ใบหน้าริ้วแดงนั้นสร้างความหลงใหลให้กับผู้ที่พบเห็นไม่น้อยเลยทีเดียว ช่างน่ารักน่ากินไปทั้งตัวยังไม่รวมกลิ่นเลือดหอมหวานนั่นอีก"พอเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่คีย์ถึงหวงนัก""นั่นสิ เป็นใครเจอแบบนี้ก็หวงกันหมด"ฉายาแฝดนรกของจักรวรรดิไม่ได้มีเพียงชื่อเท่านั้น ความแสบสันและการพูดจาก็ร้ายกาจไม่แพ้กัน บุคคลที่คลาสและครอสกลัวที่สุดคือพี่ชายคนโตหรือรัชทายาทนั่นเอง ส่วนสาเหตุนั้นไม่มีใครอาจตอบได้เพราะแม้แต่จักรพรรดิยังเอาไม่อยู่"ยังไงข้าก็ไม่ยอมแพ้แน่ คุณชายจีนจะต้องมาเป็นดัชเชสของมาร์แชล" มาร์แชลบอกด้วยความมั่นใจและไม่ยอมแพ้ ในเมื่อเจ้าตัวยังไม่ได้ตัดสินใจ ทุกคนก็มีโอกาสจะเข้าหาทั้งหมด"อย่าเพิ่งเถียงกันเลย รีบตามกระรอกน้อยไปเถอะ"ความสดใส น่ารัก ไร้เดียงสาที่แผ่ออกมารอบตัวจิรายุ ตกอยู่ในสายตาเหล่าแวมไพร์น้อยใหญ่ทั้งหมด ไม่มีมนุษย์คนไหนมาเยือนโลกนี้นานแล้ว ด้วยความท
"ทำหน้าแบบนี้แปลว่าตัดสินใจได้แล้วใช่ไหม ว่าควรทำตัวยังไง""มาร์แชล บลัฟเฟอร์" แฝดนรกก็คือแฝดนรกอยู่ดี คำพูดที่หลอกล่อให้คล้อยตามและหลงเชื่อ ไม่ว่าใครจะหนักแน่นหรือมั่นคงในความคิดของตนเองมากแค่ไหน หากโดนคำพูดขององค์ชายคลาสกับองค์ชายครอส ไม่มีทางที่จะหนีพ้น เหมือนเสียงกระซิบของปีศาจที่ต้องยอมทำตามแต่โดยดีอย่างไม่มีเงื่อนไข"แล้วองค์ชายทั้งสองไม่ติดใจอะไรบ้างเหรอพะยะค่ะ ว่าทำไมมนุษย์อย่างคุณชายจีนถึงได้รับตำแหน่งเป็นคุณชายญาติทางฝั่งพระจักรพรรดินี" มาร์แชลกลั้นใจถามออกไป เขายอมแพ้ที่จะสืบหาความจริงแล้วแต่ไม่มีทางที่ทั้งสองพระองค์จะยอมล่าถอยง่ายๆ แบบนี้ ทุกคนต้องรู้ดีถึงความน่ากลัว การปกครองที่สงบสุขหลายร้อยปีที่ผ่านมาไม่ได้มีเพียงแค่หน้าตา ความสามารถ ความเฉลียวฉลาดถือว่าไม่เป็นรององค์รัชทายาทเลยเพียงแต่เกิดช้ากว่าเท่านั้นเอง"จริงๆ ข้าก็อยากรู้นะ ท่านพี่ว่าไง""ข้าไม่ขอเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ท่านแม่ตัดสินใจเด็ดขาด ความน่ากลัวของท่านแม่มีมากมายนัก อยากมีชีวิตแบบที่แวมไพร์ควรเป็น ยังไม่อยากตายเยี่ยงมนุษย์""นี่คือข้อสรุปของพวกเราสองแฝด ไปนอนกัน" รูปร่างสง่างามที่เหมือนกันราวกับแกะทั้งสองเดิน
