นรสิงห์กระตุกยิ้มหยัน ให้เลือกระหว่างคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก กับภารตีที่เป็นหลาน เขาย่อมเข้าข้างคนของเขาอยู่แล้ว แม้จะรู้ว่าบางครั้งภารตีก็อาจจะทำเกินไปสักหน่อย
“ค่ะ บายค่ะ”
หญิงสาวเดินเลี่ยงไป เธอเดินดูความเรียบร้อย และพยายามกันตัวเองออกห่างเจ้าบ่าว-เจ้าสาว ที่มักจะชำเลืองมองมาที่เธอบ่อยๆ ด้วยความรู้สึกต่างกัน
นรสิงห์ผ่อนลมหายใจแผ่วๆ สลับกับสูดลมหายใจเข้าแรงๆ หนุ่มวัย30ปีเต็ม ที่แบกภาระไว้เต็มบ่า สารพันปัญหาที่เขาต้องจัดการ ในฐานะผู้นำ บางครั้งชายหนุ่มก็รู้สึกเบื่อ ปัญหาหลากหลายโถมทับ ส่วนมากจะเป็นเรื่องวุ่นวายของภารตี หลานสาวที่ขยันก่อเรื่อง จนเขาเริ่มระอา...นั่นอาจจะเป็นเพราะว่า ภารตีถูกสปอยจนเคยตัว พี่สาว พี่เขยของเขาตามใจเสียจนบุตรสาวเก่งแต่สร้างเรื่อง แต่ไม่เคยจัดการปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยตัวเอง
รวมทั้งปัญหาใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นนี่ไง
‘ไชยยะนัน’ มีแต่เปลือกตามข่าวลือ แต่ภารตีก็ฝืนดื้อ หล่อนไม่สนใจเสียงทัดทานของทุกคนในครอบครัว
จนวันนี้ก็เกิดขึ้น งานวิวาห์ที่ฝืนความรู้สึกของเหล่าพี่น้อง คนที่มีความสุขยิ้มหน้าระรื่น มีแค่ภารตีคนเดียว
“พี่ล่ะไม่อยากจะบ่น แต่มันอดไม่ได้จริงๆ นะสิงห์”
เสียงเคร่งๆ ของพี่สาวคนเดียวของเขา บ่นลอยๆ เมื่อเดินมาหยุดยืนข้างๆ
“พี่วีก็ต้องทนให้ได้ครับ พี่วีเป็นคนอนุญาตยัยตีเอง”
วิภาวีเบ้ปาก บุตรสาวคร่ำครวญเหมือนจะขาดใจ คนเป็นแม่อย่างเธอจะทนเห็นลูกทุกข์ตรมได้ยังไง
“พี่รู้ แต่แหม...หมอนั่นน่ะ ต่างจากแมลงปีกแข็งตรงไหนกันหะ มาแต่ตัวไม่พอ ยังทำท่าจะเกาะเราไม่ปล่อยเสียอีก”
หล่อนไม่คิดว่า... ว่าที่บุตรเขยจะเป็นเหมือนข่าวลือ เมื่อ ‘ไชยยะนัน’ เองก็เป็นตระกูลใหญ่ คุ้นหน้าคุ้นตากันในวงสังคม ใครจะไปรู้เบื้องลึกของเขาเล่า ว่าสิ่งที่พวกเขาซุกไว้ มีแต่หนี้สิน กับความกระหาย
“ดีนะพี่ยังมีสิงห์ คนพวกนั้นคงหลอกยัยตีไม่ได้มากไปกว่านี้ เห้อ!!”
