บุหรี่ม้วนสั้นๆ ถูกดีดลงบนพื้น ปลายมวนที่ยังมีเชื้อไฟสีแดงๆ ถูกส้นรองเท้าหนังมันวับยกขึ้นเหยียบขยี้ ผู้ชายตัวใหญ่นัยน์ตาดุ เดินออกมาจากเงามืดอีกทาง เขาจับตาดูคนทั้งคู่มาระยะหนึ่ง กำลังประเมินว่าตนเองควรทำอย่างไร? ออกไปขัดจังหวะ หรือยืนดูเพื่อจับผิดเฉยๆ แต่บุษบันทำให้เขาตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ผู้หญิงคนนั้น ทำในสิ่งที่เขาคิดไม่ถึง!!
“โอ๊ะ!!”
นักรบผงะ หน้าเขาซีดเผือดเมื่อนรสิงห์เดินตรงมาหา
“อย่าคิดว่าคนอื่นตาบอดเหมือนยัยตี ผมกำลังจับตามองคุณอยู่นะคุณนักรบ และหากคุณทำให้ยัยตีเสียใจ... คงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ”
เสียงน้าเขยเย็นเยียบจนนักรบขนลุกซู่ “ยัยนั่นอ่อยผม หล่อนอยากได้ผมเป็นผัว!!” คำแก้ตัวแบบหน้าด้านๆ ดังออกมาจากปากผู้ชายเห็นแก่ตัว
“นั่นมันเรื่องของคุณกับเธอ แต่หากเกี่ยวพันกันจนทำให้หลานผมเสียใจ...คงไม่ต้องบอกหรอกใช่ไหม? ว่าผมจะจัดการอย่างไรกับคนแบบพวกคุณอย่างไรถึงจะดี”
ชายหนุ่มเปรย เขาเดินเฉียดผ่านนักรบไปแบบประชิด จนปลายรองเท้าหนังมันวาวแทบจะเหยียบลงบนหลังมือของหลายเขย
“โว้ย!!”
หลังน้าเขยสุดโหดหายลับไปในเงามืด นักรบโวยเสียงลั่น เขายกมือทุบลงบนผิวดิน ร้องด่าทั้งภารตีและบุษบันในใจ
ผู้หญิงสองคนที่แตกต่างกันแบบสิ้นเชิง คนหนึ่งที่คิดว่าเป็นหมูในอวย หล่อนน่าจะยอมทุกอย่างเพียงเพราะหล่อนรักเขา แต่กลับเป็นว่า...ผู้หญิงคนนั้นหันหลังให้เขาแบบไม่ย้อนคิด ทันทีที่เขามีผู้หญิงอีกคน
บุษบันคือผู้หญิงคนแรก ที่ทำให้นักรบแทบกระอัก หล่อนก็แค่หลานสาวคนรับใช้ แต่ทำหยิ่งผยองเสียจนน่ารำคาญ
ภารตีเป็นอีกคนที่ไม่ได้ดั่งใจนึก เขาคิดว่าเอาหล่อนอยู่ สามารถชี้เป็นชี้ตายให้หล่อนได้ จนในที่สุดเขากับหล่อนก็กลายเป็นคนๆ เดียวกัน แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด มีก้างชิ้นใหญ่ขวางลำ จนสิ่งที่นักรบต้องการยังไม่ได้ดั่งใจ
‘ผมอยากไปทำงานที่เดอะเพรส...ตีช่วยผมหน่อยสิ’
เขาสอดมือกอดเอวภารตี พร้อมกับร้องขอเสียงหวานฉ่ำ
หญิงสาวทำหน้ายับ ‘ที่เดอะเพรสต้องถามน้าสิงห์ค่ะ ตีไม่สามารถจริงๆ แต่โปรไฟล์แบบคุณรบไม่น่าจะกลัว ลองส่งเรโซเม่ไปสิคะ ตีจะกระซิบบอกคุณแม่ไว้ให้’ หล่อนตอบซึ่งไม่ใช่ความต้องการของเขา ไอ้บริษัทเฮงซวยนั่นตอบปฏิเสธเขามาตั้งแต่หลายเดือนก่อน ทั้งที่ตอนนั้นเขากำลังคบหาดูใจกับภารตีอยู่แท้ๆ
‘ตีช่วยผมไม่ได้เลยเหรอ ผมเป็นหลานเขยนะ น้าคุณยังจะให้ทำตามขั้นตอนอีกเหรอไง ไม่มีสิทธิ์พิเศษในฐานะคนในบ้างเชียวหรือ?’
