หิรัญตะโกนตามหลังแพรวนรา เขาชอบสีหน้าของหล่อน เมื่อหล่อนไม่เคยปิดบังความคิด ดวงตาของหล่อนเปิดเผยจนหมด และเขาไม่รู้ว่าตนเอง ทำอะไรให้หล่อนไม่พอใจ
บุษบันอมยิ้มตามหลังคนทั้งคู่ และหากมองตามสายตาของคนไม่มีอคติ...หิรัญ กับแพรวนรา เหมาะที่จะเป็นคู่รักกันมากกว่า เธอกับหิรัญเสียอีก เมื่อชายหนุ่มอารมณ์ดี เหมาะที่จะช่วยให้คนจริงจังอย่างแพรวนราผ่อนคลายลง...
“จะรีบไปไหนคุณ ถ้ารอโบกรถไปสนามบินละก็ คุณตกไฟล์นี้แน่”
ชายหนุ่มตามมาทัน เมื่อแพรวนรากำลังหารถยนต์รับจ้างที่เคยวิ่งกันขวักไขว่ แต่วันนี้ถนนโล่งๆ พิกล
“...” ไม่มีคำตอบจากสาวฉบับพกพา สิ่งที่หิรัญเห็นคือเรียวปากสีระเรื่อเม้มแน่น
“วันนี้รถรับจ้างทั้งหมดเขารวมตัวประท้วงอยู่ที่อำเภอ เรื่องรถร่วมบริการที่กำลังเป็นข่าวดัง...ถ้าคุณยังรอรถอยู่ตรงนี้ล่ะก็... ไฟล์ที่กำลังจะบิน คุณคงไปไม่ทัน”
ชายหนุ่มเปรยด้วยความหวังดี ไหนๆ ก็จะไปทางเดียวกัน เขาไม่รังเกียจที่จะให้แพรวนราอาศัยรถยนต์ไปด้วยอยู่แล้ว
หญิงสาวจิปาก!! เธอเริ่มลังเล...เมื่อบนท้องถนนว่างเปล่า เงียบจนน่าวิตก ความคิดเร็วพอๆ กับการกระทำ หากมีเรื่องอย่างที่ชายหนุ่มด้านข้างว่า มันต้องเป็นข่าว สาวฉบับพกพาล้วงโทรศัพท์ส่วนตัวขึ้นมาจากซอกกางเกง เธอกดค้นหาข่าวเด่นในGoogle เพื่อหาข่าวตามที่เขาเปรยให้ฟัง
เห้อ!! สาวเปรี้ยวแก่นแก้วถอนใจดังเฮือก ทุกอย่างเป็นเหมือนที่หิรัญกล่าวไว้ไม่มีผิด และเรื่องคงลุกลามไปกันใหญ่ ไม่มีทางสงบลงง่ายๆ
“ก็ได้...แต่ฉันจะจ่ายค่าจ้างให้คุณนะ...ฉันไม่อยากเอาเปรียบใคร!!”
“ผมไม่ใช่รถรับจ้างครับ...ถ้าจะจ่ายสตางค์ รบกวนคุณรออยู่ตรงนี้นะครับ สักประมาณ...บ่ายสามโมง คงมีรถวิ่งผ่านมาสักคัน”
หิรัญเปรยยิ้มๆ เขาหมุนตัวเดินไปที่รถยนต์ตนเอง เขาจอดไว้ที่ริมฟุตบาท มีแพรวนราถลาวิ่งไล่ พร้อมกับรีบพูดเสียงกระหืดกระหอบ “ก็ได้ๆ หึย!! มันสุดวิสัยนะ ไม่อย่างนั้น...” หญิงสาวรีบกลืนคำพูด เพราะสายตาคมดุ ของหิรัญตวัดมามองพอดี ไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายยิ้มง่าย ท่าทางเป็นมิตร เวลาดุขึ้นมา ก็เอาเรื่องเหมือนกัน
“นี่คู๊ณ!! ผมไม่ใช่คนขับรถนะครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยท้วง เขามองผ่านกระจกส่องหลัง เมื่อแพรวนราเปิดประตูด้านหลัง ขึ้นไปนั่งทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้
‘ใครจะไปรู้ล่ะ’
