ตอนที่ 10 บรรยากาศพาไป
“เป็นอะไรหรือเปล่าตั้งแต่ออกจากห้าง พี่เห็นเรานั่งเงียบมาตลอดทางเลย”
“เปล่าค่ะ หนูไม่ได้เป็นอะไร”
“ไข้ขึ้นหรือเปล่า” กรภัคยกฝ่ามือทาบหน้าผากได้รูปแต่คนตัวเล็กกลับเบี่ยงตัวหนี
“ไม่ค่ะ สบายดี”
“แล้วทำไมหน้าดูซึมๆ แบบนี้ล่ะ”
“เอ่อ...หนูคอแห้งเฉยๆ กินเบียร์กันไหมคะพี่เกมส์”
“ยัยเด็กขี้เมา” กรภัคว่าขึ้น เขาก็อุตส่าห์เป็นห่วงที่ไหนได้ร่างกายต้องการแอลกอฮอล์นี่เอง
“สรุปกินไหมคะ”
“พรุ่งนี้มีเรียนไม่ใช่เหรอ”
“มีค่ะแต่แค่กระป๋องเดียว ไม่เมาหรอก”
“โอเค”
ผมหยิบเบียร์ในตู้เย็นออกมาสองกระป๋องก่อนจะเดินมาหาร่างบางที่นั่งอยู่ริมระเบียงที่ไม่ได้กว้างมาก มีเพียงเก้าอี้ในสวนและรอบๆยังปลูกดอกไม้ประดับไว้อย่างสวยงาม
“อื้อ รับไป”
“ขอบคุณนะคะ” รมย์รวินท์เอ่ยบอกพร้อมกับรับกระป๋องเบียร์มาเปิดอย่างชำนาญแล้วกระดกดื่มลงคออึกใหญ่
“สายปาร์ตี้เหรอเรา”
“ก็นิดหน่อยค่ะ เมื่อตอนเรียนมัธยมต้นถูกแม่ส่งมาเรียนที่กรุงเทพตั้งแต่เด็ก”
“อยู่คนเดียวเหรอ”
“ค่ะ แต่ก็ไม่เชิงเพราะแม่เทียวมาหาบ่อยๆ แล้วก็ยังโชคดีที่บ้านของตังเมส่งเข้ามาเรียนเหมือนกันก็เลยมีเพื่อน เลยค่อนข้างได้ใช้ชีวิตแบบอิสระ มีออกเที่ยวบ้างก็เลยดื่มบ่อย”
“ตังเมนี่ใช่...”
“ใช่ค่ะ ตังเมเพื่อนสนิทตอนนี้นี่แหละ”
“ตังเมนี่นักดื่มตัวยงเลยใช่ไหม” เพราะเขาเคยเห็นดวลเหล้ากับคริสหรือคิรากรเพื่อนสนิทร่วมคณะจนเมาแอ๋แต่เธอกลับไม่มีทีท่าว่าจะเมาสักนิด
“เรียกว่าคอทองแดงเลยก็ว่าได้ค่ะ”
“แล้วบ้านเราอยู่ที่ไหน”
รมย์รวินท์ยกเบียร์ขึ้นดื่มก่อนจะตอบคำถามที่เขาถาม “จันทบุรีค่ะ ที่บ้านทำสวนทุเรียน”
“เขาว่าจันทบุรี ทะเลสวยนี่”
“ค่ะสวยมาก แล้วอาหารก็ยังอร่อยอีก มีที่เที่ยวเยอะแยะเลยค่ะ อยากให้พี่ลองไปสัมผัสสักครั้งแล้วพี่จะติดใจ”
“ใช่ ก็สวยจริงๆแหละ พี่เห็นด้วย”
“หืม พี่เคยไปแล้วเหรอ” ฉันเลิกคิ้วขึ้นถาม
“เปล่าพี่ไม่เคยไป”
“อ้าว”
“ที่บอกว่าสวยคือเราต่างหาก” กรภัคเอ่ยบอกพร้อมกับหันมองคนข้างๆที่นั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แหงนมองท้องฟ้าในคืนเดือนมืด
“ปากหวานซะด้วย”
“ลองชิมไหมล่ะ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ป่านนี้คงโดนสาวๆจูบจนชืดหมดแล้วมั้ง”
“พี่ไม่เคยจูบใครนะ”
“โกหกตกนรกนะคะพี่เกมส์” ฉันว่าขึ้นเสียงขำ
“ก็ดีเพื่อนเยอะ”
“หึๆ” ฉันย่นจมูกใส่เขาแล้วยกกระป๋องเบียร์ขึ้นจิบ ก่อนจะหันไปข้างๆ เมื่อถูกสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองแบบไม่ละสายตา
“ที่พี่บอกว่าเราสวย พี่พูดจริงนะ”
“ก็ปากหวานแบบนี้ไง สาวถึงรุมให้พรึบ”
“งั้นพี่ถามหน่อยได้ไหม ทำไมถึงไม่อยากมีแฟน”
“เจอแต่ผู้ชายเจ้าชู้ ก็เลยไม่อยากมีแฟนน่ะค่ะ” รมย์รวินท์เอ่ยบอกน้ำเสียงเยือกเย็นราบเรียบเมื่อนึกถึงครอบครัวตัวเองที่แม่ต้องแยกทางกับพ่อก็เพราะความเจ้าชู้ จนครอบครัวแสนอบอุ่นมีแต่น้ำตา
“แฟนเก่าเจ้าชู้เหรอ”
“ที่ผ่านมาหนูไม่เคยมีแฟนเลย ผู้ชายคนเดียวที่เข้าใกล้มากที่สุดก็คงมีแค่พี่คนเดียว แล้วพี่ล่ะ ทำไมถึงไม่อยากมีแฟน”
“พี่ไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้น แล้วก็ไม่ได้ดีพอที่จะรักใครได้หรอก เลยเลือกใช้ชีวิตแบบนี้”
“เคยอกหักมาเหรอคะ”
“เปล่า พี่ไม่เคยมีแฟน”
ฉันก้มหน้าหลบสายตาคมของเขาที่จ้องมองมานิ่งๆ แต่ก็ถูกมือหนาเชยคางขึ้น จนดวงตาสบประสานกันแน่นิ่ง
