ตอนที่ 11 แค่คนรู้จัก
เช้าวันต่อมา
รถเบนซ์ c-class สีขาวแล่นเข้ามาในรั้วมหาลัยตามกฎหมายกำหนดก่อนจะจอดสนิทที่ลานจอดรถตึกคณะวิศวกรรมที่ค่อนข้างโล่ง
ครืด ครืด ครืด
ขณะที่มือบางเก็บหนังสือและไอแพดใส่กระเป๋าผ้าแบรนด์ดัง แต่ยังไม่ทันไรโทรศัพท์ในมือก็สั่นสะท้านเมื่อมีสายเรียกเข้า
“เออว่าไงพราว”
“อยู่ไหน”
“กำลังจอดรถ”
“อยู่โรงอาหารนะกับตังเม”
“โอเคๆ เดี๋ยวตามไป”
เท้าเรียวบนรองเท้าผ้าใบสีขาวก้าวเดินตรงไปยังโรงอาหารพร้อมกับชะเง้อคอมองหา จนเจอสองสาวที่นั่งกินข้าวอยู่โต๊ะริมกระจก
“กว่าจะมาได้”
“เออ รถติด ตื่นสายด้วยนิดหน่อย”
พราวฟ้าที่กำลังเคี้ยวข้าวชะเง้อคอมองตามเพื่อนสนิทอย่างรมย์รวินท์ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย “แล้วแกมองหาอะไร”
“เปล่า”
“พักหลังๆนี่พิรุธเยอะนะแก หรือว่าแกไปแอบปิ๊งหนุ่มที่ไหนมา”
“พูดไปเรื่อยอ่าตังเม”
“เอ้า ก็ท่าทีแกแปลกๆ”
“แค่สงสัยว่าพี่ธันย์บอดี้การ์ดส่วนตัวพ่วงตำแหน่งคู่หมั้นพราวไม่มาเฝ้าเหรอ”
“มีเรียนบ่าย มาส่งแล้วก็กลับไปนอนแล้ว”
“อ๋อๆ”
“แล้วแกกินข้าวมายัง” ตังเมเอ่ยถามพร้อมกับส่งยิ้มมาให้
“กินแล้ว” ฉันพยายามตอบเสียงให้นิ่งที่สุดเพื่อไม่ให้สองเพื่อนสนิทรู้ว่าเธอกำลังประหม่า
“หืม” ทั้งสองครางรับในลำคอด้วยความแปลกใจ
“แกไม่กินข้าวเช้านี่”
“กะ ก็ เอ่อ เมื่อคืนไม่ได้กินเลยหิว”
“มีพิรุธ”
“เปล่า กินๆไปเหอะเดี๋ยวสาย ขึ้นเรียนไม่ทัน” รมย์รวินท์เอ่ยบอกเพื่อนสนิท พลางทำทีเป็นไถ่โทรศัพท์เข้าแอพโซเซียลต่างๆ แต่ในใจกลับล่องลอยไปถึงใครบางคนที่พึ่งเจอกันเมื่อเช้า
“พี่เกมส์ มาได้ไงคะเนี่ย” เสียงหวานเอ่ยถามด้วยความตกใจเมื่อเปิดประตูมาเจอร่างสูงในชุดออกกำลังกายมีเหงื่อซึมจนทำให้เสื้อแนบไปกับร่างกายแข็งแรงที่กำลังยืนกดโทรศัพท์อยู่หน้าประตูห้อง
“พี่กำลังจะโทรหาพอดีเลย อ่ะนี่พี่ซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มาให้ก่อนเราไปเรียน”
“ขอบคุณนะคะ แต่ความจริงพี่ไม่ต้องลำบากก็ได้” เธอเอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วงก่อนจะยื่นมือไปรับถุงน้ำเต้าหู้มาถือไว้
“พี่กลัวเราไม่กินข้าวเช้ามากกว่า แล้วมีเรียนกี่โมง”
“แปดโมงครึ่งค่ะ”
“พึ่งเจ็ดโมงเช้าอยู่เลย เข้าไปกินให้เรียบร้อยก่อน”
“ก็ได้ค่ะ แล้วมาได้ไงคะเนี่ย”
“พี่มาวิ่งออกกำลังสวนสาธารณะแถวๆนี้ เลยแวะมาหาเราก่อน”
“งั้นกินด้วยกันไหมคะ”
“ไม่อ่ะ เรากินเลย” รมย์รวินท์พยักหน้ารับก่อนจะเดินไปรินน้ำเต้าหู้ใส่แก้วแล้วมานั่งดื่มที่โต๊ะอาหารโดยมีเขานั่งมองแบบไม่ละสายตา
“พี่จะมองหนูทำไมเนี่ย”
“อยากมอง”
เมื่อรู้สึกว่าแก้มใสเริ่มเห่อร้อนจึงยกแก้วน้ำเต้าหู้ขึ้นดื่มเพื่อหลบสายตา แต่พอลดแก้วลงก็ถูกนิ้วหัวแม่มือยกปาดคราบน้ำเต้าหู้ที่เธอกินเลอะมุมปากให้อย่างอ่อนโยนจนหัวใจเต้นแรง
“ฮัลโหลๆๆ” ตังเมโบกมือไปมาเมื่อจู่ๆเพื่อนสนิทอย่างรมย์รวินท์นั่งยิ้มแป้นตาลอยอยู่คนเดียว แล้วดวงตาคู่สวยยังเป็นประกายรูปหัวใจสีชมพูอย่างกับคนมีความรัก
“กอบัวววว”
“อะๆ อะไร”
“เหม่ออะไร พวกฉันกินข้าวเสร็จแล้ว ไปขึ้นเรียนค่ะ”
“โอเคๆ”
พักเที่ยง
