บทที่8.ตกบันไดพลอยโจนนรสิงห์ถอนใจแรงๆ เขายกมือขึ้นปลดกระดุมสูท ทอดสายตามองคนสติลางเลือนเพราะฤทธิ์ยาบางอย่าง...ด้วยแววตาที่ไม่มีใครอ่านออก นอกจากเจ้าตัวมันเป็นเรื่องบังเอิญแบบเหลือเชื่อ...เขาดันโผล่ไปขวางทางของนักรบแบบไม่ตั้งใจ หมูจะหามดันเอาคานเข้าไปสอด นักรบคงคิดเช่นนั้นตอนที่เจอกันจังๆ หน้าห้องพักในโรงแรมแห่งนี้ นรสิงห์แวะมาหาหิรัญ เมื่อเคี่ยวเข็ญให้เพื่อนรักนอนพักที่บ้านด้วยกัน ไอ้หนุ่มลานมันดันเกิดความเกรงใจ หิรัญจึงขอมานอนพักที่โรงแรมแห่งนี้แทน...ศีรษะทุยได้รูปส่ายแรงๆ ไม่คิดว่าหน้าฉากแสนจะเป็นสุภาพบุรุษ เบื้องหลังแล้ว นักรบโสมมจนไม่น่าให้อภัยชายหนุ่มทรุดนั่ง ทอดมองบุษบันนิ่งๆคนหมดสติที่ไม่รู้ตัวเอง เริ่มดิ้นกระสับกระส่าย มือเรียวบางดึงทึ้งเสื้อผ้าบนร่างกาย ใบหน้าหวานคมแดงก่ำโอ๊ะ!! หนุ่มเสน่ห์แรงเริ่มตระหนก เขานิ่งขึงเมื่อเสื้อตัวโคร่งถูกสลัดทิ้งเป็นชิ้นแรก“ฉิบหายล่ะ ไอ้ห่านั่นเอาอะไรให้หล่อนกินวะ!!”เสียงบ่นพึม แต่กลับทำอะไรไม่ถูก เมื่อคนบนเตียงกระสับกระส่ายมากขึ้น หล่อนไม่ได้หยุดดิ้น แต่กลับทุรนทุรายมากขึ้นอีกนับเท่า ใบหน้าหวานที่เขาชอบแอบมองมีเหงื่อชุ่มไปทั้งวงหน้า ริ
“ชู่ว์ ฉันกำลังช่วยเธอนะบุษบัน!!”นรสิงห์ตอบแบบหน้าด้านๆ เขารีบกดจูบปิดปากหล่อน ป้องกันเสียงห้าม และก่อนที่สำนึกดีๆ ของตัวเองจะกลับคืนมา“อือ...”เสียงครางดังอู้อี้ เมื่อริมฝีปากหนาหยักปิดทับจนมิดเม้นอารมณ์เถื่อนทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจเดินหน้าต่อ กลิ่นกายหอมๆ นั่น ยิ่งทำให้เขาไม่อยากรอช้า ความเย้ายวนของบุษบันทำเอาเขาแทบคลั่ง!“อะ...อูยยยย!...อื้อ” หญิงสาวบิดกายไปมา ความรู้สึกวูบวาบ ยามมือหนาร้อนผ่าวไต่ดะไปทั่วทั้งตัว เธอรู้เสียวซ่านจนบอกไม่ถูกเช่นกัน“ใจเย็นๆ เราจะผ่านมันไปด้วยกัน” ชายหนุ่มเอ่ย พรางบีบเคล้นความอวบอัดไปด้วย“อูยยยย...” ความรู้สึกปั่นป่วนในร่างกาย กับการกระหายแปลกๆ ที่รุมเร้า ทำให้บุษบันไม่เป็นตัวของตัวเองเธอรู้สึกเสียวซ่าน...จนขนลุกซู่ไปทั้งตัวเสียงแหบพร่ากระซิบปลอบใจ “เธอจะดีขึ้น หลังจากนี้” บุษบันกำลังทรมานกับความคิดต่อต้านที่ผุดขึ้นมา แต่บางสิ่งบางอย่างบีบบังคับเสียจนเธอหัวหมุน มือเรียวบางแทนที่จะผลักดันคนตัวใหญ่ที่ค่อมทับไว้ทั้งตัว มือของเธอดันกระชากเขามาใกล้ๆ แอ่นกายเสนอสนองให้เขาอย่างยินดี“อาาา...ได้โปรด...ซี๊ดดดดด” หญิงสาวดิ้นทุรนทุรายกับความต้องการในกาย พร่ำร