“คนที่พี่อยู่ใกล้มากที่สุดก็มีแต่เราคนเดียวเหมือนกัน”
ตึก ตึก ตึก
เสียงหัวใจกระหน่ำเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมา ยิ่งเขาขยับหน้าเข้ามาใกล้ก็แทบหยุดหายใจ
ริมฝีปากหยักประกบลงมาบนปากนุ่ม ทุกอย่างหยุดเคลื่อนไหว โลกทั้งใบหยุดหมุนเมื่อถูกเขาจูบที่ริมฝีปากล่าง เลาะเล็มบดคลึงเบาๆราวกับขนมแสนหวานก่อนจะสอดลิ้นเข้าเกี่ยวตวัดลิ้นเล็กอยู่นานสองนาน จนเธอเริ่มทำอะไรไม่ถูกตัวแข็งทื่อไปหมด เพราะนี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอจูบกับเขาโดยที่ไม่เมา
ยิ่งเธอไม่ขัดขื่นหรือห้ามปราบผมจึงได้ใจรั้งต้นคอระหงแล้วบดขยี้จูบร้อนแรงขึ้นราวกับคนเอาแต่ใจจนได้ยินเสียงหวานครางอู้อี้อยู่ในลำคอ
“อึก อื้ม”
เสียงหวานครางแผ่วได้ยินเป็นระยะๆยิ่งกระตุ้นอารมณ์ดิบเถื่อนในร่างกายผมจึงดึงร่างเล็กขึ้นนั่งคร่อมบนตัก มือหนาสอดเข้าใต้เสื้อครอปตัวเล็กแล้วลูบแผ่นหลังบางด้วยความหลงใหล
“อื้อ อืม”
ครืด ครืด ครืด
ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของเขาก็สั้นสะท้านจนทำให้เธอได้สติ เธอจึงดันเขาออกห่างแล้วก้มหน้างุดด้วยความเก้อเขิน
“พี่เกมส์ปล่อยก่อนค่ะ”
“ใครวะ” กรภัคเปรยเสียงเบา อย่าให้รู้นะว่าใครแม่งโทรมาขัดจังหวะ พอเธอขยับลงมานั่งข้างๆผมจึงล้วงโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย
“ไอ้เกมส์ มึงนัดไว้ทำไมไม่มาไอ้เพื่อนเวร มึงมาที่ผับไอ้พายุด่วนๆเลยนะ”
“กูไม่ว่าง”
“มึงอย่ามาแถ”
“กู ไม่ ว่าง” ผมย้ำทีละคำกับปลายสายที่ไม่ใช่ใครนอกจากธนัทฉายาเจ้าพ่อเอไอของกลุ่ม แล้วไอ้พวกสี่หน่อแม่งเลือกคนโทรมาได้ถูกคนเสียด้วย จับผิดเก่งฉิบ! ผมเองก็คงไม่รอด...
“มึงอยู่กับใคร เปิดกล้องดิ”
“เสือก”
“มึงแอบมีแฟนเหรอ”
“มีแฟนอะไร ไม่มี แค่นี้แหละเดี๋ยวกูไป”
ผมชิงตัดสายทันทีก่อนจะเอียงตัวมองคนตัวเล็กกว่าที่นั่งดื่มเบียร์อยู่ข้างๆ แต่แก้มนวลกลับขึ้นสีแดงระเรื่อ
“เมาแล้วเหรอ”
“เมาอะไรคะ ไม่ได้เมา”
“แก้มแดงแบบนี้ถ้าไม่เมาก็คงเขิน” เขาไม่พูดเปล่าแต่มือหนากลับไล้ปลายนิ้วไปกับแก้มใสจนเจ้าตัวตวัดตามอง
“พี่เกมส์ เพื่อนโทรตามแล้วก็รีบไปสิคะ”
“งั้นพี่ขอไปผับนะ”
“ค่ะ”
“งั้นก็นอนได้แล้ว พรุ่งนี้เช้าพี่จะมารับ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ คนละทางเลยเทียวไปเทียวมาเปลืองน้ำมัน เดี๋ยวหนูไปเอง”
“โอเคครับ”
เมื่อลงจากคอนโดผมก็รีบขับรถตรงไปยังย่านดัง ที่เนืองแน่นไปด้วยร้านเหล้า และสถานบันเทิง ทั้งผับ บาร์ เลาจ์มากมายก่อนจะยกไฟเลี้ยวที่ผับ Mon Ceur
“กว่าจะมาได้นะมึง”
“กูบอกว่าจะมาก็ต้องมาดิ”
“แหม่ ถ้ากูไม่โทรตามมึงคงไม่มากหรอก เอาไป”
“อะไร” ผมเอ่ยถามชวกรที่จู่ๆก็ยื่นทิชชูมาให้
“ลบลิปสติกหน่อยก็ได้ แล้วเสือกบอกไม่ว่าง ไปยุ่งกับสาวไหนอยู่ล่ะมึง”
“หิวเผือกหรอพวกมึง”
“เออ” ทั้งสามคนเอ่ยตอบพร้อมกัน
“แล้วนี่ชะเอมกับมุกไปไหน”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง” ธนัทว่าขึ้นพร้อมกับพิจารณาเพื่อนสนิทอย่างจับผิด
“กูก็ถามเฉยๆไหม ปกติสองสาวไม่พลาดนี่หว่า”
“อยู่ด้านล่าง” เตวิชญ์เป็นฝ่ายตอบก่อนจะหันไปมองข้างล่างเป็นระยะๆด้วยความเป็นห่วงคนรักอย่างมุกตาภา
“เออๆ เอาเหล้ามาดิไอ้ชิน”
“มึงแปลกๆนะ”
“แปลกอะไรอีกไอ้ธันย์ แม่งขยันจับผิดชิบ..”
