หญิงสาวถอนใจ เธอยอมกลืนคำพูด เพราะอยากรู้ใจสามีเช่นกัน
“อะไรครับตี?”
“เปล่าค่ะ ตีกำลังจะชวนคุณรบไปทานข้าว แม่คงไม่ว่างไปกับเรา...”
หญิงสาวเลยแสร้งเปลี่ยนเรื่องพูด
“ไปเถอะตี แม่มีเรื่องต้องคุยกับบอร์ทบริหารอีกหลายอย่าง คงไม่ออกไปไหนวันนี้”
นางรีบสวมรับ ก่อนจะเดินแยกไปอีกทาง รู้สึกหนักอึ้งในอก เพราะการที่นำบุตรเขยมาทำงานในเดอะเพรส นางยังไม่ได้บอกน้องชาย
“ไปค่ะคุณรบ จะได้รีบกลับมาทำงาน”
ภารตีสอดมือคล้องแขนสามี เธอเอียงใบหน้าซบไหล่ของนักรบ ซ่อนแววตาเป็นกังวลไว้ โดยที่ชายหนุ่มนึกกระหยิ่ม...เมื่อเขารู้กำหนดการของภารตี วันพรุ่งนี้เขาออกเดินทางไปภูเก็ต โดยที่ภารตีต้องเหินฟ้าไปเกาหลี เพื่ออัปหน้าตัวเอง...
วันนั้นทั้งวัน นักรบจึงแสร้งหวานกับภรรยา เพื่อให้หล่อนคลายใจ เขากลัวที่สุด กลัวภารตีเปลี่ยนใจ และตามไปคุมเขาเหมือนเดิม...
วันรุ่งขึ้น...
ชายหนุ่มโบกมือลาภรรยาคนสวย เขาจูบหน้าผากหล่อน แถมทำท่าอิดออด จนภารตีเกือบเปลี่ยนใจ แต่เมื่อหล่อนหายลับไปหลังเกท นักรบจึงพ่นลมหายใจแรงๆ เขายิ้มกริ่มเมื่อนึกถึงแผนการที่ร่างไว้ในอกคร่าวๆ
ครั้งนี้...บุษบัน...หนีไม่รอดแน่ๆ
เขาจะสยบหล่อนไว้ใต้อุ้งมือ...เมื่อหล่อนทำให้เขาขาดความมั่นใจ
เขาจะทวงคืนความมั่นใจกลับคืนมา...
กระเป๋าเดินทางใบย่อมๆ ถูกโหลดขึ้นเครื่อง ชายหนุ่มที่ดูดีทั้งมาดและหน้าตายิ้มกริ่ม ความคิดล่องลอยไปไกล แต่เป็นความคิดของผู้ชายใจหมา เขาตบกระเป๋าเสื้อสูทเบาๆ ซองเล็กๆ มียาเม็ดสีขาว2เม็ด ยานรก...ที่เขาให้เพื่อนใจหมาคนหนึ่งจัดหามาให้...เพื่อเผด็จศึกบุษบัน!!
การไปภูเก็ตครั้งนี้เหมือนฟ้าดินบันดาลเปิดทางสะดวกให้...ภารตีไม่ว่าง หล่อนไม่สามารถตามก้นเข้าไปได้เหมือนเคย แผนการนี้จึงถูกร่างแผนการขึ้นมาเงียบๆ หากสัมฤทธิ์ผล...เขาจะได้ครอบครองผู้หญิงอวดดีที่ไร้ค่าคนหนึ่ง สยบหล่อนไว้ใต้ฝ่าเท้า ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ แบบที่บุษบันไม่กล้าคัดค้าน เมื่อพลาดท่าเสียทีให้กับเขาเสียแล้ว...
“ฮ่าๆ”
มันช่างเป็นความสุขที่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะร่า
รีสอร์ตรินลดา...
และมันอาจจะเป็นคราวเคราะห์ของบุษบัน เมื่อแพรวนราเกิดมีงานด่วน ต้องบินกลับก่อนกำหนด
“บุษ...ฉันกลับก่อนนะแก” กระเป๋าสะพายใบเก่ง แพรวนราห้อยไว้ที่ไหล่ซ้าย หล่อนอยู่ในชุดเตรียมพร้อมก่อนออกเดินทาง
“ไหนว่าพักร้อน2อาทิตย์ นี่เพิ่งผ่านไปได้แค่4 วันเองนะ”
หญิงสาวกล่าวท้วง
“งานมีปัญหาอะ!! ต้องรีบกลับไปดู ถ้าเคลียร์จบเดี๋ยวกลับมาใหม่”
สาวไซส์มินิบ่นอุบ...วาดปลายเท้าแตะยอดหญ้าแก้เซ็ง...