บทที่9.อุบัติเหตุพิศวาส สีหน้าของบุษบันหมองหม่น แม้พยายามที่สุดที่จะปิดบังความลับนั่นไว้ นักรบหายเงียบไปจนเธอคลายใจในระดับหนึ่ง เช่นกัน... ผู้ชายคนนั้น ก็หายหน้าไปเช่นกัน บุษไม่รู้ว่า...3-4 วันมานี่ นรสิงห์มมาแอบซุ่มมองเธอ เขาไม่แสดงตัว แอบมองหล่อนแล้วก็ยอมกลับไปเงียบๆ ชายหนุ่มก็ไม่รู้เช่นกัน...เขาทำแบบนี้เพื่ออะไร? ยามสายในวันที่แดดอ่อนๆ เนื่องจากมีกลุ่มเมฆหนาทึบเกาะกลุ่มรวมตัวกันอยู่บนแผ่นฟ้า สีดำทะมึนนั่น คือสัญญาณจากฟ้า หากไม่มีสายลมกรรโชก อีกไม่นานฝนก็คงเทลงมา... นรสิงห์นั่งจิบกาแฟอยู่ที่เก้าอี้เหล็ก เขามองเหม่อออกที่แผ่นน้ำ มีริ้วคลื่นเล็กๆ วิ่งกระทบริมฝั่ง...เป็นบรรยากาศแสนสงบ แต่คนที่นั่งนิ่งๆ หาได้สงบไม่ ภายในใจของชายหนุ่ม รุ่มร้อนแปลกๆ&n
“นรกชัดๆ ดันมาเจอหมอนี่เข้าให้” “เกินไปแพรว ดีเสียอีกจะได้มีคนคุ้มครอง” แพรวนราเดินทางมาถึงเมื่อตอนบ่าย พร้อมกับเร่งบุษบันยิกๆ เมื่อราตรีคืบคลานเข้ามา หญิงสาวอยากดื่ม อยากฟังเพลง เพราะปัญหาที่โถมทับทำเอาร่างกายล้า แพรวนราอยากปลดปล่อย เธออยากเต้นรำ กับการดื่มเบาๆ เพราะบุษบันยังไม่เห็นนรสิงห์ เมื่อชายหนุ่มลุกออกไปรับโทรศัพท์ ดังนั้นเธอจึงเต็มใจที่จะนั่งร่วมโต๊ะ มันเป็นการดีกว่าที่มีผู้ชายอยู่ด้วย ในช่วงค่ำคืนที่มีอันตรายรอบตัว แต่เมื่อผู้ชายคนนั้นเดินกลับมา เขาทรุดนั่งด้านข้างของบุษบัน ไม่สนใจดวงตาวาววับของหล่อน หยิบแก้วบรั่นดีขึ้นจิบ พร้อมทั้งมองไปที่ฟลอร์เต้นรำ...เหมือนไม่ได้สนใจทุกสิ่งรอบตัว &
หนุ่มเสน่ห์แรงกดยิ้มมุมปาก นึกสนุกจนลืมสนใจเพื่อนรักสองหนุ่มมัวแต่สนใจคนข้างตัว ซึ่งรู้สึกว่าจะผิดฝา ผิดตัวยังไงไม่รู้?“หนาวมั้ยคุณ?”เสียงทุ้มๆ กระซิบถาม แพรวนราจึงเบือนสายตาหันกลับมามอง เธอขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนจะส่ายใบหน้า “เห็นตัวสั่น...