หล่อนพึมพำบ่น แต่ก็ยอมมุดออกมาจากด้านหลัง ก่อนจะเปิดประตูด้านข้างคนขับ ขึ้นไปนั่งหน้าบอกบุญไม่รับ
“ไม่ใช่เด็กแล้วนะคุณ...แต่นิสัยคุณนี่ พอๆ กับเด็กวัยรุ่นแถวบ้านผมเลย”
ก่อนที่รถยนต์จะเคลื่อนที่ออกไปจากที่จอด เสียงของหิรัญเปรยลอยๆ แต่คนข้างตัวกลับนิ่ง เธอไม่คิดจะตอบโต้...ภายในรถยนต์จึงมีแต่ความเงียบ หากมีอะไรหล่นสักอย่าง เสียงคงดังก้องมากกว่าเสียงเครื่องยนต์ หรือเสียงลมหายใจ
“ขอบคุณค่ะ”
ตามมารยาท แม้จะไม่ใคร่อยากทำ เท่าใด... ก่อนจะเดินลิ่วๆ ไม่ได้สนใจคนที่มองตามด้านหลัง
หิรัญโครงศีรษะ เขาวนหาที่จอดรถยนต์จัดการฝากรถตามขั้นตอน ก่อนจะเดินเอื่อยๆ เข้าไปเช็คอิน และรอเวลาออกเดินทาง
ชายหนุ่มมัวแต่คุยโทรศัพท์กับพ่อกำนัน มาขึ้นเครื่องก็จวนเจียนที่จะถึงเวลาเครื่องออก
เมื่อทรุดนั่งในที่ของตนเอง เขาจึงได้เห็นว่า แม่สาวฉบับพกพา นั่งอยู่ด้านข้าง
แพรวนราอ้าปากพะงาบๆ ขณะที่แหงนมองคนตัวใหญ่ เขาทรุดนั่งแล้วจึงหันมาฉีกยิ้มให้เธอ
“เห้อ!!”
เสียงถอนใจดังๆ กับการผินหน้าหนี เป็นการแสดงออกถึงความไม่พอใจของแพรวนรา แต่มีหรือคนหน้ามึนอย่างหิรัญจะสน
เขาทรุดนั่ง คว้าหนังสือแมกกาซีนในชั้นตรงหน้ามาเปิดอ่าน สวมหูฟังแนบใบหู ทำเป็นไม่สนใจอาการตะบึงตะบอนของคนข้างกาย ทั้งที่คอยแอบชำเลืองมองเสี้ยวหน้าเกลี้ยงเกลาของแพรวนราบ่อยครั้ง หล่อนมีผิวขาวจัด ขาวจนออกจะเผือดซีด คงเพราะอยู่ในที่ร่มเป็นส่วนใหญ่ แต่ผิวของหล่อนกลับเรียบเนียน เขาอยู่ใกล้ยังไม่เห็นรูขุมขน กลิ่นกายของหล่อนก็หอมอ่อนๆ ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมที่ฉุนขึ้นจมูกเหมือนที่สาวๆ ส่วนใหญ่นิยม คงอาจจะเป็นกลิ่นของโลชั่นบำรุงผิวก็ได้...ไม่อย่างนั้นผิวหล่อนจะเนียนละเอียดแบบนี้ได้ยังไง
“คุณๆ”
แพรวนราสะดุ้ง เธอเผลอหลับ จนศีรษะเอียงมาซบอยู่ที่หัวไหล่คนข้างตัว
“อือ...อาราย...” เสียงของหญิงสาวยังติดสะลึมสะลือ
“น้ำมั้ยคุณ” หิรัญอมยิ้ม เวลาแพรวนราหลับ หล่อนดูน่ารักเหลือเชื่อ ช่วงเวลาที่หล่อนนิ่งๆ น่าเอ็นดูเหมือนเด็กน้อย
“ไม่อาววว ง่วงงง” หล่อนตอบเหมือนละเมอ เปลือกตายังปิด เมื่อยังสลัดความง่วงออกไปไม่ได้
“เอาไว้ก่อนแล้วกัน เผื่อคุณคอแห้ง” หิรัญตัดบท เขาขยับศีรษะหญิงสาวให้อิงไหล่เขามากขึ้น หล่อนจะได้ไม่ปวดคอ เวลาที่ตื่นเต็มตา
เสียงหญิงสาวครางงึมงำ และก็หลับต่อ
“หลับเป็นเด็กเลย มาคนเดียวอันตรายแย่...ไม่รู้ไงว่าตัวเองน่ะสวย...”
