บทที่3. Never give up!
“บุษ!! ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย”
เสียงทุ้มๆ ที่ดังมาจากมุมมืด ระหว่างรอยต่อบ้านพักรับรองแขก กับส่วนพื้นที่ในส่วนพนักงาน
บุษบันเขม้นตามอง ...เงาร่างของใครบางคนที่ซุ่มอยู่ตรงนั้น
นักรบค่อยๆ เดินออกมาจากเงามืด เขายิ้มหวานให้กับผู้หญิงในอดีต ผู้หญิงคนเดียวที่เขาไม่เคยได้ลิ้มรสหล่อน แม้หล่อนจะเป็นแค่ลูกหลานคนงานในบ้าน แต่สำหรับบุษบัน หล่อนหยิ่งพอตัว
“อ๋อ!! คุณรบนั่นเอง...อย่าดีกว่าค่ะ หากคุณรบไม่อยากให้ครอบครัวใหม่ของคุณรบมีปัญหา อยู่ห่างๆ บุษดีกว่าค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยเตือนพร้อมกับตั้งท่าจะเดินกลับห้อง แต่ก็ถูกรั้งไว้อีก
“บุษไม่คิดจะ...ทบทวนความทรงจำเก่าๆ กับผมสักหน่อยเหรอครับ” นักรบถามพร้อมกับยิ้มละไม
“คะ...อะไรนะคะ ทบทวนความทรงจำอย่างนั้นเหรอ?”
สีหน้าบุษบันแหยเก เธอไม่เข้าใจความต้องการของฝ่ายตรงข้ามเลย เขาจะมารื้อฟื้นความหลังอะไรกับคนอย่างเธอ
“ครับ ทบทวนความจำเก่าๆ” นักรบอมยิ้มกรุ้มกริ่ม เพราะแอลกอฮอลล์ในเส้นเลือดที่มีมากผิดปกติ บวกกับความไม่พอใจที่ภารตีขัดใจ เขาเลยคิดทำบางอย่างเพื่อแก้หน้าตัวเอง และเป็นการเตือนผู้หญิงเอาแต่ใจตัวเองอย่างภารตีด้วย
“บุษลืมไปหมดแล้วล่ะค่ะ เราเคยมีความทรงจำดีๆ กันด้วยเหรอคะคุณรบ?”
บุษบันตีหน้าตายเธอย้อนถามผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเธอเคยรักเขา
นักรบเงยหน้าหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินออกมาจากเงามืดเต็มตัว
“ผมไม่เชื่อหรอกนะบุษ ว่าบุษจะลืมผมได้จริง เพราะไม่อย่างนั้น...บุษคงไม่ได้มาอยู่ที่นี่”
บุษบันยิ้มหยัน...เธอไม่เคยคิดว่าผู้ชายถือดีอย่างนักรบ จะเป็นคนหลงตัวเองด้วย
“การที่บุษอยู่ตรงนี้ มันเป็นการทำให้หลายๆ คนเข้าใจผิดกันไปยกใหญ่ คุณรบลืมอะไรไปหรือเปล่าคะ บุษอยู่ที่นี่ ก่อนที่พวกคุณจะมาเสียอีก”
หญิงสาวกล่าวย้ำ จริงอยู่ว่าเธอหอบความช้ำมาจากเมืองกรุง เพราะผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่เธอก็มีศักดิ์ศรีมากพอที่จะไม่ยื้อคนที่เขาไม่ต้องการ
“ผู้หญิงน่ะ มีข้ออ้างร้อยแปดพันเก้า ซึ่งผมก็พอจะเข้าใจ ดังนั้นบุษไม่ต้องมาอ้างหรอกนะครับ ยังไงผมก็เข้าใจ ถึงผมจะมีพันธะกับตีเค้า แต่สำหรับบุษ... บุษเป็นคนพิเศษหนึ่งเดียว...ของผมเสมอ”
ช่างเป็นคำพูดที่แสดงธาตุแท้ของตัวเองเป็นอย่างดี บุษบันแค่นยิ้ม...เธอผ่อนลมหายใจแผ่วๆ ก่อนตอบ
“นั่นเป็นความคิดของคุณรบค่ะ แต่คุณรบจะไม่พูดแบบนี้แน่...ถ้ารู้จักบุษดีจริง”
มันเป็นช่วงสั้นๆ หลังนักรบเรียนจบ เขาไม่รู้จักเธอเนื้อแท้ของเธอเลย และคนใจแคบอย่างเขาคงไม่มีวันเข้าใจความคิดของเธอทั้งหมด เมื่อเขาเอาแต่คิดเข้าข้างตัวเองท่าเดียว
“บุษรักผม...นั่นคือสิ่งที่ผมรู้”
ชายหนุ่มยังคงย้ำ เขาจ้องตาบุษบัน แต่สายตาของหญิงสาวว่างเปล่าจนนักรบเริ่มใจหาย...