"มีเรื่องกันหรือเปล่าครับ ผมเป็นห่วง" ท่าทางกังวลถูกฉายชัดผ่านดวงตากลมโต เสื้อคลุมถูกสวมใส่อย่างลวกๆ หยดน้ำไหลเป็นทางตามร่างกายขาว หากผิวขาวซีดจะดูไม่น่าดึงดูดแต่ไวท์ดันขาวอมชมพู ยิ่งอาบน้ำมาใหม่ๆ ดูยั่วยวนโดยธรรมชาติมาก รัชทายาทลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ สามัญสำนึกบอกให้เขาหยุดคิดอะไรที่ไม่ดีไม่งาม"กระรอกน้อยรีบวิ่งออกมาจากห้องน้ำใช่หรือไม่" เสียงทุ้มต่ำถามพลางสะกดอารมณ์ของตนเองลง"ครับ ผมได้ยินเสียงเลยรีบคว้าชุดคลุมออกมาเลย" มือหนาคว้าผ้าห่มขนาดใหญ่ขึ้นมาแล้วพันร่างของไวท์ไว้ทั้งหมดพลางอุ้มพากลับไปห้องอาบน้ำ ไม่รู้ว่าระหว่างทางจะมีใครเห็นบ้าง สายตาพิฆาตถูกส่งไปยันทหารในคฤหาสน์ ทุกคนก้มลงกับพื้นหมดเพราะไม่อาจทนรังสีความหวงของรัชทายาทได้"แต่งตัวนะ แล้วเช็ดผมให้แห้งนะ""ครับ""ข้าว่าพวกเรากลับวังกันเถอะ""จะดีเหรอครับ""กระรอกน้อยช่วยทำฝายชะลอน้ำแล้ว""ทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร""ที่นี่อากาศเย็นเกินไป ข้าคิดว่าร่างกายของกระรอกน้อยจะรับไม่ไหว"คนที่รับไม่ไหวและรับมือยากที่สุดมันคือพระองค์ต่างหากล่ะ! รัชทายาท เขาลอบเถียงในใจ แต่ดูเหมือนว่าอีกคนจะรู้ทันเสียแล้ว"จะบอกว่าข้ารับมือยากเหรอ""ทำไมถึ
ณ วังหลวง"จักรพรรดินีเพคะ องค์รัชทายาทแจ้งว่ากำลังเดินทางกลับมาวังหลวง" นีน่ารายงานตามเอกสารที่ได้รับมาทันที เพราะสถานการณ์ตอนนี้ถึงจะดีขึ้นแล้วแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่นัก ยังมีเหล่าขุนนางจำนวนมากที่อยากเห็นหน้าว่าที่คู่หมั้น"ดีแล้วล่ะ ขออย่าให้เกิดเรื่องก่อนมาถึงก็พอ""ทำไมคิดเช่นนั้นเพคะ""มีหลายคนที่ไม่พอใจเรื่องนี้เยอะ มันจะต้องมีการลอบสังหารเกิดขึ้นแน่" ที่นี่ไม่ใช่เมืองมนุษย์ฉะนั้นกฎทุกอย่างมีไว้แหก ไม่ได้มีไว้ทำตามดั่งที่ควรจะเป็น"แล้วพระองค์จะทำเช่นไรเพคะ""ไม่รู้เหมือนกัน ของแบบนี้ต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง"ขุนนางบางส่วนที่หวังพึ่งอำนาจจากเจ้าชายฝาแฝดมากกว่ารัชทายาทคนปัจจุบัน เนื่องจากไม่ชอบความคิดที่รู้ไปทุกเรื่องโดยไม่ฟังคำจากผู้ใหญ่ หากมีเรื่องมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องแล้วหมายความจุดอ่อนคือสิ่งนี้ เมื่อรู้จุดอ่อนของศัตรูเป็นธรรมดาที่จะต้องกำจัดทิ้ง"กระผมจ้างทหารรับจ้างให้ไปลอบสังหารรัชทายาทแล้วขอรับ""ทำดีมาก ชาร์ที""ข้าอยากจะรู้นักว่ารัชทายาทจะปกป้องคนรักได้หรือไม่""ขอรับ"การเดินทางกลับวังหลวงนั้นจำเป็นต้องใช้รถม้าเนื่องจากเป็นการเดินทางที่เป็นทางการ ไม่สามารถใช้แบบรถค้างคาวไป