“วันนี้มึงเรียกหาเหล้าก่อนหาสาว”
“กูแค่เบื่อๆ”
“ชัดเลย มึงแอบคบกับใครแน่ๆไอ้เกมส์” ธนัทตบโต๊ะเสียงดังก่อนจะชี้หน้ากรภัคที่กรอกตาล่อกแล่กไปมาอย่างคนมีความผิดติดตัว
“กูกลับละ”
“มึงหยุดเลย” ชวกรที่นั่งอยู่ใกล้สุดรีบฉุดแขนกรภัคให้นั่งลงตามเดิม
“เล่ามา”
“ไม่มีอะไรจริงๆ”
“สรุปมึงคบกับน้องจีจี้เหรอ”
“เปล่า กูไม่ได้ชอบจีจี้”
“แล้วมึงชอบใคร”
“ไม่ได้ชอบใคร”
“แล้วเจ้าของลิปสติกคือใครวะ”
“เสือก”
“มึงกำลังเบี่ยงประเด็นนะเนี่ย”
“เฮ้อ” ผมถอนหายใจยาวๆเมื่อถูกเพื่อนสนิทถามแล้วยังจ้องมองอย่างคาดคั้น ในกลุ่มนี้มันจะมีความลับบ้างไม่ได้หรือไงวะ แม่งรู้ทันกันไปหมด
“เออ ถ้ากูพร้อมกูจะบอกแล้วกัน”
“คู่ขาคนใหม่เหรอ” เตวิชญ์หรี่ตาถามเสียงเรียบเพราะยังมีเรื่องสงสัยตั้งแต่ช่วงเย็นที่บังเอิญเจออีกฝ่ายที่ห้างสรรพสินค้า
“ไม่เชิง”
“มึงชอบเขาเหรอ”
“ก็ไม่เชิง”
“มึงตอบเป็นอย่างเดียวหรือไง” ชวกรว่าขึ้นเมื่อถามอะไรก็ได้คำตอบแบบเดิม
“กูไม่รู้จะบอกยังไงว่ะ กูบังเอิญเจอตอนเขาเมาแล้ว...”
“เออ พวกกูเข้าใจ แล้วไงต่อ” ธนัทรวมทั้งคนอื่นพยักหน้ารับก่อนจะพยักพเยิดหน้าให้อีกฝ่ายพูดต่อ
“กูรู้สึกแปลกๆ แต่ไม่ได้รักนะ แค่รู้สึกดีเวลาได้อยู่ใกล้ๆแค่นั้น”
“อือ ไม่นานมึงต้องตกหลุมรักเขาแน่ๆ” ชวกรเปรยขึ้นก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
“ไม่หรอก” ผมส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เห็นด้วย เพราะผมไม่เคยรักหรือคิดที่จะรักใครด้วยซ้ำ “กูไม่ได้รัก และคงไม่มีวันรักหรอก กูไม่ได้ดีพอจะรักใครว่ะ”
“ทำไม พอเบื่อแล้วมึงก็จะทิ้งเขาว่างั้น” เตวิชญ์เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“อือ มันเป็นแค่ข้อตกลงของพวกกูสองคน”
“สถานะอะไร”
“ไม่มี”
“ระวังใจมึงไว้ดีๆเถอะ” ธนัทเอ่ยบอกก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นจิบโดยไม่พูดเรื่องนี้ต่อจนกระทั่งสองสาวเดินกลับขึ้นมาบนชั้นวีไอพี
“ไอ้เกมส์ มึงแปลกๆนะเนี่ย” ทั้งอรปรียาและมุกตาภาพูดขึ้นพร้อมกันแล้วเอียงหัวมอง คิ้วสวยขมวดเป็นปม
“เอาอีกละ” กรภัคพูดขึ้นเสียงเนือยๆพร้อมกับกรอกตามองสองเพื่อนสนิท
“ทำไมอ่ะ” อรปรียาเปรยถาม
“ไอ้พวกนี้ก็พึ่งถามไป”
“ก็มึงแปลกจริงๆอ่ะไอ้เกมส์” มุกตาภาอดที่จะพูดขึ้นมาไม่ได้
“เฮ้อ” ผมถอนหายใจออกมายาวเหยียดสงสัยจะแปลกจริงๆตามที่เพื่อนพูดนั่นแหละเพราะผมไม่เคยเบื่อแสงสีอะไรมากเท่านี้มาก่อน แล้วไอ้อาการอยากกลับคอนโดไปนอนนี่อีก
“กูกลับแล้วนะ” เมื่อคิดได้ดังนั้นผมจึงลุกขึ้นเดินลงบันไดไปทันทีโดยไม่สนใจเสียงเรียกของเพื่อนสนิทที่ดังมาตามหลัง
ตอนที่ 11 แค่คนรู้จักเช้าวันต่อมารถเบนซ์ c-class สีขาวแล่นเข้ามาในรั้วมหาลัยตามกฎหมายกำหนดก่อนจะจอดสนิทที่ลานจอดรถตึกคณะวิศวกรรมที่ค่อนข้างโล่งครืด ครืด ครืดขณะที่มือบางเก็บหนังสือและไอแพดใส่กระเป๋าผ้าแบรนด์ดัง แต่ยังไม่ทันไรโทรศัพท์ในมือก็สั่นสะท้านเมื่อมีสายเรียกเข้า“เออว่าไงพราว”“อยู่ไหน”“กำลังจอดรถ”“อยู่โรงอาหารนะกับตังเม”“โอเคๆ เดี๋ยวตามไป”เท้าเรียวบนรองเท้าผ้าใบสีขาวก้าวเดินตรงไปยังโรงอาหารพร้อมกับชะเง้อคอมองหา จนเจอสองสาวที่นั่งกินข้าวอยู่โต๊ะริมกระจก“กว่าจะมาได้”“เออ รถติด ตื่นสายด้วยนิดหน่อย”พราวฟ้าที่กำลังเคี้ยวข้าวชะเง้อคอมองตามเพื่อนสนิทอย่างรมย์รวินท์ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย “แล้วแกมองหาอะไร”“เปล่า”“พักหลังๆนี่พิรุธเยอะนะแก หรือว่าแกไปแอบปิ๊งหนุ่มที่ไหนมา”“พูดไปเรื่อยอ่าตังเม”“เอ้า ก็ท่าทีแกแปลกๆ”“แค่สงสัยว่าพี่ธันย์บอดี้การ์ดส่วนตัวพ่วงตำแหน่ง
