บทที่4.ผิดแผน... มันน่าจะเป็นความสงบสุข...หลังวันมหาวิปโยคผ่านพ้นไป วันนี้บุษบันเข้มแข็งขึ้น เงาของนักรบไม่ได้ทำให้น้ำตาเธอตกเหมือนเก่า เพราะเธอเริ่มทำใจได้...เมื่อรู้ชัดอย่างแท้จริง ผู้ชายคนนั้นต้องการแค่ร่างกายของเธอ เพื่อสนองความต้องการของเขา ตื้ดๆ เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวของเธอ...ดังเตือน...บุษบันล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงหยิบออกมากดรับ “นึกยังไงคะโทร. หาบุษวันนี้?” ปลายสายคือคนที่บุษบันรักไม่ต่างจากมารดา สายสมรคือพี่สาวมารดา คุณป้าที่ส่งเสริม สนับสนุนให้เธอมีวันนี้ได้ เงินเดือนของสายสมรคือค่าเล่าเรียนของเธอ “บุษ...ป้า...เอ่อ...” สาวใหญ่พูดติดๆ ขัดๆ เธอมีเรื่องร้อนใจ และอยากให้หลานสาวช่วย “ป้ามีอะไรไม่สบายใจ...บอกบุษได้เลยค่ะ” “บุษ ก็อย่างที่ป้าเคยเล่าให้ฟัง...ป้าเอาที่ไปจำนองไว้ และป้าขาดส่งมานานหลายปีแล้วด้วย เจ้าหนี้เขาก็จ้องจะยึด แต่ป้าไม่อยากเสียที่ผืนนั้นไป... มันเป็นมรดกที่ป้าคิดจะยกให้บุษ...ที่สำคัญ มันจะเดือดร้อนถึงพ่อแม่บุษด้วยนะ เมื่อมันเป็นที่ผืนเดียวกัน” ที่ดินที่เป็นมรดกพกห่อ บิดา มารด
แพรวนราจิปาก เธอตบฝ่าเท้าใต้รองรองเท้าแตะไปมา มุมปากบางเฉียบกดลงด้วยความไม่พอใจ “ลืมเอาปากมาไงคุณ หรือว่ายืนอมขี้ฟันอยู่!!” เสียงถามขุ่นจัด จนคนตัวใหญ่หลุดออกมาจากภวังค์ “เปล่าครับ แค่ไม่คิดว่าคนในรีสอร์ตรินลดาจะต้อนรับลูกค้าด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟังเท่าไหร่เลย” เขาติงแบบผู้ใหญ่เตือนเด็ก เพราะคะเนแล้วเขาน่าจะแก่กว่าผู้ก๋ากั่นตรงหน้า “ถ้ามาอย่างมิตร ชาวรินลดาก็พร้อมที่จะเป็นมิตร แต่หากมาอย่างศัตรู ฉันฟันไม่เลี้ยงค่ะ บอกไว้ก่อน” แพรวนราแสยะยิ้ม เธอตอกกลับแบบไม่ไว้หน้า “แล้วอะไรที่ทำให้หนูคิดว่าผมมาแบบศัตรูล่ะ?” หิรัญร้องถาม เมื่อน้ำเสียงที่ใช้ของเด็กสาวตรงหน้าบ่งบอกเขาแบบนั้น หล่อนคิดว่าเขาไม่ใช่คนที่มาอย่างมิตร แพรวนราฉุนกึก...หมอนี่เรียกเธอด้วยสรรพนามที่ทนฟังไม่ไหว หนู เธออายุ25ปีนี้อายุงานสองปีในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์มีบริษัทเล็กๆ เป็นของตัวเอง... แต่ตาลุงคนนี้เรียกเธอเสียหมดความภาคภูมิใจ “ลุง...ไปตัดแว่นป่ะ ฉันไม่ได้เด็กขนาดเรียกว่า หนูหรอกนะ” หญิงสาวเน้นคำเรียกขานอีกฝ่าย เธอแสยะยิ้มเมื่
