ชายหนุ่มหัวเราะลงลูกคอ เขากดปลายจมูกที่แก้มใส แต่หญิงสาวเอียงหนี ปลายจมูกนั่นจึงกดลงบนเส้นผมบนศีรษะของหล่อนแทน
“นับจากนาทีนี้เป็นต้นไป...บุษจะกลายเป็นเมียผม...แบบที่บุษเคยอยากเป็นมาตลอดไงครับ”
บุษบันอยากตะโกนกรอกหูนักรบนัก!! เธอไม่เคยปรารถนาที่จะเป็นเมียเขา เมื่อรู้ตัวเองดี คงไม่มีคนในครอบครัวของเขายอมรับตนเอง เมื่อบิดา มารดาของนักรบ แสดงออกแบบเปิดเผย ท่านไม่ปรารถนาลูกสะใภ้ที่จนกร็อบ!! เธอแค่รักเขา...เทิดทูนเขา บุษบันแน่ใจในนาทีนี้เอง ที่เธอรู้สึกกับนักรบก็แค่เพียงความหลงใหล เมื่อชายหนุ่มสมบูรณ์แบบ เป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิงส่วนใหญ่
“อย่านะคะคุณรบ อย่าทำอะไรบุษเลย”
หญิงสาววอนขอเสียงสั่น
ติ้ง!!
เสียงลิฟต์ดังเตือน เมื่อเคลื่อนที่มาถึงจุดหมายปลายทาง
“อย่าช้าสิบุษ รับประกันเลย บุษจะลืมวันนี้ไม่ลง”
ชายหนุ่มลาก...บุษบันออกมายืนใกล้ประตูลิฟต์ ประตูเลื่อนเปิด แต่...คนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ตรึงปลายเท้าของนักรบไว้
นรสิงห์ กษิดิศชญาธร หรืออีกนัยหนึ่งคือน้าเขยของเขาเอง
ชายหนุ่มจิปากเบาๆ เขาแสร้งทำเป็นไม่สนใจ รีบประคองบุษบันออกมาจากตัวลิฟต์ สวนกับนรสิงห์ที่ยืนนิ่ง ชายหนุ่มไม่คิดจะขยับหลบ
เป็นนักรบเองที่เบี่ยงตัวหนี เขาประคองบุษบันเดินผ่านนรสิงห์ แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
หญิงสาวรวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลือเธอยื่นมือออกไปแตะชายเสื้อของผู้ชายตัวใหญ่หน้าดุ ที่ยืนขวางทางอยู่
“ชะ ช่วยบุษ ด้วย...”
เสียงแผ่วหวิว กระท่อนกระแท่นจนแทบไม่ได้ยิน แถมซ้ำยังจับใจความไม่ได้
ดังนั้นนักรบจึงลากบุษบันผ่านหน้านรสิงห์ไปโดยที่ชายหนุ่มไมคิดจะขัดขวาง แต่เขาก็ไม่ได้เดินเข้าไปในลิฟต์ ชายหนุ่มยังมองตามหลานเขยไป ปลายเท้าของนรสิงห์ขยับตามความคิด เมื่อเขาคิดว่าผู้หญิงในอ้อมแขนของไอ้หมอนั่นไม่ใคร่จะสู้ดี แถมเขามองเห็นหล่อนไม่ถนัดเสียด้วย
“เดี๋ยว!! ผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไร?”
เสียงตะโกนถามไล่หลัง นักรบไม่ได้คิดจะหันกลับไปตอบ เขาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
รีบสอดคีการ์ดที่ประตูห้อง เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง หลังประตูห้องปิด ที่นี่จะเป็นดินแดนสวรรค์สำหรับเขา...
นรสิงห์สาวเท้าให้เร็วขึ้น เขามาทันก่อนที่ประตูจะปิดงับลง ชายหนุ่มสอดปลายเท้าขวางประตูไว้ทัน ก่อนที่ระบบล็อคอัตโนมัติจะทำงาน
เขาสอดตามองเข้าไปด้านใน และเห็นว่านักรบอุ้มผู้หญิงคนนั้น ไปวางไว้ที่เตียง หล่อนมีอาการแปลกๆ จนชายหนุ่มตัดสินใจแทรกเข้าไปขวาง ที่สำคัญ... ช่วงที่นักรบหย่อนหล่อนไว้บนเตียง เขาเห็นใบหน้าของหล่อนชัดเจนขึ้น
บุษบัน!!