ขณะกำลังเดินลงมาที่โรงอาหารสภาพทุกคนไม่ต่างจากซอมบี้เมื่อถูกอาจารย์ป้าที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดประจำคณะวิศวกรรมอัดข้อมูลความรู้จนสมองน้อยๆแทบรับไม่ไหว
“หาของหวานเยียวยาด่วน ไม่งั้นบ่ายไม่มีแรงเรียนแน่ๆ” รมย์รวินท์เปรยขึ้นเสียงอ่อนแรง
“จริง ขอกินไอศรีมแทนข้าวก่อนแล้วกัน” ตังเมพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะมองหาร้านไอศรีมเจ้าประจำ
“แต่ไม่มีโต๊ะนั่งเลยอ่ะดิ คนเต็มโรงอาหารเลย” พราวฟ้าเอ่ยบอกขณะชะเง้อคอมองหาโต๊ะนั่งที่ว่างๆ
“ไปโรงอาหารกลางของมหาลัยไหม” ตังเมเสนอขึ้นเพราะตรงกับพักเที่ยงพอดีจึงเนืองแน่นไปด้วยเหล่านักศึกษา
“ขนาดที่นี่คนยังล้น ที่นั่นคงไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะเพื่อน” ฉันเอ่ยบอกก่อนจะชะเง้อคอมองหาที่นั่ง แต่แรงสะกิดที่ไหล่ทำให้เธอหันไปมอง
“อ้าวพี่ชิน สวัสดีค่ะ” ฉันเอ่ยทักพร้อมกับยกมือไหว้รุ่นพี่ร่วมคณะ
“สวัสดีค่ะ”
“ครับ นี่หาโต๊ะนั่งกันอยู่เหรอ”
“ใช่ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับรัวๆ
“งั้นไปนั่งกับพวกพี่ไหม”
“เอ่อ” ฉันหันมามองเพื่อนสนิททั้งสองที่ยืนลังเลเล็กน้อย “เอาไงพวกแก”
“ถ้าหนูพราวไปไอ้ธันย์คงกินข้าวอร่อยมากขึ้นแน่ๆ” ชวกรเอ่ยเย้าพร้อมกับชี้ไปที่โต๊ะยาวตัวใหญ่ที่มีเหล่าเพื่อนสนิทของเขานั่งอยู่และด้วยหน้าตาและชื่อเสียงเลื่องลือกระฉ่อนไปทั่วมหาลัยทำให้ทั้งโต๊ะนั้นตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนในโรงอาหาร
“ฉันไม่มีปัญหา แต่พวกแกสองคนจะอึดอัดไหม” พราวฟ้ากระซิบถามเสียงเบา
“เออ ไปก็ได้ดีกว่าไม่มีที่นั่ง” ตังเมเอ่ยก่อนจะพากันเดินตรงไปยังโต๊ะที่หมาย
“สวัสดีค่ะพี่ๆ” ทั้งสามยกมือไหว้รุ่นพี่ตามทำเนียบปฏิบัติก่อนจะวางกระเป๋าลง
“สวัสดีจ้า ไม่ต้องเกรงนะ ตามสบาย” มุกตาภาเอ่ยบอกเสียงหวานพลางยิ้มให้อย่างเป็นกันเองเพราะเคยรู้จักสามสาวมาก่อนหน้านี้แล้ว
“ค่ะ” พวกเธอพยักหน้ารับก่อนจะรีบเดินออกมาซื้อข้าวด้วยอาการเกร็งๆ ใช้เวลาไม่นานพวกเธอก็ถือจานข้าวกลับมานั่งตามเดิม
“เรียนหนักไหม” อรปรียาเอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทางเกร็งๆของคนมาใหม่ อ๋อ ยกเว้นพราวฟ้าไว้หนึ่งคนรายนั้นถูกธนัทดึงเข้าไปอยู่ในโลกสีชมพูที่มันสร้างขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ก็หนักอยู่ค่ะพี่ชะเอม” ตังเมเป็นฝ่ายเอ่ยตอบ ก่อนจะลอบมองใบหน้าของกอบัวที่ซีดลงเล็กน้อย แถมแววตายังจดจ้องไปที่รุ่นพี่อย่าง
กรภัคด้วยอาการนิ่งๆ“กอบัว ข้าวร้านประจำแกไม่อร่อยหรือไง ถึงเขี่ยไปเขี่ยมาแบบนี้” ตังเมกระแทกไหล่เล็กเบาๆจนอีกฝ่ายหันมอง
“เปล่า ก็ยังอร่อยเหมือนเดิม” รมย์รวินท์กระพริบตาปริบๆปรับสีหน้าให้ปกติเมื่อเผลอมองใบหน้าหล่อคมของเขาที่เอาแต่เล่นโทรศัพท์ วางท่านิ่งเฉยอย่างคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทักสักคำยังไม่มี ทั้งที่พึ่งแยกกันเมื่อตอนเช้าเอง จนบางทีเธอก็คิดว่าเรื่องราวที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่ความฝัน
‘แล้วแกจะมีสิทธิ์อะไรไปน้อยใจเขากันนะ กอบัว’
เมื่อคิดได้แบบนั้นเธอก็เลิกสนใจเขาแล้วหันมาคุยกับมุกตาภาและอรปรียา จนไม่ทันได้สังเกตเห็นดวงตาคมที่มองมา
ติ๊ง!