นรสิงห์บ่นขรม เขาก็ไม่ต่างอะไรกับหิรัญเลย คนในครอบครัวเคี่ยวเข็ญให้มีจังห่วง ทั้งที่ตนเองยังสนุกกับการทำงาน ผู้หญิงยังไม่ใช่สิ่งที่นรสิงห์ปรารถนา เมื่อยังสามารถถลกกระโปรงพวกหล่อนได้ โดยไม่ต้องใช้ทะเบียนสมรส “ฮ่าๆ” สองหนุ่มหัวเราะลั่น เมื่อต้องผจญชะตากรรมเดียวกัน “ว่าแต่ ไหนล่ะผู้หญิงที่พ่อกำนันเล็งไว้ให้แก นัดหล่อนไว้ที่นี่หรือไง...” หนุ่มหล่อสไตล์หนุ่มในเมืองเหลียวมองไปรอบๆ ตัว เพื่อมองหา ว่าที่เมีย ที่เพื่อนรักต้องมาดูตัว “แหมๆ ไม่ต้องมาตื่นเต้นแทนฉันเลยว่ะไอ้เสือโหด เดี๋ยวคุณบุษตกใจ เผ่นป่าราบ” หิรัญเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ “อะไรนะ!! แกว่าไงนะไอ้เสี่ย คู่หมายที่พ่อกำนันหาไว้ให้แกชื่ออะไร?” หนุ่มลูกทุ่งขมวดคิ้ว มองหน้ายับๆ ของเพื่อนงงๆ “บุษบัน นาคสม ลูกลุงปั้นกับน้าสายพิณ บ้านอยู่ถัดจากบ้านฉันไปไม่เท่าไหร่หรอก ไม่เคยเจอหน้ากัน เพิ่งจะเห็นกันวันนี้แหละ” นรสิงห์พ่นลมหายใจแรงๆ ผู้หญิงคนนั้นมีอะไรดี ทำไมหล่อนถึงเข้ามาพัวพันอยู่ในวงจรชีวิตของเขาบ่อยครั้งเหลือเกิน... “แกรู้มั้ยว่าป้าหล่อน เป็นคนรับใช้”
บุษบันยิ้มแฉ่ง เมื่อหันมาท้าทายแพรวนรา แต่ดันตรงกับจังหวะที่สาวมดคันไฟเขาเรากำลังหน้ามืดพอดี สาวแกร่งฉบับพกได้ เปิดประตูด้านข้างเคาน์เตอร์ออกมายืนยิ้มแป้น ไหวไหล่ แบมือออกข้างๆ ตัวเหมือนต้องการยั่วเพื่อนสาวให้เต้น บุษบันยกหัวแม่มือให้ เธอแอบยกมือปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะ เมื่อแพรวนราเดินหน้ามึน ตรงไปหาสองหนุ่มที่เป็นหัวข้อสนทนาของเธอ “รับอะไรเพิ่มมั้ยคะ?” หญิงสาวตีมึน เดินเข้าไปแทรกถาม หิรัญเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง “คุณเป็นพนักงานในรีสอร์ตนี้ด้วยเหรอครับ” เพราะการแต่งตัวของแพรวนรา ไม่เหมือนกับพนักงานคนอื่นๆ หิรัญเลยอดไม่ได้ที่จะย้อนถาม หญิงสาวพยักหน้ารับ “ใช่ก็ได้ ไม่ใช่ก็ได้เหมือนกันค่ะ แต่คุณคนนี้หน้าคุ้นๆ” หญิงสาวรับคำกวนๆ เธอหันไปให้ความสนใจกับนรสิงห์ มากกว่าคนที่ไม่ชอบขี้หน้า “ผมจำคุณแพรวได้ครับ เราเจอกันบ่อยเหมือนกัน รู้สึกเหมือนว่าผลิตภัณฑ์ของเดอะเพรสหลายชิ้น บริษัทคุณแพรวจะออกแบบให้” นรสิงห์ยิ้มรับ เขารู้จักกับรินลดาเป็นการส่วนตัว เลยพลอยทำให้รู้จัก แพรวนราไปด้วย และเป็นเรื่องบังเอิญที่งานของเขาเ