ชายหนุ่มดึงมือกลับ เขาปั้นหน้าเคร่ง
‘ที่นั่นคืออาณาจักรของน้าสิงห์ค่ะ น้าสิงห์ไม่ชอบเด็กเส้น’
นรสิงห์เป็นคนตรงเขาไม่ชอบเส้นสาย ขนาดญาติพี่น้องยังต้องใช้ความสามารถตัวเอง ไอ้อย่างจะไปกินตำแหน่งใหญ่ๆ เลย นรสิงห์ไม่สนับสนุน ต้องใช้ฝีมือวัด
‘ตีช่วยนี่ไงคะ เข้าทางคุณแม่นะดีสุด...หากเข้าทางน้าสิงห์เลย คุณโดนกาหัวกระดาษไปแล้ว’
ภารตียิ้มหวาน เธอเชื่อว่าฝีระดับนักรบ น่าจะผ่านด่านแรกได้ แต่ที่เธอไม่รู้คือ เขาถูกเขี่ยทิ้งตั้งแต่หลายเดือนก่อนด้วยฝีมือนรสิงห์
‘คิดดูนะตีหากผมไปทำงานที่อื่น มันจะมีคำถามตามมา ผมไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเดอะเพรสเหรอครับ?’
ชายหนุ่มปั้นหน้าเคร่ง เขายกวงสังคมขึ้นมาอ้างและนั่นคือสิ่งที่เขาต้องตอบ...ดังนั้นไม่ว่าจะยังไง เขาต้องเข้าไปเหยียบเดอะเพรสให้ได้ เพื่อเหยียบหน้าคุณน้าวัยหนุ่มของภารตี เมื่อเขาเขี่ยเรโซเม่ของหนุ่มนักเรียนนอกทิ้ง...เป็นการดูถูกแบบร้ายแรงที่สุด!! ซึ่งนักรบยอมไม่ได้
นั่นคือเหตุการณ์ก่อนที่จะเตลิดออกมาจากห้องและมาเจอบุษบันเข้า
“คุณรบ...ตีขอคุณแม่ให้แล้วนะคะ กลับจากฮันนีมูน ตีจะพาคุณรบไปทำงานที่เดอะเพรสเอง”
ภารตีผวาเข้ามากอดเอวชายหนุ่ม เธอซบหน้ากับแผงอกสามี กระซิบเสียงสั่นเมื่อชายหนุ่มนิ่งเฉยจนหล่อนใจไม่ดี
มือแข็งแรงยกดันหัวไหล่ เขามองสบนัยน์ตาฉ่ำน้ำตาพร้อมกับยิ้มหวาน
“ผมจะไม่ทำให้ตีกับคุณแม่ผิดหวัง เพราะยังไงเสียเดอะเพรสก็เป็นกิจการในครอบครัวของคุณ เหมือนกับไชยยะนันของผม”
“ตีรู้ค่ะ คุณรบน่ะเป็นคนเก่ง น้าสิงห์ต้องเห็นความสามารถคุณรบแน่ๆ ค่ะ”
ภารตียิ้มหวานเธอยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาป้อยๆ เมื่อความบาดหมางคลี่คลายไปในทางที่ดี แต่มันคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายเมื่อครั้งแรกนักรบใช้วิธีนี้ได้ผล ครั้งต่อไปคงได้ตามมาเร็วๆ นี้แน่
“ผมทำทุกอย่างเพราะผมรักตี” ชายหนุ่มเติมความมั่นใจให้หญิงสาวด้วยคำลวงอีกชั้น
“ตีก็รักคุณค่ะ รักคุณมาก จนยอมไม่ได้...หากใครจะมาแย่งคุณไป” ดวงตาภารตีลุกวาบ เมื่อนึกถึงเงาของบุษบัน
“ตีต้องไว้ใจผมสิครับ...ผู้หญิงอย่างบุษไม่มีค่า เทียบกับตีไม่ได้สักกะผีก” ชายหนุ่มย้ำ เขาแอบเบ้ปาก หากไม่เพราะครอบครัวกำลังย่ำแย่ ผู้หญิงเอาแต่ใจวายร้ายอย่างภารตี เขาจะอยู่ให้ห่างที่สุดเช่นกัน เมื่อนักรบขี้เกียจปั้นหน้าทำเป็นว่ารักหล่อนหนักหนา ทั้งที่เขาเอือมหล่อนจะแย่
“ตีไว้ใจคุณรบค่ะ แต่ตีไม่ไว้ใจอีนั่น!!”