รมย์รวินท์ก้มมองแจ้งเตือนในโทรศัพท์ทันที ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองเจ้าของข้อความด้วยความไม่เข้าใจ แต่เขากลับไม่ยอมสบตาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
‘ตอนเย็นรอกลับพร้อมพี่ด้วย’
‘แต่หนูเอารถมาไง’
‘ทิ้งไว้ที่นี่แหละ’
‘เอาแต่ใจ’ เธอพิมพ์ตอบก่อนจะส่งสติ๊กเกอร์หมีโมโหตอบกลับไป
“ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์อยู่นั้น แอบคุยกันป่ะเนี่ยสองคนนี้” ธนัทไม่พูดเปล่าแต่ยังชี้ไปที่เพื่อนสนิทอย่างกรภัคและรุ่นน้องร่วมคณะอย่างรมย์รวินท์
“คุยห่าอะไรล่ะไอ้ธันย์ กูไม่ได้รู้จักน้องเขาเป็นการส่วนตัวเสียหน่อย” กรภัคที่กำลังพิมพ์ข้อความหยุดชะงักแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ เมื่อคำพูดของธนัทที่หลุดออกมาจากโลกสีชมพูชั่วคราวเอ่ยขึ้น ทำให้ทุกสายตาจ้องมองสลับไปมา
“ใช่ค่ะ กอบัวไม่ได้คุยกับพี่เกมส์ซักหน่อย” แม้จะเจ็บในใจจี๊ดๆแต่เธอรีบออกตัวปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“แหม่ ไอ้ธันย์มึงพูดออกมา ทำอย่างกับไม่รู้นิสัยไอ้ปลาไหลตัวพ่ออย่างมัน” ชวกรเปรยขึ้นเสียงขำเพราะรู้ดีว่ากรภัคมันมีสาวๆในสต็อกเยอะแยะมากมาย ไม่ใครก็ใครสักคนหนึ่งที่มันกำลังแอบคุยอยู่
“เออ ว่ะ กูลืม”
เมื่อทุกอย่างคลี่คลายเธอก็หันมาคุยต่ออย่างออกรสโดยไม่สนใจข้อความนับสิบข้อความที่เด้งเข้ามารัวๆ
คิดว่าทำเมินเฉยเป็นคนเดียวหรือไง!!
ตอนที่ 12 กับดักร่างบางในชุดนักศึกษาถูกระเบียบก้าวเดินไปตามมุมตึก ลัดเลาะไปตามทางแคบๆ สลับมองหลังเป็นระยะๆ ด้วยบรรยากาศเงียบเหงาวังเวงในช่วงห้าโมงเย็นยิ่งทำให้ดูหน้ากลัว เธอจึงรีบเดินให้เร็วขึ้นจนกระทั่งเดินมาถึงลานจอดรถ“แอบหนีใครมาเหรอ” กรภัคที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงพิงรถอาวดี้เอ่ยถามเสียงขำ“อุ๊ย! พี่เกมส์ตกใจหมด”“ทำลับๆล่อๆ หนีอะไรมา”“เปล่า”“กำลังหนีหน้าพี่ใช่ไหม” กรภัคพูดขึ้นอย่างรู้ทัน“ไม่ได้หนี” เธอแอบถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินผ่านหน้าเขาไปที่รถตัวเอง“เดี๋ยว” ฝ่ามือหนายื่นมาดึงข้อมือเล็กเอาไว้ “วันนี้โกรธพี่หรือเปล่า”“โกรธทำไมล่ะคะ มันคือข้อตกลงของเราสองคนไม่ใช่เหรอ ห้ามรัก ห้ามเปิดเผย ห้ามให้คนอื่นรู้ว่าเราเป็นอะไรกัน ทุกอย่างมันเริ่มต้นแบบลับๆ ก็ต้องจบแบบลับๆสิคะ”“ประชดเหรอ”“เปล่าค่ะหนูพูดความจริง แล้วอีกอย่างก็เป็นไปตามที่เราตกลงกันไว้ ถ้าพี่มีคนอื่นหนูค่อยโกรธดีกว่าไหม”“งั้นกลับกับพี่”“แต่หนูเอารถมา”“ทิ้งไว้นี่แหล
ตอนที่ 13 เพราะฝนทำให้คนเหงา@คอนโดร่างบางก้มๆเงยข้างเตียงก่อนจะรื้อหาใต้พรม แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอสร้อยข้อมือเจ้าปัญหา แต่พอจะกลับเข้าไปหาในห้องน้ำอีกครั้งก็ต้องชะงักหันมาหาเข้าของห้องที่ยืนกอดอกพิงประตูอยู่“หาเจอไหม”“ไม่เจอค่ะ” รมย์รวินท์ส่ายหน้าไปมาก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง ตามหาจนทั่วทุกที่ซ้ำสองรอบก็ยังหาไม่เจอ“มากินข้าวก่อนพี่จัดโต๊ะเสร็จแล้ว พอกินเสร็จเดี๋ยวพี่จะช่วยหาอีกที”“ขอหาในห้องน้ำอีกรอบก่อนได้ไหมคะ”“ไม่ได้”“เห้อ” เธอถอนหายใจด้วยความหนักใจก่อนจะเดินตามร่างสูงที่เดินเข้ามากุมมือพาเดินออกมาที่โต๊ะกินข้าว ที่แปลกตาไปกว่าทุกครั้งเพราะมีอาหารจากโรงแรมชื่อดัง พร้อมกุหลาบช่อใหญ่วางไว้บนโต๊ะส่งกลิ่นหอมฟุ้งผสมผสานไปกับกลิ่นเทียนหอมที่ประดับตามมุมต่างๆ“ต้องขนาดนี้เลยเหรอคะ”“ตอนที่เราหาสร้อยอยู่พี่สั่งอาหารมาไว้ให้ ส่วนอันนี้พี่ก็สั่งเพิ่มมาให้ เห็นเราดูเครียดๆ”“ขอบคุณนะคะ”รมย์รวินท์นั่งลงบนเก้าอี้ที่เขาขย