“เห้ย แกจะทำอะไรหล่อน!!”
ชายหนุ่มตะโกนถาม เขาเห็นว่ามันหันมามองเขา นัยน์ตาเหลือกโปน
โว๊ะ!! นักรบตะโกนในใจ เขามองนรสิงห์ตาเขม็ง ไอ้เวรนี่ไม่รู้จะตามจองล้างเขาไปถึงไหน นรสิงห์ กับหิรัญ เป็นสองตัวแสบ ที่คอยจะสออดมือเขามายุ่งกับเขา ในช่วงเวลาสำคัญอยู่เรื่อย ตั้งแต่ที่อังกฤษ จนมาถึงที่ประเทศไทย
“ไม่เป็นการเสียมารยาทเหรอครับคุณน้า...”
นักรบแสร้งไหวไหล่ เขาย้อนถามนรสิงห์เสียงเย็น
“ฉันถามว่าแกจะทำอะไรกับบุษบัน?”
“ไม่น่าถาม ผัว-เมีย เขาพากันมาในห้อง คงไม่ได้มานั่งตบยุงหรอกใช่ไหมครับ”
“แกเป็นผัวยัยตีอย่าลืมสิรบ...” นรสิงห์ย้ำ
“บุษก็เมียผมเหมือนกัน เราแค่แวะมาหาความสุข ตามประสาคนคุ้นเคย”
นักรบอ้างหน้าด้านๆ เขาผายมือไล่คนที่มีศักดิ์เป็นน้าเขย “นั่นประตูครับ ผมไม่อยากเสียมารยาทด้วยการเรียกใครออกมาหิ้วคุณน้าออกไป”
“ก็เรียกมาสิรบ...ฉันก็อยากรู้ว่าแกจะแน่อย่างที่ปากพูดไหม?”
นรสิงห์ร้องท้า เขารู้จักมันดี นักรบห่วงหน้าตาตนเองยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด มันไม่มีทางทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ภาพพจน์ของตนเองเสียหาย
“แกนี่มันน่ารำคาญชิปหายเลยว่ะไอ้สิงห์...เสือกได้ทุกเรื่อง!!”
เมื่อถึงจุดที่กลั้นอารมณ์ไว้ไม่ไหว นักรบก็เผยธาตุแท้ออกมาจนได้ เขาคำรามและก่นด่านรสิงห์ แบบที่ไม่เคารพนบไหว้ เหมือนเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นในสังคม
“หึ!! นึกว่าแกทิ้งสันดานหมาไว้ที่ลอนดอนเสียอีก พกกลับมาด้วยหรือวะ”
ชายหนุ่มกล่าวเยาะ...เขายิ้มสมเพช
“ไม่ต้องมาด่ากู ไอ้สิงห์ มึงคิดว่ากูจะกลัวมึงเหรอ?” นักรบเดือดจัด เขาตะโกนท้านรสิงห์แบบไร้ความยำเกรง
“กูก็ไม่ได้หวังให้มึงกลัวไอ้รบ...” ชายหนุ่มตอบกลับ เขายิ้มเย้ย หรี่ตามองบุษบันบนเตียง ลักษณะหล่อนเหมือนโดนวางยา
อาการโดยรวมที่เขาเห็น หล่อนลอยๆ แปลกๆ ท่าทางเหมือนอยาก เสียเต็มประดา ทั้งที่มีคนอยู่เต็มห้อง
หนุ่มหน้ามืด หน้ามืดสมใจ แต่เพราะความโกรธจึงกระโจนใส่นรสิงห์ แบบไม่ให้เขาตั้งตัว...
แต่...
คนที่ตั้งท่ารออยู่ มีหรือจะจวนตัว
ตึบ!
กำปั้นไม่มีรูถูกซัดใส่ใบหน้าหล่อจนนักรบเซถลาล้มลงบนพื้น ก้นกระแทกพื้นจังๆ เขายันกายลุกขึ้นยืน ร้องท้าเหย็งๆ
“มึงเกี่ยวอะไรด้วยวะไอ้สิงห์ ผัว-เมีย เขาจะเอากันมึงเสือกอะไรด้วย!!”
