บทที่4.ผิดแผน...
มันน่าจะเป็นความสงบสุข...หลังวันมหาวิปโยคผ่านพ้นไป วันนี้บุษบันเข้มแข็งขึ้น เงาของนักรบไม่ได้ทำให้น้ำตาเธอตกเหมือนเก่า เพราะเธอเริ่มทำใจได้...เมื่อรู้ชัดอย่างแท้จริง ผู้ชายคนนั้นต้องการแค่ร่างกายของเธอ เพื่อสนองความต้องการของเขา
ตื้ดๆ
เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวของเธอ...ดังเตือน...บุษบันล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงหยิบออกมากดรับ
“นึกยังไงคะโทร. หาบุษวันนี้?”
ปลายสายคือคนที่บุษบันรักไม่ต่างจากมารดา สายสมรคือพี่สาวมารดา คุณป้าที่ส่งเสริม สนับสนุนให้เธอมีวันนี้ได้ เงินเดือนของสายสมรคือค่าเล่าเรียนของเธอ
“บุษ...ป้า...เอ่อ...” สาวใหญ่พูดติดๆ ขัดๆ เธอมีเรื่องร้อนใจ และอยากให้หลานสาวช่วย
“ป้ามีอะไรไม่สบายใจ...บอกบุษได้เลยค่ะ”
“บุษ ก็อย่างที่ป้าเคยเล่าให้ฟัง...ป้าเอาที่ไปจำนองไว้ และป้าขาดส่งมานานหลายปีแล้วด้วย เจ้าหนี้เขาก็จ้องจะยึด แต่ป้าไม่อยากเสียที่ผืนนั้นไป... มันเป็นมรดกที่ป้าคิดจะยกให้บุษ...ที่สำคัญ มันจะเดือดร้อนถึงพ่อแม่บุษด้วยนะ เมื่อมันเป็นที่ผืนเดียวกัน”
ที่ดินที่เป็นมรดกพกห่อ บิดา มารดาของเธอใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ที่นั่น ใช้ที่ดินทั้งหมดทำการเกษตร และหากถูกยึดจริง...คงเหลือเนื้อที่ไม่เท่าไหร่ แค่ทุกวันนี้ยังไม่ใคร่จะพอกินพอใช้...
“บุษช่วยอะไรบ้างได้คะ?”
“บุษช่วยได้เลยล่ะ เพราะเจ้าหนี้ของป้าเขามีข้อเสนอมา เขาอยากดองกับเรา แล้วจะยกหนี้ทั้งหมดให้เป็นค่าสินสอด”
“คะ” หญิงสาวยกมือขยี้หู เธอไม่อยากเชื่อสิ่งที่ป้าพูด
“กำนันเหมนะเขามีลูกชายแค่คนเดียว...หากบุษตกลงกับเขาได้ เราไม่ต้องเสียที่ แถมบุษยังเป็นลูกสะใภ้คนดังเชียวนา”
“แต่ว่า...” เธอไม่ชอบวิธีการแบบนี้เลย คนไม่รัก ไม่ชอบกัน จะไปกันรอดได้ยังไง ในเมื่อเธอยังไม่เคยเห็นหน้าตาของลูกชายกำนันผู้นั้นเลยสักครั้ง
“คิดดูดีๆ นะบุษ เรามีแต่ได้กับได้ ป้าจะได้ติดต่อเขาไป ป้านะหวังดีกับบุษนะ อย่าไปหวังลมๆ แร้งๆ อีกเลย คุณรบน่ะ เขาไกลเกินเอื้อมสำหรับคนอย่างเราๆ”
นางเอ่ยเตือนรู้อยู่แก่ใจว่าหลานสาวหลงรักบุตรชายนายจ้าง...แต่ไม่รู้ว่านักรบกับบุษบันแอบคบกันลับๆ
“บุษรู้ค่ะว่าป้าหวังดี แต่เรื่องแบบนี้บุษตัดสินใจยากค่ะ”