ทำไมรัชทายาทไปนานเหลือเกิน มีเสียงต่อสู้กันอย่างหนักแล้วทำไมเงียบลงแบบนี้ ไวท์ไม่รู้ตัวเลยว่ารถม้ากำลังเคลื่อนตัวไปทางอื่นเนื่องจากโดยภาพมายาหลอกว่ายังอยู่ที่เดิม แผนการนี้ตอนแรกจงใจจะทำลายความน่าเชื่อถือของเชื้อพระวงศ์แต่ขุนนางอย่างเขาก็คิดได้ว่ายังมีมนุษย์ที่เป็นตัวแปรสำคัญในครั้งนี้อยู่กลิ่นหวานชวนกลืนกินนั้นยังคงติดตราติดตรึงใจตั้งแต่ครั้งที่เจอในงานเลี้ยงเมื่อไม่กี่วันก่อน อยากลองเห็นหน้าชัดๆ สักครั้งว่ามีดีแค่ไหนกัน ทำไมใครต่อใครถึงได้ออกโรงปกป้องกันนัก ทั้งจักรพรรดิ จักรพรรดินี รัชทายาท องค์ชายแฝด แบบนี้มันไม่ธรรมดาแล้ว จะสืบออกนอกหน้าก็ไม่ได้ เส้นสายของจักรพรรดินีมีทั่วอาณาจักร"คนที่คุณชายอยากพบ เดินทางมาถึงแล้วขอรับ" ชาร์ทีบอกพลางผายมือไปทางรถม้าที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าคฤหาสน์ตระกูลสวิต ถือเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่เป็นเชื้อพระวงศ์ วิธีการที่ใช้เลือกผู้นำแต่ละสมัยจะไม่เหมือนกัน สมัยขององค์จักรพรรดิจะเลือกจากผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นผู้นำ โดยผ่านการต่อสู้มาอย่างหนักหลากหลายรูปแบบเพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่งทุกหนึ่งร้อยปีจะมีการจัดการแข่งขันเพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่งของจักรวรรดิ แวมไ
คิดถูกแล้วที่ตัดสินใจส่งจดหมายก่อนที่คุณชายริคจะเดินทางมาถึง เพราะว่าเวลาไม่นานร่างสูงปีกสีดำขนาดใหญ่ก็บินมาถึงบ้านของเขาเสียแล้ว แสดงว่าร้อนใจจะไม่สามารถนั่งรถม้าหรือรถค้างคาวมารับได้เลยสินะ เด็กคนนี้ต้องมีดีอะไรพอสมควรเลยปึง!"กระรอกน้อย! ไม่เป็นอะไรใช่ไหม! ใครทำอะไรหรือเปล่า! " คียร้อนใจจนไม่สามารถบังคับตนเองได้แล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้นกับแก้วตาดวงใจแล้วล่ะก็...คฤหาสน์หลังนี้พังไม่เป็นท่าแน่ๆ"ทำไมต้องโวยวายเสียงดังด้วยพะยะค่ะ ใจเย็นลงก่อน" เทรเลอร์ตอบกลับอย่างใจเย็น ไม่บ่อยนักที่จะเห็นอาการแบบนี้ออกมา ปกติเป็นคนสุขุม รอบคอบ ใจเย็น ได้เห็นอะไรที่ไม่เคยซะแล้วสิ"จะให้เย็นได้ยังไง ความต่างของเผ่าพันธ์มันเยอะขนาดนี้""แถมกลิ่นเลือดยังหอมหวานชวนให้ดื่มตลอดเวลา ข้าไม่ไหวใจเจ้า! สวิต เทรเลอร์""รัชทายาท ใจเย็นลงก่อนพะยะค่ะ" เมล์ห้ามปรามเจ้านายของตนทันที ไม่มีความจำเป็นต้องไปเดินตามเกมส์ของคนตระกูลสวิต"ต่อให้ท่านจะฆ่าเขาเสียตรงนี้ ก็ไม่มีโอกาสได้รู้ว่าคุณชายริคอยู่ที่ไหน" ท่าทีของคีย์โอนอ่อนลงทันที คนรับใช้ตระกูลโฟลช์ถูกขัดเกลามาให้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ให้ความช่วยเหลือ และห้ามปรามกษัตริย
