บทที่6.หลุมพราง...
1อาทิตย์สำหรับการฮันนีมูน เป็นความสุขใจของภารตี เธอพานักรบท่องแดนในฝันโซนยุโรปจนปุ จบทริปแสนหวานด้วยท้องทะเลที่มัลดีฟส์ สวนสวรรค์ของคู่รักโดยที่เธอเป็นคนควักกระเป๋าจ่ายทุกรายการ นักรบทำแค่ยิ้มหล่อ ทำตัวเป็นสามีทีดีของเธอก็พอ
หลังจากกลับมาจากการพักผ่อนหลังงานวิวาห์ ภารตีทำตามคำพูดที่รับปากนักรบไว้ เธอร้องของมารดาจนวิภาวีใจอ่อน ยัดตำแหน่งหัวหน้าแผนกให้นักรบเข้าไปทำงานในเดอะเพรส โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของนรสิงห์ เมื่อน้องชายของเธออยู่ในช่วงพักร้อนพอดี เขาอยู่ที่ภูเก็ต ใช้เวลาทั้งหมดกับการนอน ชดเชยกับช่วงเวลาที่กร่ำงานมาหลายปี
เดอะเพรส...
ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เป็นแหล่งช็อบปิ้งที่นรสิงห์ลงแรงทุ่มเทมันสมองจนสามารถทำให้ชื่อเสียงกระฉ่อน มีบรรดาไฮโซ เซเลป และคนทั่วไป ตบเท้าเดินเข้าไปจับจ่าย วันๆ หนึ่งไม่ต่ำว่าแสนคน...มียอดเงินสะพัด มีรายได้เข้าเป็นกอบเป็นกำ จากการเช่าพื้นที่ของบรรดาร้านรวงต่างๆ
นักรบเดินยืดเขาเข้ามาเหยียบในเดอะเพรสสมความตั้งใจ แม้จะเป็นแค่ตำแหน่งเล็กๆ แต่ในอนาคตเขาต้องไปไกลกว่านั้น เมื่อเป็นสามีของภารตี บุตรสาวหุ้นส่วนใหญ่ของเดอะเพรส
ระหว่างทางบรรดาคนขี้ประจบพากันเข้ามาฝากตัว ยิ่งทำให้นักรบลำพองมากขึ้น
ขนาดบอร์ทบริหารบางคนที่เดินผ่าน ยังกล่าวทักทาย ยิ่งทำให้ชายหนุ่มเดินยืดมากขึ้นอีก
“เชิญค่ะ นี่ห้องทำงานของคุณนักรบ”
หัวหน้าฝ่ายบุคคลลงทุนมาต้อนรับด้วยตนเอง เมื่อเป็นคำสั่งจากเบื้องสูง จะมีใครหน้าไหนกล้าขัด เมื่อขณะนี้คนที่กุมบังเหียนคือวิภาวี เมื่อนรสิงห์อยู่ในช่วงพักร้อน
ในการทำงานวันแรกของนักรบ คือการทำความรู้จักกับหัวหน้าฝ่าย และผู้บริหารระดับสูงหลายท่าน รวมถึงการเดินวางกล้าม ทำท่าอวดตัว แม้จะเป็นที่ขัดนัยน์ตาใครหลายคน แต่ใครล่ะจะกล้าพูด เมื่อด้านข้างของชายหนุ่ม มีภารตีบุตรสาวของบอร์ทใหญ่เดินขนาบไปด้วย
“ตีจ๋า ตีจะไปช็อป หรือจะไปเสริมสวยก็ได้นะ ผมไม่อยากให้ใครๆ นินทา ว่ามีเมียมาคอยคุม”
ชายหนุ่มกล่าวเสียงหวาน แต่ใจความสำคัญคือการไล่ภารตีกลายๆ
“ตีกลัวคุณรบไม่คุ้นกับงานค่ะ เลยอยากอยู่ช่วย”
“ผัวตีน่ะจบนอกนะครับ ผมน่าจะทำได้ งานไม่ได้ยากอะไรเลย ที่สำคัญ ผมไม่อยากให้ตีเหนื่อย”
ชายหนุ่มรีบตะล่อมเสียงหวาน เขาแอบเบ้ปาก เมื่อมีภารตีคอยตามแจ...