วิภาวีบ่นๆ แล้วก็ถอนใจเฮือก ทอดสายตามองงานวิวาห์ที่ตัวเองเป็นฝ่ายออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียวแบบปลงๆ
“พี่วีก็เตือนๆ ยัยตีบ้าง...ช่างเหวี่ยง ช่างวีนน่ะลดๆ ลงหน่อย แต่งออกไปแล้ว หากถูกส่งคืนละจะได้งามหน้าทั้งตระกูล” นรสิงห์โครงศีรษะ ถึงไชยยะนันจะมีแค่เปลือก แต่เป็นเปลือกที่มีหน้ามีตาทางสังคมพอตัว หากเขาเอาเรื่องแย่ๆ ของภารตีมาขาย หลังเกิดข้อพิพาท กษิดิศชญาธรคงได้เอาปีบคลุมหัวเดิน เพราะวีรกรรมของภารตี บรรยายยังไงก็ไม่หมด
“นอกจากต้องจ่ายเพื่อซื้อ ‘ผัว’ มาให้ลูก พี่ไม่อยากจะนึกถึงตอนแยกทางกันเลยสิงห์... เรามิต้องจ่ายเงินค่าปิดปากให้เขาอีกหรือ”
“พี่วีก็ต้องทำใจครับ เพราะพี่วีเป็นคนอนุญาตยัยตีเอง”
ในขณะที่ทุกคนในครอบครัวไม่เห็นด้วย วิภาวีกลับดันบุตรสาวสุดตัว คงเพราะความรักของนางที่มีต่อภารตี แต่นั่นเท่ากับโยนบุตรสาวลงนรกหรือเปล่า
“สิงห์ก็ต้องช่วยพี่ซิ!! ยัยตีเป็นหลานสิงห์นะ และหากมันพลาดจริง เราก็จับคนของเราใส่ตะกร้าล้างน้ำเสีย”
ครั้งหนึ่งเพราะความเยาว์วัย วิภาวีก้าวพลาด แต่ก็ลุกขึ้นมายืนใหม่ได้ เพราะมีกำลังใจจากคนรอบข้าง ดังนั้น หากบนถนนชีวิตไม่ได้ดีอย่างที่คิด ก็หยุดมันซะ แล้วเริ่มต้นใหม่กับคนที่ดีกว่า
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ เขาจับตามองบุษบัน เพื่อป้องกันความผิดพลาด ถึงหล่อนจะไม่ก่อเหตุอะไร...แต่การที่หล่อนปรากฏตัวขึ้น ก็ทำให้มีข่าวลือในแง่ไม่ดีกับภารตีแล้ว เพราะข่าวซุบซิบหลุดออกมาจากปากภารตีเองนั่นแหละ หล่อนเหวี่ยงตอนที่รู้เรื่องบุษบันใหม่ๆ จนเป็นข่าวกระหึ่ม แบบนี้คนที่รู้ทำไมจะไม่สนใจ
“ไม่ยักรู้ว่าคุณบุษรู้จักกับไชยยะนันกับกษิดิศชญาธรด้วย”
ทรงศักดิ์เปรย เขาได้ยินข่าวแว่วๆ เรื่องลึกลับซับซ้อนที่ใครบางคนแอบซุกไว้ แต่อีกคนกลับอยากแฉ คงเพราะต้องการฉีกหน้าผู้หญิงสาวสวยสง่าข้างตัวเขานี่เอง
“บุษไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับพวกเขาเลยค่ะ บุษโตมาในรั้วบ้านไชยยะนันก็จริง แต่... ในฐานะหลานคนใช้ที่บ้านเขา ส่วนกับกลุ่มกษิดิศชญาธร บุษถูกเขากล่าวหา...แบบไม่ยุติธรรม เพราะไม่มีใครฟังบุษ พวกเขากล่าวโทษบุษเลย”
หญิงสาวกล่าวลอยๆ เธอเหนื่อยใจ และอยากยุติปัญหากวนใจนี่ สู้อุตส่าห์หนีมาจนไกล แต่พวกเขาก็ตามมาย้ำ ให้เธอเริ่มเบื่อ
“ผมว่ามันอยู่ที่คนกลาง เขาไม่ชัดเจน จนทำให้เกิดปัญหา”
ทรงศักดิ์ตอบแบบกลางๆ เขาทอดสายตามองเจ้าบ่าวที่เป็นตัวจุดชนวน ด้วยสายตาของเพศเดียวกัน มันคงเป็นความเห็นแก่ตัวของนักรบ เพราะหากให้เลือก มันเป็นความลำบากที่จะตัดสินใจ จริงอยู่ว่าภารตีสวยและเพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติ เหมาะที่จะเป็นคู่ชีวิต เมื่อหล่อนมีพื้นฐานครอบครัวแน่นปึก ผู้ชายที่กลายเป็นสามีหล่อน จะสบายไปแปดอย่าง แต่ข้อเสียของหล่อนก็มีไม่น้อย เมื่อคุณสมบัติที่ทรงศักดิ์มั่นใจ เขาไม่มีวันเฉียดเข้าใกล้ภารตีแน่ หล่อนนะตัวร้าย ตัวทำลายชื่อเสียงเคลื่อนที่ได้ หล่อนวีนได้แบบไม่เกรงใจหน้าอินทร์ หน้าพรหม...และนั่นจะเป็นชนวนเหตุให้ชีวิตคู่ อับปางลงในไม่ช้า
