บุษบันยิ้มแฉ่ง เมื่อหันมาท้าทายแพรวนรา แต่ดันตรงกับจังหวะที่สาวมดคันไฟเขาเรากำลังหน้ามืดพอดี
สาวแกร่งฉบับพกได้ เปิดประตูด้านข้างเคาน์เตอร์ออกมายืนยิ้มแป้น ไหวไหล่ แบมือออกข้างๆ ตัวเหมือนต้องการยั่วเพื่อนสาวให้เต้น
บุษบันยกหัวแม่มือให้ เธอแอบยกมือปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะ เมื่อแพรวนราเดินหน้ามึน ตรงไปหาสองหนุ่มที่เป็นหัวข้อสนทนาของเธอ
“รับอะไรเพิ่มมั้ยคะ?”
หญิงสาวตีมึน เดินเข้าไปแทรกถาม
หิรัญเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง “คุณเป็นพนักงานในรีสอร์ตนี้ด้วยเหรอครับ”
เพราะการแต่งตัวของแพรวนรา ไม่เหมือนกับพนักงานคนอื่นๆ หิรัญเลยอดไม่ได้ที่จะย้อนถาม
หญิงสาวพยักหน้ารับ “ใช่ก็ได้ ไม่ใช่ก็ได้เหมือนกันค่ะ แต่คุณคนนี้หน้าคุ้นๆ” หญิงสาวรับคำกวนๆ เธอหันไปให้ความสนใจกับนรสิงห์ มากกว่าคนที่ไม่ชอบขี้หน้า
“ผมจำคุณแพรวได้ครับ เราเจอกันบ่อยเหมือนกัน รู้สึกเหมือนว่าผลิตภัณฑ์ของเดอะเพรสหลายชิ้น บริษัทคุณแพรวจะออกแบบให้”
นรสิงห์ยิ้มรับ เขารู้จักกับรินลดาเป็นการส่วนตัว เลยพลอยทำให้รู้จัก แพรวนราไปด้วย และเป็นเรื่องบังเอิญที่งานของเขาเกี่ยวพันกับเธอ เพียงแต่ยังไม่ได้รู้จักกันเป็นทางการ
“เดอะเพรส คุณสิงห์เหรอคะ?” หญิงสาวแสร้งตีมึน
“ครับใช่... ผมนรสิงห์ กษิดิศชญาธร นี่เพื่อนสนิทผมครับ หิรัญ เกศไพศาล”
“แหมๆ โชคดีจัง วันนี้แพรวได้มีโอกาสรู้จักนักธุรกิจคนเก่ง...”
“ผมไม่ได้เก่งอะไรเลยครับ แค่สานต่องานที่พ่อสร้างไว้” หิรัญออกตัว
แพรวนราพูดแบบไร้เสียง เธอหันด้านข้างให้นรสิงห์เขาจึงไม่รู้ในสิ่งที่เธอพูดกับหิรัญ ‘ฉันไม่ได้หมายถึงนายยะ!!’
หนุ่มบ้านนอกตัวดำๆ ยิ้มเก้อ
“แล้วคุณแพรวมาทำอะไรที่นี่ครับ” นรสิงห์ย้อนถามยิ้มๆ
“คุณรินเป็นคุณน้าของแพรวค่ะ วันหยุดว่างๆ แพรวเลยแวะมานอนเล่น ที่นี่สงบแล้วบรรยากาศก็ดีมากๆ ด้วย”
หญิงสาวชวนคุย
“ครับ ผมก็ลืมๆ ไปพี่รินเคยบอกครั้งนึง แต่ผมคงลืมเอง”
แพรวนราร้องอ๋อในใจ เธอรู้แล้วว่าทำไมคนของกษิดิศชญาธรเลือกจัดงานที่รีสอร์ตรินลดา เพราะรู้จักสนิทสนมกับคุณน้าของเธอเป็นการส่วนตัวนี่เอง
“แพรวไม่กวนดีกว่า เชิญตามสบายนะคะ”
หญิงสาวรีบชิ่ง หลังจากพอรู้ความสัมพันธ์ของชายหนุ่มสองคนตรงหน้า
“แกรู้จักหล่อนเหรอวะไอ้คุณเสือ?”