“อดีตคือสิ่งที่ผ่านไปแล้วค่ะคุณรบ...ในอดีต บุษอาจจะโง่ที่หลงบูชาคุณ แต่เวลานี้บุษตาสว่าง และรับรู้ว่าสิ่งที่เคยสัมผัสมันไม่ใช่ความรัก แต่มันคือมายา ที่คุณรบสร้างไว้เพื่อจูงจมูกบุษ”
ในอดีตบุษบันเป็นผู้หญิงโง่ๆ ที่หลงเชื่อคำแก้ตัวของเขา ความคลางแคลงนั้นสะสมไว้ในใจ จนวันหนึ่งเธอก็สามารถสลัดความรู้สึกเหล่านั้นทิ้งไปได้ แล้วเธอจะเก็บ ความข่มขื่นนั่น กลับมาแบกไว้ทำไมอีก เมื่อความต้องการของนักรบ สวนทางกับตนเอง
“แต่สำหรับผม...บุษยังคงอยู่ในใจผมไม่เคยเปลี่ยนไป”
บุษบันอึ้ง!! ผู้ชายที่เพิ่งจะสาบานตนว่าจะเป็นสามีทีดีกับผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อสักครู่ใหญ่ๆ เวลานี้เขากลับกำลังบอกผู้หญิงอีกคน...ถึงความรักที่เขามีต่อเธอ...เพื่ออะไร?
“หึ!! ไม่มีประโยชน์แล้วค่ะ คุณรบมีคุณตีแล้ว บุษเป็นแค่คนนอก”
เธอเค้นเสียงตอบ หัวใจอ่อนล้าพิกล
“มันก็แค่กระดาษใบเดียว หากผมไม่ต้องการ... ไม่ว่าอะไรก็รั้งผมไว้ไม่ได้”
รอยยิ้มแค่นๆ ผุดขึ้นมุมปากสีระเรื่อ บุษบันนึกถึงภารตี เธออยากให้หล่อนมาได้ยินคำๆ นี้ของนักรบเหลือเกิน
“กระดาษที่ว่า ที่เป็นทะเบียนตีตราว่าคุณรบมีเจ้าของ ไม่ได้อิสระเหมือนเก่านะคะ”
หญิงสาวแย้ง เธอเตรียมจะเดินหนี ป่วยการจะต่อความกับคนหัวรั้น ที่คิดเข้าข้างตัวเองสุดๆ
“สำหรับผม...ความรัก สำคัญกว่าสิ่งอื่นๆ”
ความรัก...บุษบันชะงัก เธอหมุนตัวกลับมาจ้องหน้านักรบ เขายังกล้าเอาคำพูดแสนพิเศษนั่นมาใช้อีกหรือ เมื่อแม้แต่ตัวเขาเองยังไม่รู้จักมัน
“พอค่ะ...หยุดเถอะ!! คุณรบควรกลับไปอยู่ในที่ของคุณ อย่าพยายามมายุ่งกับบุษเลย อย่าทำให้บุษเกลียดคุณรบมากไปกว่านี้เลยค่ะ” หญิงสาวก้มหน้าพูด มือกำแน่น สูดลมหายใจแรงๆ หลังได้ยินคำพูดที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน จากผู้ชายที่ชื่อ นักรบ ไชยยะนัน
สามีป้ายแดงแต่เป็นสามีของผู้หญิงคนอื่น หาใช่สามีของบุษบัน
นักรบถลาออกมาจากเงามืด เขาจับแขนเรียวของเธอไว้ พร้อมกับตะโกนเสียงลั่น “เธอรักผมบุษบัน!! เธอไม่มีทางปฏิเสธความจริงนี่ได้”
ชายหนุ่มยิ้มหยัน บุษบันเป็นแค่ผู้หญิงหน้าโง่ที่เทิดทูนเขาประหนึ่งเทพเจ้า แล้วจู่ๆ ความรู้สึกนั่นจะจืดจางลงได้ยังไง หล่อนจะหมดรักเขาได้แบบรวดเร็วเพียงนี้เชียวหรือ...
