บทที่7.แผนลวง...
19:00 นาฬิกา...
บุษบันรีบกระหืดกระหอบมายังจุดนัดพบ...เพราะกลัวจะไม่ทันเวลานัดของนักรบ เธอกวาดตามองหาชายหนุ่มผู้นั้น จึงเห็นว่าเขานั่งรออยู่ที่เก้าอี้ ในโถงใหญ่ของลอบบี้โรงแรม ที่มีไว้บริการลูกค้า
ชายหนุ่มยกมือขึ้นชู เขายิ้มร่า เมื่อเห็นหญิงสาวมาตามนัด
“ขอโทษค่ะที่ทำให้รอ...งานบุษยุ่งคุณรบคงไม่ถือสา”
หญิงสาวออกตัว เธอทรุดนั่งเมื่อชายหนุ่มผายมือเชื้อเชิญ
“คุณตีไม่ได้มาด้วยเหรอคะ?”
หลังเหลียวมองจนแน่ใจ...บุษบันไม่เห็นภารตีอยู่ในบริเวณนี้
“ไปเกาหลีน่ะ มีอะไรเหรอ?” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับกดยิ้มมุมปาก
บุษบันขยับตัวด้วยความอึดอัด เธอเริ่มระแวง และรีบหาทางเลี่ยง
“คุณรบมีเรื่องอะไรจะคุยกับบุษคะ ช่วงนี้ที่รีสอร์ตยุ่งๆ บุษไม่อยากทิ้งงานมานาน”
เธออ้างเรื่องงาน...และกวาดตามองหาทางเลี่ยง เมื่อรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล
“เรื่องตี ผมขอโทษแทนตีด้วย ผมพยายามอธิบายให้ตีฟังแล้ว...แต่ตีไม่เชื่อ...” นักรบปั้นหน้าเศร้า
“ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องไม่จริง เวลาจะพิสูจน์คำพูดของเราเอง”
บุษบันยิ้มกร่อย เธอรู้เพราะความรักอันท่วมท้นของภารตี ทำให้หล่อนระแวง เมื่อนักรบเองก็ไม่ชัดเจน เขามีทีท่าคลุมเครือ
“ผมถึงอยากเจอบุษ...ผมรักบุษนะ แต่ความจำเป็นอย่างที่บุษรู้ ผมเลยต้องทำตามความต้องการของพ่อ แม่ก่อน”
ชายหนุ่มหยอดคำหวาน เขาหวังว่าบุษบันจะคล้อยตาม เขาจะได้ไม่ต้องใช่เล่ห์เพทุบาย
“อย่าพูดถึงอีกเลยค่ะ คุณรบไม่ใช่คนตัวเปล่า อีกอย่างมันจะทำให้คุณตีเธอไม่สบายใจ”
บุษบันออกตัว เธอสูดลมหายใจลึกๆ รู้สึกหน่วงๆ ในอก คำรัก ของนับรบ...มันทำให้เธอเชื่อไม่ได้อีกแล้ว เมื่อมันขึ้นอยู่บนพื้นฐานของความลวง เขาหลอกคู่ชีวิตของเขาได้ แล้วคนนอกแบบเธอ ทำไมเขาจะหลอกไม่ได้
“มันน่าน้อยใจนะครับ เดี๋ยวนี้ผมพูดอะไรไป...บุษก็ไม่เชื่อ...ผมไม่ใช่คนสำคัญของบุษแล้วหรือครับ?”