หิรัญร้องถามหลังแพรวนราสะบัดก้นเดินจากไป
“เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้ มีบริษัทออกแบบเป็นของตัวเองนะเว้ย แถมงานคุณภาพด้วย ฝีมือไม่ใช่ย่อยเลย เก่งและโสด”
นรสิงห์เอ่ยชม แพรวนราเป็นผู้หญิงฉบับกระเป๋าตัวเล็ก แต่ใจใหญ่ เมื่อเป็นผู้หญิงคนเดียวแต่หาญลงสนามสู้กับผู้ชายตัวโตๆ บนถนนนักธุรกิจ และเธอก็ประสบความสำเร็จมากพอดู ที่สำคัญ หญิงสาวไม่ขี้โอ่ เธอทำงานแบบเน้นคุณภาพมากกว่าราคาคุย
“ใครอยากรู้วะว่าหล่อนโสดไม่โสด ที่อยากรู้น่ะแกรู้จักหล่อนด้วยหรือ แค่นั้น”
หนุ่มบ้านนอกรีบออกตัว เขาไม่ได้อยากรู้ว่าหล่อนจะมีอิสระหรือไม่ เมื่อหล่อนดูเหมือนจะไม่ชอบหน้าเขาเท่าใด
“หึๆ” นรสิงห์หัวเราะในลำคอ เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ สลับกับแอบชำเลืองมองบุษบันเงียบๆ
หล่อนมีอะไรน่าสนใจ แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง จริงอยู่ว่าหล่อนรูปร่างหน้าตาดี แต่เมื่อมองรวมๆ ยังมีผู้หญิงอีกเยอะที่สวยกว่านี้ เก่งกว่านี้ แล้วทำไม คนใกล้ชิดของเขา ถึงพัวพันกับหล่อนหลายคนจัง ตั้งแต่นักรบ และไอ้เพื่อนยากที่หัวใจแกร่งดั่งหิน ก็ยังลงสนามด้วย
“แกเถอะ...ทำไมยังอยู่ที่นี่ไอ้เสือ?”
เสียงหิรัญถาม...นรสิงห์จึงหลุดออกมาจากภวังค์ของตัวเอง
“ก็เบื่อๆ เลยอยากพักสมองบ้าง...”
บ้านพักตากอากาศ กษิดิศชญาธรมีไว้ในหลายจังหวัด รวมถึงภูเก็ตด้วย...
ไหนจะงานที่แสนวุ่นวาย ไหนจะเรื่องยุ่งๆ ที่ภารตีขยันสร้าง เขาตามปัดกวาดจนเวียนหัว เมื่อมีเวลาว่างจึงอยากพักสมองผ่อนคลายความตึงเครียด
“ไม่มีสาว...แปลก!!”
หิรัญหรี่ตามองเพื่อนรัก มันเป็นเรื่องแปลกที่นรสิงห์ขาดคนข้างกาย เมื่อเขาเป็นหนุ่มฮอต มีสาวๆ แนบข้างตลอดไม่เคยว่างเว้น เมื่อเห็นเพื่อนฉายเดี่ยวจึงรู้สึกแปลกใจ
“แปลกใจอะไรวะ บางครั้งการพักผ่อนที่ดีก็คือการนอน มากกว่าการสะบึมผู้หญิงนี่หว่า”
หนุ่มเสน่ห์แรงกล่าว เขาไหวไหล่เพราะความจริง เขาเริ่มเอียนกับผู้หญิงรอบตัวเอง มันเป็นความจำเจที่ไร้ความตื่นเต้น ไม่มีความสนุกเหมือนแรกเริ่ม เพราะแค่กระดิกนิ้ว พวกหล่อนก็เดินตามก้นต้อยๆ เขาเบื่อความรู้สึกแบบนั้น เลยอยากอยู่ลำพังคนเดียวบ้าง
“แกใช้ชีวิตโคตรคุ้มเลยว่ะสิงห์...ฉันเสียอีกที่แทบจะเป็นฤาษี มองหัวมันทุกวันจนเริ่มเห็นว่าหัวมันสวยกว่าผู้หญิงแล้ววะ”
หิรัญเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เขากล่าวพร้อมกับยิ้มแป้น แอบชำเลืองคนตัวเล็กที่หน้าเคาน์เตอร์ แต่ดันตรงช่วงที่หล่อนเองก็มองมา เลยได้ค้อนคมๆ เป็นรางวัล หนุ่มบ้านนอกตัวดำจึงได้แต่อมยิ้ม...