“นั่นมันเมื่อหลายเดือนก่อนค่ะคุณรบ” หญิงสาวเงยหน้า มองสบตาเขาตรงๆ “เมื่อก่อนบุษอาจจะโง่!! แต่วันนี้บุษตาสว่างแล้วค่ะ คุณรบไม่ได้สำคัญกับบุษเหมือนเมื่อก่อนแล้ว” เธอกล่าวช้าๆ หวังให้นักรบยอมรับ ...จริงอยู่เศษเสี้ยวความรู้สึกนั่น ไม่มีวันจางหายไป แต่เธอจะไม่มีวันให้เขารู้ ความรู้สึกดีๆ นั้นเธอจะเก็บไว้ในใจ แม้ความจริงมันจะเป็นแค่คำลวง
“อยากให้ผมเชื่อ บุษต้องพยายามมากกว่านี้นะครับ”
นักรบยิ้มย่อง เขาโน้มตัวลง เป้าหมายของชายหนุ่มคือกลีบปากอิ่ม ที่ตัวเองไม่เคยได้สัมผัส ตลอดช่วงเวลาที่เคยคบหากัน
หญิงสาวเอียงหน้าหนี ยกมือขึ้นดันแผงอกของชายหนุ่ม พร้อมกับกล่าวเสียงเคร่ง
“อย่าทำแบบนี้ บุษยังไม่อยากเกลียดคุณรบ”
เธอย้ำครั้งที่สอง แต่นักรบหรือจะสนใจ กลิ่นหอมอ่อนๆ รวยรินออกมาจากเรือนกายบุษบัน ผสมกับความหื่นกระหายที่ถูกกระตุ้นด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ความยั้งคิดของนักรบจึงสั้นลง
“เธอจะชอบมันบุษ” เขาพูดแบบคนเห็นแก่ตัว ดึงดันจะเดินหน้าต่อทั้งที่อีกฝ่ายไม่เต็มใจ
บุษบันกลอกตา เวลานี้หากเธอไม่ช่วยตัวเอง...ผู้ชายเห็นแก่ตัวคนนี้ก็คงไม่คิดหยุด เขาเห็นเธอเป็นแค่ดอกไม้ใกล้มือ ไม่ได้คิดเทิดทูน ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่หลู่เกียรติเธอเช่นนี้
“โอ้ย!!”
นักรบผงะ!! มือเขาคลายออกจากเรียวแขน เปลี่ยนเป็นตะปบไว้ที่เป้ากางเกง สาเหตุเพราะ... หัวเข่าแหลมๆ ใต้เดรสสีโอรสของบุษบัน ยกขึ้นกระแทกจุดสำคัญของเขาแรงๆ จนชายหนุ่มแทบทรุด
“ขอโทษค่ะ คุณรบบีบให้บุษทำแบบนี้เองนะคะ”
หญิงสาวยกมือขึ้นกระพุ่มไหว้...เธอวิ่งจากไปหลังพูดจบ ปล่อยให้ผู้ชายอีโก้สูง นั่งครางโอดโอยเพียงลำพัง...