“ไม่ยากหรอก ลองเจอกันก่อน พ่อหิรัญน่ะ เขากำลังจะไปภูเก็ตอยู่พอดี ป้าจะได้บอกกำนันให้เขาบอกลูกชาย จะได้เจอกันสักที จะเอาไงค่อยว่ากันต่อหลังเจอกันแล้วกันนะ”
สายสมรตัดบท นางรู้ว่าบุษบันคงไม่กล้าขัดใจ เมื่อมันคาบเกี่ยวเรื่องความเป็นความตายของครอบครัว
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำพร้อมกับถอนใจเฮือกใหญ่ๆ เรื่องหนักอกโถมทับ เมื่อตัวเองยังไม่พร้อม เวลานี้ก็ทำได้แค่...ภาวนาให้คนที่กำลังจะมา เข้าใจความจำเป็นของเธอ เธอยังไม่อยากเปิดรับใครเลยจริงๆ
“เป็นอะไรหน้ายุ่งๆ พิกล” รินลดาร้องทักลูกน้องสาวคู่ใจ
“มีเรื่องที่บ้านนิดหน่อยค่ะคุณริน” เธอตอบก่อนจะยิ้มกร่อยๆ ให้
“อืม...ค่อยๆ แก้ไป ปัญหามีไว้ให้แก้ หากเราไม่หนีเสียก่อน ก็ย่อมมีหนทางแก้ปัญหาได้”
เจ้านายสาวให้คำแนะนำ ทุกปัญหามีทางออกเสมอ ค่อยๆ คิดค่อยๆ แก้ สักวันก็มีทางออก
“ค่ะ บุษคงต้องคิดให้หนัก เพราะบุษยังไม่พร้อมที่จะมีสามี”
เธอตอบก่อนจะไหวไหล่ เรื่องวุ่นวายชวนปวดหัว โถมใส่ตนเองไม่หยุดสักที
“ยัยแพรวว่าจะมาที่รีสอร์ตในวันหยุดที่จะถึงนี้... เราสองคนคงหูแฉะแน่ๆ”
แพรวนราเป็นญาติห่างๆ ของรินลดา แต่ค่อนข้างสนิทกันเมื่อคุยกันถูกคอ ดังนั้นหากแพรวนรามาถึงเมื่อไหร่ เจ้าหล่อนคงมีเรื่องมาเม้าท์ให้ฟังเป็นกะบุง
งานในแต่ละวันยุ่งวุ่นวาย จนบุษบันลืมนักรบกับภารตีไปชั่วขณะ
“ทำอะไรอยู่เอ่ย ตะละแม่บุษบัน?” เสียงร้องทักร่าเริงสดใส ตามประสาคนไม่คิดมาก แพรวนรายิ้มเผล่ หล่อนสะพายเป้ใบใหญ่ที่กลางหลังกับการแต่งกายแบบทะมัดทะแมง กางเกงยีนส์พอดีตัวกับเสื้อยืดตัวโคร่ง รองเท้าผ้าใบยี่ห้อไนกี้
“แพรว...คิดถึงแกชะมัดเลย” บุษบันทิ้งงานในมือ เธอโถมกอดแพรวนราไว้พร้อมกับบ่นพึมพำ
“หึ!! อย่ามาพูดดีเลยบุษ แกทิ้งฉันไว้ในกรุง...แล้วหนีมาอยู่กับธรรมชาติที่แสนสวย ฉันละอิจฉาแกกับคุณน้ารินชะมัด...ฉันอยากมาอยู่ด้วยจังเลย”
แพรวนราบ่นยาว... ก่อนจะดันหัวไหล่บุษบัน ก้มมองสำรวจเพื่อนรักตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“แกดีขึ้นนะบุษ ไม่ผอมหัวโตแล้วนี่ ลืมๆ ไปเหอะผู้ชายพรรณนั้น...ยังมีผู้ชายหล่อๆ รวยๆ อีกมากให้เราเลือก”
บุษบันอมยิ้ม “ฉันลืมคุณรบได้แล้วแพรว หากแกรู้ว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนมีอะไร แกต้องกรี๊ดแน่”
“อะไรบุษ มีอะเกิดขึ้นที่นี่”