กระรอกน้อยของเขาจะเนื้อหอมมากเกินไปแล้วนะ ขนาดเป็นผู้ชายยังขนาดนี้แล้วถ้าเป็นผู้หญิงเขาไม่เป็นบ้าตายเหรอเทรเลอร์ไม่เคยเจอผู้ชายที่ไหนนอกจากจะหน้าหวานแล้วยังจะยิ้มหวานขนาดนี้ มีฝีมืองานบ้านงานเรือน กิริยาท่าทางไม่ยอมใคร พอเข้าใจแล้วว่าทำไมรัชทายาทถึงหวงนัก จากข่าวที่ได้ยินมามีคุณชายตระกูลขุนนางตกหลุมรักเหมือนกัน แบบจะลงสนามไปด้วยดีไหมนะ"คุณชายริค""ครับ" ซวยแล้วไง! เผลอขานรับแบบมนุษย์ไปแล้ว ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจที่ตนเองพูดผิดออกไป ซึ่งสำหรับจักรวรรดิแล้วคำพูดพวกนี้ถูกใช้กันในหมู่มนุษย์มากกว่าแวมไพร์ ขานรับผิดแบบนี้แปลว่าต้องเคยชินกับการคุยกับใครสักคนและคงหนีไม่พ้นรัชทายาทเป็นแน่"หึ! คำขานรับน่ารักดีนะ ข้าชักถูกใจเจ้าซะแล้วสิ" เทรเลอร์บอกด้วยสีหน้าพึงพอใจ ปกติเขาไม่สนใจมนุษย์นอกจากเวลาที่ได้ดื่มเลือดที่ได้มาจากการบริจาคของเหล่าบริวารในเขตปกครองของตนเอง นอกนั้นก็มีอายุสั้นไม่ได้น่าสนใจเท่าไหร่นัก แต่ไม่ใช่สำหรับเด็กคนนี้ถึงจะมีอายุที่สั้นแต่ก็อยากจะดูแลสักครั้ง ลองถนอมใครไว้สักคนก็น่าจะดีไม่น้อย"พูดแบบนี้เจ้าหมายความว่ายังไง เทรเลอร์" ถึงคีย์จะรู้คำตอบของความหมายนั่นอยู่แล้
การตามใจใครสักคนแล้วยอมลำบากขนาดนี้ หวังว่าจะมีอะไรตอบแทนไม่มากก็น้อยกับความอดทนของข้าในครั้งนี้ณ พระราชวังสวิต (ที่พักอาศัยของคุณชายคนโตของตระกูล)"ขอต้อนรับท่านจักรพรรดินี ไม่ทราบว่าเดินทางมาถึงที่นี่มีเรื่องอันใดกัน" ชาร์ทีออกมาต้อนรับทันทีที่เห็นขบวนเสด็จขององค์จักรพรรดินีเดินทางมาแบบไม่เป็นทางการเช่นนี้ จะต้องเกี่ยวข้องกับเด็กคนนั้นที่ถูกจับตัวมาเมื่อก่อนหน้านี้แน่นอน"ข้าว่าเชิญท่านจักรพรรดินีเข้าไปด้านใน แล้วค่อยหารือกันดีหรือไม่ ชาร์ที" นีน่าบอกเสียงเรียบแต่ท่าทางไม่ได้เรียบตามไปด้วย ลางสังหรณ์ของเขามันร้องเตือนว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีที่มีการเดินทางนอกกำหนดการแบบนี้ตระกูลสวิตถือเป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ทั้งสี่ สัญลักษณ์ของตระกูลคือลักษณะแห่งไฟที่เผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อปกป้องตระกูลของกษัตริย์ให้มั่นคงสืบต่อไป การจะล้มล้างกษัตริยได้จำเป็นต้องเข้าถึงตัวเชื้อพระวงศ์ให้ได้เสียก่อน หากเจ้าแห่งการปกครองสูงสุดของวังหลังออกเดินทางนอกกำหนดการ หมายความมีการทำงานที่ไม่ปกติเกิดขึน อำนาจสูงสุดตกเป็นของจักรพรรดินีและจักรพรรดิไม่มีสิทธิในการตัดสินใจเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว"อรุณสวัสดิ์ยามดึกพ
"วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เจ้าจะได้อยู่ที่นี่แล้ว เดี๋ยวสักพักครอสคงจะมารับเจ้าอย่างแน่นอน" คลาสบอกเสียงเรียบแต่ใบหน้านั้นขมวดคิ้วจนเป็นปมอย่างเห็นได้ชัด"พี่คลาสเป็นอะไรหรือเปล่าครับ คิ้วชนกันใหญ่แล้ว""ครอสเป็นคนที่ซุกซนและเดาใจยาก ข้ากลัวว่าเจ้านั่นจะหาเรื่องแกล้งเจ้ามากกว่าดูแลเจ้า""หากมีอะไรไม่ชอบมาพากล จงใช้พลังที่เจ้ามีจัดการกำราบเจ้านั่นซะ" คลาสบอกเสียงเข้มเพราะไม่อยากให้อีกคนถูกแกล้งแปลกๆ รสนิยมของครอสเป็นยังไง มีหรือที่พี่ชายฝาแฝดอย่างเขาจะไม่รู้"อะแฮ่ม! นินทาแบบนี้ไม่ดีเลยท่านพี่ ข้าไม่ได้เป็นขนาดนั้นสักหน่อย" ครอสบอกเสียงเรียบหน้านิ่ง เพราะนี่คือเรื่องจริงจังไม่ใช่เรื่องล้อเล่นดั่งเช่นทุกที"ข้าก็หวังให้เจ้าเป็นแบบนั้น อ่านจดหมายที่ข้าส่งไปให้แล้วใช่หรือไม่""พะยะค่ะท่านพี่ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน""ดีมาก ฝากด้วยล่ะ"ทั้งสามถูกเชิญให้ไปร่วมรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายของพระราชวังเขตเหนือที่จะได้
น้ำตาของจักรพรรดินีไหลอีกครั้งระหว่างเดินมายังวังของตนเอง มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจแต่เป็นน้ำตาแห่งความดีใจ รู้สึกโชคดีมากที่มีอายุยืนยาวมาขนาดนี้ ทำให้ได้รับรู้ความจริงและสามารถเข้าใจได้ทั้งหมดว่าที่ผ่านมาคืออะไร ทำไมถึงรักษาสัญญาเช่นนี้มาตลอดไม่เคยเปลี่ยนแปลงจักรพรรดิมองคนรักของตนด้วยความเอ็นดูเพราะไม่คิดว่าหลายร้อยที่ผ่านมาอีกคนจะซื่อบื้อขนาดที่ไม่รู้ว่าตนมีใจให้ไปตั้งนานแล้ว ไม่งั้นจะยอมมีลูกด้วยกันตั้งหลายคนขนาดนี้เหรอ บางทีการนิ่งเฉยเกินไปอาจจะทำให้ไม่รับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่าย ท่าทางต้องแสดงออกมากกว่านี้เสียแล้วสิตุ้บ!ขาของคลาสเหวี่ยงไปโดนหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะพอดิบพอดีทำให้กองหนังสือร่วงลงมาเหมือนกระดานหมากรุกที่ถูกล้มโต๊ะกระจัดกระจายกันไปหมด เปลือกตาของแวมไพร์สูงศักดิ์เปิดขึ้นด้วยความงัวเงียว่าอะไรมารบกวนการนอนของเขา จนมารู้ว่าอีกคนนอนอยู่บนร่างตัวเองและยังพากันหลับบนโซฟาอีก ท่าทางตนเองจะเพลียมากจริงๆ มือหนาอุ้มอีกคนให้นอนสบายกว่าเดิมแต่เหมือนจะตื่นตามกันเพราะว่ามีการขยับตัวเกิดขึ้น"