“ก็ได้ค่ะ เย็นๆ ตีจะแวะมารับนะคะ” รถยนต์ที่ขับมาจากบ้านของภารตี เป็นรถนำเข้ารุ่นล่าสุด เป็นของขวัญแต่งงานที่วิภาวีจัดให้บุตรสาว ตามคำเรียกร้องของเจ้าตัว แต่นั่นเป็นความต้องการของนักรบ เมื่อภารตีไม่นิยมขับรถยนต์ เธอไม่อยากอารมณ์เสียเพราะการจราจรแสนแน่นขนัดบนท้องถนน สู้นั่งสบายๆ มีคนขับมากกว่า
“อย่าเลยครับ วันนี้ตีอยู่บ้าน ทำอาหารไว้รอผมดีกว่า ผมจะรีบกลับไม่ไถลออกนอกทางเด็ดขาด”
ชายหนุ่มรีบพูดเสียงขึงขัง...หากภารตีจะกลับ หล่อนย่อมเรียกคนขับรถแน่ ดังนั้น เขาจะได้ขับรถยนต์หรูฉายเดี่ยวคนเดียว
“ตีไม่ชอบเข้าครัวนี่คะ”
ภรรยาหมาดๆ ทำหน้ายับ เธอไม่ชอบกลิ่นเครื่องเทศที่ติดผม ติดเสื้อผ้า อีกอย่างที่บ้านของเธอมีแม่ครัวคอยจัดให้ เธอไม่เคยต้องทำอะไรแบบนั้น แม่แต่การรินน้ำใส่แก้ว
“ตีจ๋า... รู้มั้ย เสน่ห์ปลายจวักน่ะ ผัวรักผัวหลง หากตีทำกับข้าวไว้รอ...ผมจะไปไหนรอด”
คำหวานที่แฝงไว้ด้วยยาพิษ นักรบพูดได้แบบไม่ติดขัด เพียงเพื่อจะสลัดผู้หญิงน่ารำคาญคนหนึ่งออกไปห่างๆ ตัว เขาอยากมีเวลาที่เป็นตัวเอง ไม่ต้องเกร็งและปั้นหน้าตลอดเวลาเช่นนี้
“ก็ได้ค่ะ คุณรบรู้ไว้นะคะ ตีรักคุณ ตีเลยอยากให้คุณพอใจ รีบกลับบ้านนะคะคนดี”
หญิงสาวถอนใจ...ยังไงเสีย คนในสังคมรับรู้กันไปทั่ว นักรบ คือสามีของเธอ และเวลานี้เธอเป็นสะใภ้ไชยยะนัน
อีหน้าไหนแหลมเข้ามา เธอมีสิทธิ์จัดการในฐานะเมียแต่ง!!
ชายหนุ่มจึงเริงร่า ส่งสายตาหวานๆ ให้พนักงานสาวๆ ที่หวังสบายทางลัด แม้จะต้องแลกมาด้วยการเสียอะไรบางอย่าง...
1อาทิตย์สำหรับการทำงานที่เดอะเพรส...นักรบทำดี จนมีแต่เสียงชม แต่นั่นคือหน้าฉาก เพราะเข้าต้องการให้ทุกคนยอมรับ และเวลานี้ยังไม่มีช่องพอ จะให้ยักยอกได้...
การประชุมบอร์ทจบลงด้วยดี มีเสียงเอ่ยชมจนภารตียิ้มปลื้มกับความสามารถของสามี รวมทั้งแม่ยายอย่างวิภาวี ที่พลอยได้หน้าไปด้วย...
“ทำไมต้องให้คุณรบไปด้วยคะแม่?”
ภูเก็ต...เธอไม่อยากให้นักรบไปเหยียบที่จังหวัดนั้น เมื่อ บุษบัน ยังอยู่ที่นั่น!!