ชายหนุ่มกล่าวเสียงออดๆ เขาส่งสายตาเว้าวอนให้บุษบัน
หญิงสาวแอบผ่อนลมหายใจเบาๆ สำหรับตนเองแล้ว เธอรู้แจ้งกับคำลวงของนักรบ
คนสำคัญ กับ สำคัญตนผิด
เส้นแบ่งมันมีน้อยนิด และระยะเวลาหนึ่ง เธอเคยเข้าใจผิด...คิดว่าตัวเองสำคัญ
แต่ความจริงแล้ว...เธอแค่สำคัญตนผิดไป เธอไม่เคยมีความสำคัญ เมื่อเป็นแค่คนธรรมดา ที่ทำให้หนุ่มอีโก้แรงอย่างนักรบ ไปถึงฝันของเขาได้สำเร็จ ความรัก ไม่เพียงพอสำหรับผู้ชายที่ชื่อนักรบ ไชยยะนันเสียแล้ว
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ” หญิงสาวพยายามอะลุ่มอล่วย พยายามชี้แจ้งให้อีกฝ่ายฟัง
“บุษลืมความหลังระหว่างเราแล้วเหรอครับ” ชายหนุ่มยังพยายามยื้อ
หญิงสาวถอนใจแรงๆ เธอขยับตัวด้วยความอึดอัด
“เราคงพูดคนละเรื่องแล้วค่ะคุณรบ เอาไว้คุณรบคิดได้ เราค่อยมาคุยกันใหม่ดีกว่า”
หญิงสาวกล่าวเสียงแข็ง...แม้จะเจ็บปวดในหัวใจ แต่เธอจะไม่มีวันให้เขารู้เด็ดขาด เมื่อพยายามท่องจำไว้ ต่อให้นักรบรักเธอจริง...เขาก็ไม่มีวันลดตัวมาครองคู่กับเธอ เมื่อเธอไม่มีสิ่งที่เขาต้องการ เธอไม่มีเงิน!!
“โธ่!! ผมแค่อยากให้บุษรู้ สำหรับผม...ผมรักบุษเหมือนเดิม”
เมื่อบุษบันเริ่มแข็ง นักรบจึงอ่อนข้อให้ เขาตัดสินใจ เมื่อบุษบันยังยืนกราน เขาก็จำเป็นต้องใช้ ของ
“เอ่อ...”
“โอเคครับๆ เราจะไม่พูดเรื่องนั้นอีก เพื่อความสบายใจของบุษ...” ชายหนุ่มยอมถอย “กินน้ำสักแก้วมั้ยครับ ก่อนที่บุษจะกลับ มาเหนื่อยๆ คงไม่รังเกียจน้ำใจของผมหรอกใช่ไหม?”
หนุ่มเจ้าเล่ห์ รีบพูดดัก เมื่อหญิงสาวทำท่าจะกลับทันทีที่เขาเอ่ยปาก
“ค่ะ...บุษขอโทษด้วย งานบุษยุ่งจริงๆ ค่ะ”
หญิงสาวยอมรับน้ำใจ เมื่ออยู่ในพื้นที่โล่งแจ้ง น้ำแก้วเดียวคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง!!
แต่...เธอคาดผิด...
บริกรเดินถือถาดมาให้ และบุษบันไม่ทันเห็น นักรบขยิบตาให้พนักงานคนนั้น
มันเป็นการเตรียมการล่วงหน้า...และบุษบันพลาดท่าเอง
“น้ำแตงโมครับ ผมรู้ว่าบุษชอบ”
เสียงอ่อนโยน กับแววตาหวานฉ่ำ หญิงสาวพยายามไม่สนใจ เธอรับแก้วจากมือของพนักงาน โดยที่นักรบนั่งมองเฉยๆ
บุษบันดูดน้ำหวานสีแดงที่เย็นฉ่ำ ไอความเย็นเกาะพราวรอบตัวแก้วทรงสูง เธอวางแก้วลง...เตรียมตัวจะเอ่ยขอตัว
“ผมผิดเองที่เข้มแข็งไม่พอ ไม่สามารถทานความต้องการของคุณพ่อ คุณแม่ได้” แต่นักรบชิงเอ่ยออกมาเสียก่อน เธอจึงจำใจนั่งฟัง แต่พยายามไม่ใส่ใจ เสียงของเขาฟังลอยๆ เมื่อเธอนิ่งฟังมาได้ระยะหนึ่ง!!
หญิงสาวสะบัดใบหน้าแรงๆ ดวงตาเธอพร่ามัว จนมองทุกสิ่งรอบตัวไม่ชัดเจนเท่าไหร่?
เกิดอะไรขึ้น...