ตอนที่ 12 กับดักร่างบางในชุดนักศึกษาถูกระเบียบก้าวเดินไปตามมุมตึก ลัดเลาะไปตามทางแคบๆ สลับมองหลังเป็นระยะๆ ด้วยบรรยากาศเงียบเหงาวังเวงในช่วงห้าโมงเย็นยิ่งทำให้ดูหน้ากลัว เธอจึงรีบเดินให้เร็วขึ้นจนกระทั่งเดินมาถึงลานจอดรถ“แอบหนีใครมาเหรอ” กรภัคที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงพิงรถอาวดี้เอ่ยถามเสียงขำ“อุ๊ย! พี่เกมส์ตกใจหมด”“ทำลับๆล่อๆ หนีอะไรมา”“เปล่า”“กำลังหนีหน้าพี่ใช่ไหม” กรภัคพูดขึ้นอย่างรู้ทัน“ไม่ได้หนี” เธอแอบถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินผ่านหน้าเขาไปที่รถตัวเอง“เดี๋ยว” ฝ่ามือหนายื่นมาดึงข้อมือเล็กเอาไว้ “วันนี้โกรธพี่หรือเปล่า”“โกรธทำไมล่ะคะ มันคือข้อตกลงของเราสองคนไม่ใช่เหรอ ห้ามรัก ห้ามเปิดเผย ห้ามให้คนอื่นรู้ว่าเราเป็นอะไรกัน ทุกอย่างมันเริ่มต้นแบบลับๆ ก็ต้องจบแบบลับๆสิคะ”“ประชดเหรอ”“เปล่าค่ะหนูพูดความจริง แล้วอีกอย่างก็เป็นไปตามที่เราตกลงกันไว้ ถ้าพี่มีคนอื่นหนูค่อยโกรธดีกว่าไหม”“งั้นกลับกับพี่”“แต่หนูเอารถมา”“ทิ้งไว้นี่แหล
ตอนที่ 13 เพราะฝนทำให้คนเหงา@คอนโดร่างบางก้มๆเงยข้างเตียงก่อนจะรื้อหาใต้พรม แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอสร้อยข้อมือเจ้าปัญหา แต่พอจะกลับเข้าไปหาในห้องน้ำอีกครั้งก็ต้องชะงักหันมาหาเข้าของห้องที่ยืนกอดอกพิงประตูอยู่“หาเจอไหม”“ไม่เจอค่ะ” รมย์รวินท์ส่ายหน้าไปมาก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง ตามหาจนทั่วทุกที่ซ้ำสองรอบก็ยังหาไม่เจอ“มากินข้าวก่อนพี่จัดโต๊ะเสร็จแล้ว พอกินเสร็จเดี๋ยวพี่จะช่วยหาอีกที”“ขอหาในห้องน้ำอีกรอบก่อนได้ไหมคะ”“ไม่ได้”“เห้อ” เธอถอนหายใจด้วยความหนักใจก่อนจะเดินตามร่างสูงที่เดินเข้ามากุมมือพาเดินออกมาที่โต๊ะกินข้าว ที่แปลกตาไปกว่าทุกครั้งเพราะมีอาหารจากโรงแรมชื่อดัง พร้อมกุหลาบช่อใหญ่วางไว้บนโต๊ะส่งกลิ่นหอมฟุ้งผสมผสานไปกับกลิ่นเทียนหอมที่ประดับตามมุมต่างๆ“ต้องขนาดนี้เลยเหรอคะ”“ตอนที่เราหาสร้อยอยู่พี่สั่งอาหารมาไว้ให้ ส่วนอันนี้พี่ก็สั่งเพิ่มมาให้ เห็นเราดูเครียดๆ”“ขอบคุณนะคะ”รมย์รวินท์นั่งลงบนเก้าอี้ที่เขาขย
ตอนที่ 14 กอดแก้หนาวกรภัคลุกขึ้นถอดกางเกงออกจากตัวแล้วนอนแทรกกลางขาเรียวแล้วแหวกท่อนขาเรียวออกกว้างเป็นรูปตัวเอ็ม มองเนินดอกไม้เรียบเนียนตาเป็นประกายราวกับเสือร้ายเจอเหยื่อที่แสนถูกใจ ก่อนจูบเบาๆพร้อมใช้นิ้วบดคลึงเกสรสีชมพูตรงกลางจนน้ำหวานไหลซึม“ซี๊ด พี่เกมส์ขา”รมย์รวินท์หวีดร้องครางเสียงหลง หน้าท้องแบนราบกระตุกเกร็งเมื่อถูกลิ้นร้อนแตะลงกลางกลีบดอกไม้แล้วลากลิ้นไปตามรอยแยกช้าๆ พลางปัดป่ายไปทั่วดอกไม้จนสะโพกกลมกลึงลอยขึ้นเขาทั้งดูดและขบเม้มเกสรตรงกลางอย่างมูมมามและสอดลิ้นเข้าไปในเนื้อนุ่ม น้ำหวานสีใสก็ยิ่งไหลเยิ้มออกมาไม่หยุด เขายิ่งตักตวงความหอมหวานอย่างกระหาย“พะ พี่เกมส์ขา พะ พอก่อน หนูไม่ไหวแล้ว”“หึๆ” กรภัคหัวเราะขำในลำคอบอกให้เขาหยุดแต่เด็กน้อยของเขากลับกดหัวไว้แน่นพลางเด้งเอวขึ้นใส่ไม่หยุด เขาก็ยิ่งดูดน้ำหวานราวกับแมลงดูดน้ำหวานจากเกสร“ไม่ไหวแล้วพี่เกมส์ อ๊ะๆ อือ”เนื้อนิ่มบีบรัดแน่นเมื่อร่างเล็กใกล้ถึงจุดสุขสมผมจึงสอดนิ้วเข้าไปในโพรงเนื้อนุ่มทีเดียวสองนิ้วขยับเข้าออกแล้วดูดเกสรด้วยความหิวกระหายจนร่างบางกระตุกเกร็งแฮกๆเสียงหอบหายใจดังแผ่ว ใบหน้าสวยขึ้นสีแดงระเรื่อนัยน์ตาค
