แพรวนราจิปาก เธอตบฝ่าเท้าใต้รองรองเท้าแตะไปมา มุมปากบางเฉียบกดลงด้วยความไม่พอใจ
“ลืมเอาปากมาไงคุณ หรือว่ายืนอมขี้ฟันอยู่!!”
เสียงถามขุ่นจัด จนคนตัวใหญ่หลุดออกมาจากภวังค์
“เปล่าครับ แค่ไม่คิดว่าคนในรีสอร์ตรินลดาจะต้อนรับลูกค้าด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟังเท่าไหร่เลย” เขาติงแบบผู้ใหญ่เตือนเด็ก เพราะคะเนแล้วเขาน่าจะแก่กว่าผู้ก๋ากั่นตรงหน้า
“ถ้ามาอย่างมิตร ชาวรินลดาก็พร้อมที่จะเป็นมิตร แต่หากมาอย่างศัตรู ฉันฟันไม่เลี้ยงค่ะ บอกไว้ก่อน”
แพรวนราแสยะยิ้ม เธอตอกกลับแบบไม่ไว้หน้า
“แล้วอะไรที่ทำให้หนูคิดว่าผมมาแบบศัตรูล่ะ?”
หิรัญร้องถาม เมื่อน้ำเสียงที่ใช้ของเด็กสาวตรงหน้าบ่งบอกเขาแบบนั้น หล่อนคิดว่าเขาไม่ใช่คนที่มาอย่างมิตร
แพรวนราฉุนกึก...หมอนี่เรียกเธอด้วยสรรพนามที่ทนฟังไม่ไหว หนู เธออายุ25ปีนี้อายุงานสองปีในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์มีบริษัทเล็กๆ เป็นของตัวเอง... แต่ตาลุงคนนี้เรียกเธอเสียหมดความภาคภูมิใจ
“ลุง...ไปตัดแว่นป่ะ ฉันไม่ได้เด็กขนาดเรียกว่า หนูหรอกนะ” หญิงสาวเน้นคำเรียกขานอีกฝ่าย เธอแสยะยิ้มเมื่อเงยหน้ามองสบตากับเขา
หิรัญหรี่เปลือกตาลง แต่ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย บุษบันก็เดินมาห้ามทัพไว้เสียก่อน
“มีอะไรให้บุษช่วยมั้ยคะ?” เธอถามพร้อมกับขึงตาใสแพรวนรา ปรามให้เพื่อนสงบลงก่อนที่เรื่องจะลุกลาม
“คุณบุษบันใช่ไหมครับ ผมหิรัญ เกศไพศาล” คนมาใหม่ยิ้มแฉ่ง รีบบอกชื่อเสียงเรียงนามตัวเอง กับอีกคนที่ดูจะเป็นมิตรมากกว่า แม่คนตัวเล็ก หน้าเด็กแต่ดุคนนี้
“คุณนั่นเอง เชิญค่ะ เข้ามานั่งข้างในก่อน ช่วงนี้บุษกำลังยุ่ง อีกสักพักรอคนซาๆ บุษจะไปคุยด้วยนะคะ”
หญิงสาวรีบเชื้อเชิญ อาคันตุกะที่เดินทางมาไกล เพื่อ ดูตัว เธอ ให้นั่งพักรอเธอเคลียร์งานเสร็จ ถึงจะมีเวลาพูดเรื่องสำคัญกับเขา
“ใครอะบุษ เขามาหาแกเหรอ?”