“งานแกคงยุ่งซิ!! ถึงไม่เห็นข่าวก็อตซิปของคุณรบ เขากับผู้หญิงของเขามาจัดงานแต่งกันที่นี่ งานเล็กๆ กับเพื่อนสนิทและวงศาคณาญาติของเขา...ฉันเฉยๆ นะ ตอนที่เจอ มันชาๆ พิกล”
“จริงดิ!! ผิดคาดแฮะ!! ยัยตีมันหน้าใหญ่ปานดาวเทียม ไม่คิดว่าจะมาจัดงานเล็กๆ แถมไกลความเจริญถึงนี่ อ๋อ...ฉันรู้แล้ว เขาคงไม่อยากฉาว หากผู้ชายจะเปิดตูดเผ่นหนีเร็วนัก”
แพรวนราวิเคราะห์ เจ้าหล่อนหัวเราะงอหาย เมื่อเดาสภาพคู่สมรสคู่ใหม่ได้แบบไม่ต้องเดา
“แกก็ไปว่าเขา เขาอาจจะรักกันจริงก็ได้”
“ฉันไม่เถียงนะว่ายัยตีรักคุณรบของแก...บุษ แต่...ผู้ชายอย่างคุณรบ ไม่รักใครหรอก นอกจากตัวเอง...”
แม้จะไม่เคยมีความรัก...แต่แพรวนรามั่นใจ...เธอมองออกว่านักรบคิดอะไร ผู้ชายคนนั้นทำได้ทุกอย่าง เพื่อตัวเอง
“ช่างเขาเถอะ ไปๆ เอาของไปเก็บห้องฉัน แล้วออกมาช่วยกันเลย...ช่วงนี้กำลังวุ่น”
หญิงสาวดันหลังเพื่อนรัก...นักรบจะเป็นยังไงกับครอบครัวใหม่ของเขา เธอไม่เกี่ยว...ความรู้สึกดีๆ นั่น เธอจะเก็บไว้ และความรู้สึกแย่ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้น เธอก็จะเก็บไว้เช่นกัน เอาไว้เตือนตัวเอง...ความรักสวยหรูที่นักรบฉาบหน้าไว้ คือความจอมปลอม
“อะไรงะ ฉันมาพักนะเฟ้ย...ฉันอยู่กับคอมมาตลอด2 เดือน ใจคอแกจะไม่ให้ฉันพักบ้างเลยเหรอ?”
แพรวนราร้องโวยวาย แต่ใบหน้าหล่อนเปื้อนยิ้ม เมื่อเพื่อนรักไม่ได้เศร้าใจเหมือนเมื่อก่อน ธรรมชาติกับสิ่งแวดล้อมทำให้บุษบันดีขึ้น
แต่ก็ยอมทำตามคำร้องขอของเพื่อโดยดี...
แพรวนราเปลี่ยนเสื้อผ้าในชุดที่สวมสบายขึ้นเป็นกางเกงขาสั้นเสื้อตัวเดิมลากรองเท้าแตะมาใส่เพื่อความสบายคล่องตัว แล้วจึงเดินออกจากห้องพักไปหาบุษบันที่ร้านอาหารในรีสอร์ต เมื่อบุษบันมักจะอยู่ที่นั่น คอยบริการลูกค้าทั้งในรีสอร์ตและขาจร ที่แวะมาทานอาหารที่ร้านอาหาร
แต่...ผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่ง!! ที่ยืนหมุนไปหมุนมาตรงหน้าเธอนี่ เขาดูไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่...ผู้ชายคนนั้นก้มมองในโทรศัพท์มือถือ สลับกับมองตรงไปข้างหน้า แพรวนราไล่สายตาตาม สิ่งที่ผู้ชายคนนั้นมองคือบุษบันเพื่อนของเธอ อารมณ์กรุ่นๆ พุ่งสูงปรี๊ด!! เมื่อคาดเดาเอาเอง เขาน่าจะเป็นคนของภารตี ที่แม่นั่นมักจะส่งมาก่อกวนบุษบันเสมอ และเมื่อเร็วๆ นี่หล่อนมาเจอบุษบันที่นี่ นิสัยเดิมของลูกเศรษฐีจอมป่วนคงกำเริบ
“ทำอะไรอะ!!”