ในขณะที่บุษบันดูมีกึ๋นมากกว่า หล่อนดูยากเพราะเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่ง ถึงหล่อนจะไม่มีอะไรเลยอยู่ด้านหลัง แต่เพราะความขยันอดทนของหล่อนนั่นเล่าที่ทำให้ทรงศักดิ์เริ่มสนใจ บุษบันวางตัวดี จนเขาไม่อยากคิดว่าหล่อนมาจากคนชั้นล่าง...การพูด การจาของหล่อนทำให้หล่อนมีราคา และน่าสนใจ
“มันจบแล้วค่ะ ความจริงมันยังไม่ทันเริ่มด้วยซ้ำ” หญิงสาวกล่าวลอยๆ ถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับนักรบ มันแค่ความหลงใหลวูบวาบ ปลื้มผู้ชายที่เป็นไอดอล...แต่ความเป็นจริงไม่ใช่อย่างที่เธอคิด ไอดอลของเธอ มีความคิดผิดกับหน้าตา เขาเห็นแก่ตัวมากกว่าที่เธอคาดไว้
“แปลกนะครับ...เพราะหากเป็นคนฉลาดจริง คุณนักรบไม่น่าจะเลือกคุณตี”
ทรงศักดิ์ออกความเห็น เขาไม่ได้ว่าภารตีไม่ดี แต่หากมีสมองจริง ก็น่าจะเห็นข้อเสียของภารตีชัดๆ
“แล้วก็คงไม่เลือกบุษเหมือนกันค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมหันมายิ้ม เธอรู้ตัวดีว่าคุณสมบัติของตัวเอง ไม่มีในสิ่งที่นักรบต้องการ
“อย่าพูดเรื่องเขาเลยครับ มันเป็นปัญหาของเขา เราเป็นแค่คนนอก ได้แต่มอง แล้วก็วิจารณ์ตามเรื่องตามราว...”
ทรงศักดิ์เอ่ยยิ้มๆ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยหากมองตามความเป็นจริง เมื่อตบมือข้างเดียวไม่มีทางดัง
บุษบันจึงขอตัวไปดูความเรียบร้อย...เธอเดินไปรอบงาน พยายามอยู่ห่างสายตาภารตี เพื่อป้องกันหล่อนปรี๊ดแตก แต่กระนั้นเลย...บุษบันก็ยังเป็นที่สนใจ เพราะหากไม่มองแบบอคติ ผู้ชายหลายคนเสียดายแทนนักรบ บุษบันมีรูปร่างสมส่วน หล่อนสวยสง่าแบบไม่ต้องปรุงแต่ง ใบหน้าหวานซึ้ง นัยน์ตาใสกระจ่าง ริมฝีปากอิ่มเต็มสีระเรื่อ เนินอกอิ่มขนาดกะทัดรัด รูปร่างบางระหงษ์น่าทะนุถนอม การวางตัวดูมีคุณสมบัติผู้ดี รอยยิ้มแต้มมุมปากตลอดเวลา ทุกย่างก้าวของหล่อนชวนให้มองตาม ไม่ว่าจะพูด ยิ้ม หรือเดิน ผมสีดำขลับสยายปลิวตากระแสลม เส้นผมพลิ้วไหวจนหลายๆ คนนึกอยากสัมผัสด้วยตัวเอง ปลีน่องของหล่อนสวยสะกดสายตาได้ชะงัด แม้แต่ผู้ชายใจแข็งอย่างนรสิงห์ ยังอดไม่ได้ที่จะมองตาม…
อีกคนหนึ่งที่มองตามบุษบันไปแบบเคืองๆ
เขาเห็นหล่อนมาตั้งแต่ยังแรกรุ่น จวบจนกลับจากต่างประเทศ วันเวลาทำให้ผู้หญิงผอมเกร็งตัวดำคล้ำที่หอบกระเป๋ามาจากบ้านนอก ดูดีขึ้นจม...ครั้งแรกที่นักรบเห็นบุษบันในปัจจุบัน วิสัยผู้ชาย เขาคิดแบบเอาแต่ได้ เมื่ออยู่ใต้ชายตาเดียวกัน คงมีสักวันที่เขาจะได้ลิ้มรสหล่อน...แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด ถึงบุษบันจะมองเขาแบบชื่นชม หล่อนกลับหวงตัวจนน่าหมั้นไส้ บุษบันฉลาด หล่อนหาวิธีเลี่ยงได้แบบเนียนๆ หลายครั้ง แต่นักรบก็ไม่เคยย่อท้อ...เขาเจอหล่อนก่อน หล่อนเป็นสมบัติของเขา และสิ่งที่นักรบไม่คิด คือการที่บุษบันหันหลังให้กับเขา หล่อนหายไปหลังเขาเปิดตัวภารตี แต่ช่างเถอะ!! ยังไงเสีย... หล่อนก็วนเวียนอยู่ไม่ไกล สักวัน...เขาคงมีโอกาสได้...ชื่นชมหล่อน...