บุษบันล้วงโทรศัพท์ส่วนตัวออกมาจากกระเป๋ากางเกง เธอพยายามจะกดโทร. ออกเพื่อขอความช่วยเหลือจากใครสักคน...แม้จะรู้ว่าเปล่าประโยชน์ สายตาคมดุตวัดมองผู้ชายตรงหน้า พร้อมกับเม้มเรียวปากจนเป็นเส้นตรง เขามีพิรุธหลายอย่างจนถึงเวลานี้ บุษบันแน่ใจแล้วว่า...นักรบไม่ได้มาแบบมิตรอย่างที่เธอเข้าใจเหมือนตอนแรก...
“คุณรบ เอาอะไรให้บุษทานคะ?” เธอลองเสี่ยงถาม
นักรบยิ้มกริ่ม เขาไหวไหล่แล้วก็ส่ายศีรษะปฏิเสธแบบไม่ยอมรับ แต่กลับเฝ้าจับตามองบุษบันแบบไม่ให้คลาดสาย
“เปล๊า!!”
“คิดจะทำอะไรเหรอบุษ?”
เป็นการเสียมารยาทที่สุด เมื่อบุษบันฝืนความมึนงง ต่อสายหาใครบางคนจนได้ แต่โทรศัพท์ของเธอกลับถูกชายหนุ่มกระชากไปดื้อๆ เขากดปิด...พร้อมกับยัดโทรศัพท์เครื่องนั้นใส่ในกระเป๋าเสื้อสูทของเขาหน้าตาเฉย
“คุณรบ!!”
บุษบันคิดว่าตัวเองตะโกนเสียงก้อง แต่ความจริง เสียงที่ผ่านริมฝีปากรูปกระจับมา แผ่วเบาจนแม้แต่คนที่ตั้งใจฟังยังไม่ได้ยิน ม่านตาของเธอหรี่ลง แถมมีบางอย่างในร่างกายเริ่มผิดปกติมากขึ้น ผิวกายของตนเองร้อนวูบวาบแปลกๆ หญิงสาวใจหายวูบ เธอพยายามเพ่งมองเขา แต่กลับเป็นการทำได้ยากยิ่ง
และเมื่อนักรบประคองเธอขึ้นจากเก้าอี้...บุษบันก็สุดที่จะฝืนร่างกายไว้ได้
เธอถูกเขาประคองจากหน้าลอบบี้ ไปจนถึงลิฟต์แก้ว ที่จะพาเธอขึ้นไปยังชั้นบน
“คะ คุณรบ...จะทำอะไรบุษ!!”
แม้จะพยายามเกร็งตัว ฝืนร่างกายไว้สุดฤทธิ์ แต่ทุกอย่างไร้ผล เมื่อเธอถูกชายหนุ่มหิ้วปีกมาจนถึงลิฟต์จนได้
“ทำแบบที่ผมคิดจะทำมาตลอด ตั้งแต่รู้จักกับบุษยังไงละจ้ะ”
มุมปากสีสดกระตุกยิ้ม เขากระซิบบอกหล่อนด้วยความลำพอง เมื่อประตูลิฟต์ปิดลง ลิฟต์เคลื่อนที่พาเขาไปส่งด้านบน ห้องสวีทที่นักรบจองไว้ เพื่อจัดการบุษบันโดยเฉพาะ
“ไม่...”
