Home / โรแมนติก / ก็รักไปแล้วให้ทำไง / ตอนที่ 2 ทำอะไรลงไป

Share

ตอนที่ 2 ทำอะไรลงไป

ตอนที่ 2 ทำอะไรลงไป

            ดวงตาคู่สวยฉ่ำปรือขึ้นเมื่อแสงของเช้าวันใหม่สาดทอเข้ามาภายในห้องน้ำ เธอจึงขยับตัวหันหน้าหนีแต่กลับเจอกล้ามหน้าอกของใครบางคน จนแทบหยุดหายใจ ปากคอแห้งผาดก่อนที่จะค่อยๆตั้งสติที่กำลังแตกกระเจิงให้เข้าที่เข้าทางแล้วนึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อคืน

            “เชี้ยแล้ว ทำอะไรลงไปวะเนี่ย” รมย์รวินท์ยกมือปิดปากร้องอุทานเสียงเบาในลำคอ เมื่อเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทั้งหมด แต่คงไม่ใช่เขาหรอกมั้ง...

จากที่คิดว่าเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่ประถมศึกษาอย่างตังเมจะคอยพูดล้อเล่นอยู่บ่อยๆว่าเธอเมาแล้วชอบอ่อยผู้ชาย บุญเท่าไรแล้วที่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ หรือเปล่าวะ?

เธอขยับตัวอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวคนข้างๆจะตื่นขึ้นมา แล้วก้มหน้างุดเพราะไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะยกผ้าห่มขึ้นมองตัวเองที่มีเสื้อผ้าอยู่ครบทุกชิ้น แล้วลองยกขาเรียวแยกออกจากกันเล็กน้อยก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ หวังว่าเมื่อคืนคงไม่มีสงครามกลางเตียงขึ้นหรอกนะ

แต่พอขยับตัวลุกกึ่งนั่งกึ่งนอนแล้วทำใจกล้าหันมองคนข้างกายเธอถึงกับต้องยกมือขึ้นปิดปากอยากจะกรีดร้องให้ตึกถล่มทับให้ตายคาที่ไปเลย จากที่ไม่ค่อยมั่นใจพอเห็นหน้าเขาชัดๆความจริงก็ยิ่งกระแทกเข้าหน้าสวยๆเต็มแรง เมื่อคนที่เธอไปอ่อยเป็นเสือร้ายเจ้าชู้ตัวแม่ ตัวมัม ตัวคลอดบุตรของแท้ อย่างพี่เกมส์ กรภัค จรรยาวัฒนากุลที่ชื่อเสียงเรื่องผู้หญิงโด่งดังเล่าลือกันอื้ออึงทั่วทั้งคณะวิศวกรรม ไม่สิ น่าจะทั้งมหาลัยเลยมั้ง

“ตายๆ จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนวะเนี่ย กอบัวมึงตายแน่ๆเลย”

เพราะเขาเป็นรุ่นพี่ในคณะ และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเขาเป็นเพื่อนสนิทของธนัท ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเป็นว่าที่คู่หมั้นเพื่อนสนิทอย่างพราวฟ้านั่นเอง

“โอ้ย อยู่ไม่ได้แล้ว เผ่นดีกว่า”

“จะไปไหน”

แต่ยังไม่ทันขยับกระโจนลงจากเตียงเสียงทุ้มก็ดังขึ้นเหนือหัว เธอจึงเงยหน้าขึ้นมองแล้วยิ้มแหยๆให้

“จะรีบไปไหน ไม่อยู่เคลียร์กันหน่อยเหรอ หืม”

“กอบัวหิวข้าวแล้วค่ะ ถ้ากินข้าวเช้าสายไปสักนาทีโรคกระเพาะจะกำเริบทันทีเลย ขอตัวก่อนนะคะ”

“ปกติกินข้าวเช้าสิบโมงเหรอ” ร่างสูงที่นอนตะแคงเท้าแขนกับที่นอนพยักพเยิดหน้าไปทางนาฬิกาที่วางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง

“เอ่อ จริงด้วยสิบโมงแล้วนี่หว่า”

“อย่ามาแถ มาคุยให้รู้เรื่องก่อน”

“กอบัวกราบขอโทษ กราบขออภัยด้วยความสำนึกผิดจริงๆค่ะ กอบัวผิดไปแล้ว พี่เกมส์ช่วยลืมเรื่องเมื่อคืนไปเถอะนะคะ”

“แล้วพี่จะได้อะไร”

“พี่จะเอาอะไรล่ะคะ ให้กอบัวเลี้ยงข้าวไหม หรือว่าเช็คเงินสดดี เอาเท่าไรบอกมาเลยค่ะ กอบัวจะโอนให้เลยทันที” รมย์รวินท์หันมองหาโทรศัพท์ที่ไม่รู้ไปร่วงหล่นอยู่ที่ไหนเพื่อจะทำตามที่บอก ต่อให้ถูกคุณนายแม่เทศนาเป็นสิบรอบ ร้อยรอบก็ยอม เพื่อให้เรื่องน่าอายมันจบลง

“ไม่อยากได้เงิน”

“แล้วพี่อยากได้อะไรคะ”

“อยากได้กอบัว”

“พี่เกมส์!!” ฉันตะโกนเรียกชื่อเขาเสียงดุ ใบหน้าสวยเห่อร้อน เธอเป็นผู้หญิง เขามาพูดแบบนี้กับเธอได้ยังไง เอ่อ ส่วนเรื่องเมื่อคืนเมาขอไม่นับก็แล้วกันนะ

“ทีเมื่อคืนเรายังอยากเล่นเกมส์อยู่เลย”

“กอบัวอาจจะหมายถึงเกมอ่ะค่ะ เกมที่เป็นเกมจริงๆ ไม่ใช่คนที่ชื่อเกมส์”

“หรอ”

“ค่ะ” ฉันตอบรับด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจเมื่อเห็นแววตาทะเล้นทอดมองมานิ่งๆ

“แล้วถ้าพี่อยากได้จริงๆ จะทำไม”

“พี่เกมส์อย่ามาพูดเล่นนะคะ”

“พี่จริงจังนะ”

“ไม่เอาหรอก ไม่อยากเป็นแค่คู่ขา เจ้าชู้ขนาดนี้น้ำตากอบัวคงได้นองหน้าเช้าเย็นแน่ๆ” เธอพูดจบก็ผลักใบหน้าหล่อที่ขยับเข้ามาใกล้ออกห่างแล้วรีบลุกลงจากเตียงทันที

“เห็นโทรศัพท์กอบัวไหมคะ ไม่รู้ป่านนี้เพื่อนหรือแม่จะโทรหาไหม”

“อยู่นั่น” ผมพยักพเยิดหน้าไปทางโซฟาปลายเตียง “แล้วก็ไม่ต้องห่วง พี่ทักบอกเพื่อนเราให้แล้ว”

“ถ้างั้นกอบัวขอตัวก่อนนะคะ” รมย์รวินท์หยิบโทรศัพท์มาถือไว้แล้วบอกเขาด้วยน้ำเสียงร้อนรนพร้อมกับวิ่งออกจากห้องไป

“ยังคุยกันไม่จบเลย”

“พี่ก็ลืมๆ ไปเหอะค่ะ อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมาเลยนะคะ” เสียงหวานตะโกนกลับมาก่อนจะวิ่งออกจากห้องไป

“แล้วมึงยิ้มเชี้ยอะไรเนี่ยไอ้เกมส์” ผมตบหัวตัวเองเบาๆก่อนจะส่ายหน้าไปมาแล้วล้มตัวนอนต่อ

แกรก!

แต่ไม่ถึงนาทีเสียงประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาอีกครั้ง มุมปาก

กรภัคยกยิ้มกว้างเพราะคิดว่ายัยเด็กนั่นอาจเปลี่ยนใจ

“กลับมา เพราะเปลี่ยน...”