หญิงสาวสาวเท้าให้เร็วขึ้น เธอเดินอ้อมไปยืนขวางหน้า พร้อมกับถามเสียงเคร่งๆ
หิรัญก้มมองผู้หญิงตัวเล็กกะทัดรัดฉบับกระเป๋าที่เงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาเธอขุ่นจัด ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น
“เอ่อ...คือ” เขาพูดติดๆ ขัดๆ นั่นยิ่งเป็นพิรุธให้แพรวนราปักใจเชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิด
“แม่นั่นส่งคุณมาป่วนอะไรเพื่อนฉัน!!”
เสียงหล่อนฟังดูก้าวร้าว มือเล็กๆ ยกขึ้นท้าวสะเอว กางขาปักหลังยืนสู้ เหมือนมดตัวน้อยกำลังร้องท้าสู้กับพญาช้างสาร หิรัญหัวเราะหึๆ ในคอ ดวงตาเขาพราวฉ่ำ เมื่อทอดมองผู้หญิงตัวเล็ก หน้าเด็กตรงหน้า เขาสำรวจหล่อนช้าๆ พยายามไม่ให้หล่อนรู้ตัว ไม่อย่างนั้นเจ้าหล่อนคงปรี๊ดแตกซ้ำ
ผิวหล่อนขาวเผือดเหมือนคนทำงานอยู่แต่ในร่มเป็นส่วนใหญ่ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้เครื่องสำอาง แต่กลับน่ารักจนเดาอายุไม่ออก เนื่องจากผิวของหล่อนใสจนไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นสาววัยทำงาน รูปร่างสมส่วน แต่ตัวเล็กไปหน่อยหากเทียบกับตนเอง เขาสูง185 เซนติเมตร ศีรษะเจ้าหล่อนอยู่แค่หน้าอกของเขาเอง...ผมยาวสลวยถูกมันเป็นพวงเหมือนหางกระรอกที่ท้ายทอย หิรัญเผลอมองจนไม่รู้ว่าตนเองสร้างความขุ่นเคืองให้กับอีกฝ่ายเพิ่มขึ้น
แพรวนราจิปาก เธอตบฝ่าเท้าใต้รองรองเท้าแตะไปมา มุมปากบางเฉียบกดลงด้วยความไม่พอใจ “ลืมเอาปากมาไงคุณ หรือว่ายืนอมขี้ฟันอยู่!!” เสียงถามขุ่นจัด จนคนตัวใหญ่หลุดออกมาจากภวังค์ “เปล่าครับ แค่ไม่คิดว่าคนในรีสอร์ตรินลดาจะต้อนรับลูกค้าด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟังเท่าไหร่เลย” เขาติงแบบผู้ใหญ่เตือนเด็ก เพราะคะเนแล้วเขาน่าจะแก่กว่าผู้ก๋ากั่นตรงหน้า “ถ้ามาอย่างมิตร ชาวรินลดาก็พร้อมที่จะเป็นมิตร แต่หากมาอย่างศัตรู ฉันฟันไม่เลี้ยงค่ะ บอกไว้ก่อน” แพรวนราแสยะยิ้ม เธอตอกกลับแบบไม่ไว้หน้า “แล้วอะไรที่ทำให้หนูคิดว่าผมมาแบบศัตรูล่ะ?” หิรัญร้องถาม เมื่อน้ำเสียงที่ใช้ของเด็กสาวตรงหน้าบ่งบอกเขาแบบนั้น หล่อนคิดว่าเขาไม่ใช่คนที่มาอย่างมิตร แพรวนราฉุนกึก...