“ไม่ปฏิเสธสิบุษ อยากเป็นเมียผมไม่ใช่เหรอ นี่ไง ผมกำลังจะทำให้เธอ กลายเป็นเมียผมอยู่นี่ไง”
ชายหนุ่มหัวเราะลงลูกคอ เขากดปลายจมูกที่แก้มใส แต่หญิงสาวเอียงหนี ปลายจมูกนั่นจึงกดลงบนเส้นผมบนศีรษะของหล่อนแทน“นับจากนาทีนี้เป็นต้นไป...บุษจะกลายเป็นเมียผม...แบบที่บุษเคยอยากเป็นมาตลอดไงครับ”บุษบันอยากตะโกนกรอกหูนักรบนัก!! เธอไม่เคยปรารถนาที่จะเป็นเมียเขา เมื่อรู้ตัวเองดี คงไม่มีคนในครอบครัวของเขายอมรับตนเอง เมื่อบิดา มารดาของนักรบ แสดงออกแบบเปิดเผย ท่านไม่ปรารถนาลูกสะใภ้ที่จนกร็อบ!! เธอแค่รักเขา...เทิดทูนเขา บุษบันแน่ใจในนาทีนี้เอง ที่เธอรู้สึกกับนักรบก็แค่เพียงความหลงใหล เมื่อชายหนุ่มสมบูรณ์แบบ เป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิงส่วนใหญ่“อย่านะคะคุณรบ อย่าทำอะไรบุษเลย”หญิงสาววอนขอเสียงสั่นติ้ง!!เสียงลิฟต์ดังเตือน เมื่อเคลื่อนที่มาถึงจุดหมายปลายทาง“อย่าช้าสิบุษ รับประกันเลย บุษจะลืมวันนี้ไม่ลง”ชายหนุ่มลาก...บุษบันออกมายืนใกล้ประตูลิฟต์ ประตูเลื่อนเปิด แต่...คนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ตรึงปลายเท้าของนักรบไว้นรสิงห์ กษิดิศชญาธร หรืออีกนัยหนึ่งคือน้าเขยของเขาเองชายหนุ่มจิปากเบาๆ เขาแสร้งทำเป็นไม่สนใจ รีบประคองบุษบันออกมาจากตัวลิฟต์ สวนกับนรสิงห์ที่ยืนนิ่ง ชายหนุ่มไม่คิดจะขยับหลบเป็นนักรบเองที
บทนำ'ฉันคงไม่อาจทำให้เธอเปลี่ยนใจ ฉันคงไม่อาจทำให้เธอกลับมารักฉันฉันจึงขอแค่เพียงยังรักเธอ จะได้ไหม นะเธอจะได้ไหม (รักเธอตลอดไป)ฉันคงไม่อาจทำให้เธอกลับมารักฉัน…ฉันจึงขอแค่เพียงยังรักเธอ จะได้ไหม นะเธอจะได้ไหม (รักเธอตลอดไป)ฉันคงไม่อาจทำให้เธอเปลี่ยนใจ ฉันคงไม่อาจทำให้เธอกลับมารักฉันฉันจึงขอแค่เพียงยังรักเธอ จะได้ไหม นะเธอจะได้ไหม (รักเธอตลอดไป)’Cr.เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ‘ไม่อาจเปลี่ยนใจ’อินโทรเพลงเศร้า...ติดชาร์ทสมัยที่บุษบันอายุแค่10ขวบกว่าๆ ยังไว้ผมเปียใส่ชุดนักเรียนชั้นมัธยมต้น เป็นเพลงที่แสนไพเราะเกี่ยวกับ ความรัก ที่ไม่สมหวัง ไม่อาจรั้งใจคนที่จะไปไว้กับตัวเองได้...ตัวนักร้องถ่ายทอดอารมณ์สุดเศร้าได้อย่างเห็นภาพชัดเจน ถึงจะเป็นเพลงเก่ายุค90 แต่เมื่อได้ฟังเพลงนี้ทีไร หยดน้ำตาของเธอก็รินไหลออกมาทุกที เป็นความทรงจำแสนเลวร้ายที่หญิงสาวพยายามลบออกไปจากความทรงจำ แต่ไม่เคยทำได้สำเร็จ ยิ่งวันนี้... วันที่โลกถล่มลงตรงหน้าเพราะผู้ชายคนเดียวที่เธอปักใจรัก!! กำลังหน้าชื่นมีความสุขกับผู้หญิงที่เขาเลือกอยู่ต่อหน้าต่อตา สายตาของเขามองผู้หญิงข้างตัวด้วยความรักและเทิดทูน สายตาคู่นั้