“หูยยย ยังนอนคุยกันได้ไม่กี่คืนเอง ยังไม่ทันหายคิดถึงก็กลับเสียแล้ว”
“เอาน่า กำหนดพักร้อนฉันยังเหลืออยู่ งานบ้าๆ นั่นฉันเป็นคนเริ่ม ยังไงก็ต้องกลับไปดู แกเถอะ!! ห้ามออกไปไหนสองต่อสองกับตายักษ์นั่นนะ”
แพรวนรากำชับ หมู่นี้หิรัญลุกหนัก จนความสนิทสนมเพิ่มมากขึ้นและบุษบันวางใจจนเริ่มออกไปไหนต่อไหนกับชายหนุ่มผู้นั้นสองต่อสอง
“จ้า...” บุษบันรับคำพร้อมกับยิ้มแฉ่ง
“ถ้าหมอนั่นชวนไปไหน แกต้องบอกฉันก่อน...ห้ามตัดสินใจเอง...ผู้ชายตัวดำโบราญถือ ไว้ใจไม่ได้”
แพรวนรายังบ่น แม้จะใกล้เวลาออกเดินทาง แต่ความห่วงใยเพื่อนมีมากกว่า
“ไปเอามาจากไหนฉันไม่เคยได้ยิน คนเราสมัยนี้น่ะแพรว ไม่ว่าจะตัวดำตัวขาว หากจะเลว เขาก็เลว เราแยกไม่ออกหรอก”
บุษบันติง เธอไม่เห็นด้วยกับความคิดข้อนี้ของแพรวนรา เมื่อเพื่อนของเธอมีอคติกับหิรัญ...จนไม่ยอมมองเขาในแง่ดี
“พูดถึงก็เสนอหน้ามาเลย...ตายยากชิป!!” มุมปากอิ่มบิดเบี้ยว เมื่อผู้ชายตัวใหญ่ ผิวคล้ำ โผล่หน้ามาให้เห็นพอดี
“แพรว!...พูดดีๆ สิ ลองมองคุณหิรัญเขาในแง่ดีบ้าง ฉันไม่เห็นว่าเขาจะแย่ตรงไหนเลย” หญิงสาวหันไปเอ็ดเพื่อน
“หึ!!” และดูเหมือนว่าแพรวนราจะไม่เชื่อดูได้จากปฏิกิริยาต่อต้านของเธอ
“ฉันไปก่อนล่ะ เดี๋ยวตกไฟล์”
เมื่อเวลาจวนเจียน แพรวนราก็จำต้องตัดใจ เธอเชื่อว่าบุษบันมีสมอง เพื่อนของเธอคงไม่เพลี่ยงพล้ำง่ายๆ
“จะไปไหนครับคุณ...” หิรัญฉีกยิ้มจนเห็นไรฟันครบทุกซี่
‘อย่าเผือก’ จากที่อ่านปากของสาวฉบับกระเป๋า หนุ่มบ้านนอกคิดว่าเขาเดาถูก
“ผมจะมาบอกคุณบุษครับ ผมต้องเข้ากรุงเทพฯ 2 วัน...วันพุทธโน้นผมถึงจะย้อนมาใหม่”
มีงานด่วนที่หิรัญต้องไปเจรจาเอง...เขาเลยมาบอกบุษบันไว้ก่อน หากเขาหายหน้าหายตาไป
“แพรวก็ต้องกลับกรุงเทพฯ เหมือนกันค่ะ คุณหิรัญไปไฟล์ไหนคะ?”