“ยัยตี แยกแยะหน่อย ฉันส่งผัวแกไปทำงานนะ หากอยากให้คนอื่นรวมทั้งน้าแกยอมรับผัวแก ก็อยู่เฉยๆ”
วิภาวีปรามเสียงขุ่น หล่อนถอนใจแรงๆ กับความเจ้ากี้เจ้าการของบุตรสาว
“แม่ก็รู้ ตียุ่ง!! ตีไม่ไว้ใจให้คุณรบไปคนเดียว”
ภารตีมีกำหนดไปทำสวยที่เกาหลี เธอนัดหมอไว้แล้ว และเลื่อนไม่ได้เสียด้วย
“ปล่อยๆ บ้างก็ได้ผัวน่ะ เขาเป็นผัวแก ไม่ใช่ลูก ตามจิกแบบนี้เดี๋ยวเขาจะรำคาญ” นางสอนบุตรสาวด้วยความหวังดี
“แม่ก็...อีนั่นมันจ้องคุณรบตาเป็นมัน หากตีเผลอ...”
“ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกนะตี...หากผัวแกไม่เล่นด้วย อีนังนั่นก็ทำอะไรไม่ได้”
วิภาวีติง...เธอหนักใจแทนบุตรสาว เมื่อนักรบน่ะดูไม่ยาก ลูกเขยนางมีความลับซุกไว้เยอะ และคงกะล่อนไม่น้อย
“เปลี่ยนคนไปไม่ได้เหรอแม่...” บุตรสาวหน้าม่อย อ้อนมารดาเสียงอ่อยๆ
“ตี...คิดในแง่ดีซิลูก ให้เขาพิสูจน์ตัวเอง หากเขาไม่ยุ่งกับอีนังนั่น ลูกก็จะได้วางใจไง แต่ถ้าหางโผล่!! จบเร็วก็ดีสำหรับตัวลูก”
ในฐานะมารดา เธอรักบุตรสาวยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด หากบุตรเขยเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก ครั้งนี้ก็จะเป็นบทพิสูจน์อย่างหนึ่ง ยังไงเสีย นรสิงห์ก็อยู่ที่นั่น นางอาศัยไหว้วานให้น้องชายเป็นหูเป็นตาให้ หากนักรบชั่วชาติ เขาก็ไม่สมควรร่วมอยู่ในครอบครัวของนาง
“คุณแม่!!”
ภารตีร้องเสียงหลง แต่เมื่อคิดดูอีกที ครั้งนี้ก็เป็นการพิสูจน์นักรบอย่างที่มารดาพูด จะได้รู้ดำ รู้แดงไปเลย ว่าเขาจริงใจแค่ไหน แม้จะรู้สึกหวิวๆ ในอก เมื่อภารตีเองก็ไม่ใคร่แน่ใจ ว่าสามีรักเธอ หรือสตางค์ในกระเป๋าของเธอ
“สิงห์อยู่ที่นั่น ตีจะกลัวอะไรลูก แม่จะให้น้าเราจับตาดูอีกทาง”
ภารตีถอนใจ เธอพยักหน้าเห็นด้วย...หลังใคร่ครวญถึงผลได้ผลเสีย แม้จะผ่านงานวิวาห์มาแล้วแค่1 อาทิตย์กว่าๆ
“กลับหรือยังครับทูนหัว สวัสดีครับคุณแม่”
นักรบยิ้มประจบส่งให้มารดาของภรรยา วิภาวีแค่นยิ้มให้ เธอไม่สนิทใจที่จะรับไหว้ เมื่อกว่าจะได้นักรบมาเป็นสามีของบุตร สาว เธอควักกระเป๋าจ่าย ไปไม่น้อย เหมือนเวลานี้นางรับเลี้ยงคนทั้งไชยยะนันด้วย เพราะสิ่งที่นักรบเรียกร้องจากบุตรสาว นับตั้งแต่กินตำแหน่งสามี ภารตีควักจ่ายไปเกือบ10ล้าน
“คุณรบ!!” ภารตีเตรียมจะย้ำ
“อะแห้ม!!” แต่เสียงกระเอมของมารดาดังขัดจังหวะ นางถลึงตาใส่บุตรสาวไม่ให้ภารตีเตือนสามี เขาจะได้ไม่ทันระวังตัว หากนักรบคิดจะนอกลู่นอกทาง