“แกมัวหมกตัวอยู่ที่นั่นเอง ออกจากโกดังมัน ออกมาสนุกก็ได้นี่หว่า...”
หนุ่มเสน่ห์แรงแย้งยิ้มๆ
“ไม่ล่ะ ไม่รู้สิ... มันเอียนมั้ง”
สี่ปีในต่างแดน หิรัญคิดว่านั่นเกินพอแล้วสำหรับเขา...เมื่อยังมีสิ่งอื่นน่าสนใจมากกว่าเรือนกายนุ่มนิ่มของเหล่าสาวๆ
“ถามจริงๆ แกคิดจะจริงจังกับหล่อนเหรอ?”
หล่อน ในที่นี้หมายถึงบุษบัน และนรสิงห์ไม่เห็นด้วยที่คนดีๆ คนหนึ่งจะร่วมหัวจมท้ายกับผู้หญิงเหลวแหลก
“ไม่รู้สิ...แต่เท่าที่ดู คุณบุษเธอก็เหมาะกับฉันเหมือนที่พ่อกำนันบอก”
หิรัญตอบแบบเป็นกลาง จากที่ฟังบิดากรอกหูทุกวันเกี่ยวกับคุณสมบัติของบุษบัน และยิ่งมาเห็นตัวเป็นๆ หิรัญคิดว่าบิดาคิดถูก บุษบันสวยคม สุขุม มีความเป็นผู้นำสูง และคงเป็นคู่คิดในอนาคตได้แบบสบายๆ
“ฉันไม่เห็นด้วยว่ะ ผู้หญิงอย่างหล่อน...” นรสิงห์หยุดพูด เขาแค่นยิ้มสมเพชหล่อน
“อคติ...แกเคยฉลาดกว่านี้นะสิงห์ ผู้ชายอย่างไอ้หมอนั่น ปากมันเป็นยังไงแกก็น่าจะรู้ ฉันไม่เคยเชื่อในสิ่งที่มันพูด เพราะเท่าที่ดู คุณบุษน่าจะเป็นองุ่นเปรี้ยวสำหรับมัน”
หากข่าวลือของบุษบันคือหล่อนเป็นเมียซุกของนักรบ มันคงถูกปล่อยมาจากปากหมาๆ ของนักรบนั่นแหละ จากเท่าที่ดูบุษบัน แม้จะยังไม่สนิทสนม เขาเชื่อว่า สิ่งที่ไอ้หมอนั่นพูด ไม่น่าจะใช่เรื่องจริง...ดูได้จากองครักษ์ตัวเล็กที่อยู่ข้างตัวบุษบันนั่นไง...หล่อนกางแขนป้องเพื่อนขนาดนั้น แล้วบุษบันจะจะเป็นเหมือนข่าวรั่วนั่นได้ยังไง
หนุ่มเสน่ห์แรงไหวไหล่ เขายังไม่เชื่อจนกว่าจะได้พิสูจน์ความจริง
“เจอกันคืนนี้นะ...ฉันขอตัวไปนอนก่อน เมื่อคืนนั่งดื่มคนเดียวจนดึก”
นรสิงห์เอ่ยลา เขาง่วงจนตาจะปิด แต่เมื่อเพื่อนส่งข่าวให้รู้จึงรีบมาหา ด้วยความดีใจ
“เออๆ...ไปนอนก่อนก็ได้เดี๋ยวตามไปที่บ้าน...คงคุยกันไม่นาน คุณบุษเธอดูยุ่งๆ”
หิรัญโบกมือลาเพื่อน พร้อมกับค่อนว่านรสิงห์ในใจ ขนาดมันอดนอน ออร่านรสิงห์ก็ยังฟุ้ง ดูได้จากสายตาสาวๆ หลายคนที่เหลียวมองเพื่อนรัก...จนคอแทบเคล็ดนั่นไง
ชายหนุ่มเดินเฉียดผ่านหน้าเคาน์เตอร์ เขาชำเลืองมองใบหน้าก้มต่ำของบุษบัน พร้อมกับความรู้สึกคันยิบๆ ในใจ
ทำไมต้องเป็นหล่อนที่เป็นคู่หมายของเพื่อน
ทำไมต้องเป็นหล่อนที่พัวพันกับนักรบ
สารพันคำถามที่ผุดขึ้นในห้วงความคิด แล้วที่สำคัญเลย เขาสนใจหล่อนทำไม?
