นรสิงห์บ่นขรม เขาก็ไม่ต่างอะไรกับหิรัญเลย คนในครอบครัวเคี่ยวเข็ญให้มีจังห่วง ทั้งที่ตนเองยังสนุกกับการทำงาน ผู้หญิงยังไม่ใช่สิ่งที่นรสิงห์ปรารถนา เมื่อยังสามารถถลกกระโปรงพวกหล่อนได้ โดยไม่ต้องใช้ทะเบียนสมรส
“ฮ่าๆ” สองหนุ่มหัวเราะลั่น เมื่อต้องผจญชะตากรรมเดียวกัน
“ว่าแต่ ไหนล่ะผู้หญิงที่พ่อกำนันเล็งไว้ให้แก นัดหล่อนไว้ที่นี่หรือไง...” หนุ่มหล่อสไตล์หนุ่มในเมืองเหลียวมองไปรอบๆ ตัว เพื่อมองหา ว่าที่เมีย ที่เพื่อนรักต้องมาดูตัว
“แหมๆ ไม่ต้องมาตื่นเต้นแทนฉันเลยว่ะไอ้เสือโหด เดี๋ยวคุณบุษตกใจ เผ่นป่าราบ”
หิรัญเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ
“อะไรนะ!! แกว่าไงนะไอ้เสี่ย คู่หมายที่พ่อกำนันหาไว้ให้แกชื่ออะไร?”
หนุ่มลูกทุ่งขมวดคิ้ว มองหน้ายับๆ ของเพื่อนงงๆ
“บุษบัน นาคสม ลูกลุงปั้นกับน้าสายพิณ บ้านอยู่ถัดจากบ้านฉันไปไม่เท่าไหร่หรอก ไม่เคยเจอหน้ากัน เพิ่งจะเห็นกันวันนี้แหละ”
นรสิงห์พ่นลมหายใจแรงๆ ผู้หญิงคนนั้นมีอะไรดี ทำไมหล่อนถึงเข้ามาพัวพันอยู่ในวงจรชีวิตของเขาบ่อยครั้งเหลือเกิน...
“แกรู้มั้ยว่าป้าหล่อน เป็นคนรับใช้”
หนุ่มสุดเท่ห์เอ่ยถาม
“รู้...ทำไมล่ะ” หิรัญพยักหน้ารับรัวๆ เขาไม่ได้รังเกียจข้อนั้น เมื่อมันเป็นอาชีพสุจริต เขามันแค่ชาวไร่ ชาวสวนไม่จำเป็นต้องมีเมียเป็นเซเลป หรือคนเด่นคนดัง ขอแค่เป็นคนดีก็พอ...
“แล้วๆ”
“พอเลยไอ้เสือ...ฉันกับคุณบุษยังไม่เคยคุยกันเลย แต่เท่าที่ดูรวมๆ เธอก็น่าสนใจไม่น้อย แกคิดดูดิ!! ผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องดิ้นรนเรียนต่อทั้งที่ไม่มีเงินสนับสนุน เท่าที่รู้... หล่อนจบมาด้วยคะแนนเกียรตินิยมนะโว้ย...แกกับฉันยังทำไม่ได้เลย ทั้งที่มีหน้าที่เรียนแค่อย่างเดียว”
สรรพคุณข้อดีของบุษบัน พ่อกำนันพูดกรอกหูทั้งเช้าทั้งค่ำ ไม่รู้ว่าบิดาเขาโปรดปรานอะไรกับบุษบันหนักหนา ทั้งที่ลูกสาวบ้านอื่นก็มีดีไม่แพ้กัน แต่กำนันเหมฟันธง!! ท่านต้องการ บุษบันมาเป็นศรีสะใภ้
นรสิงห์ไหวไหล่ปั้นหน้าเซ็งๆ “ไม่รู้สิ ฉันกับว่าที่เมียของแก มันไม่ถูกโฉลกกัน แกรู้ไหมว่าหลานเขยฉันนามสกุลอะไร?”