นักรบก่นด่า เขาอ้างหน้าด้านๆ เมื่อเวลานี้บุษบันไร้สติ เธอไม่สามารถแก้ต่างให้ตัวเองได้
นรสิงห์ยิ้มเย็น เขามองเลยบ่ากว้างของหลานเขยไป บุษบันนอนอยู่ตรงนั้น หล่อนมีอาการแปลกๆ ไม่เหมือนคนปกติ
“กูไม่ได้อยากเสือกหรอกนะไอ้รบ” เมื่อสิ้นความยำเกรง ใยเขาต้องเกรงใจมัน ชายหนุ่มจึงตอบโต้ด้วยความหยาบไม่ต่างอะไรกับที่นักรบเริ่มไว้ก่อน “แต่มึงเป็นผัวยัยตี การที่มึงทำแบบนี้เท่ากับสวมเขาให้หลานของกู”
“หลานมึงนอนกอดทะเบียนสมรสกูอยู่นั่นไง!! ส่วนบุษ หล่อนยังสาว ยังสวย ลีลาหล่อนกูลืมไม่ลงว่ะ แค่เล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไร ทำยังกับมึงไม่เคย”
ใครจะรู้ว่าเนื้อแท้ของผู้ชายที่บอกคนรอบข้างว่าเป็นผู้ดี จะจิตใจต่ำเตี้ยเรี่ยดินเช่นนี้ นักรบเหมือนผู้ชายเห็นแก่ตัว มักมากในกามอารมณ์ แถมยังใส่ไคลบุษบันแบบหน้าด้านๆ ด้วย ทั้งที่เขาไม่เคยแตะต้องเธอ แม้แต่ปลายเล็บ
“กูโสด และคนโสดจะทำอะไรก็ได้ แต่มึงไม่...ไอ้เวร”
นรสิงห์ตอกกลับ เขายกการ์ดขึ้นป้องกันตัว หากนักรบพุ่งเข้าใส่ครั้งนี้ เขาจะจบความปากดีของมัน ด้วยหมัดเดียว
เป็นดั่งที่เขาคิด...ไอ้หนุ่มหัวใสที่คิดว่าตัวเองฉลาด หลอกล่ออีกฝ่ายด้วยคำลวง มันรอช่วงเวลาที่ฝ่ายตรงข้ามเผลอ แล้วจึงพุ่งเข้าใส่แบบรุนแรง...
แต่...นรสิงห์ระวังตัวดี เขาวาดปลายเท้าเตะสกัดไว้ชั้นแรก ตามด้วยหมัดฮุค เสยเข้าที่ปลายคางจังๆ จนหนุ่มสมองใสตัวลอยคว้าง...ถลาร่วงเหมือนนกปีกหัก...
“โอ้ย!!”
ว่าที่ดอกเตอร์ยกมือขึ้นปิดปาก เขาร้องโวยวายเมื่อลิ่มเลือดสาดกระจายเต็มสองมือ
“ไอ้ๆ...” นักรบฮึดฮัด เขาชะเง้อมองที่เตียงด้วยความเสียดายสุดแสน ครั้งนี้เป็นโอกาสครั้งสุดท้าย ที่จะได้ใกล้ชิดบุษบันเมื่อเขาลงมือแบบคนหน้าด้าน ครั้งต่อไปความวางใจที่เคยมีบุษบันคงไม่เหลือไว้ให้ แต่กลับมีมารผจญเสียแบบนั้น...เขาตัดใจ คลานถอยหลัง และเผ่นออกจากห้องนั้น ก่อนที่จะถูกน้าเขยยำด้วยบาทา...
ชายหนุ่มเดินไปหยุดมองบุษบันที่ปลายเตียง
หล่อนนอนดิ้นเหมือนร่างกายคันยุบยับ ใบหน้าหวานแดงก่ำ ผมยาวสยายเต็มที่นอน...