ชายหนุ่ม บ่นเขาเอียงคอมองหล่อนยิ้มๆ ก่อนจะเปิดหนังสืออ่านไปเรื่อยๆ สลับกับมองหญิงสาวข้างตัวเป็นระยะ ปลายจมูกเล็กๆ ของแพรวนรามีเม็ดเหงื่อผุดซึมขึ้นมา หิรัญจึงล้วงผ้าเช็ดหน้าของตนเองซับเหงื่อนั่นให้ เขาเก็บผ้าเช็ดหน้ายัดไว้ในซอกกระเป๋ากางเกง หัวใจเต้นตุ๊บๆ พิกล เมื่อเผลอมองวงหน้าเนียนใสนั่น พร้อมกับความรู้สึกแปลกๆ เกิดขึ้นในหัวใจ...
“ฮัลโหล บุษนี่ผมเอง” ชายหนุ่มหยอดเสียงหวาน เมื่อปลายสายกดรับสายเข้าของเขา
บุษบันขมวดคิ้ว “คะ” เธอแบนหน้าจอโทรศัพท์ออกห่างหู กะพริบเปลือกตาปริบ เมื่อไม่คิดว่านักรบจะกล้าโทรศัพท์มาหาเธอ
“คุณรบ!!” บุษบันถามกลับอย่างงงๆ
“ครับผมเอง...”
“มีอะไรหรือเปล่าคะ...” ความสับสนพุ่งใส่หัวใจดวงน้อย
“เดี๋ยวนี้ผมต้องมีธุระเหรอ ถึงจะโทร.หาบุษได้!!”
เสียงของนักรบฟังเหมือนจะตัดพ้อ
หญิงสาวถอนใจก่อนตอบ “เปล่าค่ะ... แต่หากเราสองคนห่างกันได้ ไม่เป็นการดีกว่าเหรอคะ”
“ทำไมล่ะ” ปลายสายตอบกลับเสียงห้วนๆ
“เอ่อ...” เป็นบุษบันที่ไม่กล้าตอบ เธอกระดากปากที่จะพูดถึง ความเหมาะสมที่ชายหนุ่มน่าจะรู้อยู่เต็มอก
“ช่างเถอะๆ ผมอยากเจอบุษ เวลานี้ผมอยู่ที่ภูเก็ต” ปลายสายต่อว่าอย่างรำคาญ
“คือ...”
“บุษมาหาผมที่ลอบบี้โรงแรม...แล้วกัน ผมอยากทำความเข้าใจกับบุษเสียใหม่”
นักรบชิงพูด เขารู้ว่าบุษบันไม่กล้าขัด อีกอย่างมันเป็นพื้นที่สาธารณะ ซึ่งหล่อนคงวางใจในระดับหนึ่ง
“ก็ได้ค่ะ...” บุษบันยอมตกปากรับคำ เธออยากจบปัญหาหนักอกนี่เหมือนกัน
หากคุยกันเข้าใจ นับจากนี้ไป นักรบคงไม่มาวุ่นวายกับเธอ เมื่อหญิงสาวเข้าใจว่า ชายหนุ่มผู้นั้นมาพร้อมกับภรรยาของเขา
นรสิงห์เดินกลับมาที่ลิฟต์...เขาติดต่อหิรัญไม่ได้ โทรศัพท์ของไอ้เพื่อนยากไม่มีสัญญาณ เมื่อมาหาที่ห้องพัก ประตูก็ปิดสนิท ไม่มีสัญญาณตอบรับจากคนภายใน เขาเดินวนหน้าห้อง พยายามกดโทร. เป็นร้อยรอบ...แต่สิ่งที่ได้ก็คือความว่าง เปล่าเหมือนเดิม...จึงตัดใจ เดินกลับมายังลิฟต์ เพื่อจะโดยสารลิฟต์ลงไปด้านล่าง เขาฝากข้อความไว้แล้ว ทันทีที่มีสัญญาณ หิรัญคงติดต่อกลับมาเอง...