บุษบันอมยิ้ม เหมือนมันจะประจวบเหมาะ มีเหตุให้คู่ปรับต้องเดินทางพร้อมกัน
“10ครึ่งครับ คุณล่ะ ไปไฟล์ไหน?” หนุ่มอารมณ์ดีไม่ถือสาความไม่พอใจที่ฉาบอยู่บนใบหน้าหวานของสาวมินิ ข้างตัว
แพรวนราเบ้ปาก...อะไรมันจะจังหวะเหมาะขนาดนี้ เธอภาวนาในใจ หวังว่าเธอคงไม่ได้นั่งแถวเดียวกันกับคนตัวใหญ่ปานยักษ์บนเครื่องบิน ไม่อย่างนั้น 45 นาทีบนเครื่องบิน คงเป็นเหมือนขุมนรกสำหรับเธอ
“เหมือนกัน ไปดีกว่า...อย่าลืมล่ะบุษที่ฉันขอแกไว้” หญิงสาวกลอกตามองบน เบ้ปาก พร้อมกับปั้นสีหน้าเอื้อมระอา เธอกำชับเพื่อนรัก ก่อนจะเดินหนีไปดื้อๆ
“ผมไปด้วยครับ รอผมด้วยครับคุณแพรว...ผมไปนะคุณบุษ”
หิรัญตะโกนตามหลังแพรวนรา เขาชอบสีหน้าของหล่อน เมื่อหล่อนไม่เคยปิดบังความคิด ดวงตาของหล่อนเปิดเผยจนหมด และเขาไม่รู้ว่าตนเอง ทำอะไรให้หล่อนไม่พอใจ บุษบันอมยิ้มตามหลังคนทั้งคู่ และหากมองตามสายตาของคนไม่มีอคติ...หิรัญ กับแพรวนรา เหมาะที่จะเป็นคู่รักกันมากกว่า เธอกับหิรัญเสียอีก เมื่อชายหนุ่มอารมณ์ดี เหมาะที่จะช่วยให้คนจริงจังอย่างแพรวนราผ่อนคลายลง... “จะรีบไปไหนคุณ ถ้ารอโบกรถไปสนามบินละก็ คุณตกไฟล์นี้แน่” ชายหนุ่มตามมาทัน เมื่อแพรวนรากำลังหารถยนต์รับจ้างที่เคยวิ่งกันขวักไขว่ แต่วันนี้ถนนโล่งๆ พิกล “...” ไม่มีคำตอบจากสาวฉบับพกพา สิ่งที่หิรัญเห็นคือเรียวปากสีระเรื่อเม้มแน่น “วันนี้รถรับจ้างทั้งหมดเขารวมตัวประท้วงอยู่ที่อำเภอ เรื่องรถร่วมบริการที่กำลังเป็นข่าวดัง...ถ้าคุณยังรอรถอยู่ตรงนี้ล่ะก็... ไฟล์ที่กำลังจะบิน คุณคงไปไม่ทัน” ชายหนุ่มเปรยด้วยความหวังดี ไหนๆ ก็จะไปทางเดียวกัน เขาไม่รังเกียจที่จะให้แพรวนราอาศัยรถยนต์ไปด้วยอยู่แล้ว หญิงสาวจิปาก!! เธอเริ่มลังเล...เมื่อบนท้องถนนว่างเปล่า เงียบจนน่าวิตก ความคิดเร็วพอๆ กับการก
บทที่7.แผนลวง... 19:00 นาฬิกา... บุษบันรีบกระหืดกระหอบมายังจุดนัดพบ...เพราะกลัวจะไม่ทันเวลานัดของนักรบ เธอกวาดตามองหาชายหนุ่มผู้นั้น จึงเห็นว่าเขานั่งรออยู่ที่เก้าอี้ ในโถงใหญ่ของลอบบี้โรงแรม ที่มีไว้บริการลูกค้า ชายหนุ่มยกมือขึ้นชู เขายิ้มร่า เมื่อเห็นหญิงสาวมาตามนัด “ขอโทษค่ะที่ทำให้รอ...งานบุษยุ่งคุณรบคงไม่ถือสา” หญิงสาวออกตัว เธอทรุดนั่งเมื่อชายหนุ่มผายมือเชื้อเชิญ “คุณตีไม่ได้มาด้วยเหรอคะ?” หลังเหลียวมองจนแน่ใจ...บุษบันไม่เห็นภารตีอยู่ในบริเวณนี้ “ไปเกาหลีน่ะ มีอะไรเหรอ?” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับกดยิ้มมุมปาก บุษบันขยับตัวด้วยความอึดอัด เธอเริ่มระแวง และรีบหาทางเลี่ยง “คุณรบมีเรื่องอะไรจะคุยกับบุษคะ ช่วงนี้ที่รีสอร์ตยุ่งๆ บุษไม่อยากทิ้งงานมานาน” เธออ้างเรื่องงาน...และกวาดตามองหาทางเลี่ยง เมื่อรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล “เรื่องตี ผมขอโทษแทนตีด้วย ผมพยายามอธิบายให้ตีฟังแล้ว...แต่ตีไม่เชื่อ...” นักรบปั้นหน้าเศร้า “ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องไม่จริง เวลาจะพิสูจน์คำพูดข