หญิงสาวตอบ เธอไม่เคยไว้ใจบุษบัน หล่อนดูอยาก...ผู้หญิงคนนั้นน่าจะเป็นตัวอันตรายสำหรับเธอ...
นักรบแอบเบ้ปาก เวลาที่ภารตีหวานหล่อนช่างแสนน่ารัก แต่เวลาหยาบขึ้นมา เขาก็สุดจะทน หล่อนมีพื้นฐานครอบครัวที่ดี แต่ทำไมนิสัยของหล่อนไม่ต่างอะไรกับแม่ค้าในตลาดสด ภารตีเหวี่ยงแบบแม่ค้าข้างถนน ดีนะว่าหล่อนกระเป๋าตุง ไม่อย่างนั้นเขาเฉดหัวหล่อนส่งไปนานแล้ว
“พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวกัน แต่ผม...เอ่อ...”
นักรบแสร้งทำเป็นกระอึกกระอัก และภารตีก็กระโจนใส่เหมือนที่เขาคาดไว้
“มีอะไรหรือเปล่าคะ ให้ตีช่วยแบ่งเบาคุณรบได้มั้ยคะ ยังไงเราก็เป็นคนๆ เดียวกันแล้ว” ผู้หญิงมักจะโง่เมื่อความรักบังตา เหมือนเช่นภารตีตอนนี้
“ผมจะไปสนุก แต่คุณแม่กับคุณพ่อกำลังทุกข์!!”
“เรื่องอะไรคะ... คุณพ่อ คุณแม่ไม่สบายใจเรื่องอะไร? ให้ตีช่วยได้ไหม?”
นับรบแอบอมยิ้ม งานนี้ภารตีช่วยได้แน่ เพราะมันเกี่ยวพันกับสตางค์ในกระเป๋าหล่อน
“เห้อ!!” เขาแสร้งถอนใจ หมุนตัวเดินไปนั่งที่ขอบเตียงพร้อมกับการปั้นหน้าเศร้า ละครโรงใหญ่ที่จะเป็นสะพานฉกสตางค์ในกระเป๋าภารตี “เงินที่ผมไปเรียน พ่อกับแม่กู้ยืมคนอื่นมา” นี่คือเรื่องจริง แต่จำนวนเงินไม่ได้มากมายเท่าที่เขาจะร้องขอจากภารตี เพื่อตอบแทนบิดามารดา
“ค่ะ แล้วไงคะ?”
“เจ้าหนี้เป็นลูกน้องเก่าคุณพ่อ เวลานี้เขากำลังร้อนเงิน แต่ทางผมสิ ไม่รู้จะไปหาที่ไหนมาคืน ความจริงผมตั้งใจไว้ เงินก้อนนี้ผมจะชดใช้เอง แต่เวลานี้ผมยังไม่มีงานทำ แล้วผมจะเอาเงินที่ไหนไปให้เขาล่ะครับ”
นับตั้งแต่เรียนจบ นักรบเปลี่ยนงานเป็นสิบครั้ง เขาอ้างถึงความไม่ยุติธรรมขององค์กรนั้นๆ แต่ความจริง เขาไม่สู้งาน
“โธ่!! เรื่องแค่นี้เองให้ตีช่วยเถอะค่ะ คุณพ่อจะได้สบายใจ เท่าไหร่คะ? ตีจะจ่ายให้เอง...”
ภารตีรีบเสนอตัว เธอใจป้ำเสมอ เมื่อผู้ชายที่ยืนตรงหน้าคือ...สามี...
“5แสน...” 5แสนสำหรับงวดแรก นั่นคือสิ่งที่นักรบคิด
ภารตียิ้มหวาน เธอเดินไปหยิบสมุดเช็คจากกระเป๋าสะพาย...ตวัดปากกาเซ็นชื่อ ก่อนจะฉีกเช็คส่งให้นับรบพร้อมกับยิ้มแฉ่ง... “แค่นี้เอง...”
“ตี...คุณเป็นเหมือนนางฟ้าของผม ในวันแรกที่ผมสบตาคุณ ผมก็หลงรักคุณเลย...”