แต่แล้ว...เขากลับพบคนที่ไม่คิดว่าจะพบ...
บทที่7.แผนลวง... 19:00 นาฬิกา... บุษบันรีบกระหืดกระหอบมายังจุดนัดพบ...เพราะกลัวจะไม่ทันเวลานัดของนักรบ เธอกวาดตามองหาชายหนุ่มผู้นั้น จึงเห็นว่าเขานั่งรออยู่ที่เก้าอี้ ในโถงใหญ่ของลอบบี้โรงแรม ที่มีไว้บริการลูกค้า ชายหนุ่มยกมือขึ้นชู เขายิ้มร่า เมื่อเห็นหญิงสาวมาตามนัด “ขอโทษค่ะที่ทำให้รอ...งานบุษยุ่งคุณรบคงไม่ถือสา” หญิงสาวออกตัว เธอทรุดนั่งเมื่อชายหนุ่มผายมือเชื้อเชิญ “คุณตีไม่ได้มาด้วยเหรอคะ?” หลังเหลียวมองจนแน่ใจ...บุษบันไม่เห็นภารตีอยู่ในบริเวณนี้ “ไปเกาหลีน่ะ มีอะไรเหรอ?” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับกดยิ้มมุมปาก บุษบันขยับตัวด้วยความอึดอัด เธอเริ่มระแวง และรีบหาทางเลี่ยง “คุณรบมีเรื่องอะไรจะคุยกับบุษคะ ช่วงนี้ที่รีสอร์ตยุ่งๆ บุษไม่อยากทิ้งงานมานาน” เธออ้างเรื่องงาน...และกวาดตามองหาทางเลี่ยง เมื่อรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล “เรื่องตี ผมขอโทษแทนตีด้วย ผมพยายามอธิบายให้ตีฟังแล้ว...แต่ตีไม่เชื่อ...” นักรบปั้นหน้าเศร้า “ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องไม่จริง เวลาจะพิสูจน์คำพูดข
ชายหนุ่มหัวเราะลงลูกคอ เขากดปลายจมูกที่แก้มใส แต่หญิงสาวเอียงหนี ปลายจมูกนั่นจึงกดลงบนเส้นผมบนศีรษะของหล่อนแทน“นับจากนาทีนี้เป็นต้นไป...บุษจะกลายเป็นเมียผม...แบบที่บุษเคยอยากเป็นมาตลอดไงครับ”บุษบันอยากตะโกนกรอกหูนักรบนัก!! เธอไม่เคยปรารถนาที่จะเป็นเมียเขา เมื่อรู้ตัวเองดี คงไม่มีคนในครอบครัวของเขายอมรับตนเอง เมื่อบิดา มารดาของนักรบ แสดงออกแบบเปิดเผย ท่านไม่ปรารถนาลูกสะใภ้ที่จนกร็อบ!! เธอแค่รักเขา...เทิดทูนเขา บุษบันแน่ใจในนาทีนี้เอง ที่เธอรู้สึกกับนักรบก็แค่เพียงความหลงใหล เมื่อชายหนุ่มสมบูรณ์แบบ เป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิงส่วนใหญ่“อย่านะคะคุณรบ อย่าทำอะไรบุษเลย”หญิงสาววอนขอเสียงสั่นติ้ง!!เสียงลิฟต์ดังเตือน เมื่อเคลื่อนที่มาถึงจุดหมายปลายทาง“อย่าช้าสิบุษ รับประกันเลย บุษจะลืมวันนี้ไม่ลง”ชายหนุ่มลาก...บุษบันออกมายืนใกล้ประตูลิฟต์ ประตูเลื่อนเปิด แต่...คนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ตรึงปลายเท้าของนักรบไว้นรสิงห์ กษิดิศชญาธร หรืออีกนัยหนึ่งคือน้าเขยของเขาเองชายหนุ่มจิปากเบาๆ เขาแสร้งทำเป็นไม่สนใจ รีบประคองบุษบันออกมาจากตัวลิฟต์ สวนกับนรสิงห์ที่ยืนนิ่ง ชายหนุ่มไม่คิดจะขยับหลบเป็นนักรบเองที