"คือว่า...พี่คลาสจะกอดแบบนี้ไปอีกนานไหมครับ" เสียงทุ้มนุ่มเริ่มประท้วงเพราะจากการกอดหลวมเริ่มกระชับแน่นขึ้นแล้วกินเวลานานมากแล้ว แต่เหมือนจะไม่มีเสียงตอบรับจากอีกคน ถึงจะเป็นบนโซฟาแต่ทำไมเงียบผิดปกติ...หรือว่า...ดวงตากลมโตเงยหน้ามองอีกคนที่หลับตาสนิท หายใจสม่ำเสมอเข้าออก นั่นไง...กอดแล้วหลับอีกคนแล้ว ทำไมถึงมาหลับกันแบบนี้ทุกทีแล้วจะขยับหนีได้ยังไงล่ะทีนี้ คิดหนักไปหลายรอบแล้วก็ไม่ได้อะไร นอกจากนอนหลับตามกันไปในที่สุดก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!"ได้เวลาเข้านอนแล้วพะยะค่ะ เจ้าชายคลาส" เลย์เคาะประตูสองสามครั้งให้สัญญาณแต่เหมือนจะไม่มีเสียงตอบรับออกมาเลย มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาก็เข้าใจสถานการณ์ได้ทันที เพราะว่าเจ้านายทั้งสองนอนหลับอยู่บนโซฟาหรือเรียกว่านั่งหลับดี ในฐานะข้ารับใช้คนสนิทเลยไปหาผ้าห่มมาคลุมให้แล้วเดินจากไป คงต้องไม่ให้ใครมารบกวนเวลานอนของทั้งสองคนเสียแล้ว"ท่านลอร์ดเลย์ไม่เรียกเจ้าชายคลาสกับท่านไวท์ออกมารับประทานอาหารหรือพะยะค่ะ ได้เวลาอาหารแล้ว" เฟลิกซ์ถามด้วยความสงสัยแต่เล
"คลาสมาขวางข้าทำไม ไวท์เปิดทางขนาดนี้แล้ว ได้นอนกอดร่างนุ่มนิ่มนั้นคงจะดีไม่น้อยเลย" ครอสบอกด้วยสีหน้าระรื่น นานๆ ทีจะมีคนไม่รู้เรื่องมาให้กอดถึงที่ ไม่ต้องทำอะไรมากมายแค่นอนกอดธรรมดาก็พอแล้ว แค่อยากแกล้งเด็กเท่านั้นเองแต่ทำไมโดนด่าแล้วล่ะ"อย่าไปหาแกล้งคนอื่นแบบนั้น ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ลามกหรืออะไร แต่จะไปกวนจนคนอื่นไม่ได้นอนไม่ได้""จำได้ว่าเคยแกล้งรูมเมทด้วยการไปหลอกผีมาแล้วไม่ใช่รึ เจ้าจงใจจะทำแบบนั้นอีก ใช่หรือไม่" คลาสถามพลางกอดอกเอาเรื่อง"ใช่แล้ว ข้าจงใจจะไปหลอกผีไวท์ รู้ได้ยังไง""เจ้าก็รู้ว่าข้ารู้ความคิดของเจ้า จะมาถามทำไมล่ะ พวกเราเป็นฝาแฝดกันลืมไปแล้วหรือไงเล่า"ไม่ได้มีพลังพิเศษอะไรหรอกแต่สังเกตมาตั้งหลายร้อยปี ยังติดเล่นเหมือนเด็กใครจะไม่รู้กันล่ะ ถ้าทำตัวโตสักหน่อยคงจับผิดยากแล้วล่ะ ทำตัวเหมือนสมัยเด็กใครจะดูไม่ออกกันล่ะ"งั้นไปนอนด้วยกันก็ได้ เดี๋ยวสัปดาห์หน้ามาหาใหม่" ครอสบอกพลางยิ้มหวาน จริงๆ เขาก็ไม่ได้ติดพี่ชายฝาแฝดอย่างที่หลายคนคิด แต่จะม
"เข้าใจพะยะค่ะ เจ้าชายครอส""ดีมาก เจ้าทำถูกแล้ว"ไม่นานก็มีคนมาพาตัวคุณชายริค ไวท์ไปยังวิหารศักดิ์สิทธิเพื่อเรียนรู้การใช้พลังของตนเอง แต่ครอสไม่ได้ตามไปด้วยเพียงสั่งให้คนสนิทของเจ้าตัวตามไปทั้งหมด หากมีเหตุอะไรฉุกเฉินจะได้ช่วยเหลือกันทัน ร่างสูงโปร่งโบกมือลาแล้วตามคนอื่นขึ้นรถม้าไป บรรยากาศในวังเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที สายตาของแวมไพร์สูงศักดิ์มองทุกคนอย่างเอาเรื่อง"พวกเจ้าจะต้องดูแลไวท์ให้ดี รู้ใช่ไหมว่ามันคือคำสั่งไม่ใช่คำสั่งธรรมดา...