ตอนที่ 3 เจออีกแล้ว
รมย์รวินท์เดินหาซื้อผักผลไม้ที่มีแม่ค้าตั้งแผงขายเรียงรายเต็มตลาดที่ใหญ่ที่สุด ใหญ่ระดับประเทศเลยก็ว่าได้ เดินทั้งวันขาคงได้เปลี้ยจนไม่มีแรง เพราะแค่นี้ก็เริ่มรู้สึกล้าไปทั้งขาแล้ว
“เอาอันนี้ค่ะป้า” มือบางส่งกระหล่ำปลีสีเขียวแซมขาว ขึ้นฉ่ายและแครอทส่งให้แม่ค้า
“หกสิบบาทจ้า”
“นี่ค่ะ” เธอหยิบเงินยื่นให้แม่ค้าแล้วหยิบถุงผักใส่ตะกร้าล้อลากเดินไปยังร้านอื่นต่อ ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายใบเล็กสั่นสะท้าน
“เออ ว่าไงตังเม”
“กอบัว แวะตลาดแค่นี้นานจังวะ” ตังเมกรอกเสียงถามมาตามปลายสายเพราะเย็นนี้ตกลงกันว่าจะกินหมูกระทะกันที่คอนโดของเธอ แต่เพื่อนสนิทอย่างกอบัวกลับยังมาไม่ถึงสักทีทั้งที่ใกล้เวลานัดเต็มที
“รีบอยู่”
“ซื้อผักนะจ๊ะ ไม่ใช่ให้ไปส่องพ่อค้า นานเกิ้น”
“โอ้ย พ่อคงพ่อค้าอะไรล่ะ ไม่มีทั้งนั้นแหละ แต่ลูกเจ้าของตลาดก็ว่าไปอย่าง” รมย์รวินท์พูดเย้าเสียงขำก่อนจะหุบปากฉับเมื่อได้ยินเสียงพราวฟ้ารอดมาตามสาย
“แล้วรู้ไหมว่าตลาดที่แกยืนอยู่ตอนนี้เขามีลูกชายหล่อด้วยนะ”
“บ้าน่า พูดเล่นไหมล่ะ”
“แล้วอยากรู้ไหมล่ะว่าเป็นใคร” พราวฟ้าเอ่ยถามอีกครั้ง
รมย์รวินท์เบิกตากว้างก่อนจะรีบหันหลังเมื่อบังเอิญเห็นผู้ชายที่เธอพึ่งตื่นมาในห้องเขา แต่ก็อดชำเลืองมองไม่ได้ว่าเขามากับใครก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะเบิกกว้างเมื่อเห็นหน้าผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินมาด้วยกัน และใครๆในที่นี่ต่างรู้จักเป็นอย่างดี เศรษฐีนีเจ้าของตลาดวัฒนาที่ยังคงความสวยไว้อย่างกับผู้หญิงอายุยี่สิบหมาดๆ
“อย่าบอกนะว่า...” เสียงหวานละเมอถามปลายสาย
“ใช่จ้า พี่เกมส์ลูกชายเพียงคนเดียวของคุณนายเกล้ากะรัต เศรษฐีนีผู้ครอบครองตลาดวัฒนาและธุรกิจในเครือจรรยาวัฒนากุล”
“บ้าไปแล้ว”
“ยังสนใจอีกไหม เดี๋ยวฉันจะบอกพี่ธันย์ให้”
“พอ หยุดเลย แค่พูดเล่นเว้ย”
“แต่เมื่อคืนฉันรู้นะว่าแกหายไปไหนกับใคร แล้วใครไปส่ง แถมยังปล่อยให้ฉันกลับคอนโดคนเดียวอีก” เสียงตังเมแทรกเข้ามาในสายทำให้หน้าสวยยิ่งเห่อร้อน
“พอๆ แค่นี้นะ ซื้อของก่อน จะรีบไป”
เธอรีบวางสายเพื่อนสนิททันที เพราะไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องเมื่อคืนอีก จึงรีบเดินซื้อของอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ของครบก็รีบลากรถเข็นตะกร้ามุ่งตรงไปยังลานจอดรถ แต่เพราะมัวอ่านแชทเพื่อนสนิททำให้เธอเดินชนลูกค้าคนอื่น
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ”