บทที่5.ทดลอง “ขอโทษนะคะที่ทำให้รอนาน” บุษบันยิ้มอ่อน เธอถือจานขนมเค้กเดินไปไว้ตรงหน้าหิรัญ เมื่อเห็นว่าเขาว่างพอที่จะคุยธุระสำคัญกับเธอแล้ว “ไม่เป็นไรครับ...ผมเองก็ไม่ได้นั่งพักแบบนี้มานานมากแล้ว...ได้อยู่เฉยบ้างก็ดีเหมือนกัน” หนุ่มบ้านนอกตอบพร้อมกับยิ้มแป้น ทำงานเป็นลูกจ้างบิดา เขาแทบไม่มีเวลาว่าง จนกำนันเหมเกรงว่าลูกชายจะไม่มีเมียเลยจัดหามาให้ และบุษบันก็เป็นที่ถูกใจของกำนันเหม ท่านเลยสนับสนุนจนหิรัญไม่อยากขัดใจ อีกอย่างเมื่อได้คุยกับนรสิงห์ เพื่อนรักกำลังพักผ่อนที่นี่ เขาเลยถือโอกาสมาสังสรรค์กับเพื่อน หลังจากไม่ได้เจอกันนานเกือบ2 ปีเต็ม “บุษเข้าเรื่องเลยนะคะ คุณหิรัญจะได้ไปพักผ่อน” หญิงสาวกล่าวเสียงเคร่ง ใบหน้าจริงจัง “ครับ...” “บุษไม่เห็นด้วยกับความคิดของผู้ใหญ่ แต่บุษก็ไม่มีสตางค์ไปคืนลุงกำนันด้วยค่ะ บุษมีเงินเก็บนิดหน่อยเอง...คงไม่พอชดใช้แทนป้าหมอน แต่จะให้บุษรับข้อเสนอที่ลุงกำนันยื่นให้... มันก็จะเหมือนกับว่าบุษจะเป็นฝ่ายเอาเปรียบคุณเลย เพราะคุณอาจจะมีคู่รักอยู่แล้วก็ได้” “ไม่ครับ ผมยังไม่
สาวตัวเล็กร้องโอดโอย แต่ก็ไม่ได้สลดลงอย่างที่บุษบันคิด “คุณแพรวเธอเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นคนร้ายน่ะครับ” “แหงล่ะ...หน้าอย่างกับโจรใครจะไปไว้ใจล่ะ” แพรวนราตอบฉับ แถมแอบแลบลิ้นปลิ้นตาให้หิรัญด้วย บุษบันโครงศีรษะ เธออมยิ้มกับความเจ้าแง่ของเพื่อนสาว มันแปลกๆ จนอดคิดเล่นๆ ไม่ได้ แพรวนรามีพื้นฐานนิสัยร่าเริงน่ารัก เข้ากับคนแปลกหน้าได้ง่าย แล้วทำไม ถึงตั้งป้อมรังเกียจหิรัญ ตั้งท่าเป็นศัตรู แบบไม่ยอมลดราวาศอกให้ หากจับคนทั้งคู่ มา รัก กัน คนน่ารักพิลึก หนุ่มตัวใหญ่ กับสาวไซส์มินิ คงเป็นคู่รักที่น่ารักกุ๊กกิ้ก อย่าบอกใคร... “ผมหน้าแบบนี้ แต่เวลาผมมุ้งมิ้ง สาวๆ ก็มักจะชอบนะครับ” หนุ่มลานมันตอบกลับ เขาไม่ถือสา แม้แพรวนราจะตั้งท่าชิงชัง กลับเห็นว่าหล่อนน่ารักเสียนี่ “ใครถาม...” สาวตัวเล็กตวัดตามอง ย้อนกลับเสียงห้วน “อยากบอก...” และอีกเช่นกัน หนุ่มลานมันตัวดำ ตอบกลับพร้อมกับยิ้มแป้น “พอเลยแพรว...ไปอยู่ที่เคาน์เตอร์เลย ขอบุษคุยกับคุณหิรัญก่อน ส่วนตัวนะ... เข้าใจมั้ย!!” บุษบันตัดบท เพราะดูแล้วคงยืดเยื้อ
บทที่6.หลุมพราง... 1อาทิตย์สำหรับการฮันนีมูน เป็นความสุขใจของภารตี เธอพานักรบท่องแดนในฝันโซนยุโรปจนปุ จบทริปแสนหวานด้วยท้องทะเลที่มัลดีฟส์ สวนสวรรค์ของคู่รักโดยที่เธอเป็นคนควักกระเป๋าจ่ายทุกรายการ นักรบทำแค่ยิ้มหล่อ ทำตัวเป็นสามีทีดีของเธอก็พอ หลังจากกลับมาจากการพักผ่อนหลังงานวิวาห์ ภารตีทำตามคำพูดที่รับปากนักรบไว้ เธอร้องของมารดาจนวิภาวีใจอ่อน ยัดตำแหน่งหัวหน้าแผนกให้นักรบเข้าไปทำงานในเดอะเพรส โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของนรสิงห์ เมื่อน้องชายของเธออยู่ในช่วงพักร้อนพอดี เขาอยู่ที่ภูเก็ต ใช้เวลาทั้งหมดกับการนอน ชดเชยกับช่วงเวลาที่กร่ำงานมาหลายปีเดอะเพรส... ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เป็นแหล่งช็อบปิ้งที่นรสิงห์ลงแรงทุ่มเทมันสมองจนสามารถทำให้ชื่อเสียงกระฉ่อน มีบรรดาไฮโซ เซเลป และคนทั่วไป ตบเท้าเดินเข้าไปจับจ่าย วันๆ หนึ่งไม่ต่ำว่าแสนคน...มียอดเงินสะพัด มีรายได้เข้าเป็นกอบเป็นกำ จากการเช่าพื้นที่ของบรรดาร้านรวงต่างๆ นักรบเดินยืดเขาเข้ามาเหยียบในเดอะเพรสสมความตั้งใจ แม้จะเป็นแค่ตำแหน่งเล็กๆ แต่ในอนาคตเขาต้องไปไกลกว่านั้น เมื่อเป็นสามีของภารตี บุตรสาวหุ้นส่
หญิงสาวถอนใจ เธอยอมกลืนคำพูด เพราะอยากรู้ใจสามีเช่นกัน “อะไรครับตี?” “เปล่าค่ะ ตีกำลังจะชวนคุณรบไปทานข้าว แม่คงไม่ว่างไปกับเรา...” หญิงสาวเลยแสร้งเปลี่ยนเรื่องพูด “ไปเถอะตี แม่มีเรื่องต้องคุยกับบอร์ทบริหารอีกหลายอย่าง คงไม่ออกไปไหนวันนี้” นางรีบสวมรับ ก่อนจะเดินแยกไปอีกทาง รู้สึกหนักอึ้งในอก เพราะการที่นำบุตรเขยมาทำงานในเดอะเพรส นางยังไม่ได้บอกน้องชาย “ไปค่ะคุณรบ จะได้รีบกลับมาทำงาน” ภารตีสอดมือคล้องแขนสามี เธอเอียงใบหน้าซบไหล่ของนักรบ ซ่อนแววตาเป็นกังวลไว้ โดยที่ชายหนุ่มนึกกระหยิ่ม...เมื่อเขารู้กำหนดการของภารตี วันพรุ่งนี้เขาออกเดินทางไปภูเก็ต โดยที่ภารตีต้องเหินฟ้าไปเกาหลี เพื่ออัปหน้าตัวเอง... วันนั้นทั้งวัน นักรบจึงแสร้งหวานกับภรรยา เพื่อให้หล่อนคลายใจ เขากลัวที่สุด กลัวภารตีเปลี่ยนใจ และตามไปคุมเขาเหมือนเดิม...วันรุ่งขึ้น... ชายหนุ่มโบกมือลาภรรยาคนสวย เขาจูบหน้าผากหล่อน แถมทำท่าอิดออด จนภารตีเกือบเปลี่ยนใจ แต่เมื่อหล่อนหายลับไปหลังเกท นักรบจึงพ่นลมหายใจแรงๆ เขายิ้มกริ่มเมื่อนึกถึงแผนการที่ร
“ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะดังไล่หลังมา “อย่าวิ่งสิบุษ เธอท้องอยู่นะ!!” แต่เมื่อนึกขึ้นได้ ชายหนุ่มตะโกนห้ามเสียงหลง เมื่อบุษบันกำลังมี ‘เจ้าตัวเล็ก’ นอนตีพุงอยู่ในท้องเจ้าหล่อนสายเลือดกษิดิศชญาธร ที่มาในจังหวะเหมาะเหม็ง ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีข้ออ้างในการย้อนกลับมาหาเธอ “ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้บุษท้อง” เสียงเปรยแผ่วๆ ของผู้ชายตัวใหญ่...นรสิงห์เดินเข้าไปอีกห้องหนึ่ง เขาเองก็ต้องรีบอาบน้ำ จะได้ออกไปจัดการอะไรๆ ให้มันเสร็จสมบูรณ์สักที ไม่คิดว่าตนเองจะยอมทิ้งชีวิตอิสระ แต่เมื่อคิดดูดีๆ มันก็ไม่ได้แย่นัก หากจะมีคนยืนข้างๆ มีความห่วงใยให้กัน มีความผูกพัน...นับจากนี้ไปตลอดจนลมหายใจเฮือกสุดท้าย ตื้ด...&nbs