บทที่1.วิวาห์พาฝันรีสอร์ตรินลดา...ภูเก็ต ซุ้มดอกไม้สีอ่อนถูกจัดเตรียมไว้ที่ชายหาด ด้านหน้ารีสอร์ตรินลดา เป็นความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ บุษบันจึงถูกเกณฑ์มาเป็นลูกมือ ช่วยช่างฝีมืออีกแรงหนึ่ง เธอเอียงคอมองซุ้มดอกไม้ที่จัดสำเร็จ ด้วยดวงตาพริบพราว นี่เป็นความฝันอย่างหนึ่งของผู้หญิงอย่างเธอเช่นกัน ได้เดินรอดใต้ซุ้มดอกไม้แสนสวยกับคนรู้ใจ มีเพื่อนฝูงมาร่วมแสดงความยินดีในงานวิวาห์ “เจ้าสาวโชคดีมากเลยนะคะ ดูสิ!! สิ่งเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้เจ้าบ่าวยังใส่ใจแล้วก็เนรมิตให้” บุษบันชวนคุย หลังจากซุ้มเสร็จลงทันเวลา คนจัดซุ้ม หันมามองพร้อมกับยิ้ม “เปล่าค่ะ นี่เจ้าสาวขอมาเอง...” หล่อนตอบ บุษบันจึงยิ้มเก้อ “เจ้าบ่าวน่ะ...แค่แต่งหล่อก็พอมั้งคะ ดูเหมือนว่าคนที่ต้องการแต่งจะเป็นฝ่ายหญิงมากกว่า” เหมือนติดพันคนงานจัดซุ้มจึงยังเปรยต่อ บุษบันจึงได้แต่รับฟัง เวลานี้เธอยังไม่แข็งแรงพอ...เมื่อหัวใจของเธอกำลังกลัดหนอง ดังนั้นงานวิวาห์นี่จึงทำให้หญิงสาวยอกแสยงใจไม่น้อย “ค่ะ” เธอรับคำแกนๆ ก้มลงเก็บเศษใบไม้บนพื้น พยายามไม่คิดถึงอดีตที่ทำให้เธอต้องระเห็จมาอ
หญิงสาวไม่เคยเกี่ยงงาน เธอมาทำงานในรีสอร์ตในฐานะเลขานุการกึ่งผู้ช่วยของรินลดา แต่งานอื่นๆ เธอก็ทำได้ ไม่เคยปฏิเสธแถมอาสาด้วยความเต็มใจ 2เดือนในรีสอร์ตแห่งนี้ ทำให้เธอผ่อนคลายและดีขึ้น จากความเมตตาของคนรอบข้าง“ได้ค่ะ ที่ร้านอาหารใช่ไหมคะ บุษจะได้รีบไปเลย” ถังขยะถูกวางลงข้างตัว เธอเช็ดมือกับชายเสื้อ เงยหน้าขึ้นยิ้มเผล่“เปล่าจ้ะ ที่งานข้างล่าง...แค่ช่วงสั้นๆ ก่อนที่ตัวจริงจะมาถึง...เริ่มมีแขกทยอยมาแล้ว แต่คนที่จะบริการมีไม่พอ คุณรินเลยอยากให้บุษลงไปช่วยแก้ขัดไว้ก่อน”ใจหายวูบ!! คือสิ่งแรกที่บุษบันรู้สึก หญิงสาวยิ้มกร่อย ไม่กล้าปฏิเสธ แต่มันเป็นการฝืนตัวเองสุดๆ เมื่อความตั้งใจของบุษบัน คือเธอจะไม่เฉียดไปใกล้ชายหาด เพื่อป้องกันใจตัวเอง เธอไม่ได้เจ็บช้ำเพราะอดีตคนรัก กำลังประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าผู้หญิงที่เขาเลือกไม่ใช่เธอ แต่เธอสมเพชตัวเอง สมเพชความโง่ที่หลงบูชานักรบมาช้านาน โดยไม่รู้ว่าเนื้อแท้ของชายผู้นั้น น่าขยะแขยงเสียจนสุดที่จะรับรู้“ค่ะ...” เมื่อเลี่ยงไม่ได้ เธอก็จำต้องทำ แต่จะพยายามที่สุดไม่ให้เจ้าของงานรู้ว่าเป็นตนเอง“แค่ชั่วโมงเดียวจ้ะ ก่อนที่ทีมงานจะเข้ามาเปลี่ยน ฝากด้วยนะบุษ แข