หญิงสาวถอนใจ เธอยอมกลืนคำพูด เพราะอยากรู้ใจสามีเช่นกัน “อะไรครับตี?” “เปล่าค่ะ ตีกำลังจะชวนคุณรบไปทานข้าว แม่คงไม่ว่างไปกับเรา...” หญิงสาวเลยแสร้งเปลี่ยนเรื่องพูด “ไปเถอะตี แม่มีเรื่องต้องคุยกับบอร์ทบริหารอีกหลายอย่าง คงไม่ออกไปไหนวันนี้” นางรีบสวมรับ ก่อนจะเดินแยกไปอีกทาง รู้สึกหนักอึ้งในอก เพราะการที่นำบุตรเขยมาทำงานในเดอะเพรส นางยังไม่ได้บอกน้องชาย “ไปค่ะคุณรบ จะได้รีบกลับมาทำงาน” ภารตีสอดมือคล้องแขนสามี เธอเอียงใบหน้าซบไหล่ของนักรบ ซ่อนแววตาเป็นกังวลไว้ โดยที่ชายหนุ่มนึกกระหยิ่ม...เมื่อเขารู้กำหนดการของภารตี วันพรุ่งนี้เขาออกเดินทางไปภูเก็ต โดยที่ภารตีต้องเหินฟ้าไปเกาหลี เพื่ออัปหน้าตัวเอง... วันนั้นทั้งวัน นักรบจึงแสร้งหวานกับภรรยา เพื่อให้หล่อนคลายใจ เขากลัวที่สุด กลัวภารตีเปลี่ยนใจ และตามไปคุมเขาเหมือนเดิม...วันรุ่งขึ้น... ชายหนุ่มโบกมือลาภรรยาคนสวย เขาจูบหน้าผากหล่อน แถมทำท่าอิดออด จนภารตีเกือบเปลี่ยนใจ แต่เมื่อหล่อนหายลับไปหลังเกท นักรบจึงพ่นลมหายใจแรงๆ เขายิ้มกริ่มเมื่อนึกถึงแผนการที่ร
หิรัญตะโกนตามหลังแพรวนรา เขาชอบสีหน้าของหล่อน เมื่อหล่อนไม่เคยปิดบังความคิด ดวงตาของหล่อนเปิดเผยจนหมด และเขาไม่รู้ว่าตนเอง ทำอะไรให้หล่อนไม่พอใจ บุษบันอมยิ้มตามหลังคนทั้งคู่ และหากมองตามสายตาของคนไม่มีอคติ...หิรัญ กับแพรวนรา เหมาะที่จะเป็นคู่รักกันมากกว่า เธอกับหิรัญเสียอีก เมื่อชายหนุ่มอารมณ์ดี เหมาะที่จะช่วยให้คนจริงจังอย่างแพรวนราผ่อนคลายลง... “จะรีบไปไหนคุณ ถ้ารอโบกรถไปสนามบินละก็ คุณตกไฟล์นี้แน่” ชายหนุ่มตามมาทัน เมื่อแพรวนรากำลังหารถยนต์รับจ้างที่เคยวิ่งกันขวักไขว่ แต่วันนี้ถนนโล่งๆ พิกล “...” ไม่มีคำตอบจากสาวฉบับพกพา สิ่งที่หิรัญเห็นคือเรียวปากสีระเรื่อเม้มแน่น “วันนี้รถรับจ้างทั้งหมดเขารวมตัวประท้วงอยู่ที่อำเภอ เรื่องรถร่วมบริการที่กำลังเป็นข่าวดัง...ถ้าคุณยังรอรถอยู่ตรงนี้ล่ะก็... ไฟล์ที่กำลังจะบิน คุณคงไปไม่ทัน” ชายหนุ่มเปรยด้วยความหวังดี ไหนๆ ก็จะไปทางเดียวกัน เขาไม่รังเกียจที่จะให้แพรวนราอาศัยรถยนต์ไปด้วยอยู่แล้ว หญิงสาวจิปาก!! เธอเริ่มลังเล...เมื่อบนท้องถนนว่างเปล่า เงียบจนน่าวิตก ความคิดเร็วพอๆ กับการก