หมอนี่เรียกเธอด้วยสรรพนามที่ทนฟังไม่ไหว หนู เธออายุ25ปีนี้อายุงานสองปีในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์มีบริษัทเล็กๆ เป็นของตัวเอง... แต่ตาลุงคนนี้เรียกเธอเสียหมดความภาคภูมิใจ “ลุง...ไปตัดแว่นป่ะ ฉันไม่ได้เด็กขนาดเรียกว่า หนูหรอกนะ” หญิงสาวเน้นคำเรียกขานอีกฝ่าย เธอแสยะยิ้มเมื่
นรสิงห์บ่นขรม เขาก็ไม่ต่างอะไรกับหิรัญเลย คนในครอบครัวเคี่ยวเข็ญให้มีจังห่วง ทั้งที่ตนเองยังสนุกกับการทำงาน ผู้หญิงยังไม่ใช่สิ่งที่นรสิงห์ปรารถนา เมื่อยังสามารถถลกกระโปรงพวกหล่อนได้ โดยไม่ต้องใช้ทะเบียนสมรส “ฮ่าๆ” สองหนุ่มหัวเราะลั่น เมื่อต้องผจญชะตากรรมเดียวกัน “ว่าแต่ ไหนล่ะผู้หญิงที่พ่อกำนันเล็งไว้ให้แก นัดหล่อนไว้ที่นี่หรือไง...” หนุ่มหล่อสไตล์หนุ่มในเมืองเหลียวมองไปรอบๆ ตัว เพื่อมองหา ว่าที่เมีย ที่เพื่อนรักต้องมาดูตัว “แหมๆ ไม่ต้องมาตื่นเต้นแทนฉันเลยว่ะไอ้เสือโหด เดี๋ยวคุณบุษตกใจ เผ่นป่าราบ” หิรัญเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ “อะไรนะ!! แกว่าไงนะไอ้เสี่ย คู่หมายที่พ่อกำนันหาไว้ให้แกชื่ออะไร?” หนุ่มลูกทุ่งขมวดคิ้ว มองหน้ายับๆ ของเพื่อนงงๆ “บุษบัน นาคสม ลูกลุงปั้นกับน้าสายพิณ บ้านอยู่ถัดจากบ้านฉันไปไม่เท่าไหร่หรอก ไม่เคยเจอหน้ากัน เพิ่งจะเห็นกันวันนี้แหละ” นรสิงห์พ่นลมหายใจแรงๆ ผู้หญิงคนนั้นมีอะไรดี ทำไมหล่อนถึงเข้ามาพัวพันอยู่ในวงจรชีวิตของเขาบ่อยครั้งเหลือเกิน... “แกรู้มั้ยว่าป้าหล่อน เป็นคนรับใช้”
บุษบันยิ้มแฉ่ง เมื่อหันมาท้าทายแพรวนรา แต่ดันตรงกับจังหวะที่สาวมดคันไฟเขาเรากำลังหน้ามืดพอดี สาวแกร่งฉบับพกได้ เปิดประตูด้านข้างเคาน์เตอร์ออกมายืนยิ้มแป้น ไหวไหล่ แบมือออกข้างๆ ตัวเหมือนต้องการยั่วเพื่อนสาวให้เต้น บุษบันยกหัวแม่มือให้ เธอแอบยกมือปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะ เมื่อแพรวนราเดินหน้ามึน ตรงไปหาสองหนุ่มที่เป็นหัวข้อสนทนาของเธอ “รับอะไรเพิ่มมั้ยคะ?” หญิงสาวตีมึน เดินเข้าไปแทรกถาม หิรัญเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง “คุณเป็นพนักงานในรีสอร์ตนี้ด้วยเหรอครับ” เพราะการแต่งตัวของแพรวนรา ไม่เหมือนกับพนักงานคนอื่นๆ หิรัญเลยอดไม่ได้ที่จะย้อนถาม หญิงสาวพยักหน้ารับ “ใช่ก็ได้ ไม่ใช่ก็ได้เหมือนกันค่ะ แต่คุณคนนี้หน้าคุ้นๆ” หญิงสาวรับคำกวนๆ เธอหันไปให้ความสนใจกับนรสิงห์ มากกว่าคนที่ไม่ชอบขี้หน้า “ผมจำคุณแพรวได้ครับ เราเจอกันบ่อยเหมือนกัน รู้สึกเหมือนว่าผลิตภัณฑ์ของเดอะเพรสหลายชิ้น บริษัทคุณแพรวจะออกแบบให้” นรสิงห์ยิ้มรับ เขารู้จักกับรินลดาเป็นการส่วนตัว เลยพลอยทำให้รู้จัก แพรวนราไปด้วย และเป็นเรื่องบังเอิญที่งานของเขาเ
บทที่5.ทดลอง “ขอโทษนะคะที่ทำให้รอนาน” บุษบันยิ้มอ่อน เธอถือจานขนมเค้กเดินไปไว้ตรงหน้าหิรัญ เมื่อเห็นว่าเขาว่างพอที่จะคุยธุระสำคัญกับเธอแล้ว “ไม่เป็นไรครับ...ผมเองก็ไม่ได้นั่งพักแบบนี้มานานมากแล้ว...ได้อยู่เฉยบ้างก็ดีเหมือนกัน” หนุ่มบ้านนอกตอบพร้อมกับยิ้มแป้น ทำงานเป็นลูกจ้างบิดา เขาแทบไม่มีเวลาว่าง จนกำนันเหมเกรงว่าลูกชายจะไม่มีเมียเลยจัดหามาให้ และบุษบันก็เป็นที่ถูกใจของกำนันเหม ท่านเลยสนับสนุนจนหิรัญไม่อยากขัดใจ อีกอย่างเมื่อได้คุยกับนรสิงห์ เพื่อนรักกำลังพักผ่อนที่นี่ เขาเลยถือโอกาสมาสังสรรค์กับเพื่อน หลังจากไม่ได้เจอกันนานเกือบ2 ปีเต็ม “บุษเข้าเรื่องเลยนะคะ คุณหิรัญจะได้ไปพักผ่อน” หญิงสาวกล่าวเสียงเคร่ง ใบหน้าจริงจัง “ครับ...” “บุษไม่เห็นด้วยกับความคิดของผู้ใหญ่ แต่บุษก็ไม่มีสตางค์ไปคืนลุงกำนันด้วยค่ะ บุษมีเงินเก็บนิดหน่อยเอง...คงไม่พอชดใช้แทนป้าหมอน แต่จะให้บุษรับข้อเสนอที่ลุงกำนันยื่นให้... มันก็จะเหมือนกับว่าบุษจะเป็นฝ่ายเอาเปรียบคุณเลย เพราะคุณอาจจะมีคู่รักอยู่แล้วก็ได้” “ไม่ครับ ผมยังไม่
สาวตัวเล็กร้องโอดโอย แต่ก็ไม่ได้สลดลงอย่างที่บุษบันคิด “คุณแพรวเธอเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นคนร้ายน่ะครับ” “แหงล่ะ...