นั่นเป็นคำถามที่นรสิงห์เองไม่กล้าค้นหาความจริง...
บทที่5.ทดลอง “ขอโทษนะคะที่ทำให้รอนาน” บุษบันยิ้มอ่อน เธอถือจานขนมเค้กเดินไปไว้ตรงหน้าหิรัญ เมื่อเห็นว่าเขาว่างพอที่จะคุยธุระสำคัญกับเธอแล้ว “ไม่เป็นไรครับ...ผมเองก็ไม่ได้นั่งพักแบบนี้มานานมากแล้ว...ได้อยู่เฉยบ้างก็ดีเหมือนกัน” หนุ่มบ้านนอกตอบพร้อมกับยิ้มแป้น ทำงานเป็นลูกจ้างบิดา เขาแทบไม่มีเวลาว่าง จนกำนันเหมเกรงว่าลูกชายจะไม่มีเมียเลยจัดหามาให้ และบุษบันก็เป็นที่ถูกใจของกำนันเหม ท่านเลยสนับสนุนจนหิรัญไม่อยากขัดใจ อีกอย่างเมื่อได้คุยกับนรสิงห์ เพื่อนรักกำลังพักผ่อนที่นี่ เขาเลยถือโอกาสมาสังสรรค์กับเพื่อน หลังจากไม่ได้เจอกันนานเกือบ2 ปีเต็ม “บุษเข้าเรื่องเลยนะคะ คุณหิรัญจะได้ไปพักผ่อน” หญิงสาวกล่าวเสียงเคร่ง ใบหน้าจริงจัง “ครับ...” “บุษไม่เห็นด้วยกับความคิดของผู้ใหญ่ แต่บุษก็ไม่มีสตางค์ไปคืนลุงกำนันด้วยค่ะ บุษมีเงินเก็บนิดหน่อยเอง...คงไม่พอชดใช้แทนป้าหมอน แต่จะให้บุษรับข้อเสนอที่ลุงกำนันยื่นให้... มันก็จะเหมือนกับว่าบุษจะเป็นฝ่ายเอาเปรียบคุณเลย เพราะคุณอาจจะมีคู่รักอยู่แล้วก็ได้” “ไม่ครับ ผมยังไม่
สาวตัวเล็กร้องโอดโอย แต่ก็ไม่ได้สลดลงอย่างที่บุษบันคิด “คุณแพรวเธอเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นคนร้ายน่ะครับ” “แหงล่ะ...หน้าอย่างกับโจรใครจะไปไว้ใจล่ะ” แพรวนราตอบฉับ แถมแอบแลบลิ้นปลิ้นตาให้หิรัญด้วย บุษบันโครงศีรษะ เธออมยิ้มกับความเจ้าแง่ของเพื่อนสาว มันแปลกๆ จนอดคิดเล่นๆ ไม่ได้ แพรวนรามีพื้นฐานนิสัยร่าเริงน่ารัก เข้ากับคนแปลกหน้าได้ง่าย แล้วทำไม ถึงตั้งป้อมรังเกียจหิรัญ ตั้งท่าเป็นศัตรู แบบไม่ยอมลดราวาศอกให้ หากจับคนทั้งคู่ มา รัก กัน คนน่ารักพิลึก หนุ่มตัวใหญ่ กับสาวไซส์มินิ คงเป็นคู่รักที่น่ารักกุ๊กกิ้ก อย่าบอกใคร... “ผมหน้าแบบนี้ แต่เวลาผมมุ้งมิ้ง สาวๆ ก็มักจะชอบนะครับ” หนุ่มลานมันตอบกลับ เขาไม่ถือสา แม้แพรวนราจะตั้งท่าชิงชัง กลับเห็นว่าหล่อนน่ารักเสียนี่ “ใครถาม...” สาวตัวเล็กตวัดตามอง ย้อนกลับเสียงห้วน “อยากบอก...” และอีกเช่นกัน หนุ่มลานมันตัวดำ ตอบกลับพร้อมกับยิ้มแป้น “พอเลยแพรว...ไปอยู่ที่เคาน์เตอร์เลย ขอบุษคุยกับคุณหิรัญก่อน ส่วนตัวนะ... เข้าใจมั้ย!!” บุษบันตัดบท เพราะดูแล้วคงยืดเยื้อ