บทนำ'ฉันคงไม่อาจทำให้เธอเปลี่ยนใจ ฉันคงไม่อาจทำให้เธอกลับมารักฉันฉันจึงขอแค่เพียงยังรักเธอ จะได้ไหม นะเธอจะได้ไหม (รักเธอตลอดไป)ฉันคงไม่อาจทำให้เธอกลับมารักฉัน…ฉันจึงขอแค่เพียงยังรักเธอ จะได้ไหม นะเธอจะได้ไหม (รักเธอตลอดไป)ฉันคงไม่อาจทำให้เธอเปลี่ยนใจ ฉันคงไม่อาจทำให้เธอกลับมารักฉันฉันจึงขอแค่เพียงยังรักเธอ จะได้ไหม นะเธอจะได้ไหม (รักเธอตลอดไป)’Cr.เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ‘ไม่อาจเปลี่ยนใจ’อินโทรเพลงเศร้า...ติดชาร์ทสมัยที่บุษบันอายุแค่10ขวบกว่าๆ ยังไว้ผมเปียใส่ชุดนักเรียนชั้นมัธยมต้น เป็นเพลงที่แสนไพเราะเกี่ยวกับ ความรัก ที่ไม่สมหวัง ไม่อาจรั้งใจคนที่จะไปไว้กับตัวเองได้...ตัวนักร้องถ่ายทอดอารมณ์สุดเศร้าได้อย่างเห็นภาพชัดเจน ถึงจะเป็นเพลงเก่ายุค90 แต่เมื่อได้ฟังเพลงนี้ทีไร หยดน้ำตาของเธอก็รินไหลออกมาทุกที เป็นความทรงจำแสนเลวร้ายที่หญิงสาวพยายามลบออกไปจากความทรงจำ แต่ไม่เคยทำได้สำเร็จ ยิ่งวันนี้... วันที่โลกถล่มลงตรงหน้าเพราะผู้ชายคนเดียวที่เธอปักใจรัก!! กำลังหน้าชื่นมีความสุขกับผู้หญิงที่เขาเลือกอยู่ต่อหน้าต่อตา สายตาของเขามองผู้หญิงข้างตัวด้วยความรักและเทิดทูน สายตาคู่นั้
บทที่1.วิวาห์พาฝันรีสอร์ตรินลดา...ภูเก็ต ซุ้มดอกไม้สีอ่อนถูกจัดเตรียมไว้ที่ชายหาด ด้านหน้ารีสอร์ตรินลดา เป็นความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ บุษบันจึงถูกเกณฑ์มาเป็นลูกมือ ช่วยช่างฝีมืออีกแรงหนึ่ง เธอเอียงคอมองซุ้มดอกไม้ที่จัดสำเร็จ ด้วยดวงตาพริบพราว นี่เป็นความฝันอย่างหนึ่งของผู้หญิงอย่างเธอเช่นกัน ได้เดินรอดใต้ซุ้มดอกไม้แสนสวยกับคนรู้ใจ มีเพื่อนฝูงมาร่วมแสดงความยินดีในงานวิวาห์ “เจ้าสาวโชคดีมากเลยนะคะ ดูสิ!! สิ่งเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้เจ้าบ่าวยังใส่ใจแล้วก็เนรมิตให้” บุษบันชวนคุย หลังจากซุ้มเสร็จลงทันเวลา คนจัดซุ้ม หันมามองพร้อมกับยิ้ม “เปล่าค่ะ นี่เจ้าสาวขอมาเอง...” หล่อนตอบ บุษบันจึงยิ้มเก้อ “เจ้าบ่าวน่ะ...แค่แต่งหล่อก็พอมั้งคะ ดูเหมือนว่าคนที่ต้องการแต่งจะเป็นฝ่ายหญิงมากกว่า” เหมือนติดพันคนงานจัดซุ้มจึงยังเปรยต่อ บุษบันจึงได้แต่รับฟัง เวลานี้เธอยังไม่แข็งแรงพอ...เมื่อหัวใจของเธอกำลังกลัดหนอง ดังนั้นงานวิวาห์นี่จึงทำให้หญิงสาวยอกแสยงใจไม่น้อย “ค่ะ” เธอรับคำแกนๆ ก้มลงเก็บเศษใบไม้บนพื้น พยายามไม่คิดถึงอดีตที่ทำให้เธอต้องระเห็จมาอ