บทที่2.ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ... ชุดเดรสสีโอรสถูกวางไว้บนที่นอน บุษบันถอนใจเฮือกใหญ่ๆ เธอไม่อยากทำหน้าที่นี้เลย เพราะมันเสี่ยงมากที่จะต้องเผชิญหน้ากับนักรบและภารตีตรงๆ สำหรับตัวนักรบเอง ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาจบลงตั้งแต่วันนั้น ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความต้องการของเขาได้ และก็ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความคิดของเธอได้เช่นกัน ความอ่อนหวานของความรู้สึกแสนพิเศษนั่น บุษบันจะเก็บไว้ในใจ เก็บไว้เป็นความทรงจำไว้เตือนตนในอนาคต ครั้งหนึ่งเธอเคยสัมผัสกับความละมุนละไมของ ‘ความรัก’ มาก่อน แม้ผู้ชายคนนั้นจะไม่ได้รักเธอ เท่าที่เธอรักเขา หญิงสาวรีบแต่งตัว หลังเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาที่แขวนอยู่บนพนังห้อง...เวลาเหลือน้อยนิดเสียจนเธอมัวโอ้เอ้ไม่ได้ เป็นความลำบากใจที่สุดของบุษบัน!! หากเธอไปปรากฏกายขึ้นในบริเวณงานเลี้ยง ผู้ชายคนนั้น... คงจับตามองเธอด้วยอคติในใจอีกเป็นแน่… แล้วก็เป็นจริงดังคาด... เมื่อบุษบันเดินเข้าไปในบริเวณงานเลี้ยง... มันเหมือนกับเวลาหยุดลงชั่วขณะ เพราะเสียงร้องกรี๊ดๆ ของ เจ้าสาว “อีๆ อีหน้าด้าน...ใครเชิญแกมาไม่ทราบ!!” ภารตีหอบกระโป
นรสิงห์กระตุกยิ้มหยัน ให้เลือกระหว่างคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก กับภารตีที่เป็นหลาน เขาย่อมเข้าข้างคนของเขาอยู่แล้ว แม้จะรู้ว่าบางครั้งภารตีก็อาจจะทำเกินไปสักหน่อย “ค่ะ บายค่ะ” หญิงสาวเดินเลี่ยงไป เธอเดินดูความเรียบร้อย และพยายามกันตัวเองออกห่างเจ้าบ่าว-เจ้าสาว ที่มักจะชำเลืองมองมาที่เธอบ่อยๆ ด้วยความรู้สึกต่างกัน นรสิงห์ผ่อนลมหายใจแผ่วๆ สลับกับสูดลมหายใจเข้าแรงๆ หนุ่มวัย30ปีเต็ม ที่แบกภาระไว้เต็มบ่า สารพันปัญหาที่เขาต้องจัดการ ในฐานะผู้นำ บางครั้งชายหนุ่มก็รู้สึกเบื่อ ปัญหาหลากหลายโถมทับ ส่วนมากจะเป็นเรื่องวุ่นวายของภารตี หลานสาวที่ขยันก่อเรื่อง จนเขาเริ่มระอา...นั่นอาจจะเป็นเพราะว่า ภารตีถูกสปอยจนเคยตัว พี่สาว พี่เขยของเขาตามใจเสียจนบุตรสาวเก่งแต่สร้างเรื่อง แต่ไม่เคยจัดการปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยตัวเอง รวมทั้งปัญหาใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นนี่ไง ‘ไชยยะนัน’ มีแต่เปลือกตามข่าวลือ แต่ภารตีก็ฝืนดื้อ หล่อนไม่สนใจเสียงทัดทานของทุกคนในครอบครัว จนวันนี้ก็เกิดขึ้น งานวิวาห์ที่ฝืนความรู้สึกของเหล่าพี่น้อง คนที่มีความสุขยิ้มหน้าระรื่น มีแค่ภารตีค