ชายหนุ่มหัวเราะลงลูกคอ เขากดปลายจมูกที่แก้มใส แต่หญิงสาวเอียงหนี ปลายจมูกนั่นจึงกดลงบนเส้นผมบนศีรษะของหล่อนแทน“นับจากนาทีนี้เป็นต้นไป...บุษจะกลายเป็นเมียผม...แบบที่บุษเคยอยากเป็นมาตลอดไงครับ”บุษบันอยากตะโกนกรอกหูนักรบนัก!! เธอไม่เคยปรารถนาที่จะเป็นเมียเขา เมื่อรู้ตัวเองดี คงไม่มีคนในครอบครัวของเขายอมรับตนเอง เมื่อบิดา มารดาของนักรบ แสดงออกแบบเปิดเผย ท่านไม่ปรารถนาลูกสะใภ้ที่จนกร็อบ!! เธอแค่รักเขา...เทิดทูนเขา บุษบันแน่ใจในนาทีนี้เอง ที่เธอรู้สึกกับนักรบก็แค่เพียงความหลงใหล เมื่อชายหนุ่มสมบูรณ์แบบ เป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิงส่วนใหญ่“อย่านะคะคุณรบ อย่าทำอะไรบุษเลย”หญิงสาววอนขอเสียงสั่นติ้ง!!เสียงลิฟต์ดังเตือน เมื่อเคลื่อนที่มาถึงจุดหมายปลายทาง“อย่าช้าสิบุษ รับประกันเลย บุษจะลืมวันนี้ไม่ลง”ชายหนุ่มลาก...บุษบันออกมายืนใกล้ประตูลิฟต์ ประตูเลื่อนเปิด แต่...คนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ตรึงปลายเท้าของนักรบไว้นรสิงห์ กษิดิศชญาธร หรืออีกนัยหนึ่งคือน้าเขยของเขาเองชายหนุ่มจิปากเบาๆ เขาแสร้งทำเป็นไม่สนใจ รีบประคองบุษบันออกมาจากตัวลิฟต์ สวนกับนรสิงห์ที่ยืนนิ่ง ชายหนุ่มไม่คิดจะขยับหลบเป็นนักรบเองที
บทนำ'ฉันคงไม่อาจทำให้เธอเปลี่ยนใจ ฉันคงไม่อาจทำให้เธอกลับมารักฉันฉันจึงขอแค่เพียงยังรักเธอ จะได้ไหม นะเธอจะได้ไหม (รักเธอตลอดไป)ฉันคงไม่อาจทำให้เธอกลับมารักฉัน…ฉันจึงขอแค่เพียงยังรักเธอ จะได้ไหม นะเธอจะได้ไหม (รักเธอตลอดไป)ฉันคงไม่อาจทำให้เธอเปลี่ยนใจ ฉันคงไม่อาจทำให้เธอกลับมารักฉันฉันจึงขอแค่เพียงยังรักเธอ จะได้ไหม นะเธอจะได้ไหม (รักเธอตลอดไป)’Cr.เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ‘ไม่อาจเปลี่ยนใจ’อินโทรเพลงเศร้า...ติดชาร์ทสมัยที่บุษบันอายุแค่10ขวบกว่าๆ ยังไว้ผมเปียใส่ชุดนักเรียนชั้นมัธยมต้น เป็นเพลงที่แสนไพเราะเกี่ยวกับ ความรัก ที่ไม่สมหวัง ไม่อาจรั้งใจคนที่จะไปไว้กับตัวเองได้...ตัวนักร้องถ่ายทอดอารมณ์สุดเศร้าได้อย่างเห็นภาพชัดเจน ถึงจะเป็นเพลงเก่ายุค90 แต่เมื่อได้ฟังเพลงนี้ทีไร หยดน้ำตาของเธอก็รินไหลออกมาทุกที เป็นความทรงจำแสนเลวร้ายที่หญิงสาวพยายามลบออกไปจากความทรงจำ แต่ไม่เคยทำได้สำเร็จ ยิ่งวันนี้... วันที่โลกถล่มลงตรงหน้าเพราะผู้ชายคนเดียวที่เธอปักใจรัก!! กำลังหน้าชื่นมีความสุขกับผู้หญิงที่เขาเลือกอยู่ต่อหน้าต่อตา สายตาของเขามองผู้หญิงข้างตัวด้วยความรักและเทิดทูน สายตาคู่นั้