ตอนที่ 1 สัญชาตญาณนักสู้ ร่างบางเดินโซซัดโซเซมือเล็กเกาะผนังพยุงร่างตัวเองเดินไปตามทางเข้าห้องน้ำ ก่อนจะชะงักหยุดยกมือขึ้นกุมศีรษะพลางสะบัดส่ายหน้าไปมา เมื่อฤทธิ์ค็อกเทลร้อนแรงอย่างบีห้าสิบสอง (B52) เล่นงานจนหน้ามืด มึนหัว ดวงตาคู่สวยพร่ามัวจวนจะปิดสนิท “โอ้ย กอบัว แกไม่น่ากินตามแรงยุพวกพี่เขาเลย” เสียงหวานบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะก้าวเดินไปข้างหน้าช้าๆ โดยที่ในใจอดด่าเจ้าของผับไม่ได้ทำไมทำห้องน้ำไกลจังวะเท้าเรียวเดินเซมาเรื่อยๆตามทางเดินแต่ทว่า มาโผล่อีกทีดันเป็นลานจอดรถ!“อาการแกหนักแล้วกอบัว” เสียงหวานบ่นตัวเองแผ่วเบาก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในผับโดยไม่ทันระวังจนชนเข้ากับกำแพงมนุษย์เต็มแรง “โอ๊ย ซี๊ดใครแม่งมายืนขว้างหน้าวะ” มือเล็กยกขึ้นลูบจมูกตัวเองเบาๆ ถ้าไม่ใช่ว่าแม่ให้มานะป่านนี้คงนั่งน้ำตาซึมไปหาหมอที่คลินิกไปแล้ว คนบ้าอะไรวะตัวแข็งเป็นบ้า แต่ไอ้นั่นที่อยู่ใต้กางเกงจะแข็งไหมวะ พอคิดแบบนั้นดวงตาคู่สวยก็ยิ่งจดจ้องเพ่งเล็งสายตาที่เป้ากางเกงกำแพงมนุษย์ “เมาแล้วอย่าหื่น หน้าพี่อยู่นี่”“พี่เกมส์” เธอร้องตกใจเมื่อคนที่เดินชนเป็นคนเดียว
ตอนที่ 2 ทำอะไรลงไป ดวงตาคู่สวยฉ่ำปรือขึ้นเมื่อแสงของเช้าวันใหม่สาดทอเข้ามาภายในห้องน้ำ เธอจึงขยับตัวหันหน้าหนีแต่กลับเจอกล้ามหน้าอกของใครบางคน จนแทบหยุดหายใจ ปากคอแห้งผาดก่อนที่จะค่อยๆตั้งสติที่กำลังแตกกระเจิงให้เข้าที่เข้าทางแล้วนึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อคืน “เชี้ยแล้ว ทำอะไรลงไปวะเนี่ย” รมย์รวินท์ยกมือปิดปากร้องอุทานเสียงเบาในลำคอ เมื่อเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทั้งหมด แต่คงไม่ใช่เขาหรอกมั้ง...จากที่คิดว่าเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่ประถมศึกษาอย่างตังเมจะคอยพูดล้อเล่นอยู่บ่อยๆว่าเธอเมาแล้วชอบอ่อยผู้ชาย บุญเท่าไรแล้วที่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ หรือเปล่าวะ?เธอขยับตัวอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวคนข้างๆจะตื่นขึ้นมา แล้วก้มหน้างุดเพราะไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะยกผ้าห่มขึ้นมองตัวเองที่มีเสื้อผ้าอยู่ครบทุกชิ้น แล้วลองยกขาเรียวแยกออกจากกันเล็กน้อยก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ หวังว่าเมื่อคืนคงไม่มีสงครามกลางเตียงขึ้นหรอกนะแต่พอขยับตัวลุกกึ่งนั่งกึ่งนอนแล้วทำใจกล้าหันมองคนข้างกายเธอถึงกับต้องยกมือขึ้นปิดปากอยากจะกรีดร้องให้ตึกถล่มทับให้ตายคาที่ไปเลย จากที่ไม่ค่อยมั่นใจพอเห็นหน้าเ
ตอนที่ 3 เจออีกแล้ว รมย์รวินท์เดินหาซื้อผักผลไม้ที่มีแม่ค้าตั้งแผงขายเรียงรายเต็มตลาดที่ใหญ่ที่สุด ใหญ่ระดับประเทศเลยก็ว่าได้ เดินทั้งวันขาคงได้เปลี้ยจนไม่มีแรง เพราะแค่นี้ก็เริ่มรู้สึกล้าไปทั้งขาแล้ว “เอาอันนี้ค่ะป้า” มือบางส่งกระหล่ำปลีสีเขียวแซมขาว ขึ้นฉ่ายและแครอทส่งให้แม่ค้า “หกสิบบาทจ้า” “นี่ค่ะ” เธอหยิบเงินยื่นให้แม่ค้าแล้วหยิบถุงผักใส่ตะกร้าล้อลากเดินไปยังร้านอื่นต่อ ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายใบเล็กสั่นสะท้าน “เออ ว่าไงตังเม” “กอบัว แวะตลาดแค่นี้นานจังวะ” ตังเมกรอกเสียงถามมาตามปลายสายเพราะเย็นนี้ตกลงกันว่าจะกินหมูกระทะกันที่คอนโดของเธอ แต่เพื่อนสนิทอย่างกอบัวกลับยังมาไม่ถึงสักทีทั้งที่ใกล้เวลานัดเต็มที “รีบอยู่” “ซื้อผักนะจ๊ะ ไม่ใช่ให้ไปส่องพ่อค้า นานเกิ้น”“โอ้ย พ่อคงพ่อค้าอะไรล่ะ ไม่มีทั้งนั้นแหละ แต่ลูกเจ้าของตลาดก็ว่าไปอย่าง” รมย์รวินท์พูดเย้าเสียงขำก่อนจะหุบปากฉับเมื่อได้ยินเสียงพราวฟ้ารอดมาตามสาย“แล้วรู้ไหมว่าตลาดที่แกยืนอยู่ตอนนี้เขามีลูกชายหล่อด้วยนะ”