นึกว่าหนาว” สายตาของหิรัญจับอยู่ที่ผิวเปลือยตรงหัวไหล่กลมกลึงของตนเอง หญิงสาวจึงเริ่มรู้สึกสะท้านนิดๆ แต่จะให้ยอมรับตรงๆ ก็ใช่ที่ “จะหนาวอะไร ร้อนจะแย่” เธอตอบพร้อมกับย่นจมูกใส่ “ยอมรับมาเถอะน่าว่าหนาว...ไม่ต้องอาย” ชายหนุ่มยังตื้อต่อ เขาขึงตาปรามไอ้หนุ่มฝั่งตรงข้ามจนปวดตา เลยอยากตัดปัญหากวนใจ หากปิดสิ่งล่อต่อเสีย คงไม่มีสายตาโลมเลียเช่นนั้นมองมาที่ผู้หญิงข้างกายเขาอีก “ไม่ใช่หน้าหนาวนี่คุ๊ณ อากาศกำลังสบายๆ”&n
บทที่10.หัวใจไหวหวั่น หิรัญทิ้งตัวนั่งด้านข้างเพื่อน เขาปรายตามองแม่สาวอวบที่นั่งซ้อนอยู่บนตักนรสิงห์ยิ้มๆ เพื่อนของเขาเสน่ห์แรงไม่เคยเปลี่ยน ไม่ว่าจะเมื่อก่อน หรือตอนนี้ “อุ้ยตาย...คุณสิงห์ไม่บอกวีวี่นี่คะ ว่ามีเพื่อนมาด้วย” เสียงสาวเจ้าฉอเลาะ แต่หิรัญขี้คร้านจะฟัง เขารินบรั่นดีในขวดใส่แก้วตนเอง คีบน้ำแข็งโยนใส่ก้นแก้ว ก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ แกว่งแก้วไปมา แล้วจึงยกขึ้นจิบ... “ทำไมล่ะครับ...หรือว่าเพื่อนผมน่าสนใจมากกว่า” เสียงกลั้วหัวเราะเอ่ยถาม “เปล่าคะ” หล่อนรีบปฏิเสธ หากแต่ในใจคิดไม่เหมือนที่พูด เมื่อผู้ชายสองคนตรงหน้า น่าสนใจไม่แพ้กัน ในขณะที่นรสิงห์ดูเฟิร์มด้วยรูปลักษณ์หนุ
หิรัญโวย เขายกแก้วบรั่นดีขึ้นจิบ อันดับแรกที่ต้องทำ คือหาทางช่วยบุษบัน พันธะที่มีต่อกันจะได้ขาดกันสักที...เอ...หรือว่าเขาจะให้หล่อนยืมสตางค์ดี แต่คนหยิ่งอย่างบุษบัน คงไม่ยอมรับข้อเสนอนั่น หิรัญคิดร้อยแปดพันเก้า เพื่อหาทางช่วยหญิงสาวคู่หมาย และนรสิงห์ก็สบช่องที่จะช่วยหล่อนพอดี เป็นการกำจัดหล่อนออกไปจากข้างกายหิรัญ เขากับเพื่อนจะได้ไม่แหนงใจกันในอนาคต หากบุษบันจะกลายมาเป็นคู่ชีวิตของเพื่อน เมื่อหิรัญรักและเชื่อฟังกำนันเหม...เพื่อนของเขาคงไม่กล้าขัดคำสั่งพ่อ...กรุงเทพฯ สายสมรยกมือทำความเคารพคนแปลกหน้าที่มายื่นข้อเสนอให้... แม้จะงงๆ แต่ข้อเสนอนั่น ก็ทำให้นางสนใจ เมื่อเป็นการช่วยปลดหนี้ โดยที่ไม่ต้องบีบให้บุษบันต้องแต่งงานทั้งที่ไม่เต็มใจ นางรู้สึกเสียดายบุตรชายของกำนันเหมอยู่เหมือนกัน แต่นางก็รู้ใจหลานสาวดี...ถึงบุษบันจะเป็นคนหัวอ่อน แต่หลานของนางก็มีจุดยืน...