บทที่1.วิวาห์พาฝันรีสอร์ตรินลดา...ภูเก็ต ซุ้มดอกไม้สีอ่อนถูกจัดเตรียมไว้ที่ชายหาด ด้านหน้ารีสอร์ตรินลดา เป็นความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ บุษบันจึงถูกเกณฑ์มาเป็นลูกมือ ช่วยช่างฝีมืออีกแรงหนึ่ง เธอเอียงคอมองซุ้มดอกไม้ที่จัดสำเร็จ ด้วยดวงตาพริบพราว นี่เป็นความฝันอย่างหนึ่งของผู้หญิงอย่างเธอเช่นกัน ได้เดินรอดใต้ซุ้มดอกไม้แสนสวยกับคนรู้ใจ มีเพื่อนฝูงมาร่วมแสดงความยินดีในงานวิวาห์ “เจ้าสาวโชคดีมากเลยนะคะ ดูสิ!! สิ่งเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้เจ้าบ่าวยังใส่ใจแล้วก็เนรมิตให้” บุษบันชวนคุย หลังจากซุ้มเสร็จลงทันเวลา คนจัดซุ้ม หันมามองพร้อมกับยิ้ม “เปล่าค่ะ นี่เจ้าสาวขอมาเอง...” หล่อนตอบ บุษบันจึงยิ้มเก้อ “เจ้าบ่าวน่ะ...แค่แต่งหล่อก็พอมั้งคะ ดูเหมือนว่าคนที่ต้องการแต่งจะเป็นฝ่ายหญิงมากกว่า” เหมือนติดพันคนงานจัดซุ้มจึงยังเปรยต่อ บุษบันจึงได้แต่รับฟัง เวลานี้เธอยังไม่แข็งแรงพอ...เมื่อหัวใจของเธอกำลังกลัดหนอง ดังนั้นงานวิวาห์นี่จึงทำให้หญิงสาวยอกแสยงใจไม่น้อย “ค่ะ” เธอรับคำแกนๆ ก้มลงเก็บเศษใบไม้บนพื้น พยายามไม่คิดถึงอดีตที่ทำให้เธอต้องระเห็จมาอ
หญิงสาวไม่เคยเกี่ยงงาน เธอมาทำงานในรีสอร์ตในฐานะเลขานุการกึ่งผู้ช่วยของรินลดา แต่งานอื่นๆ เธอก็ทำได้ ไม่เคยปฏิเสธแถมอาสาด้วยความเต็มใจ 2เดือนในรีสอร์ตแห่งนี้ ทำให้เธอผ่อนคลายและดีขึ้น จากความเมตตาของคนรอบข้าง“ได้ค่ะ ที่ร้านอาหารใช่ไหมคะ บุษจะได้รีบไปเลย” ถังขยะถูกวางลงข้างตัว เธอเช็ดมือกับชายเสื้อ เงยหน้าขึ้นยิ้มเผล่“เปล่าจ้ะ ที่งานข้างล่าง...แค่ช่วงสั้นๆ ก่อนที่ตัวจริงจะมาถึง...เริ่มมีแขกทยอยมาแล้ว แต่คนที่จะบริการมีไม่พอ คุณรินเลยอยากให้บุษลงไปช่วยแก้ขัดไว้ก่อน”ใจหายวูบ!! คือสิ่งแรกที่บุษบันรู้สึก หญิงสาวยิ้มกร่อย ไม่กล้าปฏิเสธ แต่มันเป็นการฝืนตัวเองสุดๆ เมื่อความตั้งใจของบุษบัน คือเธอจะไม่เฉียดไปใกล้ชายหาด เพื่อป้องกันใจตัวเอง เธอไม่ได้เจ็บช้ำเพราะอดีตคนรัก กำลังประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าผู้หญิงที่เขาเลือกไม่ใช่เธอ แต่เธอสมเพชตัวเอง สมเพชความโง่ที่หลงบูชานักรบมาช้านาน โดยไม่รู้ว่าเนื้อแท้ของชายผู้นั้น น่าขยะแขยงเสียจนสุดที่จะรับรู้“ค่ะ...” เมื่อเลี่ยงไม่ได้ เธอก็จำต้องทำ แต่จะพยายามที่สุดไม่ให้เจ้าของงานรู้ว่าเป็นตนเอง“แค่ชั่วโมงเดียวจ้ะ ก่อนที่ทีมงานจะเข้ามาเปลี่ยน ฝากด้วยนะบุษ แข