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
“มะ ไม่ค่ะ” รมย์รวินท์รีบยกมือพนมไหว้ขอโทษเมื่อคนที่เดินชนไม่ใช่ลูกค้าแต่กลับเป็นเจ้าของตลาดเสียเอง “ขอโทษนะคะหนูไม่ทันระวัง”
“เอ๊ะ เราเคยเจอกันหรือเปล่านะ” เกล้ากะรัตเอ่ยถามเมื่อเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ที่ไหนสักที่ เมื่อไม่นานมานี้
“คะ คงไม่หรอกค่ะ ขอโทษอีกครั้งนะคะ” รมย์รวินท์ก้มหัวขอโทษขอโพยก่อนจะรีบก้าวไปยังรถคันหรู
“จ้าๆ ไม่เป็นไร”
เกล้ากะรัตมองตามแผ่นหลังเล็ก จำไม่ผิดแน่ๆผู้หญิงคนนี้คือคนที่เธอพึ่งเจอเมื่อเช้าที่คอนโดลูกชาย
แล้วพอมองไปห้องสำนักงานขายที่อยู่ไม่ไกลมากก็เจอกับเจ้าลูกชายกำลังชะเง้อคอมองตาม ยิ่งย้ำชัดว่าเธอจำไม่ผิด
“ยิ้มอะไรแม่” กรภัคเอ่ยถามเมื่อเห็นผู้เป็นแม่เดินยิ้มกว้างมาแต่ไกลถ้าไม่ใช้เจ้าของตลาดคนที่เดินสวนไปมาคงคิดว่าแม่ผมเป็นบ้าแน่นอน
“เปล่านี้ แล้วเมื่อกี้ลูกมองใคร”
“มองไปเรื่อยครับ ไม่ได้เจาะจง”
“แต่คนเมื่อกี้จะใช่ลูกสะใภ้แม่ไหมหนอ” เกล้ากะรัตถามด้วยน้ำเสียงล้อเลียนเพราะไม่เคยมีใครสักคนที่ลูกชายจะพาขึ้นมานอนคอนโด ถ้าพามาก็คงจะพิเศษกว่าคนอื่นอยู่ไม่น้อย
“น้องที่คณะครับ ลูกสะใภ้อะไรครับแม่ยังไม่มีหรอก”
“ไหนบอกมองไปเรื่อยไง รู้เหรอว่าแม่หมายถึงใคร”
“ผมไม่คุยด้วยแล้ว ผมเคลียร์บัญชีให้นะ” กรภัคพูดตัดบทก่อนจะเดินไปนั่งเก้าอี้แล้วหยิบเอกสารขึ้นมาอ่าน
“แต่แม่เคยเจอเธอนะ”
“ที่ไหนครับ”
“นั่นสิ ที่ไหนนะ”
กรภัคเกิดอาการร้อนๆหนาวๆขึ้นมาเมื่อเห็นสายตาของผู้เป็นแม่ ขอเถอะ อย่าเป็นแบบที่คิดเลย
“อ๋อ นึกออกแล้ว”
“ที่ไหนครับแม่” เสียงทุ้มถามออกไปทันทีด้วยความตื่นกลัวจนผู้เป็นแม่หรี่ตามองอย่างจับผิด เขาจึงแกล้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วก้มหน้าดูงบบัญชีของตลาดต่อ
“เดินสวนกับแม่ที่คอนโด ชั้นที่เราอยู่ด้วยนะ” ซึ่งคือคนเดียวกันกับที่เดินสวนกับเธอตอนเธอขึ้นไปหาลูกชายบนห้องพอดี
“ขึ้นมาผิดเฉยๆหรือเปล่าแม่” กรภัคตอบกลับเสียงร้อนรนเพราะกลัวถูกจับได้ จนกลายเป็นว่าออกตัวแรง
“นั่นสิทั้งชั้นก็มีแค่สองห้อง คือห้องของแม่ที่ไม่ค่อยมาอยู่กับห้องของลูกที่อยู่ประจำ”
กรภัคยกมือกุมขมับก่อนจะช้อนตามองผู้เป็นแม่อีกครั้งแล้วยิ้มแฉ่งจนเห็นฟันครบทุกซี่
“ลูกก็รู้ว่าทั้งชั้นที่เราอยู่เป็นชั้นส่วนตัว คนที่ไม่มีคีย์การ์ดไม่สามารถขึ้นมาได้ แต่สามารถลงไปได้ และเขาจะขึ้นมาไม่ได้ถ้าลูกไม่พาขึ้นมา ยังจะโกหกอะไรแม่อีกไหม”
“ผม เอ่อ...”