บทที่3. Never give up!“บุษ!! ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย”เสียงทุ้มๆ ที่ดังมาจากมุมมืด ระหว่างรอยต่อบ้านพักรับรองแขก กับส่วนพื้นที่ในส่วนพนักงานบุษบันเขม้นตามอง ...เงาร่างของใครบางคนที่ซุ่มอยู่ตรงนั้นนักรบค่อยๆ เดินออกมาจากเงามืด เขายิ้มหวานให้กับผู้หญิงในอดีต ผู้หญิงคนเดียวที่เขาไม่เคยได้ลิ้มรสหล่อน แม้หล่อนจะเป็นแค่ลูกหลานคนงานในบ้าน แต่สำหรับบุษบัน หล่อนหยิ่งพอตัว“อ๋อ!! คุณรบนั่นเอง...อย่าดีกว่าค่ะ หากคุณรบไม่อยากให้ครอบครัวใหม่ของคุณรบมีปัญหา อยู่ห่างๆ บุษดีกว่าค่ะ”หญิงสาวเอ่ยเตือนพร้อมกับตั้งท่าจะเดินกลับห้อง แต่ก็ถูกรั้งไว้อีก“บุษไม่คิดจะ...ทบทวนความทรงจำเก่าๆ กับผมสักหน่อยเหรอครับ” นักรบถามพร้อมกับยิ้มละไม“คะ...อะไรนะคะ ทบทวนความทรงจำอย่างนั้นเหรอ?”สีหน้าบุษบันแหยเก เธอไม่เข้าใจความต้องการของฝ่ายตรงข้ามเลย เขาจะมารื้อฟื้นความหลังอะไรกับคนอย่างเธอ“ครับ ทบทวนความจำเก่าๆ” นักรบอมยิ้มกรุ้มกริ่ม เพราะแอลกอฮอลล์ในเส้นเลือดที่มีมากผิดปกติ บวกกับความไม่พอใจที่ภารตีขัดใจ เขาเลยคิดทำบางอย่างเพื่อแก้หน้าตัวเอง และเป็นการเตือนผู้หญิงเอาแต่ใจตัวเองอย่างภารตีด้วย“บุษลืมไปหมดแล้วล่ะค่ะ เร
บุหรี่ม้วนสั้นๆ ถูกดีดลงบนพื้น ปลายมวนที่ยังมีเชื้อไฟสีแดงๆ ถูกส้นรองเท้าหนังมันวับยกขึ้นเหยียบขยี้ ผู้ชายตัวใหญ่นัยน์ตาดุ เดินออกมาจากเงามืดอีกทาง เขาจับตาดูคนทั้งคู่มาระยะหนึ่ง กำลังประเมินว่าตนเองควรทำอย่างไร? ออกไปขัดจังหวะ หรือยืนดูเพื่อจับผิดเฉยๆ แต่บุษบันทำให้เขาตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ผู้หญิงคนนั้น ทำในสิ่งที่เขาคิดไม่ถึง!!“โอ๊ะ!!”นักรบผงะ หน้าเขาซีดเผือดเมื่อนรสิงห์เดินตรงมาหา“อย่าคิดว่าคนอื่นตาบอดเหมือนยัยตี ผมกำลังจับตามองคุณอยู่นะคุณนักรบ และหากคุณทำให้ยัยตีเสียใจ... คงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ”เสียงน้าเขยเย็นเยียบจนนักรบขนลุกซู่ “ยัยนั่นอ่อยผม หล่อนอยากได้ผมเป็นผัว!!” คำแก้ตัวแบบหน้าด้านๆ ดังออกมาจากปากผู้ชายเห็นแก่ตัว“นั่นมันเรื่องของคุณกับเธอ แต่หากเกี่ยวพันกันจนทำให้หลานผมเสียใจ...คงไม่ต้องบอกหรอกใช่ไหม? ว่าผมจะจัดการอย่างไรกับคนแบบพวกคุณอย่างไรถึงจะดี”ชายหนุ่มเปรย เขาเดินเฉียดผ่านนักรบไปแบบประชิด จนปลายรองเท้าหนังมันวาวแทบจะเหยียบลงบนหลังมือของหลายเขย“โว้ย!!”หลังน้าเขยสุดโหดหายลับไปในเงามืด นักรบโวยเสียงลั่น เขายกมือทุบลงบนผิวดิน ร้องด่าทั้งภารตีและบุษบันในใจผ