อ้อมใจ...ใจเต้นแรง หล่อนเชิดใบหน้าขึ้น สนองจูบดุดันนั้นด้วยความเต็มใจ เธอไม่ได้หวาดหวั่น....แต่กำลังรู้สึกตื่นเต้นต่างหาก หญิงสาวรู้ว่าระหว่างนักรบกับตนเอง ต้องมีสักวันที่ลงเอยแบบนี้...เหมือนมีอะไรบางอย่างมาบอกเธอไว้อย่างนั้น นับตั้งแต่ภารตีแนะนำให้เขาและเธอรู้จักกัน เธอเล็งชายผู้นี้ไว้ และรออย่างอดทน เมื่อแววตาของนักรบ มักจะบอกกับเธอเช่นนั้น...นักรบบดจูบปากนุ่มอย่างถือสิทธิ์ เรียวลิ้นหนาแทรกเข้าไปข้างในโพรงปาก ดูดื่มความหวานซ่านนั้นไปทั่ว ดูดชิมความนุ่มหวานไม่รู้จักเบื่อ มือใหญ่เล้าโลมบนกายสาว หนักแน่นร้อนแรง ส่งผลให้อ้อมใจสะท้านสะเทือน “อ๊า...ซี๊ดดดดด” เสียงครางแผ่วๆ ดังอยู่ในลำคอของหญิงสาว แต่หาได้สะทกสะท้าน อ้อมใจระริกระรี้ แอ่นร่างกายแนบชิดและรอเวลาหฤหรรษ์ด้วยความกระสัน... นักรบนอนเอนๆ อยู่บนเตียง ในมือเขามีบุหรี่หนึ่งมวน อ้อมใจเดินมานั่งข้างๆ เธอส่งแก้วบรั่นดีให้ชายห
“ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะดังไล่หลังมา “อย่าวิ่งสิบุษ เธอท้องอยู่นะ!!” แต่เมื่อนึกขึ้นได้ ชายหนุ่มตะโกนห้ามเสียงหลง เมื่อบุษบันกำลังมี ‘เจ้าตัวเล็ก’ นอนตีพุงอยู่ในท้องเจ้าหล่อนสายเลือดกษิดิศชญาธร ที่มาในจังหวะเหมาะเหม็ง ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีข้ออ้างในการย้อนกลับมาหาเธอ “ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้บุษท้อง” เสียงเปรยแผ่วๆ ของผู้ชายตัวใหญ่...นรสิงห์เดินเข้าไปอีกห้องหนึ่ง เขาเองก็ต้องรีบอาบน้ำ จะได้ออกไปจัดการอะไรๆ ให้มันเสร็จสมบูรณ์สักที ไม่คิดว่าตนเองจะยอมทิ้งชีวิตอิสระ แต่เมื่อคิดดูดีๆ มันก็ไม่ได้แย่นัก หากจะมีคนยืนข้างๆ มีความห่วงใยให้กัน มีความผูกพัน...นับจากนี้ไปตลอดจนลมหายใจเฮือกสุดท้าย ตื้ด...&nbs
“แล้วเธอล่ะบุษ...คิดอะไรกับฉันมั้ย?” ชายหนุ่มย้อนถาม เขามองผิวแก้วสีระเรื่อตาพราว บุษบันหน้าร้อนฉ่า คำถามที่เธอรู้คำตอบดี แต่ตอนนี้ไม่มีความกล้าพอ... เมื่อผู้ชายตรงหน้า เป็นคนแรกที่เข้าถึงตัว ทุกสิ่งในร่างกายตนเองไม่ได้เป็นความลับสำหรับเขา...แถมซ้ำ...ในท้องเธอ มีสายเลือดของเขานอนตีแปลงอยู่ด้วย แบบนี้...เธอจะไม่รักเขา...ได้ยังไง แต่นรสิงห์ชิงพูดเสียก่อน... ‘The great big day in my life has begun when you come into my heart.’ วันดีๆ ในชีวิตฉัน...ได้เริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่วันที่ฉันมีเธอ... ผิวแก้มเธอร้อนฉ่า ดวงตาพร่าเพราะน้ำตาเอ่อ ไม่คิดว่าตัวเองจะมีความสำคัญกับเขาขนาดนั