ตอนที่ 4 เด็กขี้เมา “กว่าจะมา” ตังเมเปรยขึ้นเมื่อเปิดประตูให้เพื่อนสาวที่หอบหิ้วของมาเต็มมือ“รถติดน่ะ”“รถติดหรือติดหัวใจลูกเจ้าของตลาดอยู่กันแน่”“โอ้ย ก็พูดไปนั้น ไม่ชอบหรอกคนเจ้าชู้ ไม่เหมือนใครบางคนแถวนี้”“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องเลยกอบัว ไม่ต้องวกมาเรื่องฉัน” พราวฟ้ารีบห้ามเพราะประเด็นร้อนมันไม่ได้อยู่ที่เธอแต่อยู่กับคนที่มาทีหลังต่างหาก“สรุปว่าไง เรื่องเมื่อคืน” ตังเมเอ่ยถามขณะแกะผักออกจากถุงเพื่อล้างน้ำสะอาด“ไม่มีอะไรเลย พี่เขาก็แค่ไปส่งเฉยๆ”“จ้า เชื่อ” พราวฟ้าพยักหน้ารับแต่กลับยกยิ้มล้อเลียนจนกอบัวหน้ามุ่ย“โอ้ย พูดก็ไม่เชื่อ งั้นไม่ตอบแล้ว”“โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว” พราวฟ้าเอ่ยบอกพร้อมกับหยิบมืดหั่นแครอทแล้วหยิบใส่หม้อเพื่อทำน้ำซุป“เอ้อ แล้วทำไมถึงกลับพร้อมพี่เขาได้” ตังเมที่กำลังล้างผักหันมาถามด้วยความสงสัย“เมา แล้วบังเอิญไปเจอพี่เขาพอดี เขาคงสงสารมั้งเลยพาไปส่ง”“กอบัว!!”“อะไรตังเม จะตะโกนทำไมเนี่ย จกใจหมด”“นั่นสิ มีอะไรหน้าตื่นเชียว เจอหนอนในผักเหรอ” พราวฟ้าเอ่ยถาม“แกไปอ่อยพี่เขาหรือเปล่า” ตังเมถามด้วยความเป็นห่วงเพราะรู้ว่าเวลาอีกฝ่ายเมาหนักมากๆจะเป็นอย่างไร“
ตอนที่ 14 กอดแก้หนาวกรภัคลุกขึ้นถอดกางเกงออกจากตัวแล้วนอนแทรกกลางขาเรียวแล้วแหวกท่อนขาเรียวออกกว้างเป็นรูปตัวเอ็ม มองเนินดอกไม้เรียบเนียนตาเป็นประกายราวกับเสือร้ายเจอเหยื่อที่แสนถูกใจ ก่อนจูบเบาๆพร้อมใช้นิ้วบดคลึงเกสรสีชมพูตรงกลางจนน้ำหวานไหลซึม“ซี๊ด พี่เกมส์ขา”รมย์รวินท์หวีดร้องครางเสียงหลง หน้าท้องแบนราบกระตุกเกร็งเมื่อถูกลิ้นร้อนแตะลงกลางกลีบดอกไม้แล้วลากลิ้นไปตามรอยแยกช้าๆ พลางปัดป่ายไปทั่วดอกไม้จนสะโพกกลมกลึงลอยขึ้นเขาทั้งดูดและขบเม้มเกสรตรงกลางอย่างมูมมามและสอดลิ้นเข้าไปในเนื้อนุ่ม น้ำหวานสีใสก็ยิ่งไหลเยิ้มออกมาไม่หยุด เขายิ่งตักตวงความหอมหวานอย่างกระหาย“พะ พี่เกมส์ขา พะ พอก่อน หนูไม่ไหวแล้ว”“หึๆ” กรภัคหัวเราะขำในลำคอบอกให้เขาหยุดแต่เด็กน้อยของเขากลับกดหัวไว้แน่นพลางเด้งเอวขึ้นใส่ไม่หยุด เขาก็ยิ่งดูดน้ำหวานราวกับแมลงดูดน้ำหวานจากเกสร“ไม่ไหวแล้วพี่เกมส์ อ๊ะๆ อือ”เนื้อนิ่มบีบรัดแน่นเมื่อร่างเล็กใกล้ถึงจุดสุขสมผมจึงสอดนิ้วเข้าไปในโพรงเนื้อนุ่มทีเดียวสองนิ้วขยับเข้าออกแล้วดูดเกสรด้วยความหิวกระหายจนร่างบางกระตุกเกร็งแฮกๆเสียงหอบหายใจดังแผ่ว ใบหน้าสวยขึ้นสีแดงระเรื่อนัยน์ตาค
ตอนที่ 13 เพราะฝนทำให้คนเหงา@คอนโดร่างบางก้มๆเงยข้างเตียงก่อนจะรื้อหาใต้พรม แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอสร้อยข้อมือเจ้าปัญหา แต่พอจะกลับเข้าไปหาในห้องน้ำอีกครั้งก็ต้องชะงักหันมาหาเข้าของห้องที่ยืนกอดอกพิงประตูอยู่“หาเจอไหม”“ไม่เจอค่ะ” รมย์รวินท์ส่ายหน้าไปมาก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง ตามหาจนทั่วทุกที่ซ้ำสองรอบก็ยังหาไม่เจอ“มากินข้าวก่อนพี่จัดโต๊ะเสร็จแล้ว พอกินเสร็จเดี๋ยวพี่จะช่วยหาอีกที”“ขอหาในห้องน้ำอีกรอบก่อนได้ไหมคะ”“ไม่ได้”“เห้อ” เธอถอนหายใจด้วยความหนักใจก่อนจะเดินตามร่างสูงที่เดินเข้ามากุมมือพาเดินออกมาที่โต๊ะกินข้าว ที่แปลกตาไปกว่าทุกครั้งเพราะมีอาหารจากโรงแรมชื่อดัง พร้อมกุหลาบช่อใหญ่วางไว้บนโต๊ะส่งกลิ่นหอมฟุ้งผสมผสานไปกับกลิ่นเทียนหอมที่ประดับตามมุมต่างๆ“ต้องขนาดนี้เลยเหรอคะ”“ตอนที่เราหาสร้อยอยู่พี่สั่งอาหารมาไว้ให้ ส่วนอันนี้พี่ก็สั่งเพิ่มมาให้ เห็นเราดูเครียดๆ”“ขอบคุณนะคะ”รมย์รวินท์นั่งลงบนเก้าอี้ที่เขาขย