หน้าอย่างกับโจรใครจะไปไว้ใจล่ะ” แพรวนราตอบฉับ แถมแอบแลบลิ้นปลิ้นตาให้หิรัญด้วย บุษบันโครงศีรษะ เธออมยิ้มกับความเจ้าแง่ของเพื่อนสาว มันแปลกๆ จนอดคิดเล่นๆ ไม่ได้ แพรวนรามีพื้นฐานนิสัยร่าเริงน่ารัก เข้ากับคนแปลกหน้าได้ง่าย แล้วทำไม ถึงตั้งป้อมรังเกียจหิรัญ ตั้งท่าเป็นศัตรู แบบไม่ยอมลดราวาศอกให้ หากจับคนทั้งคู่ มา รัก กัน คนน่ารักพิลึก หนุ่มตัวใหญ่ กับสาวไซส์มินิ คงเป็นคู่รักที่น่ารักกุ๊กกิ้ก อย่าบอกใคร... “ผมหน้าแบบนี้ แต่เวลาผมมุ้งมิ้ง สาวๆ ก็มักจะชอบนะครับ” หนุ่มลานมันตอบกลับ เขาไม่ถือสา แม้แพรวนราจะตั้งท่าชิงชัง กลับเห็นว่าหล่อนน่ารักเสียนี่ “ใครถาม...” สาวตัวเล็กตวัดตามอง ย้อนกลับเสียงห้วน “อยากบอก...” และอีกเช่นกัน หนุ่มลานมันตัวดำ ตอบกลับพร้อมกับยิ้มแป้น “พอเลยแพรว...ไปอยู่ที่เคาน์เตอร์เลย ขอบุษคุยกับคุณหิรัญก่อน ส่วนตัวนะ... เข้าใจมั้ย!!” บุษบันตัดบท เพราะดูแล้วคงยืดเยื้อ
บทที่6.หลุมพราง... 1อาทิตย์สำหรับการฮันนีมูน เป็นความสุขใจของภารตี เธอพานักรบท่องแดนในฝันโซนยุโรปจนปุ จบทริปแสนหวานด้วยท้องทะเลที่มัลดีฟส์ สวนสวรรค์ของคู่รักโดยที่เธอเป็นคนควักกระเป๋าจ่ายทุกรายการ นักรบทำแค่ยิ้มหล่อ ทำตัวเป็นสามีทีดีของเธอก็พอ หลังจากกลับมาจากการพักผ่อนหลังงานวิวาห์ ภารตีทำตามคำพูดที่รับปากนักรบไว้ เธอร้องของมารดาจนวิภาวีใจอ่อน ยัดตำแหน่งหัวหน้าแผนกให้นักรบเข้าไปทำงานในเดอะเพรส โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของนรสิงห์ เมื่อน้องชายของเธออยู่ในช่วงพักร้อนพอดี เขาอยู่ที่ภูเก็ต ใช้เวลาทั้งหมดกับการนอน ชดเชยกับช่วงเวลาที่กร่ำงานมาหลายปีเดอะเพรส... ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เป็นแหล่งช็อบปิ้งที่นรสิงห์ลงแรงทุ่มเทมันสมองจนสามารถทำให้ชื่อเสียงกระฉ่อน มีบรรดาไฮโซ เซเลป และคนทั่วไป ตบเท้าเดินเข้าไปจับจ่าย วันๆ หนึ่งไม่ต่ำว่าแสนคน...มียอดเงินสะพัด มีรายได้เข้าเป็นกอบเป็นกำ จากการเช่าพื้นที่ของบรรดาร้านรวงต่างๆ นักรบเดินยืดเขาเข้ามาเหยียบในเดอะเพรสสมความตั้งใจ แม้จะเป็นแค่ตำแหน่งเล็กๆ แต่ในอนาคตเขาต้องไปไกลกว่านั้น เมื่อเป็นสามีของภารตี บุตรสาวหุ้นส่