บทที่4.ผิดแผน... มันน่าจะเป็นความสงบสุข...หลังวันมหาวิปโยคผ่านพ้นไป วันนี้บุษบันเข้มแข็งขึ้น เงาของนักรบไม่ได้ทำให้น้ำตาเธอตกเหมือนเก่า เพราะเธอเริ่มทำใจได้...เมื่อรู้ชัดอย่างแท้จริง ผู้ชายคนนั้นต้องการแค่ร่างกายของเธอ เพื่อสนองความต้องการของเขา ตื้ดๆ เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวของเธอ...ดังเตือน...บุษบันล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงหยิบออกมากดรับ “นึกยังไงคะโทร. หาบุษวันนี้?” ปลายสายคือคนที่บุษบันรักไม่ต่างจากมารดา สายสมรคือพี่สาวมารดา คุณป้าที่ส่งเสริม สนับสนุนให้เธอมีวันนี้ได้ เงินเดือนของสายสมรคือค่าเล่าเรียนของเธอ “บุษ...ป้า...เอ่อ...” สาวใหญ่พูดติดๆ ขัดๆ เธอมีเรื่องร้อนใจ และอยากให้หลานสาวช่วย “ป้ามีอะไรไม่สบายใจ...บอกบุษได้เลยค่ะ” “บุษ ก็อย่างที่ป้าเคยเล่าให้ฟัง...ป้าเอาที่ไปจำนองไว้ และป้าขาดส่งมานานหลายปีแล้วด้วย เจ้าหนี้เขาก็จ้องจะยึด แต่ป้าไม่อยากเสียที่ผืนนั้นไป... มันเป็นมรดกที่ป้าคิดจะยกให้บุษ...ที่สำคัญ มันจะเดือดร้อนถึงพ่อแม่บุษด้วยนะ เมื่อมันเป็นที่ผืนเดียวกัน” ที่ดินที่เป็นมรดกพกห่อ บิดา มารด
แพรวนราจิปาก เธอตบฝ่าเท้าใต้รองรองเท้าแตะไปมา มุมปากบางเฉียบกดลงด้วยความไม่พอใจ “ลืมเอาปากมาไงคุณ หรือว่ายืนอมขี้ฟันอยู่!!” เสียงถามขุ่นจัด จนคนตัวใหญ่หลุดออกมาจากภวังค์ “เปล่าครับ แค่ไม่คิดว่าคนในรีสอร์ตรินลดาจะต้อนรับลูกค้าด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟังเท่าไหร่เลย” เขาติงแบบผู้ใหญ่เตือนเด็ก เพราะคะเนแล้วเขาน่าจะแก่กว่าผู้ก๋ากั่นตรงหน้า “ถ้ามาอย่างมิตร ชาวรินลดาก็พร้อมที่จะเป็นมิตร แต่หากมาอย่างศัตรู ฉันฟันไม่เลี้ยงค่ะ บอกไว้ก่อน” แพรวนราแสยะยิ้ม เธอตอกกลับแบบไม่ไว้หน้า “แล้วอะไรที่ทำให้หนูคิดว่าผมมาแบบศัตรูล่ะ?” หิรัญร้องถาม เมื่อน้ำเสียงที่ใช้ของเด็กสาวตรงหน้าบ่งบอกเขาแบบนั้น หล่อนคิดว่าเขาไม่ใช่คนที่มาอย่างมิตร แพรวนราฉุนกึก...หมอนี่เรียกเธอด้วยสรรพนามที่ทนฟังไม่ไหว หนู เธออายุ25ปีนี้อายุงานสองปีในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์มีบริษัทเล็กๆ เป็นของตัวเอง... แต่ตาลุงคนนี้เรียกเธอเสียหมดความภาคภูมิใจ “ลุง...ไปตัดแว่นป่ะ ฉันไม่ได้เด็กขนาดเรียกว่า หนูหรอกนะ” หญิงสาวเน้นคำเรียกขานอีกฝ่าย เธอแสยะยิ้มเมื่