“อะไรยังไง หืม พ่อลูกชายตัวดีของแม่”
“น้องเมา ผมก็เลยพากลับห้อง”
“แล้วทำไมไม่ไปส่งที่คอนโดน้องเขา”
“ผมปลุกน้องแล้ว แต่น้องไม่ตื่น”
“แกก็เลยพามาที่ห้องแกว่างั้น” เกล้ากระรัตยกคิ้วขึ้นเชิงถาม
“ครับ” เมื่อจนมุมเขาก็ตอบรับไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
“พามาให้แม่รู้จักบ้างสิ”
“เธอไม่ได้เป็นอะไรกับผม ก็แค่น้องร่วมคณะเองครับแม่ ไม่มีอะไรเลยจริงๆ”
“โอเค ไม่มีก็ไม่มี”
กรภัคพ่นลมหายใจออกมาเมื่อแม่ยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆ โดยไม่ติดใจอะไร แต่หารู้ไม่ว่าเขาคิดผิด เมื่อเกล้ากระรัตลอบยิ้มมุมปาก คิดว่าเธอจะเชื่อลูกชายจอมกระล่อนที่เลี้ยงมาเองกับมือเหรอ แค่อ้าปากก็รู้ไปถึงความคิดแล้ว ไว้วันหนึ่งเถอะไปตกหลุมรักเขาขึ้นมาจะมาอ้อนวอนให้เธอช่วยทีหลังอย่าฝันว่าจะช่วยเลย ปากแข็งแบบนี้แม่ชอบ
ตอนที่ 4 เด็กขี้เมา “กว่าจะมา” ตังเมเปรยขึ้นเมื่อเปิดประตูให้เพื่อนสาวที่หอบหิ้วของมาเต็มมือ“รถติดน่ะ”“รถติดหรือติดหัวใจลูกเจ้าของตลาดอยู่กันแน่”“โอ้ย ก็พูดไปนั้น ไม่ชอบหรอกคนเจ้าชู้ ไม่เหมือนใครบางคนแถวนี้”“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องเลยกอบัว ไม่ต้องวกมาเรื่องฉัน” พราวฟ้ารีบห้ามเพราะประเด็นร้อนมันไม่ได้อยู่ที่เธอแต่อยู่กับคนที่มาทีหลังต่างหาก“สรุปว่าไง เรื่องเมื่อคืน” ตังเมเอ่ยถามขณะแกะผักออกจากถุงเพื่อล้างน้ำสะอาด“ไม่มีอะไรเลย พี่เขาก็แค่ไปส่งเฉยๆ”“จ้า เชื่อ” พราวฟ้าพยักหน้ารับแต่กลับยกยิ้มล้อเลียนจนกอบัวหน้ามุ่ย“โอ้ย พูดก็ไม่เชื่อ งั้นไม่ตอบแล้ว”“โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว” พราวฟ้าเอ่ยบอกพร้อมกับหยิบมืดหั่นแครอทแล้วหยิบใส่หม้อเพื่อทำน้ำซุป“เอ้อ แล้วทำไมถึงกลับพร้อมพี่เขาได้” ตังเมที่กำลังล้างผักหันมาถามด้วยความสงสัย“เมา แล้วบังเอิญไปเจอพี่เขาพอดี เขาคงสงสารมั้งเลยพาไปส่ง”“กอบัว!!”“อะไรตังเม จะตะโกนทำไมเนี่ย จกใจหมด”“นั่นสิ มีอะไรหน้าตื่นเชียว เจอหนอนในผักเหรอ” พราวฟ้าเอ่ยถาม“แกไปอ่อยพี่เขาหรือเปล่า” ตังเมถามด้วยความเป็นห่วงเพราะรู้ว่าเวลาอีกฝ่ายเมาหนักมากๆจะเป็นอย่างไร“
ตอนที่ 5 ตามที่ใจปรารถนารถอาวดี้คันหรูแล่นไปตามท้องถนนเมืองหลวงที่ค่อนข้างโล่งกว่าทุกวันจนกระทั่งมาจอดสนิทที่หน้าคอนโดหรู“พี่เกมส์ ทำไมพี่ไม่ไปส่งหนูที่คอนโดคะ” ดวงตาคู่สวยฉ่ำปรือมองตึกสูงข้างหน้าไม่ว่ามุมไหน ก็ไม่ใช่คอนโดเธอ“ก็พี่ถามเราแล้วว่าเราอยู่ที่ไหน แต่เราไม่ตอบพี่”“ถามตอนไหน หนูไม่เห็นได้ยินเลย”กรภัคเกาหัวแล้วเสยผมขึ้นแรงๆอยากจะเอาหัวตัวเองทุ่มใส่พวงมาลัยสักทีสองที เพราะก่อนหน้านี้เธอหลับมาตลอดทาง เขาทั้งเรียก ทั้งสะกิดถาม แต่สิ่งที่ได้มาคือความเงียบ“ไหนๆก็มาถึงแล้วนอนที่นี่ไปก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยกลับ”“ให้หนูนอนกับพี่ หนูไม่ปลอดภัยแน่นอน ไม่เอาหนูจะกลับห้อง”“อย่าดื้อได้ไหม แล้วตอนนี้พี่ก็ง่วงแล้วด้วย”“แล้วถ้าหนูปล้ำพี่จะทำไงล่ะ”“เออ เดี๋ยวพี่ขัดขืนเอง ลงมาก่อน”“อื้อ” รมย์รวินท์พยักหน้ารับ แล้วเปิดประตูก้าวขาลงจากรถ เดินเซไปมาจนคนที่แอบมองอยู่ด้านหลังช้อนตัวขึ้นอุ้ม“พี่เกมส์”“ง่วงก็นอนเลย เดี๋ยวพี่อุ้มขึ้นไปเอง”“อือ”ดวงตาคู่สวยปิดสนิทอีกครั้งแล้วหันหน้าซุกอยู่กับอกแกร่งกำยำ ปกติเธอค่อนข้างเป็นคนนอนหลับยากมาก ต่อให้กินเหล้าเมามากขนาดไหนก็ไม่เคยหลับสนิทสักครั้ง