บทที่6.หลุมพราง... 1อาทิตย์สำหรับการฮันนีมูน เป็นความสุขใจของภารตี เธอพานักรบท่องแดนในฝันโซนยุโรปจนปุ จบทริปแสนหวานด้วยท้องทะเลที่มัลดีฟส์ สวนสวรรค์ของคู่รักโดยที่เธอเป็นคนควักกระเป๋าจ่ายทุกรายการ นักรบทำแค่ยิ้มหล่อ ทำตัวเป็นสามีทีดีของเธอก็พอ หลังจากกลับมาจากการพักผ่อนหลังงานวิวาห์ ภารตีทำตามคำพูดที่รับปากนักรบไว้ เธอร้องของมารดาจนวิภาวีใจอ่อน ยัดตำแหน่งหัวหน้าแผนกให้นักรบเข้าไปทำงานในเดอะเพรส โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของนรสิงห์ เมื่อน้องชายของเธออยู่ในช่วงพักร้อนพอดี เขาอยู่ที่ภูเก็ต ใช้เวลาทั้งหมดกับการนอน ชดเชยกับช่วงเวลาที่กร่ำงานมาหลายปีเดอะเพรส... ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เป็นแหล่งช็อบปิ้งที่นรสิงห์ลงแรงทุ่มเทมันสมองจนสามารถทำให้ชื่อเสียงกระฉ่อน มีบรรดาไฮโซ เซเลป และคนทั่วไป ตบเท้าเดินเข้าไปจับจ่าย วันๆ หนึ่งไม่ต่ำว่าแสนคน...มียอดเงินสะพัด มีรายได้เข้าเป็นกอบเป็นกำ จากการเช่าพื้นที่ของบรรดาร้านรวงต่างๆ นักรบเดินยืดเขาเข้ามาเหยียบในเดอะเพรสสมความตั้งใจ แม้จะเป็นแค่ตำแหน่งเล็กๆ แต่ในอนาคตเขาต้องไปไกลกว่านั้น เมื่อเป็นสามีของภารตี บุตรสาวหุ้นส่
หญิงสาวถอนใจ เธอยอมกลืนคำพูด เพราะอยากรู้ใจสามีเช่นกัน “อะไรครับตี?” “เปล่าค่ะ ตีกำลังจะชวนคุณรบไปทานข้าว แม่คงไม่ว่างไปกับเรา...” หญิงสาวเลยแสร้งเปลี่ยนเรื่องพูด “ไปเถอะตี แม่มีเรื่องต้องคุยกับบอร์ทบริหารอีกหลายอย่าง คงไม่ออกไปไหนวันนี้” นางรีบสวมรับ ก่อนจะเดินแยกไปอีกทาง รู้สึกหนักอึ้งในอก เพราะการที่นำบุตรเขยมาทำงานในเดอะเพรส นางยังไม่ได้บอกน้องชาย “ไปค่ะคุณรบ จะได้รีบกลับมาทำงาน” ภารตีสอดมือคล้องแขนสามี เธอเอียงใบหน้าซบไหล่ของนักรบ ซ่อนแววตาเป็นกังวลไว้ โดยที่ชายหนุ่มนึกกระหยิ่ม...เมื่อเขารู้กำหนดการของภารตี วันพรุ่งนี้เขาออกเดินทางไปภูเก็ต โดยที่ภารตีต้องเหินฟ้าไปเกาหลี เพื่ออัปหน้าตัวเอง... วันนั้นทั้งวัน นักรบจึงแสร้งหวานกับภรรยา เพื่อให้หล่อนคลายใจ เขากลัวที่สุด กลัวภารตีเปลี่ยนใจ และตามไปคุมเขาเหมือนเดิม...วันรุ่งขึ้น... ชายหนุ่มโบกมือลาภรรยาคนสวย เขาจูบหน้าผากหล่อน แถมทำท่าอิดออด จนภารตีเกือบเปลี่ยนใจ แต่เมื่อหล่อนหายลับไปหลังเกท นักรบจึงพ่นลมหายใจแรงๆ เขายิ้มกริ่มเมื่อนึกถึงแผนการที่ร