“แล้วเธอล่ะบุษ...คิดอะไรกับฉันมั้ย?” ชายหนุ่มย้อนถาม เขามองผิวแก้วสีระเรื่อตาพราว บุษบันหน้าร้อนฉ่า คำถามที่เธอรู้คำตอบดี แต่ตอนนี้ไม่มีความกล้าพอ... เมื่อผู้ชายตรงหน้า เป็นคนแรกที่เข้าถึงตัว ทุกสิ่งในร่างกายตนเองไม่ได้เป็นความลับสำหรับเขา...แถมซ้ำ...ในท้องเธอ มีสายเลือดของเขานอนตีแปลงอยู่ด้วย แบบนี้...เธอจะไม่รักเขา...ได้ยังไง แต่นรสิงห์ชิงพูดเสียก่อน... ‘The great big day in my life has begun when you come into my heart.’ วันดีๆ ในชีวิตฉัน...ได้เริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่วันที่ฉันมีเธอ... ผิวแก้มเธอร้อนฉ่า ดวงตาพร่าเพราะน้ำตาเอ่อ ไม่คิดว่าตัวเองจะมีความสำคัญกับเขาขนาดนั
“อะ!!” ร่างเล็กๆ สั่นระริก เธอขยุ้มผ้าใต้ฝ่ามือแน่น หลับตาพริ้มและเปล่งเสียงครางสั่นๆเมื่อเขาแทรกปลายนิ้วแข็งๆ เข้าไปด้านใน และขยับเคลื่อนไหวช้าๆ“อย่า...อย่าทำแบบนั้น ได้โปรด?!!” บุษบันครางเสียงหลง สะโพกผายส่ายสะบัดเหมือนปีกผีเสื้อ ไม่อาจจะขัดขืนความรู้สึกนี้ได้เลย เพราะเมื่อชายหนุ่มเข้าใกล้เขาทำให้เธออ่อนปวกเปียกเหมือนขี้ผึ้งถูกไฟรนทุกครั้ง...ร่างกายของเธอมันทรยศ มันไม่ฟังคำสั่งจากสมอง เมื่อมันสนองตอบชายหนุ่มและยินยอมให้เขาทำตามอำเภอใจมุมปากได้รูปกระตุกยิ้ม เข้าเหลือบมองใบหน้าบิดเบี้ยวของหญิงสาวหวานใจ ใบหน้างดงามแดงก่ำเธอแสดงออกถึงความพร้อมพรั่ง!! สารหล่อลื่นในร่างกายถูกขับออกมาจนเปียกเปรอะเนืองนอง และไม่ว่าเขาจะจับหันซ้ายหันขวา เธอก็พร้อมและเต็มใจที่จะสนองตอบอยู่แล้ว เสียงครางระส่ำช่วยยืนยันความคิดของเขาชายหนุ่มโหย่งตัวขึ้น ชักปลายนิ้วออกมาจากแอ่งสวรรค์ จรดแก่นกายแข็งตึงแนบเนินเนื้ออวบอิ่ม เขารวบเรียวขาเพรียวยาวไว้ที่ท้องแขนก่อนจะกดสะโพกสอบ บรรจงเสือกเสยความอลังการกับความอวบอูมเต็มแรง!!“อืมมมม...ซี๊ดดดดด