“อะ!!” ร่างเล็กๆ สั่นระริก เธอขยุ้มผ้าใต้ฝ่ามือแน่น หลับตาพริ้มและเปล่งเสียงครางสั่นๆเมื่อเขาแทรกปลายนิ้วแข็งๆ เข้าไปด้านใน และขยับเคลื่อนไหวช้าๆ“อย่า...อย่าทำแบบนั้น ได้โปรด?!!” บุษบันครางเสียงหลง สะโพกผายส่ายสะบัดเหมือนปีกผีเสื้อ ไม่อาจจะขัดขืนความรู้สึกนี้ได้เลย เพราะเมื่อชายหนุ่มเข้าใกล้เขาทำให้เธออ่อนปวกเปียกเหมือนขี้ผึ้งถูกไฟรนทุกครั้ง...ร่างกายของเธอมันทรยศ มันไม่ฟังคำสั่งจากสมอง เมื่อมันสนองตอบชายหนุ่มและยินยอมให้เขาทำตามอำเภอใจมุมปากได้รูปกระตุกยิ้ม เข้าเหลือบมองใบหน้าบิดเบี้ยวของหญิงสาวหวานใจ ใบหน้างดงามแดงก่ำเธอแสดงออกถึงความพร้อมพรั่ง!! สารหล่อลื่นในร่างกายถูกขับออกมาจนเปียกเปรอะเนืองนอง และไม่ว่าเขาจะจับหันซ้ายหันขวา เธอก็พร้อมและเต็มใจที่จะสนองตอบอยู่แล้ว เสียงครางระส่ำช่วยยืนยันความคิดของเขาชายหนุ่มโหย่งตัวขึ้น ชักปลายนิ้วออกมาจากแอ่งสวรรค์ จรดแก่นกายแข็งตึงแนบเนินเนื้ออวบอิ่ม เขารวบเรียวขาเพรียวยาวไว้ที่ท้องแขนก่อนจะกดสะโพกสอบ บรรจงเสือกเสยความอลังการกับความอวบอูมเต็มแรง!!“อืมมมม...ซี๊ดดดดด
หญิงสาวรวบผ้าห่มชิดตัวมากขึ้น เมื่อใต้ผืนผ้าหนาๆ เธอมีแค่อันเดอร์แวร์สองชิ้น เสื้อผ้าชิ้นอื่นๆ อันตทานหายไปจนหมด ตั้งแต่ตอนที่เธอยังไร้สติ... “ฉันไม่สัญญาหรอกนะว่าจะทำตัวเป็นคนดี ฉันก็เป็นฉันแบบนี้แหละ แต่รับประกัน ฉันไม่ใช่คนเหลาะแหละ ฉันมั่นใจเชียว ว่าฉันสามรถดูแลเธอกับลูกได้ ในอนาคต” นรสิงห์ย้ำอีกครั้ง ก่อนจะทิ้งตัวนอนแผ่บนพื้นเตียง เตียงหนาไหวยวบ เมื่อน้ำหนักตัวนรสิงห์ไม่ใช่น้อยๆ เลย “บุษกลัวว่า...บุษจะทำให้คุณเดือดร้อน บุษอาจจะเป็นที่รังเกียจ แล้วจะทำให้เราไปกันไม่รอด” หญิงสาวแย้งเสียงอ่อย เธอกับคนในครอบครัวเขา จะมีทางญาติดีกันเหรอ ในเมื่อเธอเคยเป็นคนที่พวกเขาตั้งป้อมรังเกียจ!! ชายหนุ่มพลิกตัวนอนคว่ำ เขาเอามือรองใต้คาง ตอนที่เงยหน้ามองบุษบัน “น