บุหรี่ม้วนสั้นๆ ถูกดีดลงบนพื้น ปลายมวนที่ยังมีเชื้อไฟสีแดงๆ ถูกส้นรองเท้าหนังมันวับยกขึ้นเหยียบขยี้ ผู้ชายตัวใหญ่นัยน์ตาดุ เดินออกมาจากเงามืดอีกทาง เขาจับตาดูคนทั้งคู่มาระยะหนึ่ง กำลังประเมินว่าตนเองควรทำอย่างไร? ออกไปขัดจังหวะ หรือยืนดูเพื่อจับผิดเฉยๆ แต่บุษบันทำให้เขาตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ผู้หญิงคนนั้น ทำในสิ่งที่เขาคิดไม่ถึง!!“โอ๊ะ!!”นักรบผงะ หน้าเขาซีดเผือดเมื่อนรสิงห์เดินตรงมาหา“อย่าคิดว่าคนอื่นตาบอดเหมือนยัยตี ผมกำลังจับตามองคุณอยู่นะคุณนักรบ และหากคุณทำให้ยัยตีเสียใจ... คงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ”เสียงน้าเขยเย็นเยียบจนนักรบขนลุกซู่ “ยัยนั่นอ่อยผม หล่อนอยากได้ผมเป็นผัว!!” คำแก้ตัวแบบหน้าด้านๆ ดังออกมาจากปากผู้ชายเห็นแก่ตัว“นั่นมันเรื่องของคุณกับเธอ แต่หากเกี่ยวพันกันจนทำให้หลานผมเสียใจ...คงไม่ต้องบอกหรอกใช่ไหม? ว่าผมจะจัดการอย่างไรกับคนแบบพวกคุณอย่างไรถึงจะดี”ชายหนุ่มเปรย เขาเดินเฉียดผ่านนักรบไปแบบประชิด จนปลายรองเท้าหนังมันวาวแทบจะเหยียบลงบนหลังมือของหลายเขย“โว้ย!!”หลังน้าเขยสุดโหดหายลับไปในเงามืด นักรบโวยเสียงลั่น เขายกมือทุบลงบนผิวดิน ร้องด่าทั้งภารตีและบุษบันในใจผ
บทที่4.ผิดแผน... มันน่าจะเป็นความสงบสุข...หลังวันมหาวิปโยคผ่านพ้นไป วันนี้บุษบันเข้มแข็งขึ้น เงาของนักรบไม่ได้ทำให้น้ำตาเธอตกเหมือนเก่า เพราะเธอเริ่มทำใจได้...เมื่อรู้ชัดอย่างแท้จริง ผู้ชายคนนั้นต้องการแค่ร่างกายของเธอ เพื่อสนองความต้องการของเขา ตื้ดๆ เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวของเธอ...ดังเตือน...บุษบันล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงหยิบออกมากดรับ “นึกยังไงคะโทร. หาบุษวันนี้?” ปลายสายคือคนที่บุษบันรักไม่ต่างจากมารดา สายสมรคือพี่สาวมารดา คุณป้าที่ส่งเสริม สนับสนุนให้เธอมีวันนี้ได้ เงินเดือนของสายสมรคือค่าเล่าเรียนของเธอ “บุษ...ป้า...เอ่อ...” สาวใหญ่พูดติดๆ ขัดๆ เธอมีเรื่องร้อนใจ และอยากให้หลานสาวช่วย “ป้ามีอะไรไม่สบายใจ...บอกบุษได้เลยค่ะ” “บุษ ก็อย่างที่ป้าเคยเล่าให้ฟัง...ป้าเอาที่ไปจำนองไว้ และป้าขาดส่งมานานหลายปีแล้วด้วย เจ้าหนี้เขาก็จ้องจะยึด แต่ป้าไม่อยากเสียที่ผืนนั้นไป... มันเป็นมรดกที่ป้าคิดจะยกให้บุษ...ที่สำคัญ มันจะเดือดร้อนถึงพ่อแม่บุษด้วยนะ เมื่อมันเป็นที่ผืนเดียวกัน” ที่ดินที่เป็นมรดกพกห่อ บิดา มารด