ตอนที่ 12 กับดักร่างบางในชุดนักศึกษาถูกระเบียบก้าวเดินไปตามมุมตึก ลัดเลาะไปตามทางแคบๆ สลับมองหลังเป็นระยะๆ ด้วยบรรยากาศเงียบเหงาวังเวงในช่วงห้าโมงเย็นยิ่งทำให้ดูหน้ากลัว เธอจึงรีบเดินให้เร็วขึ้นจนกระทั่งเดินมาถึงลานจอดรถ“แอบหนีใครมาเหรอ” กรภัคที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงพิงรถอาวดี้เอ่ยถามเสียงขำ“อุ๊ย! พี่เกมส์ตกใจหมด”“ทำลับๆล่อๆ หนีอะไรมา”“เปล่า”“กำลังหนีหน้าพี่ใช่ไหม” กรภัคพูดขึ้นอย่างรู้ทัน“ไม่ได้หนี” เธอแอบถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินผ่านหน้าเขาไปที่รถตัวเอง“เดี๋ยว” ฝ่ามือหนายื่นมาดึงข้อมือเล็กเอาไว้ “วันนี้โกรธพี่หรือเปล่า”“โกรธทำไมล่ะคะ มันคือข้อตกลงของเราสองคนไม่ใช่เหรอ ห้ามรัก ห้ามเปิดเผย ห้ามให้คนอื่นรู้ว่าเราเป็นอะไรกัน ทุกอย่างมันเริ่มต้นแบบลับๆ ก็ต้องจบแบบลับๆสิคะ”“ประชดเหรอ”“เปล่าค่ะหนูพูดความจริง แล้วอีกอย่างก็เป็นไปตามที่เราตกลงกันไว้ ถ้าพี่มีคนอื่นหนูค่อยโกรธดีกว่าไหม”“งั้นกลับกับพี่”“แต่หนูเอารถมา”“ทิ้งไว้นี่แหล
ตอนที่ 11 แค่คนรู้จักเช้าวันต่อมารถเบนซ์ c-class สีขาวแล่นเข้ามาในรั้วมหาลัยตามกฎหมายกำหนดก่อนจะจอดสนิทที่ลานจอดรถตึกคณะวิศวกรรมที่ค่อนข้างโล่งครืด ครืด ครืดขณะที่มือบางเก็บหนังสือและไอแพดใส่กระเป๋าผ้าแบรนด์ดัง แต่ยังไม่ทันไรโทรศัพท์ในมือก็สั่นสะท้านเมื่อมีสายเรียกเข้า“เออว่าไงพราว”“อยู่ไหน”“กำลังจอดรถ”“อยู่โรงอาหารนะกับตังเม”“โอเคๆ เดี๋ยวตามไป”เท้าเรียวบนรองเท้าผ้าใบสีขาวก้าวเดินตรงไปยังโรงอาหารพร้อมกับชะเง้อคอมองหา จนเจอสองสาวที่นั่งกินข้าวอยู่โต๊ะริมกระจก“กว่าจะมาได้”“เออ รถติด ตื่นสายด้วยนิดหน่อย”พราวฟ้าที่กำลังเคี้ยวข้าวชะเง้อคอมองตามเพื่อนสนิทอย่างรมย์รวินท์ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย “แล้วแกมองหาอะไร”“เปล่า”“พักหลังๆนี่พิรุธเยอะนะแก หรือว่าแกไปแอบปิ๊งหนุ่มที่ไหนมา”“พูดไปเรื่อยอ่าตังเม”“เอ้า ก็ท่าทีแกแปลกๆ”“แค่สงสัยว่าพี่ธันย์บอดี้การ์ดส่วนตัวพ่วงตำแหน่ง
ตอนที่ 10 บรรยากาศพาไป “เป็นอะไรหรือเปล่าตั้งแต่ออกจากห้าง พี่เห็นเรานั่งเงียบมาตลอดทางเลย”“เปล่าค่ะ หนูไม่ได้เป็นอะไร”“ไข้ขึ้นหรือเปล่า” กรภัคยกฝ่ามือทาบหน้าผากได้รูปแต่คนตัวเล็กกลับเบี่ยงตัวหนี“ไม่ค่ะ สบายดี”“แล้วทำไมหน้าดูซึมๆ แบบนี้ล่ะ”“เอ่อ...หนูคอแห้งเฉยๆ กินเบียร์กันไหมคะพี่เกมส์”“ยัยเด็กขี้เมา” กรภัคว่าขึ้น เขาก็อุตส่าห์เป็นห่วงที่ไหนได้ร่างกายต้องการแอลกอฮอล์นี่เอง“สรุปกินไหมคะ”“พรุ่งนี้มีเรียนไม่ใช่เหรอ”“มีค่ะแต่แค่กระป๋องเดียว ไม่เมาหรอก”“โอเค”ผมหยิบเบียร์ในตู้เย็นออกมาสองกระป๋องก่อนจะเดินมาหาร่างบางที่นั่งอยู่ริมระเบียงที่ไม่ได้กว้างมาก มีเพียงเก้าอี้ในสวนและรอบๆยังปลูกดอกไม้ประดับไว้อย่างสวยงาม“อื้อ รับไ
ตอนที่ 9 เวลาของเรา เมื่อจัดการอาหารตรงหน้าเรียบร้อยฉันก็รับยาลดไข้จากเขามาใส่ปากแล้วตามด้วยน้ำเปล่า “อื้อ พี่เกมส์จะทำอะไร” เสียงหวานร้องท้วงเมื่อเขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ “พี่ขอวัดไข้หน่อย” กรภัคยกมือขึ้นทาบหน้าผากพอเห็นว่าอุณหภูมิปกติก็ค่อยเบาใจ “หายดีแล้ว”“ขอบคุณนะคะที่ดูแลหนู”“พี่ขอโทษนะที่รุนแรงไปหน่อย”“ไม่ต้องพูดก็ได้ค่ะ” รมย์รวินท์พูดเสียงแผ่วก้มหน้างุดหลบสายตาคมที่มองมาราวกับจะกลืนกินเธอไปทั้งตัว“หึๆ” กรภัคหัวเราะขำน้อยๆ “แล้วนี่เราจะไปไหนไหม พี่จะพาไป”“ปกติวันหยุดหนูจะไปซื้อของใส่ตู้เย็น”