แพรวนรายังไม่วางใจ เธอถามเพื่อน แต่สายตาจับจ้องอยู่ที่หิรัญ
หญิงสาวสาละวนชงกาแฟ แต่ก็ตอบเพื่อนไปด้วย “อืม...เรื่องมันยาว...ไว้เล่าคืนนี้ แกรู้แค่ว่า... ผู้ชายคนนี้ป้าฉันส่งมาให้ดูตัว ก็พอ”
ริมฝีปากอิ่มบิดเบี้ยว เธอชะเง้อคอมองคนตัวใหญ่ยังกับยักษ์ ด้วยสายตาไม่เห็นด้วย
“คนอะไรตัวใหญ่ยังกับยักษ์วัดแจ้ง”
เสียงบ่นลอยตามหลังมา บุษบันอมยิ้ม หากเทียบกับคนสูงแค่158 เซนติเมตรแบบแพรวนรา ผู้คนรอบตัวเป็นยักษ์เกือบทั้งหมดในสายตาเพื่อนของเธอ
หิรัญยื่นมือออกไปรับแก้วกาแฟ เขาส่งยิ้ม เลยไปยังคนด้านหลังบุษบันที่นั่งหน้าตูมเหมือนกำลังไม่พอใจอะไรสักอย่าง และสิ่งๆ นั้นคงไม่พ้นตนเอง
“ไม่เกิน30 นาทีค่ะ เดี๋ยวบุษมาคุยด้วย เราคงมีเรื่องต้องคุยกันยาว” หญิงสาวยิ้ม เธอกล่าวเสียงจริงจัง เมื่อเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจ เธออยากตกลงกับหิรัญให้รู้เรื่อง มากกว่าการปล่อยให้คาราคาซัง
“แกไปคุยกับเขาก็ได้นะบุษ ฉันทำแทนให้เอง”
แพรวนรารีบเสนอตัว เธออยากรู้เหมือนกันว่าคนมาใหม่ต้องการอะไร
“อีกสักพัก ปล่อยให้เขาใช้เวลาคิดก่อน ฉันไม่ได้ดีเด่อย่างที่เขาหวังหรอก แค่ลูกจ้าง ทำงานจิปาถะ ไม่ได้เป็นคุณหนูลูกหลานคนรวย”
ปมอันนี้เธอฝังไว้ในสมอง เตือนตัวเองอย่าได้หวังสูง เมื่อไม่มีบันไดจะปีนป้าย เธอมันแค่คนธรรมดา นามสกุลบ้านๆ ไม่มีใครสะดุดหูหากบอกกับคนที่ไม่เคยรู้จัก
“อย่าดูถูกตัวเองซิวะแก สำหรับฉันแล้ว แกเป็นเพื่อนคนเดียวที่ฉันรัก ไม่เกี่ยวกับฐานะครอบครัว”
แพรวนราจัดอยู่ในชนชั้นกลาง พื้นฐานทางบ้านไม่ได้ย่ำแย่เหมือนบุษบัน เธอมีพ่อ แม่ มีญาติพี่น้องที่ค่อนข้างจะมีฐานะดี...ไม่ได้ขอทุนรัฐบาลมาเล่าเรียน แต่ก็ไม่ได้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เพราะถูกสอนให้รู้จักคุณค่าของเงิน
“เปล่าแพรว บุษแค่บอกตัวเอง...อย่าฝันเกินเอื้อมเพราะมันจะทำให้เราเจ็บ กำนันเหมน่ะรวยที่สุดในจังหวัด แกมีลานมัน มีโรงเก็บมันสำปะหลัง เป็นโต้โผใหญ่ที่กวาดซื้อมันสำปะหลังทั้งหมดไปขายให้โรงงานแปรรูปมัน แกเป็นนักเลงและใจใหญ่ บุษไม่อยากให้เรื่องนี้ทำให้พ่อ แม่เดือดร้อน เพราะพวกเรายังต้องอาศัยใบบุญของเขาอยู่”
คนบ้านนอกเป็นชุมชนแคบๆ หากผิดใจกัน มันจะทำให้อยู่ยาก...ดังนั้นเธอต้องคุยกับหิรัญให้รู้เรื่อง
“นักเลง รูปร่างแบบนี้เป็นอันธพาลเหมาะกว่า”
แพรวนรายังไม่วายแขวะเพราะเธอมีอคติกับหิรัญเสียแล้ว
“บุษไม่เคยเห็นคุณคนนี้มาก่อนนะ คงเป็นเพราะบุษไปอยู่กับป้าที่ไชยยะนันตั้งแต่เด็กก็ได้”
หญิงสาวท้าวความหลังให้เพื่อนรักฟัง...เธอกับหิรัญไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน
“แล้วเขามาทำอะไรที่นี่ล่ะแก?”