ชายหนุ่มหยิบกระดาษชิ้นน้อยใส่ไว้ในซอกกระเป๋ากางเกง เขาพรรณนาความรู้สึกในใจให้หล่อนฟัง แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่นักรบคิด ใช่เขาหลงรักหล่อนเลย แต่หาใช่ตัวตนของภารตี เขาหลงรักสตางค์ในกระเป๋าของหล่อนต่างหาก เมื่อหล่อนสืบสายมาจาก ‘กษิดิศชญาธร’ ตระกูลใหญ่ที่เป็นเศรษฐีของจริง
“ตีให้คุณรบได้ทุกอย่างค่ะ ขออย่างเดียว ให้ซื่อสัตย์กับตี”
หญิงสาวกล่าวเสียงเย็น หากเธอรัก เธอยอมได้ทุกสิ่ง แต่หากความรักทำพิษ คนของเธอไม่ซื่อสัตย์ เธอก็พร้อมที่จะกำจัดเขาทิ้งเช่นกัน...
บทที่4.ผิดแผน... มันน่าจะเป็นความสงบสุข...หลังวันมหาวิปโยคผ่านพ้นไป วันนี้บุษบันเข้มแข็งขึ้น เงาของนักรบไม่ได้ทำให้น้ำตาเธอตกเหมือนเก่า เพราะเธอเริ่มทำใจได้...เมื่อรู้ชัดอย่างแท้จริง ผู้ชายคนนั้นต้องการแค่ร่างกายของเธอ เพื่อสนองความต้องการของเขา ตื้ดๆ เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวของเธอ...ดังเตือน...บุษบันล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงหยิบออกมากดรับ “นึกยังไงคะโทร. หาบุษวันนี้?” ปลายสายคือคนที่บุษบันรักไม่ต่างจากมารดา สายสมรคือพี่สาวมารดา คุณป้าที่ส่งเสริม สนับสนุนให้เธอมีวันนี้ได้ เงินเดือนของสายสมรคือค่าเล่าเรียนของเธอ “บุษ...ป้า...เอ่อ...” สาวใหญ่พูดติดๆ ขัดๆ เธอมีเรื่องร้อนใจ และอยากให้หลานสาวช่วย “ป้ามีอะไรไม่สบายใจ...บอกบุษได้เลยค่ะ” “บุษ ก็อย่างที่ป้าเคยเล่าให้ฟัง...ป้าเอาที่ไปจำนองไว้ และป้าขาดส่งมานานหลายปีแล้วด้วย เจ้าหนี้เขาก็จ้องจะยึด แต่ป้าไม่อยากเสียที่ผืนนั้นไป... มันเป็นมรดกที่ป้าคิดจะยกให้บุษ...ที่สำคัญ มันจะเดือดร้อนถึงพ่อแม่บุษด้วยนะ เมื่อมันเป็นที่ผืนเดียวกัน” ที่ดินที่เป็นมรดกพกห่อ บิดา มารด
แพรวนราจิปาก เธอตบฝ่าเท้าใต้รองรองเท้าแตะไปมา มุมปากบางเฉียบกดลงด้วยความไม่พอใจ “ลืมเอาปากมาไงคุณ หรือว่ายืนอมขี้ฟันอยู่!!” เสียงถามขุ่นจัด จนคนตัวใหญ่หลุดออกมาจากภวังค์ “เปล่าครับ แค่ไม่คิดว่าคนในรีสอร์ตรินลดาจะต้อนรับลูกค้าด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟังเท่าไหร่เลย” เขาติงแบบผู้ใหญ่เตือนเด็ก เพราะคะเนแล้วเขาน่าจะแก่กว่าผู้ก๋ากั่นตรงหน้า “ถ้ามาอย่างมิตร ชาวรินลดาก็พร้อมที่จะเป็นมิตร แต่หากมาอย่างศัตรู ฉันฟันไม่เลี้ยงค่ะ บอกไว้ก่อน” แพรวนราแสยะยิ้ม เธอตอกกลับแบบไม่ไว้หน้า “แล้วอะไรที่ทำให้หนูคิดว่าผมมาแบบศัตรูล่ะ?” หิรัญร้องถาม เมื่อน้ำเสียงที่ใช้ของเด็กสาวตรงหน้าบ่งบอกเขาแบบนั้น หล่อนคิดว่าเขาไม่ใช่คนที่มาอย่างมิตร แพรวนราฉุนกึก...