หิรัญส่ายหน้าเดี๊ยะ เขารับรู้แค่ว่าภารตีแต่งงานไปกับไฮโซหนุ่มหล่อ ไม่ได้สนใจว่าชื่อแซ่อะไรด้วยซ้ำ แล้วนามสกุลอะไรหรือจะรู้หรือ
“ไชยยะนัน บ้านที่ญาติของหล่อนทำงานอยู่ไง”
นรสิงห์ตอบเสียงขึ้นจมูก
“แล้วไง?เกี่ยวอะไรกับคุณบุษ?” หิรัญถามแบบยังไม่เข้าใจ
หนุ่มกรุงสุดเท่ห์ถอนใจเฮือก “กิ้กของหลานเขยฉัน ก็คือหล่อนไง” นรสิงห์เฉลย
“เห้ย!! ไม่จริงมั้ง บ้านนี้เขาเลี้ยงลูกดี ไม่มีทางที่คุณบุษจะเป็นแบบนั้นหรอก” เท่าที่บิดาพูดกรอกหูทุกๆ วัน หิรัญฝังหัวเสียแล้วว่าบุษบันคือแม่ยอดหญิง เขาไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะเป็นดั่งเช่นที่เพื่อนบอก
“มันคือเรื่องจริง ยัยตีปรี๊ดแตก!! ตอนที่รู้ว่าไอ้หมอนั่นมีหล่อนซุกไว้ในบ้าน”
“เดี๋ยวๆ แกบอกว่ายัยตีเป็นคนบอกงั้นสิ!! งั้นฉันไม่เชื่อ คุณบุษอาศัยบ้านนั้นอยู่เพราะเธอต้องเรียน คิดดูดีๆ สิ อย่าเอาอคติของแกมาวัด แกเข้าข้างยัยตีชัดๆ เลยนะเว้ย แบบนี้คุณบุษเสียเปรียบแย่ โดนฝั่งแกโจมตีฝ่ายเดียว”
หิรัญออกตัวช่วยบุษบัน เมื่อเขารู้นิสัยของภารตีเป็นอย่างดี อะไรที่หล่อนไม่ชอบ หล่อนจะกาหัวและใส่ไคล
ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ตนเองพูดไป เป็นความจริงหรือไม่...ขอแค่สะใจเป็นพอ...
“อันนี้ก็ไม่รู้สิ แต่เท่าที่เห็นฉันก็เห็นว่า...ผู้หญิงส่วนใหญ่เป็นแบบนั้นนี่หว่า... ต่างหวังผลประโยชน์ และคนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างคนที่พ่อกำนันของแกอยากได้ไปเป็นศรีสะใภ้มีหรือจะไม่รีบตะครุบ...”
เป็นคำดูแคลนในแบบที่หิรัญไม่เห็นด้วย นรสิงห์จะเอาสิ่งที่เขาเคยเจอมาโยนใส่คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไม่ได้...บุษบันอาจมีเหตุผลของหล่อน และสิ่งที่นรสิงห์รู้มาอาจจะไม่ใช่ความจริง...