“เปลี่ยนอะไรจ๊ะลูกรัก” เสียงหวานติดดุดังขึ้นทำให้ดวงตาคมเบิกกว้าง

“แม่!”

“ก็แม่น่ะสิ มีอะไรทำท่าตกอกตกใจ นี่แม่เองไม่ใช่ผีที่ไหน”

“เอ่อ ครับ”

“หรือแกพาใครเข้ามาในห้อง”

“อะไรแม่ ไม่มีหรอกจะพาใครมาล่ะ” ผมตอบเสียงสูงพอผู้เป็นแม่หันไปสำรวจห้อง ผมก็รีบมองหาความผิดปกติจนเจอสร้อยข้อมือร่วงอยู่ที่พื้นพรมไม่ไกลจากเตียงนอนมากนัก

ควับ!

ร่างสูงพุ่งกระโจนคว้าสร้อยข้อมือเจ้าปัญหาเอาไว้ได้ฉิวเฉียดทันเวลาก่อนที่ผู้เป็นแม่จะถอยหลังมาเหยียบ

“เป็นอะไรของแก”

“เปล่าครับแม่ ไม่มีอะไร”

“มีพิรุธนะ”

“ไม่มี๊”

“แกพาผู้หญิงที่ไหนขึ้นมาบนห้องหรือเปล่า” เกล้ากะรัตหรี่ตาถามลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเสียงเข้ม

“โห่ แม่ เกมส์จะไปพาใครมา แม่ดุอย่างกับ...” เสียงทุ้มชะงักเมื่อถูกผู้เป็นแม่ยังสาวในวัยสี่สิบสองตวัดตามองจึงรีบเปลี่ยนคำ “ดุอย่างกับเสือแบบนี้ ใครจะกล้าแหกกฎเหล็กของแม่กัน”

“ให้มันแน่นะ”

“แน่ครับแม่ แล้วทำไมวันนี้มาแต่เช้าเลยไม่เข้าตลาดเหรอครับ” ตลาดที่ว่าคือตลาดวัฒนา ตลาดกลางสินค้าการเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร หนึ่งในธุรกิจตระกูลจรรยาวัฒนากุลที่ทำสืบต่อมาตั้งแต่บรรพบุรุษ พอมาถึงรุ่นคุณนายเกล้ากะรัตขึ้นบริหารจึงขยายตลาดไปทั่วทุกจังหวัดใหญ่ๆที่มีมากจนนับไม่ถ้วน และเปิดตลาดนัดกลางคืนที่เป็นแหล่งช็อปปิ้งอีกหลายที่ ยังไม่รวมธุรกิจเช่าอาคารที่ดินอีกมากมายจนทำให้สองคนแม่ลูกมีกินมีใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด

“ไปสิ แต่แม่เอาข้าวมาให้ก่อน”

“ขอบคุณครับ” กรภัคลุกขึ้นไปกอดเอวบางของผู้เป็นแม่อย่างอ้อนๆแล้วหอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่

“ไม่ต้องมาอ้อนโตจนหมามันเลียก้นไม่ถึงแล้ว”

“ก็เกมส์รักแม่นี่ครับ” เกล้ากะรัตยิ้มกว้างยกมือลูบผมผู้เป็นลูกชาย พลางทอดสายตามองด้วยความอ่อนโยนเพราะมีกันอยู่แค่สองคนแม่ลูก

“รักก็ส่วนรัก แต่เรื่องก่อนหน้านี้แม่ไม่ลืมนะ”

“ผม ไม่ได้พาใครมาจริงๆครับ”

“โอเค แม่จะยอมเชื่อ” แม้ในใจเขาจะไม่เชื่อในสิ่งที่ลูกชายพูดแม้แต่น้อย

“ถึงเกมส์จะเจ้าชู้ แต่เกมส์ก็ป้องกันนะครับ”

“อย่าผิดพลาดล่ะ”