หญิงสาวไม่เคยเกี่ยงงาน เธอมาทำงานในรีสอร์ตในฐานะเลขานุการกึ่งผู้ช่วยของรินลดา แต่งานอื่นๆ เธอก็ทำได้ ไม่เคยปฏิเสธแถมอาสาด้วยความเต็มใจ 2เดือนในรีสอร์ตแห่งนี้ ทำให้เธอผ่อนคลายและดีขึ้น จากความเมตตาของคนรอบข้าง“ได้ค่ะ ที่ร้านอาหารใช่ไหมคะ บุษจะได้รีบไปเลย” ถังขยะถูกวางลงข้างตัว เธอเช็ดมือกับชายเสื้อ เงยหน้าขึ้นยิ้มเผล่“เปล่าจ้ะ ที่งานข้างล่าง...แค่ช่วงสั้นๆ ก่อนที่ตัวจริงจะมาถึง...เริ่มมีแขกทยอยมาแล้ว แต่คนที่จะบริการมีไม่พอ คุณรินเลยอยากให้บุษลงไปช่วยแก้ขัดไว้ก่อน”ใจหายวูบ!! คือสิ่งแรกที่บุษบันรู้สึก หญิงสาวยิ้มกร่อย ไม่กล้าปฏิเสธ แต่มันเป็นการฝืนตัวเองสุดๆ เมื่อความตั้งใจของบุษบัน คือเธอจะไม่เฉียดไปใกล้ชายหาด เพื่อป้องกันใจตัวเอง เธอไม่ได้เจ็บช้ำเพราะอดีตคนรัก กำลังประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าผู้หญิงที่เขาเลือกไม่ใช่เธอ แต่เธอสมเพชตัวเอง สมเพชความโง่ที่หลงบูชานักรบมาช้านาน โดยไม่รู้ว่าเนื้อแท้ของชายผู้นั้น น่าขยะแขยงเสียจนสุดที่จะรับรู้“ค่ะ...” เมื่อเลี่ยงไม่ได้ เธอก็จำต้องทำ แต่จะพยายามที่สุดไม่ให้เจ้าของงานรู้ว่าเป็นตนเอง“แค่ชั่วโมงเดียวจ้ะ ก่อนที่ทีมงานจะเข้ามาเปลี่ยน ฝากด้วยนะบุษ แข
บทที่2.ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ... ชุดเดรสสีโอรสถูกวางไว้บนที่นอน บุษบันถอนใจเฮือกใหญ่ๆ เธอไม่อยากทำหน้าที่นี้เลย เพราะมันเสี่ยงมากที่จะต้องเผชิญหน้ากับนักรบและภารตีตรงๆ สำหรับตัวนักรบเอง ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาจบลงตั้งแต่วันนั้น ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความต้องการของเขาได้ และก็ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความคิดของเธอได้เช่นกัน ความอ่อนหวานของความรู้สึกแสนพิเศษนั่น บุษบันจะเก็บไว้ในใจ เก็บไว้เป็นความทรงจำไว้เตือนตนในอนาคต ครั้งหนึ่งเธอเคยสัมผัสกับความละมุนละไมของ ‘ความรัก’ มาก่อน แม้ผู้ชายคนนั้นจะไม่ได้รักเธอ เท่าที่เธอรักเขา หญิงสาวรีบแต่งตัว หลังเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาที่แขวนอยู่บนพนังห้อง...เวลาเหลือน้อยนิดเสียจนเธอมัวโอ้เอ้ไม่ได้ เป็นความลำบากใจที่สุดของบุษบัน!! หากเธอไปปรากฏกายขึ้นในบริเวณงานเลี้ยง ผู้ชายคนนั้น... คงจับตามองเธอด้วยอคติในใจอีกเป็นแน่… แล้วก็เป็นจริงดังคาด... เมื่อบุษบันเดินเข้าไปในบริเวณงานเลี้ยง... มันเหมือนกับเวลาหยุดลงชั่วขณะ เพราะเสียงร้องกรี๊ดๆ ของ เจ้าสาว “อีๆ อีหน้าด้าน...ใครเชิญแกมาไม่ทราบ!!” ภารตีหอบกระโป