แพรวนราจิปาก เธอตบฝ่าเท้าใต้รองรองเท้าแตะไปมา มุมปากบางเฉียบกดลงด้วยความไม่พอใจ “ลืมเอาปากมาไงคุณ หรือว่ายืนอมขี้ฟันอยู่!!” เสียงถามขุ่นจัด จนคนตัวใหญ่หลุดออกมาจากภวังค์ “เปล่าครับ แค่ไม่คิดว่าคนในรีสอร์ตรินลดาจะต้อนรับลูกค้าด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟังเท่าไหร่เลย” เขาติงแบบผู้ใหญ่เตือนเด็ก เพราะคะเนแล้วเขาน่าจะแก่กว่าผู้ก๋ากั่นตรงหน้า “ถ้ามาอย่างมิตร ชาวรินลดาก็พร้อมที่จะเป็นมิตร แต่หากมาอย่างศัตรู ฉันฟันไม่เลี้ยงค่ะ บอกไว้ก่อน” แพรวนราแสยะยิ้ม เธอตอกกลับแบบไม่ไว้หน้า “แล้วอะไรที่ทำให้หนูคิดว่าผมมาแบบศัตรูล่ะ?” หิรัญร้องถาม เมื่อน้ำเสียงที่ใช้ของเด็กสาวตรงหน้าบ่งบอกเขาแบบนั้น หล่อนคิดว่าเขาไม่ใช่คนที่มาอย่างมิตร แพรวนราฉุนกึก...หมอนี่เรียกเธอด้วยสรรพนามที่ทนฟังไม่ไหว หนู เธออายุ25ปีนี้อายุงานสองปีในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์มีบริษัทเล็กๆ เป็นของตัวเอง... แต่ตาลุงคนนี้เรียกเธอเสียหมดความภาคภูมิใจ “ลุง...ไปตัดแว่นป่ะ ฉันไม่ได้เด็กขนาดเรียกว่า หนูหรอกนะ” หญิงสาวเน้นคำเรียกขานอีกฝ่าย เธอแสยะยิ้มเมื่
นรสิงห์บ่นขรม เขาก็ไม่ต่างอะไรกับหิรัญเลย คนในครอบครัวเคี่ยวเข็ญให้มีจังห่วง ทั้งที่ตนเองยังสนุกกับการทำงาน ผู้หญิงยังไม่ใช่สิ่งที่นรสิงห์ปรารถนา เมื่อยังสามารถถลกกระโปรงพวกหล่อนได้ โดยไม่ต้องใช้ทะเบียนสมรส “ฮ่าๆ” สองหนุ่มหัวเราะลั่น เมื่อต้องผจญชะตากรรมเดียวกัน “ว่าแต่ ไหนล่ะผู้หญิงที่พ่อกำนันเล็งไว้ให้แก นัดหล่อนไว้ที่นี่หรือไง...” หนุ่มหล่อสไตล์หนุ่มในเมืองเหลียวมองไปรอบๆ ตัว เพื่อมองหา ว่าที่เมีย ที่เพื่อนรักต้องมาดูตัว “แหมๆ ไม่ต้องมาตื่นเต้นแทนฉันเลยว่ะไอ้เสือโหด เดี๋ยวคุณบุษตกใจ เผ่นป่าราบ” หิรัญเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ “อะไรนะ!! แกว่าไงนะไอ้เสี่ย คู่หมายที่พ่อกำนันหาไว้ให้แกชื่ออะไร?” หนุ่มลูกทุ่งขมวดคิ้ว มองหน้ายับๆ ของเพื่อนงงๆ “บุษบัน นาคสม ลูกลุงปั้นกับน้าสายพิณ บ้านอยู่ถัดจากบ้านฉันไปไม่เท่าไหร่หรอก ไม่เคยเจอหน้ากัน เพิ่งจะเห็นกันวันนี้แหละ” นรสิงห์พ่นลมหายใจแรงๆ ผู้หญิงคนนั้นมีอะไรดี ทำไมหล่อนถึงเข้ามาพัวพันอยู่ในวงจรชีวิตของเขาบ่อยครั้งเหลือเกิน... “แกรู้มั้ยว่าป้าหล่อน เป็นคนรับใช้”