หิรัญตะโกนตามหลังแพรวนรา เขาชอบสีหน้าของหล่อน เมื่อหล่อนไม่เคยปิดบังความคิด ดวงตาของหล่อนเปิดเผยจนหมด และเขาไม่รู้ว่าตนเอง ทำอะไรให้หล่อนไม่พอใจ บุษบันอมยิ้มตามหลังคนทั้งคู่ และหากมองตามสายตาของคนไม่มีอคติ...หิรัญ กับแพรวนรา เหมาะที่จะเป็นคู่รักกันมากกว่า เธอกับหิรัญเสียอีก เมื่อชายหนุ่มอารมณ์ดี เหมาะที่จะช่วยให้คนจริงจังอย่างแพรวนราผ่อนคลายลง... “จะรีบไปไหนคุณ ถ้ารอโบกรถไปสนามบินละก็ คุณตกไฟล์นี้แน่” ชายหนุ่มตามมาทัน เมื่อแพรวนรากำลังหารถยนต์รับจ้างที่เคยวิ่งกันขวักไขว่ แต่วันนี้ถนนโล่งๆ พิกล “...” ไม่มีคำตอบจากสาวฉบับพกพา สิ่งที่หิรัญเห็นคือเรียวปากสีระเรื่อเม้มแน่น “วันนี้รถรับจ้างทั้งหมดเขารวมตัวประท้วงอยู่ที่อำเภอ เรื่องรถร่วมบริการที่กำลังเป็นข่าวดัง...ถ้าคุณยังรอรถอยู่ตรงนี้ล่ะก็... ไฟล์ที่กำลังจะบิน คุณคงไปไม่ทัน” ชายหนุ่มเปรยด้วยความหวังดี ไหนๆ ก็จะไปทางเดียวกัน เขาไม่รังเกียจที่จะให้แพรวนราอาศัยรถยนต์ไปด้วยอยู่แล้ว หญิงสาวจิปาก!! เธอเริ่มลังเล...เมื่อบนท้องถนนว่างเปล่า เงียบจนน่าวิตก ความคิดเร็วพอๆ กับการก
บทที่7.แผนลวง... 19:00 นาฬิกา... บุษบันรีบกระหืดกระหอบมายังจุดนัดพบ...เพราะกลัวจะไม่ทันเวลานัดของนักรบ เธอกวาดตามองหาชายหนุ่มผู้นั้น จึงเห็นว่าเขานั่งรออยู่ที่เก้าอี้ ในโถงใหญ่ของลอบบี้โรงแรม ที่มีไว้บริการลูกค้า ชายหนุ่มยกมือขึ้นชู เขายิ้มร่า เมื่อเห็นหญิงสาวมาตามนัด “ขอโทษค่ะที่ทำให้รอ...งานบุษยุ่งคุณรบคงไม่ถือสา” หญิงสาวออกตัว เธอทรุดนั่งเมื่อชายหนุ่มผายมือเชื้อเชิญ “คุณตีไม่ได้มาด้วยเหรอคะ?” หลังเหลียวมองจนแน่ใจ...บุษบันไม่เห็นภารตีอยู่ในบริเวณนี้ “ไปเกาหลีน่ะ มีอะไรเหรอ?” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับกดยิ้มมุมปาก บุษบันขยับตัวด้วยความอึดอัด เธอเริ่มระแวง และรีบหาทางเลี่ยง “คุณรบมีเรื่องอะไรจะคุยกับบุษคะ ช่วงนี้ที่รีสอร์ตยุ่งๆ บุษไม่อยากทิ้งงานมานาน” เธออ้างเรื่องงาน...และกวาดตามองหาทางเลี่ยง เมื่อรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล “เรื่องตี ผมขอโทษแทนตีด้วย ผมพยายามอธิบายให้ตีฟังแล้ว...แต่ตีไม่เชื่อ...” นักรบปั้นหน้าเศร้า “ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องไม่จริง เวลาจะพิสูจน์คำพูดข