ตอนที่ 14 กอดแก้หนาวกรภัคลุกขึ้นถอดกางเกงออกจากตัวแล้วนอนแทรกกลางขาเรียวแล้วแหวกท่อนขาเรียวออกกว้างเป็นรูปตัวเอ็ม มองเนินดอกไม้เรียบเนียนตาเป็นประกายราวกับเสือร้ายเจอเหยื่อที่แสนถูกใจ ก่อนจูบเบาๆพร้อมใช้นิ้วบดคลึงเกสรสีชมพูตรงกลางจนน้ำหวานไหลซึม“ซี๊ด พี่เกมส์ขา”รมย์รวินท์หวีดร้องครางเสียงหลง หน้าท้องแบนราบกระตุกเกร็งเมื่อถูกลิ้นร้อนแตะลงกลางกลีบดอกไม้แล้วลากลิ้นไปตามรอยแยกช้าๆ พลางปัดป่ายไปทั่วดอกไม้จนสะโพกกลมกลึงลอยขึ้นเขาทั้งดูดและขบเม้มเกสรตรงกลางอย่างมูมมามและสอดลิ้นเข้าไปในเนื้อนุ่ม น้ำหวานสีใสก็ยิ่งไหลเยิ้มออกมาไม่หยุด เขายิ่งตักตวงความหอมหวานอย่างกระหาย“พะ พี่เกมส์ขา พะ พอก่อน หนูไม่ไหวแล้ว”“หึๆ” กรภัคหัวเราะขำในลำคอบอกให้เขาหยุดแต่เด็กน้อยของเขากลับกดหัวไว้แน่นพลางเด้งเอวขึ้นใส่ไม่หยุด เขาก็ยิ่งดูดน้ำหวานราวกับแมลงดูดน้ำหวานจากเกสร“ไม่ไหวแล้วพี่เกมส์ อ๊ะๆ อือ”เนื้อนิ่มบีบรัดแน่นเมื่อร่างเล็กใกล้ถึงจุดสุขสมผมจึงสอดนิ้วเข้าไปในโพรงเนื้อนุ่มทีเดียวสองนิ้วขยับเข้าออกแล้วดูดเกสรด้วยความหิวกระหายจนร่างบางกระตุกเกร็งแฮกๆเสียงหอบหายใจดังแผ่ว ใบหน้าสวยขึ้นสีแดงระเรื่อนัยน์ตาค
ตอนที่ 1 สัญชาตญาณนักสู้ ร่างบางเดินโซซัดโซเซมือเล็กเกาะผนังพยุงร่างตัวเองเดินไปตามทางเข้าห้องน้ำ ก่อนจะชะงักหยุดยกมือขึ้นกุมศีรษะพลางสะบัดส่ายหน้าไปมา เมื่อฤทธิ์ค็อกเทลร้อนแรงอย่างบีห้าสิบสอง (B52) เล่นงานจนหน้ามืด มึนหัว ดวงตาคู่สวยพร่ามัวจวนจะปิดสนิท “โอ้ย กอบัว แกไม่น่ากินตามแรงยุพวกพี่เขาเลย” เสียงหวานบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะก้าวเดินไปข้างหน้าช้าๆ โดยที่ในใจอดด่าเจ้าของผับไม่ได้ทำไมทำห้องน้ำไกลจังวะเท้าเรียวเดินเซมาเรื่อยๆตามทางเดินแต่ทว่า มาโผล่อีกทีดันเป็นลานจอดรถ!“อาการแกหนักแล้วกอบัว” เสียงหวานบ่นตัวเองแผ่วเบาก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในผับโดยไม่ทันระวังจนชนเข้ากับกำแพงมนุษย์เต็มแรง “โอ๊ย ซี๊ดใครแม่งมายืนขว้างหน้าวะ” มือเล็กยกขึ้นลูบจมูกตัวเองเบาๆ ถ้าไม่ใช่ว่าแม่ให้มานะป่านนี้คงนั่งน้ำตาซึมไปหาหมอที่คลินิกไปแล้ว คนบ้าอะไรวะตัวแข็งเป็นบ้า แต่ไอ้นั่นที่อยู่ใต้กางเกงจะแข็งไหมวะ พอคิดแบบนั้นดวงตาคู่สวยก็ยิ่งจดจ้องเพ่งเล็งสายตาที่เป้ากางเกงกำแพงมนุษย์ “เมาแล้วอย่าหื่น หน้าพี่อยู่นี่”“พี่เกมส์” เธอร้องตกใจเมื่อคนที่เดินชนเป็นคนเดียว
ตอนที่ 2 ทำอะไรลงไป ดวงตาคู่สวยฉ่ำปรือขึ้นเมื่อแสงของเช้าวันใหม่สาดทอเข้ามาภายในห้องน้ำ เธอจึงขยับตัวหันหน้าหนีแต่กลับเจอกล้ามหน้าอกของใครบางคน จนแทบหยุดหายใจ ปากคอแห้งผาดก่อนที่จะค่อยๆตั้งสติที่กำลังแตกกระเจิงให้เข้าที่เข้าทางแล้วนึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อคืน “เชี้ยแล้ว ทำอะไรลงไปวะเนี่ย” รมย์รวินท์ยกมือปิดปากร้องอุทานเสียงเบาในลำคอ เมื่อเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทั้งหมด แต่คงไม่ใช่เขาหรอกมั้ง...