แพรวนรายังสนใจ เธอซักไซ้เรื่องของหิรัญเพื่อเก็บข้อมูล บางที่เธออาจจะช่วยบุษบันได้
“ไม่รู้สิ ป้าไม่ได้บอก รู้แค่ว่าเขามาทำธุระที่ภูเก็ต”
หญิงสาวไหวไหล่ เธอส่งยิ้มให้ลูกค้าที่เขามาสอบถาม ลืมแพรวนราไปชั่วครู่ จึงไม่รู้ว่าเพื่อนสาว นั่งจ้องตากับคนมาใหม่ ไม่ใช่อย่างมิตร และก็ยังไม่ฟันธงว่าเป็นศัตรู
คนที่เธอไม่คิดว่าจะได้เจอซ้ำ เดินเข้ามาด้านใน เขาดูดีตลอด แม้จะอยู่ในชุดลำลองที่ไม่เป็นทางการ กางเกงห้าส่วนสีน้ำตาลไหม้ กับเสื้อยืดสีขาวพอดีตัว แว่นตากันแดดเหนือปลายจมูกนั่น ทำให้นรสิงห์ดูลึกลับน่าค้นหา ดูได้จากสายตาสาวๆ ที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ในร้าน แต่ละคนหันไปมองชายหนุ่มตาเป็นมัน
“ใครอีกล่ะ หน้าคุ้นๆ” เสียงแพรวนราทำให้บุษบันถอนสายตาออกมาจากนรสิงห์ได้สำเร็จ ไม่อย่างนั้นเธอก็คงเป็นอีกคนที่เผลอมองเขาแบบหลงละเมอ เธอเสก้มหน้าลง ตอบเพื่อนเสียงแผ่วหวิว
“น้าของคุณตี ชื่อนรสิงห์”
“อ๋อ!! นี่เหรอคนที่เป็นหัวแรงใหญ่ของกษิดิศชญาธร คนที่ทำให้เดอะเพรสดังเป็นพลุแตก”
แพรวนราครางในคอ เธอหันกลับไปมองนรสิงห์ซ้ำ แอบนึกทึ่งในใจ ผู้ชายวัย30ปีนี่ มันช่างเหมือนมะพร้าวห้าวที่รสชาติน่าดุเด็ดเผ็ดมันเหลือคณา “แล้วเขามาทำอะไรที่นี่ล่ะ?”
นั่นซิ!! บุษบันก็อยากรู้ ผู้ชายห้าวกระด้างอย่างนรสิงห์มาทำอะไรที่รีสอร์ตรินลดาแห่งนี้ เมื่อเขาเป็นนักธุรกิจใหญ่ แถมยังอยู่ในชุดไปรเวท
สองสาวได้รับคำเฉลยในนาทีต่อมา ผู้ชายที่มาใหม่กับผู้ชายที่เพิ่งมาก่อนหน้านั้นโบกมือทักทายกัน สองคนนั้นรู้จักกัน!!
“เฮ้! ไงวะสิงห์ กว่าจะเสด็จมาได้”
หิรัญโบกมือทัก ชายหนุ่มกับนรสิงห์เป็นเพื่อนเรียนมาด้วยกัน ชีวิตในต่างแดนที่หัวหกก้นขวิดพอสมควร
“ไงล่ะเสี่ย นึกไงถึงเหินฟ้ามาไกลถึงนี่”
หนุ่มร่างใหญ่ไม่ต่างกัน เพียงแต่คนหนึ่งดูลูกทุ่งเป็นชายหน้าคมเข้ม อีกหนึ่งหนุ่มดูสะอาดสะอ้าน แต่ดีกรีความหล่อกินกันไม่ลง เพราะฟีโรโมนที่ฟุ้งออกมาจากร่างกายทรงพลังนั่น การันตรีได้เลยว่า สองหนุ่มเป็นชายแท้ หากใช่ตุ๊ด แต๋ว แอบแฝงมาแน่ๆ
“ก็อย่างที่เล่าให้ฟัง พ่อกำนันอยากให้ฉันมีเมีย กลัวลูกชายหาเมียไม่ได้ว่ะ” หิรัญบ่น เขาไม่อยากขัดใจบิดาเลยรับปากไปส่งๆ
“หึ...พ่อแกนี่ ห่วงลูกชายกลัวขายไม่ออก...พอๆ กับพ่อกับแม่ฉันเลยว่ะ...เร่งยิกๆ กลัวหลานจะมีลูกก่อนลูกชาย”
