Share

บทที่4.ผิดแผน... 1

บทที่4.ผิดแผน...

          มันน่าจะเป็นความสงบสุข...หลังวันมหาวิปโยคผ่านพ้นไป วันนี้บุษบันเข้มแข็งขึ้น เงาของนักรบไม่ได้ทำให้น้ำตาเธอตกเหมือนเก่า เพราะเธอเริ่มทำใจได้...เมื่อรู้ชัดอย่างแท้จริง ผู้ชายคนนั้นต้องการแค่ร่างกายของเธอ เพื่อสนองความต้องการของเขา

          ตื้ดๆ

          เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวของเธอ...ดังเตือน...บุษบันล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงหยิบออกมากดรับ

          “นึกยังไงคะโทร. หาบุษวันนี้?”

          ปลายสายคือคนที่บุษบันรักไม่ต่างจากมารดา สายสมรคือพี่สาวมารดา คุณป้าที่ส่งเสริม สนับสนุนให้เธอมีวันนี้ได้ เงินเดือนของสายสมรคือค่าเล่าเรียนของเธอ

          “บุษ...ป้า...เอ่อ...” สาวใหญ่พูดติดๆ ขัดๆ เธอมีเรื่องร้อนใจ และอยากให้หลานสาวช่วย

          “ป้ามีอะไรไม่สบายใจ...บอกบุษได้เลยค่ะ”

          “บุษ ก็อย่างที่ป้าเคยเล่าให้ฟัง...ป้าเอาที่ไปจำนองไว้ และป้าขาดส่งมานานหลายปีแล้วด้วย เจ้าหนี้เขาก็จ้องจะยึด แต่ป้าไม่อยากเสียที่ผืนนั้นไป... มันเป็นมรดกที่ป้าคิดจะยกให้บุษ...ที่สำคัญ มันจะเดือดร้อนถึงพ่อแม่บุษด้วยนะ เมื่อมันเป็นที่ผืนเดียวกัน”

          ที่ดินที่เป็นมรดกพกห่อ บิดา มารดาของเธอใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ที่นั่น ใช้ที่ดินทั้งหมดทำการเกษตร และหากถูกยึดจริง...คงเหลือเนื้อที่ไม่เท่าไหร่ แค่ทุกวันนี้ยังไม่ใคร่จะพอกินพอใช้...

          “บุษช่วยอะไรบ้างได้คะ?”

          “บุษช่วยได้เลยล่ะ เพราะเจ้าหนี้ของป้าเขามีข้อเสนอมา เขาอยากดองกับเรา แล้วจะยกหนี้ทั้งหมดให้เป็นค่าสินสอด”

          “คะ” หญิงสาวยกมือขยี้หู เธอไม่อยากเชื่อสิ่งที่ป้าพูด

          “กำนันเหมนะเขามีลูกชายแค่คนเดียว...หากบุษตกลงกับเขาได้ เราไม่ต้องเสียที่ แถมบุษยังเป็นลูกสะใภ้คนดังเชียวนา”

          “แต่ว่า...” เธอไม่ชอบวิธีการแบบนี้เลย คนไม่รัก ไม่ชอบกัน จะไปกันรอดได้ยังไง ในเมื่อเธอยังไม่เคยเห็นหน้าตาของลูกชายกำนันผู้นั้นเลยสักครั้ง

          “คิดดูดีๆ นะบุษ เรามีแต่ได้กับได้ ป้าจะได้ติดต่อเขาไป ป้านะหวังดีกับบุษนะ อย่าไปหวังลมๆ แร้งๆ อีกเลย คุณรบน่ะ เขาไกลเกินเอื้อมสำหรับคนอย่างเราๆ”

          นางเอ่ยเตือนรู้อยู่แก่ใจว่าหลานสาวหลงรักบุตรชายนายจ้าง...แต่ไม่รู้ว่านักรบกับบุษบันแอบคบกันลับๆ

          “บุษรู้ค่ะว่าป้าหวังดี แต่เรื่องแบบนี้บุษตัดสินใจยากค่ะ”

          “ไม่ยากหรอก ลองเจอกันก่อน พ่อหิรัญน่ะ เขากำลังจะไปภูเก็ตอยู่พอดี ป้าจะได้บอกกำนันให้เขาบอกลูกชาย จะได้เจอกันสักที จะเอาไงค่อยว่ากันต่อหลังเจอกันแล้วกันนะ”

          สายสมรตัดบท นางรู้ว่าบุษบันคงไม่กล้าขัดใจ เมื่อมันคาบเกี่ยวเรื่องความเป็นความตายของครอบครัว

          “ค่ะ” หญิงสาวรับคำพร้อมกับถอนใจเฮือกใหญ่ๆ เรื่องหนักอกโถมทับ เมื่อตัวเองยังไม่พร้อม เวลานี้ก็ทำได้แค่...ภาวนาให้คนที่กำลังจะมา เข้าใจความจำเป็นของเธอ เธอยังไม่อยากเปิดรับใครเลยจริงๆ