“ฉันบอกตรงๆ เลยนะ ถึงฉันจะไม่รู้จักคุณบุษมาก่อน แต่สำหรับยัยตีกับไอ้หลานเขยแก แกกับฉันรู้จักดีนี่หว่า!! ฉันเชื่อคุณบุษมากกว่าเชื่อคนของแกว่ะ”
เชื่อเสียของนักรบเป็นที่โจษจันสมัยเรียน หน้าฉากของนักรบคือสุภาพบุรุษ แต่เบื้องหลังของเขาก็เป็นแค่ผู้ชายเห็นแก่ตัว...ไอ้หมอนั่นใช้ชีวิตหรูหราในต่างแดน ด้วยการเกาะผู้หญิงกิน เปลี่ยนคู่ควงเป็นว่าเล่น ไม่เคยจริงจังกับใคร ทันทีที่ผู้หญิงหมดคุณค่า หรือผลประโยชน์ไม่ตรงกัน นักรบก็พร้อมที่จะชิ่งและมีคนใหม่เข้ามาทดแทน และมันฉลาด เหมือนนกรู้ นักรบไม่เคยควงผู้หญิงชาติเดียวกัน ข่าวลือแย่ๆ นั่นเลยกลับมาไม่ถึงเมืองไทย เมื่อวัฒนธรรมต่างชาติ ไม่ถือสาเรื่องความสัมพันธ์ทางกาย ว่าที่ดอกเตอร์หนุ่มจึงลอยลำ กลับมาเมืองไทยแบบไร้คำติติง...แต่หากย้อนกลับไปดูช่วงเวลาที่ร่ำเรียนอยู่ต่างแดน คงมีแต่เสียงสาปส่ง...เพราะเขาช่างเป็นคนเห็นแก่ตัวที่สุด
“พอเถอะว่ะ ฉันไม่อยากนินทาเธอ เรายังไม่รู้จักเธอสักนิด หรือว่าเดี๋ยวนี้แกเชื่อข่าวลือมากกว่าพิสูจน์ด้วยตัวเอง”
หิรัญโบกมือตัดบทสนทนา เขาขอพิสูจน์บุษบันเอง เพราะเรื่องความบริสุทธิ์เขาไม่ถืออยู่แล้ว ขอแค่อุปนิสัยเข้ากันได้ก็พอ...
ในขณะที่สองหนุ่มถกปัญหาเรื่องบุษบัน
สองสาวเองก็ถกกันเรื่องของผู้ชายสองคนนั่นด้วย
“บุษ สองคนนี่รู้จักกันได้ยังไงอะ คุณสิงห์ของฉันจบมาจากอังกฤษเชียวนา หากเทียบกับลูกชายพ่อกำนันของเธอที่มาจากบ้านนอก” แพรวนราแอบเบ้ปากให้ผู้ชายที่เธอไม่ชอบขี้หน้าตั้งแต่แว๊บแรกที่มองเห็น
“แพรว...คุณหิรัญเขาไม่ใช่ของฉัน ที่สำคัญ... บ้านเขารวย เท่าที่รู้เขาก็จบนอกเหมือนกันนะ อาจจะจบมาจากที่เดียวกับคุณสิงห์ของแกก็ได้”
บุษบันแก้ตัวแทนหิรัญ คนบ้านนอกแล้วไง? คนบ้านนอกไปเรียนต่างประเทศไม่ได้เหรอ
“ฉันก็ไม่ได้ว่าแบบนั้นซักหน่อย แค่อยากรู้ว่าเขารู้จักกันได้ยังไง?”
แพรวนราแก้ตัวเสียงออดๆ เมื่อเธอรู้ดีว่ามันเป็นปมของบุษบัน มีเพื่อนๆ ต่างกลุ่มพูดเข้าหูตลอดช่วงเวลาที่ร่ำเรียน บุษบันไม่ตอบโต้ เธอตอกหน้าคนเหล่านั้นด้วยการเอาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาครอง ด้วยฝีมือสาวบ้านนอกที่ใครๆ ต่างรุมปรามาส
“อยากรู้แกก็เดินไปถามเขาเองสิ”