จากที่คิดว่าเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่ประถมศึกษาอย่างตังเมจะคอยพูดล้อเล่นอยู่บ่อยๆว่าเธอเมาแล้วชอบอ่อยผู้ชาย บุญเท่าไรแล้วที่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ หรือเปล่าวะ?เธอขยับตัวอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวคนข้างๆจะตื่นขึ้นมา แล้วก้มหน้างุดเพราะไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะยกผ้าห่มขึ้นมองตัวเองที่มีเสื้อผ้าอยู่ครบทุกชิ้น แล้วลองยกขาเรียวแยกออกจากกันเล็กน้อยก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ หวังว่าเมื่อคืนคงไม่มีสงครามกลางเตียงขึ้นหรอกนะแต่พอขยับตัวลุกกึ่งนั่งกึ่งนอนแล้วทำใจกล้าหันมองคนข้างกายเธอถึงกับต้องยกมือขึ้นปิดปากอยากจะกรีดร้องให้ตึกถล่มทับให้ตายคาที่ไปเลย จากที่ไม่ค่อยมั่นใจพอเห็นหน้าเ
ตอนที่ 3 เจออีกแล้ว รมย์รวินท์เดินหาซื้อผักผลไม้ที่มีแม่ค้าตั้งแผงขายเรียงรายเต็มตลาดที่ใหญ่ที่สุด ใหญ่ระดับประเทศเลยก็ว่าได้ เดินทั้งวันขาคงได้เปลี้ยจนไม่มีแรง เพราะแค่นี้ก็เริ่มรู้สึกล้าไปทั้งขาแล้ว “เอาอันนี้ค่ะป้า” มือบางส่งกระหล่ำปลีสีเขียวแซมขาว ขึ้นฉ่ายและแครอทส่งให้แม่ค้า “หกสิบบาทจ้า” “นี่ค่ะ” เธอหยิบเงินยื่นให้แม่ค้าแล้วหยิบถุงผักใส่ตะกร้าล้อลากเดินไปยังร้านอื่นต่อ ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายใบเล็กสั่นสะท้าน “เออ ว่าไงตังเม” “กอบัว แวะตลาดแค่นี้นานจังวะ” ตังเมกรอกเสียงถามมาตามปลายสายเพราะเย็นนี้ตกลงกันว่าจะกินหมูกระทะกันที่คอนโดของเธอ แต่เพื่อนสนิทอย่างกอบัวกลับยังมาไม่ถึงสักทีทั้งที่ใกล้เวลานัดเต็มที “รีบอยู่” “ซื้อผักนะจ๊ะ ไม่ใช่ให้ไปส่องพ่อค้า นานเกิ้น”“โอ้ย พ่อคงพ่อค้าอะไรล่ะ ไม่มีทั้งนั้นแหละ แต่ลูกเจ้าของตลาดก็ว่าไปอย่าง” รมย์รวินท์พูดเย้าเสียงขำก่อนจะหุบปากฉับเมื่อได้ยินเสียงพราวฟ้ารอดมาตามสาย“แล้วรู้ไหมว่าตลาดที่แกยืนอยู่ตอนนี้เขามีลูกชายหล่อด้วยนะ”
ตอนที่ 4 เด็กขี้เมา “กว่าจะมา” ตังเมเปรยขึ้นเมื่อเปิดประตูให้เพื่อนสาวที่หอบหิ้วของมาเต็มมือ“รถติดน่ะ”“รถติดหรือติดหัวใจลูกเจ้าของตลาดอยู่กันแน่”“โอ้ย ก็พูดไปนั้น ไม่ชอบหรอกคนเจ้าชู้ ไม่เหมือนใครบางคนแถวนี้”“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องเลยกอบัว ไม่ต้องวกมาเรื่องฉัน” พราวฟ้ารีบห้ามเพราะประเด็นร้อนมันไม่ได้อยู่ที่เธอแต่อยู่กับคนที่มาทีหลังต่างหาก“สรุปว่าไง เรื่องเมื่อคืน” ตังเมเอ่ยถามขณะแกะผักออกจากถุงเพื่อล้างน้ำสะอาด“ไม่มีอะไรเลย พี่เขาก็แค่ไปส่งเฉยๆ”“จ้า เชื่อ” พราวฟ้าพยักหน้ารับแต่กลับยกยิ้มล้อเลียนจนกอบัวหน้ามุ่ย“โอ้ย พูดก็ไม่เชื่อ งั้นไม่ตอบแล้ว”“โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว” พราวฟ้าเอ่ยบอกพร้อมกับหยิบมืดหั่นแครอทแล้วหยิบใส่หม้อเพื่อทำน้ำซุป“เอ้อ แล้วทำไมถึงกลับพร้อมพี่เขาได้” ตังเมที่กำลังล้างผักหันมาถามด้วยความสงสัย“เมา แล้วบังเอิญไปเจอพี่เขาพอดี เขาคงสงสารมั้งเลยพาไปส่ง”“กอบัว!!”“อะไรตังเม จะตะโกนทำไมเนี่ย จกใจหมด”“นั่นสิ มีอะไรหน้าตื่นเชียว เจอหนอนในผักเหรอ” พราวฟ้าเอ่ยถาม“แกไปอ่อยพี่เขาหรือเปล่า” ตังเมถามด้วยความเป็นห่วงเพราะรู้ว่าเวลาอีกฝ่ายเมาหนักมากๆจะเป็นอย่างไร“