นรสิงห์กระตุกยิ้มหยัน ให้เลือกระหว่างคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก กับภารตีที่เป็นหลาน เขาย่อมเข้าข้างคนของเขาอยู่แล้ว แม้จะรู้ว่าบางครั้งภารตีก็อาจจะทำเกินไปสักหน่อย “ค่ะ บายค่ะ” หญิงสาวเดินเลี่ยงไป เธอเดินดูความเรียบร้อย และพยายามกันตัวเองออกห่างเจ้าบ่าว-เจ้าสาว ที่มักจะชำเลืองมองมาที่เธอบ่อยๆ ด้วยความรู้สึกต่างกัน นรสิงห์ผ่อนลมหายใจแผ่วๆ สลับกับสูดลมหายใจเข้าแรงๆ หนุ่มวัย30ปีเต็ม ที่แบกภาระไว้เต็มบ่า สารพันปัญหาที่เขาต้องจัดการ ในฐานะผู้นำ บางครั้งชายหนุ่มก็รู้สึกเบื่อ ปัญหาหลากหลายโถมทับ ส่วนมากจะเป็นเรื่องวุ่นวายของภารตี หลานสาวที่ขยันก่อเรื่อง จนเขาเริ่มระอา...นั่นอาจจะเป็นเพราะว่า ภารตีถูกสปอยจนเคยตัว พี่สาว พี่เขยของเขาตามใจเสียจนบุตรสาวเก่งแต่สร้างเรื่อง แต่ไม่เคยจัดการปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยตัวเอง รวมทั้งปัญหาใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นนี่ไง ‘ไชยยะนัน’ มีแต่เปลือกตามข่าวลือ แต่ภารตีก็ฝืนดื้อ หล่อนไม่สนใจเสียงทัดทานของทุกคนในครอบครัว จนวันนี้ก็เกิดขึ้น งานวิวาห์ที่ฝืนความรู้สึกของเหล่าพี่น้อง คนที่มีความสุขยิ้มหน้าระรื่น มีแค่ภารตีค
บทที่3. Never give up!“บุษ!! ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย”เสียงทุ้มๆ ที่ดังมาจากมุมมืด ระหว่างรอยต่อบ้านพักรับรองแขก กับส่วนพื้นที่ในส่วนพนักงานบุษบันเขม้นตามอง ...เงาร่างของใครบางคนที่ซุ่มอยู่ตรงนั้นนักรบค่อยๆ เดินออกมาจากเงามืด เขายิ้มหวานให้กับผู้หญิงในอดีต ผู้หญิงคนเดียวที่เขาไม่เคยได้ลิ้มรสหล่อน แม้หล่อนจะเป็นแค่ลูกหลานคนงานในบ้าน แต่สำหรับบุษบัน หล่อนหยิ่งพอตัว“อ๋อ!! คุณรบนั่นเอง...อย่าดีกว่าค่ะ หากคุณรบไม่อยากให้ครอบครัวใหม่ของคุณรบมีปัญหา อยู่ห่างๆ บุษดีกว่าค่ะ”หญิงสาวเอ่ยเตือนพร้อมกับตั้งท่าจะเดินกลับห้อง แต่ก็ถูกรั้งไว้อีก“บุษไม่คิดจะ...ทบทวนความทรงจำเก่าๆ กับผมสักหน่อยเหรอครับ” นักรบถามพร้อมกับยิ้มละไม“คะ...อะไรนะคะ ทบทวนความทรงจำอย่างนั้นเหรอ?”สีหน้าบุษบันแหยเก เธอไม่เข้าใจความต้องการของฝ่ายตรงข้ามเลย เขาจะมารื้อฟื้นความหลังอะไรกับคนอย่างเธอ“ครับ ทบทวนความจำเก่าๆ” นักรบอมยิ้มกรุ้มกริ่ม เพราะแอลกอฮอลล์ในเส้นเลือดที่มีมากผิดปกติ บวกกับความไม่พอใจที่ภารตีขัดใจ เขาเลยคิดทำบางอย่างเพื่อแก้หน้าตัวเอง และเป็นการเตือนผู้หญิงเอาแต่ใจตัวเองอย่างภารตีด้วย“บุษลืมไปหมดแล้วล่ะค่ะ เร