ตอนที่ 1 สัญชาตญาณนักสู้ ร่างบางเดินโซซัดโซเซมือเล็กเกาะผนังพยุงร่างตัวเองเดินไปตามทางเข้าห้องน้ำ ก่อนจะชะงักหยุดยกมือขึ้นกุมศีรษะพลางสะบัดส่ายหน้าไปมา เมื่อฤทธิ์ค็อกเทลร้อนแรงอย่างบีห้าสิบสอง (B52) เล่นงานจนหน้ามืด มึนหัว ดวงตาคู่สวยพร่ามัวจวนจะปิดสนิท “โอ้ย กอบัว แกไม่น่ากินตามแรงยุพวกพี่เขาเลย” เสียงหวานบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะก้าวเดินไปข้างหน้าช้าๆ โดยที่ในใจอดด่าเจ้าของผับไม่ได้ทำไมทำห้องน้ำไกลจังวะเท้าเรียวเดินเซมาเรื่อยๆตามทางเดินแต่ทว่า มาโผล่อีกทีดันเป็นลานจอดรถ!“อาการแกหนักแล้วกอบัว” เสียงหวานบ่นตัวเองแผ่วเบาก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในผับโดยไม่ทันระวังจนชนเข้ากับกำแพงมนุษย์เต็มแรง “โอ๊ย ซี๊ดใครแม่งมายืนขว้างหน้าวะ” มือเล็กยกขึ้นลูบจมูกตัวเองเบาๆ ถ้าไม่ใช่ว่าแม่ให้มานะป่านนี้คงนั่งน้ำตาซึมไปหาหมอที่คลินิกไปแล้ว คนบ้าอะไรวะตัวแข็งเป็นบ้า แต่ไอ้นั่นที่อยู่ใต้กางเกงจะแข็งไหมวะ พอคิดแบบนั้นดวงตาคู่สวยก็ยิ่งจดจ้องเพ่งเล็งสายตาที่เป้ากางเกงกำแพงมนุษย์ “เมาแล้วอย่าหื่น หน้าพี่อยู่นี่”“พี่เกมส์” เธอร้องตกใจเมื่อคนที่เดินชนเป็นคนเดียว
ตอนที่ 2 ทำอะไรลงไป ดวงตาคู่สวยฉ่ำปรือขึ้นเมื่อแสงของเช้าวันใหม่สาดทอเข้ามาภายในห้องน้ำ เธอจึงขยับตัวหันหน้าหนีแต่กลับเจอกล้ามหน้าอกของใครบางคน จนแทบหยุดหายใจ ปากคอแห้งผาดก่อนที่จะค่อยๆตั้งสติที่กำลังแตกกระเจิงให้เข้าที่เข้าทางแล้วนึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อคืน “เชี้ยแล้ว ทำอะไรลงไปวะเนี่ย” รมย์รวินท์ยกมือปิดปากร้องอุทานเสียงเบาในลำคอ เมื่อเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทั้งหมด แต่คงไม่ใช่เขาหรอกมั้ง...จากที่คิดว่าเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่ประถมศึกษาอย่างตังเมจะคอยพูดล้อเล่นอยู่บ่อยๆว่าเธอเมาแล้วชอบอ่อยผู้ชาย บุญเท่าไรแล้วที่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ หรือเปล่าวะ?เธอขยับตัวอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวคนข้างๆจะตื่นขึ้นมา แล้วก้มหน้างุดเพราะไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะยกผ้าห่มขึ้นมองตัวเองที่มีเสื้อผ้าอยู่ครบทุกชิ้น แล้วลองยกขาเรียวแยกออกจากกันเล็กน้อยก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ หวังว่าเมื่อคืนคงไม่มีสงครามกลางเตียงขึ้นหรอกนะแต่พอขยับตัวลุกกึ่งนั่งกึ่งนอนแล้วทำใจกล้าหันมองคนข้างกายเธอถึงกับต้องยกมือขึ้นปิดปากอยากจะกรีดร้องให้ตึกถล่มทับให้ตายคาที่ไปเลย จากที่ไม่ค่อยมั่นใจพอเห็นหน้าเ