ตอนที่ 5 ตามที่ใจปรารถนารถอาวดี้คันหรูแล่นไปตามท้องถนนเมืองหลวงที่ค่อนข้างโล่งกว่าทุกวันจนกระทั่งมาจอดสนิทที่หน้าคอนโดหรู“พี่เกมส์ ทำไมพี่ไม่ไปส่งหนูที่คอนโดคะ” ดวงตาคู่สวยฉ่ำปรือมองตึกสูงข้างหน้าไม่ว่ามุมไหน ก็ไม่ใช่คอนโดเธอ“ก็พี่ถามเราแล้วว่าเราอยู่ที่ไหน แต่เราไม่ตอบพี่”“ถามตอนไหน หนูไม่เห็นได้ยินเลย”กรภัคเกาหัวแล้วเสยผมขึ้นแรงๆอยากจะเอาหัวตัวเองทุ่มใส่พวงมาลัยสักทีสองที เพราะก่อนหน้านี้เธอหลับมาตลอดทาง เขาทั้งเรียก ทั้งสะกิดถาม แต่สิ่งที่ได้มาคือความเงียบ“ไหนๆก็มาถึงแล้วนอนที่นี่ไปก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยกลับ”“ให้หนูนอนกับพี่ หนูไม่ปลอดภัยแน่นอน ไม่เอาหนูจะกลับห้อง”“อย่าดื้อได้ไหม แล้วตอนนี้พี่ก็ง่วงแล้วด้วย”“แล้วถ้าหนูปล้ำพี่จะทำไงล่ะ”“เออ เดี๋ยวพี่ขัดขืนเอง ลงมาก่อน”“อื้อ” รมย์รวินท์พยักหน้ารับ แล้วเปิดประตูก้าวขาลงจากรถ เดินเซไปมาจนคนที่แอบมองอยู่ด้านหลังช้อนตัวขึ้นอุ้ม“พี่เกมส์”“ง่วงก็นอนเลย เดี๋ยวพี่อุ้มขึ้นไปเอง”“อือ”ดวงตาคู่สวยปิดสนิทอีกครั้งแล้วหันหน้าซุกอยู่กับอกแกร่งกำยำ ปกติเธอค่อนข้างเป็นคนนอนหลับยากมาก ต่อให้กินเหล้าเมามากขนาดไหนก็ไม่เคยหลับสนิทสักครั้ง
ตอนที่ 14 กอดแก้หนาวกรภัคลุกขึ้นถอดกางเกงออกจากตัวแล้วนอนแทรกกลางขาเรียวแล้วแหวกท่อนขาเรียวออกกว้างเป็นรูปตัวเอ็ม มองเนินดอกไม้เรียบเนียนตาเป็นประกายราวกับเสือร้ายเจอเหยื่อที่แสนถูกใจ ก่อนจูบเบาๆพร้อมใช้นิ้วบดคลึงเกสรสีชมพูตรงกลางจนน้ำหวานไหลซึม“ซี๊ด พี่เกมส์ขา”รมย์รวินท์หวีดร้องครางเสียงหลง หน้าท้องแบนราบกระตุกเกร็งเมื่อถูกลิ้นร้อนแตะลงกลางกลีบดอกไม้แล้วลากลิ้นไปตามรอยแยกช้าๆ พลางปัดป่ายไปทั่วดอกไม้จนสะโพกกลมกลึงลอยขึ้นเขาทั้งดูดและขบเม้มเกสรตรงกลางอย่างมูมมามและสอดลิ้นเข้าไปในเนื้อนุ่ม น้ำหวานสีใสก็ยิ่งไหลเยิ้มออกมาไม่หยุด เขายิ่งตักตวงความหอมหวานอย่างกระหาย“พะ พี่เกมส์ขา พะ พอก่อน หนูไม่ไหวแล้ว”“หึๆ” กรภัคหัวเราะขำในลำคอบอกให้เขาหยุดแต่เด็กน้อยของเขากลับกดหัวไว้แน่นพลางเด้งเอวขึ้นใส่ไม่หยุด เขาก็ยิ่งดูดน้ำหวานราวกับแมลงดูดน้ำหวานจากเกสร“ไม่ไหวแล้วพี่เกมส์ อ๊ะๆ อือ”เนื้อนิ่มบีบรัดแน่นเมื่อร่างเล็กใกล้ถึงจุดสุขสมผมจึงสอดนิ้วเข้าไปในโพรงเนื้อนุ่มทีเดียวสองนิ้วขยับเข้าออกแล้วดูดเกสรด้วยความหิวกระหายจนร่างบางกระตุกเกร็งแฮกๆเสียงหอบหายใจดังแผ่ว ใบหน้าสวยขึ้นสีแดงระเรื่อนัยน์ตาค
ตอนที่ 13 เพราะฝนทำให้คนเหงา@คอนโดร่างบางก้มๆเงยข้างเตียงก่อนจะรื้อหาใต้พรม แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอสร้อยข้อมือเจ้าปัญหา แต่พอจะกลับเข้าไปหาในห้องน้ำอีกครั้งก็ต้องชะงักหันมาหาเข้าของห้องที่ยืนกอดอกพิงประตูอยู่“หาเจอไหม”“ไม่เจอค่ะ” รมย์รวินท์ส่ายหน้าไปมาก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง ตามหาจนทั่วทุกที่ซ้ำสองรอบก็ยังหาไม่เจอ“มากินข้าวก่อนพี่จัดโต๊ะเสร็จแล้ว พอกินเสร็จเดี๋ยวพี่จะช่วยหาอีกที”“ขอหาในห้องน้ำอีกรอบก่อนได้ไหมคะ”“ไม่ได้”“เห้อ” เธอถอนหายใจด้วยความหนักใจก่อนจะเดินตามร่างสูงที่เดินเข้ามากุมมือพาเดินออกมาที่โต๊ะกินข้าว ที่แปลกตาไปกว่าทุกครั้งเพราะมีอาหารจากโรงแรมชื่อดัง พร้อมกุหลาบช่อใหญ่วางไว้บนโต๊ะส่งกลิ่นหอมฟุ้งผสมผสานไปกับกลิ่นเทียนหอมที่ประดับตามมุมต่างๆ“ต้องขนาดนี้เลยเหรอคะ”“ตอนที่เราหาสร้อยอยู่พี่สั่งอาหารมาไว้ให้ ส่วนอันนี้พี่ก็สั่งเพิ่มมาให้ เห็นเราดูเครียดๆ”“ขอบคุณนะคะ”รมย์รวินท์นั่งลงบนเก้าอี้ที่เขาขย