หากใครไม่ฟัง ข้าจะฆ่ามันด้วยมือของข้าเอง" ออร่าของครอสออกมาอย่างรุนแรง พื้นดินเริ่มสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณบ่งบอกว่าแฝดผู้พี่ที่ไม่ค่อยเอาเรื่องเอาราวกับใครเอาจริง หากใครไม่ปฏิบัติตามจะต้องถูกลงโทษถึงขั้นไม่มีลมหายใจอย่างแน่นอน"พะยะค่ะ/เพคะ เจ้าชายครอส" ทุกคนขานรับคำสั่งด้วยความเคารพอย่างหวาดกลัว ไม่คิดจะได้เห็นมุมนี้อีกครั้งหลังจากวางมือมานานแล้ว ท่าทางจะกลับมาเป็นแบบเดิมอีกครั้ง"ทำแบบนั้นดีแล้วหรือพะยะค่ะ ขู่ให้กลัวแบบนั้น" เลย์ถามด้
"เป็นยังไงบ้างพะยะค่ะ""ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว ขอบใจเจ้ามากที่เป็นห่วงข้า""เมล์ กำหนดการที่กระรอกน้อยของข้าจะเดินทางไปวังของคลาสคือเมื่อไหร่" คีย์ถามด้วยสีหน้าครุ่นคิดว่าขาดเหลืออะไรที่ยังไม่ได้สอนหรือช่วยให้ปลอดภัยอีกหรือไม่"วันพรุ่งนี้พะยะค่ะ รัชทายาท เฟลิกซ์จัดการเตรียมทุกอย่างเอาไว้พร้อมแล้ว" เมล์ตอบพลางรินน้ำชาให้อย่างชำนาญ"อืม ถ้างั้นก็เดี๋ยวจะไปส่งแล้วกัน จะได้ช่วยกันดูแลความปลอดภัย""ห่วงก็พูดมาเถอะพะยะค่ะ จะทรงลีลาไปทำไมกัน ใครๆ เขาก็ดูออกว่าพระองค์พึงพอใจในตัวท่านชาย" หลังจากการเหน็บของเมล์ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องอาหารถึงกับหัวเราะออกมากันหมดแต่พอรัชทายาทหันไปมองก็พากันเงียบแบบเดิม มีเพียงลอร์ดเมล์เพียงคนเดียวที่จะกล้าพูดอะไรแบบนี้ เพราะทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน เป็นเจ้านายกับคนรับใช้ และเพื่อนร่วมรบมายาวนาน ทำให้มีความสนิทกันมากกว่าคนอื่น"เจ้านี่มันกวนประสาทข้าไม่เคยเปลี่ยน อยู่ด้วยกันมากี่ปีก็ยังทำให้ข้าปวดหัวเสมอมา" 
สุดท้ายแวมไพร์ผู้สูงศักดิ์ก็ไม่ได้หาอะไรกินรองท้องดั่งที่หวังนอกจากน้ำเปล่าเท่านั้น คงต้องรอใครสักคนตื่นมาทำให้กินเสียแล้วล่ะ สายตาคมยังจับจ้องเอกสารต่อไป ขนนกยังคงพลิ้วไหวตลอดเวลา น้ำหมึกค่อยๆ ลดลงตามจำนวนงานที่เริ่มหมดลงตามลำดับ องค์รัชทายาทบิดตัวไปมาสองสามครั้งก่อนจะหลับตาลงเพราะความเหนื่อยล้าแกร๊ก!"อรุณสวัสดิ์ขอรับ ท่านไวท์" เสียงผ้าม่านถูกเปิดออกเผยให้เห็นแสงตะวันกำลังลับขอบฟ้า ถ้วยชาถูกวางลงพร้อมใบชาใส่น้ำร้อนในอุณหภูมิที่พอเหมาะทิ้งไว้ประมาณนึงแล้วเทใส่ถ้วยสำหรับรับประทานยามตื่นนอน"อรุณสวัสดิ์ คัสซัส" ร่างสูงโปร่งยืนให้อีกคนดึงผ้าห่มออกแล้วบิดขี้เกียจไปมาก่อนจะจิบชาที่เริ่มจะชินกับวัฒนธรรมดื่มชาทุกเช้าของที่นี่เสียแล้วสิ"วันนี้เฟลิกซ์ไม่มาเหรอ หรือเปลี่ยนหน้าที่กันแล้ว""ท่านเฟลิกซ์จัดการเรื่องเดินทางของท่านไวท์ขอรับ ให้ข้ามาทำหน้าที่ของข้าส่วนนี้ดีกว่า" เนื่องจากหน้าที่ของคัสซัสต้องมาดูแลเรื่องส่วนตัวมากกว่าเฟลิกซ์ที่มีหน้าที่จัดการงานส่วนรวมทั้งหมดมากกว่า เริ่มมีการแ