คนตอบสำรวมเสียงสุดๆ เมื่อพอจะรู้ใจเจ้านายดี เวลานี้หัวหอกหนุ่มของเดอะเพรสกำลังร้อนเป็นไฟ แม้จะได้ตัวเจ้าสาวมาไว้ในกำมือแล้วก็ตาม แต่หากฟื้นขึ้นมาแล้วบุษบันยืนกรานคำเดิม...คนรอบตัวของนรสิงห์ คงได้โดนหางเลขกันเป็นแถวๆ ดอกไม้ดอกเล็กๆ ที่ประดับไว้บนเรือนผม ด้วยฝีมือสุดประณีตของช่างมือดี ส่งให้เส้นผมดำขลับดูงดงามออร่าพุ่งแต่ขัดนัยน์ตาของชายหนุ่มที่อุทิศตัวเป็นดั่งหมอนนุ่มให้บุษบันนอนอิงเสียจริงๆ เมื่อมือเร็วเท่าความคิด ดอกไม้สุดสวยนั่นจึงถูกแกะออกมาทีละดอก ช้าๆ เมื่อชายหนุ่มบรรจงเบามือที่สุด เพื่อกันไม่ให้คนหลับหมดสติรู้ตัว ในที่สุดก็ถึงจุดหมายปลายทาง บ้านพักบนเนินเขา ตัวบ้านตั้งโดดเด่น...เบื้องล่างคือน้ำทะเลใสแจ๋ว เสียงคลื่นดังไกลๆ เมื่อระยะทางจากตัวบ้านถึงชายหาด อยู่สูงกว่ากันไม่ใช่เล่น บ้านอีกหนึ่งหลังของกษิดิศชญาธร มีไว้เพื่อพักผ่อนโดยเฉพาะ เขาเลือกที่นี่ เพราะมันเดินทางยาก หากไม่มีรถยนต์ก็คงต้องเดินจนขาลาก กว่าจะถึงถนนที่มีรถยนต์วิ่งผ่านไป ผ่านมา&
“หึ!! หล่อนคงมีเป้าให้เกาะอยู่แล้วซิ ถึงได้กล้ากำแหง” วิภาวียังไม่วายค่อนคอด “ความจริง... หิรัญกับบุษบัน เขาเป็นคู่หมายที่ผู้ใหญ่เขาทาบทามไว้อยู่แล้วครับ เพียงแต่ผมเข้าไปแทรกไว้ก่อน” ความลับคับอก พรางพรูออกมาจากปากหนุ่มรุ่นน้อง ไม่ใช่เพื่อแก้ต่างให้บุษบัน แต่เป็นคนยืนยันเพื่อความบริสุทธิ์ของเจ้าหล่อน และมันคือความจริง “โอ้ย!! ฉันไม่อยากจะเชื่อ นี่เราหนีผู้หญิงที่ชื่อบุษบันไม่พ้นจริงๆ เหรอ?” “ตีไม่อยากจะเชื่อว่าคุณรบโกหกตี” สาวท้องแก่ครางเสียงระโหย ในคำพูดของนักรบ มีเรื่องไหนที่เป็นความจริงบ้าง “แกก็เลิกงมงายกับไอ้ผัวเฮงซวยนั่นได้แล้วล่ะ... แต่ต้องถามฉันยัยตี มีเรื่องไหนบ้างที่ผัวแกมันไม่โกหกบ้าง” วิภาวีเป็นมารดาที่รักบุ
กำนันเหมโวยคนแรก ตามด้วยบิดา มารดาของแพรวนรา แต่ก็เริ่มเห็นด้วย เมื่อหิรัญพยายามอธิบาย เมื่อสิ่งที่เขากับแพรวนราทำก็เพราะความหวังดีกับเพื่อน และสั่งสอนคนอีโก้สูงให้รู้ตัว เรื่องหัวใจ จะเอาเหตุผลร้อยแปดมาคัดง้างไม่ได้ ต้องใช้ใจแลกใจเท่านั้น ดังนั้น...