นรสิงห์บ่นขรม เขาก็ไม่ต่างอะไรกับหิรัญเลย คนในครอบครัวเคี่ยวเข็ญให้มีจังห่วง ทั้งที่ตนเองยังสนุกกับการทำงาน ผู้หญิงยังไม่ใช่สิ่งที่นรสิงห์ปรารถนา เมื่อยังสามารถถลกกระโปรงพวกหล่อนได้ โดยไม่ต้องใช้ทะเบียนสมรส “ฮ่าๆ” สองหนุ่มหัวเราะลั่น เมื่อต้องผจญชะตากรรมเดียวกัน “ว่าแต่ ไหนล่ะผู้หญิงที่พ่อกำนันเล็งไว้ให้แก นัดหล่อนไว้ที่นี่หรือไง...” หนุ่มหล่อสไตล์หนุ่มในเมืองเหลียวมองไปรอบๆ ตัว เพื่อมองหา ว่าที่เมีย ที่เพื่อนรักต้องมาดูตัว “แหมๆ ไม่ต้องมาตื่นเต้นแทนฉันเลยว่ะไอ้เสือโหด เดี๋ยวคุณบุษตกใจ เผ่นป่าราบ” หิรัญเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ “อะไรนะ!! แกว่าไงนะไอ้เสี่ย คู่หมายที่พ่อกำนันหาไว้ให้แกชื่ออะไร?” หนุ่มลูกทุ่งขมวดคิ้ว มองหน้ายับๆ ของเพื่อนงงๆ “บุษบัน นาคสม ลูกลุงปั้นกับน้าสายพิณ บ้านอยู่ถัดจากบ้านฉันไปไม่เท่าไหร่หรอก ไม่เคยเจอหน้ากัน เพิ่งจะเห็นกันวันนี้แหละ” นรสิงห์พ่นลมหายใจแรงๆ ผู้หญิงคนนั้นมีอะไรดี ทำไมหล่อนถึงเข้ามาพัวพันอยู่ในวงจรชีวิตของเขาบ่อยครั้งเหลือเกิน... “แกรู้มั้ยว่าป้าหล่อน เป็นคนรับใช้”
บุษบันยิ้มแฉ่ง เมื่อหันมาท้าทายแพรวนรา แต่ดันตรงกับจังหวะที่สาวมดคันไฟเขาเรากำลังหน้ามืดพอดี สาวแกร่งฉบับพกได้ เปิดประตูด้านข้างเคาน์เตอร์ออกมายืนยิ้มแป้น ไหวไหล่ แบมือออกข้างๆ ตัวเหมือนต้องการยั่วเพื่อนสาวให้เต้น บุษบันยกหัวแม่มือให้ เธอแอบยกมือปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะ เมื่อแพรวนราเดินหน้ามึน ตรงไปหาสองหนุ่มที่เป็นหัวข้อสนทนาของเธอ “รับอะไรเพิ่มมั้ยคะ?” หญิงสาวตีมึน เดินเข้าไปแทรกถาม หิรัญเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง “คุณเป็นพนักงานในรีสอร์ตนี้ด้วยเหรอครับ” เพราะการแต่งตัวของแพรวนรา ไม่เหมือนกับพนักงานคนอื่นๆ หิรัญเลยอดไม่ได้ที่จะย้อนถาม หญิงสาวพยักหน้ารับ “ใช่ก็ได้ ไม่ใช่ก็ได้เหมือนกันค่ะ แต่คุณคนนี้หน้าคุ้นๆ” หญิงสาวรับคำกวนๆ เธอหันไปให้ความสนใจกับนรสิงห์ มากกว่าคนที่ไม่ชอบขี้หน้า “ผมจำคุณแพรวได้ครับ เราเจอกันบ่อยเหมือนกัน รู้สึกเหมือนว่าผลิตภัณฑ์ของเดอะเพรสหลายชิ้น บริษัทคุณแพรวจะออกแบบให้” นรสิงห์ยิ้มรับ เขารู้จักกับรินลดาเป็นการส่วนตัว เลยพลอยทำให้รู้จัก แพรวนราไปด้วย และเป็นเรื่องบังเอิญที่งานของเขาเ