บทที่7.แผนลวง... 19:00 นาฬิกา... บุษบันรีบกระหืดกระหอบมายังจุดนัดพบ...เพราะกลัวจะไม่ทันเวลานัดของนักรบ เธอกวาดตามองหาชายหนุ่มผู้นั้น จึงเห็นว่าเขานั่งรออยู่ที่เก้าอี้ ในโถงใหญ่ของลอบบี้โรงแรม ที่มีไว้บริการลูกค้า ชายหนุ่มยกมือขึ้นชู เขายิ้มร่า เมื่อเห็นหญิงสาวมาตามนัด “ขอโทษค่ะที่ทำให้รอ...งานบุษยุ่งคุณรบคงไม่ถือสา” หญิงสาวออกตัว เธอทรุดนั่งเมื่อชายหนุ่มผายมือเชื้อเชิญ “คุณตีไม่ได้มาด้วยเหรอคะ?” หลังเหลียวมองจนแน่ใจ...บุษบันไม่เห็นภารตีอยู่ในบริเวณนี้ “ไปเกาหลีน่ะ มีอะไรเหรอ?” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับกดยิ้มมุมปาก บุษบันขยับตัวด้วยความอึดอัด เธอเริ่มระแวง และรีบหาทางเลี่ยง “คุณรบมีเรื่องอะไรจะคุยกับบุษคะ ช่วงนี้ที่รีสอร์ตยุ่งๆ บุษไม่อยากทิ้งงานมานาน” เธออ้างเรื่องงาน...และกวาดตามองหาทางเลี่ยง เมื่อรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล “เรื่องตี ผมขอโทษแทนตีด้วย ผมพยายามอธิบายให้ตีฟังแล้ว...แต่ตีไม่เชื่อ...” นักรบปั้นหน้าเศร้า “ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องไม่จริง เวลาจะพิสูจน์คำพูดข
ชายหนุ่มหัวเราะลงลูกคอ เขากดปลายจมูกที่แก้มใส แต่หญิงสาวเอียงหนี ปลายจมูกนั่นจึงกดลงบนเส้นผมบนศีรษะของหล่อนแทน“นับจากนาทีนี้เป็นต้นไป...บุษจะกลายเป็นเมียผม...แบบที่บุษเคยอยากเป็นมาตลอดไงครับ”บุษบันอยากตะโกนกรอกหูนักรบนัก!! เธอไม่เคยปรารถนาที่จะเป็นเมียเขา เมื่อรู้ตัวเองดี คงไม่มีคนในครอบครัวของเขายอมรับตนเอง เมื่อบิดา มารดาของนักรบ แสดงออกแบบเปิดเผย ท่านไม่ปรารถนาลูกสะใภ้ที่จนกร็อบ!! เธอแค่รักเขา...เทิดทูนเขา บุษบันแน่ใจในนาทีนี้เอง ที่เธอรู้สึกกับนักรบก็แค่เพียงความหลงใหล เมื่อชายหนุ่มสมบูรณ์แบบ เป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิงส่วนใหญ่“อย่านะคะคุณรบ อย่าทำอะไรบุษเลย”หญิงสาววอนขอเสียงสั่นติ้ง!!เสียงลิฟต์ดังเตือน เมื่อเคลื่อนที่มาถึงจุดหมายปลายทาง“อย่าช้าสิบุษ รับประกันเลย บุษจะลืมวันนี้ไม่ลง”ชายหนุ่มลาก...บุษบันออกมายืนใกล้ประตูลิฟต์ ประตูเลื่อนเปิด แต่...คนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ตรึงปลายเท้าของนักรบไว้นรสิงห์ กษิดิศชญาธร หรืออีกนัยหนึ่งคือน้าเขยของเขาเองชายหนุ่มจิปากเบาๆ เขาแสร้งทำเป็นไม่สนใจ รีบประคองบุษบันออกมาจากตัวลิฟต์ สวนกับนรสิงห์ที่ยืนนิ่ง ชายหนุ่มไม่คิดจะขยับหลบเป็นนักรบเองที