ตอนที่ 8 พิษไข้ร่างบางเดินขึ้นไปนอนบนเตียงกว้างก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นระหว่างรอเขาอาบน้ำ จนกระทั่งเขาเดินออกมาในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ทำให้เห็นลอนกล้ามหน้าท้องเรียงตัวสวยมีหยดน้ำเกาะพราวตามผิวขาวเนียน ปลายยอดยังเป็นสีชมพูสวย จนเผลอมองอยู่นาน“หิวพี่เหรอ”“พูดจาบ้าๆ”“ก็เห็นมองตามตาเป็นประกายเชียว”“ทำไมไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนออกมาล่ะคะ”“พี่ลืมเอาชุดเข้าไปน่ะ”กรภัคเอ่ยบอกก่อนจะหยิบกางเกงนอนเข้าไปในห้องแต่งตัวแล้วเดินขึ้นมานอนบนเตียงกว้าง“พี่เกมส์ไม่กลับไปนอนที่ห้องล่ะคะ หนูไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว”“พี่เป็นห่วง”“ไว้ใจได้ป่ะเนี่ย”“คำถามนี้พี่น่าจะถามเรามากกว่ามั้ง” กรภัคว่าเสียงขำจนร่างบางเบ้ปากกลอกตามองบนใส่ ผมจึงยื่นมือไปหยิกแก้มนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยว“พี่เกมส์ เจ็บนะ”“หมั่นเขี้ยว นอนได้แล้ว พี่ไม่ทำอะไรหรอก
ตอนที่ 7 ความลับ‘แต่’‘แต่อะไรอีก หืม’‘ต้องไม่มีคนรู้เรื่องนี้’‘ตกลง จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ของเรา’ เมื่อกลับมาถึงคอนโดตัวเอง ร่างบางทิ้งตัวนอนอย่างหมดแรงยกมือขึ้นเกยหน้าผากพยายามคิดทบทวนสิ่งที่เธอพึ่งตกลงกับเขาไป เพราะความเมาอย่างเดียวที่พาเธอมาถึงจุดนี้ได้ บางครั้งก็นึกแปลกใจตัวเองว่ายอมทำไม “โอ้ย จะบ้าตาย”ครืด ครืด ครืดเสียงโทรศัพท์ที่สั่นสะท้านอยู่ข้างตัวทำให้เธอต้องหยิบขึ้นมารับอย่างเลี่ยงไม่ได้“ค่ะแม่”“แกอยู่ไหนกอบัว เมื่อคืนฉันก็ติดต่อไม่ได้ จนเกือบจะจองตั๋วบินไปหาแกที่กรุงเทพแล้วเนี่ย”เสียงหวานดังแว่วเข้ามาทำให้เธอเผลอยิ้มออกมา ไม่ใช่ใครหรอกนอกจากคุณแม่สุดที่รัก เจ๊กอหญ้าเจ้าของสวนทุเรียนที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดจันทบุรี&ldqu
ตอนที่ 6 ข้อตกลงร่างบางพลิกกายขยับไปมาเมื่อรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัวก่อนที่เธอจะสะดุ้งตื่นแล้วลุกขึ้นนั่งจนผ้าห่มผืนใหญ่ร่วงลงมา เรื่องราวทุกอย่างเมื่อคืนเริ่มแจ่มชัดเข้ามาในโสตประสาทของเธอ“ตื่นมาก็จะอ่อยพี่ต่อเลยหรือไงเด็กขี้เมา”“พี่เกมส์” เสียงหวานหวีดร้องเสียงหลงเมื่อเห็นร่างสูงใส่กางเกงนอนขายาวเปลือยท่อนอกพิงขอบประตูในมือถือแก้วกาแฟยกยิ้มมุมปาก เธอจึงรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าอกอวบที่เต็มไปด้วยรอยจูบ นั่งกอดเข่าขยับตัวถอยจนชิดหัวเตียงเมื่อเขาก้าวเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น“จะหนีไปไหน เมื่อคืนเรายังสนุกด้วยกันทั้งคืนเลยจำไม่ได้เหรอ”“พี่ฉวยโอกาสกับคนเมาเหรอคะ”“พูดดีๆนะกอบัว พี่ไม่ได้ข่มขื่นเรานะ มีแต่เรานั่นแหละที่...”“พอแล้วค่ะพี่เกมส์ หนูไม่อยากฟัง” ร่างบางยกมือขึ้นห้ามก่อนจะยกขึ้นมาอุดหูแล้วก้มหน้าเพื่อหลบสายตาคม ทำอะไรลงไปวะเนี่ย! กอบัว“พี่ก็ต้องอธิบายสิ เพราะพี่ไม่อยากเป็นคนที่ถูกตราหน้าว่าข่มขื่นเรา”“กอบัวเชื่อแล้วค่ะว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจ” เพราะคนที่เริ่มคือเธอเองทุกอย่างนี้แหละ พอกันที่เหล้า เบียร์ อย่าได้เจอกันอีกเลย ลาขาดตลอดกาล“แล้วเสื้อผ้าหนูล่ะ” เธอเอ่ยถามพร้อมกับมองไปรอบ