นรสิงห์บ่นขรม เขาก็ไม่ต่างอะไรกับหิรัญเลย คนในครอบครัวเคี่ยวเข็ญให้มีจังห่วง ทั้งที่ตนเองยังสนุกกับการทำงาน ผู้หญิงยังไม่ใช่สิ่งที่นรสิงห์ปรารถนา เมื่อยังสามารถถลกกระโปรงพวกหล่อนได้ โดยไม่ต้องใช้ทะเบียนสมรส “ฮ่าๆ” สองหนุ่มหัวเราะลั่น เมื่อต้องผจญชะตากรรมเดียวกัน “ว่าแต่ ไหนล่ะผู้หญิงที่พ่อกำนันเล็งไว้ให้แก นัดหล่อนไว้ที่นี่หรือไง...” หนุ่มหล่อสไตล์หนุ่มในเมืองเหลียวมองไปรอบๆ ตัว เพื่อมองหา ว่าที่เมีย ที่เพื่อนรักต้องมาดูตัว “แหมๆ ไม่ต้องมาตื่นเต้นแทนฉันเลยว่ะไอ้เสือโหด เดี๋ยวคุณบุษตกใจ เผ่นป่าราบ” หิรัญเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ “อะไรนะ!! แกว่าไงนะไอ้เสี่ย คู่หมายที่พ่อกำนันหาไว้ให้แกชื่ออะไร?” หนุ่มลูกทุ่งขมวดคิ้ว มองหน้ายับๆ ของเพื่อนงงๆ “บุษบัน นาคสม ลูกลุงปั้นกับน้าสายพิณ บ้านอยู่ถัดจากบ้านฉันไปไม่เท่าไหร่หรอก ไม่เคยเจอหน้ากัน เพิ่งจะเห็นกันวันนี้แหละ” นรสิงห์พ่นลมหายใจแรงๆ ผู้หญิงคนนั้นมีอะไรดี ทำไมหล่อนถึงเข้ามาพัวพันอยู่ในวงจรชีวิตของเขาบ่อยครั้งเหลือเกิน... “แกรู้มั้ยว่าป้าหล่อน เป็นคนรับใช้”
บุษบันยิ้มแฉ่ง เมื่อหันมาท้าทายแพรวนรา แต่ดันตรงกับจังหวะที่สาวมดคันไฟเขาเรากำลังหน้ามืดพอดี สาวแกร่งฉบับพกได้ เปิดประตูด้านข้างเคาน์เตอร์ออกมายืนยิ้มแป้น ไหวไหล่ แบมือออกข้างๆ ตัวเหมือนต้องการยั่วเพื่อนสาวให้เต้น บุษบันยกหัวแม่มือให้ เธอแอบยกมือปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะ เมื่อแพรวนราเดินหน้ามึน ตรงไปหาสองหนุ่มที่เป็นหัวข้อสนทนาของเธอ “รับอะไรเพิ่มมั้ยคะ?” หญิงสาวตีมึน เดินเข้าไปแทรกถาม หิรัญเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง “คุณเป็นพนักงานในรีสอร์ตนี้ด้วยเหรอครับ” เพราะการแต่งตัวของแพรวนรา ไม่เหมือนกับพนักงานคนอื่นๆ หิรัญเลยอดไม่ได้ที่จะย้อนถาม หญิงสาวพยักหน้ารับ “ใช่ก็ได้ ไม่ใช่ก็ได้เหมือนกันค่ะ แต่คุณคนนี้หน้าคุ้นๆ” หญิงสาวรับคำกวนๆ เธอหันไปให้ความสนใจกับนรสิงห์ มากกว่าคนที่ไม่ชอบขี้หน้า “ผมจำคุณแพรวได้ครับ เราเจอกันบ่อยเหมือนกัน รู้สึกเหมือนว่าผลิตภัณฑ์ของเดอะเพรสหลายชิ้น บริษัทคุณแพรวจะออกแบบให้” นรสิงห์ยิ้มรับ เขารู้จักกับรินลดาเป็นการส่วนตัว เลยพลอยทำให้รู้จัก แพรวนราไปด้วย และเป็นเรื่องบังเอิญที่งานของเขาเ