บทนำ'ฉันคงไม่อาจทำให้เธอเปลี่ยนใจ ฉันคงไม่อาจทำให้เธอกลับมารักฉันฉันจึงขอแค่เพียงยังรักเธอ จะได้ไหม นะเธอจะได้ไหม (รักเธอตลอดไป)ฉันคงไม่อาจทำให้เธอกลับมารักฉัน…ฉันจึงขอแค่เพียงยังรักเธอ จะได้ไหม นะเธอจะได้ไหม (รักเธอตลอดไป)ฉันคงไม่อาจทำให้เธอเปลี่ยนใจ ฉันคงไม่อาจทำให้เธอกลับมารักฉันฉันจึงขอแค่เพียงยังรักเธอ จะได้ไหม นะเธอจะได้ไหม (รักเธอตลอดไป)’Cr.เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ‘ไม่อาจเปลี่ยนใจ’อินโทรเพลงเศร้า...ติดชาร์ทสมัยที่บุษบันอายุแค่10ขวบกว่าๆ ยังไว้ผมเปียใส่ชุดนักเรียนชั้นมัธยมต้น เป็นเพลงที่แสนไพเราะเกี่ยวกับ ความรัก ที่ไม่สมหวัง ไม่อาจรั้งใจคนที่จะไปไว้กับตัวเองได้...ตัวนักร้องถ่ายทอดอารมณ์สุดเศร้าได้อย่างเห็นภาพชัดเจน ถึงจะเป็นเพลงเก่ายุค90 แต่เมื่อได้ฟังเพลงนี้ทีไร หยดน้ำตาของเธอก็รินไหลออกมาทุกที เป็นความทรงจำแสนเลวร้ายที่หญิงสาวพยายามลบออกไปจากความทรงจำ แต่ไม่เคยทำได้สำเร็จ ยิ่งวันนี้... วันที่โลกถล่มลงตรงหน้าเพราะผู้ชายคนเดียวที่เธอปักใจรัก!! กำลังหน้าชื่นมีความสุขกับผู้หญิงที่เขาเลือกอยู่ต่อหน้าต่อตา สายตาของเขามองผู้หญิงข้างตัวด้วยความรักและเทิดทูน สายตาคู่นั้
บทที่1.วิวาห์พาฝันรีสอร์ตรินลดา...ภูเก็ต ซุ้มดอกไม้สีอ่อนถูกจัดเตรียมไว้ที่ชายหาด ด้านหน้ารีสอร์ตรินลดา เป็นความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ บุษบันจึงถูกเกณฑ์มาเป็นลูกมือ ช่วยช่างฝีมืออีกแรงหนึ่ง เธอเอียงคอมองซุ้มดอกไม้ที่จัดสำเร็จ ด้วยดวงตาพริบพราว นี่เป็นความฝันอย่างหนึ่งของผู้หญิงอย่างเธอเช่นกัน ได้เดินรอดใต้ซุ้มดอกไม้แสนสวยกับคนรู้ใจ มีเพื่อนฝูงมาร่วมแสดงความยินดีในงานวิวาห์ “เจ้าสาวโชคดีมากเลยนะคะ ดูสิ!! สิ่งเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้เจ้าบ่าวยังใส่ใจแล้วก็เนรมิตให้” บุษบันชวนคุย หลังจากซุ้มเสร็จลงทันเวลา คนจัดซุ้ม หันมามองพร้อมกับยิ้ม “เปล่าค่ะ นี่เจ้าสาวขอมาเอง...” หล่อนตอบ บุษบันจึงยิ้มเก้อ “เจ้าบ่าวน่ะ...แค่แต่งหล่อก็พอมั้งคะ ดูเหมือนว่าคนที่ต้องการแต่งจะเป็นฝ่ายหญิงมากกว่า” เหมือนติดพันคนงานจัดซุ้มจึงยังเปรยต่อ บุษบันจึงได้แต่รับฟัง เวลานี้เธอยังไม่แข็งแรงพอ...เมื่อหัวใจของเธอกำลังกลัดหนอง ดังนั้นงานวิวาห์นี่จึงทำให้หญิงสาวยอกแสยงใจไม่น้อย “ค่ะ” เธอรับคำแกนๆ ก้มลงเก็บเศษใบไม้บนพื้น พยายามไม่คิดถึงอดีตที่ทำให้เธอต้องระเห็จมาอ