บุษบันยิ้มแฉ่ง เมื่อหันมาท้าทายแพรวนรา แต่ดันตรงกับจังหวะที่สาวมดคันไฟเขาเรากำลังหน้ามืดพอดี สาวแกร่งฉบับพกได้ เปิดประตูด้านข้างเคาน์เตอร์ออกมายืนยิ้มแป้น ไหวไหล่ แบมือออกข้างๆ ตัวเหมือนต้องการยั่วเพื่อนสาวให้เต้น บุษบันยกหัวแม่มือให้ เธอแอบยกมือปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะ เมื่อแพรวนราเดินหน้ามึน ตรงไปหาสองหนุ่มที่เป็นหัวข้อสนทนาของเธอ “รับอะไรเพิ่มมั้ยคะ?” หญิงสาวตีมึน เดินเข้าไปแทรกถาม หิรัญเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง “คุณเป็นพนักงานในรีสอร์ตนี้ด้วยเหรอครับ” เพราะการแต่งตัวของแพรวนรา ไม่เหมือนกับพนักงานคนอื่นๆ หิรัญเลยอดไม่ได้ที่จะย้อนถาม หญิงสาวพยักหน้ารับ “ใช่ก็ได้ ไม่ใช่ก็ได้เหมือนกันค่ะ แต่คุณคนนี้หน้าคุ้นๆ” หญิงสาวรับคำกวนๆ เธอหันไปให้ความสนใจกับนรสิงห์ มากกว่าคนที่ไม่ชอบขี้หน้า “ผมจำคุณแพรวได้ครับ เราเจอกันบ่อยเหมือนกัน รู้สึกเหมือนว่าผลิตภัณฑ์ของเดอะเพรสหลายชิ้น บริษัทคุณแพรวจะออกแบบให้” นรสิงห์ยิ้มรับ เขารู้จักกับรินลดาเป็นการส่วนตัว เลยพลอยทำให้รู้จัก แพรวนราไปด้วย และเป็นเรื่องบังเอิญที่งานของเขาเ
บทที่5.ทดลอง “ขอโทษนะคะที่ทำให้รอนาน” บุษบันยิ้มอ่อน เธอถือจานขนมเค้กเดินไปไว้ตรงหน้าหิรัญ เมื่อเห็นว่าเขาว่างพอที่จะคุยธุระสำคัญกับเธอแล้ว “ไม่เป็นไรครับ...ผมเองก็ไม่ได้นั่งพักแบบนี้มานานมากแล้ว...ได้อยู่เฉยบ้างก็ดีเหมือนกัน” หนุ่มบ้านนอกตอบพร้อมกับยิ้มแป้น ทำงานเป็นลูกจ้างบิดา เขาแทบไม่มีเวลาว่าง จนกำนันเหมเกรงว่าลูกชายจะไม่มีเมียเลยจัดหามาให้ และบุษบันก็เป็นที่ถูกใจของกำนันเหม ท่านเลยสนับสนุนจนหิรัญไม่อยากขัดใจ อีกอย่างเมื่อได้คุยกับนรสิงห์ เพื่อนรักกำลังพักผ่อนที่นี่ เขาเลยถือโอกาสมาสังสรรค์กับเพื่อน หลังจากไม่ได้เจอกันนานเกือบ2 ปีเต็ม “บุษเข้าเรื่องเลยนะคะ คุณหิรัญจะได้ไปพักผ่อน” หญิงสาวกล่าวเสียงเคร่ง ใบหน้าจริงจัง “ครับ...” “บุษไม่เห็นด้วยกับความคิดของผู้ใหญ่ แต่บุษก็ไม่มีสตางค์ไปคืนลุงกำนันด้วยค่ะ บุษมีเงินเก็บนิดหน่อยเอง...คงไม่พอชดใช้แทนป้าหมอน แต่จะให้บุษรับข้อเสนอที่ลุงกำนันยื่นให้... มันก็จะเหมือนกับว่าบุษจะเป็นฝ่ายเอาเปรียบคุณเลย เพราะคุณอาจจะมีคู่รักอยู่แล้วก็ได้” “ไม่ครับ ผมยังไม่