บทที่5.ทดลอง “ขอโทษนะคะที่ทำให้รอนาน” บุษบันยิ้มอ่อน เธอถือจานขนมเค้กเดินไปไว้ตรงหน้าหิรัญ เมื่อเห็นว่าเขาว่างพอที่จะคุยธุระสำคัญกับเธอแล้ว “ไม่เป็นไรครับ...ผมเองก็ไม่ได้นั่งพักแบบนี้มานานมากแล้ว...ได้อยู่เฉยบ้างก็ดีเหมือนกัน” หนุ่มบ้านนอกตอบพร้อมกับยิ้มแป้น ทำงานเป็นลูกจ้างบิดา เขาแทบไม่มีเวลาว่าง จนกำนันเหมเกรงว่าลูกชายจะไม่มีเมียเลยจัดหามาให้ และบุษบันก็เป็นที่ถูกใจของกำนันเหม ท่านเลยสนับสนุนจนหิรัญไม่อยากขัดใจ อีกอย่างเมื่อได้คุยกับนรสิงห์ เพื่อนรักกำลังพักผ่อนที่นี่ เขาเลยถือโอกาสมาสังสรรค์กับเพื่อน หลังจากไม่ได้เจอกันนานเกือบ2 ปีเต็ม “บุษเข้าเรื่องเลยนะคะ คุณหิรัญจะได้ไปพักผ่อน” หญิงสาวกล่าวเสียงเคร่ง ใบหน้าจริงจัง “ครับ...” “บุษไม่เห็นด้วยกับความคิดของผู้ใหญ่ แต่บุษก็ไม่มีสตางค์ไปคืนลุงกำนันด้วยค่ะ บุษมีเงินเก็บนิดหน่อยเอง...คงไม่พอชดใช้แทนป้าหมอน แต่จะให้บุษรับข้อเสนอที่ลุงกำนันยื่นให้... มันก็จะเหมือนกับว่าบุษจะเป็นฝ่ายเอาเปรียบคุณเลย เพราะคุณอาจจะมีคู่รักอยู่แล้วก็ได้” “ไม่ครับ ผมยังไม่
สาวตัวเล็กร้องโอดโอย แต่ก็ไม่ได้สลดลงอย่างที่บุษบันคิด “คุณแพรวเธอเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นคนร้ายน่ะครับ” “แหงล่ะ...หน้าอย่างกับโจรใครจะไปไว้ใจล่ะ” แพรวนราตอบฉับ แถมแอบแลบลิ้นปลิ้นตาให้หิรัญด้วย บุษบันโครงศีรษะ เธออมยิ้มกับความเจ้าแง่ของเพื่อนสาว มันแปลกๆ จนอดคิดเล่นๆ ไม่ได้ แพรวนรามีพื้นฐานนิสัยร่าเริงน่ารัก เข้ากับคนแปลกหน้าได้ง่าย แล้วทำไม ถึงตั้งป้อมรังเกียจหิรัญ ตั้งท่าเป็นศัตรู แบบไม่ยอมลดราวาศอกให้ หากจับคนทั้งคู่ มา รัก กัน คนน่ารักพิลึก หนุ่มตัวใหญ่ กับสาวไซส์มินิ คงเป็นคู่รักที่น่ารักกุ๊กกิ้ก อย่าบอกใคร... “ผมหน้าแบบนี้ แต่เวลาผมมุ้งมิ้ง สาวๆ ก็มักจะชอบนะครับ” หนุ่มลานมันตอบกลับ เขาไม่ถือสา แม้แพรวนราจะตั้งท่าชิงชัง กลับเห็นว่าหล่อนน่ารักเสียนี่ “ใครถาม...” สาวตัวเล็กตวัดตามอง ย้อนกลับเสียงห้วน “อยากบอก...” และอีกเช่นกัน หนุ่มลานมันตัวดำ ตอบกลับพร้อมกับยิ้มแป้น “พอเลยแพรว...ไปอยู่ที่เคาน์เตอร์เลย ขอบุษคุยกับคุณหิรัญก่อน ส่วนตัวนะ... เข้าใจมั้ย!!” บุษบันตัดบท เพราะดูแล้วคงยืดเยื้อ