หญิงสาวไม่เคยเกี่ยงงาน เธอมาทำงานในรีสอร์ตในฐานะเลขานุการกึ่งผู้ช่วยของรินลดา แต่งานอื่นๆ เธอก็ทำได้ ไม่เคยปฏิเสธแถมอาสาด้วยความเต็มใจ 2เดือนในรีสอร์ตแห่งนี้ ทำให้เธอผ่อนคลายและดีขึ้น จากความเมตตาของคนรอบข้าง“ได้ค่ะ ที่ร้านอาหารใช่ไหมคะ บุษจะได้รีบไปเลย” ถังขยะถูกวางลงข้างตัว เธอเช็ดมือกับชายเสื้อ เงยหน้าขึ้นยิ้มเผล่“เปล่าจ้ะ ที่งานข้างล่าง...แค่ช่วงสั้นๆ ก่อนที่ตัวจริงจะมาถึง...เริ่มมีแขกทยอยมาแล้ว แต่คนที่จะบริการมีไม่พอ คุณรินเลยอยากให้บุษลงไปช่วยแก้ขัดไว้ก่อน”ใจหายวูบ!! คือสิ่งแรกที่บุษบันรู้สึก หญิงสาวยิ้มกร่อย ไม่กล้าปฏิเสธ แต่มันเป็นการฝืนตัวเองสุดๆ เมื่อความตั้งใจของบุษบัน คือเธอจะไม่เฉียดไปใกล้ชายหาด เพื่อป้องกันใจตัวเอง เธอไม่ได้เจ็บช้ำเพราะอดีตคนรัก กำลังประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าผู้หญิงที่เขาเลือกไม่ใช่เธอ แต่เธอสมเพชตัวเอง สมเพชความโง่ที่หลงบูชานักรบมาช้านาน โดยไม่รู้ว่าเนื้อแท้ของชายผู้นั้น น่าขยะแขยงเสียจนสุดที่จะรับรู้“ค่ะ...” เมื่อเลี่ยงไม่ได้ เธอก็จำต้องทำ แต่จะพยายามที่สุดไม่ให้เจ้าของงานรู้ว่าเป็นตนเอง“แค่ชั่วโมงเดียวจ้ะ ก่อนที่ทีมงานจะเข้ามาเปลี่ยน ฝากด้วยนะบุษ แข
บทที่2.ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ... ชุดเดรสสีโอรสถูกวางไว้บนที่นอน บุษบันถอนใจเฮือกใหญ่ๆ เธอไม่อยากทำหน้าที่นี้เลย เพราะมันเสี่ยงมากที่จะต้องเผชิญหน้ากับนักรบและภารตีตรงๆ สำหรับตัวนักรบเอง ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาจบลงตั้งแต่วันนั้น ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความต้องการของเขาได้ และก็ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความคิดของเธอได้เช่นกัน ความอ่อนหวานของความรู้สึกแสนพิเศษนั่น บุษบันจะเก็บไว้ในใจ เก็บไว้เป็นความทรงจำไว้เตือนตนในอนาคต ครั้งหนึ่งเธอเคยสัมผัสกับความละมุนละไมของ ‘ความรัก’ มาก่อน แม้ผู้ชายคนนั้นจะไม่ได้รักเธอ เท่าที่เธอรักเขา หญิงสาวรีบแต่งตัว หลังเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาที่แขวนอยู่บนพนังห้อง...เวลาเหลือน้อยนิดเสียจนเธอมัวโอ้เอ้ไม่ได้ เป็นความลำบากใจที่สุดของบุษบัน!! หากเธอไปปรากฏกายขึ้นในบริเวณงานเลี้ยง ผู้ชายคนนั้น... คงจับตามองเธอด้วยอคติในใจอีกเป็นแน่… แล้วก็เป็นจริงดังคาด... เมื่อบุษบันเดินเข้าไปในบริเวณงานเลี้ยง... มันเหมือนกับเวลาหยุดลงชั่วขณะ เพราะเสียงร้องกรี๊ดๆ ของ เจ้าสาว “อีๆ อีหน้าด้าน...ใครเชิญแกมาไม่ทราบ!!” ภารตีหอบกระโป