บทที่2.ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ... ชุดเดรสสีโอรสถูกวางไว้บนที่นอน บุษบันถอนใจเฮือกใหญ่ๆ เธอไม่อยากทำหน้าที่นี้เลย เพราะมันเสี่ยงมากที่จะต้องเผชิญหน้ากับนักรบและภารตีตรงๆ สำหรับตัวนักรบเอง ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาจบลงตั้งแต่วันนั้น ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความต้องการของเขาได้ และก็ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความคิดของเธอได้เช่นกัน ความอ่อนหวานของความรู้สึกแสนพิเศษนั่น บุษบันจะเก็บไว้ในใจ เก็บไว้เป็นความทรงจำไว้เตือนตนในอนาคต ครั้งหนึ่งเธอเคยสัมผัสกับความละมุนละไมของ ‘ความรัก’ มาก่อน แม้ผู้ชายคนนั้นจะไม่ได้รักเธอ เท่าที่เธอรักเขา หญิงสาวรีบแต่งตัว หลังเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาที่แขวนอยู่บนพนังห้อง...เวลาเหลือน้อยนิดเสียจนเธอมัวโอ้เอ้ไม่ได้ เป็นความลำบากใจที่สุดของบุษบัน!! หากเธอไปปรากฏกายขึ้นในบริเวณงานเลี้ยง ผู้ชายคนนั้น... คงจับตามองเธอด้วยอคติในใจอีกเป็นแน่… แล้วก็เป็นจริงดังคาด... เมื่อบุษบันเดินเข้าไปในบริเวณงานเลี้ยง... มันเหมือนกับเวลาหยุดลงชั่วขณะ เพราะเสียงร้องกรี๊ดๆ ของ เจ้าสาว “อีๆ อีหน้าด้าน...ใครเชิญแกมาไม่ทราบ!!” ภารตีหอบกระโป
นรสิงห์กระตุกยิ้มหยัน ให้เลือกระหว่างคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก กับภารตีที่เป็นหลาน เขาย่อมเข้าข้างคนของเขาอยู่แล้ว แม้จะรู้ว่าบางครั้งภารตีก็อาจจะทำเกินไปสักหน่อย “ค่ะ บายค่ะ” หญิงสาวเดินเลี่ยงไป เธอเดินดูความเรียบร้อย และพยายามกันตัวเองออกห่างเจ้าบ่าว-เจ้าสาว ที่มักจะชำเลืองมองมาที่เธอบ่อยๆ ด้วยความรู้สึกต่างกัน นรสิงห์ผ่อนลมหายใจแผ่วๆ สลับกับสูดลมหายใจเข้าแรงๆ หนุ่มวัย30ปีเต็ม ที่แบกภาระไว้เต็มบ่า สารพันปัญหาที่เขาต้องจัดการ ในฐานะผู้นำ บางครั้งชายหนุ่มก็รู้สึกเบื่อ ปัญหาหลากหลายโถมทับ ส่วนมากจะเป็นเรื่องวุ่นวายของภารตี หลานสาวที่ขยันก่อเรื่อง จนเขาเริ่มระอา...นั่นอาจจะเป็นเพราะว่า ภารตีถูกสปอยจนเคยตัว พี่สาว พี่เขยของเขาตามใจเสียจนบุตรสาวเก่งแต่สร้างเรื่อง แต่ไม่เคยจัดการปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยตัวเอง รวมทั้งปัญหาใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นนี่ไง ‘ไชยยะนัน’ มีแต่เปลือกตามข่าวลือ แต่ภารตีก็ฝืนดื้อ หล่อนไม่สนใจเสียงทัดทานของทุกคนในครอบครัว จนวันนี้ก็เกิดขึ้น งานวิวาห์ที่ฝืนความรู้สึกของเหล่าพี่น้อง คนที่มีความสุขยิ้มหน้าระรื่น มีแค่ภารตีค