"เป็นบุคคลที่น่ากลัวที่สุดแล้ว ขนาดท่านพี่คีย์ ท่านพี่คลาสยังกลัว คนอย่างข้าน่ะหรือ...กลัวสิ ทำไมจะไม่กลัวกันล่ะ" ครอสบอกพลางลูบแขนตัวเองไปมาถึงความสยอง"สรุปแล้วหลังจากอยู่กับข้าอีกหน่อยก็ฝากเจ้าด้วยล่ะคลาส อย่าทำให้เกิดอันตราย ดูแลไวท์ให้ดี""พะยะค่ะ ท่านพี่"หลังจากอาหารมื้อใกล้เช้าคือมื้อสุดท้ายของคืนนี้ ก่อนที่ต่างคนต่างจะพากันไปนอนกลางวันตามวิถีของแวมไพร์ แผนการรับมือและการสอบสวนจะเริ่มนับจากนี้ไป พวกคลั่งเลือดเทพกับมังกรคิดผิดแล้วที่จะกวังเลือดจากลูกหลานของตาแก่"เดินทางปลอดภัยนะครับทุกคน" เสียงทุ้มนุ่มบอกพลางโค้งศรีษะให้กับเหล่าแวมไพร์ที่อายุมากกว่าตนทั้งหมด"ข้าไปก่อนล่ะ ไวท์ เดี๋ยวมาหาใหม่" ครอสบอกพลางโบกมือแล้วสยายปีกกลับเขตปกครองตนเอง"ข้าหวังเป็นอย่างยิ่ง ที่จะได้พบกับคุณชายอีกครั้ง" มาร์แชลบอกแล้วบินไปอีกคน"ไปกันหมดแล้ว ต้องไปบ้างแล้วล่ะ แล้วเจอกันไวท์" ครอสทำท่าทีเล่นทีจริงแล้วหายไปบนท้องฟ้าเสียแล้ว"ข
"พะยะค่ะ รัชทายาท" เพียงประโยคเดียวก็สามารถสยบแวมไพร์ทั้งหมดให้คืนสติกลับมาอีกครั้งแล้วเริ่มประชุมวางแผนเรื่องการออกล่าลูกผสมระหว่างมังกรกับเทพอย่างไวท์ถูกนำมาเป็นประเด็น ทุกพื้นที่มีความต้องการที่จะได้ตัวกันทั้งนั้น สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือการฝึกฝนและศึกษาพื้นที่ตามคำสั่งขององค์จักรพรรดิที่ไม่มีใครจะขัดคำสั่งได้แม้ว่าจะเป็นองค์รัชทายาทก็ตาม"ข้าจะให้เดินทางไปกับครอสก่อนแล้วกัน เพราะกำหนดการที่อยู่ที่นี่จะหมดลงแล้ว มีแต่เรื่องวุ่นวายทั้งนั้น" คีย์พยายามไม่หัวเสียแต่ก็อดไม่ได้ แทนที่จะได้อยู่กับคนที่ชอบแต่กลับมีเรื่องทุกครั้งไป"พะยะค่ะ ท่านพี่คีย์""เลิกประชุมได้ กลับเข้าที่พักแล้วระวังตัวเองกันด้วย"ร่างสูงถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะไม่คิดว่าเรื่องจะลุกลามใหญ่โตขนาดนี้ การเก็บเด็กต่างโลกมาดูแลทำให้มันวุ่นวายเหมือนตอนเก็บตาแก่มาไม่มีผิดเพี้ยน ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิมยังงั้นเหรอ สิ่งที่ต้องรอตอนนี้สร้อยสำหรับกักกลิ่นเลือดให้แค่คนที่พลังสูงเท่านั้นที่จะได้กลิ่นนั้นก็คือแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์แบบเจือจางให้ได้มาก