หญิงสาวรวบผ้าห่มชิดตัวมากขึ้น เมื่อใต้ผืนผ้าหนาๆ เธอมีแค่อันเดอร์แวร์สองชิ้น เสื้อผ้าชิ้นอื่นๆ อันตทานหายไปจนหมด ตั้งแต่ตอนที่เธอยังไร้สติ... “ฉันไม่สัญญาหรอกนะว่าจะทำตัวเป็นคนดี ฉันก็เป็นฉันแบบนี้แหละ แต่รับประกัน ฉันไม่ใช่คนเหลาะแหละ ฉันมั่นใจเชียว ว่าฉันสามรถดูแลเธอกับลูกได้ ในอนาคต” นรสิงห์ย้ำอีกครั้ง ก่อนจะทิ้งตัวนอนแผ่บนพื้นเตียง เตียงหนาไหวยวบ เมื่อน้ำหนักตัวนรสิงห์ไม่ใช่น้อยๆ เลย “บุษกลัวว่า...บุษจะทำให้คุณเดือดร้อน บุษอาจจะเป็นที่รังเกียจ แล้วจะทำให้เราไปกันไม่รอด” หญิงสาวแย้งเสียงอ่อย เธอกับคนในครอบครัวเขา จะมีทางญาติดีกันเหรอ ในเมื่อเธอเคยเป็นคนที่พวกเขาตั้งป้อมรังเกียจ!! ชายหนุ่มพลิกตัวนอนคว่ำ เขาเอามือรองใต้คาง ตอนที่เงยหน้ามองบุษบัน “น
คนตอบสำรวมเสียงสุดๆ เมื่อพอจะรู้ใจเจ้านายดี เวลานี้หัวหอกหนุ่มของเดอะเพรสกำลังร้อนเป็นไฟ แม้จะได้ตัวเจ้าสาวมาไว้ในกำมือแล้วก็ตาม แต่หากฟื้นขึ้นมาแล้วบุษบันยืนกรานคำเดิม...คนรอบตัวของนรสิงห์ คงได้โดนหางเลขกันเป็นแถวๆ ดอกไม้ดอกเล็กๆ ที่ประดับไว้บนเรือนผม ด้วยฝีมือสุดประณีตของช่างมือดี ส่งให้เส้นผมดำขลับดูงดงามออร่าพุ่งแต่ขัดนัยน์ตาของชายหนุ่มที่อุทิศตัวเป็นดั่งหมอนนุ่มให้บุษบันนอนอิงเสียจริงๆ เมื่อมือเร็วเท่าความคิด ดอกไม้สุดสวยนั่นจึงถูกแกะออกมาทีละดอก ช้าๆ เมื่อชายหนุ่มบรรจงเบามือที่สุด เพื่อกันไม่ให้คนหลับหมดสติรู้ตัว ในที่สุดก็ถึงจุดหมายปลายทาง บ้านพักบนเนินเขา ตัวบ้านตั้งโดดเด่น...เบื้องล่างคือน้ำทะเลใสแจ๋ว เสียงคลื่นดังไกลๆ เมื่อระยะทางจากตัวบ้านถึงชายหาด อยู่สูงกว่ากันไม่ใช่เล่น บ้านอีกหนึ่งหลังของกษิดิศชญาธร มีไว้เพื่อพักผ่อนโดยเฉพาะ เขาเลือกที่นี่ เพราะมันเดินทางยาก หากไม่มีรถยนต์ก็คงต้องเดินจนขาลาก กว่าจะถึงถนนที่มีรถยนต์วิ่งผ่านไป ผ่านมา&
“หึ!! หล่อนคงมีเป้าให้เกาะอยู่แล้วซิ ถึงได้กล้ากำแหง” วิภาวียังไม่วายค่อนคอด “ความจริง... หิรัญกับบุษบัน เขาเป็นคู่หมายที่ผู้ใหญ่เขาทาบทามไว้อยู่แล้วครับ เพียงแต่ผมเข้าไปแทรกไว้ก่อน” ความลับคับอก พรางพรูออกมาจากปากหนุ่มรุ่นน้อง ไม่ใช่เพื่อแก้ต่างให้บุษบัน แต่เป็นคนยืนยันเพื่อความบริสุทธิ์ของเจ้าหล่อน และมันคือความจริง “โอ้ย!! ฉันไม่อยากจะเชื่อ นี่เราหนีผู้หญิงที่ชื่อบุษบันไม่พ้นจริงๆ เหรอ?” “ตีไม่อยากจะเชื่อว่าคุณรบโกหกตี” สาวท้องแก่ครางเสียงระโหย ในคำพูดของนักรบ มีเรื่องไหนที่เป็นความจริงบ้าง “แกก็เลิกงมงายกับไอ้ผัวเฮงซวยนั่นได้แล้วล่ะ... แต่ต้องถามฉันยัยตี มีเรื่องไหนบ้างที่ผัวแกมันไม่โกหกบ้าง” วิภาวีเป็นมารดาที่รักบุ