ตอนที่ 12 กับดักร่างบางในชุดนักศึกษาถูกระเบียบก้าวเดินไปตามมุมตึก ลัดเลาะไปตามทางแคบๆ สลับมองหลังเป็นระยะๆ ด้วยบรรยากาศเงียบเหงาวังเวงในช่วงห้าโมงเย็นยิ่งทำให้ดูหน้ากลัว เธอจึงรีบเดินให้เร็วขึ้นจนกระทั่งเดินมาถึงลานจอดรถ“แอบหนีใครมาเหรอ” กรภัคที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงพิงรถอาวดี้เอ่ยถามเสียงขำ“อุ๊ย! พี่เกมส์ตกใจหมด”“ทำลับๆล่อๆ หนีอะไรมา”“เปล่า”“กำลังหนีหน้าพี่ใช่ไหม” กรภัคพูดขึ้นอย่างรู้ทัน“ไม่ได้หนี” เธอแอบถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินผ่านหน้าเขาไปที่รถตัวเอง“เดี๋ยว” ฝ่ามือหนายื่นมาดึงข้อมือเล็กเอาไว้ “วันนี้โกรธพี่หรือเปล่า”“โกรธทำไมล่ะคะ มันคือข้อตกลงของเราสองคนไม่ใช่เหรอ ห้ามรัก ห้ามเปิดเผย ห้ามให้คนอื่นรู้ว่าเราเป็นอะไรกัน ทุกอย่างมันเริ่มต้นแบบลับๆ ก็ต้องจบแบบลับๆสิคะ”“ประชดเหรอ”“เปล่าค่ะหนูพูดความจริง แล้วอีกอย่างก็เป็นไปตามที่เราตกลงกันไว้ ถ้าพี่มีคนอื่นหนูค่อยโกรธดีกว่าไหม”“งั้นกลับกับพี่”“แต่หนูเอารถมา”“ทิ้งไว้นี่แหล
ตอนที่ 11 แค่คนรู้จักเช้าวันต่อมารถเบนซ์ c-class สีขาวแล่นเข้ามาในรั้วมหาลัยตามกฎหมายกำหนดก่อนจะจอดสนิทที่ลานจอดรถตึกคณะวิศวกรรมที่ค่อนข้างโล่งครืด ครืด ครืดขณะที่มือบางเก็บหนังสือและไอแพดใส่กระเป๋าผ้าแบรนด์ดัง แต่ยังไม่ทันไรโทรศัพท์ในมือก็สั่นสะท้านเมื่อมีสายเรียกเข้า“เออว่าไงพราว”“อยู่ไหน”“กำลังจอดรถ”“อยู่โรงอาหารนะกับตังเม”“โอเคๆ เดี๋ยวตามไป”เท้าเรียวบนรองเท้าผ้าใบสีขาวก้าวเดินตรงไปยังโรงอาหารพร้อมกับชะเง้อคอมองหา จนเจอสองสาวที่นั่งกินข้าวอยู่โต๊ะริมกระจก“กว่าจะมาได้”“เออ รถติด ตื่นสายด้วยนิดหน่อย”พราวฟ้าที่กำลังเคี้ยวข้าวชะเง้อคอมองตามเพื่อนสนิทอย่างรมย์รวินท์ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย “แล้วแกมองหาอะไร”“เปล่า”“พักหลังๆนี่พิรุธเยอะนะแก หรือว่าแกไปแอบปิ๊งหนุ่มที่ไหนมา”“พูดไปเรื่อยอ่าตังเม”“เอ้า ก็ท่าทีแกแปลกๆ”“แค่สงสัยว่าพี่ธันย์บอดี้การ์ดส่วนตัวพ่วงตำแหน่ง
ตอนที่ 10 บรรยากาศพาไป “เป็นอะไรหรือเปล่าตั้งแต่ออกจากห้าง พี่เห็นเรานั่งเงียบมาตลอดทางเลย”“เปล่าค่ะ หนูไม่ได้เป็นอะไร”“ไข้ขึ้นหรือเปล่า” กรภัคยกฝ่ามือทาบหน้าผากได้รูปแต่คนตัวเล็กกลับเบี่ยงตัวหนี“ไม่ค่ะ สบายดี”“แล้วทำไมหน้าดูซึมๆ แบบนี้ล่ะ”“เอ่อ...หนูคอแห้งเฉยๆ กินเบียร์กันไหมคะพี่เกมส์”“ยัยเด็กขี้เมา” กรภัคว่าขึ้น เขาก็อุตส่าห์เป็นห่วงที่ไหนได้ร่างกายต้องการแอลกอฮอล์นี่เอง“สรุปกินไหมคะ”“พรุ่งนี้มีเรียนไม่ใช่เหรอ”“มีค่ะแต่แค่กระป๋องเดียว ไม่เมาหรอก”“โอเค”ผมหยิบเบียร์ในตู้เย็นออกมาสองกระป๋องก่อนจะเดินมาหาร่างบางที่นั่งอยู่ริมระเบียงที่ไม่ได้กว้างมาก มีเพียงเก้าอี้ในสวนและรอบๆยังปลูกดอกไม้ประดับไว้อย่างสวยงาม“อื้อ รับไ
ตอนที่ 9 เวลาของเรา เมื่อจัดการอาหารตรงหน้าเรียบร้อยฉันก็รับยาลดไข้จากเขามาใส่ปากแล้วตามด้วยน้ำเปล่า “อื้อ พี่เกมส์จะทำอะไร” เสียงหวานร้องท้วงเมื่อเขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ “พี่ขอวัดไข้หน่อย” กรภัคยกมือขึ้นทาบหน้าผากพอเห็นว่าอุณหภูมิปกติก็ค่อยเบาใจ “หายดีแล้ว”“ขอบคุณนะคะที่ดูแลหนู”“พี่ขอโทษนะที่รุนแรงไปหน่อย”“ไม่ต้องพูดก็ได้ค่ะ” รมย์รวินท์พูดเสียงแผ่วก้มหน้างุดหลบสายตาคมที่มองมาราวกับจะกลืนกินเธอไปทั้งตัว“หึๆ” กรภัคหัวเราะขำน้อยๆ “แล้วนี่เราจะไปไหนไหม พี่จะพาไป”“ปกติวันหยุดหนูจะไปซื้อของใส่ตู้เย็น”