          “เป็นอะไรหน้ายุ่งๆ พิกล” รินลดาร้องทักลูกน้องสาวคู่ใจ

          “มีเรื่องที่บ้านนิดหน่อยค่ะคุณริน” เธอตอบก่อนจะยิ้มกร่อยๆ ให้

          “อืม...ค่อยๆ แก้ไป ปัญหามีไว้ให้แก้ หากเราไม่หนีเสียก่อน ก็ย่อมมีหนทางแก้ปัญหาได้”

          เจ้านายสาวให้คำแนะนำ ทุกปัญหามีทางออกเสมอ ค่อยๆ คิดค่อยๆ แก้ สักวันก็มีทางออก

          “ค่ะ บุษคงต้องคิดให้หนัก เพราะบุษยังไม่พร้อมที่จะมีสามี”

          เธอตอบก่อนจะไหวไหล่ เรื่องวุ่นวายชวนปวดหัว โถมใส่ตนเองไม่หยุดสักที

          “ยัยแพรวว่าจะมาที่รีสอร์ตในวันหยุดที่จะถึงนี้... เราสองคนคงหูแฉะแน่ๆ”

          แพรวนราเป็นญาติห่างๆ ของรินลดา แต่ค่อนข้างสนิทกันเมื่อคุยกันถูกคอ ดังนั้นหากแพรวนรามาถึงเมื่อไหร่ เจ้าหล่อนคงมีเรื่องมาเม้าท์ให้ฟังเป็นกะบุง

          งานในแต่ละวันยุ่งวุ่นวาย จนบุษบันลืมนักรบกับภารตีไปชั่วขณะ

          “ทำอะไรอยู่เอ่ย ตะละแม่บุษบัน?” เสียงร้องทักร่าเริงสดใส ตามประสาคนไม่คิดมาก แพรวนรายิ้มเผล่ หล่อนสะพายเป้ใบใหญ่ที่กลางหลังกับการแต่งกายแบบทะมัดทะแมง กางเกงยีนส์พอดีตัวกับเสื้อยืดตัวโคร่ง รองเท้าผ้าใบยี่ห้อไนกี้

          “แพรว...คิดถึงแกชะมัดเลย” บุษบันทิ้งงานในมือ เธอโถมกอดแพรวนราไว้พร้อมกับบ่นพึมพำ

          “หึ!! อย่ามาพูดดีเลยบุษ แกทิ้งฉันไว้ในกรุง...แล้วหนีมาอยู่กับธรรมชาติที่แสนสวย ฉันละอิจฉาแกกับคุณน้ารินชะมัด...ฉันอยากมาอยู่ด้วยจังเลย”

          แพรวนราบ่นยาว... ก่อนจะดันหัวไหล่บุษบัน ก้มมองสำรวจเพื่อนรักตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

          “แกดีขึ้นนะบุษ ไม่ผอมหัวโตแล้วนี่ ลืมๆ ไปเหอะผู้ชายพรรณนั้น...ยังมีผู้ชายหล่อๆ รวยๆ อีกมากให้เราเลือก”

          บุษบันอมยิ้ม “ฉันลืมคุณรบได้แล้วแพรว หากแกรู้ว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนมีอะไร แกต้องกรี๊ดแน่”

          “อะไรบุษ มีอะเกิดขึ้นที่นี่”

          “งานแกคงยุ่งซิ!! ถึงไม่เห็นข่าวก็อตซิปของคุณรบ เขากับผู้หญิงของเขามาจัดงานแต่งกันที่นี่ งานเล็กๆ กับเพื่อนสนิทและวงศาคณาญาติของเขา...ฉันเฉยๆ นะ ตอนที่เจอ มันชาๆ พิกล”

          “จริงดิ!! ผิดคาดแฮะ!! ยัยตีมันหน้าใหญ่ปานดาวเทียม ไม่คิดว่าจะมาจัดงานเล็กๆ แถมไกลความเจริญถึงนี่ อ๋อ...ฉันรู้แล้ว เขาคงไม่อยากฉาว หากผู้ชายจะเปิดตูดเผ่นหนีเร็วนัก”

          แพรวนราวิเคราะห์ เจ้าหล่อนหัวเราะงอหาย เมื่อเดาสภาพคู่สมรสคู่ใหม่ได้แบบไม่ต้องเดา

          “แกก็ไปว่าเขา เขาอาจจะรักกันจริงก็ได้”

          “ฉันไม่เถียงนะว่ายัยตีรักคุณรบของแก...บุษ แต่...ผู้ชายอย่างคุณรบ ไม่รักใครหรอก นอกจากตัวเอง...”