บทที่5.ทดลอง “ขอโทษนะคะที่ทำให้รอนาน” บุษบันยิ้มอ่อน เธอถือจานขนมเค้กเดินไปไว้ตรงหน้าหิรัญ เมื่อเห็นว่าเขาว่างพอที่จะคุยธุระสำคัญกับเธอแล้ว “ไม่เป็นไรครับ...ผมเองก็ไม่ได้นั่งพักแบบนี้มานานมากแล้ว...ได้อยู่เฉยบ้างก็ดีเหมือนกัน” หนุ่มบ้านนอกตอบพร้อมกับยิ้มแป้น ทำงานเป็นลูกจ้างบิดา เขาแทบไม่มีเวลาว่าง จนกำนันเหมเกรงว่าลูกชายจะไม่มีเมียเลยจัดหามาให้ และบุษบันก็เป็นที่ถูกใจของกำนันเหม ท่านเลยสนับสนุนจนหิรัญไม่อยากขัดใจ อีกอย่างเมื่อได้คุยกับนรสิงห์ เพื่อนรักกำลังพักผ่อนที่นี่ เขาเลยถือโอกาสมาสังสรรค์กับเพื่อน หลังจากไม่ได้เจอกันนานเกือบ2 ปีเต็ม “บุษเข้าเรื่องเลยนะคะ คุณหิรัญจะได้ไปพักผ่อน” หญิงสาวกล่าวเสียงเคร่ง ใบหน้าจริงจัง “ครับ...” “บุษไม่เห็นด้วยกับความคิดของผู้ใหญ่ แต่บุษก็ไม่มีสตางค์ไปคืนลุงกำนันด้วยค่ะ บุษมีเงินเก็บนิดหน่อยเอง...คงไม่พอชดใช้แทนป้าหมอน แต่จะให้บุษรับข้อเสนอที่ลุงกำนันยื่นให้... มันก็จะเหมือนกับว่าบุษจะเป็นฝ่ายเอาเปรียบคุณเลย เพราะคุณอาจจะมีคู่รักอยู่แล้วก็ได้” “ไม่ครับ ผมยังไม่
สาวตัวเล็กร้องโอดโอย แต่ก็ไม่ได้สลดลงอย่างที่บุษบันคิด “คุณแพรวเธอเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นคนร้ายน่ะครับ” “แหงล่ะ...หน้าอย่างกับโจรใครจะไปไว้ใจล่ะ” แพรวนราตอบฉับ แถมแอบแลบลิ้นปลิ้นตาให้หิรัญด้วย บุษบันโครงศีรษะ เธออมยิ้มกับความเจ้าแง่ของเพื่อนสาว มันแปลกๆ จนอดคิดเล่นๆ ไม่ได้ แพรวนรามีพื้นฐานนิสัยร่าเริงน่ารัก เข้ากับคนแปลกหน้าได้ง่าย แล้วทำไม ถึงตั้งป้อมรังเกียจหิรัญ ตั้งท่าเป็นศัตรู แบบไม่ยอมลดราวาศอกให้ หากจับคนทั้งคู่ มา รัก กัน คนน่ารักพิลึก หนุ่มตัวใหญ่ กับสาวไซส์มินิ คงเป็นคู่รักที่น่ารักกุ๊กกิ้ก อย่าบอกใคร... “ผมหน้าแบบนี้ แต่เวลาผมมุ้งมิ้ง สาวๆ ก็มักจะชอบนะครับ” หนุ่มลานมันตอบกลับ เขาไม่ถือสา แม้แพรวนราจะตั้งท่าชิงชัง กลับเห็นว่าหล่อนน่ารักเสียนี่ “ใครถาม...” สาวตัวเล็กตวัดตามอง ย้อนกลับเสียงห้วน “อยากบอก...” และอีกเช่นกัน หนุ่มลานมันตัวดำ ตอบกลับพร้อมกับยิ้มแป้น “พอเลยแพรว...ไปอยู่ที่เคาน์เตอร์เลย ขอบุษคุยกับคุณหิรัญก่อน ส่วนตัวนะ... เข้าใจมั้ย!!” บุษบันตัดบท เพราะดูแล้วคงยืดเยื้อ