หมอนี่เรียกเธอด้วยสรรพนามที่ทนฟังไม่ไหว หนู เธออายุ25ปีนี้อายุงานสองปีในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์มีบริษัทเล็กๆ เป็นของตัวเอง... แต่ตาลุงคนนี้เรียกเธอเสียหมดความภาคภูมิใจ “ลุง...ไปตัดแว่นป่ะ ฉันไม่ได้เด็กขนาดเรียกว่า หนูหรอกนะ” หญิงสาวเน้นคำเรียกขานอีกฝ่าย เธอแสยะยิ้มเมื่
นรสิงห์บ่นขรม เขาก็ไม่ต่างอะไรกับหิรัญเลย คนในครอบครัวเคี่ยวเข็ญให้มีจังห่วง ทั้งที่ตนเองยังสนุกกับการทำงาน ผู้หญิงยังไม่ใช่สิ่งที่นรสิงห์ปรารถนา เมื่อยังสามารถถลกกระโปรงพวกหล่อนได้ โดยไม่ต้องใช้ทะเบียนสมรส “ฮ่าๆ” สองหนุ่มหัวเราะลั่น เมื่อต้องผจญชะตากรรมเดียวกัน “ว่าแต่ ไหนล่ะผู้หญิงที่พ่อกำนันเล็งไว้ให้แก นัดหล่อนไว้ที่นี่หรือไง...” หนุ่มหล่อสไตล์หนุ่มในเมืองเหลียวมองไปรอบๆ ตัว เพื่อมองหา ว่าที่เมีย ที่เพื่อนรักต้องมาดูตัว “แหมๆ ไม่ต้องมาตื่นเต้นแทนฉันเลยว่ะไอ้เสือโหด เดี๋ยวคุณบุษตกใจ เผ่นป่าราบ” หิรัญเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ “อะไรนะ!! แกว่าไงนะไอ้เสี่ย คู่หมายที่พ่อกำนันหาไว้ให้แกชื่ออะไร?” หนุ่มลูกทุ่งขมวดคิ้ว มองหน้ายับๆ ของเพื่อนงงๆ “บุษบัน นาคสม ลูกลุงปั้นกับน้าสายพิณ บ้านอยู่ถัดจากบ้านฉันไปไม่เท่าไหร่หรอก ไม่เคยเจอหน้ากัน เพิ่งจะเห็นกันวันนี้แหละ” นรสิงห์พ่นลมหายใจแรงๆ ผู้หญิงคนนั้นมีอะไรดี ทำไมหล่อนถึงเข้ามาพัวพันอยู่ในวงจรชีวิตของเขาบ่อยครั้งเหลือเกิน... “แกรู้มั้ยว่าป้าหล่อน เป็นคนรับใช้”
บุษบันยิ้มแฉ่ง เมื่อหันมาท้าทายแพรวนรา แต่ดันตรงกับจังหวะที่สาวมดคันไฟเขาเรากำลังหน้ามืดพอดี สาวแกร่งฉบับพกได้ เปิดประตูด้านข้างเคาน์เตอร์ออกมายืนยิ้มแป้น ไหวไหล่ แบมือออกข้างๆ ตัวเหมือนต้องการยั่วเพื่อนสาวให้เต้น บุษบันยกหัวแม่มือให้ เธอแอบยกมือปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะ เมื่อแพรวนราเดินหน้ามึน ตรงไปหาสองหนุ่มที่เป็นหัวข้อสนทนาของเธอ “รับอะไรเพิ่มมั้ยคะ?” หญิงสาวตีมึน เดินเข้าไปแทรกถาม หิรัญเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง “คุณเป็นพนักงานในรีสอร์ตนี้ด้วยเหรอครับ” เพราะการแต่งตัวของแพรวนรา ไม่เหมือนกับพนักงานคนอื่นๆ หิรัญเลยอดไม่ได้ที่จะย้อนถาม หญิงสาวพยักหน้ารับ “ใช่ก็ได้ ไม่ใช่ก็ได้เหมือนกันค่ะ แต่คุณคนนี้หน้าคุ้นๆ” หญิงสาวรับคำกวนๆ เธอหันไปให้ความสนใจกับนรสิงห์ มากกว่าคนที่ไม่ชอบขี้หน้า “ผมจำคุณแพรวได้ครับ เราเจอกันบ่อยเหมือนกัน รู้สึกเหมือนว่าผลิตภัณฑ์ของเดอะเพรสหลายชิ้น บริษัทคุณแพรวจะออกแบบให้” นรสิงห์ยิ้มรับ เขารู้จักกับรินลดาเป็นการส่วนตัว เลยพลอยทำให้รู้จัก แพรวนราไปด้วย และเป็นเรื่องบังเอิญที่งานของเขาเ