บทนำ'ฉันคงไม่อาจทำให้เธอเปลี่ยนใจ ฉันคงไม่อาจทำให้เธอกลับมารักฉันฉันจึงขอแค่เพียงยังรักเธอ จะได้ไหม นะเธอจะได้ไหม (รักเธอตลอดไป)ฉันคงไม่อาจทำให้เธอกลับมารักฉัน…ฉันจึงขอแค่เพียงยังรักเธอ จะได้ไหม นะเธอจะได้ไหม (รักเธอตลอดไป)ฉันคงไม่อาจทำให้เธอเปลี่ยนใจ ฉันคงไม่อาจทำให้เธอกลับมารักฉันฉันจึงขอแค่เพียงยังรักเธอ จะได้ไหม นะเธอจะได้ไหม (รักเธอตลอดไป)’Cr.เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ‘ไม่อาจเปลี่ยนใจ’อินโทรเพลงเศร้า...ติดชาร์ทสมัยที่บุษบันอายุแค่10ขวบกว่าๆ ยังไว้ผมเปียใส่ชุดนักเรียนชั้นมัธยมต้น เป็นเพลงที่แสนไพเราะเกี่ยวกับ ความรัก ที่ไม่สมหวัง ไม่อาจรั้งใจคนที่จะไปไว้กับตัวเองได้...ตัวนักร้องถ่ายทอดอารมณ์สุดเศร้าได้อย่างเห็นภาพชัดเจน ถึงจะเป็นเพลงเก่ายุค90 แต่เมื่อได้ฟังเพลงนี้ทีไร หยดน้ำตาของเธอก็รินไหลออกมาทุกที เป็นความทรงจำแสนเลวร้ายที่หญิงสาวพยายามลบออกไปจากความทรงจำ แต่ไม่เคยทำได้สำเร็จ ยิ่งวันนี้... วันที่โลกถล่มลงตรงหน้าเพราะผู้ชายคนเดียวที่เธอปักใจรัก!! กำลังหน้าชื่นมีความสุขกับผู้หญิงที่เขาเลือกอยู่ต่อหน้าต่อตา สายตาของเขามองผู้หญิงข้างตัวด้วยความรักและเทิดทูน สายตาคู่นั้
บทที่1.วิวาห์พาฝันรีสอร์ตรินลดา...ภูเก็ต ซุ้มดอกไม้สีอ่อนถูกจัดเตรียมไว้ที่ชายหาด ด้านหน้ารีสอร์ตรินลดา เป็นความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ บุษบันจึงถูกเกณฑ์มาเป็นลูกมือ ช่วยช่างฝีมืออีกแรงหนึ่ง เธอเอียงคอมองซุ้มดอกไม้ที่จัดสำเร็จ ด้วยดวงตาพริบพราว นี่เป็นความฝันอย่างหนึ่งของผู้หญิงอย่างเธอเช่นกัน ได้เดินรอดใต้ซุ้มดอกไม้แสนสวยกับคนรู้ใจ มีเพื่อนฝูงมาร่วมแสดงความยินดีในงานวิวาห์ “เจ้าสาวโชคดีมากเลยนะคะ ดูสิ!! สิ่งเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้เจ้าบ่าวยังใส่ใจแล้วก็เนรมิตให้” บุษบันชวนคุย หลังจากซุ้มเสร็จลงทันเวลา คนจัดซุ้ม หันมามองพร้อมกับยิ้ม “เปล่าค่ะ นี่เจ้าสาวขอมาเอง...” หล่อนตอบ บุษบันจึงยิ้มเก้อ “เจ้าบ่าวน่ะ...แค่แต่งหล่อก็พอมั้งคะ ดูเหมือนว่าคนที่ต้องการแต่งจะเป็นฝ่ายหญิงมากกว่า” เหมือนติดพันคนงานจัดซุ้มจึงยังเปรยต่อ บุษบันจึงได้แต่รับฟัง เวลานี้เธอยังไม่แข็งแรงพอ...เมื่อหัวใจของเธอกำลังกลัดหนอง ดังนั้นงานวิวาห์นี่จึงทำให้หญิงสาวยอกแสยงใจไม่น้อย “ค่ะ” เธอรับคำแกนๆ ก้มลงเก็บเศษใบไม้บนพื้น พยายามไม่คิดถึงอดีตที่ทำให้เธอต้องระเห็จมาอ