สาวตัวเล็กร้องโอดโอย แต่ก็ไม่ได้สลดลงอย่างที่บุษบันคิด “คุณแพรวเธอเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นคนร้ายน่ะครับ” “แหงล่ะ...หน้าอย่างกับโจรใครจะไปไว้ใจล่ะ” แพรวนราตอบฉับ แถมแอบแลบลิ้นปลิ้นตาให้หิรัญด้วย บุษบันโครงศีรษะ เธออมยิ้มกับความเจ้าแง่ของเพื่อนสาว มันแปลกๆ จนอดคิดเล่นๆ ไม่ได้ แพรวนรามีพื้นฐานนิสัยร่าเริงน่ารัก เข้ากับคนแปลกหน้าได้ง่าย แล้วทำไม ถึงตั้งป้อมรังเกียจหิรัญ ตั้งท่าเป็นศัตรู แบบไม่ยอมลดราวาศอกให้ หากจับคนทั้งคู่ มา รัก กัน คนน่ารักพิลึก หนุ่มตัวใหญ่ กับสาวไซส์มินิ คงเป็นคู่รักที่น่ารักกุ๊กกิ้ก อย่าบอกใคร... “ผมหน้าแบบนี้ แต่เวลาผมมุ้งมิ้ง สาวๆ ก็มักจะชอบนะครับ” หนุ่มลานมันตอบกลับ เขาไม่ถือสา แม้แพรวนราจะตั้งท่าชิงชัง กลับเห็นว่าหล่อนน่ารักเสียนี่ “ใครถาม...” สาวตัวเล็กตวัดตามอง ย้อนกลับเสียงห้วน “อยากบอก...” และอีกเช่นกัน หนุ่มลานมันตัวดำ ตอบกลับพร้อมกับยิ้มแป้น “พอเลยแพรว...ไปอยู่ที่เคาน์เตอร์เลย ขอบุษคุยกับคุณหิรัญก่อน ส่วนตัวนะ... เข้าใจมั้ย!!” บุษบันตัดบท เพราะดูแล้วคงยืดเยื้อ
บทที่6.หลุมพราง... 1อาทิตย์สำหรับการฮันนีมูน เป็นความสุขใจของภารตี เธอพานักรบท่องแดนในฝันโซนยุโรปจนปุ จบทริปแสนหวานด้วยท้องทะเลที่มัลดีฟส์ สวนสวรรค์ของคู่รักโดยที่เธอเป็นคนควักกระเป๋าจ่ายทุกรายการ นักรบทำแค่ยิ้มหล่อ ทำตัวเป็นสามีทีดีของเธอก็พอ หลังจากกลับมาจากการพักผ่อนหลังงานวิวาห์ ภารตีทำตามคำพูดที่รับปากนักรบไว้ เธอร้องของมารดาจนวิภาวีใจอ่อน ยัดตำแหน่งหัวหน้าแผนกให้นักรบเข้าไปทำงานในเดอะเพรส โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของนรสิงห์ เมื่อน้องชายของเธออยู่ในช่วงพักร้อนพอดี เขาอยู่ที่ภูเก็ต ใช้เวลาทั้งหมดกับการนอน ชดเชยกับช่วงเวลาที่กร่ำงานมาหลายปีเดอะเพรส... ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เป็นแหล่งช็อบปิ้งที่นรสิงห์ลงแรงทุ่มเทมันสมองจนสามารถทำให้ชื่อเสียงกระฉ่อน มีบรรดาไฮโซ เซเลป และคนทั่วไป ตบเท้าเดินเข้าไปจับจ่าย วันๆ หนึ่งไม่ต่ำว่าแสนคน...มียอดเงินสะพัด มีรายได้เข้าเป็นกอบเป็นกำ จากการเช่าพื้นที่ของบรรดาร้านรวงต่างๆ นักรบเดินยืดเขาเข้ามาเหยียบในเดอะเพรสสมความตั้งใจ แม้จะเป็นแค่ตำแหน่งเล็กๆ แต่ในอนาคตเขาต้องไปไกลกว่านั้น เมื่อเป็นสามีของภารตี บุตรสาวหุ้นส่