บทที่5.ทดลอง “ขอโทษนะคะที่ทำให้รอนาน” บุษบันยิ้มอ่อน เธอถือจานขนมเค้กเดินไปไว้ตรงหน้าหิรัญ เมื่อเห็นว่าเขาว่างพอที่จะคุยธุระสำคัญกับเธอแล้ว “ไม่เป็นไรครับ...ผมเองก็ไม่ได้นั่งพักแบบนี้มานานมากแล้ว...ได้อยู่เฉยบ้างก็ดีเหมือนกัน” หนุ่มบ้านนอกตอบพร้อมกับยิ้มแป้น ทำงานเป็นลูกจ้างบิดา เขาแทบไม่มีเวลาว่าง จนกำนันเหมเกรงว่าลูกชายจะไม่มีเมียเลยจัดหามาให้ และบุษบันก็เป็นที่ถูกใจของกำนันเหม ท่านเลยสนับสนุนจนหิรัญไม่อยากขัดใจ อีกอย่างเมื่อได้คุยกับนรสิงห์ เพื่อนรักกำลังพักผ่อนที่นี่ เขาเลยถือโอกาสมาสังสรรค์กับเพื่อน หลังจากไม่ได้เจอกันนานเกือบ2 ปีเต็ม “บุษเข้าเรื่องเลยนะคะ คุณหิรัญจะได้ไปพักผ่อน” หญิงสาวกล่าวเสียงเคร่ง ใบหน้าจริงจัง “ครับ...” “บุษไม่เห็นด้วยกับความคิดของผู้ใหญ่ แต่บุษก็ไม่มีสตางค์ไปคืนลุงกำนันด้วยค่ะ บุษมีเงินเก็บนิดหน่อยเอง...คงไม่พอชดใช้แทนป้าหมอน แต่จะให้บุษรับข้อเสนอที่ลุงกำนันยื่นให้... มันก็จะเหมือนกับว่าบุษจะเป็นฝ่ายเอาเปรียบคุณเลย เพราะคุณอาจจะมีคู่รักอยู่แล้วก็ได้” “ไม่ครับ ผมยังไม่
สาวตัวเล็กร้องโอดโอย แต่ก็ไม่ได้สลดลงอย่างที่บุษบันคิด “คุณแพรวเธอเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นคนร้ายน่ะครับ” “แหงล่ะ...หน้าอย่างกับโจรใครจะไปไว้ใจล่ะ” แพรวนราตอบฉับ แถมแอบแลบลิ้นปลิ้นตาให้หิรัญด้วย บุษบันโครงศีรษะ เธออมยิ้มกับความเจ้าแง่ของเพื่อนสาว มันแปลกๆ จนอดคิดเล่นๆ ไม่ได้ แพรวนรามีพื้นฐานนิสัยร่าเริงน่ารัก เข้ากับคนแปลกหน้าได้ง่าย แล้วทำไม ถึงตั้งป้อมรังเกียจหิรัญ ตั้งท่าเป็นศัตรู แบบไม่ยอมลดราวาศอกให้ หากจับคนทั้งคู่ มา รัก กัน คนน่ารักพิลึก หนุ่มตัวใหญ่ กับสาวไซส์มินิ คงเป็นคู่รักที่น่ารักกุ๊กกิ้ก อย่าบอกใคร... “ผมหน้าแบบนี้ แต่เวลาผมมุ้งมิ้ง สาวๆ ก็มักจะชอบนะครับ” หนุ่มลานมันตอบกลับ เขาไม่ถือสา แม้แพรวนราจะตั้งท่าชิงชัง กลับเห็นว่าหล่อนน่ารักเสียนี่ “ใครถาม...” สาวตัวเล็กตวัดตามอง ย้อนกลับเสียงห้วน “อยากบอก...” และอีกเช่นกัน หนุ่มลานมันตัวดำ ตอบกลับพร้อมกับยิ้มแป้น “พอเลยแพรว...ไปอยู่ที่เคาน์เตอร์เลย ขอบุษคุยกับคุณหิรัญก่อน ส่วนตัวนะ... เข้าใจมั้ย!!” บุษบันตัดบท เพราะดูแล้วคงยืดเยื้อ