          แม้จะไม่เคยมีความรัก...แต่แพรวนรามั่นใจ...เธอมองออกว่านักรบคิดอะไร ผู้ชายคนนั้นทำได้ทุกอย่าง เพื่อตัวเอง

          “ช่างเขาเถอะ ไปๆ เอาของไปเก็บห้องฉัน แล้วออกมาช่วยกันเลย...ช่วงนี้กำลังวุ่น”

          หญิงสาวดันหลังเพื่อนรัก...นักรบจะเป็นยังไงกับครอบครัวใหม่ของเขา เธอไม่เกี่ยว...ความรู้สึกดีๆ นั่น เธอจะเก็บไว้ และความรู้สึกแย่ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้น เธอก็จะเก็บไว้เช่นกัน เอาไว้เตือนตัวเอง...ความรักสวยหรูที่นักรบฉาบหน้าไว้ คือความจอมปลอม

          “อะไรงะ ฉันมาพักนะเฟ้ย...ฉันอยู่กับคอมมาตลอด2 เดือน ใจคอแกจะไม่ให้ฉันพักบ้างเลยเหรอ?”

          แพรวนราร้องโวยวาย แต่ใบหน้าหล่อนเปื้อนยิ้ม เมื่อเพื่อนรักไม่ได้เศร้าใจเหมือนเมื่อก่อน ธรรมชาติกับสิ่งแวดล้อมทำให้บุษบันดีขึ้น

          แต่ก็ยอมทำตามคำร้องขอของเพื่อโดยดี...

          แพรวนราเปลี่ยนเสื้อผ้าในชุดที่สวมสบายขึ้นเป็นกางเกงขาสั้นเสื้อตัวเดิมลากรองเท้าแตะมาใส่เพื่อความสบายคล่องตัว แล้วจึงเดินออกจากห้องพักไปหาบุษบันที่ร้านอาหารในรีสอร์ต เมื่อบุษบันมักจะอยู่ที่นั่น คอยบริการลูกค้าทั้งในรีสอร์ตและขาจร ที่แวะมาทานอาหารที่ร้านอาหาร

          แต่...ผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่ง!! ที่ยืนหมุนไปหมุนมาตรงหน้าเธอนี่ เขาดูไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่...ผู้ชายคนนั้นก้มมองในโทรศัพท์มือถือ สลับกับมองตรงไปข้างหน้า แพรวนราไล่สายตาตาม สิ่งที่ผู้ชายคนนั้นมองคือบุษบันเพื่อนของเธอ อารมณ์กรุ่นๆ พุ่งสูงปรี๊ด!! เมื่อคาดเดาเอาเอง เขาน่าจะเป็นคนของภารตี ที่แม่นั่นมักจะส่งมาก่อกวนบุษบันเสมอ และเมื่อเร็วๆ นี่หล่อนมาเจอบุษบันที่นี่ นิสัยเดิมของลูกเศรษฐีจอมป่วนคงกำเริบ

          “ทำอะไรอะ!!”

          หญิงสาวสาวเท้าให้เร็วขึ้น เธอเดินอ้อมไปยืนขวางหน้า พร้อมกับถามเสียงเคร่งๆ

          หิรัญก้มมองผู้หญิงตัวเล็กกะทัดรัดฉบับกระเป๋าที่เงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาเธอขุ่นจัด ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น

          “เอ่อ...คือ” เขาพูดติดๆ ขัดๆ นั่นยิ่งเป็นพิรุธให้แพรวนราปักใจเชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิด

          “แม่นั่นส่งคุณมาป่วนอะไรเพื่อนฉัน!!”

          เสียงหล่อนฟังดูก้าวร้าว มือเล็กๆ ยกขึ้นท้าวสะเอว กางขาปักหลังยืนสู้ เหมือนมดตัวน้อยกำลังร้องท้าสู้กับพญาช้างสาร หิรัญหัวเราะหึๆ ในคอ ดวงตาเขาพราวฉ่ำ เมื่อทอดมองผู้หญิงตัวเล็ก หน้าเด็กตรงหน้า เขาสำรวจหล่อนช้าๆ พยายามไม่ให้หล่อนรู้ตัว ไม่อย่างนั้นเจ้าหล่อนคงปรี๊ดแตกซ้ำ

          ผิวหล่อนขาวเผือดเหมือนคนทำงานอยู่แต่ในร่มเป็นส่วนใหญ่ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้เครื่องสำอาง แต่กลับน่ารักจนเดาอายุไม่ออก เนื่องจากผิวของหล่อนใสจนไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นสาววัยทำงาน รูปร่างสมส่วน แต่ตัวเล็กไปหน่อยหากเทียบกับตนเอง เขาสูง185 เซนติเมตร ศีรษะเจ้าหล่อนอยู่แค่หน้าอกของเขาเอง...ผมยาวสลวยถูกมันเป็นพวงเหมือนหางกระรอกที่ท้ายทอย หิรัญเผลอมองจนไม่รู้ว่าตนเองสร้างความขุ่นเคืองให้กับอีกฝ่ายเพิ่มขึ้น

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status