หญิงสาวถอนใจ เธอยอมกลืนคำพูด เพราะอยากรู้ใจสามีเช่นกัน “อะไรครับตี?” “เปล่าค่ะ ตีกำลังจะชวนคุณรบไปทานข้าว แม่คงไม่ว่างไปกับเรา...” หญิงสาวเลยแสร้งเปลี่ยนเรื่องพูด “ไปเถอะตี แม่มีเรื่องต้องคุยกับบอร์ทบริหารอีกหลายอย่าง คงไม่ออกไปไหนวันนี้” นางรีบสวมรับ ก่อนจะเดินแยกไปอีกทาง รู้สึกหนักอึ้งในอก เพราะการที่นำบุตรเขยมาทำงานในเดอะเพรส นางยังไม่ได้บอกน้องชาย “ไปค่ะคุณรบ จะได้รีบกลับมาทำงาน” ภารตีสอดมือคล้องแขนสามี เธอเอียงใบหน้าซบไหล่ของนักรบ ซ่อนแววตาเป็นกังวลไว้ โดยที่ชายหนุ่มนึกกระหยิ่ม...เมื่อเขารู้กำหนดการของภารตี วันพรุ่งนี้เขาออกเดินทางไปภูเก็ต โดยที่ภารตีต้องเหินฟ้าไปเกาหลี เพื่ออัปหน้าตัวเอง... วันนั้นทั้งวัน นักรบจึงแสร้งหวานกับภรรยา เพื่อให้หล่อนคลายใจ เขากลัวที่สุด กลัวภารตีเปลี่ยนใจ และตามไปคุมเขาเหมือนเดิม...วันรุ่งขึ้น... ชายหนุ่มโบกมือลาภรรยาคนสวย เขาจูบหน้าผากหล่อน แถมทำท่าอิดออด จนภารตีเกือบเปลี่ยนใจ แต่เมื่อหล่อนหายลับไปหลังเกท นักรบจึงพ่นลมหายใจแรงๆ เขายิ้มกริ่มเมื่อนึกถึงแผนการที่ร
หิรัญตะโกนตามหลังแพรวนรา เขาชอบสีหน้าของหล่อน เมื่อหล่อนไม่เคยปิดบังความคิด ดวงตาของหล่อนเปิดเผยจนหมด และเขาไม่รู้ว่าตนเอง ทำอะไรให้หล่อนไม่พอใจ บุษบันอมยิ้มตามหลังคนทั้งคู่ และหากมองตามสายตาของคนไม่มีอคติ...หิรัญ กับแพรวนรา เหมาะที่จะเป็นคู่รักกันมากกว่า เธอกับหิรัญเสียอีก เมื่อชายหนุ่มอารมณ์ดี เหมาะที่จะช่วยให้คนจริงจังอย่างแพรวนราผ่อนคลายลง... “จะรีบไปไหนคุณ ถ้ารอโบกรถไปสนามบินละก็ คุณตกไฟล์นี้แน่” ชายหนุ่มตามมาทัน เมื่อแพรวนรากำลังหารถยนต์รับจ้างที่เคยวิ่งกันขวักไขว่ แต่วันนี้ถนนโล่งๆ พิกล “...” ไม่มีคำตอบจากสาวฉบับพกพา สิ่งที่หิรัญเห็นคือเรียวปากสีระเรื่อเม้มแน่น “วันนี้รถรับจ้างทั้งหมดเขารวมตัวประท้วงอยู่ที่อำเภอ เรื่องรถร่วมบริการที่กำลังเป็นข่าวดัง...ถ้าคุณยังรอรถอยู่ตรงนี้ล่ะก็... ไฟล์ที่กำลังจะบิน คุณคงไปไม่ทัน” ชายหนุ่มเปรยด้วยความหวังดี ไหนๆ ก็จะไปทางเดียวกัน เขาไม่รังเกียจที่จะให้แพรวนราอาศัยรถยนต์ไปด้วยอยู่แล้ว หญิงสาวจิปาก!! เธอเริ่มลังเล...เมื่อบนท้องถนนว่างเปล่า เงียบจนน่าวิตก ความคิดเร็วพอๆ กับการก