บทที่6.หลุมพราง... 1อาทิตย์สำหรับการฮันนีมูน เป็นความสุขใจของภารตี เธอพานักรบท่องแดนในฝันโซนยุโรปจนปุ จบทริปแสนหวานด้วยท้องทะเลที่มัลดีฟส์ สวนสวรรค์ของคู่รักโดยที่เธอเป็นคนควักกระเป๋าจ่ายทุกรายการ นักรบทำแค่ยิ้มหล่อ ทำตัวเป็นสามีทีดีของเธอก็พอ หลังจากกลับมาจากการพักผ่อนหลังงานวิวาห์ ภารตีทำตามคำพูดที่รับปากนักรบไว้ เธอร้องของมารดาจนวิภาวีใจอ่อน ยัดตำแหน่งหัวหน้าแผนกให้นักรบเข้าไปทำงานในเดอะเพรส โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของนรสิงห์ เมื่อน้องชายของเธออยู่ในช่วงพักร้อนพอดี เขาอยู่ที่ภูเก็ต ใช้เวลาทั้งหมดกับการนอน ชดเชยกับช่วงเวลาที่กร่ำงานมาหลายปีเดอะเพรส... ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เป็นแหล่งช็อบปิ้งที่นรสิงห์ลงแรงทุ่มเทมันสมองจนสามารถทำให้ชื่อเสียงกระฉ่อน มีบรรดาไฮโซ เซเลป และคนทั่วไป ตบเท้าเดินเข้าไปจับจ่าย วันๆ หนึ่งไม่ต่ำว่าแสนคน...มียอดเงินสะพัด มีรายได้เข้าเป็นกอบเป็นกำ จากการเช่าพื้นที่ของบรรดาร้านรวงต่างๆ นักรบเดินยืดเขาเข้ามาเหยียบในเดอะเพรสสมความตั้งใจ แม้จะเป็นแค่ตำแหน่งเล็กๆ แต่ในอนาคตเขาต้องไปไกลกว่านั้น เมื่อเป็นสามีของภารตี บุตรสาวหุ้นส่
หญิงสาวถอนใจ เธอยอมกลืนคำพูด เพราะอยากรู้ใจสามีเช่นกัน “อะไรครับตี?” “เปล่าค่ะ ตีกำลังจะชวนคุณรบไปทานข้าว แม่คงไม่ว่างไปกับเรา...” หญิงสาวเลยแสร้งเปลี่ยนเรื่องพูด “ไปเถอะตี แม่มีเรื่องต้องคุยกับบอร์ทบริหารอีกหลายอย่าง คงไม่ออกไปไหนวันนี้” นางรีบสวมรับ ก่อนจะเดินแยกไปอีกทาง รู้สึกหนักอึ้งในอก เพราะการที่นำบุตรเขยมาทำงานในเดอะเพรส นางยังไม่ได้บอกน้องชาย “ไปค่ะคุณรบ จะได้รีบกลับมาทำงาน” ภารตีสอดมือคล้องแขนสามี เธอเอียงใบหน้าซบไหล่ของนักรบ ซ่อนแววตาเป็นกังวลไว้ โดยที่ชายหนุ่มนึกกระหยิ่ม...เมื่อเขารู้กำหนดการของภารตี วันพรุ่งนี้เขาออกเดินทางไปภูเก็ต โดยที่ภารตีต้องเหินฟ้าไปเกาหลี เพื่ออัปหน้าตัวเอง... วันนั้นทั้งวัน นักรบจึงแสร้งหวานกับภรรยา เพื่อให้หล่อนคลายใจ เขากลัวที่สุด กลัวภารตีเปลี่ยนใจ และตามไปคุมเขาเหมือนเดิม...วันรุ่งขึ้น... ชายหนุ่มโบกมือลาภรรยาคนสวย เขาจูบหน้าผากหล่อน แถมทำท่าอิดออด จนภารตีเกือบเปลี่ยนใจ แต่เมื่อหล่อนหายลับไปหลังเกท นักรบจึงพ่นลมหายใจแรงๆ เขายิ้มกริ่มเมื่อนึกถึงแผนการที่ร