นรสิงห์กระตุกยิ้มหยัน ให้เลือกระหว่างคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก กับภารตีที่เป็นหลาน เขาย่อมเข้าข้างคนของเขาอยู่แล้ว แม้จะรู้ว่าบางครั้งภารตีก็อาจจะทำเกินไปสักหน่อย “ค่ะ บายค่ะ” หญิงสาวเดินเลี่ยงไป เธอเดินดูความเรียบร้อย และพยายามกันตัวเองออกห่างเจ้าบ่าว-เจ้าสาว ที่มักจะชำเลืองมองมาที่เธอบ่อยๆ ด้วยความรู้สึกต่างกัน นรสิงห์ผ่อนลมหายใจแผ่วๆ สลับกับสูดลมหายใจเข้าแรงๆ หนุ่มวัย30ปีเต็ม ที่แบกภาระไว้เต็มบ่า สารพันปัญหาที่เขาต้องจัดการ ในฐานะผู้นำ บางครั้งชายหนุ่มก็รู้สึกเบื่อ ปัญหาหลากหลายโถมทับ ส่วนมากจะเป็นเรื่องวุ่นวายของภารตี หลานสาวที่ขยันก่อเรื่อง จนเขาเริ่มระอา...นั่นอาจจะเป็นเพราะว่า ภารตีถูกสปอยจนเคยตัว พี่สาว พี่เขยของเขาตามใจเสียจนบุตรสาวเก่งแต่สร้างเรื่อง แต่ไม่เคยจัดการปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยตัวเอง รวมทั้งปัญหาใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นนี่ไง ‘ไชยยะนัน’ มีแต่เปลือกตามข่าวลือ แต่ภารตีก็ฝืนดื้อ หล่อนไม่สนใจเสียงทัดทานของทุกคนในครอบครัว จนวันนี้ก็เกิดขึ้น งานวิวาห์ที่ฝืนความรู้สึกของเหล่าพี่น้อง คนที่มีความสุขยิ้มหน้าระรื่น มีแค่ภารตีค
บทที่3. Never give up!“บุษ!! ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย”เสียงทุ้มๆ ที่ดังมาจากมุมมืด ระหว่างรอยต่อบ้านพักรับรองแขก กับส่วนพื้นที่ในส่วนพนักงานบุษบันเขม้นตามอง ...เงาร่างของใครบางคนที่ซุ่มอยู่ตรงนั้นนักรบค่อยๆ เดินออกมาจากเงามืด เขายิ้มหวานให้กับผู้หญิงในอดีต ผู้หญิงคนเดียวที่เขาไม่เคยได้ลิ้มรสหล่อน แม้หล่อนจะเป็นแค่ลูกหลานคนงานในบ้าน แต่สำหรับบุษบัน หล่อนหยิ่งพอตัว“อ๋อ!! คุณรบนั่นเอง...อย่าดีกว่าค่ะ หากคุณรบไม่อยากให้ครอบครัวใหม่ของคุณรบมีปัญหา อยู่ห่างๆ บุษดีกว่าค่ะ”หญิงสาวเอ่ยเตือนพร้อมกับตั้งท่าจะเดินกลับห้อง แต่ก็ถูกรั้งไว้อีก“บุษไม่คิดจะ...ทบทวนความทรงจำเก่าๆ กับผมสักหน่อยเหรอครับ” นักรบถามพร้อมกับยิ้มละไม“คะ...อะไรนะคะ ทบทวนความทรงจำอย่างนั้นเหรอ?”สีหน้าบุษบันแหยเก เธอไม่เข้าใจความต้องการของฝ่ายตรงข้ามเลย เขาจะมารื้อฟื้นความหลังอะไรกับคนอย่างเธอ“ครับ ทบทวนความจำเก่าๆ” นักรบอมยิ้มกรุ้มกริ่ม เพราะแอลกอฮอลล์ในเส้นเลือดที่มีมากผิดปกติ บวกกับความไม่พอใจที่ภารตีขัดใจ เขาเลยคิดทำบางอย่างเพื่อแก้หน้าตัวเอง และเป็นการเตือนผู้หญิงเอาแต่ใจตัวเองอย่างภารตีด้วย“บุษลืมไปหมดแล้วล่ะค่ะ เร