แพรวนรากับหิรัญ จึงได้แนวร่วมเพิ่มขึ้น เพราะบิดา มารดาของแพรวนราก็รักบุษบันไม่ต่างอะไรกับลูกในไส้ จึงสงสารชะตากรรมที่หล่อนได้พบเจอ ข่าวลือจึงถูกแพร่ออกไป จากวงสังคมแคบๆ และขยายเป็นเรื่องใหญ่ในไม่ช้า และเข้าหูของนรสิงห์จนได้บ้านกษิดิศชญาธร... “สิงห์...แม่นั่นกำลังจะแต่งงานกับเพื่อนสิงห์ สิงห์รู้หรือเปล่า?” วิภาวีเดินหน้าตั้งเข้ามาถาม หลังกลับจากงานการกุศล และได้ยินข่าวซุบซิบนั่นเข้าพอดี&n
บทที่16.ตลบหลังเพื่อนจอมแสบในขณะที่เพื่อนรักกำลังจะมีความสุข...หนุ่มไฮโซ อีโก้เต็มบ่า กำลังทุกข์หนัก เก้าอี้ที่รองก้น ทั้งกระด้างและร้อน จนทนฝืนนั่งทำงานต่อไปไม่ไหว นรสิงห์ผุดลุกขึ้นยืน เขาเดินมาหยุดที่ริมกระจกใส เพ่งสายตาฝ่าเปลวแดด มองท้องถนน กบผู้คนที่เดินผ่านไป ผ่านมาด้วยสายตาเลื่อนลอย บุหรี่ม้วนเล็กๆ ถูกดึงออกมาจากซอง เปลวไฟลามเลียปลายม้วนเมื่อเจ้าตัวนึกอยากขึ้นมา เพราะเขาต้องการใช้ความคิด การสูบบุหรี่คือการแก้เครียดที่นรสิงห์เคยใช้ได้ผล แต่ครั้งนี้เหมือนจะไร้ประโยชน์ สารนิโคตินในบุหรี่ไม่ช่วยให้สมองของชายหนุ่มโปร่งโล่งเหมือนเคย เหมือนมีม่านควันบางๆ ไหลวนเวียนอยู่ในหัว ทำให้ความคิดที่เคยวิ่งฉิว เฉื่อยช้าลง... นรสิงห์ตัดสินใจดีดก้นบุหรี่ทิ้ง เขาเดินย่ำเท้าแรงๆ เหมือนต้องการระบายความไม่พอใจลงบนพื้นพรม แต่กลับไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย ทุกอย่างยังดูขวางหู ขวางตาไปหมด... ในที่สุด...ชายหนุ่มก็
หนุ่มตัวดำโน้มตัวลงมาใกล้ๆ “เชื่อผมมั้ยล่ะ?” เขากระซิบถาม ลมหายใจเป่ารดข้างแก้มของแพรวนรา เพราะความใกล้ชิด แถมแอบสูดกลิ่มหอมๆ ของหล่อนไปด้วย แพรวนราผงะ!! เธอเงยหน้าขึ้น แสยะยิ้ม แยกเขี้ยวให้หิรัญเมื่อกลับมาเป็นคนเดิม “คุณถอนตัวไม่ได้แล้วนะ ฉันเป็นคนจำแม่น อะไรที่เคยผ่านหู ฉันจำไม่ลืม...ถ้าทำไม่ได้อย่ามาพูด” “ตามนั้น!!” คนเอ่ยปากย้ำ เขายิ้มกว้าง มองปากอิ่มตาละห้อย เมื่อนึกอยากจุมพิตสาวสักทีแต่ไม่มีความกล้าพอ “แพรว...จูบทีได้มั้ย?” เสียงหิรัญพร่าสั่น เมื่อกลั้นใจถาม เขามองสบนัยน์ตาฉ่ำหวานของแพรวนราด้วยสายตาละห้อย นึกเสียวสันหลังวาบๆ ไม่คิดว่าแค่เริ่มต้น ตนเองก็จะ เกรง หล่อนเสียจนเป็นความกลัว ไอ้ชมรมกลัวเมียที่ผู้ชายส่วนใหญ่พูดถึง หลังแต่งงาน หรือมีชีวิตคู่ คงได้เปิดรับเขาไปเป็นสมาชิกเร