กำนันเหมโวยคนแรก ตามด้วยบิดา มารดาของแพรวนรา แต่ก็เริ่มเห็นด้วย เมื่อหิรัญพยายามอธิบาย เมื่อสิ่งที่เขากับแพรวนราทำก็เพราะความหวังดีกับเพื่อน และสั่งสอนคนอีโก้สูงให้รู้ตัว เรื่องหัวใจ จะเอาเหตุผลร้อยแปดมาคัดง้างไม่ได้ ต้องใช้ใจแลกใจเท่านั้น ดังนั้น...แพรวนรากับหิรัญ จึงได้แนวร่วมเพิ่มขึ้น เพราะบิดา มารดาของแพรวนราก็รักบุษบันไม่ต่างอะไรกับลูกในไส้ จึงสงสารชะตากรรมที่หล่อนได้พบเจอ ข่าวลือจึงถูกแพร่ออกไป จากวงสังคมแคบๆ และขยายเป็นเรื่องใหญ่ในไม่ช้า และเข้าหูของนรสิงห์จนได้บ้านกษิดิศชญาธร... “สิงห์...แม่นั่นกำลังจะแต่งงานกับเพื่อนสิงห์ สิงห์รู้หรือเปล่า?” วิภาวีเดินหน้าตั้งเข้ามาถาม หลังกลับจากงานการกุศล และได้ยินข่าวซุบซิบนั่นเข้าพอดี&n
บทที่16.ตลบหลังเพื่อนจอมแสบในขณะที่เพื่อนรักกำลังจะมีความสุข...หนุ่มไฮโซ อีโก้เต็มบ่า กำลังทุกข์หนัก เก้าอี้ที่รองก้น ทั้งกระด้างและร้อน จนทนฝืนนั่งทำงานต่อไปไม่ไหว นรสิงห์ผุดลุกขึ้นยืน เขาเดินมาหยุดที่ริมกระจกใส เพ่งสายตาฝ่าเปลวแดด มองท้องถนน กบผู้คนที่เดินผ่านไป ผ่านมาด้วยสายตาเลื่อนลอย บุหรี่ม้วนเล็กๆ ถูกดึงออกมาจากซอง เปลวไฟลามเลียปลายม้วนเมื่อเจ้าตัวนึกอยากขึ้นมา เพราะเขาต้องการใช้ความคิด การสูบบุหรี่คือการแก้เครียดที่นรสิงห์เคยใช้ได้ผล แต่ครั้งนี้เหมือนจะไร้ประโยชน์ สารนิโคตินในบุหรี่ไม่ช่วยให้สมองของชายหนุ่มโปร่งโล่งเหมือนเคย เหมือนมีม่านควันบางๆ ไหลวนเวียนอยู่ในหัว ทำให้ความคิดที่เคยวิ่งฉิว เฉื่อยช้าลง... นรสิงห์ตัดสินใจดีดก้นบุหรี่ทิ้ง เขาเดินย่ำเท้าแรงๆ เหมือนต้องการระบายความไม่พอใจลงบนพื้นพรม แต่กลับไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย ทุกอย่างยังดูขวางหู ขวางตาไปหมด... ในที่สุด...ชายหนุ่มก็
หนุ่มตัวดำโน้มตัวลงมาใกล้ๆ “เชื่อผมมั้ยล่ะ?” เขากระซิบถาม ลมหายใจเป่ารดข้างแก้มของแพรวนรา เพราะความใกล้ชิด แถมแอบสูดกลิ่มหอมๆ ของหล่อนไปด้วย แพรวนราผงะ!! เธอเงยหน้าขึ้น แสยะยิ้ม แยกเขี้ยวให้หิรัญเมื่อกลับมาเป็นคนเดิม “คุณถอนตัวไม่ได้แล้วนะ ฉันเป็นคนจำแม่น อะไรที่เคยผ่านหู ฉันจำไม่ลืม...ถ้าทำไม่ได้อย่ามาพูด” “ตามนั้น!!” คนเอ่ยปากย้ำ เขายิ้มกว้าง มองปากอิ่มตาละห้อย เมื่อนึกอยากจุมพิตสาวสักทีแต่ไม่มีความกล้าพอ “แพรว...จูบทีได้มั้ย?” เสียงหิรัญพร่าสั่น เมื่อกลั้นใจถาม เขามองสบนัยน์ตาฉ่ำหวานของแพรวนราด้วยสายตาละห้อย นึกเสียวสันหลังวาบๆ ไม่คิดว่าแค่เริ่มต้น ตนเองก็จะ เกรง หล่อนเสียจนเป็นความกลัว ไอ้ชมรมกลัวเมียที่ผู้ชายส่วนใหญ่พูดถึง หลังแต่งงาน หรือมีชีวิตคู่ คงได้เปิดรับเขาไปเป็นสมาชิกเร