หญิงสาวถอนใจ เธอยอมกลืนคำพูด เพราะอยากรู้ใจสามีเช่นกัน “อะไรครับตี?” “เปล่าค่ะ ตีกำลังจะชวนคุณรบไปทานข้าว แม่คงไม่ว่างไปกับเรา...” หญิงสาวเลยแสร้งเปลี่ยนเรื่องพูด “ไปเถอะตี แม่มีเรื่องต้องคุยกับบอร์ทบริหารอีกหลายอย่าง คงไม่ออกไปไหนวันนี้” นางรีบสวมรับ ก่อนจะเดินแยกไปอีกทาง รู้สึกหนักอึ้งในอก เพราะการที่นำบุตรเขยมาทำงานในเดอะเพรส นางยังไม่ได้บอกน้องชาย “ไปค่ะคุณรบ จะได้รีบกลับมาทำงาน” ภารตีสอดมือคล้องแขนสามี เธอเอียงใบหน้าซบไหล่ของนักรบ ซ่อนแววตาเป็นกังวลไว้ โดยที่ชายหนุ่มนึกกระหยิ่ม...เมื่อเขารู้กำหนดการของภารตี วันพรุ่งนี้เขาออกเดินทางไปภูเก็ต โดยที่ภารตีต้องเหินฟ้าไปเกาหลี เพื่ออัปหน้าตัวเอง... วันนั้นทั้งวัน นักรบจึงแสร้งหวานกับภรรยา เพื่อให้หล่อนคลายใจ เขากลัวที่สุด กลัวภารตีเปลี่ยนใจ และตามไปคุมเขาเหมือนเดิม...วันรุ่งขึ้น... ชายหนุ่มโบกมือลาภรรยาคนสวย เขาจูบหน้าผากหล่อน แถมทำท่าอิดออด จนภารตีเกือบเปลี่ยนใจ แต่เมื่อหล่อนหายลับไปหลังเกท นักรบจึงพ่นลมหายใจแรงๆ เขายิ้มกริ่มเมื่อนึกถึงแผนการที่ร
หิรัญตะโกนตามหลังแพรวนรา เขาชอบสีหน้าของหล่อน เมื่อหล่อนไม่เคยปิดบังความคิด ดวงตาของหล่อนเปิดเผยจนหมด และเขาไม่รู้ว่าตนเอง ทำอะไรให้หล่อนไม่พอใจ บุษบันอมยิ้มตามหลังคนทั้งคู่ และหากมองตามสายตาของคนไม่มีอคติ...หิรัญ กับแพรวนรา เหมาะที่จะเป็นคู่รักกันมากกว่า เธอกับหิรัญเสียอีก เมื่อชายหนุ่มอารมณ์ดี เหมาะที่จะช่วยให้คนจริงจังอย่างแพรวนราผ่อนคลายลง... “จะรีบไปไหนคุณ ถ้ารอโบกรถไปสนามบินละก็ คุณตกไฟล์นี้แน่” ชายหนุ่มตามมาทัน เมื่อแพรวนรากำลังหารถยนต์รับจ้างที่เคยวิ่งกันขวักไขว่ แต่วันนี้ถนนโล่งๆ พิกล “...” ไม่มีคำตอบจากสาวฉบับพกพา สิ่งที่หิรัญเห็นคือเรียวปากสีระเรื่อเม้มแน่น “วันนี้รถรับจ้างทั้งหมดเขารวมตัวประท้วงอยู่ที่อำเภอ เรื่องรถร่วมบริการที่กำลังเป็นข่าวดัง...ถ้าคุณยังรอรถอยู่ตรงนี้ล่ะก็... ไฟล์ที่กำลังจะบิน คุณคงไปไม่ทัน” ชายหนุ่มเปรยด้วยความหวังดี ไหนๆ ก็จะไปทางเดียวกัน เขาไม่รังเกียจที่จะให้แพรวนราอาศัยรถยนต์ไปด้วยอยู่แล้ว หญิงสาวจิปาก!! เธอเริ่มลังเล...เมื่อบนท้องถนนว่างเปล่า เงียบจนน่าวิตก ความคิดเร็วพอๆ กับการก