บทที่6.หลุมพราง... 1อาทิตย์สำหรับการฮันนีมูน เป็นความสุขใจของภารตี เธอพานักรบท่องแดนในฝันโซนยุโรปจนปุ จบทริปแสนหวานด้วยท้องทะเลที่มัลดีฟส์ สวนสวรรค์ของคู่รักโดยที่เธอเป็นคนควักกระเป๋าจ่ายทุกรายการ นักรบทำแค่ยิ้มหล่อ ทำตัวเป็นสามีทีดีของเธอก็พอ หลังจากกลับมาจากการพักผ่อนหลังงานวิวาห์ ภารตีทำตามคำพูดที่รับปากนักรบไว้ เธอร้องของมารดาจนวิภาวีใจอ่อน ยัดตำแหน่งหัวหน้าแผนกให้นักรบเข้าไปทำงานในเดอะเพรส โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของนรสิงห์ เมื่อน้องชายของเธออยู่ในช่วงพักร้อนพอดี เขาอยู่ที่ภูเก็ต ใช้เวลาทั้งหมดกับการนอน ชดเชยกับช่วงเวลาที่กร่ำงานมาหลายปีเดอะเพรส... ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เป็นแหล่งช็อบปิ้งที่นรสิงห์ลงแรงทุ่มเทมันสมองจนสามารถทำให้ชื่อเสียงกระฉ่อน มีบรรดาไฮโซ เซเลป และคนทั่วไป ตบเท้าเดินเข้าไปจับจ่าย วันๆ หนึ่งไม่ต่ำว่าแสนคน...มียอดเงินสะพัด มีรายได้เข้าเป็นกอบเป็นกำ จากการเช่าพื้นที่ของบรรดาร้านรวงต่างๆ นักรบเดินยืดเขาเข้ามาเหยียบในเดอะเพรสสมความตั้งใจ แม้จะเป็นแค่ตำแหน่งเล็กๆ แต่ในอนาคตเขาต้องไปไกลกว่านั้น เมื่อเป็นสามีของภารตี บุตรสาวหุ้นส่
หญิงสาวถอนใจ เธอยอมกลืนคำพูด เพราะอยากรู้ใจสามีเช่นกัน “อะไรครับตี?” “เปล่าค่ะ ตีกำลังจะชวนคุณรบไปทานข้าว แม่คงไม่ว่างไปกับเรา...” หญิงสาวเลยแสร้งเปลี่ยนเรื่องพูด “ไปเถอะตี แม่มีเรื่องต้องคุยกับบอร์ทบริหารอีกหลายอย่าง คงไม่ออกไปไหนวันนี้” นางรีบสวมรับ ก่อนจะเดินแยกไปอีกทาง รู้สึกหนักอึ้งในอก เพราะการที่นำบุตรเขยมาทำงานในเดอะเพรส นางยังไม่ได้บอกน้องชาย “ไปค่ะคุณรบ จะได้รีบกลับมาทำงาน” ภารตีสอดมือคล้องแขนสามี เธอเอียงใบหน้าซบไหล่ของนักรบ ซ่อนแววตาเป็นกังวลไว้ โดยที่ชายหนุ่มนึกกระหยิ่ม...เมื่อเขารู้กำหนดการของภารตี วันพรุ่งนี้เขาออกเดินทางไปภูเก็ต โดยที่ภารตีต้องเหินฟ้าไปเกาหลี เพื่ออัปหน้าตัวเอง... วันนั้นทั้งวัน นักรบจึงแสร้งหวานกับภรรยา เพื่อให้หล่อนคลายใจ เขากลัวที่สุด กลัวภารตีเปลี่ยนใจ และตามไปคุมเขาเหมือนเดิม...วันรุ่งขึ้น... ชายหนุ่มโบกมือลาภรรยาคนสวย เขาจูบหน้าผากหล่อน แถมทำท่าอิดออด จนภารตีเกือบเปลี่ยนใจ แต่เมื่อหล่อนหายลับไปหลังเกท นักรบจึงพ่นลมหายใจแรงๆ เขายิ้มกริ่มเมื่อนึกถึงแผนการที่ร