บทที่3. Never give up!“บุษ!! ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย”เสียงทุ้มๆ ที่ดังมาจากมุมมืด ระหว่างรอยต่อบ้านพักรับรองแขก กับส่วนพื้นที่ในส่วนพนักงานบุษบันเขม้นตามอง ...เงาร่างของใครบางคนที่ซุ่มอยู่ตรงนั้นนักรบค่อยๆ เดินออกมาจากเงามืด เขายิ้มหวานให้กับผู้หญิงในอดีต ผู้หญิงคนเดียวที่เขาไม่เคยได้ลิ้มรสหล่อน แม้หล่อนจะเป็นแค่ลูกหลานคนงานในบ้าน แต่สำหรับบุษบัน หล่อนหยิ่งพอตัว“อ๋อ!! คุณรบนั่นเอง...อย่าดีกว่าค่ะ หากคุณรบไม่อยากให้ครอบครัวใหม่ของคุณรบมีปัญหา อยู่ห่างๆ บุษดีกว่าค่ะ”หญิงสาวเอ่ยเตือนพร้อมกับตั้งท่าจะเดินกลับห้อง แต่ก็ถูกรั้งไว้อีก“บุษไม่คิดจะ...ทบทวนความทรงจำเก่าๆ กับผมสักหน่อยเหรอครับ” นักรบถามพร้อมกับยิ้มละไม“คะ...อะไรนะคะ ทบทวนความทรงจำอย่างนั้นเหรอ?”สีหน้าบุษบันแหยเก เธอไม่เข้าใจความต้องการของฝ่ายตรงข้ามเลย เขาจะมารื้อฟื้นความหลังอะไรกับคนอย่างเธอ“ครับ ทบทวนความจำเก่าๆ” นักรบอมยิ้มกรุ้มกริ่ม เพราะแอลกอฮอลล์ในเส้นเลือดที่มีมากผิดปกติ บวกกับความไม่พอใจที่ภารตีขัดใจ เขาเลยคิดทำบางอย่างเพื่อแก้หน้าตัวเอง และเป็นการเตือนผู้หญิงเอาแต่ใจตัวเองอย่างภารตีด้วย“บุษลืมไปหมดแล้วล่ะค่ะ เร
บุหรี่ม้วนสั้นๆ ถูกดีดลงบนพื้น ปลายมวนที่ยังมีเชื้อไฟสีแดงๆ ถูกส้นรองเท้าหนังมันวับยกขึ้นเหยียบขยี้ ผู้ชายตัวใหญ่นัยน์ตาดุ เดินออกมาจากเงามืดอีกทาง เขาจับตาดูคนทั้งคู่มาระยะหนึ่ง กำลังประเมินว่าตนเองควรทำอย่างไร? ออกไปขัดจังหวะ หรือยืนดูเพื่อจับผิดเฉยๆ แต่บุษบันทำให้เขาตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ผู้หญิงคนนั้น ทำในสิ่งที่เขาคิดไม่ถึง!!“โอ๊ะ!!”นักรบผงะ หน้าเขาซีดเผือดเมื่อนรสิงห์เดินตรงมาหา“อย่าคิดว่าคนอื่นตาบอดเหมือนยัยตี ผมกำลังจับตามองคุณอยู่นะคุณนักรบ และหากคุณทำให้ยัยตีเสียใจ... คงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ”เสียงน้าเขยเย็นเยียบจนนักรบขนลุกซู่ “ยัยนั่นอ่อยผม หล่อนอยากได้ผมเป็นผัว!!” คำแก้ตัวแบบหน้าด้านๆ ดังออกมาจากปากผู้ชายเห็นแก่ตัว“นั่นมันเรื่องของคุณกับเธอ แต่หากเกี่ยวพันกันจนทำให้หลานผมเสียใจ...คงไม่ต้องบอกหรอกใช่ไหม? ว่าผมจะจัดการอย่างไรกับคนแบบพวกคุณอย่างไรถึงจะดี”ชายหนุ่มเปรย เขาเดินเฉียดผ่านนักรบไปแบบประชิด จนปลายรองเท้าหนังมันวาวแทบจะเหยียบลงบนหลังมือของหลายเขย“โว้ย!!”หลังน้าเขยสุดโหดหายลับไปในเงามืด นักรบโวยเสียงลั่น เขายกมือทุบลงบนผิวดิน ร้องด่าทั้งภารตีและบุษบันในใจผ