บุหรี่ม้วนสั้นๆ ถูกดีดลงบนพื้น ปลายมวนที่ยังมีเชื้อไฟสีแดงๆ ถูกส้นรองเท้าหนังมันวับยกขึ้นเหยียบขยี้ ผู้ชายตัวใหญ่นัยน์ตาดุ เดินออกมาจากเงามืดอีกทาง เขาจับตาดูคนทั้งคู่มาระยะหนึ่ง กำลังประเมินว่าตนเองควรทำอย่างไร? ออกไปขัดจังหวะ หรือยืนดูเพื่อจับผิดเฉยๆ แต่บุษบันทำให้เขาตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ผู้หญิงคนนั้น ทำในสิ่งที่เขาคิดไม่ถึง!!“โอ๊ะ!!”นักรบผงะ หน้าเขาซีดเผือดเมื่อนรสิงห์เดินตรงมาหา“อย่าคิดว่าคนอื่นตาบอดเหมือนยัยตี ผมกำลังจับตามองคุณอยู่นะคุณนักรบ และหากคุณทำให้ยัยตีเสียใจ... คงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ”เสียงน้าเขยเย็นเยียบจนนักรบขนลุกซู่ “ยัยนั่นอ่อยผม หล่อนอยากได้ผมเป็นผัว!!” คำแก้ตัวแบบหน้าด้านๆ ดังออกมาจากปากผู้ชายเห็นแก่ตัว“นั่นมันเรื่องของคุณกับเธอ แต่หากเกี่ยวพันกันจนทำให้หลานผมเสียใจ...คงไม่ต้องบอกหรอกใช่ไหม? ว่าผมจะจัดการอย่างไรกับคนแบบพวกคุณอย่างไรถึงจะดี”ชายหนุ่มเปรย เขาเดินเฉียดผ่านนักรบไปแบบประชิด จนปลายรองเท้าหนังมันวาวแทบจะเหยียบลงบนหลังมือของหลายเขย“โว้ย!!”หลังน้าเขยสุดโหดหายลับไปในเงามืด นักรบโวยเสียงลั่น เขายกมือทุบลงบนผิวดิน ร้องด่าทั้งภารตีและบุษบันในใจผ
บทที่4.ผิดแผน... มันน่าจะเป็นความสงบสุข...หลังวันมหาวิปโยคผ่านพ้นไป วันนี้บุษบันเข้มแข็งขึ้น เงาของนักรบไม่ได้ทำให้น้ำตาเธอตกเหมือนเก่า เพราะเธอเริ่มทำใจได้...เมื่อรู้ชัดอย่างแท้จริง ผู้ชายคนนั้นต้องการแค่ร่างกายของเธอ เพื่อสนองความต้องการของเขา ตื้ดๆ เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวของเธอ...ดังเตือน...บุษบันล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงหยิบออกมากดรับ “นึกยังไงคะโทร. หาบุษวันนี้?” ปลายสายคือคนที่บุษบันรักไม่ต่างจากมารดา สายสมรคือพี่สาวมารดา คุณป้าที่ส่งเสริม สนับสนุนให้เธอมีวันนี้ได้ เงินเดือนของสายสมรคือค่าเล่าเรียนของเธอ “บุษ...ป้า...เอ่อ...” สาวใหญ่พูดติดๆ ขัดๆ เธอมีเรื่องร้อนใจ และอยากให้หลานสาวช่วย “ป้ามีอะไรไม่สบายใจ...บอกบุษได้เลยค่ะ” “บุษ ก็อย่างที่ป้าเคยเล่าให้ฟัง...ป้าเอาที่ไปจำนองไว้ และป้าขาดส่งมานานหลายปีแล้วด้วย เจ้าหนี้เขาก็จ้องจะยึด แต่ป้าไม่อยากเสียที่ผืนนั้นไป... มันเป็นมรดกที่ป้าคิดจะยกให้บุษ...ที่สำคัญ มันจะเดือดร้อนถึงพ่อแม่บุษด้วยนะ เมื่อมันเป็นที่ผืนเดียวกัน” ที่ดินที่เป็นมรดกพกห่อ บิดา มารด