หิรัญตะโกนตามหลังแพรวนรา เขาชอบสีหน้าของหล่อน เมื่อหล่อนไม่เคยปิดบังความคิด ดวงตาของหล่อนเปิดเผยจนหมด และเขาไม่รู้ว่าตนเอง ทำอะไรให้หล่อนไม่พอใจ บุษบันอมยิ้มตามหลังคนทั้งคู่ และหากมองตามสายตาของคนไม่มีอคติ...หิรัญ กับแพรวนรา เหมาะที่จะเป็นคู่รักกันมากกว่า เธอกับหิรัญเสียอีก เมื่อชายหนุ่มอารมณ์ดี เหมาะที่จะช่วยให้คนจริงจังอย่างแพรวนราผ่อนคลายลง... “จะรีบไปไหนคุณ ถ้ารอโบกรถไปสนามบินละก็ คุณตกไฟล์นี้แน่” ชายหนุ่มตามมาทัน เมื่อแพรวนรากำลังหารถยนต์รับจ้างที่เคยวิ่งกันขวักไขว่ แต่วันนี้ถนนโล่งๆ พิกล “...” ไม่มีคำตอบจากสาวฉบับพกพา สิ่งที่หิรัญเห็นคือเรียวปากสีระเรื่อเม้มแน่น “วันนี้รถรับจ้างทั้งหมดเขารวมตัวประท้วงอยู่ที่อำเภอ เรื่องรถร่วมบริการที่กำลังเป็นข่าวดัง...ถ้าคุณยังรอรถอยู่ตรงนี้ล่ะก็... ไฟล์ที่กำลังจะบิน คุณคงไปไม่ทัน” ชายหนุ่มเปรยด้วยความหวังดี ไหนๆ ก็จะไปทางเดียวกัน เขาไม่รังเกียจที่จะให้แพรวนราอาศัยรถยนต์ไปด้วยอยู่แล้ว หญิงสาวจิปาก!! เธอเริ่มลังเล...เมื่อบนท้องถนนว่างเปล่า เงียบจนน่าวิตก ความคิดเร็วพอๆ กับการก
บทที่7.แผนลวง... 19:00 นาฬิกา... บุษบันรีบกระหืดกระหอบมายังจุดนัดพบ...เพราะกลัวจะไม่ทันเวลานัดของนักรบ เธอกวาดตามองหาชายหนุ่มผู้นั้น จึงเห็นว่าเขานั่งรออยู่ที่เก้าอี้ ในโถงใหญ่ของลอบบี้โรงแรม ที่มีไว้บริการลูกค้า ชายหนุ่มยกมือขึ้นชู เขายิ้มร่า เมื่อเห็นหญิงสาวมาตามนัด “ขอโทษค่ะที่ทำให้รอ...งานบุษยุ่งคุณรบคงไม่ถือสา” หญิงสาวออกตัว เธอทรุดนั่งเมื่อชายหนุ่มผายมือเชื้อเชิญ “คุณตีไม่ได้มาด้วยเหรอคะ?” หลังเหลียวมองจนแน่ใจ...บุษบันไม่เห็นภารตีอยู่ในบริเวณนี้ “ไปเกาหลีน่ะ มีอะไรเหรอ?” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับกดยิ้มมุมปาก บุษบันขยับตัวด้วยความอึดอัด เธอเริ่มระแวง และรีบหาทางเลี่ยง “คุณรบมีเรื่องอะไรจะคุยกับบุษคะ ช่วงนี้ที่รีสอร์ตยุ่งๆ บุษไม่อยากทิ้งงานมานาน” เธออ้างเรื่องงาน...และกวาดตามองหาทางเลี่ยง เมื่อรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล “เรื่องตี ผมขอโทษแทนตีด้วย ผมพยายามอธิบายให้ตีฟังแล้ว...แต่ตีไม่เชื่อ...” นักรบปั้นหน้าเศร้า “ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องไม่จริง เวลาจะพิสูจน์คำพูดข