“ครับ ไม่ผิดพลาดหรอกเพราะผมใส่เองทุกครั้ง และซื้อเองตลอด” กรภัคตอบรัวเร็วอย่างไม่มีความเขินอายเพราะตั้งแต่เขาเริ่มโตแม่ก็ปลุกฝั่งเรื่องนี้มาเสมอ ไม่อยากให้ผู้หญิงคนไหนต้องมาเสียใจแบบผู้เป็นแม่ที่เคยมีคนรัก คบหากันตั้งแต่เรียนมหาลัยปีหนึ่งจนถึงปีสี่ ยอมเชื่อเขาสารพัดบอกจะแต่งงานด้วย สุดท้ายหนีไปแต่งงานกับคนที่ครอบครัวหาให้ปล่อยให้เธอจมอยู่กับความเสียใจ แต่ถึงแม้จะเสียใจมากแค่ไหนแต่เธอก็ต้องสู้เพราะเธอกำลังมีเด็กน้อยคนหนึ่งอาศัยอยู่ในท้องของเธอ ซึ่งเป็นกำลังใจให้เธอมีแรงต่อสู้ในทุกๆวัน ก่อนจะตัดสินใจดรอปเรียนเพื่อดูแลเด็กน้อยที่จะกำเนิดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าให้ดีที่สุด

“ผมไม่อยากเป็นเหมือนเขา”

“แต่เขาก็เป็นพ่อของลูกนะ”

“เขาแค่เป็นคนทำให้ผมเกิดมาต่างหาก ดีนะที่เขาไม่มายุ่งวุ่นวายกับเราอีก”

“เขาก็มีครอบครัวของเขา”

“ดีแล้วครับ เพราะผมเป็นห่วงแม่”

“ความรักของแม่กับเขามันจบไปนานแล้ว ที่แม่เล่าให้ลูกฟังแม่ไม่ได้อยากทำให้ลูกเกลียดพ่อเขานะ แต่อยากให้รับรู้ว่าเขาเป็นพ่อเราเท่านั้น”

“ครับผมเข้าใจ”

เกล้ากะรัตลูบผมลูกชายอย่างอ่อนโยนเจือไปด้วยความเป็นห่วงเพราะการที่ลูกใช้ชีวิตเสเพลเจ้าชู้ โดยไม่คิดจริงใจกับใคร ไม่อยากรักใครก็มาจากเหตุผลนี้ด้วยส่วนหนึ่ง

“แต่ละคนไม่เหมือนกันนะลูก แม่ไม่อยากให้เกมส์ปิดกั้นตัวเอง ถ้าลูกเจอคนที่ดี ที่รักลูกจริง แม่ไม่อยากให้ลูกพลาดที่จะเจอคนดีๆ”

“คงไม่มีหรอกครับแม่ เพราะเกมส์ไม่คิดที่จะรักใครจริงๆ อยู่กับแม่แบบนี้ก็มีความสุขดีอยู่แล้ว ไม่ต้องมานั่งเครียด นั่งสนใจใคร แค่ฟังแม่บ่นคนเดียวก็พอแล้ว เพราะการโสด มันก็ไม่ได้แย่เลย” แล้วเขาก็คงไม่ดีพอที่จะรักใครได้หรอก ท้ายประโยคเขาได้แต่พูดต่อในใจ

“แม่ไม่ได้จะอยู่กับลูกไปได้ตลอดหรอกนะ”

“ก็แน่สิมีผู้กำกับมาจีบแล้วนี่” กรภัคว่าอย่างงอนๆเมื่อรู้ว่ามีผู้กำกับสถานีตำรวจมาขายขนมจีบคุณนายเกล้ากะรัตอยู่นานเป็นเดือน

“ล้อเลียนแม่เหรอ ห๊ะ!”

“เปล่าครับ โอ้ยๆ แม่อย่าหยิกผม” กรภัคร้องลั่นเมื่อถูกผู้เป็นแม่หยิกแขนล่ำ

“ไปอาบน้ำ แล้วมากินข้าว ถ้าวันนี้ว่างขนาดนั้นก็ไปตลาดกับแม่”

“ครับๆคุณนาย”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status