ชายหนุ่มหัวเราะลงลูกคอ เขากดปลายจมูกที่แก้มใส แต่หญิงสาวเอียงหนี ปลายจมูกนั่นจึงกดลงบนเส้นผมบนศีรษะของหล่อนแทน“นับจากนาทีนี้เป็นต้นไป...บุษจะกลายเป็นเมียผม...แบบที่บุษเคยอยากเป็นมาตลอดไงครับ”บุษบันอยากตะโกนกรอกหูนักรบนัก!! เธอไม่เคยปรารถนาที่จะเป็นเมียเขา เมื่อรู้ตัวเองดี คงไม่มีคนในครอบครัวของเขายอมรับตนเอง เมื่อบิดา มารดาของนักรบ แสดงออกแบบเปิดเผย ท่านไม่ปรารถนาลูกสะใภ้ที่จนกร็อบ!! เธอแค่รักเขา...เทิดทูนเขา บุษบันแน่ใจในนาทีนี้เอง ที่เธอรู้สึกกับนักรบก็แค่เพียงความหลงใหล เมื่อชายหนุ่มสมบูรณ์แบบ เป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิงส่วนใหญ่“อย่านะคะคุณรบ อย่าทำอะไรบุษเลย”หญิงสาววอนขอเสียงสั่นติ้ง!!เสียงลิฟต์ดังเตือน เมื่อเคลื่อนที่มาถึงจุดหมายปลายทาง“อย่าช้าสิบุษ รับประกันเลย บุษจะลืมวันนี้ไม่ลง”ชายหนุ่มลาก...บุษบันออกมายืนใกล้ประตูลิฟต์ ประตูเลื่อนเปิด แต่...คนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ตรึงปลายเท้าของนักรบไว้นรสิงห์ กษิดิศชญาธร หรืออีกนัยหนึ่งคือน้าเขยของเขาเองชายหนุ่มจิปากเบาๆ เขาแสร้งทำเป็นไม่สนใจ รีบประคองบุษบันออกมาจากตัวลิฟต์ สวนกับนรสิงห์ที่ยืนนิ่ง ชายหนุ่มไม่คิดจะขยับหลบเป็นนักรบเองที
บทนำ'ฉันคงไม่อาจทำให้เธอเปลี่ยนใจ ฉันคงไม่อาจทำให้เธอกลับมารักฉันฉันจึงขอแค่เพียงยังรักเธอ จะได้ไหม นะเธอจะได้ไหม (รักเธอตลอดไป)ฉันคงไม่อาจทำให้เธอกลับมารักฉัน…ฉันจึงขอแค่เพียงยังรักเธอ จะได้ไหม นะเธอจะได้ไหม (รักเธอตลอดไป)ฉันคงไม่อาจทำให้เธอเปลี่ยนใจ ฉันคงไม่อาจทำให้เธอกลับมารักฉันฉันจึงขอแค่เพียงยังรักเธอ จะได้ไหม นะเธอจะได้ไหม (รักเธอตลอดไป)’Cr.เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ‘ไม่อาจเปลี่ยนใจ’อินโทรเพลงเศร้า...ติดชาร์ทสมัยที่บุษบันอายุแค่10ขวบกว่าๆ ยังไว้ผมเปียใส่ชุดนักเรียนชั้นมัธยมต้น เป็นเพลงที่แสนไพเราะเกี่ยวกับ ความรัก ที่ไม่สมหวัง ไม่อาจรั้งใจคนที่จะไปไว้กับตัวเองได้...ตัวนักร้องถ่ายทอดอารมณ์สุดเศร้าได้อย่างเห็นภาพชัดเจน ถึงจะเป็นเพลงเก่ายุค90 แต่เมื่อได้ฟังเพลงนี้ทีไร หยดน้ำตาของเธอก็รินไหลออกมาทุกที เป็นความทรงจำแสนเลวร้ายที่หญิงสาวพยายามลบออกไปจากความทรงจำ แต่ไม่เคยทำได้สำเร็จ ยิ่งวันนี้... วันที่โลกถล่มลงตรงหน้าเพราะผู้ชายคนเดียวที่เธอปักใจรัก!! กำลังหน้าชื่นมีความสุขกับผู้หญิงที่เขาเลือกอยู่ต่อหน้าต่อตา สายตาของเขามองผู้หญิงข้างตัวด้วยความรักและเทิดทูน สายตาคู่นั้