ตอนที่ 8 พิษไข้ร่างบางเดินขึ้นไปนอนบนเตียงกว้างก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นระหว่างรอเขาอาบน้ำ จนกระทั่งเขาเดินออกมาในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ทำให้เห็นลอนกล้ามหน้าท้องเรียงตัวสวยมีหยดน้ำเกาะพราวตามผิวขาวเนียน ปลายยอดยังเป็นสีชมพูสวย จนเผลอมองอยู่นาน“หิวพี่เหรอ”“พูดจาบ้าๆ”“ก็เห็นมองตามตาเป็นประกายเชียว”“ทำไมไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนออกมาล่ะคะ”“พี่ลืมเอาชุดเข้าไปน่ะ”กรภัคเอ่ยบอกก่อนจะหยิบกางเกงนอนเข้าไปในห้องแต่งตัวแล้วเดินขึ้นมานอนบนเตียงกว้าง“พี่เกมส์ไม่กลับไปนอนที่ห้องล่ะคะ หนูไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว”“พี่เป็นห่วง”“ไว้ใจได้ป่ะเนี่ย”“คำถามนี้พี่น่าจะถามเรามากกว่ามั้ง” กรภัคว่าเสียงขำจนร่างบางเบ้ปากกลอกตามองบนใส่ ผมจึงยื่นมือไปหยิกแก้มนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยว“พี่เกมส์ เจ็บนะ”“หมั่นเขี้ยว นอนได้แล้ว พี่ไม่ทำอะไรหรอก
ตอนที่ 7 ความลับ‘แต่’‘แต่อะไรอีก หืม’‘ต้องไม่มีคนรู้เรื่องนี้’‘ตกลง จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ของเรา’ เมื่อกลับมาถึงคอนโดตัวเอง ร่างบางทิ้งตัวนอนอย่างหมดแรงยกมือขึ้นเกยหน้าผากพยายามคิดทบทวนสิ่งที่เธอพึ่งตกลงกับเขาไป เพราะความเมาอย่างเดียวที่พาเธอมาถึงจุดนี้ได้ บางครั้งก็นึกแปลกใจตัวเองว่ายอมทำไม “โอ้ย จะบ้าตาย”ครืด ครืด ครืดเสียงโทรศัพท์ที่สั่นสะท้านอยู่ข้างตัวทำให้เธอต้องหยิบขึ้นมารับอย่างเลี่ยงไม่ได้“ค่ะแม่”“แกอยู่ไหนกอบัว เมื่อคืนฉันก็ติดต่อไม่ได้ จนเกือบจะจองตั๋วบินไปหาแกที่กรุงเทพแล้วเนี่ย”เสียงหวานดังแว่วเข้ามาทำให้เธอเผลอยิ้มออกมา ไม่ใช่ใครหรอกนอกจากคุณแม่สุดที่รัก เจ๊กอหญ้าเจ้าของสวนทุเรียนที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดจันทบุรี&ldqu
ตอนที่ 6 ข้อตกลงร่างบางพลิกกายขยับไปมาเมื่อรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัวก่อนที่เธอจะสะดุ้งตื่นแล้วลุกขึ้นนั่งจนผ้าห่มผืนใหญ่ร่วงลงมา เรื่องราวทุกอย่างเมื่อคืนเริ่มแจ่มชัดเข้ามาในโสตประสาทของเธอ“ตื่นมาก็จะอ่อยพี่ต่อเลยหรือไงเด็กขี้เมา”“พี่เกมส์” เสียงหวานหวีดร้องเสียงหลงเมื่อเห็นร่างสูงใส่กางเกงนอนขายาวเปลือยท่อนอกพิงขอบประตูในมือถือแก้วกาแฟยกยิ้มมุมปาก เธอจึงรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าอกอวบที่เต็มไปด้วยรอยจูบ นั่งกอดเข่าขยับตัวถอยจนชิดหัวเตียงเมื่อเขาก้าวเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น“จะหนีไปไหน เมื่อคืนเรายังสนุกด้วยกันทั้งคืนเลยจำไม่ได้เหรอ”“พี่ฉวยโอกาสกับคนเมาเหรอคะ”“พูดดีๆนะกอบัว พี่ไม่ได้ข่มขื่นเรานะ มีแต่เรานั่นแหละที่...”“พอแล้วค่ะพี่เกมส์ หนูไม่อยากฟัง” ร่างบางยกมือขึ้นห้ามก่อนจะยกขึ้นมาอุดหูแล้วก้มหน้าเพื่อหลบสายตาคม ทำอะไรลงไปวะเนี่ย! กอบัว“พี่ก็ต้องอธิบายสิ เพราะพี่ไม่อยากเป็นคนที่ถูกตราหน้าว่าข่มขื่นเรา”“กอบัวเชื่อแล้วค่ะว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจ” เพราะคนที่เริ่มคือเธอเองทุกอย่างนี้แหละ พอกันที่เหล้า เบียร์ อย่าได้เจอกันอีกเลย ลาขาดตลอดกาล“แล้วเสื้อผ้าหนูล่ะ” เธอเอ่ยถามพร้อมกับมองไปรอบ