บุษบันยิ้มแฉ่ง เมื่อหันมาท้าทายแพรวนรา แต่ดันตรงกับจังหวะที่สาวมดคันไฟเขาเรากำลังหน้ามืดพอดี สาวแกร่งฉบับพกได้ เปิดประตูด้านข้างเคาน์เตอร์ออกมายืนยิ้มแป้น ไหวไหล่ แบมือออกข้างๆ ตัวเหมือนต้องการยั่วเพื่อนสาวให้เต้น บุษบันยกหัวแม่มือให้ เธอแอบยกมือปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะ เมื่อแพรวนราเดินหน้ามึน ตรงไปหาสองหนุ่มที่เป็นหัวข้อสนทนาของเธอ “รับอะไรเพิ่มมั้ยคะ?” หญิงสาวตีมึน เดินเข้าไปแทรกถาม หิรัญเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง “คุณเป็นพนักงานในรีสอร์ตนี้ด้วยเหรอครับ” เพราะการแต่งตัวของแพรวนรา ไม่เหมือนกับพนักงานคนอื่นๆ หิรัญเลยอดไม่ได้ที่จะย้อนถาม หญิงสาวพยักหน้ารับ “ใช่ก็ได้ ไม่ใช่ก็ได้เหมือนกันค่ะ แต่คุณคนนี้หน้าคุ้นๆ” หญิงสาวรับคำกวนๆ เธอหันไปให้ความสนใจกับนรสิงห์ มากกว่าคนที่ไม่ชอบขี้หน้า “ผมจำคุณแพรวได้ครับ เราเจอกันบ่อยเหมือนกัน รู้สึกเหมือนว่าผลิตภัณฑ์ของเดอะเพรสหลายชิ้น บริษัทคุณแพรวจะออกแบบให้” นรสิงห์ยิ้มรับ เขารู้จักกับรินลดาเป็นการส่วนตัว เลยพลอยทำให้รู้จัก แพรวนราไปด้วย และเป็นเรื่องบังเอิญที่งานของเขาเ
บทที่5.ทดลอง “ขอโทษนะคะที่ทำให้รอนาน” บุษบันยิ้มอ่อน เธอถือจานขนมเค้กเดินไปไว้ตรงหน้าหิรัญ เมื่อเห็นว่าเขาว่างพอที่จะคุยธุระสำคัญกับเธอแล้ว “ไม่เป็นไรครับ...ผมเองก็ไม่ได้นั่งพักแบบนี้มานานมากแล้ว...ได้อยู่เฉยบ้างก็ดีเหมือนกัน” หนุ่มบ้านนอกตอบพร้อมกับยิ้มแป้น ทำงานเป็นลูกจ้างบิดา เขาแทบไม่มีเวลาว่าง จนกำนันเหมเกรงว่าลูกชายจะไม่มีเมียเลยจัดหามาให้ และบุษบันก็เป็นที่ถูกใจของกำนันเหม ท่านเลยสนับสนุนจนหิรัญไม่อยากขัดใจ อีกอย่างเมื่อได้คุยกับนรสิงห์ เพื่อนรักกำลังพักผ่อนที่นี่ เขาเลยถือโอกาสมาสังสรรค์กับเพื่อน หลังจากไม่ได้เจอกันนานเกือบ2 ปีเต็ม “บุษเข้าเรื่องเลยนะคะ คุณหิรัญจะได้ไปพักผ่อน” หญิงสาวกล่าวเสียงเคร่ง ใบหน้าจริงจัง “ครับ...” “บุษไม่เห็นด้วยกับความคิดของผู้ใหญ่ แต่บุษก็ไม่มีสตางค์ไปคืนลุงกำนันด้วยค่ะ บุษมีเงินเก็บนิดหน่อยเอง...คงไม่พอชดใช้แทนป้าหมอน แต่จะให้บุษรับข้อเสนอที่ลุงกำนันยื่นให้... มันก็จะเหมือนกับว่าบุษจะเป็นฝ่ายเอาเปรียบคุณเลย เพราะคุณอาจจะมีคู่รักอยู่แล้วก็ได้” “ไม่ครับ ผมยังไม่