บทที่7.แผนลวง... 19:00 นาฬิกา... บุษบันรีบกระหืดกระหอบมายังจุดนัดพบ...เพราะกลัวจะไม่ทันเวลานัดของนักรบ เธอกวาดตามองหาชายหนุ่มผู้นั้น จึงเห็นว่าเขานั่งรออยู่ที่เก้าอี้ ในโถงใหญ่ของลอบบี้โรงแรม ที่มีไว้บริการลูกค้า ชายหนุ่มยกมือขึ้นชู เขายิ้มร่า เมื่อเห็นหญิงสาวมาตามนัด “ขอโทษค่ะที่ทำให้รอ...งานบุษยุ่งคุณรบคงไม่ถือสา” หญิงสาวออกตัว เธอทรุดนั่งเมื่อชายหนุ่มผายมือเชื้อเชิญ “คุณตีไม่ได้มาด้วยเหรอคะ?” หลังเหลียวมองจนแน่ใจ...บุษบันไม่เห็นภารตีอยู่ในบริเวณนี้ “ไปเกาหลีน่ะ มีอะไรเหรอ?” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับกดยิ้มมุมปาก บุษบันขยับตัวด้วยความอึดอัด เธอเริ่มระแวง และรีบหาทางเลี่ยง “คุณรบมีเรื่องอะไรจะคุยกับบุษคะ ช่วงนี้ที่รีสอร์ตยุ่งๆ บุษไม่อยากทิ้งงานมานาน” เธออ้างเรื่องงาน...และกวาดตามองหาทางเลี่ยง เมื่อรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล “เรื่องตี ผมขอโทษแทนตีด้วย ผมพยายามอธิบายให้ตีฟังแล้ว...แต่ตีไม่เชื่อ...” นักรบปั้นหน้าเศร้า “ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องไม่จริง เวลาจะพิสูจน์คำพูดข
ชายหนุ่มหัวเราะลงลูกคอ เขากดปลายจมูกที่แก้มใส แต่หญิงสาวเอียงหนี ปลายจมูกนั่นจึงกดลงบนเส้นผมบนศีรษะของหล่อนแทน“นับจากนาทีนี้เป็นต้นไป...บุษจะกลายเป็นเมียผม...แบบที่บุษเคยอยากเป็นมาตลอดไงครับ”บุษบันอยากตะโกนกรอกหูนักรบนัก!! เธอไม่เคยปรารถนาที่จะเป็นเมียเขา เมื่อรู้ตัวเองดี คงไม่มีคนในครอบครัวของเขายอมรับตนเอง เมื่อบิดา มารดาของนักรบ แสดงออกแบบเปิดเผย ท่านไม่ปรารถนาลูกสะใภ้ที่จนกร็อบ!! เธอแค่รักเขา...เทิดทูนเขา บุษบันแน่ใจในนาทีนี้เอง ที่เธอรู้สึกกับนักรบก็แค่เพียงความหลงใหล เมื่อชายหนุ่มสมบูรณ์แบบ เป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิงส่วนใหญ่“อย่านะคะคุณรบ อย่าทำอะไรบุษเลย”หญิงสาววอนขอเสียงสั่นติ้ง!!เสียงลิฟต์ดังเตือน เมื่อเคลื่อนที่มาถึงจุดหมายปลายทาง“อย่าช้าสิบุษ รับประกันเลย บุษจะลืมวันนี้ไม่ลง”ชายหนุ่มลาก...บุษบันออกมายืนใกล้ประตูลิฟต์ ประตูเลื่อนเปิด แต่...คนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ตรึงปลายเท้าของนักรบไว้นรสิงห์ กษิดิศชญาธร หรืออีกนัยหนึ่งคือน้าเขยของเขาเองชายหนุ่มจิปากเบาๆ เขาแสร้งทำเป็นไม่สนใจ รีบประคองบุษบันออกมาจากตัวลิฟต์ สวนกับนรสิงห์ที่ยืนนิ่ง ชายหนุ่มไม่คิดจะขยับหลบเป็นนักรบเองที