หญิงสาวไม่เคยเกี่ยงงาน เธอมาทำงานในรีสอร์ตในฐานะเลขานุการกึ่งผู้ช่วยของรินลดา แต่งานอื่นๆ เธอก็ทำได้ ไม่เคยปฏิเสธแถมอาสาด้วยความเต็มใจ 2เดือนในรีสอร์ตแห่งนี้ ทำให้เธอผ่อนคลายและดีขึ้น จากความเมตตาของคนรอบข้าง“ได้ค่ะ ที่ร้านอาหารใช่ไหมคะ บุษจะได้รีบไปเลย” ถังขยะถูกวางลงข้างตัว เธอเช็ดมือกับชายเสื้อ เงยหน้าขึ้นยิ้มเผล่“เปล่าจ้ะ ที่งานข้างล่าง...แค่ช่วงสั้นๆ ก่อนที่ตัวจริงจะมาถึง...เริ่มมีแขกทยอยมาแล้ว แต่คนที่จะบริการมีไม่พอ คุณรินเลยอยากให้บุษลงไปช่วยแก้ขัดไว้ก่อน”ใจหายวูบ!! คือสิ่งแรกที่บุษบันรู้สึก หญิงสาวยิ้มกร่อย ไม่กล้าปฏิเสธ แต่มันเป็นการฝืนตัวเองสุดๆ เมื่อความตั้งใจของบุษบัน คือเธอจะไม่เฉียดไปใกล้ชายหาด เพื่อป้องกันใจตัวเอง เธอไม่ได้เจ็บช้ำเพราะอดีตคนรัก กำลังประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าผู้หญิงที่เขาเลือกไม่ใช่เธอ แต่เธอสมเพชตัวเอง สมเพชความโง่ที่หลงบูชานักรบมาช้านาน โดยไม่รู้ว่าเนื้อแท้ของชายผู้นั้น น่าขยะแขยงเสียจนสุดที่จะรับรู้“ค่ะ...” เมื่อเลี่ยงไม่ได้ เธอก็จำต้องทำ แต่จะพยายามที่สุดไม่ให้เจ้าของงานรู้ว่าเป็นตนเอง“แค่ชั่วโมงเดียวจ้ะ ก่อนที่ทีมงานจะเข้ามาเปลี่ยน ฝากด้วยนะบุษ แข
บทที่2.ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ... ชุดเดรสสีโอรสถูกวางไว้บนที่นอน บุษบันถอนใจเฮือกใหญ่ๆ เธอไม่อยากทำหน้าที่นี้เลย เพราะมันเสี่ยงมากที่จะต้องเผชิญหน้ากับนักรบและภารตีตรงๆ สำหรับตัวนักรบเอง ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาจบลงตั้งแต่วันนั้น ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความต้องการของเขาได้ และก็ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความคิดของเธอได้เช่นกัน ความอ่อนหวานของความรู้สึกแสนพิเศษนั่น บุษบันจะเก็บไว้ในใจ เก็บไว้เป็นความทรงจำไว้เตือนตนในอนาคต ครั้งหนึ่งเธอเคยสัมผัสกับความละมุนละไมของ ‘ความรัก’ มาก่อน แม้ผู้ชายคนนั้นจะไม่ได้รักเธอ เท่าที่เธอรักเขา หญิงสาวรีบแต่งตัว หลังเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาที่แขวนอยู่บนพนังห้อง...เวลาเหลือน้อยนิดเสียจนเธอมัวโอ้เอ้ไม่ได้ เป็นความลำบากใจที่สุดของบุษบัน!! หากเธอไปปรากฏกายขึ้นในบริเวณงานเลี้ยง ผู้ชายคนนั้น... คงจับตามองเธอด้วยอคติในใจอีกเป็นแน่… แล้วก็เป็นจริงดังคาด... เมื่อบุษบันเดินเข้าไปในบริเวณงานเลี้ยง... มันเหมือนกับเวลาหยุดลงชั่วขณะ เพราะเสียงร้องกรี๊ดๆ ของ เจ้าสาว “อีๆ อีหน้าด้าน...ใครเชิญแกมาไม่ทราบ!!” ภารตีหอบกระโป