สาวตัวเล็กร้องโอดโอย แต่ก็ไม่ได้สลดลงอย่างที่บุษบันคิด “คุณแพรวเธอเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นคนร้ายน่ะครับ” “แหงล่ะ...หน้าอย่างกับโจรใครจะไปไว้ใจล่ะ” แพรวนราตอบฉับ แถมแอบแลบลิ้นปลิ้นตาให้หิรัญด้วย บุษบันโครงศีรษะ เธออมยิ้มกับความเจ้าแง่ของเพื่อนสาว มันแปลกๆ จนอดคิดเล่นๆ ไม่ได้ แพรวนรามีพื้นฐานนิสัยร่าเริงน่ารัก เข้ากับคนแปลกหน้าได้ง่าย แล้วทำไม ถึงตั้งป้อมรังเกียจหิรัญ ตั้งท่าเป็นศัตรู แบบไม่ยอมลดราวาศอกให้ หากจับคนทั้งคู่ มา รัก กัน คนน่ารักพิลึก หนุ่มตัวใหญ่ กับสาวไซส์มินิ คงเป็นคู่รักที่น่ารักกุ๊กกิ้ก อย่าบอกใคร... “ผมหน้าแบบนี้ แต่เวลาผมมุ้งมิ้ง สาวๆ ก็มักจะชอบนะครับ” หนุ่มลานมันตอบกลับ เขาไม่ถือสา แม้แพรวนราจะตั้งท่าชิงชัง กลับเห็นว่าหล่อนน่ารักเสียนี่ “ใครถาม...” สาวตัวเล็กตวัดตามอง ย้อนกลับเสียงห้วน “อยากบอก...” และอีกเช่นกัน หนุ่มลานมันตัวดำ ตอบกลับพร้อมกับยิ้มแป้น “พอเลยแพรว...ไปอยู่ที่เคาน์เตอร์เลย ขอบุษคุยกับคุณหิรัญก่อน ส่วนตัวนะ... เข้าใจมั้ย!!” บุษบันตัดบท เพราะดูแล้วคงยืดเยื้อ
บทที่6.หลุมพราง... 1อาทิตย์สำหรับการฮันนีมูน เป็นความสุขใจของภารตี เธอพานักรบท่องแดนในฝันโซนยุโรปจนปุ จบทริปแสนหวานด้วยท้องทะเลที่มัลดีฟส์ สวนสวรรค์ของคู่รักโดยที่เธอเป็นคนควักกระเป๋าจ่ายทุกรายการ นักรบทำแค่ยิ้มหล่อ ทำตัวเป็นสามีทีดีของเธอก็พอ หลังจากกลับมาจากการพักผ่อนหลังงานวิวาห์ ภารตีทำตามคำพูดที่รับปากนักรบไว้ เธอร้องของมารดาจนวิภาวีใจอ่อน ยัดตำแหน่งหัวหน้าแผนกให้นักรบเข้าไปทำงานในเดอะเพรส โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของนรสิงห์ เมื่อน้องชายของเธออยู่ในช่วงพักร้อนพอดี เขาอยู่ที่ภูเก็ต ใช้เวลาทั้งหมดกับการนอน ชดเชยกับช่วงเวลาที่กร่ำงานมาหลายปีเดอะเพรส... ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เป็นแหล่งช็อบปิ้งที่นรสิงห์ลงแรงทุ่มเทมันสมองจนสามารถทำให้ชื่อเสียงกระฉ่อน มีบรรดาไฮโซ เซเลป และคนทั่วไป ตบเท้าเดินเข้าไปจับจ่าย วันๆ หนึ่งไม่ต่ำว่าแสนคน...มียอดเงินสะพัด มีรายได้เข้าเป็นกอบเป็นกำ จากการเช่าพื้นที่ของบรรดาร้านรวงต่างๆ นักรบเดินยืดเขาเข้ามาเหยียบในเดอะเพรสสมความตั้งใจ แม้จะเป็นแค่ตำแหน่งเล็กๆ แต่ในอนาคตเขาต้องไปไกลกว่านั้น เมื่อเป็นสามีของภารตี บุตรสาวหุ้นส่